ในห้องโถงด้านข้าง ป้าซุนเตรียมนำชาเอาไว้แล้ว และเจียอี้ดื่มชาไปหนึ่งขวดรวดเดียว นางทั้งหิวข้าวและหิวน้ำด้วย แต่นางไม่กล้าออกมาเพราะกลัวคนเหล่านั้นจะบุกเข้ามาเมื่อเห็นนางอยู่ในสภาพเช่นนี้ ป้าซุนจึงพูดว่า "เห็นแก่สองวันก่อนที่เจ้าทำงานขยันอยู่ เดี๋ยวข้าไปต้มปะหมี่ให้กิน""ขอบคุณ" เจียอี้กระซิบด้วยเสียงร้องไห้เบาๆ มองดูป้าซุนเดินจากไปดวงตาของนางบวมมาก เพราะแต่เดิมก็ดูซีดเซียวมากแล้ว บัดนี้มองออกไปก็ดูน่าสงสารบ้าง"จำนำทุกอย่างที่จำนำได้เพื่อชำระหนี้" ดวงตาของนางฉายแววหดหู่ขึ้นมา "ข้ายังเป็นหนี้คนอื่นอยู่มากมาย ข้ายอมรับว่าข้าไม่น่าสงสาร ข้าไม่ใช่คนดี แต่พวกเจ้าคิดว่า ท่านหญิงอย่างข้าจะทำเรื่องชั่วที่จวนโหวผิงหยางได้อย่างไร แม่สามีไม่ชอบข้า สามีก็รังเกียจข้า ข้าไม่มีแม้แต่อำนาจบริหารบ้าน เมื่อท่านแม่ยังอยู่ ข้าจะอาศัยอยู่ที่จวนองค์หญิงเกือบยี่สิบวันต่อเดือน หลังจากเกิดเรื่องกับท่านแม่ ตระกูกู้ก็จบแห่ ส่วนข้าถูกปลดตำแหน่งให้เป็นสามัญชน ข้าพยายามอดทนในจวนโหว ต่อให้อึดอัดมากแค่ไหนก็ไม่กล้าพูดอะไรเลย"นางน้ำตาอาบแก้ม "ที่อนุจาวคนนั้นแต่งเข้ามา ข้าไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด และข้าก็ไม่มัสิท
เสิ่นว่านจือไม่รู้จะบรรยายเจียอี้คนนี้ยังไรดีจริงๆ นางย่อมใจร้ายแต่ก็โง่จริงๆ เลยคาดว่าความโง่เขลาของนาง ได้รับการยืนยันจากเซี่ยอวี้นแม่ของนาง มิฉะนั้นทำไมแผนการที่เซี่ยอวี้นทำมาตั้งนานนั้นจะไม่บอกนางด้วยเล่าเมื่อนึกถึงเช่นนี้ เสิ่นว่านจือก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า "เรื่องแม่ของเจ้า เจ้ารู้อะไรมาบ้าง""ทำไม" เจียอี้มองนางอย่างตื่นตัวทันที "อย่าคิดจะใส่ร้ายข้า ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้นเลย"เมื่อเห็นนางทำตัวเหมือนเม่น เสิ่นว่านจือก็ไม่ต้องการที่จะยั่วยุนาง และถามนางเกี่ยวกับสาวใช้ในจวน นางคิดว่าสาวเท้าไม่มีปัญหา ต่างก็ภักดีต่อนาง"หลังจากที่ข้าถูกหย่าก็ไม่ได้พาพวกนางออกไป ทางจวนโหวจะไม่ใจร้ายกับพวกนางแน่ๆ ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นคนใจดี เหตุใดต้องออกมาทนทุกข์กับข้าด้วย"ซ่งซีซีถามว่า "เจ้าไม่เคยคิดหรือว่าจ้านเส้าฮวนอาจทำร้ายเจ้า แล้วยานั้นจะถูกสลับอย่างง่ายๆ ได้ยังไง""นางไม่กล้า" เจียอี้พูดอย่างหนักแน่น "นางจะพึ่งพาข้าทุกอย่างหลังจากแต่งเข้ามา แล้วนางกล้าทำร้ายข้าได้ยังไง""นางไม่กล้าทำร้ายเจ้า แต่ยังเปิดโปงเจ้าหรือ?"เจียอี้อึ้งไปครู่หนึ่ง และช่วยแก้ตัวให้จ้านเส้าฮวนด้วยจิตใต้สำนึก "นาง กลัว
เจียอี้หวนนึกถึงเรื่องคับข้องใจที่นางมีกับนางซูในตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางรู้ว่านางซูตายแล้ว และพอคนตายไปก็ดั่งกับไฟดับ พอคิดดูเรื่องที่ทำให้นางโมโหนั้นส่วนมางเป็นความผิดของตนเอง นางเป็นคนหาเรื่องอีกฝ่ายหลังจากนั้นไม่นาน นางก็พูดอย่างเรียบๆ ว่า "จริงๆ แล้วนางเป็นคนดีมาก กตัญญูและใจกว้าง ให้กำเนิดลูกชายคนโตให้ท่านโหว และดูแลจวนโหวมาหลายปี หากมิใช่แท้งลูกในปีที่แล้ว สุขภาพของนางคงไม่ย่ำแย่เร็วขนาดนี้""นางแท้งบุตรเมื่อปีที่แล้วเหรอ?" เสิ่นว่านจือถาม"ใช่ นางมีสุขภาพไม่ดี หมอบอกแล้วว่าไม่เหมาะกับการตั้งครรภ์ แต่น่าเสียดายนางดันไปท้อง เด็กคนนี้บกพร่อง ไม่สามารถช่วยชีวิตได้ หลังจากแท้งบุตรแล้วก็ส่งผลเสียต่อร่างกาย หากไม่มีเหตุการณ์แท้งบุตร นางคงไม่จากไปอย่างเร็วขนาดนี้'ซ่งซีซีจำได้ว่าตอนที่หัวหน้าลู่ไปถามพ่อบ้านเฟิน ดูเหมือนว่าพ่อบ้านเฟินไม่ได้พูดเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้เลย เขาแต่บอกว่าตอนมีลูกคนที่สองได้ทิ้งโรคประจำไว้แสดงว่าพ่อบ้านเฟินอาจจะรู้เรื่องมามาก แต่เขาไม่ได้บอกหัวหน้าลู่ แค่พูดไปบางส่วนเท่านั้นเองเสิ่นว่านจือรู้สึกเศร้าขึ้นมา เห็นๆ อยู่ว่านางซูย่อมเป็นคนดีแน่ๆ แม้แต่คนร้ายกา
หัวหน้าลู่ก็กลับมาหลังจากพูดคุยกับพ่อบ้านเฟินเสร็จ โดยบอกว่าเจียอี้รังแกและทุบตีคนรับใช้จริงๆหัวหน้าลู่กล่าวว่าเมื่อเขาพูดถึงนางซู ก็ได้ร้องไห้มารอบหนึ่ง โดยบอกว่าทุกคนในจวนโหวผิงหยางต่างก็ชอบนางซู ถ้าไม่ใช่เพราะมีเจียอี้อยู่ นางก็อาจจะเป็นภรรยาเอกส่วนหงเซียวก็กลับมา ยังไม่ได้ข้อมูลเพิ่มเติมอะไรในขณะนี้ นางยังพยายามถามคนรับใช้ของจวนโหวผิงหยาง แต่พวกเขาไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้นกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือนอกจะคนกลุ่มนั้นที่บอกว่าโดนเจียอี้ทุบตี และต้องการแก้แค้นเจียอี้แล้ว ก็ไม่มีคนอื่นออกหน้ามาพูดอะไรสักคำจะเห็นได้ว่าทางจวนโหวได้ควบคุมคนรับใช้และรักษาความเป็นส่วนตัวฝ่ายในจวนไว้เป็นความลับได้ดีมาก พอมองดูเช่นนี้แล้ว คนกลุ่มนั้นดูเหมือนจงใจมาทำลายชื่อเสียงของเจียอี้"ใช่แล้ว ไม่พบเบาะแสใดๆ ที่จวนโหวผิงหยาง แต่ใช้โอกาสนี้ได้พบว่าสาเหตุที่ข่าวลือข้างนอกได้สร้างกระแสมากก็เป็นเพราะมีคนเขียนบทความเพื่อร้องเรียนโรงงาน และระบุข้อหาที่ทางโรงงานฝ่าฝืนกับกฎระเบียบที่บรรพบุรุษตั้งไว้""ผู้เขียนบทความมีตัวตนอะไรบ้าง? ได้สืบสวนมายัง"หงเซียวพยักหน้า "พบว่าผู้เขียนบทความเหล่านี้ล้วนเป็นนักเรียนของเจ้า
แม้ว่าตอนนี้จะดึกแล้วแต่เขายังสั่งคนไปส่งจดหมายขอพบที่จวนเจ้ากรม "จะต่อต้านศิษย์พี่ของข้า คืนนี้เขาอย่าคิดจะนอนหลับฝันดีเลย"ซ่งซีซียกมุมปากขึ้น "พรุ่งนี้ข้าจะไปกับท่าน ไปเยี่ยมฉีฮูหยินใหญ่สักหน่อย""ได้" เซี่ยหลูโม่กอดนางไว้ในอ้อมแขนแล้วจูบนางที่หน้าผาก เสียงแหบแห้งเล็กน้อย "นี่มันเดือนเมษายนแล้ว เรายังไม่ได้ออกไปเที่ยวเลยแม้แต่วันเดียว แต่งงานกับข้ายังไม่ได้ใช้เจ้าใช้ชีวิตสบายๆ เลย"ซ่งซีซีเอาหัวพิงหน้าอกของเขา เมื่อนึกถึงตอนที่เขากลิ้งลงมาจากภูเขา และอดไม่ได้ที่จะพูดล้อเล่นขึ้นมาว่า "เจ้ายังอยากเล่นการเลื่อนหินมะไหมล่ะ บัดนี้คงไม่มีหิมะแล้วนะ""เปล่า เปล่านะ" เซี่ยหลูโม่รู้สึกเขินอายมากจนก้มศีรษะลงเพื่อจูบนางอย่างแรงพอป้าหยินเดินเข้ามาพร้อมกับอาหารมื้อเย็นก็เห็นเป่าจูวิ่งออกไปด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ และเกือบจะชนเข้ากับนาง นางจึงดุว่า "เจ้าทำอะไรบุ่มบ่ามขนาดนี้"ป้าหยินก้าวเข้าไปสองก้าว พอเปิดม่านออกก็รีบหันหลังทันที เกือบจะทำให้เอวเจ็ดขึ้นมา จากนั้นเดินออกไปพร้อมอาหารกำลังนัวเนียกันอยู่ แล้วจะมาสนใจอาหารธรรมดาเช่นนี้ได้อย่างไร?ป้าหยินปิดประตูอย่างมีรู้ความ นางเงยหน้าขึ้นมองดว
ซ่งซีซีรู้ว่านางไม่ได้พูดอย่างขอไปที การขอไปทีกับความจริงใจนางมองออกได้"ฮูหยินใหญ่คือมารดาของฮองเฮา หากโรงงานเย็บปักซู่เจินมีฮองเฮาเป็นผู้นำทางคงจะดีที่สุด"ฉีฮูหยินใหญ่สะดุ้งเล็กน้อย "พระชายา หากโรงงานเย็บปักซู่เจินประสบความสำเร็จได้ ก็จะมีชื่อเสียงที่ดีตลอดกาล เจ้าได้เริ่มแล้ว แม้ว่าจะมีอุปสรรค แต่เชื่อว่ามันจะไม่ได้ยากเกินไปสำหรับพระชายา"ซ่งซีซีกล่าวว่า "จะบอกว่าง่ายแต่ก็ไม่ง่ายเลย ถึงยังไงมันเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนคิดอยู่เลย"ฉีฮูหยินใหญ่พยักหน้าเล็กน้อยและเดินไปข้างหน้าช้าๆ "เป็นเรื่องยากที่จะจัดหารจริงๆ แต่พระชายาก็โดนด่าไปแล้ว ทำไมต้องแบ่งผลงานให้ฮองเฮาด้วยเล่า?"ซ่งซีซียิ้มและกล่าวว่า "ข้าเชื่อว่ามาพูดถึงเรื่องผลงานกับเรื่องนี้มันคงใจแคบไปหน่อย สามารถนำไปทำต่อถึงเป็นสิ่งที่ดีที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน"ฉีฮูหยินใหญ่ไม่สามารถซ่อนความประหลาดใจได้ และผ่านไปพักใหญ่ถึงชมเชยว่า "ที่พระชายามีความคิดและใจกว้างเช่นนี้ได้หายากจริงๆ""ไม่งั้นฮูหยินใหญ่ลองไปคุุยกับฮองเฮาดีไหม" ซ่งซีซีมาที่นี่ก็มีจุดประสงค์ของนางเอง เรื่องสถาบันการศึกษาสตรีได้รับการสนับสนุนจากไทเฮา หากโรงงานมีฮองเฮาเ
เซี่ยหลูโม่พูดช้าๆ "ถ้ามีจุดอ่อนอยู่ในมือของคนอื่น ก็จะถูกคนอื่นควบคุมจริงๆ ข้าไม่ได้เอาเรื่องของเจ้าเผยแพร่ออกไป เป็นเพราะจุดอ่อนต้องใช้ประโยชน์กับโอกาสที่เหมาะสม ถึงเวลาแล้ว ไม่พูดมากความอีก หากไม่ได้มอบบทความให้อาจารย์หยูภายในสองวัน งั้นใต้เท้าฉีก็ให้พวกเขาเขียนบทความเยอะๆ เพื่อช่วยชี้แจงให้เจ้าก็แล้วกัน"ได้ นี่ก็คือการขู่ชัดๆ เจ้ากรมฉีโกรธจัดจนหน้าอกนั้นกระเพื่อม แต่ก็ทำได้เพียงจ้องมองเฉยๆเซี่ยหลูโม่ยังคงทำตัวนิ่งๆ ราวกับว่าเขาไม่ได้พูดอะไรที่รุนแรง และค่อยๆ ลิ้มรสชาดีๆ จากจวนตระกูลฉี เขาเป็นคนจู้จี้จุกจิกมาโดยตลอด แต่ชาจากตระกูลฉีไม่เลวเลย พวกเขาค่อนข้างมีรสนิยมและมักจะคิดว่าตนเองมีศีลธรรมอันสูงส่งผู้สูงศักดิ์เหล่านี้มักจะทำตัวไม่เห็นหัวผู้ใด แต่จริงๆ แล้วก็จัดการได้ง่าย โดยเฉพาะคนอย่างเจ้ากรมฉีที่ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของตนแต่ไม่คำนึงถึงสิ่งที่ตนเองทำก็ยิ่งจัดการได้มากกว่าหลังจากจิบชาอยู่พักหนึ่งแล้ว ซ่งซีซีและฉีฮูหยินใหญ่ก็เดินกลับมาด้วย เซี่ยหลูโม่ยืนขึ้นและพูดกับเจ้ากรมฉี ซึ่งยังมีสีหน้าไม่สู้ดีว่า "วันนี้ยังมีธุระต้องจัดการ ไม่รบกวนแล้ว หวังว่าจะไม่ต้องให้ข้ามาครั้ง
จวนตระกูลฉีเจ้ากรมฉีเหวี่ยงแขนเสื้อแล้วพูดว่า "ฮูหยินช่างไร้เดียงสา จะเชื่อคำหลอกลวงของซ่งซีซีได้อย่างไร ถ้าฮองเฮาออกหน้าสนับสนุนโรงงานจริงๆ นางจะไม่ถูกพวกขุนนางฝ่ายบุ๋นด่ายกใหญ่หรือ ต่อให้ฮองเฮาไม่ทำอะไร องค์ชายใหญ่ต้องได้ตำแหน่งแน่ๆ เขาเป็นบุตรชายของฮองเฮา และเป็นบุตรคนโตด้วย นอกจากเขาแล้วยังมีใครได้อีกเล่า?"ฉีฮูหยินใหญ่นั่งอย่างสงบและถามว่า "ในเมื่อเช่นนี้ ทำไมใต้เท้าถึงต้องเล่นงานโรงงานเล่า"นับตั้งแต่เหตุการณ์ของกู้ชิงเมี่ยว ฉีฮูหยินใหญ่ก็ไม่ได้เรียกเขาว่าท่านสามีอีกเลย เป็นคู่สามีภรรยามาตั้งนาน สุดท้ายก็เกิดความบาดหมางเข้าเจ้ากรมฉีเม้มปากและไม่พูดอะไร แต่สีหน้าดูจริงจังขึ้นมามากฉีฮูหยินใหญ่รู้เหตุผล แต่เมื่อเขาไม่พูดอะไร จึงพูดโดยตรงว่า "ตอนนี้ฝ่าบาทอายุยังน้อยยังแข็งแกร่งอยู่ การแต่งตั้งราชทายาทจึงเป็นเรื่องแสนไกล มีพระสนมมากมายในพระราชวังและในอนาคตจะมีองค์ชายเพิ่มขึ้นมากมาย หากมีคนฉลาดและมีความสามารถมากกว่าองค์ชายใหญ่ แล้วฝ่าบาทจะเลือกคนอื่นหรือไม่ บัดนี้ที่ฝ่าบาทไม่ยอมแต่งตั้งราชทายาทสักที มีเหตุผลอะไรบ้าง เกรงว่าใต้เท้าจะรู้ชัดเจนกว่าข้านะ แต่มีข้อหนึ่งอย่างเลี่ยงไม่