แชร์

บทที่2

ผู้เขียน: Owen Jones
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2022-12-21 17:36:22
2 ความฉงนใจของครอบครัวลี

ตามวิถีของคนในชนบท ทุกคนจะนอนรวมกันในห้องเดียวกันในบ้าน แม่และพ่อนอนเตียงนอนคู่ ส่วนเด็ก ๆ นอนคนละเตียง และทั้งสามเตียงก็มีมุ้งกันยุงของตัวเอง ดังนั้นเมื่อพวกเขาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ทุกคนจะย่องออกมาเพื่อไม่ให้เฮงตื่น

พวกเขารู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพราะพ่อมักจะเป็นคนแรกที่ตื่น และออกไปก่อนเสมอ แม้ในเช้าที่หนาวเหน็บที่สุดก็ตามที พวกเขามองผ่านมุ้งไปที่ใบหน้าที่ซีดเซียวของเฮงและดูเป็นกังวล จนกระทั่งแม่ไล่ให้พวกเขาออกไปข้างนอก

“ดิน ช่วยเราหน่อย ลูกเอ้ย ฉันไม่ชอบสภาพแบบนี้ของพ่อเธอเลย อาบน้ำให้เร็ว แล้วก็ไปดูว่าป้าจะบอกอะไรเราบ้าง ไปได้ไหมลูก ให้เป็นเด็กดีนะ หากเขายังไม่พร้อม และเรามาค่อนข้างเร็วไป ซึ่งฉันรู้ดี ถามเธอนะว่า เธอจะพยายามเพื่อหลานชายคนโปรดได้ไหม ก่อนที่มันจะสายเกินไป

ดินเริ่มร้องไห้ และวิ่งหนีไปอาบน้ำ “ขอโทษนะ ลูกรัก แม่ไม่ได้ตั้งใจจะอารมณ์เสียใส่ลูก!” เธอตะโกนเรียกลูกสาวให้กลับมา

เมื่อเธอมาถึงบ้านป้าทวดของเธอในสิบห้านาทีต่อมา หมอผีชราลุกขึ้น แต่งกายเรียบร้อย นั่งกินข้าวต้มตรงโต๊ะใหญ่หน้าบ้าน

“อรุณสวัสดิ์ ดิน ดีใจที่ได้เจอเธอนะ เอาข้าวต้มสักชามไหม มันอร่อยมากนะ” ดาเอาใจใส่เหลนสาวของเธอ และโดยเฉพาะดินเป็นพิเศษ แต่เมื่อเขาได้ยินสิ่งที่เธอถาม เขาก็อดไม่ได้ที่จะบอกว่า แม่ของเธอถามถึงการวินิจฉัยโรคที่เหมาะสมภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง

“นั่นแม่ของเธอหรอกหรือ! ได้ เราจะดูว่าเราควรทำยังไงกันต่อไป… พ่อของเธอดูแย่มากใช่ไหม

“ใช่ค่ะ ป้าดา เขาขาวซีดเหมือนศพ แต่เราไม่คิดว่าเขาจะตาย… แม่ได้ถ่วงเวลาเขา เมื่อฉันออกมา เพื่อดูว่าเขามีปฏิกิริยาอย่างไร แต่ฉันไม่อยากรอ จะได้รู้กันไปเลย ฉันไม่อยากให้พ่อต้องตาย ป้าดา ได้โปรดช่วยเขาด้วย”

“ฉันจะทำทุกอย่างที่ฉันสามารถจะทำได้ แต่เมื่อพระพุทธเรียกตัว ไม่มีใครในโลกนี้ที่สามารถปฏิเสธได้ แต่เราพอจะมีหนทางที่เราสามารถทำได้ มากับฉัน”

ดาเดินเข้าไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเธอ จุดเทียนและปิดประตูที่อยู่ด้านหลังพวกเขา เธอหวังว่าดินจะให้ความสนใจในวิถีเก่าแก่นี้ ขณะที่เธอยังเด็กพอที่จะสอนเธอได้ เพราะเธอรู้ว่าดินจะต้องเป็นผู้สืบทอดมันในสักวัน ถ้าภาระกิจนั้นต้องอยู่ในตระกูลลี

เธอชี้ไปที่เสื่อของผู้สอบถามที่พื้น และดินก็ได้นั่งลงจากนั้นเธอก็เดินไปรอบ ๆ กระท่อม พึมพำสวดมนต์คาถา และจุดเทียนอีกสองสามเล่มก่อนจะนั่งตรงข้ามดิน ซึ่งกำลังจ้องมองลงไปที่มือที่กุมไว้บนตักของเธอ

ดาจ้องมองไปที่หลานสาวของเธอ รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยในร่างกายของเธอ จ้องไปที่มือของเธอเองสักสองสามวินาที และจากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นมองดินอีกครั้ง

“เธอมาขอคำแนะนำเกี่ยวกับคนอื่นอย่างนั้นหรือ กรุณาถามคำถามของเธอมา” ดาพูด แต่ด้วยน้ำเสียงทุ้ม เข้ม และดังก้องโดยที่ไม่มีใครเคยได้ยินจากภายนอกกระท่อมหลังนั้น

การแปลงร่างนั้นทำให้ดินตกใจเหมือนอย่างที่เคย เมื่อป้าของเธอตกอยู่ในภวังค์ และอนุญาตให้พลังงานอื่นเข้าควบคุมร่างกายของเธอ ใบหน้าของเธอเปลี่ยนไปไม่มากนัก แม้ว่ามันจะเคยเกิดขึ้นแล้ว แต่ทั้งร่างกายของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างน่าฉงนในลักษณะเดียวกับที่นักแสดง หรือนักเลียนแบบสามารถเปลี่ยนบุคลิกให้เหมาะสมกับตัวละครที่เขากำลังเล่นอยู่ แต่มันมีอะไรมากกว่านั้น ราวกับว่าภายในของดาถูกสิงด้วยใครบางคน ซึ่งทำให้เธอไม่เพียงแต่ดูแตกต่างออกไปจากเดิม แต่น้ำเสียงก็ฟังดูแตกต่างออกไปด้วยเช่นกัน

ดินมองไปที่หมอผีคนเก่าที่ไม่ใช่ป้าของเธออีกต่อไป

“ท่านหมอผี พ่อของฉันป่วยหนักมาก ฉันต้องการทราบว่าสาเหตุมันเกิดจากอะไร และเราจะแก้ไขยังไงได้บ้าง”

“ใช่ บิดาของเธอ คนที่เธอเรียกว่า ‘พ่อ’ ”

ใคร คนนั้น ป้าของเธอ น้ำเสียงฟังดูคล้ายผู้ชายในขณะนี้เอามือจับห่อแต่ละห่อที่เฮงทิ้งไว้เมื่อวันก่อน แล้วปิดตาป้าของเธอลง มีบางอย่างที่ดูเหมือนจะทำให้ดินหยุดชะงักไปครู่ใหญ่ และมีอาการดำดิ่ง ที่เธอจะบอกได้ว่าเธอสามารถได้ยินเสียงฝีเท้าป้าเดินบนพื้นโคลนแข็ง ๆ เสียด้วยซ้ำ

ดินเคยเข้าร่วมพิธีการแบบนี้มาแล้วสิบกว่าครั้ง แม้ว่าที่ผ่านมามันไม่ได้มีอะไรน่ากังวลเท่าครั้งนี้ก็ตาม เธอเคยถามเรื่องโรคเกี่ยวกับช่องท้องมาแล้วครั้งหนึ่งราว ๆ เมื่อ 2-3 ปีก่อน และล่าสุดเธอได้มาสอบถามว่าจะได้แต่งงานเร็ว ๆ นี้หรือไม่ เธอไม่กลัวบรรยากาศหรอกนะ แต่คือผลลัพธ์ต่างหากเล่า แต่เธอรู้ว่าเธอทำได้เพียงแค่นั่งรอ และสังเกตการณ์ เพราะเธอคพบว่ามันดูน่าสนใจ

หมอผีแกะห่อแรกที่มีหินออกอย่างช้า ๆ ตรวจดูอย่างระมัดระวัง ดมกลิ่นแล้วนำกลับไปวางบนใบตอง จากนั้นหยิบใบไม้ที่ห่อตะไคร้น้ำขึ้นมาดมก่อนจะวางลงบนเสื่อข้างหน้าของเธอ

หมอผีจ้องมองมาที่ดินอย่างเคร่งขรึม และหลังจากนั้นไม่กี่นาที ก็พูดขึ้นว่า

“บุคคลที่เธอกำลังกังวลใจอยู่นี่ กำลังป่วยหนัก ในความเป็นจริงเขาเข้าใกล้ความตายมากขึ้นทุกที เมื่อเขาให้ตัวอย่างเหล่านี้มา แต่เขายังไม่ตาย… อวัยวะภายในของเขาบางส่วน โดยเฉพาะความสะอาดของโลหิตนั้นอยู่ในสภาวะที่ย่ำแย่มาก… สิ่งที่เธอเรียกว่าว่า ไต ในภาษาไทยหยุดทำงานโดยสิ้นเชิง และตับเริ่มเสื่อมอย่างรวดเร็ว

“นั่นหมายความว่า ความตายกำลังใกล้เข้ามา ไม่มีวิธีการรักษาทางการแพทย์ที่เป็นที่รู้จัก”

หมอผีตัวสั่นอีกครั้ง และแปลงร่างกลับไปเป็นป้าดาคนเก่าที่กระพริบตาสองสามครั้ง และดิ้นเล็กน้อยราวกับว่ากำลังใส่ชุดตัวเล็กตัวเก่า แล้วขยี้ตา

“มันไม่ใช่ข่าวดีใช่ไหมลูก เธอรู้ดีว่าเมื่อฉันถูกสิงร่าง ฉันไม่สามารถได้ยินอะไรทั้งสิ้น แต่ฉันพอจับใจความได้บ้าง และฉันเห็นว่าใบหน้าของเธอไม่สู้ดีนักเกี่ยวกับเรื่องของพ่อเธอ”

“พระวิญญาณบอกว่า พ่อคงจะตายในไม่ช้านี้ อย่างที่ไม่มีการรักษาทางการแพทย์ได้ เพราะภาวะไตและตับเสื่อม…”

“ฉันเสียใจนะ ดิน เธอรู้หรือไม่ว่าฉันรักพ่อของเธอมาก… ฟังนะ ฉันจะบอกอะไรให้ ฉันได้ค้นพบเทคนิคพิเศษอะไรบางอย่างเมื่อหลายปีมาแล้วว่านอกเหนือจากการถูกสิงสู่ ตอนนี้ดูตรงนี้… ใช่ หิน… ดูตรงที่พ่อเธอบ้วนน้ำลายลงบนนั่น ไม่มีร่องรอยอะไรเลย! นั่นหมายความว่าไม่มีเกลือในน้ำลายของเขา ไม่มีเกลือแร่ ไม่มีวิตามิน ไม่มีอะไรทั้งสิ้น เป็นแค่เพียงน้ำเปล่า

“ตรงนี้ ตะไคร้น้ำ” เธอดมมันห่าง ๆ แล้วเอาเข้ามาใกล้จมูกสิ “เหมือนกัน! ดมอันนี้!” เธอถือมันออกมาให้ดินดม แต่ดินไม่เต็มใจที่จะดมกลิ่นปัสสาวะของพ่อเธอนัก “ดมสิ มันไม่กัดเธอหรอก!” ดากล่าว ดินทำตามที่เธอเชื้อเชิญ

“ไม่มีกลิ่นอะไรเลย มีเพียงแค่ตะไคร้น้ำ”

“ใช่เลย! กลิ่นฉี่ของผู้ชายจะคล้ายกลิ่นฉี่แมว หากเธอห่อมันไว้ แต่ของพ่อเธอไม่มีกลิ่นเลย เพราะฉะนั้น ไม่มีเนื้อเน่าในนั้น เพราะฉะนั้น เลือดของพ่อเธอก็เหมือนกับน้ำ

“เธอไม่สามารถมีชีวิตยาวนานได้ด้วยแค่น้ำของเลือดใช่หรือไม่ ว่ากันตามเหตุผลไม่ใช่เหรอ เลือดของเธอต้องใช้ความดีงามทั้งหมดที่อยู่ในร่างกาย แต่พ่อของเธอไม่มีเลย และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงอ่อนแรงตลอดเวลา!

“เธอออกไปจากบ้านตอนนี้แล้วไปดูว่ามันสายเกินไปหรือไม่ และถ้าเขายังอยู่กับพวกเรา เอาสกูตเตอร์ของเธอกลับมารับฉัน รีบไปตอนนี้ แล้วรีบเข้านะ”

ดินแทบจะบินออกประตูไปด้วยซ้ำ และวิ่งกลับไปบ้าน

ในขณะที่ดินออกไปดูพ่อของเธอ ดาเตรียมตัวออกไป เพราะเธอรู้อยู่เต็มอกว่าเฮงจะไม่ตายแน่นอน อย่างไรก็ตามจะไม่ตาย เธอได้เลือกสมุนไพรบางอย่าง และใส่มันไว้ในย่าม ล้างหน้าแล้วรวบผมด้วยผ้าคลุมศีรษะเพราะกันลมได้ดี เตรียมพร้อมในการนั่งมอเตอร์ไซค์ แล้วเธอออกมาข้างนอกเพื่อรอหลานสาวของเธอ

ดินมาถึงในไม่กี่นาทีต่อมาด้วยฝุ่นฟุ้งตลบ

“เร็วเข้า ป้า แม่บอกว่าให้มาเร็ว ๆ เพราะพ่อกำลังจะเสียแล้ว”

ดานั่งคร่อมสกูตเตอร์อย่างทะมัดทะแมง จากนั้นผมของดินก็หลุดปลิวฟาดบนหน้าอันเหี่ยวย่นของเธออย่างเจ็บปวด และเธอพยายามหลบมัน ทันทีที่พวกเขามาถึง ดากระโดดลงรถ ซึ่งสำหรับเธอแล้วถือเป็นหญิงแก่ที่กระฉับกระเฉงทีเดียว และพากันเข้าบ้านไป

“ขอบคุณที่มาทันเวลา ป้าดา เขาขึ้นห้องนอนแล้ว”

ใช่ ฉันเดาว่าเขาจะอยู่ในที่นอน และไม่ได้อยู่กับแพะสุดรักของเขาเป็นแน่!” เธอยกมุ้งขึ้น และนั่งบนพื้นไม้ ใกล้กับหัวของเขา ก่อนอื่นเธอจ้องมองดูผิวหนังและเส้นผมของเขา แล้วไล่ไปที่ริมฝีปาก และสุดท้ายเธอเปิดตาของเขา และมองเข้าไป

“อืม เห็นละ… เอาเท้าเขาออกมาซิ!” วรรณรีบเอาเท้าสามีออกมา แล้วดาจึงโน้มตัวไปบีบมัน และมองดูใกล้ ๆ

“อืม ฉันไม่เคยเห็นกรณีการขาดโปรตีนในเลือดที่ร้ายแรงเช่นนี้มาก่อน เธอจะอนุญาตให้ฉันบอกลูกของเธอให้ทำอะไรบางอย่างสักระยะได้ไหม ดี ฉันจะกลับมาในไม่ช้า เอาหัวสามีของเธอหนุนไว้บนหมอนสองสามใบนะ ฉันจะให้ดินไปช่วยเธอข้างใน ส่วนเด่นจะช่วยฉันอยู่ข้างนอก”

“ได้ค่ะ ป้า แน่นอน อะไรก็ได้ที่จะช่วยเฮงได้”

“เอาล่ะ มาดูกันว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง” และด้วยการที่เธอลุกขึ้น และลงไปที่ระดับพื้นดิน

“ดินไปช่วยแม่ของเธอ เด่นมากับฉัน เราทุกคนต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วและแม่นยำ”

ดินรีบทำเป้าหมายอย่างรวดเร็ว แล้วเด่นถามว่าเขาจะช่วยอะไรได้บ้าง

“ไป แล้วเอาไก่หนุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดที่มีมาให้ฉัน! เร็วเข้า พ่อหนุ่ม!”

ตอนที่เขากลับมาพร้อมกับไก่หนุ่มที่หนีบอยู่ใต้แขนของเขา แล้วดาก็จับเอามันไป “ตอนนี้มัดเจ้าแพะตัวผู้ที่แข็งแรงที่สุดของเธอไว้กับเสายาวสักนิ้วให้แน่นจนขยับไม่ได้ ให้มันนั่งหรือยืนก็ได้”

ในขณะที่เด่นรีบออกไป ดาก็เกาะอยู่บนขอบโต๊ะเชือดคอหอยไก่ ตวงเอาเลือดออกมาใส่ชามไว้ โยนร่างไร้วิญญาณลงตะกร้าผักบนโต๊ะ แล้วรีบขึ้นไปชั้นบน

“ดิน” เขาพูดเมื่อมาถึงว่า เธอมีนมแพะ หรือนมชนิดใดก็ได้ในตู้เย็นไหม ถ้าไม่มี ก็เอาเหยือกออกมาแล้วรีดสด ๆ ใส่ลงไป ได้โปรดสาวน้อย ”

เธอไม่ได้ต้องการที่จะบอกแบบเร่งเร้า แล้วเธอก็ออกไป

“โอเค วรรณ เขาตื่นหรือยัง”

“ไม่เลยค่ะ ป้า ครึ่งหลับครึ่งตื่น”

“เอาล่ะ เธอบีบจมูกเขา แล้วฉันจะเอาเลือดหยอดให้ไหลลงคอ” เธอบีบกรามที่ปิดของเขาด้วยนิ้วหัวแม่มือและใช้นิ้วกลางเพื่อเปิดออก ดันหัวของเขาไปด้านหลัง แล้วเทเลือดไก่สองสามคำลงไปในลำคอของเขา ดาเดาทางที่เฮงพ่นออกมาเหมือนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซล ประมาณครึ่งหนึ่งของมันกำลังไหลลงไปถูกทางแล้ว

เฮงลืมตาขึ้นเล็กน้อย

“นังแม่มดแก่สองคนนี่กำลังทำอะไรกับฉันเนี่ย” เขากระซิบแผ่วเบา“ นั่นมันแย่มาก!”

“อ่า ฉันก็คิดอย่างนั้น” ดาพูดพร้อมกับบอกว่า“ มันเข้มข้นเกินไป เขาต้องสร้างความคุ้นเคยใหม่กับมัน”

เมื่อดินมาถึง เธอก็พูดว่า “นมสดอุ่น ๆ จากเจ้าฟลาวเวอร์ แพะที่ดีที่สุดของเรา”

ดาเอามันผสมกับเลือดที่เหลือ 50-50 แล้วเทลงคอของเฮงเหมือนครั้งก่อนที่ก็ได้ผลเหมือนเดิม แต่มีอาการต่อต้านเล็กน้อย

“ดูนั่นสิ!” เธออุทานขึ้นมา“ เขาแข็งแรงขึ้นมาแล้ว! เฮงกำลังพยายามต่อต้านพวกเรา เขากำลังขัดขืน บางทีเขาอาจจะยังไม่ตายไปเลยก็ได้!

“ถูกต้อง! วรรณเธอเอานมไปด้วย แต่เก็บส่วนที่เหลือไว้ครึ่งหนึ่ง ฉันจะกลับมาในอีกไม่กี่นาที”

เธอลงไปข้างล่าง และเรียกเด่น

“แพะตัวนั้นพร้อมแล้วใช่ไหม”

“ครับ ป้า มันอยู่ตรงนั้น”

“ดีมาก มากับฉัน”

ดากรีดรอยบากที่คอหอยของแพะด้วยมีดปลายปากกาที่คมกริบของเธอ แล้วสูบเลือดออกมาไม่กี่ร้อยมิลลิลิตร

“ดูไว้ว่าฉันทำอย่างไรบ้าง ไอ้หนู จงจำไว้ เพราะฉันคิดว่าเธอจะต้องทำมันทุกวันตั้งแต่นี้ไป”

ทั้งสองคนขึ้นไปข้างบนแล้วต้องแปลกใจที่เห็นเฮงกำลังพูดคุยกับภรรยากับลูกสาวของเขา เหมือนผู้ป่วยในโรงพยาบาลที่กำลังเบลอยาสลบ อ่อนเพลีย และงุนงง แต่ทว่าเพ้อ

ดาผสมเลือดแพะครึ่งต่อครึ่งกับนมแพะส่วนที่เหลือ แต่กระนั้นให้เขาลองดื่มเพียว ๆ ดูก่อน

“โอ้ ป้า นั่นมันน่าสะอิดสะเอียนมาก!

โอ้ หลานรัก… ” “พยายามดูก่อน” เธอพูดพลางยื่นแก้วที่มีของเหลวสีชมพูให้เขา

ใช่… มันค่อนข้างดีทีเดียว… มันคืออะไร ฉันสามารถรู้สึกได้ว่า มันทำให้ฉันดีขึ้นมาแล้ว”

เฮงดื่มมันอย่างกระหาย

“มันคือ เอ่อ มิลค์เชคกับสมุนไพร… มันดีใช่ไหม”

“ใช่ ป้า ดีมาก… สดชื่นมาก ๆ มีอีกไหม”

วรรณมองไปที่หมอผีเฒ่าที่พยักหน้ารับ วรรณเทให้อีกแก้ว แล้วช่วยสามีให้ดื่ม

“โอ้ ฉันดีใจมากเฮง ดากล่าว ฉันคิดว่าเราได้พบมิลค์เชคนี้เพื่อแก้ปัญหาสถาณการณ์ลำบากของเธอได้แล้ว แม้ว่าฉันมั่นใจว่าเราสามารถทำให้ดีขึ้นกว่านี้ได้อีกเล็กน้อย บางทีเราอาจจะสามารถหาส่วนผสมอื่นที่จะปรับเปลี่ยนรสชาติให้ดีขึ้นไปเรื่อย ๆ เพื่อให้มันไม่น่าเบื่อ รู้ใช่ไหม”

“ครับป้า ผมรู้ว่าป้าจะช่วยให้ผมมันผ่านพ้นไปได้”

“ทำได้ทุกอย่างเพื่อครอบครัวของฉัน ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือ” เธอตอบ และส่งรอยยิ้มที่อบอุ่นและจริงใจให้กับเขา

เธอผสมเลือดที่เหลือกับนมพร้อมด้วยสมุนไพรบางอย่างหนึ่งหยิบมือลงไปในมิลค์เชคห้าร้อยกว่ามิลลิลิตร แล้วพูดว่า:

“เฮง ฉันคิดว่าเธอควรจะพักผ่อนได้แล้ว ดูนั่น นี่เป็นมิลค์เชคสำหรับมื้อต่อไป และฉันจะสอนสมาชิกในครอบครัวเธอถึงวิธีทำมันให้เธอ ฉันลงไปข้างล่างก่อนนะ ตามสบายครับ เรียกฉันได้นะ ถ้าเธอต้องการฉัน เจอกันใหม่ หายเร็ว ๆ นะ”

ขณะที่ทุกคนนั่งสบาย ๆ ที่โต๊ะใหญ่ในสวน และวรรณได้นำเอาน้ำเย็นและผลไม้สดเพื่อเพิ่มความสดชื่นมาให้ทุกคน ดาเริ่มต้นพูดคุยกันในครอบครัว

“อย่างที่ฉันบอกไปตอนแรกว่าฉันไม่เคยพบเห็นเคยเรื่องเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน แต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นประสบการณ์ใหม่ของฉัน และจิตวิญญาณนำทางฉันให้พบวิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้องได้

“อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้ เรามีเพียงสิ่งที่เธออาจเรียกว่า “ทรัพยากรฉุกเฉิน” เท่านั้น จงเผชิญหน้ากับมัน เราให้เลือดสัตว์แก่เฮง ซึ่งพวกมันก็ไม่ได้กินอาหารเช่นเดียวกับมนุษย์ ดังนั้นเขาจะยังขาดสารอาหารที่สำคัญบางอย่าง

“สิ่งที่เราต้องทำ คือ ให้เลือดสัตว์ที่กินสิ่งที่มนุษย์กินแก่เขาให้เป็นปกติและต่อเนื่อง ยิ่งทำให้เหมาะสมกับเฮงได้เท่าไหร่ ยิ่งดีกับเขาเท่านั้น

ตอนนี้เราทุกคนรู้แล้วว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะกินสิ่งที่ร่างกายต้องการได้ในทุก ๆ วัน ดังนั้นเราอาจสันนิษฐานได้ว่าเฮงจะไม่ต้องการแบบนั้นเช่นกัน และหากเราให้เลือดไก่แก่เขา เขาจะขาดสารอาหารไปหลายอย่าง เพราะมีเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่จะทำให้ดีขึ้นและรอดชีวิตได้

“เช่นเดียวกัน ถ้าเขาเพียงแค่ดื่มเลือดแพะ หากว่าหญ้าไม่ได้มีสารอาหารเพียงพอสำหรับมนุษย์ในระยะยาว”

“แล้วป้าดาคิดว่ายังไงกับเรื่องนี้” เด่นถาม“ เราต้องหาเลือดลิงมาให้เขาหรือไม่”

“ใช่ นั่นคือความหมายของฉัน ถูกต้อง เด่น แต่ลิงก็ไม่ได้กินเหมือนที่พวกเรากินใช่ไหม”

เธอปล่อยให้ทุกคนช่วยกันคิดให้ลึกซึ้งในสิ่งที่เธอเสนอ ดินคิดมันได้ก่อน

“ป้าหมายความว่า พ่อจะต้องการเลือดของมนุษย์ปกติอย่างนั้นหรือ”

“ใช่ ดิน นั่นจะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด และอาจเป็นวิธีเดียวในระยะยาว ถ้าเธอไม่สามารถหาเลือดมนุษย์ได้ เธอจะต้องให้เลือดจำนวนมากแก่เขาจากสัตว์หลายชนิดเพื่อเทียบเท่ากับโภชนาการของมนุษย์ ยกตัวอย่าง..หมูที่กินอาหารที่เรากินกัน แต่มันไม่กินผลไม้มากเท่าไหร่ และมันไม่กินเนื้อหมูด้วยกันเอง

“ฉันคิดว่าเธออาจจะหา ‘ผู้บริจาคหมู.. สำหรับเฮง และเลี้ยงมันด้วยอาหารเฉพาะเพื่อได้เลือดที่ถูกต้อง และให้อาหารเสริมแก่มัน และเสริมด้วยเลือดของสัตว์ประเภทอื่น แต่ก็ต้องใช้ความพยายามอีกมากมาย เธอสามารถทำค็อกเทลเลือดไก่ แพะ หมู สุนัขและแมว แล้วเก็บมันไว้ในตู้เย็น แต่ไม่มีใครทำแบบนั้นมาก่อนเท่าที่ฉันรู้มานะ… ผลลัพธ์จะไม่สามารถคาดเดาว่ามันจะดีที่สุด

“ทางออกที่เป็นจริงเป็นเรื่องที่ธรรมดามากเช่นเดียวกับปลายจมูกบนหน้าของเธอนั้นล่ะ และมันก็คือ เลือดมนุษย์

“เราดูตัวอย่างทดสอบของพ่อเธอเจ็ดชั่วโมงก่อนหน้านี้ และหลักฐานมันก็ชัดเจน

“พ่อของเธอขาดเลือด!

“ไม่มีเลย!

“ไม่มีแม้สักหยด!

“ฉันจะทำให้เธอดู” ดาเอื้อมไปหยิบของที่กระเป๋าสะพาย และเอาตะไคร้น้ำที่ห่อด้วยใบตองออกมา “นี่คือผลฉี่ของพ่อเธอ ดูนี่” เธอจุดไฟเผามัน “เปลวไฟกระตุกเล็กน้อย

จากความชื้น แต่เห็นไหมว่าไม่มีสีใด ๆ ในเปลว นั่นคือการขาดวิตามิน ขาดเกลือแร่ ไม่มีสิ่งใดในเลือดเลย เขามีแค่น้ำในเส้นเลือด ถึงแม้ว่ามันจะยังคงมีสีแดงอยู่ก็ตาม

“พวกเราจะเอาเลือดเขาออกมาตรวจเล็กน้อยภายหลัง ถ้าเธอต้องการ ถ้าเขามีเลือดจริง ตะไคร้น้ำจะเหือดแห้งทันที และมีสีเหมือนถูกเผาไหม้

“ก้อนหินก็เหมือนกัน ดูสิ! เฮงบ้วนน้ำลายลงไปตรงนี้ แต่ไม่มีวงเกลือ ไม่มีอะไรเลย และมันก็เป็นเพียงน้ำอีกเช่นกัน พ่อของเธอไม่มีเลือดอยู่ในตัวเขา

“ไม่มีแม้แต่หยดเดียว!”

“มันเลวร้ายขนาดนั้นเลยเหรอครับ ป้าหมอ เด่นถาม

“แย่มากใช่ไหม แย่มากใช่ไหม เจ้าหนุ่ม มนุษย์ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้หากไม่มีเลือด!

“ฉันรักเธอมากนะ เด่น แต่เธอก็ยังโง่ได้จนในเวลานี้! เซ็กส์ขึ้นสมอง ฉันรู้ว่ามันเป็นธรรมดาของเด็กหนุ่มทั่วไป

“และมันเป็นแค่เพียง ‘ป้า’ ธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

“พ่อของเธอกลายเป็นแวมไพร์ไปแล้ว… ที่ผ่านมาเขากัดเธอหรือเปล่าล่ะ”

“ไม่ครับป้า แต่บางทีเขาอาจจะกัดแพะก็ได้ เราไม่อาจรู้ได้” เด่นตอบ

“โอ้ นี่มันเรื่องร้ายแรงนะ ร้ายแรงมากจริง ๆ ฉันเคยได้ยินกรณีแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน แต่ไม่เคยพบเห็นเลยจาก… ประสบการณ์อันมากมาย เอ่อ… ของฉัน

“ว้าว” เด่นอุทานออกมา พ่อกลายร่างเป็นผีปอบ เป็นแวมไพร์อย่างนั้นหรือ คอยดูนะ ฉันจะเล่าเรื่องนี้ให้พวกเพื่อน ๆ ฟัง! เฮงผีปอบ! นั่นมันสุดยอดมากเลย!”

“เขาจะตายในไม่ช้านี่ใช่ไหม” ดินถาม

“พวกเรากำลังพยายามจะช่วยเขา ดิน เราจะทำทุกอย่างที่ทำได้ แต่นั่นหมายความว่าอย่าเพิ่งเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง เด่น! นายเข้าใจไหม ไม่ว่าใคร ไม่ว่าใครทั้งนั้น เจ้าเด็กโง่!

“เธอแน่ใจนะว่าเด็กคนนั้น คือ เจ้าหนุ่มลีจริง ๆ เหรอ วรรณ” เธอเหลือบมองไปยังวรรณซึ่งกำลังทำหน้าบึ้งตึงใส่เธอด้วยความไม่เคารพ ทั้งที่เธอควรจะสำรวมต่อหน้าหญิงชราที่เพิ่งช่วยชีวิตสามีที่กำลังจะตายเอาไว้

“ก็นั่นแหละ นั่นคือ ทายาทของเธอ ท้ายที่สุดมันก็เป็นการตัดสินใจของพวกเธอทั้งสี่คน นับแต่นี้พวกเธอจะต้องเรียนรู้ขั้นตอนการรักษา และเฮงจะต้องได้รับการรักษา สำหรับชีวิตที่เหลืออยู่ของเขาซึ่งอาการแบบนี้จริง ๆ แล้วมันไม่มีทางรักษาได้เลย

ดาปล่อยให้ตัวเองทรุดตัวลงพิงเสาหลังคา และหลับตาราวกับว่าเธอกำลังปิดหนังสือ และอ่านจบแล้ว ครอบครัวมองไปที่เธอ แล้วต่างก็สงสัยว่าพวกเขาจะผ่านเรื่องราวนี้ไปได้อย่างไร

ในขณะที่ป้าดาดูเหมือนจะตกอยู่ในภวังค์ หรือเคลิ้มไป แต่อีกสามคนก็ถกเถียงกันว่าพวกเขาควรจะทำอย่างไรต่อไป

“เอาแบบนี้” วรรณกล่าว “เราไม่สามารถหาเลือดจากคนในท้องถิ่นได้มากพอใช่หรือไม่ พวกเขาส่วนใหญ่คิดว่าไม่ใช่เรื่องของพวกเขา อย่างดีก็ให้เลือดได้นิดหน่อย และเราไม่สามารถซื้อจากพวกเขาได้”

“เราสามารถขอบริจาคได้จากคนมาเที่ยว และนำเลือดจากพวกเขาใส่ขวด และเก็บไว้ในตู้เย็น… ” เด่นกล่าว

“เราไม่มีคนมาเที่ยวที่นี่เยอะนักนี่ เด่น” แม่พูดพร้อมเจาะปาก

“เราจะพยายามทำค็อกเทลจากเลือดสัตว์ต่าง ๆ และเราทุกคนสามารถบริจาคเลือดได้เดือนละหนึ่งไพน์” ดินช่วยกันนะ

“อืม ฉันไม่รู้ว่าคนคนหนึ่งสามารถให้เลือดได้เท่าไหร่ต่อปี แต่สิบสองไพน์ ฟังดูเยอะมากสำหรับฉัน คิดดูดี ๆ นะ”

“บางทีทุกคนในเครือญาติอาจจะต้องเตรียมที่จะบริจาคเลือดอย่างต่อเนื่อง ถึงอย่างไรพ่อของเธอก็เป็นที่รักของคนละแวกนี้นะ… ”

“เราสามารถเสนอซื้อเลือดทั้งหมดจากคนที่ตายแล้ว” เด่นเสนอความเห็น

“ฉันคิดว่า เธอต้องเอาเลือดออกจากร่างกายให้ได้ก่อนตาย ไม่อย่างนั้นหากหัวใจหยุดเต้น และจะไม่สามรถอะไรที่จะสูบออกมาได้”

“เราสามารถยกเท้าพวกเขาขึ้น และใส่ท่อไว้ที่คอหอย… หรือที่หัวใจ… หรือทั้งสองอย่างได้ไหม”

“ฉันรู้ ดังนั้นเมื่อมีคนเฒ่าคนแก่บางคนที่เรารักตายลง และทุกคนจะต้องมีการร้องไห้ เธอคิดว่าเราจะทำได้เร็วปานนั้นก่อนที่จะมีอาการตัวเย็น แล้วถามว่าเราจะมัดเท้าแล้วระบายเลือดใส่ถังให้พ่อดื่มทีหลังอย่างนั้นหรือ เฮ้อ

“เราจะทำได้ดีแค่ไหน เธอคิดว่าจะแย่ลงไหม”

“เราสามารถยื่นข้อเสนอบางอย่างไปก่อน… ”

“อย่าแม้แต่จะแนะนำสิ่งที่เลวทราม และโง่เขลาแบบนี้เลย!”

“เด็กทารกเป็นยังไงบ้าง … ไม่นะ เอ่อ” เด่นพูดแล้วก็เงียบลง คำแนะนำทั้งหมดของเขาถูกปฏิเสธจนถึงตอนนี้

“โดยสรุปจนถึงตอนนี้เราต้องทำอันดับแรกคือ รวบรวมเลือดจากสมาชิกในครอบครัว และอย่างที่สอง ทำค็อกเทลเลือดสัตว์ ซึ่งเราไม่แน่ใจว่าจะได้ผลหรือไม่

“มีอะไรอีกไหม”

“พวกเราสามารถทำได้… ไม่ บางทีอาจจะไม่… ” เด่นกล่าว

“มานี่ก่อน ออกมาเถอะ โง่หรือนั่น” แม่ของเขาพูด” เราไม่มีทางเลือกและต้องพิจารณาทุกทางเลือก”

“งั้นฉันอาจจะเป็นมุสลิมก็ได้… จากนั้นฉันก็สามารถมีภรรยาสี่คน และนั่นจะช่วยหาคนบริจาคเลือดได้อีกสี่คน… และถ้าพวกเขามีลูกอีกคนละสี่คน นั่นก็จะมีคนบริจาคอีกสิบหกคน และ… ”

“ได้ ตามนั้นเด่น ขอบคุณสำหรับความคิดนั้น! ฉันหวังว่าฉันจะไม่ถามตอนนี้… สิ่งต่อไป เธอจะแนะนำให้น้องสาวเธอทำ และหาเลือดอีกสองไพน์!”

ดินเลือดขึ้นหน้าอย่างสุดขีดในความคิดนั้น และตกใจที่แม่ของเธอพูดมาแบบนั้น แต่แล้วเด่นก็พยักหน้ากับความคิด จนวรรณได้เตะเขา

“เท่าที่ฉันเห็นเรามีอีกสองปัญหาที่เรายังไม่ได้พิจารณา” ดินกล่าว “ป้าดาบอกว่าจริง ๆ แล้ว พ่อต้องเห็นด้วยกับวิธีการของเรา เพราะเขาเป็นคนดื่ม และเราต้องการอีกในวันพรุ่งนี้”

“เราอาจจะใช้มิลค์เชคเลือดแพะอีกสำหรับพรุ่งนี้ แต่กระนั้นพ่อของเธอดูเหมือนจะชอบรสไก่มากกว่า แต่ก็ใช่ เธอพูดถูก เราต้องทำอย่างสม่ำเสมอกว่านี้ เราสามารถถามป้าเรื่องนี้ในภายหลัง สำหรับพ่อของเธอ เขาจะต้องกินทุกอย่างที่เราเอาให้เขา และต้องขอบคุณกับมันจนกระทั่งเขาจะแข็งแรงพอที่จะแยกแยะความต้องการด้านอาหารของตัวเองได้ แต่ฉันแน่ใจว่าเขาจะขอบคุณที่เธอนึกถึงเขา”

เมื่อทั้งสามคนถอยกลับไปสู่ความคิดเห็นของตัวเองสักสองสามนาที ดา ‘คิดขึ้นได้’

“เธอมีไอเดียใหม่ ๆ บ้างหรือไม่ หรือฉันควรพูดถึงแค่วิธีแก้ปัญหา”

“ไม่นะ ป้า” วรรณเปิดรับ“ เด่นมีไอเดียตามจินตนาการอยู่สองสามอย่าง แต่ก็ไม่สามารถเป็นไปได้จริง ๆ น่าเสียดายที่เราเหลือเพียงข้อเสนอเดียวกับที่ป้าทำเมื่อหลายชั่วโมงก่อน”

“ใช่ ฉันคิดว่านั่นคือสิ่งที่เธอจะพูด แต่พูดตามตรงว่านี่ไม่ใช่ปัญหาที่จะแก้ได้ง่าย ๆ เห็นด้วย ฉันว่าจะทำสมาธิปล่อยวางสักหน่อย แต่มันก็สายเกินไปสำหรับบ่ายนี้ และฉันก็เริ่มเหนื่อย ลูกของเธอจะพาฉันไปบ้านได้ไหม และเราทุกคนก็สามารถคิดแลดตัดสินใจเกี่ยวกับมันได้ใช่ไหม”

พวกเขารอให้เด่นกลับมาก่อนทานอาหารค่ำ ตรวจดูสัตว์เลี้ยง พาพวกมันไปอาบน้ำ และใช้ช่วงเวลาสุดท้ายของวันด้วยกันก่อนเข้านอนให้เร็วขึ้น เพราะความเหนื่อยล้ามาทั้งวัน อย่างไรก็ตามความจริงของเรื่องก็คือ ไม่มีใครอยากขึ้นไปชั้นบนตามลำพังที่ซึ่งมีแวมไพร์อยู่ที่นั่น ดังนั้นพวกเขาจึงอยากขึ้นไปพร้อมกันหมด

วรรณไม่ได้อยากจะนอนกับเขาเสียด้วยซ้ำ แต่เธอรู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ ดังนั้นการเป็นคนที่อาวุโสที่สุดจึงเป็นผู้นำเทียนพาลูก ๆ ที่หลบหลังฝ่าความมืดท่ามกลางความกลัวจนตัวสั่น

พวกเขาหยุดที่เตียงแต่งงานและจ้องมอง เฮงนั่งตัวตรงอยู่บนเตียง ผิวซีดเซียวและดวงตาแดงกร่ำเปล่งประกายในความมืด

“สวัสดีตอนเย็นทุกคนในครอบครัว!” เขาพูดด้วยเสียงต่ำและแหบห้าว

ทั้งสามคนขึ้นไปบนเตียงตามลำดับ แต่ไม่อาจละสายตาจากเฮงที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวตัวได้ แต่มีเพียงสายตาจ้องมองออกไปข้างหน้าของตัวเอง

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ศาสตร์ต้องห้าม   บทที่3

    3 ผีปอบเฮง พวกเขาได้ตื่นมาในตอนเช้าจากการเผลอหลับไปจากอาการเหนื่อยล้า เฮงห่มผ้าเรียบร้อยและหนุนหมอนสูง ทุกคนลุกขึ้น และลงไปข้างล่างทันทีเท่าที่จะสามารถทำได้ โดยเดินผ่านเตียงเขาไปอย่างรวดเร็ว “โว้ว แม่ เห็นพ่อเมื่อคืนนี้ไหม” เด่นถาม “ดวงตาของเขา และผิวของเขาสว่างจ้าอยู่ในห้อง แต่ทว่ามันเป็นดวงตาของเขาจริงหรือ มันเคยเป็นสีดำบนพื้นสีขาวเหมือนเรา แต่ตอนนี้พวกมันเป็นสีแดงบนพื้นสีชมพู… ฉันคาดว่า… คงเป็นเพราะเลือดทั้งหมดนั่นแน่ ๆ “แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ลูกเอ้ย แต่แม่คิดว่าลูกพูดถูก เธอคงต้องหามันเพิ่มอีก และพาน้องสาวเธอไปกับเธอด้วยเพื่อไปเอานมมาเพิ่มอีก เธอจำวิธีการที่ป้าเอาเลือดได้ไหม “ได้ครับแม่ ผมคิดว่าจะเอามันจากเจ้าแพะตัวผู้ดีไหม เพื่อให้มันเป็นตัวสุดท้ายที่จะเอาใช้รักษาได้ “ดี เป็นความคิดที่ดี เด่น ใช้เลือดแพะที่ต่างกันในแต่ละวัน และดินก็สามารถรีดนมตามปกติได้ในทุกวัน ในเวลานี้นมแพะทั้งหมดจะใช้สำหรับพ่อของเธอ ตกลงไหม เขาต้องการมันมากกว่าที่พวกเราหาได้ และเราไม่ต้องการให้เขาหิวในตอนดึกใช่ไหม” “ไม่นะ แม่ ไม่เด็ดขาด! ฉันต้องใช้เวลานานมากกว่าจะได้นอนเมื่อคืนนี้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2022-12-21
  • ศาสตร์ต้องห้าม   บทที่4

    4 เส้นทางสู่การฟื้นตัว พวกเด็ก ๆ พาเฮงลงไปนอน และถอดแว่นตากันแดดออกให้ เขาหลับตาลงแสร้งทำเป็นหลับจนกระทั่งได้ยินเสียงประตูปิดด้านหลัง จากนั้นจึงเปิดประตูอีกครั้งและลุกขึ้นนั่งบนเตียง เขาไม่ได้เหนื่อยอะไรเลย หรือไม่รู้สึกเลยด้วยซ้ำ พวกเขาทิ้งแสงเทียนยามค่ำคืนอันเล็ก ๆ ไว้ใกล้ทางเข้าประตูเหมือนที่เคยทำ ก่อนที่แสงตะวันจะจางหายไป แต่มันก็ไม่สว่างพอที่จะทำให้แสงสว่างภายในห้องขนาดใหญ่สว่างขึ้น อย่างไรก็ตาม เฮงจะได้เห็นทุกอย่างชัดเจนเช่นเดียวกับตอนกลางวัน เขารู้ว่านี่มันแปลก แต่ก็ยอมรับมันว่าเป็นการดีกว่าที่จะไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ในที่มืด เขารู้ตัวดีว่าเขาไม่เหมือนแต่ก่อน แต่จำไม่ได้เลยว่าก่อนหน้านี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง เขารู้แค่ว่ามีบางอย่างเปลี่ยนแปลง และเขาเป็นคนที่แตกต่างออกไปแล้วในตอนนี้ ภรรยาของเขาก็บอกว่าเขาชอบผักสลัดสีเขียว ‘ก่อนหน้านี้’ แต่เขาจดจำมันไม่ได้ และเขาพบว่าความคิดเกี่ยวกับกินผักมันช่างน่าสะอิดสะเอียนทีเดียว เขาไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่า ทำไมใคร ๆ ถึงชอบผักมากกว่าเนื้อ หรือมิลค์เชค เฮงรู้ดีว่าคำว่า ‘มิลค์เชค’ ก็ไม่ถูกต้องเช่นกัน แต่เขาไม่สามารถสรุปได้ว่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2022-12-21
  • ศาสตร์ต้องห้าม   บทที่5

    5 มันคือมนุษย์ หรือ มันคือนกกันแน่ เมื่อวรรณกับลูก ๆ ได้ขึ้นมาหาเฮง เฮงยังคงนอนหลับอยู่ ซ่อนตัวอยู่ในเตียงอย่างมิดชิด ความจริงคือ เขาไม่สามารถนอนได้จนกระทั่งฟ้าสาง แต่เนื่องจากครอบครัวของเขาคิดว่าเขาต้องการการนอนหลับเพื่อพักฟื้นจึงไม่มีใครคิดว่าจะมีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับเรื่องนี้ เวลาล่วงเลยกว่าสิบเอ็ดโมงเขาถึงโผล่ออกมา เขาสวมกางเกงขายาวที่สะอาด และไปที่กระจกเพื่อหวีผม และตรวจดูใบหน้าของเขาเพื่อดูความเปลี่ยนแปลง ตอนที่เขามองตัวเองในกระจก เขาพบว่ามีสองเรื่องใหญ่ที่สุดในชีวิตที่ทำให้เขาถึงกับช็อก เพราะเขามองทะลุผ่านตัวเองได้ เขาไม่ได้ไม่เห็นตัวตัวอย่างแน่นอน เพราะร่างกายบางส่วนของเขาสามารถมองเห็นได้ในกระจก แต่มันเหมือนกับการมองเงาสะท้อนของใครคนหนึ่งในน้ำที่ไหลช้า ๆ แล้วเขาก็เหลือบไปเห็นเตียงของเขาซึ่งอยู่ด้านหลังเขาพอดิบพอดี สิ่งนี้เขารู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่เขาก็ต้องเชื่อสายตาตัวเอง เขาพยายามเคลื่อนตัวไปทางซ้าย ไปทางขวา ก้าวเข้าไปใกล้ และถอยออกออกจากตรงนั้น แต่มันไม่ต่างกันเลย มันดูเหมือนว่าร่างกายของเขาค่อย ๆ จางไป หรือกำลังจะหายไป เฮงเลือกเอาเสื้อเชิ๊ตแขนยาว และและเสื้อ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2022-12-21
  • ศาสตร์ต้องห้าม   บทที่6

    6 เฮงกลับมาทำงานได้แล้ว หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน เฮงถึงคิดว่า ‘ขี้เกียจไปหมด’ ตื่นนอนตอนสิบเอ็ดโมง ซึ่งช้ากว่าปกติไปหกชั่วโมง เขาตัดสินใจว่าถึงเวลากลับคืนสู่สภาวะปกติแล้ว หากมันจะเป็นไปได้จริง ๆ อีกครั้ง แล้วในเช้าวันหนึ่งตาก็เกิดฝ้าฟาง เมื่อได้ยินเสียงคนอื่น ๆ ตื่น เฮงก็ตื่นด้วยเช่นกัน “เฮง เธอแน่ใจหรือว่าสบายดี ยังไม่ถึงสัปดาห์เลยด้วยซ้ำ!” “ฉันยังคงรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย ฉันจะยอมรับเรื่องนั้น แต่สถานการณ์นี้ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้อีก ฉันต้องรับเอาความรู้สึกปกติบางอย่างกลับเข้ามาในชีวิตของเรา นอนอยู่บนเตียงจนกว่าสิบเอ็ดโมงทุกวันไม่ได้ทำให้ใครมีอะไรดีขึ้น” “งั้นตกลง ถ้าเธอพูดอย่างนั้น แต่พาเด่นไปกับเธอด้วย เธอสามารถสอนรายละเอียดปลีกย่อยให้เขาในการเลี้ยงแพะ และเขาสามารถดูแลเธอได้หากเกิดอะไรขึ้น” ได้ โอเค วรรณ เธอเป็นผู้หญิงที่ดี ฉันจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีเธอ ขอบคุณที่คิดถึงฉันตลอดมานะ ฉันโชคดีที่เธอแต่งงานกับฉัน” “ออกไปเถอะน่า เธอมันปากหวาน” “ฉันหมายความว่าอย่างนั้นนะ จูบฉันหน่อยสิ!” “ไม่นะ เดี๋ยวเด็ก ๆ เห็น! หยุดสิ! แต่เธอน่าจะบอกฉันเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อค

    ปรับปรุงล่าสุด : 2022-12-21
  • ศาสตร์ต้องห้าม   บทที่7

    7 การพัฒนาด้านโภชนาการของเฮง หลังจากนั้นสองสามอาทิตย์ของการดื่มแค่เพียงมิลค์เชคเลือดแพะ เฮงเริ่มรู้สึกเบื่อหน่าย เขาได้ลองชิมรสไก่ แต่ไม่ชอบจริง ๆ แม้ว่าเขาจะดื่มมันเพื่อไม่ให้เสียเปล่าเวลาที่พวกเขาเชือดไก่ เขากินมันด้วยรสชาติแบบเดิม ๆ แบบที่เด็ก ๆ กินบรอกโคลีหรือ กระหล่ำปลี เขาคิดว่าเขาจะสูบเลือดสุนัขของเขา แต่ก็ไม่ชอบความคิดนี้เท่าไหร่นัก ก่อนที่เขา ‘ป่วย’ เขากินงู หนู และกบเป็นประจำ แต่เขาคิดว่าพวกมันจะมีเลือดไม่เพียงพอสำหรับมื้ออาหารที่เหมาะสมนัก เขาพิจารณาว่าจะต้องใช้สัตว์อย่างน้อยสองหรือสามตัวต่อการล่าหนึ่งครั้ง และที่นั่นก็ไม่ได้มีหนูมากนัก มีงูเต็มไปหมด ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงไม่มีหนูอยู่มากนัก ไม่มีสัตว์ชนิดอื่นในพื้นที่เลย มนุษย์เป็นสัตว์ที่แพร่พันธุ์มากที่สุด และนั่นคือสิ่งที่ทำให้เขากลัว เพราะเขาเริ่มหิวกระหายเลือดของมนุษย์ ครอบครัวของเขาจะปลอดภัยจากเขา เพราะนั่นมันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องสำหรับเฮง เทียบเท่ากับการร่วมประเวณีระหว่างพี่น้อง แต่เขาคิดถึงคนอื่น และผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ด้วยเหตุผลที่คล้ายกันว่าทำไมเขาถึงไม่แตะต้องครอบครัวของเขา ทุกคืนหลังจากอาหา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2022-12-21
  • ศาสตร์ต้องห้าม   บทที่8

    8 การทดลองของเฮง เฮงพบว่าการไปทำงานค่อนข้างหักโหมเกินไป ร่างกายของเขาต้องการที่จะนอนทั้งคืนและอยู่บนเตียงทั้งวัน แต่แพะเป็นสัตว์ออกหากินในเวลากลางวัน ดูเหมือนมันตรงกันข้ามกันเลย อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่ปัญหาที่แท้จริง เพราะเด่นรับผิดชอบฝูงแพะได้เป็นอย่างดี และเฮงก็ออกไปกับเขาสองหรือสามครั้งต่อสัปดาห์เพื่ออธิบายเส้นทางและทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ที่เขายังไม่รู้ อย่างไรก็ตามเขาต้องการทำสิ่งที่สร้างรายได้ให้ครอบครัวอย่างต่อเนื่อง และงานกลางคืนเพียงอย่างเดียวที่เขาคิดได้คือ การตกปลา เขาจึงทำแบบนั้นในทุกวันที่เขาไม่ได้ออกไปข้างนอกกับเด่น เป็นงานที่เหมาะกับเขาจริง ๆ เพราะเขาสามารถจัดสรรเวลาทำได้หลายอย่าง การได้บินสี่หรือห้าชั่วโมงแล้วกลับมาก่อนรุ่งสาง เพื่อกู้เหยื่อที่ติดกับดักและใส่สายเบ็ดใหม่ เขาวางกับดักหนูไว้ในแปลงผัก และหนูทุกตัวก็มีค่ามากกว่าไก่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันเทศกาลที่พวกเขาสามารถตรึงราคาได้มากกว่าไก่ถึงสามเท่า นอกจากนี้เขายังจับงูที่ขวางทางเขา และพวกมันก็เป็นอาหารอันโอชะที่มีค่ามากกว่าไก่ ทั้งหมดทั้งมวลนั้น เขาให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจของครอบครัวมากกว่าที่จะออกไปข้างนอก ใ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2022-12-21
  • ศาสตร์ต้องห้าม   บทที่9

    9 เกสต์เฮาส์ เมื่อเด็ก ๆ เข้านอน เฮงก็ได้คุยกับวรรณ เรื่องที่เขาจะออกไปข้างนอกกับเด่นในวันรุ่งขึ้น ดินและภรรยาของเขาจะจัดการใส่เบ็ดใหม่ และวางกับดักให้เขา หลังอาหารเช้าในช่วงเช้า “เฮง ดึงให้เป็นจังหวะหน่อยสิ ดินรู้สึกเบิกบานใจเหมือนเด็กไปร้านขนมหวานแล้วมีเงินติดตัวไปพอ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าจะดีใจแทนลูก หรือโกรธเธอที่ใช้ลูกเพื่อวัตถุประสงค์ของตัวเอง” “คิดดูนะ วรรณ มีอะไรแฝงอยู่ในนั้นนะ ฉันยอมรับ แต่เธออยากให้ดินเป็นแค่คนสวนงั้นหรือ หรือมีทักษะในการพยาบาลด้วย เธอก็ไม่ใช่เด็กโง่ และเวลามันเปลี่ยนไปแล้ว นี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับเธอ สมองของเธอจะไม่ตาย เพราะความเบื่อหน่ายและหยุดนิ่ง เป็นเหมือนเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายที่ฉลาดหลักแหลมส่วนใหญ่ที่ทำกันในหมู่บ้าน และเธอจะมีคุณค่าสำหรับครอบครัวและชุมชน พยาบาลคนอื่นในพื้นที่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับครอบครัวไม่ได้เป็นเรื่องเลวร้ายไม่ใช่หรือ และตัวเธอเองบอกว่าเธอสนใจในงานของป้าดา และสิ่งนี้ก็เก็บไว้เป็นความลับของครอบครัวด้วย “ฉันยอมรับว่ามันเป็นประโยชน์ต่อฉันเช่นกัน อาจจะมากกว่าที่พวกเธอได้รับ แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่แค่การกระทำที่เห็นแก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2022-12-21
  • ศาสตร์ต้องห้าม   บทที่10

    10 ธุรกิจใหม่ของครอบครัว เฮงเข้านอนเร็วพอสมควรในคืนนั้น เพราะเขาต้องการจะตื่นพร้อมครอบครัวของเขาในตอนเช้า แต่เขาคิดว่าเขาอาจจะต้องการงีบในช่วงบ่ายที่โต๊ะอาหาร เขาได้พูดกับเด่นว่า “พ่อคิดว่ามันจะดีกว่า ถ้าเธออยู่ใกล้บ้านและอยู่กับแพะในวันนี้ เจ้าลูกชาย” เด่นไม่อยากให้เฮงพูดอะไรอีก เขาจึงได้แต่ฝืนยิ้ม “ได้ครับพ่อ เอาตามที่พ่อพูดเลยครับ” ใช่ ถ้าลูกลงไปที่แม่น้ำ ก็สามารถตรวจดูคันเบ็ดและจัดวางมันเสียใหม่ วันนี้พ่อคงจะยุ่งอยู่ที่นี่ทั้งวัน กิจวัตรประจำวันของเราอาจจะต้องเปลี่ยนไปในสองสามวันนี้นะ” “โอเคครับ พ่อ ว่าแต่กระเป๋าเป้อีกใบล่ะ” “โอ้ ใช่สิ ฉันจะลืมเรื่องนั้นไปเลย… เอ่อ ปล่อยแพะไว้ก่อน แล้วไปเอามันมาก่อนเถอะ เธอสามารถเอาสกู๊ตเตอร์ไปได้ มันมีหลายอย่าง ดังนั้นเธอจะได้กลับมาภายในหนึ่งชั่วโมง หรือประมาณนั้น เธอจะกลับมาก่อนเด็กผู้หญิงตื่นมา แล้วมันจะเป็นเรื่องน่าเซอร์ไพรส์สำหรับพวกเขา แพะมันรอเธอได้อยู่” ในความเป็นจริงเขากลับมาภายในหนึ่งชั่วโมง ไม่อยากเสียเวลาสักนาทีในความโชคดีของเขาไปนานกว่านี้ ครอบครัวลียังอยู่ที่โต๊ะตอนที่เขากลับมา และเฮงส่งดินไปดูคนออสเตรเล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2022-12-21

บทล่าสุด

  • ศาสตร์ต้องห้าม   บทที่16

    แม่เสือลิลลี่แห่งกรุงเทพมหานคร โดย โอเวน โจนส์ (Owen Jones) ตอนที่ 1: คืนวันเสาร์ตอนกลางคืน ลิลลี่นอนแช่อยู่ในอ่างน้ำร้อนที่สุดเท่าที่เธอจะทนได้ แช่ตัวไว้สิบนาที แล้วขัดผิวอีกสิบนาทีก่อนจะทำวนซ้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอพยายามจะลบกลิ่นของ ‘หมู’ ออกจากตัวเธอ นั่นคือสิ่งที่เธอคิดว่ามันต้องมีกลิ่นติดอยูเป็นแน่ และเธอก็คิดไม่ถึงว่ามันจะมีกลิ่นเลวร้ายแบบนี้อยู่ในโลก เธอเริ่มที่จะถูกครอบงำด้วยมันแล้ว หรือหลายคนอาจจะพูดแบบนั้นว่าเธอกำลังหมกมุ่นอยู่ แต่เธอไม่สามารถช่วยมันหายไปได้อีกต่อไป หากมีเวลาก็จะถูกใช้ไปด้วยความหมกมุ่นของเธอ ซึ่งมันก็ผ่านมานานแล้ว ตอนนี้เธอก็ติดอยู่กับมัน ไม่สำคัญว่าเธอจะแช่น้ำนานแค่ไหน หรือถูแรงแค่ไหน ในช่วงแรกเธอเปลี่ยนชื่อบ่อยด้วยหวังว่าชื่อใหม่จะชะล้างมลทินจากตัวเธอได้ แต่ก็ไม่มีผลอะไร เธอเชื่อโชคลางมากเช่นเดียวกับผู้คนจำนวนมากในชนบท แต่ตอนนี้ได้ลดน้อยลงไปบ้างแล้ว เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรช่วยให้สถานการณ์เลวร้ายของเธอดีขึ้นได้ เธอนึกถึงเกี่ยวกับเรื่องของครอบครัวเธอ และสงสัยอีกว่ามันเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ที่พวกเขาไม่ได้อยู่ที่นั่นเพื่อช่วยเธอ หรือมันเป็นเ

  • ศาสตร์ต้องห้าม   บทที่15

    15 สภาค้างคาวแห่งแรก เมื่อถึงเวลาที่วรรณหายป่วยแล้ว ก็ไม่มีค้างคาวที่อายุเกินสิบห้าปีหลงเหลืออยู่ในหมู่บ้านเลยตำรวจท้องที่สองคนเป็นค้างคาว พยาบาลและครูทุกคนก็เป็นค้างคาว ผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยทุกคนก็เช่นกัน ตำแหน่งหน้าที่รับผิดชอบทั้งหมดถูกโดยค้างคาว และค้างคาวทั้งหมดถือว่าเฮงเป็นผู้นำของพวกมัน ลอยควรเป็นหมายเลขสองตามสิทธิ์ทั้งหมด แต่เธอผลัดไปให้วรรณ ดังนั้นเฮงและวรรณจึงเป็นกษัตริย์และราชินีของหมู่บ้านโดยพฤตินัย แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยแสดงออกในแง่นั้นเลย เนื่องจากค้างคาวเป็นสังคมนิยมและเป็นคอมมิวนิสต์โดยธรรมชาติ การประชุมตามตารางของเฮงไม่สามารถจัดการได้เมื่อหลายเดือนก่อน แต่ก็ยังยินดีต้อนรับทุกคน เฮงเรียกประชุมในคืนวันเสาร์ เนื่องจากมีคนเพียงไม่กี่คนที่ทำงานในวันอาทิตย์ มากกว่า 1,500 คน ได้กลายร่างไปเป็นค้างคาว และนั่งรอบสนามหญ้ารอบโต๊ะของเขาด้วยร่างที่เปลือยเปล่าโดยไม่มีการรบกวนจากยุง เพราะพวกเขาไม่มีเลือดที่มาดึงดูดพวกมัน เฮงยืนด้วยร่างเปลือยเปล่าแบบตัวอื่น ๆ ถึงแม้ว่าเขามีผ้าเช็ดตัวสี่ผืนอยู่บนโต๊ะสำหรับตัวเอง และครอบครัวของเขา เขาน้ำตาคลอเบ้า เมื่อได้รับการตอบรับจากก

  • ศาสตร์ต้องห้าม   บทที่14

    14 ปรากฏการณ์ฝูงค้างคาว ลอยและเฮงเจอกันบ่อยขึ้น แต่ไม่ใช่ทุกคืนเพราะเธอไม่สามารถหนีได้ตลอดเวลา และบางครั้งเธอก็เมามากเช่นกัน พวกเขาบินกันบ่อยมาก แต่ยังมีการพูดคุยกันบนโต๊ะของเฮงที่ริมแม่น้ำภายใต้ความมืดมิด ซึ่งก็เช่นเดียวกับที่พวกเขานั่งอยู่ที่นั่นเสมอแบบเปลือยเปล่าทั้งตัวเหมือนแม่มดในพันธสัญญา พวกเขาได้ข้อสรุปว่าต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์กว่าที่ใครบางคนจะกลายเป็นแวมไพร์หลังจากถูกกัด และในช่วงเวลานั้นแวมไพร์รุ่นเยาว์จะป่วยหนักมากเกือบถึงประตูแห่งความตาย เมื่อเลือดเปลี่ยนเป็นน้ำ และไตหยุดทำงาน มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้เฮงยังคงงงงวยอยู่ เขารู้สาเหตุว่าทำไมคนอื่นถึงได้กลายเป็นแวมไพร์ แต่เขาไม่รู้ว่าทำไมมันถึงเกิดขึ้นกับเขา ข้อสรุปเชิงตรรกะคือ เขาถูกกัดเช่นกัน แต่โดยใครล่ะและเขาจำรอยกัดไม่ได้เลย ภายในหนึ่งเดือนชุมชนค้างคาวเติบโตขึ้นเป็นสิบ ๆ คน เป็นผู้หญิงแปดคนและผู้ชายสองคน ทั้งหมดอายุต่ำกว่ายี่สิบห้าปี และยังมีเพิ่มอีกหกคนเป็นผู้หญิงสี่คนและผู้ชายสองคนที่ยังอยู่ในระยะดักแด้ตามที่พวกเขาเรียกกันมา เฮงและลอยได้ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับการเป็นค้างคาวให้ลูกศิษย์ของพวกเขา แ

  • ศาสตร์ต้องห้าม   บทที่13

    13 ค้างคาวหนุ่มสาว เฮงลงไปที่แม่น้ำก่อนอาหารค่ำเพื่อทำงาน ซึ่งเร็วกว่าปกติ แต่กลับไปกินข้าวกับทุกคน แม้ว่าเขาจะกินซุปและมิลค์เชคแพะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาต้องการที่จะอยู่รอบ ๆ สนามหญ้าในคืนนั้นก็แค่เผื่อว่าลอยมีโอกาสมาเข้าร่วมกับเขา เฮงทำหน้าที่ผสมเหล้าสำหรับแขกใหม่ของเขา และพวกเขายังมีตู้เย็นขนาดเล็กบนโต๊ะข้างตู้ขนาดใหญ่ที่พวกเขานั่งด้วย ตู้แช่เป็นกระจกใสอยู่ด้านหน้าประตู ดังนั้นแขกสามารถที่จะเห็นข้างใน ขวดเบียร์ช้าง และเบียร์ลีโอ โค้กกระป๋อง และมีบางอย่างคล้ายช็อกโกแลตอยู่สองสามแท่ง นอกจากนี้ยังมีกระดานแขวนอยู่ที่ปลายสุดของขื่อซึ่งแสดงรูปภาพผลิตภัณฑ์ไอศกรีมของวอลส์ ซึ่งวรรณมีอีกครึ่งหนึ่งอยู่ในช่องแช่แข็ง เพื่อนของเขา บอน เจ้าของร้านค้าได้ให้กระดานรายชื่อไอศครีมที่มีสำรองแก่เขา และขายไอศครีมให้เขา วรรณได้ติดสติกเกอร์เกินราคาขายปลีกที่ได้รับการแนะนำ และเพิ่มไปอีก 15% กับพวกเขา สิ่งนี้ทำให้พวกเขาได้รับผลกำไรที่ดีจากส่วนลด 15% ที่บอนมอบให้แก่พวกเขา มีเพียงปัญหาเดียวคือต้องหยุดดินที่จะกินมันหมดเสียก่อน        อาหารค่ำสำหรับทุกคน ยกเว้นเฮงที่เป็นข้าวต้ม แกงกะหรี่ไ

  • ศาสตร์ต้องห้าม   บทที่12

    12 วาระแห่งการหยุดพัก ในมื้อเช้าของวันรุ่งขึ้น เด่นบอกพ่อของเขาว่ามีเลือดอีกลิตรสำหรับเขาในช่องแช่แข็ง “พ่อครับ ผมค้นพบวิธีที่ดีที่จะเอามันมาแล้ว ใช้ขวดน้ำพลาสติกบาง ๆ แล้วบีบเอาอากาศออก จากนั้นทำการตัดที่คอขวด และให้พอดีกับปากขวดแล้วเปิดมันออก ถ้าพ่อนวดขวด มันจะดูดเลือดออกมาทันที ฉันเอามันมาจากเคธีเมื่อคืนนี้ หนึ่งในเด็กสาวฮิปปี้ในกลุ่มนั้น “ทำได้ดีมากลูกชาย นั่นเป็น…. มันเป็นสิ่งสร้างสรรค์มาก ๆ ของเธอ” เด่นไม่รู้เลยว่าแม่ของเขาไม่รู้เรื่องเลือดของมนุษย์ในช่องแช่แข็ง แต่ตอนนี้เธอกำลังฟังอยู่ “ฉันกำลังฟังคุณสุภาพบุรุษทำสิ่งถูกต้องแล้วงั้นหรือ เรามีเลือดมนุษย์อยู่ในช่องแช่แข็งงั้นหรือ “ฉันไม่แน่ใจว่ามันเหลือเท่าไหร่ แต่เด่นใส่เพิ่มไปอีกอีกลิตรเมื่อคืนนี้ ใช่ไหม ทำไมล่ะ ที่รักของฉัน” “มันน่าขยะแขยงเกินใช่ไหม ฉันไม่ได้รังเกียจเลือดสัตว์มากมายอะไรนะ แต่มนุษย์นี่มัน” “โอ้ แต่วรรณ มันมีคุณภาพที่ดีกว่ามากนะ มันเป็นความแตกต่างระหว่างกินตีนไก่ และอกไก่ ไม่มีข้อเปรียบเทียบ และมันทำให้ฉันรู้สึกสุขภาพดีขึ้น จำได้ไหมว่าป้าดาบอกอะไรเมื่อเดือนที่แล้ว” ใช่ ฉันก็ค

  • ศาสตร์ต้องห้าม   บทที่11

    11 วิถีฮิปปี้ หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วันของการให้เลือดในทุกคืน เด็กสาวก็อ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ได้อาหารเช้าพิเศษของคุณนายลีควบคู่กับยาบำรุง และอาหารเสริมบางอย่างที่ป้าดาจัดเตรียมให้ นั่นหมายความว่าพวกเขาจะไม่ได้รับอันตรายใด ๆ ปัญหาเดียวคือ พวกเขาสังเกตเห็นบาดแผลที่คอและไม่เข้าใจว่าเหตุใดมันจึงไม่หาย วันหนึ่งสถานการณ์ที่มีความสุขของเฮงก็มาถึงจุดสิ้นสุดลงของตัวมันเอง พวกเขามีข้อซักถามมากมายในเว็บไซต์ของพวกเขา แต่ไม่เคยมีใครโผล่มาเลย ในครั้งนี้มีข้อความกล่าวว่า: ‘เคยได้พยายามกดกระดิ่งแจ้งเตือนหลายครั้ง แต่ไม่สามารถผ่านเข้าได้ อย่างไรก็ตามเราจะเชื่อมั่นในคำพูดของคุณว่าคุณจะไม่มีวันละเลยผู้ใด พวกเรามีผู้เดินทางจำนวน 8 (แปด) คน ที่เดินทางทั่วไทยด้วยรถมินิแวน เราจะไปถึงหมู่บ้านของคุณเพื่อหาเส้นทางไปยังเกสต์เฮาส์ “เดอะ เมาน์เทน รีทรีต” ในบ่ายวันพรุ่งนี้ แล้วพบกัน จะอยู่หนึ่งวัน หรืออาจจะสองวัน จิม’ พวกเขาแทบรอไม่ไหวที่จะติดต่อกลับไปบอกนายและนางลี ซึ่งซื้อที่นอนไปแล้ว แต่ยังไม่มีเตียง ตอนนี้ก็คงไม่มีเวลาแล้วเช่นกัน ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ต้องนอนบนพื้นเหมือนคนไทยส่วนใหญ่

  • ศาสตร์ต้องห้าม   บทที่10

    10 ธุรกิจใหม่ของครอบครัว เฮงเข้านอนเร็วพอสมควรในคืนนั้น เพราะเขาต้องการจะตื่นพร้อมครอบครัวของเขาในตอนเช้า แต่เขาคิดว่าเขาอาจจะต้องการงีบในช่วงบ่ายที่โต๊ะอาหาร เขาได้พูดกับเด่นว่า “พ่อคิดว่ามันจะดีกว่า ถ้าเธออยู่ใกล้บ้านและอยู่กับแพะในวันนี้ เจ้าลูกชาย” เด่นไม่อยากให้เฮงพูดอะไรอีก เขาจึงได้แต่ฝืนยิ้ม “ได้ครับพ่อ เอาตามที่พ่อพูดเลยครับ” ใช่ ถ้าลูกลงไปที่แม่น้ำ ก็สามารถตรวจดูคันเบ็ดและจัดวางมันเสียใหม่ วันนี้พ่อคงจะยุ่งอยู่ที่นี่ทั้งวัน กิจวัตรประจำวันของเราอาจจะต้องเปลี่ยนไปในสองสามวันนี้นะ” “โอเคครับ พ่อ ว่าแต่กระเป๋าเป้อีกใบล่ะ” “โอ้ ใช่สิ ฉันจะลืมเรื่องนั้นไปเลย… เอ่อ ปล่อยแพะไว้ก่อน แล้วไปเอามันมาก่อนเถอะ เธอสามารถเอาสกู๊ตเตอร์ไปได้ มันมีหลายอย่าง ดังนั้นเธอจะได้กลับมาภายในหนึ่งชั่วโมง หรือประมาณนั้น เธอจะกลับมาก่อนเด็กผู้หญิงตื่นมา แล้วมันจะเป็นเรื่องน่าเซอร์ไพรส์สำหรับพวกเขา แพะมันรอเธอได้อยู่” ในความเป็นจริงเขากลับมาภายในหนึ่งชั่วโมง ไม่อยากเสียเวลาสักนาทีในความโชคดีของเขาไปนานกว่านี้ ครอบครัวลียังอยู่ที่โต๊ะตอนที่เขากลับมา และเฮงส่งดินไปดูคนออสเตรเล

  • ศาสตร์ต้องห้าม   บทที่9

    9 เกสต์เฮาส์ เมื่อเด็ก ๆ เข้านอน เฮงก็ได้คุยกับวรรณ เรื่องที่เขาจะออกไปข้างนอกกับเด่นในวันรุ่งขึ้น ดินและภรรยาของเขาจะจัดการใส่เบ็ดใหม่ และวางกับดักให้เขา หลังอาหารเช้าในช่วงเช้า “เฮง ดึงให้เป็นจังหวะหน่อยสิ ดินรู้สึกเบิกบานใจเหมือนเด็กไปร้านขนมหวานแล้วมีเงินติดตัวไปพอ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าจะดีใจแทนลูก หรือโกรธเธอที่ใช้ลูกเพื่อวัตถุประสงค์ของตัวเอง” “คิดดูนะ วรรณ มีอะไรแฝงอยู่ในนั้นนะ ฉันยอมรับ แต่เธออยากให้ดินเป็นแค่คนสวนงั้นหรือ หรือมีทักษะในการพยาบาลด้วย เธอก็ไม่ใช่เด็กโง่ และเวลามันเปลี่ยนไปแล้ว นี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับเธอ สมองของเธอจะไม่ตาย เพราะความเบื่อหน่ายและหยุดนิ่ง เป็นเหมือนเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายที่ฉลาดหลักแหลมส่วนใหญ่ที่ทำกันในหมู่บ้าน และเธอจะมีคุณค่าสำหรับครอบครัวและชุมชน พยาบาลคนอื่นในพื้นที่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับครอบครัวไม่ได้เป็นเรื่องเลวร้ายไม่ใช่หรือ และตัวเธอเองบอกว่าเธอสนใจในงานของป้าดา และสิ่งนี้ก็เก็บไว้เป็นความลับของครอบครัวด้วย “ฉันยอมรับว่ามันเป็นประโยชน์ต่อฉันเช่นกัน อาจจะมากกว่าที่พวกเธอได้รับ แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่แค่การกระทำที่เห็นแก

  • ศาสตร์ต้องห้าม   บทที่8

    8 การทดลองของเฮง เฮงพบว่าการไปทำงานค่อนข้างหักโหมเกินไป ร่างกายของเขาต้องการที่จะนอนทั้งคืนและอยู่บนเตียงทั้งวัน แต่แพะเป็นสัตว์ออกหากินในเวลากลางวัน ดูเหมือนมันตรงกันข้ามกันเลย อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่ปัญหาที่แท้จริง เพราะเด่นรับผิดชอบฝูงแพะได้เป็นอย่างดี และเฮงก็ออกไปกับเขาสองหรือสามครั้งต่อสัปดาห์เพื่ออธิบายเส้นทางและทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ที่เขายังไม่รู้ อย่างไรก็ตามเขาต้องการทำสิ่งที่สร้างรายได้ให้ครอบครัวอย่างต่อเนื่อง และงานกลางคืนเพียงอย่างเดียวที่เขาคิดได้คือ การตกปลา เขาจึงทำแบบนั้นในทุกวันที่เขาไม่ได้ออกไปข้างนอกกับเด่น เป็นงานที่เหมาะกับเขาจริง ๆ เพราะเขาสามารถจัดสรรเวลาทำได้หลายอย่าง การได้บินสี่หรือห้าชั่วโมงแล้วกลับมาก่อนรุ่งสาง เพื่อกู้เหยื่อที่ติดกับดักและใส่สายเบ็ดใหม่ เขาวางกับดักหนูไว้ในแปลงผัก และหนูทุกตัวก็มีค่ามากกว่าไก่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันเทศกาลที่พวกเขาสามารถตรึงราคาได้มากกว่าไก่ถึงสามเท่า นอกจากนี้เขายังจับงูที่ขวางทางเขา และพวกมันก็เป็นอาหารอันโอชะที่มีค่ามากกว่าไก่ ทั้งหมดทั้งมวลนั้น เขาให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจของครอบครัวมากกว่าที่จะออกไปข้างนอก ใ

DMCA.com Protection Status