ชุยอันหรูไม่แปลกใจ ท่าทางยังคงเรียบเฉย“อาจารย์ทำสิ่งใดย่อมไม่ต้องอธิบายกับหม่อมฉัน เพียงแต่ท่านอยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง ไปมาไร้ร่องรอยเพคะ”“ใช่สินะ หลายปีมานี้ข้าอยากตามหาเขาเพื่อมารักษาโรคของเชินเอ๋อร์ ทว่าแม้แต่คนที่เขารักษา ก็ยังไม่มีวิธีหาตัวเขาพบ โชคดีที่ยังมีเจ้า” เมื่อองค์ไทเฮานึกถึงเรื่องนี้ ก็ยังรู้สึกจนปัญญาอยู่บ้างชุยอันหรูไม่ได้อธิบายกับนาง หากฮ่องเต้ทุ่มเทตามหาหมอเทวดาจริง จะหาไม่พบงั้นหรือ?ในใจไทเฮาเองก็คงทราบดี เพียงแต่ไม่อาจอธิบายอย่างชัดเจนเท่านั้นเอง“เรื่องระหว่างเจ้ากับเซียวรั่ง คงไม่สามารถจบลงด้วยดี ยามนี้ยังเกี่ยวพันไปถึงตระกูลหลินและตระกูลเวิน หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป ข้าเกรงว่าเจ้าจะยืนหยัดไม่ไหว อันหรู เจ้าเคยคิดจะจากเมืองหลวงไปสักระยะหรือไม่?”ถ้อยคำของไทเฮาคือการถามอย่างจริงจัง“ไม่เพคะ”ชุยอันหรูเองก็ตอบอย่างเด็ดเดี่ยว โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อยไทเฮาคล้ายเดาได้แต่แรก จึงยิ้มอย่างอ่อนโยนมีเมตตา“บุตรสาวเจิ้นกั๋วกง ย่อมไม่เกรงกลัวต่อเรื่องใด”ชุยอันหรูไม่พูดต่อ นางไม่ได้เกรงกลัวผู้คนที่วุ่นวายโกลาหลในเมืองหลวงเหล่านี้“คนของแคว้นต้าชิ่งใกล้มาแล้ว” ไ
หลังจากหลี่ฮองเฮาถูกดักคอ กลับไม่ย่อท้อ“เจ้าไม่กังวลว่าต่อไปพี่สะใภ้เจ้าจะแต่งงานใหม่หรือ? อีกทั้งเจ้าเองก็ต้องออกเรือน”ชุยอันหรูพยายามกดความดูแคลนที่มีต่อหลี่ฮองเฮาไว้ในใจ“หม่อมฉันไม่ได้กังวล ฮองเฮากังวลพระทัยหรือเพคะ?”หลี่ฮองเฮาถอนหายใจเสียงค่อย “ก็ใช่ว่าจะกังวล เพียงแต่ทุกครั้งที่นึกถึงท่านกั๋วกงที่ต่อสู้เสี่ยงตายเพื่อฮ่องเต้มาหลายปี ทว่าสุดท้ายกลับไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตในบั้นปลาย”ชุยอันหรูไม่ได้พูดต่อ ปล่อยให้หลี่ฮองเฮาแสดงต่อไปนางนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างว่าง่าย พร้อมทำท่าปล่อยให้อีกฝ่ายพล่ามต่อไปเดิมทีหลี่ฮองเฮายังคิดจะพูดต่อ ทว่าเมื่อสังเกตเห็นชุยอันหรูที่นิ่งราวกับตกอยู่ในภวังค์ คำพูดของตนยั่วยุนางไม่ได้สักนิดพลังการต่อสู้ในใจนางถูกปลุกขึ้นอีกครั้ง จึงเอ่ยไปว่า “เจ้ารู้หรือไม่ ราชทูตของแคว้นต้าชิ่งอยู่ระหว่างทางแล้ว ผู้ที่เดินทางมาในครั้งนี้คือองค์ชายท่านหนึ่งที่ยังไม่แต่งงาน”ชุยอันหรูทำท่าตรึกตรองอยู่สักครู่ จากนั้นทำท่าเหมือนรู้เรื่อง เอ่ยกับนางอย่างอ่อนน้อม “ฮองเฮา หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ ถึงเวลานั้นหม่อมฉันกับพี่สะใภ้จะอยู่ที่จวนอย่างโดยดี ไม่ออกมาเพ่นพ่านต่อหน้า
ชุยอันหรูไม่มีปฏิกิริยามากนัก คล้ายสิ่งที่หลี่ฮองเฮาพูดไม่ได้พูดให้นางฟัง“ข้าอาจจะพูดรุนแรงไปบ้าง แต่ความจริงมักเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยาก ตอนนี้จวนกั๋วกงมีเพียงเจ้ากับนางเหลียง ชาติกำเนิดเช่นนั้นของนาง เกรงว่าคงทำอะไรไม่ได้ อย่างไรก็ต้องอาศัยเจ้า ดังนั้นเหตุผลเหล่านี้ เจ้าน่าจะเข้าใจได้”ชุยอันหรูพยักหน้า เห็นได้ชัดว่าภายในวังไม่ใช่ที่นี่นางจะแผลงฤทธิ์ได้“สิ่งที่ฮองเฮาตรัสถูกต้อง หม่อมฉันเข้าใจหมดแล้วเพคะ”“เรื่องนี้ยังไม่มีบทสรุป เพราะสถานการณ์ของเจ้าไม่เหมาะสมกับการแต่งงานผูกไมตรี หากอีกฝ่ายเรื่องมาก กลับกลายเป็นพวกเราที่ไม่มีความจริงใจมากพอ”หลี่ฮองเฮาร้อนใจอยากควบคุมชุยอันหรูให้อยู่หมัดจึงเผื่อทางรอดให้นาง นางก็จะยอมจำนนแต่โดยดี“ฮองเฮาตรัสถูกต้องเพคะ...”ชุยอันหรูไม่ได้โต้แย้งเสวนากับคนอย่างนี้ ช่างไร้ความหมายสิ้นดีเมื่อคนโง่คนหนึ่งมีอำนาจ ก็จงอย่าคิดพยายามอธิบายเหตุผลกับนาง“เรื่องระหว่างจวนกั๋วกงกับจวนอันหนานโหว อย่าทำให้เอิกเกริกนัก อย่างไรชัยชนะครั้งนี้ได้มาไม่ง่าย อีกอย่างยามนี้อันหนานโหวเป็นขุนนางคนสำคัญของฝ่าบาท หนำซ้ำเจ้ายังเป็นบุตรสาวของพระสหายในอดีตที่หลงเห
“ช่างเถอะ ให้นางเข้ามา...”ฮ่องเต้จนปัญญา จึงทำได้เพียงโบกมือเขารู้นิสัยชุยอันหรูดี วันนี้หากไม่พบนาง ไม่แน่นางอาจทำให้เรื่องราวใหญ่โตกว่าเดิมก็ได้ไม่สู้อาศัยช่วงเวลานี้ที่นางยินดีเข้าพบเขา อดทนสักครู่“หม่อมฉันรู้ดีว่าตัวเองมีความผิด จึงมาขอรับพระอาญาจากฝ่าบาทเพคะ...”เป็นไปตามคาด เมื่อชุยอันหรูเห็นฮ่องเต้ ท่าทางขึงขังจริงจังนั้นของนางนำความกดดันมาสู่ฮ่องเต้ทันทีฮ่องเต้บีบเนื้อตรงระหว่างคิ้ว น้ำเสียงที่แทบจะนอนราบเอ่ยขึ้น “พูดมาเถอะ คราวนี้ใครเป็นคนหาเรื่องเจ้าอีกแล้ว?”ชุยอันหรูรีบเอ่ยทันที “ฝ่าบาท วันนี้หม่อมฉันมาขอรับพระอาญาจริงๆ เพคะ...”ฮ่องเต้ถอนหายใจ นั่งตัวตรงแล้วเลือกยอมรับชะตากรรม“เอาละ บอกมาว่าเจ้ามีความผิดอันใด?”ชุยอันหรูกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ “หม่อมฉันมีความผิดใหญ่หลวงต่อแผ่นดินเพคะ...”ข้อหานี้ ยิ่งทำให้ฮ่องเต้มั่นใจในความเกินเลยของหลี่ฮองเฮาอู๋กงกงยิ่งอ้าปากตาค้าง ความผิดข้อหานี้ เกรงว่าริบเรือนฆ่าล้างตระกูลก็ยังไม่พอ อีกทั้งยังต้องบันทึกลงในพงศาวดาร หนำซ้ำยังเป็นการบันทึกที่อัปยศ ชื่อเสียงฉาวโฉ่ไปอีกหมื่นปี“ใครเป็นคนบอกเจ้า?” ฮ่องเต้เริ่มไม่พอใจชุ
ชุยอันหรูนำของพระราชทานปลอบใจออกจากวังไปอีกนับไม่ถ้วนหลี่ฮองเฮาได้ยินว่าชุยอันหรูไปหาฮ่องเต้อีกแล้วจึงมึนงงไปทันที“นางแพศยาคนนี้ ไปฟ้องฮ่องเต้อีกแล้วใช่หรือไม่?”เรื่องที่หลี่ฮองเฮาเล่นงานชุยอันหรู ไม่ได้แจ้งให้ฮ่องเต้ทราบก่อน จึงทำให้ร้อนรนเล็กน้อย“ใช่ว่านางจะมีความกล้าเช่นนั้น ฮองเฮาไม่ต้องเป็นห่วงเพคะ” หมัวมัวข้างกายปลอบใจความจริงนางเองก็ไม่มั่นใจนัก เพราะคำพูดเหล่านั้นของฮองเฮาเกินไปมากจริงๆ โดยเฉพาะสำหรับหญิงสาวที่เพิ่งเสียที่พึ่งพิงไปทั้งหมดอย่างนั้น“กล้าเอาลูกสาวข้าเข้าไปเกี่ยว นางคู่ควรหรือ! ในเมื่อองค์ไทเฮาได้พระราชทานตำแหน่งท่านหญิงให้นางแล้ว เสียสละเพื่อราชวงศ์ต้าเซี่ยบ้าง ย่อมสมเหตุสมผล จะเอาแค่ผลประโยชน์ไม่ยอมทำหน้าที่ คิดว่าท่านหญิงเป็นกันได้ง่ายๆ หรือ?”การบ่นของหลี่ฮองเฮา ต้องการสร้างความฮึกเหิมให้ตัวเองมากกว่า เพื่อโน้มน้าวว่าฝ่ายตนมีเหตุผล“ฮองเฮาทรงปราดเปรื่อง เหตุผลเป็นเช่นนี้จริงเพคะ”หมัวมัวไม่กล้าพูดให้เป็นอื่น จึงได้แต่โอนอ่อนตาม“ถูกต้อง ข้าแค่ชี้หนทางสว่างให้นางเท่านั้นเอง”จนกระทั่งยามพลบค่ำ ทางฮ่องเต้ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวใด การถามหาความผิด
“ดังนั้นเมื่อวานข้าจึงถามนาง อยากออกจากเมืองหลวงสักระยะหรือไม่”องค์ไทเฮาหวังดีจริงๆ ตอนนี้ปล่อยให้ชุยอันหรูห่างไกลจากวังวนความวุ่นวาย เก็บตัวสักสองสามปี ไม่แน่สถานการณ์อาจดีขึ้น“จากไปไม่ใช่เรื่องดีสำหรับนาง กลับทำให้เซียวรั่งปักหลักมั่นคง หลินจืออินจะกลายเป็นอันหนานโหวฮูหยินที่ไร้มลทิน จวนเจิ้นกั๋วกงอาศัยแค่นางเหลียงคงยากจะยืนหยัดได้ ถึงตอนนั้นต่อให้ชุยอันหรูกลับมาแล้ว คงไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง หากตอนนั้นยังก่อเรื่องขึ้นมาอีก ฮ่องเต้ก็ใช่ว่าจะปกป้องนางพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อเทียบกับไทเฮา ลู่จิ่งเชินเข้าใจสถานการณ์ของชุยอันหรูมากกว่า“ข้าเข้าใจดี ทว่าตอนนี้นางถูกศัตรูรุมล้อม อย่างไรก็อันตรายเกินไป...ยามนี้จวนเจิ้นกั๋วกงมีกันเพียงไม่กี่คน ผืนป่าคงอยู่ ยังกลัวไม่มีฟืนให้ตัดหรือ...”“เสด็จย่า ด้วยนิสัยลืมบุญคุณของเซียวรั่ง อีกทั้งบุตรสาวตระกูลหลินที่มีตระกูลเวินคอยหนุนหลัง จะปล่อยให้ซื่อจื่อน้อยตระกูลชุยสืบทอดตำแหน่งอย่างราบรื่นหรือ? ไม่แน่ เขาอาจจะรอดไปถึงเวลานั้นอย่างยากลำบาก”ลู่จิ่งเชินไม่ได้ข่มขู่หรือยุยง ไทเฮาเองก็ใช่ว่าไม่เคยพบเจอเรื่องเช่นนี้“หากหม่อมฉันเป็นนาง จะเดินไปข้างหน้าโด
“ครั้งนี้ชุยอันหรูล่วงเกินฮองเฮาอย่างหนัก...”จวนตระกูลหลิน นางเวินเอ่ยกับเซียวรั่งและหลินจืออินที่กลับจวนอย่างดีใจเซียวรั่งที่นั่งอยู่ตรงนั้นกำลังดีใจ ข่าวนี้เป็นเรื่องจริงหรือ?“ท่านแม่ยาย ข่าวนี้ไปทราบมาจากที่ใดหรือขอรับ?”เขาอดกลั้นความวู่วามในใจ พยายามทำให้ตัวเองดูสงบ“หลายวันนี้เจ้าไม่ได้เข้าว่าราชการ จึงไม่รู้สถานการณ์ วันนี้ขณะว่าราชการฮ่องเต้ตำหนิคนในตระกูลฮองเฮาอย่างรุนแรง ซ้ำยังกระทบกระเทียบพวกเขาสั่งสอนลูกหลานไม่ได้เรื่อง พูดจาเหลวไหล ความจริงเป็นเพราะฮองเฮาเล่นงานชุยอันหรูในวัง จากนั้นชุยอันหรูจึงนำเรื่องขึ้นกราบทูลฟ้อง”หลินจืออินเอ่ยเชื่องช้า “ฮองเฮายอมชี้แนะนาง นั่นคือเป็นวาสนาของนาง นางกลับให้ฮ่องเต้ออกหน้าแทน นี่ไม่เท่ากับหักหน้าฮองเฮาหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นฮ่องเต้ฮองเฮาใจเดียวกัน คำพูดของฮองเฮา ไม่เท่ากับเป็นคำพูดของฮ่องเต้หรือ? นางทำเช่นนี้ คงไม่อยากอยู่แล้วจริงๆ”นางเวินเอ่ยขึ้น “นางอาศัยว่าบ้านตัวเองมีคนตาย รู้สึกว่าทุกคนติดค้างนาง อาศัยช่วงนี้ที่ทุกคนยังรู้สึกสงสารพวกนาง จึงอยากจะยื่นข้อเสนอให้มากขึ้น อย่างไรก็ยังเป็นสาวเป็นแส้ ไม่รู้จักหนักเบา ไม่ช้าหรือเร็
เขาไม่อยากไปสืบค้น เพราะเหตุผลเช่นนี้สามารถทำให้เขาเกลียดตระกูลชุยและชุยอันหรูอย่างเถรตรง“หากเป็นเช่นนั้นจริง พวกเขารังแกกันเกินไปแล้ว...”เมื่อเห็นอารมณ์เซียวรั่งฉุนเฉียว หลินจืออินรีบเอ่ยขึ้น “ท่านโหว โชคดีที่พวกเรารอคอยจนได้เห็นฟ้าหลังฝน ตอนนี้พวกเราได้ครองคู่กันแล้ว อย่าไปคิดถึงเรื่องพวกนั้นเลยเจ้าค่ะ...”หลินจืออินเองก็คาดไม่ถึง ว่ามารดาจะช่วยตัวเองในช่วงเวลาเช่นนี้เพียงแต่นางค่อนข้างจะสำรวม จึงไม่กล้าใส่สีตีไข่ในเรื่องนี้มากนักหากวันหน้าถูกใครเปิดโปง ก็ยังพออธิบายได้“ขณะนี้ชื่อเสียงของตระกูลเซียวและชื่อเสียงของตระกูลหลิน ถูกนางแพศยานั่นทำลาย เรื่องนี้จะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด”น้ำเสียงของเซียวรั่ง ยืนยันการตัดสินใจของเขาได้มากพอนางเวินเห็นดังนั้นจึงยิ่งพอใจ พวกนางตระกูลหลินและตระกูลเวินสามารถช่วยเล่นงานชุยอันหรูได้ แต่เซียวรั่งต้องเป็นคนเริ่มขณะนี้หลินชวนเอ่ยขึ้น “น้องเขยเป็นคนกล้ารักกล้าชัง มีความกล้าหาญ ตอนนี้นางเป็นท่านหญิง ได้รับความโปรดปรานจากไทเฮา บวกกับบิดาและพี่ชายเสีย จึงได้รับการดูแลจากฮ่องเต้ ขณะนี้พวกเราจึงหมดสิ้นหนทาง ต้องรอคอยเวลาจึงจะทำได้”
“ตอนนี้เซียวรั่งแต่งงานกับหลินจืออินแล้ว ในภายภาคหน้าตระกูลหลินกับตระกูลเวินก็ต้องเข้าข้างเขาอย่างแน่นอน...”เหลียงจื่ออวี้ก็นึกถึงเรื่องเหล่านี้ นางจึงถามออกมาตรง ๆ“พี่สะใภ้ ข้าย่อมมีวิธีของข้าอยู่แล้ว ท่านมิต้องกังวล ตอนนี้ข้ายังมิอาจอธิบายให้ท่านฟังได้ อย่างไรก็ตามข้ารับปากท่าน สามปีให้หลัง ตอนที่ท่านกับหลางเอ๋อร์กลับมา ผู้คนในเมืองหลวงที่ทำให้ท่านรู้สึกรังเกียจเหล่านั้น หากไม่ตายแล้วก็ต้องหมดสภาพ”เมื่อเห็นแววตาที่แน่วแน่ของชุยอันหรู เหลียงจื่ออวี้ก็รู้ว่านางมิได้โกหกตนยิ่งไปกว่านั้นนางเข้าใจตนเองอย่างชัดเจนแล้ว ภูมิหลังของนาง ความรู้ของนาง และสมองของนาง การอยู่ที่นี่ต่อไปมิได้ช่วยเหลือสิ่งใดชุยอันหรูได้เลย ในทางตรงกันข้ามอาจจะกลายเป็นภาระของนาง“ข้ารู้แล้ว แต่เจ้าต้องปกป้องตนเองให้ดี หลังจากสามปี เจ้าก็มิจำเป็นต้องไว้ทุกข์อีกแล้ว หากเจอบุรุษที่เหมาะสมก็อย่าพลาดโอกาสเชียว”ตอนนี้ตระกูลชุยมีนางเพียงคนเดียวที่มีคุณสมบัติช่วยชุยอันหรูจัดการเรื่องการแต่งงาน“ได้ ข้ารู้”วันรุ่งขึ้น หลังจากที่เวินจี้หลี่เลิกประชุมเช้าก็เจาะจงไปที่จวนอ๋องอี้ หลังจากเมื่อวานนางเวินไปเอะอะโวยวา
หลังจากชุยอันหรูรับมาแล้ว ก็ตั้งใจอ่านอยู่รอบหนึ่ง“ระวังว่าจวนอ๋องอี้จะไม่ส่งผลดีต่อศิษย์ของหมอเทวดา”ในตอนนั้นนางเข้าใจแล้ว ช่วงที่ศิษย์ของหมอเทวดาเข้ามาเมืองหลวงประจวบเหมาะกับองค์ไทเฮากำลังจะออกจากเมืองหลวงในสายตาของไท่เฟยจวนอ๋องอี้ ก็ยังมิแน่ว่าจะทำเพื่อรักษาลู่จิ่งเชินหากทำเพื่อให้ลู่จิ่งเชินตายเร็วขึ้น พวกเขาจะไม่ปล่อยให้ศิษย์ของหมอเทวดาติดต่อกับเขาอย่างแน่นอน วิธีที่ดีที่สุดและตรงไปตรงมาที่สุดก็คือทำให้เขาหายตัวไปนางค่อย ๆ นำจดหมายหย่อนเข้าไปในกระถางธูป และมองดูมันกลายเป็นเถ้าถ่าน“ศิษย์พี่เข้ามาในเมืองหลวงครั้งนี้ เกรงว่าคงต้องเจอปัญหาไม่น้อย”“แน่นอนว่าจะต้องมีคนจำนวนมากแย่งชิงศิษย์ของหมอเทวดา...” ตันจูเอ่ยวิเคราะห์ตันเสวียนนิ่งเงียบ ปกตินางจะมิชอบเอ่ยขัดจังหวะตันชิงกลับเป็นคนซ่อนความในใจไม่อยู่ จึงเอ่ยออกมาตามตรงว่า “หากพูดตามหลักแล้ว คนที่มีความสามารถเช่นศิษย์พี่ของท่านหญิง มิใช่คนมากมายต้องการปกป้องหรอกหรือ? อย่างไรเสียก็ไม่มีผู้ใดรับประกันได้ว่าวันข้างหน้าตนเองและครอบครัวจะไม่เจ็บป่วยหนัก หมอธรรมดาก็ไม่อาจรักษาได้”ชุยอันหรูไม่รีบร้อนอธิบาย ตันจูจึงเอ่ยขึ้น
เซียวรั่งมิได้แสดงท่าทีใดนัก ที่จริงเขาคิดวิธีนี้ออกตั้งแต่ตอนที่อยู่ตระกูลเวินแล้ว แต่มิกล้าพูดเท่านั้นในเวลานี้นางเวินพูดออกมาแล้ว เขาก็มีความหวังเพิ่มขึ้นมาบ้างบางที หากมารดาสามีไปเอะอะโวยวายที่ตระกูลเวินเอง พวกเขาก็คงจะช่วยเหลือตนหลินจืออินก็คิดว่าวิธีนี้ดีเช่นกัน ในตอนนั้นนางก็นึกไม่ออกจริง ๆ“หากข้าคิดได้ พี่ชายของเจ้าจะคิดไม่ออกได้อย่างไร เพียงแต่มิอยากออกหน้าเท่านั้นเอง ถึงอย่างไรตระกูลเวินก็มิใช่เขาเป็นผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ ข้ามิเชื่อหรอกว่าท่านพ่อกับท่านพี่จะไม่ช่วยข้า”เป็นจริงตามคาด ท่าทีของนางเวินเป็นไปในทิศทางที่เซียวรั่งคาดไว้ในขณะที่พวกเขากำลังสนทนากัน บ่าวรับใช้ก็เข้ามา“นายท่าน ฮูหยิน...”“มีอะไรหรือ?”สีหน้าของบ่าวรับใช้ดูแปลกชอบกล คงว่าได้ยินข่าวแปลก ๆ บางอย่างมา“ด้านนอกดูเหมือนมีคนกระจายข่าวว่า อีกไม่กี่วันศิษย์ของหมอเทวดาจะเข้ามาในเมืองหลวง...”“จริงหรือ?” เซียวรั่งแทบจะดีดตัวขึ้นจากเก้าอี้ข่าวนี้ช่างมาในเวลาที่เหมาะสม ประจวบเหมาะกับการแก้ปัญหาเร่งด่วนของพวกเขา“มิรู้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ แต่ทุกคนก็พูดต่อๆ กัน อย่างไรเสียก็เป็นเรื่องที่เกี่ยว
เซียวรั่งกับหลินจืออินมิได้รับประโยชน์ใด ๆ และมิได้กลับจวนในทันที แต่ไปที่จวนตระกูลหลินนางเวินเห็นสีหน้าของพวกเขาก็รู้ว่าพวกเขาน่าจะพบเจอปัญหาแล้ว“มีสิ่งใดหรือ? เพราะหน้าที่ต้อนรับคณะราชทูตถูกคนแย่งไปหรือ?”หลินจืออินอธิบายว่า “มิใช่เจ้าค่ะ พวกเราเพิ่งกลับมาจากบ้านท่านยาย...”“อยากให้ลุงเจ้าออกหน้า? เดาว่าเขาคงไม่เห็นด้วย” นางเวินคาดเดาบทสรุปได้แล้ว“ถูกต้องเจ้าค่ะ แต่ก็มิใช่ว่าท่านลุงไม่เต็มใจ แต่เป็นพี่ชายที่ปฏิเสธ...ป้าสะใภ้ก็ไม่พูดสิ่งใดตั้งแต่แรกจนจบ จะต้องไม่อยากช่วยเหลืออย่างแน่นอน”ความขุ่นเคืองของหลินจืออินพรั่งพรูออกมาเป็นคำพูด“พี่ชายเจ้าผู้นี้กับหรูซวง ได้รับการอบรมสั่งสอนจากป้าสะใภ้เจ้า จึงไม่สนิทสนมกับพวกเราแม้แต่น้อย พวกเราก็มิใช่คนนอก เอาแต่กังวลว่าพวกเราจะทำให้ตระกูลเวินเดือดร้อน ระแวดระวังมาหลายปีแล้ว ก็ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย”หลินจืออินรีบคว้าแขนของนาง “ท่านแม่...”ตอนนี้นางเวินถึงนึกขึ้นได้ว่า ยังมีเซียวรั่งอยู่ข้าง ๆนางเปลี่ยนสีหน้าในทันที “เซียวรั่ง เรื่องของวันนี้ เจ้าอย่าโทษลุงเจ้าเลย เรื่องที่ฝ่าบาททรงตัดสินพระทัยแล้ว ผู้ใดก็มิอาจเปลี่ยนแปลง หากลุงเ
“ถ้าเช่นนั้นท่านลุงกราบทูลฝ่าบาทไปตามตรงว่า เซียวรั่งเป็นคนที่เหมาะสมกว่า ท่านลุงเป็นถึงอัครมหาเสนาบดี ทำเช่นนี้มิได้หรือเจ้าคะ?” หลินจืออินนึกถึงความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งเวินหรูเฟิงเอ่ยเตือนอีกครั้ง “ครั้งนี้คนที่ฝ่าบาททรงเลือกเป็นที่แน่นอนแล้วคือหลี่ฉุนจงเสนาบดีกรมพิธีการ เป็นพระเชษฐาแท้ ๆ ของฮองเฮา เจ้าหวังว่าจะให้ท่านพ่อใช้เหตุผลใดถึงจะทำให้ฝ่าบาททรงเพิกถอนเขา ทั้งยังมิทำให้ฮองเฮาทรงแค้นเคืองตระกูลเวินของพวกเรา?”คราวนี้หลินจืออินอับจนหนทางอย่างสิ้นเชิงแล้ว นางมองเวินหรูเฟิงด้วยความขุ่นเคือง“ท่านพี่ ท่านดูแคลนพวกเรามากใช่หรือไม่?”เวินหรูเฟิงถึงกับงงงัน เอาความคิดนี้มาจากที่ใด?“น้องสาว เจ้าดูเหมือนจะเข้าใจผิดบางอย่าง”“ข้ามิได้เข้าใจผิด ข้าออกเรือนท่านก็มิได้มา พวกเรากลับมาเยี่ยมบ้านหลังแต่งงานท่านก็มิได้มา...”หัวข้อสนทนาของหลินจืออิน ถูกโยงไปอีกทิศทางหนึ่ง ในเวลานี้นางเมิ่งเอ่ยขึ้นว่า “ในเมื่อเจ้าพาน้องเขยมาสอบถามถึงจวนแล้ว เจ้ารีบเอ่ยขอโทษก็พอ มิต้องอธิบายให้มากความ”หลังจากนางเอ่ยจบ เริ่มแรกก็ทำเป็นตัวอย่าง “จืออินเอ๋ย สองครั้งนั้นป้าสะใภ้มีธุระก็มิได้ไปเช่นกัน แล
หลินจืออินเอ่ยจบ ทุกคนพากันเงียบสนิทความเงียบของเซียวรั่ง เป็นเพราะเสียอารมณ์กับเรื่องการแต่งงานที่เคยเกือบจะเกิดขึ้นส่วนความเงียบของคนในตระกูลเวิน ก็เป็นเพราะพวกเขาไม่มีทางจะตามหาหมอเทวดาได้ มิเช่นนั้นหลายปีมานี้พวกเขาก็คงทนรับทางด้านของไทเฮาไม่ไหวไปนานแล้ว“จืออิน ความคิดนี้ของเจ้าก็ไม่เลว ทว่าพวกเรามิรู้ว่าหมอเทวดาอยู่ที่ใด...” เวินจี้หลี่อธิบายด้วยความอึดอัดใจ“เป็นไปได้อย่างไร ทุกครั้งขอเพียงท่านตาเกิดปัญหา หมอเทวดาก็มักจะมาปรากฏตัว หลายวันก่อนท่านตาทวดร่างกายไม่สบาย ก็มิใช่หมอเทวดาให้คนนำยามาส่งให้ กินยาจนกระทั่งหายจากอาการป่วย...หากพวกท่านหาเขาไม่พบ แล้วเขาจะมาปรากฏตัวอย่างทันเวลาทุกครั้งได้อย่างไร...”คำถามของหลินจืออิน ที่จริงแล้วก็สร้างความสงสัยให้ตระกูลเวินมานานมาก “จืออิน พวกเรามิรู้ที่พำนักของหมอเทวดาจริง ๆ เขาไปมาอย่างไร้ร่องรอยเสมอ เมื่อหลายปีก่อนเคยมาที่จวนมหาราชครูครั้งหนึ่งจริง ๆ นับแต่นั้นมา ทุกครั้งที่ท่านตาเจ้าล้มป่วย จะมีคนนำยามาส่งให้โดยเฉพาะ พวกเราก็ลองสะกดรอยตามคนส่งยา ทว่ากลับไม่ได้เบาะแสใดเลย”ฮูหยินผู้เฒ่าเฮ่อเป็นพยานได้ว่า พวกเขาไม่มีหนทางจริง ๆ
มหาราชครูเวินคิดจะวางมาดน่าเกรงขามตามเดิม ทว่าสำหรับหลานสาวที่เอ็นดูมาตั้งแต่เล็กผู้นี้ คงมิอาจทำได้เสียแล้ว“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ต้องบอกให้ตารู้ว่า เจ้าต้องการจะทำสิ่งใดกันแน่...”“หรือเป็นเพราะคำพูดที่อ๋องอี้เอ่ยในราชสำนักวันนี้ ทำให้ฝ่าบาททรงยึดหน้าที่การต้อนรับคณะทูตของเซียวรั่งกลับไป?”เวินจี้หลี่ครุ่นคิดอยู่เล็กน้อยก็รู้ว่าพวกเขาต้องการทำสิ่งใด“ท่านลุงยอดเยี่ยมยิ่งนัก จืออินยังมิทันเอ่ย ท่านก็คาดเดาได้ถูกแล้ว”เวินจี้หลี่ยิ้มจาง ๆ พร้อมเอ่ยว่า “เจ้าหนอเจ้า วันนี้มีเพียงเรื่องเดียวนี้เท่านั้นที่เกี่ยวข้องกับเขา เจ้าคิดว่าจะเป็นเรื่องใดได้อีกเล่า?”“ข้าเกิดคิดถึงท่านตาท่านยาย และคิดถึงท่านลุงมิได้หรือเจ้าคะ?”หลินจืออินโผเข้าไปข้างกายเวินจี้หลี่ราวกับผีเสื้อตัวหนึ่ง และคล้องแขนของเขาไว้“ท่านลุงพวกเราทำศึกชนะ การต้อนรับคณะทูตในครั้งนี้ ท่านโหวมิใช่คนที่เหมาะสมที่สุดหรอกหรือ? หากเปลี่ยนให้ผู้อื่นไปคงไม่มีอำนาจโน้มน้าวกระมัง?”นางเมิ่งเฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ ดื่มชาด้วยท่าทางผ่าเผย ประโยคเดียวก็มิเอ่ยเซียวรั่งมองเห็นท่าทางของนางเมิ่ง ในใจก็นึกถึงสิ่งที่หลินจืออินบอกเขาเมื่อหลายวัน
“จืออิน เจ้ามีวิธีใด?” ในเวลานี้เซียวรั่งรู้สึกเหนื่อยใจความสุขของการมีภรรยาหลายคนที่เขาวาดฝันนอกจากจะไม่เคยได้รับ ทว่าภายใต้การจัดการต่าง ๆ นานาของชุยอันหรู กลับต้องกลายมาเป็นสภาพเช่นทุกวันนี้แม้ว่าเขาจะได้แต่งงานกับหลินจืออินแล้ว ตอนกลับไปบ้านฝ่ายหญิงก็ได้พบปะคนตระกูลเวิน ทว่าทุกครั้งที่ตนเอ่ยว่าจะไปเยี่ยมเยือนจวนมหาราชครู เวินจี้หลี่ก็จะใช้เหตุผลต่าง ๆ มาคัดค้านเขาเข้าใจดี คนตระกูลเวินดูถูกเขาเพราะเขาเป็นคนทรยศจวนเจิ้นกั๋วกง“ท่านโหว พวกเราไปตระกูลเวินสักครั้งเถิด”คำพูดของหลินจืออิน ประจวบเหมาะกับทำให้จิตใจที่วิตกกังวลของเซียวรั่งได้คลายลงในทันทีเขาถึงกับคิดว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญที่สรรค์ประทานให้ เรื่องที่เขากลุ้มใจเป็นที่สุดก็คือจะเข้าไปสร้างสัมพันธ์กับตระกูลเวินอย่างไร นึกไม่ถึงว่าครั้งนี้หลินจืออินจะช่วยเขาแก้ปัญหา“ตอนนี้หรือ?”น้ำเสียงของเขาฟังดูสั่นเครือฮูหยินผู้เฒ่ากับนางหยางต่างมิกล้าพูดมาก พวกเขาเข้าใจดีว่า หากตีสนิทกับตระกูลเวินได้จริง ๆ ก็จะนำพาผลประโยชน์มาให้พวกเขาได้มากเพียงใด“แน่นอนว่า หากรอจนกระทั่งองค์ชายสามของต้าชิ่งผู้นั้นเสด็จมาถึง ทั้งหมดก็จะไม่
เซียวเสวี่ยหลิงชอบยกยอหลินจืออินอยู่เสมอ ไม่เพียงเพราะตระกูลเวินที่อยู่เบื้องหลังนางเท่านั้น ยังเป็นเพราะนางปรารถนาจะแต่งงานกับหลินชวนมาตลอดแม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะเป็นจวนป๋อ ทว่ากลับได้รับการเมินเฉย ทำให้นางเมื่ออยู่ต่อหน้าคนตระกูลหลินที่มิใช่ขุนนางใหญ่ยังคงรู้สึกไม่มั่นใจตามเดิมตอนนี้นางเป็นน้องสาวของอันหนานโหวแล้ว ตามหลักแล้วก็ควรมองหาคนที่มีสถานะสูงกว่า ทว่านางยังคงทุ่มเทใจให้กับหลินชวนหลินจืออินลูบคลำท้องของตนเอง “ตอนนี้ไม่สำคัญแล้ว สถานะของนางในเมืองหลวงจะเป็นอย่างไร ข้ามิจำเป็นต้องพูดให้มากความ นางล่วงเกินฮองเฮากลับคิดจะหลีกหนี ทำได้ง่ายเช่นนั้นที่ไหนกัน ถึงแม้จะฝากฝังคนไว้กับไทเฮา แล้วจะอย่างไร? หรือว่าองค์ไทเฮาจะไม่เสด็จกลับมาอีกแล้ว? ภายภาคหน้า ชุยหลางมิต้องการจะรับตำแหน่งต่อหรือ? คนที่นางล่วงเกินเหล่านั้น ก็ไม่คิดจะให้นางชดใช้หรือ?”เซียวเสวี่ยหลิงดูเหมือนก็ตั้งตารอคอย “คนอย่างนาง ต่อให้ตายหมื่นครั้งก็ไม่สามารถทำให้ข้าคลายความโกรธแค้นได้...”ขณะที่พวกเขากำลังสนทนากันอยู่ เซียวรั่งก็กลับมาแล้ว“ท่านโหว เหตุใดวันนี้ถึงกลับจวนมาเร็วเช่นนี้?”หลินจืออินรีบลุกขึ้นและเด