Share

บทที่ 228

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
มือที่ซ่งซีซีวางไว้บนหัวเข่านั้นก็กำมือแน่นขึ้น นางสำลักตอบอืม จากนั้นก็หันหน้าหนีโดยไม่สนใจว่าอาจจะเสียมารยาท

เมื่อเห็นนางเช่นนี้ ขงหยางก็รู้สึกเสียใจที่มาที่นี่ บางที ทั้งสองครอบครัวยังไม่พร้อมที่จะพบกัน

เขาเป็นลูกผู้ชายยังเกือบกลั้นน้ำตาไม่ได้เลย นับประสาอะไรกับเด็กผู้หญิงที่อายุเพียง 18 หรือ 19 ปีเท่านั้น

แม้ว่า นางเคยออกศึกมา เคยตัดหัวของศัตรูออก แต่ถึงยังไงก็ต้องพึ่งพิงกับครอบครัวของตนเอง นางเคยเป็นแก้วตาดวงใจครอบครัว ได้รับการปกป้องจากทั้งครอบครัว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นมา ตอนนี้เหลือนางเพียงคนเดียวแล้ว

แม้ว่านางจะมีปีกที่แข็งแกร่งมากแค่ไหน สามารถต้านทานศัตรูภายนอกได้ แต่หัวใจของนางก็ยังเจ็บปวดได้เช่นกัน

ขงหยางไม่เคยคิดถึงฉากนั้นง่ายๆ และไม่กล้าที่จะคิดถึงมัน

บางที อาจถึงเวลาที่ต้องเผชิญหน้าแล้ว ไม่เช่นนั้น ทุกครั้งที่นึกถึงมัน ในใจมักจะนองเลือดตลอดชีวิต

เขาเอ่ยปาก แต่เสียงของเขาไม่ใช่น้ำเสียงดั้งเดิมของเขาแล้ว "เรื่องอดีตก็ปล่อยให้มัน...ผ่านไปเถอะ คนเราต้องมองไปข้างหน้า ได้ยินมาว่าเจ้าหมั้นหมายกับท่านเป่ยหมิงอ๋องแล้ว ยังไม่ได้แสดงความยินดีกับเจ้าเลย"

ซ่งซีซีห
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 229

    ตอนนั้นที่ท่านหญิงเจียอี้อภิเษกสมรสเข้าจวนโหว ผิงหยางคนปัจจุบันยังคงเป็นโอรสคนโต หลังจากการสิ้นพระชนม์ของท่านโหว เขาก็สืบทอดตำแหน่งและกลายเป็นโหวผิงหยางแต่หลังจากที่เขาได้รับตำแหน่งสืบทอดแล้ว ท่านหญิงเจียอี้ก็กลายเป็นโหวฮูหยิน กฏระเบียบของตระกูลนี้พูดได้ว่า... หากไม่ใช่ว่าฮูหยินผู้เฒ่ายังอยู่ ชื่อเสียงของตระกูลที่มีอายุร่วมศตวรรษจะถูกทำลายไปเลยโหวผิงหยางมีสมาชิกสี่กลุ่ม ท่านหญิงเจียอี้ขัดแย้งกับทุกคนในแต่ละกลุ่ม เพราะตอนที่นางเพิ่งแต่งเข้ามา อาศัยตนเองเป็นท่านหญิง ก็ทำตัวกำเริบเสิบสานในจวน ยังพยายามจะเข้าไปยุ่งเรื่องการเมืองที่ผู้ชายทำในราชสำนักสุดท้ายได้ไม่เรื่องสักเรื่องเลย ทำเอาในจวนวุ่นวายไปหมด ทไให้ทุกคนต่างรังเกียจนาง ยังเสียเงินไปเยอะอีกด้วยฮูหยินผู้เฒ่ากำลังพักฟื้นตัวอยู่ กลับถูกนางยุโมโหจนเป็นลม จากนั้นได้เชิญหมอมหัศจรรย์ดันไปรักษา นางต้องดูแลเรื่องในจวนทั้งๆ ที่ยังป่วยหนักอยู่ตระกูลที่มีอายุร่วมศตวรรษเช่นนี้ จะไม่เปิดเผยเรื่องอื้อฉาวต่อสาธารณะ แต่เนื่องจากท่านหญิงเจียอี้สร้างปัญหาเป็นเรื่องใหญ่เข้าจริงๆ จนปกปิดไม่ได้อีกดังนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าจึงโกรธมากจนบอกว่าตราบใด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 230

    ส่วนสำนักเขตจิงจ้าวก็ไปที่จวนองค์หญิงใหญ่ด้วย เพราะนักเล่าเรื่องเหล่านั้นได้สารภาพว่าเป็นพ่อบ้านของจวนองค์หญิงใหญ่ ตามหลักแล้วสำนักเขตจิงจ้าวก็ต้องไปสอบถามสักหน่อยด้วยนางเป็นถึงองค์หญิงใหญ่ ดังนั้นขงหยางจึงออกหน้าด้วยตนเอง โดยทำท่าจะมาเจรจาตามที่คาดไว้ องค์หญิงใหญ่ได้สุ่มผลักใครสักคนให้ออกมารับโทษ ส่วนขงหยางก็ไม่จริงจังอะไร เลยนำตัวคนนั้นกลับโดยตรงสำหรับกลุ่มนักเล่าเรื่องพวกนั้นได้รับการปล่อยตัวในชั่วคราว แต่รัฐบาลสั่งให้พวกเขาชี้แจงเรื่องนี้ภายในเวลาสามวัน และขอโทษคุณหนูซ่งแห่งจวนเสนาบดีกั๋วกง ให้ชดเชยด้วยเพราะสำนักเขตจิงจ้าวได้จัดฉากใหญ่ไปหาท่านหญิงเจียอี้ที่จวนโหวผิงหยาง ต่อให้องค์หญิงใหญ่ได้หาแพะรับบาปไว้ แต่ท่านหญิงเจียอี้ก็ไม่สามารถหนีพ้นได้สำหรับการให้เวลาผู้เล่าเรื่องสามวันในการชี้แจง มันก็คือให้เวลาองค์หญิงใหญ่ได้ลงไม้ลงมือทำอะไรอีก เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ไปข่มขู่อย่างเดียวมันจะไม่ได้ผล และทำได้เพียงติดสินบนเท่านั้นนี่ไง เสียเงินจำนวนก้อนโตอีกแล้ว เงินสามพันตำลึงที่เอามาจากสนมฮุ่ยไทเฟยทุ่มไปหมดแล้วยังไม่พอ ตนเองยังเสียส่วนหนึ่งด้วยนักเล่าเรื่องที่รับเงินไปพวกนั้น

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 231

    ฮูหยินผู้เฒ่าจากโหวผิงหยางเห็นดวงตาที่ไม่แสดงแววความเกรงกลัวของนาง ก็รู้วว่าคำพูดที่นางพูดนั้นจากจริงใจ และนางไม่ได้โทษจวนโหวผิงหยางในเรื่องนี้นางค่อยโล่งใจมองออกไปไกลๆ จวนโหวผิงหยางก็ไม่ต้องการสร้างศัตรูโดยไม่มีเหตุผล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเป่ยหมิงอ๋องหรือจวนเสนาบดีกั๋วกงซ่ง นางต่างก็ไม่อยากทำให้พวกเขาเป็นศัตรูอย่างน้อยเมื่อพิจารณาจากการสร้างผลงานทางทหารของพวกเขา พวกเขาล้วนเป็นคนน่านับถือ ที่จวนโหวผิงหยางควรผูกมิตรกับคนแระเทภนี้ แทนที่จะมีความขัดแย้งหรือมีปัญหากับพวกเขาฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจ "คุณหนูซ่งเป็นคนมีเหตุผลรู้ความ ข้านี่รู้สึกละอายใจจริงๆ ถ้ามิใช่หัวหน้าสำนักหอดูดาวหลวงออกมาชี้แจง เกรงว่าคุณหนูจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงโดยถูกกล่าวหาว่าเป็นคนอกตัญญู ไม่ว่าสำหรับใครมันก็เป็นหายนะ"ซ่งซีซีกลับส่ายหัวเล็กน้อย "ฮูหยินผู้เฒ่า สำหรับข้าแล้วนี่ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรเลย เป็นแค่คำนินทาเล็กน้อยก็เท่านั้น"นี่ยังไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรเหรอ?ฮูหยินผู้เฒ่ามองไปที่ซ่งซีซีด้วยความเหลือเชื่อ โดยคิดว่านางจงใจพูดอย่างให้เรื่องจบๆ ไปอย่างสบายๆ แต่เมื่อมองดูสีหน้าที่สงบนิ่งของน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 232

    ฮูหยินผู้เฒ่าแห่งโหวผิงหยางกล่าวว่า "เจ้าก็พูดถูก หากความจริงเป็นเช่นนี้หล่ะก็ แม้ว่าวันนั้นท่านแม่ของเจ้าจับสร้อยข้อมือไว้ไม่อยากปล่อย แต่ด้วยการโต้แย้งของข้าอย่างมีเหตุผล นางก็มอบมันให้ข้า ร้านจินจิงคืนเงินให้นาง เหตุการณ์นี้มาจัดการเช่นนี้ก็ถือว่าเรียบร้อบดี"เมื่อซ่งซีซีได้ยินเช่นนั้น นางก็รู้ว่าเรื่องยังไม่จบ เลยไม่ได้ถามอะไร รอให้นางพูดต่อฮูหยินผู้เฒ่าสีหน้าไม่ดีนัก "หลังจากที่ข้านำสร้อยข้อมือกลับจวนแล้ว ข้าพบว่าสร้อยข้อมือที่ข้าสั่งทำนั้นมีอัญมณีห้าเม็ด และชิ้นนี้มีหกเม็ด เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่อันที่ข้าสั่ง ข้าเลยส่งคนไปที่ร้านจินจิงเพื่อสอบถามดู ถึงจะรู้ว่าท่างชองที่รับผิดชอบในการทำสร้อยข้อมือให้ข้าได้กระทำความผิดและหนีไปโดยนำสร้อยข้อมือของข้าติดตัวไปด้วย ส่วนชิ้นนี้ มันเป็นของที่ท่านแม่ของเจ้าสั่งทำไว้จริงๆ เป็นสินเดิมที่จะมอบให้เจ้า แต่ทางร้านจินจิงไม่ได้บอกตอนนั้น เพราะมีแขกคนอื่นอยู่ด้วย และไม่สะดวกที่จะอธิบายว่าเป็นเพราะช่างทองนำของหนีออกไป เดิมทีวางแผนว่าจะมาให้คำอธิบายวันถัดไป แต่ข้าพบข้อผิดพลาดก่อนก็ส่งคนไปถาม จากนั้นถึงรู้ความจริง"ซ่งซีซีตกใจเล็กน้อย ท่านแม่วางแผน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 233

    ฮูหยินผู้เฒ่าแห่งโหวผิงหยางยืนกรานที่จะเรียกเก็บเงินเพียงหนึ่งตำลึงเท่านั้น ไม่ว่าซ่งซีซีจะว่ายังไง นางก็ไม่ยอมรับเงินมากกว่านั้นอีกเลยซ่งซีซีไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับความน้ำใจนี้ไว้ฮูหยินผู้เฒ่าแห่งโหวผิงหยางกล่าวก่อนจะจากไป "ข้ามีวาสนากับคุณหนู หากคุณหนูมีเวลาว่าก็ขอเชิญไปเที่ยวจวนของข้าสักหน่อย หรือว่า ข้าจะมาจวนเสนาบดีกั๋วกงเพื่อมาคุยเล่นกับคุณหนูสักหน่อย"ซึ่งหมายความว่าทั้งสองครอบครัวจะไปมาหาสู่กันในอนาคตแน่นอนว่าซ่งซีซีรู้ดีว่ามันไม่ใช่มาจะประจบประแจง ชื่อเสียงของโหวผิงหยางนางก็ได้ยินมาบ้าง พวกเขาไม่จำเป็นต้องประจบประแจงใครเลย เพราะพวกเขาเป็นครอบครัวที่มีอายุร่วมศตวรรษและลูกหลานในตระกูลนั้นมีไม่น้อยที่ทำงานในราชสำนัก และบุคคลสำคัญที่มีอำนาจใหญ่ก็ไม่น้อยด้วยไม่ว่าจะยังไง มีเพื่อนเพิ่มมาคนนึงมันก็ดีกว่าเพิ่งศัตรูให้ และยังมีวาสนาที่ผูกมัดกับสร้อยข้อมือเส้นนี้อีกด้วยซ่งซีซียิ้มและก้มศีรษะ จากนั้นค่อยส่งนางออกจากจวนด้วยตนเอง "ข้ามีวาสนากับฮูหยินผู้เฒ่า ย่อมหาได้ยากเลย"หลังจากมองเห็นฮูหยินผู้เฒ่าจากไป ซ่งซีซีไปที่ห้องโถงหมิงเซ่อของท่านแม่ และนั่งบนเก้าอี้นุ่นที่น

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 234

    ท่านหญิงเจียอี้กลับมาอาศัยที่จวนองค์หญิง และแม่ลูกสองคนต้องทนทุกข์ทรมานจากการด่าทอ ตอนที่ชาวบ้านชาวเมืองด่าซ่งซีซีนั้น พวกนางจะรู้สึกสะใจมากแค่ไหน ตอนนี้ก็ฃโกรธมากแค่นั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีข่าวเกี่ยวกับอนุภรรยาของจวนองค์หญิงถูกแพร่กระจาย องค์หญิงใหญ่ไม่เพียงแต่โกรธ แต่ยังเริ่มสงสัยคนสนิทข้างกายของนาง ได้เผยแพร่ข้อมูลใดๆ รั่วไหลออกไปหรือไม่การสอบสวนทีละคนแบบนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้จวนองค์หญิงวุ่นวายได้ระยะหนึ่ง บวกกับท่านหญิงเจียอี้กำลังมีปัญหากับครอบรัวสามี นางกำลังอารมณ์หดหู่ วันๆ เอาแต่ใส่อาารมณ์ทำไม่ดีกับสาวใช้ที่จวนองค์หญิงเดิมที นางคิดว่าหลังจากกลับไปพักอาศัยที่บ้านพ่อแม่ของตนเองสักระยะนึง โหวผิงหยางจะมารับนางกลับ แต่ใครจะไปรู้ว่าไม่เพียงแต่โหวผิงหยางไม่ไปรับเท่านั้น แม้แต่คนรับใช้จากจวนโหวก็ไม่ได้ไปตามหานาง แต่กลับได้ยินข่าวว่าแม่สามีของนางไปที่จวนเสนาบดีกั๋วกงเพื่อขอโทษซ่งซีซีนางโกรธเกี้ยวในใจ ดูเหมือนว่าตราบใดที่หญิงชราจะมีชีวิตอยู่ นางก็ไม่มีทางกุมอำนาจได้ ยิ่งไม่มีสถานะใดๆ ในครอบครัวของสามีตนเองด้วยเพียงแต่ความคิดชั่วร้ายเคยเกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ไม่มีประโย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 235

    เมื่อถึงกลางเดือนสิงหาคม ก็ใกล้จะถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้ว เซี่ยหลูโม่ยังไม่กลับมาไปตั้งเดือนกว่า และซ่งซีซีรู้สึกแปลกเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ไม่ได้บอกว่าแค่ไปรายงานสักหน่อยเดี๋ยวก็กลับเหรอ?ใช้เวลาไปภูเขาเหม่ยชานเพียงสองสามวันก็พอ ถ้านับกับต้องพักที่นั่นต่ออีกกี่วัน สิบวันก็เพียงพอที่ไปกลับแล้วหรือว่าเกิดเรื่องที่ภูเขาเหม่ยชานแล้วหรือ?เป็นเวลาพอดีเลยที่ได้รับจดหมายจากเสิ่นว่านจือ ในจดหมายของเสิ่นว่านจือได้เขียนมาหลายหน้า ล้วนเป็นเรื่องสนุกที่เกิดขึ้นในภูเขาเหม่ยชาน ยังบอกว่ากุ้นเอ๋อร์ได้ซื้อเครื่องสำอางกลับไป แล้วถูกอาจารย์ขังบริเวณ แต่ไม่ได้ถูกทุบตีซ่งซีซียิ้มในจดหมายยังแสดงถึงความยินดีให้กับนางที่จะแต่งงาน และบอกว่าเมื่อนางแต่งงาน เพื่อนๆ ที่ภูเขาเหม่ยชานจะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้นางข่าวงานแต่งงานของนางแพร่กระจายในภูเขาเหม่ยชาน ซึ่งหมายความว่า เซี่ยหลูโม่เคยไปที่ภูเขาเหม่ยชาน และสถาบันว่านซงเหมินด้วย ดูเหมือนว่าอาจารย์จะชอบเซี่ยหลูโม่ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่แจ้งให้ทุกคนทราบเกี่ยวกับการแต่งงานของนางในภูเขาเหม่ยชานเสิ่นว่านจือยังกล่าวอีกว่าตอนนี้ทั้งสถาบันกำลังเตรียมสินเดิมให้นาง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 236

    มื้อเที่ยงเบาๆ ซ่งซีซีดื่มแค่โจ๊กไก่หนึ่งชามเท่านั้น จากนั้นก็ไปสักการะที่ศาลเจ้าตระกูลซ่งเป็นตระกูลที่ใหญ่โตและมีห้องโถงของบรรพบุรุษ ป้ายวิญญาณของพ่อแม่ พี่ชาย และพี่สะใภ้ประดิษฐานอยู่ในห้องโถงของบรรพบุรุษ อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้วผู้หญิงไม่สามารถเข้าไปในห้องโถงของบรรพบุรุษเพื่อสักการะได้ และทำได้เพียงการโค้งคำนับข้างนอกประตูเท่านั้นวิธีเดียวที่ผู้หญิงจะเข้าไปได้ก็ต่อเมื่อเสียชีวิตไป แล้วนำป้ายวิญญาณเข้าไป อีกอย่างซ่งซีซีไม่สามารถถูกนำเข้าไปได้เพราะ นางเป็นลูกสาว และมีเพียงสะใภ้ของตระกูลซ่งเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ดังนั้นหลังจากที่ท่านพ่อและพี่ชายของนางเสียชีวิตในสงคราม ท่านแม่จึงสร้างศาลเจ้าที่บ้าน และจัดวางป้ายวิญญาณของท่านพ่อและพี่ชายเอาไว้เพื่ออำนวยความสะดวกในการสักการะในช่วงเทศกาลหลังจากที่ครอบครัวถูกสังหารหมด ซ่งซีซีได้จัดป้ายวิญญาณของท่านแม่ พี่สะใภ้ หลานๆ ของนางทั้งหมดวางไว้ที่นั่นด้วยลุงฟูได้เตรียมเครื่องสังเวยไว้แล้ว ทั้งไก่ ขนมไหว้พระจันทร์ และผลไม้สด นางเข้าไปจุดธูป ผู้คนที่เคยอยู่กันเป็นๆ ต่อหน้าต่อตา ทว่าปัจจุบันกลายเป็นป้ายวิญญาณสี่เหลี่ยมไปหมดหลังจากจุดธู

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1510

    ในสถานการณ์เช่นนี้ ปกติแล้วทุกคนมักจะไม่มีความอยากอาหารมากนัก อาหารแต่ละจานมักจะถูกชิมเพียงคำเดียวก่อนจะให้คนยกออกไปแต่สำหรับคนของเป่ยถัง พวกเขาดูเหมือนให้ความเคารพต่ออาหารอย่างแท้จริง ไม่ว่าอาหารจะเป็นอะไร พวกเขากินจนหมดสิ้น ไม่มีการเหลือทิ้ง แม้แต่จอกสุราที่รินเต็ม ก็หมดลงในพริบตา ข้ารับใช้ที่ดูแลพวกเขาคงจะเหนื่อยไม่น้อยเสิ่นว่านจือนึกถึงมื้ออาหารที่หอชุนหม่าน วันนั้นพวกเขาก็กินจนเกลี้ยงจาน ไม่มีแม้แต่เศษอาหารเหลืออยู่นางอยากพูดอะไรกับซ่งซีซี แต่ในห้องโถงแห่งนี้นอกจากเสียงเคี้ยวอาหารแล้ว ก็ไม่มีเสียงอื่นใดอีกเลย นางจึงพูดออกไปไม่ได้ทว่า เพียงสบตากันหนึ่งครั้ง พวกนางก็เข้าใจความคิดของกันและกันเสิ่นว่านจืออยากจะบอกว่า การที่คนของเป่ยถังปรากฏตัวในที่นี้ อาจเกี่ยวข้องกับการเจรจาสงบศึกซ่งซีซีเองก็คิดเช่นนั้นแต่ยังไม่อาจคาดเดาได้ว่าพวกเขามาเพื่อเป็นผู้ไกล่เกลี่ย หรือมาเพื่อช่วยฝ่ายซีจิง หากเป็นอย่างแรก การเจรจาก็คงสำเร็จลุล่วงได้โดยง่าย และอาจลงนามข้อตกลงกันได้ในเวลาไม่นานแต่หากเป็นอย่างหลัง นั่นหมายความว่านี่จะกลายเป็นศึกยืดเยื้อ เพราะหากเป่ยถังหนุนหลังซีจิงอยู่ แคว้นซางก็

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1509

    งานเลี้ยงในวังในวันรุ่งขึ้นเริ่มขึ้นในเวลาบ่ายสามโมง โดยซูลันจีเป็นผู้มารับพวกเขาเข้าไปในวังด้วยตนเองเช่นเคยดังที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ พิธีราชาภิเษกได้จัดขึ้นไปนานแล้ว งานเลี้ยงครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อการเจรจาที่แนวชายแดนเป็นหลัก ดังนั้นเมื่อพวกเขาเข้าสู่วัง ก็ไม่ได้พบเห็นทูตจากอาณาจักรอื่นๆภายในท้องพระโรงเต็มไปด้วยพระบรมวงศานุวงศ์และเหล่าขุนนางฝ่ายบู๊ฝ่ายบุ๋น แม้พวกเขาจะไม่ได้แสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อคณะทูตจากแคว้นซาง แต่ท่าทีของพวกเขาก็ไม่ได้เป็นมิตรนักทว่า ในสถานการณ์เช่นนี้จำเป็นต้องมีล่ามแปลภาษา ดังนั้นการสนทนาของทุกฝ่ายจึงไม่ได้มากไปกว่าการทักทายทั่วไปพวกเขานึกว่าคงไม่มีทูตจากอาณาจักรอื่นแล้ว ทว่าในขณะเข้าที่ประทับ จักรพรรดิ์​หยวนซินก็ตรัสกับคณะทูตจากแคว้นซางว่า “วันนี้ยังมีแขกผู้ทรงเกียรติจากเป่ยถัง พวกเขากำลังจะมาถึงแล้ว เราเชื่อว่าเจ้าทั้งหลายจะเข้ากันได้ดี”หลี่เต๋อฮวยถึงกับตื่นเต้นขึ้นมาทันที “แขกจากเป่ยถังหรือ? ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด?”เขารู้สึกตื่นเต้นเป็นธรรมดา เพราะอาวุธอย่างปืนหกตาของเหรินหยางอวิ๋น รวมถึงปืนตาหกนัดและเกวียนระเบิดล้วนเป็นอาวุธที่ดัดแปลงมาจากต้นแบบของเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1508

    จักรพรรดิ์​หยวนซินกล่าวต่อ “น่าขันนัก ในอดีตเราคือองค์หญิงใหญ่ จึงสามารถประกาศเรียกร้องให้สตรีเข้าสู่วงราชการได้ แต่บัดนี้เราคือฮ่องเต้ กลับต้องค่อยเป็นค่อยไป เพื่อถ่วงดุลอำนาจทุกฝ่าย ลดความเป็นปรปักษ์และความหวาดระแวงที่มีต่อเรา อีกทั้งภาระที่เราต้องพิจารณาก็มีมากขึ้น บางคราใจร้อนจนอยากจะตัดศีรษะพวกที่ต่อต้านให้หมดสิ้น”ซ่งซีซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “ที่จริงแล้ว ไม่ว่าผู้เป็นฮ่องเต้หรือขุนนาง ไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรี เป้าหมายของฝ่าบาทล้วนเหมือนกัน ท้ายที่สุดก็เพื่อความสงบสุขมั่นคงของแผ่นดิน เพื่อให้ประชาราษฎร์มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี เมื่อแผ่นดินรุ่งเรือง ปราศจากศึกสงคราม เมื่อนั้นฝ่าบาทจะทรงปฏิรูปเช่นไร ก็มิใช่เรื่องยากเกินไปนัก ส่วนตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือฝ่าบาทต้องทรงมั่นคงเสียก่อน”คำพูดนั้นคลุมเครือ ทว่าจักรพรรดิ์​หยวนซินเข้าใจความหมายของนาง บัดนี้แผ่นดินยังคงวุ่นวาย มีกลุ่มอำนาจมากมายขวางกั้น แค่รักษาความมั่นคงของราชสำนักก็ยากเย็นยิ่งแล้วหากนางปฏิรูปอย่างหุนหัน องค์จักรพรรดิ์เองก็คงไม่อาจประคองราชบัลลังก์ให้มั่นคง ต่อให้คิดถึงอนาคตก็คงไร้ประโยชน์เสิ่นว่านจือเห็

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1507

    พระราชวังแห่งซีจิงตระการตาโอ่อ่าหรูหรา ตั้งตระหง่านท่ามกลางรัตติกาล แผ่รัศมีแห่งความศักดิ์สิทธิ์และสงบน่าเกรงขามเมื่อผ่านประตูพระราชวังชั้นแรก รถม้ายังคงแล่นไปบนถนนภายในวังที่กว้างขวาง ไม่ได้คับแคบนักทว่าที่นี่ใช้ตะเกียงน้ำมันราวกับไม่ต้องเสียเงิน ที่ใดที่หนึ่งล้วนจุดไฟส่องสว่างไสว เมื่อก้าวลงจากรถม้าแล้วเดินไปตามระเบียงทางเดิน ค่ำคืนที่มืดมิดกลับสว่างราวกับกลางวัน บนต้นไม้ใหญ่สองข้างทางแขวนโคมไฟลมไว้มากมาย หากใครคิดซ่อนตัวอยู่บนนั้น คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเพียงปรายตาก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนซูลันจีเดินนำอยู่เบื้องหน้า เมื่อมาถึงด้านหน้าตำหนักแห่งหนึ่ง นางกำนัลในวังสองนางก้าวออกมา พูดคุยกับซูลันจีเป็นภาษาซีจิงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มพลางค้อมกายคารวะซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือซูลันจีกล่าวว่า “ใต้เท้าซ่ง แม่นางเสิ่น ฝ่าบาททรงเชิญทั้งสองท่านเข้าสู่ตำหนัก”นางกำนัลทั้งสองเดินนำไปข้างหน้า พาซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือเข้าไปภายในภายในตำหนักโอ่อ่าตระการตา เสาสลักลวดลายสองต้นขนาบข้าง หนานแน่นจนดูเหมือนพุ่งทะยานสู่ฟากฟ้า ให้ความรู้สึกหนักแน่นกดดันจักรพรรดิ์หยวนซิน ประทับอยู่บนพระเก้าอี้ไม้จันทน์ส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1506

    เมื่อเดินทางมาถึงเมืองหลวงของซีจิง ก็เป็นวันที่สิบสามเดือนแปดแล้ว ระยะเวลานับจากที่พวกเขาออกจากแคว้นซาง ผ่านไปครบหนึ่งเดือนพอดียามบ่าย แสงแดดอบอุ่นกำลังดีฉินอ๋องนอนเอนอยู่ในรถม้า ขณะเข้าสู่ตัวเมืองนับตั้งแต่เข้าสู่เขตแดนซีจิง พวกเขาถูกลอบสังหารถึงเจ็ดครั้ง ครั้งสุดท้ายมาอย่างดุดัน ควรเป็นกลุ่มนักฆ่าที่ถูกฝึกมาเพื่อสละชีพ กองทัพซวนเจียได้รับบาดเจ็บไม่น้อย แม้แต่เสิ่นว่านจือเองก็ถูกฟันเข้าที่ไหล่ เคราะห์ดีที่ไม่ได้ลึกถึงเส้นเอ็นฉินอ๋องตกใจแทบสิ้นสติ ก็เพราะตอนที่กลุ่มนักฆ่าบุกเข้ามา เขาเพิ่งจะออกจากห้องส้วมได้ไม่นาน ดาบของนักฆ่าพุ่งเข้าปักอกเขาไปแล้ว และกำลังจะทะลุเข้าไปอีก ทว่า…ซ่งซีซีพบเห็นทัน นางพลิกกายคว้าหอกยาว ตวัดแทงเข้ากลางอกของนักฆ่าก่อน จากนั้นใช้ตะขอที่ปลายหอกพาดเกี่ยวแล้วกระชากร่างของนักฆ่าล้มไปด้านหลัง ฉินอ๋องจึงรอดชีวิตมาได้เขาบาดเจ็บเพียงผิวเผิน ทว่ากลับทำราวกับได้รับบาดเจ็บสาหัส ร่ำร้องโอดครวญอยู่ครึ่งคืนกว่าจะสงบลงซูลันจีนำข้าราชบริพารมาออกต้อนรับ บัดนี้ เขาเป็นเสนาบดีแห่งซีจิงทันทีที่มองเห็นซ่งซีซี เขาก็จำได้ในทันที ค้อมกายคารวะแล้วเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ท่านแม่ทั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1505

    ฉินอ๋องได้รับความหวาดกลัว จึงให้หมอหลวงจ่ายยาบำรุงประสาทเพื่อบรรเทาอาการซ่งซีซีไปเยี่ยมดูอาการของเขา หน้าของเขาซีดขาวราวกับกระดาษ ไร้สีเลือด ริมฝีปากยังสั่นระริก เอ่ยถามด้วยเสียงสั่นเครือว่า “พวกมือสังหารไปหมดแล้วหรือยัง?”ซ่งซีซีบอกเขาว่า มือสังหารจากไปแล้ว เขาถึงค่อยหยุดสั่นไปบ้างที่จริง คนรอบตัวเขาต่างบอกไปแล้วว่าศัตรูถูกขับไล่ไปหมดแล้ว แต่เขากลับไม่เชื่อ ต้องให้ซ่งซีซีเป็นคนพูดเองถึงจะรู้สึกปลอดภัยซ่งซีซีกำชับให้เขาพักผ่อนดีๆ แล้วจึงออกมาหลี่เต๋อฮวยกำลังปลอบขวัญผู้คนอื่นๆ ในฐานะเสนาบดีกรมทหาร เขาผ่านประสบการณ์มามาก ไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่นอันใด เขาเชื่อมั่นในตัวพระชายาและกองทัพซวนเจีย มิได้เห็นว่าเป็นเรื่องน่ากลัวอะไรนัก อย่างมากก็แค่เสียหัวหนึ่งขณะเดียวกัน กลุ่มคนจากภูเขาเหม่ยชานรวมตัวกันสนทนา เริ่มสงสัยว่ากลุ่มคนชุดดำที่พบเจอที่ชายแดนเฉิงหลิง อาจจะเป็นกลุ่มเดียวกับมือสังหารในคืนนี้ข้อสันนิษฐานนี้เป็นเสิ่นว่านจือที่กล่าวขึ้นมา นางคิดว่าพวกเขาหายตัวไปได้อย่างลึกลับเกินไป น่าจะมีเส้นทางลับที่ใช้หนีออกไป และพวกนั้นต้องมีแผนเตรียมการไว้ล่วงหน้ายิ่งไปกว่านั้น ทั้งสองกลุ่มล้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1504

    เช้าตรู่ กองคณะทูตออกเดินทางไปยังซีจิงซ่งซีซีมิได้รู้สึกอาลัยอาวรณ์มากนัก เพราะขากลับก็ยังต้องผ่านชายแดนเฉิงหลิงอยู่ดี นางยังมีโอกาสได้พบกับครอบครัวของท่านตาอีกหลังจากออกจากชายแดนเฉิงหลิง เส้นทางก็เริ่มขรุขระมากขึ้น หลายจุดเต็มไปด้วยหลุมบ่อ หรือไม่ก็ถูกทำลายโดยเจตนา ทำให้รถม้าวิ่งไปได้ยากทว่าฉินอ๋องกลับไม่ต้องการขี่ม้าอีกแล้ว แม้จะได้พักฟื้นอยู่หลายวัน แต่บาดแผลที่ต้นขาของเขาก็ยังเจ็บอยู่มาก ถึงแม้จะเดินได้ แต่เมื่อต้องนั่งบนอานม้า ความเจ็บปวดยังคงสร้างความลำบากให้แก่เขาดังนั้น ฉินอ๋องผู้ที่เพิ่งสร้างความดีความชอบในชายแดนเฉิงหลิง และเป็นผู้ก่อตั้งสถานรับเลี้ยงเด็ก ก็เอ่ยปากว่าเขาจะนั่งรถม้าเมื่อรถม้าติดหล่ม กองทัพซวนเจียก็ลงจากหลังม้าช่วยกันเข็นอย่างยากลำบากดีที่ว่าตอนนี้เส้นทางระหว่างสองแคว้นเปิดให้สัญจร ไม่มีการปิดกั้น ดังนั้นจึงสามารถเดินทางไปตามเส้นทางที่ถูกเปิดขึ้นมาใหม่ได้หากต้องปีนข้ามภูเขาสูงลิบลิ่ว เกรงว่าบั้นท้ายอันสูงศักดิ์ของฉินอ๋องคงต้องรับเคราะห์ไปอีกมากเมื่อเข้าสู่เขตแดนของซีจิง ขบวนเดินทางมุ่งหน้าไปยังเมืองลู่เปินเอ่อร์ ซึ่งมีขุนนางและทหารของซีจิงมาคอยต้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1503

    นายท่านเซียวแปดออกคำสั่งให้ไปสืบหาเรื่องนี้ โดยมอบหมายให้จ้านเป่ยว่างเป็นผู้นำกำลังไปสืบข่าวตามที่ต่างๆเรื่องที่ซ่งซีซีเดินทางมายังชายแดนเฉิงหลิงนั้น จ้านเป่ยว่างรู้ดี วันนั้นตอนที่คณะทูตเดินทางมาถึงเขตเมือง เขายืนดูอยู่ห่างๆ แต่ไม่ได้เข้าไปต้อนรับเขายืนอยู่ไกลมาก ถึงขั้นที่ไม่อาจมองเห็นใบหน้าของนางได้ชัดเจน เห็นเพียงเงารางๆ คล้ายกับเป็นนางเท่านั้นเขาเองก็รู้สึกว่าตัวเองช่างทำเรื่องเปล่าประโยชน์ นางกับเขายังมีความเกี่ยวข้องอันใดกันอีก? เรื่องราวของเมืองหลวง เขาสมควรอยู่ให้ห่างที่สุดในระหว่างที่คณะทูตพักอยู่ที่ชายแดนเฉิงหลิง พวกเขาต่างก็ใช้เวลาหารือเกี่ยวกับกลยุทธ์การเจรจา รวมถึงจำลองสถานการณ์หลายครั้งทุกคนต่างเข้าใจดีว่าการเจรจาครั้งนี้ แม้จะง่ายกว่าครั้งก่อน แต่ก็มิใช่เรื่องง่ายอย่างแท้จริงนี่คือเรื่องที่จักรพรรดิ์​นีใส่พระทัยเป็นอย่างยิ่ง นางจะไม่ยอมประนีประนอมง่ายๆ แน่นอนทางตระกูลเซียวเองก็เป็นกังวลว่าฝ่ายตรงข้ามอาจส่งคนเข้ามาสืบความลับเกี่ยวกับกลยุทธ์ของคณะทูต หากพวกเขาล่วงรู้แผนการ ก็สามารถรับมือได้ทันการณ์ ซึ่งจะทำให้แคว้นซางเสียเปรียบดังนั้น นายท่านเซียวแปดจึงสั่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1502

    หอชุนหม่านในวันนี้เต็มแน่นไปหมดเดิมทีโรงเตี๊ยมแห่งนี้ก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากนัก ปกติก็มีแขกมารับประทานอยู่บ้าง แต่เมื่อสตรีผู้นั้นพาคนชุดดำเข้ามา พวกเขาก็จับจองที่นั่งที่เหลือทั้งหมดซ่งซีซี เสิ่นว่านจือ และกุ้นเอ๋อร์ทั้งสามคน ถูกเจ้าของร้านเรียกให้ไปนั่งที่โต๊ะเล็กๆ ซึ่งตั้งขึ้นมาเป็นการชั่วคราว แยกออกจากพวกเขาเสียงของบุรุษผู้นั้นดังขึ้นข้างหูนาง แฝงแววขอโทษเล็กน้อย ทั้งยังฟังดูอบอุ่นน่าฟังยิ่งนัก “พวกเขาทั้งหมดเป็นสหายของข้า เช่นเดียวกับข้า ยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เมื่อคืนเลย หากแม่นางไม่สบายใจ ข้าจะให้พวกเขารออยู่ที่หน้าประตู แล้วแต่ละคนรับหมั่นโถวไปคนละลูกก็พอ”เสิ่นว่านจือถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าโดยไม่รู้ตัว “ไม่จำเป็นหรอก นั่งตามสบาย อยากกินอะไรก็สั่งมาเถิด”บุรุษคนนั้นเผยรอยยิ้มอ่อนโยน “แม่นางทั้งงดงามและมีจิตใจเมตตานัก เช่นนั้นพวกข้าก็จะสั่งอาหารตามสบายแล้วกัน ขอมากหน่อย”“ได้…ได้สิ” เสิ่นว่านจือพยักหน้า แล้วกวาดตามองคนชุดดำที่เต็มร้าน พวกเขาสวมเสื้อผ้าที่มีเครื่องหมายบางอย่างที่แขนเสื้อ ดูเหมือนจะเป็นตัวอักษร แต่เพราะเสื้อเหล่านั้นยับย่นและเปรอะเปื้อนจนมองแทบไม่อ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status