“เจ็บไหมคะ?” โรสรินถามชายหนุ่มระหว่างทางที่เดินออกไปยังลานจอดรถ“ไม่เจ็บเลย พยาบาลที่นี่มือเบามาก” ฟาร์ริกซ์ตอบพร้อมรอยยิ้มบางๆ เมื่อเขาและเธอต่างก็ถูกเจาะเลือดไปตรวจเหมือนกัน“โรสก็ไม่เจ็บเหมือนกันค่ะ”พอมีฟาร์ริกซ์อยู่ข้างๆ ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นหัวใจและมีความสุขมากขึ้น แค่เจาะเลือดแค่นี้ไม่ทำให้เธอรู้สึกเจ็บได้หรอก“อยากกลับบ้านหรือยัง?” ชายหนุ่มหันไปถามหญิงสาว“ยังค่ะ พี่ฟาร์ไปไหนต่อหรือเปล่าคะ?”นานๆ ได้ออกมาข้างนอกกับชายหนุ่ม โรสรินก็อยากจะอยู่กับเขานานๆ และยังไม่อยากจะกลับบ้าน“พี่ว่าจะเข้าไปดูเอกสารที่บริษัทของคุณพ่อโรส” ฟาร์ริกซ์ตอบไปตามตรง เพราะเขาเพิ่งจะได้รับสายจากพนักงานว่ามีเอกสารที่จะให้เขาตรวจ“โรสขอไปด้วยได้ไหมคะ” โรสรินรีบอ้อนชายหนุ่มเพราะตั้งแต่คุณพ่อเสียไปเธอก็ยังไม่ได้เข้าไปที่บริษัทอีกเลย“ได้สิ” ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเล เพราะเขาเองก็อยากให้เธอไปเห็นบริษัทด้วยว่าทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม“ขอบคุณนะคะ” ใบหน้าสวยยิ้มกว้างด้วยความดีใจ“พอเสร็จงานที่บริษัทพี่จะพาไปซื้อของนะ” ชายหนุ่มบอกเผื่อเอาไว้ แต่ถ้างานเสร็จช้าแล้วต้องกลับบ้านดึกเขาอาจจะต้องเปลี่ยนแผน พาเธอไปซื้อของวั
กว่าจะเคลียร์งานเคลียร์เอกสารที่บริษัทเสร็จก็มืดค่ำพอดี การจราจรก็ติดขัดกว่าจะขยับรถได้ก็ต้องใช้เวลานานทำให้ฟาร์ริกซ์ต้องเปลี่ยนแผน“หิวไหมครับ” ชายหนุ่มหันไปถามหญิงสาวหลังจากที่ขับรถออกมาจากบริษัทหลายนาทีแล้วแต่ก็ยังไปได้ไม่ถึงไหนเลย“นิดหน่อยค่ะ”“งั้นเดี๋ยวพี่แวะร้านอาหารแถวนี้ให้ก่อน วันหลังเดี๋ยวจะพาไปซื้อของนะ วันนี้มันค่ำแล้วคงพาไปไม่ได้” ชายหนุ่มพูดไปตามเหตุผลและความจริง“ได้ค่ะ” โรสรินเห็นด้วยตามที่ชายหนุ่มบอกเพราะตอนนี้ก็ค่ำแล้ว รถติดแบบนี้กว่าจะไปถึงห้างสรรพสินค้าคงปิดพอดีกว่าจะทานข้าวเสร็จกว่าจะกลับมาถึงบ้านก็ดึกพอดี ฟาร์ริกซ์ก็ให้โรสรินขึ้นไปอาบน้ำก่อน เพราะคุณหมอบอกว่าเธอควรพักผ่อนให้เพียงพอ ซึ่งการพักผ่อนก็เป็นเรื่องที่สำคัญมาก“โรสขึ้นไปอาบน้ำก่อนเลยนะ”“แล้วพี่ฟาร์ไม่ขึ้นไปพร้อมกันเหรอคะ”“เดี๋ยวพี่จะชงนมอุ่นๆ ให้แล้วจะตามขึ้นไปครับ”“เดี๋ยวโรสลงมาทำเองก็ได้ค่ะ พี่ฟาร์ทั้งทำงานทั้งขับรถเหนื่อยมาทั้งวันแล้วค่ะ”“ไม่เป็นไรครับ โรสไปอาบน้ำให้สบายตัวนะแล้วพี่จะเอานมอุ่นๆ ไปให้ดื่มก่อนนอน”“ขอบคุณนะคะ” โรสรินยิ้มกว้างด้วยความดีใจเมื่อสามีดูแลและทำทุกอย่างให้เธอเป็นอย่างดี
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาวันนี้เป็นอีกวันที่บ้านหลังใหญ่เต็มไปด้วยความครึกครื้น สมาชิกในบ้านต่างอยู่กันครบพร้อมหน้าพร้อมตา เพื่อร่วมกันแสดงความยินดีที่บ้านหลังนี้กำลังจะมีสมาชิกใหม่เพิ่มมาอีกหนึ่งคน“เฟย์ยินดีด้วยนะคะพี่โรส”เฟญ่ารีบแสดงความยินดีกับพี่สะใภ้ด้วยรอยยิ้ม ซึ่งเธอดีใจมากเพราะอยากได้โรสรินเป็นพี่สะใภ้จริงๆ และอยากให้อยู่บ้านหลังนี้กับเธอไปนานๆ“ยินดีด้วยนะ” ตามมาด้วยเสียงของฟินนิคซ์พี่ชายคนโตของบ้าน ต่อไปนี้คนที่นิ่งๆ เงียบๆ แบบเขาคงจะรักและเห่อหลานมากแน่ๆ“โรสขอบคุณทุกคนมากนะคะ”โรสรินยิ้มกว้างด้วยความดีใจที่ทุกคนต่างก็ร่วมแสดงความยินดีกับเธอในครั้งนี้ ตอนนี้ชีวิตของเธอมีความสุขมากจริงๆ มีคนที่รักอยู่ข้างๆ แถมคนในครอบครัวก็ดีกับเธอทุกคน ช่างเป็นโชคดีของเธอจริงๆ“พี่ฟาร์ต้องดูแลพี่โรสดีๆ นะคะ” เฟญ่าหันไปบอกพี่ชาย“ก็ดูแลดีตลอดแหละ” ฟาร์ริกซ์ตอบพร้อมกับโอกอดภรรยาเอาไว้“เฟย์ก็ขอให้ดูแลดีแบบนี้ตลอดไปนะคะ” เฟญ่าพูดย้ำอีกครั้ง เห็นพี่ชายเป็นคนดีเธอก็ดีใจและทำได้แค่ภาวนาขอให้พี่ชายทำตัวดีแบบนี้ตลอดไปก็พอ“แน่นอนอยู่แล้ว” ชายหนุ่มต่อพร้อมกับกระชับอ้อมกอดภรรยาให้แน่นขึ้น เพื่อเป็นการยืนย
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาตั้งแต่โรสรินท้องทุกคนในบ้านรวมไปถึงแม่บ้านต่างก็ดูแลเธอเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าเธอจะถูกห้ามเรื่องทำงานบ้านทุกอย่าง แต่เธอก็อยู่เฉยๆ ไม่ได้อยู่ดี อย่างน้อยให้เธอได้ทำอาหารบ้างก็ยังดีแต่กว่าที่เธอจะขอฟาร์ริกซ์ได้ก็ใช้เวลาอยู่หลายวัน กว่าเขาจะยอมใจอ่อนยอมให้เธอทำอาหารก็มีข้อแลกเปลี่ยนว่าทุกครั้งที่ทำอาหารจะต้องมีแม่บ้านคอยช่วยทุกครั้งซึ่งโรสรินก็ยอมทำตามที่เขาบอกเพราะเธออยากทำอาหารและไม่อยากจะอยู่เฉยๆ ให้เป็นภาระของใคร เพราะเธอแค่ท้อง เธอไม่ได้ป่วยเป็นโรคอะไรที่ร้ายแรงสักหน่อย“ได้ข่าวว่าที่บ้านนี้มีข่าวดีเหรอ”น้ำเสียงที่คุ้นเคยทักทายขึ้นมาในตอนที่โรสรินกำลังนั่งเล่นอยู่อย่างอารมณ์ดีและเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ฟาร์ริกซ์ออกไปทำงานแล้ว“คุณน้า!” หญิงสาวมองไปยังต้นเสียงของแขกที่ไม่ได้รับที่กำลังยืนเชิดหน้าอยู่ราวกับคนที่ไม่รู้สึกอะไร“เมื่อไหร่แกจะเลิกตกใจที่เห็นฉันมาสักที” นิดาก้าวขาเดินเข้ามาในบ้านด้วยความมั่นใจ พร้อมกับเสียงดังด้วยท่าทางหมั่นไส้ในท่าทางของลูกเลี้ยง“มีอะไรหรือเปล่าคะ” ป้าสายบัวเดินออกมาเห็นแจึงขาที่ไม่ได้รับเชิญจึงเดินเข้ามาถามเผื่อว่าโรสรินจะมีอะไรให
สองเดือนต่อมาสถานการณ์และความสัมพันธ์ของฟาร์ริกซ์กับโรสรินยังคงดำเนินต่อไปตามปกติ ถึงแม้ว่าตอนแรกจะตกลงกันเอาไว้ว่าจะอยู่ด้วยกันเพียงแค่สามเดือนแล้วจะหย่ากันทันที แต่พอถึงตอนนี้ทุกอย่างก็ได้เปลี่ยนไปเมื่อเธอกำลังท้อง ซึ่งก็เหมือนกับว่าเรื่องหย่าก็เงียบไปโดยอัตโนมัติและไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้อีกเลยส่วนฟาร์ริกซ์ก็เป็นคนดีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำเอาทุกคนในบ้านต่างเอ่ยปากชมไปตามๆ กัน ทำงานเสร็จก็รีบกลับบ้านมาหาภรรยาทันที ซึ่งเขาเองก็แปลกใจกับความรู้สึกของตัวเองมาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรถึงทำให้เขาเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้พอรู้ว่าโรสรินท้องเขาก็อยากจะดูแลเธอและลูกให้ดีมากขึ้นเท่าที่เขาทำได้ อะไรที่เขาพอจะทำหรือช่วยเธอได้เขาก็พร้อมและเต็มใจที่จะช่วยเธอบ้านหลังใหญ่ก็เปรียบเสมือนเรือนหอของฟาร์ริกซ์กับโรสริน เมื่อฟินนิคซ์ออกไปอยู่ที่คอนโด ส่วนเฟญ่าก็เอาแต่ตามติดชีวิตของเจย์เดนไม่ห่างและไม่ยอมกลับบ้าน ทำให้เหลือแค่เขากับเธออยู่ด้วยกันเพียงแค่สองคน นานๆ ทีพี่ชายกับน้องสาวจะกลับมาทานข้าวที่บ้านด้วยกัน“คุณโรสคะ” เสียงแม่บ้านเรียกชื่อภรรยาเจ้าของบ้านเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังนอนหลับอยู่“ค่ะ” หญิง
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลในช่วงบ่ายฟาร์ริกซ์กับโรสรินก็นั่งรอคิวอยู่หน้าห้องของคุณหมอด้วยความตื่นเต้น ซึ่งทั้งสองก็จะรู้สึกตื่นเต้นแบบนี้ทุกครั้งเพราะจะได้อัลตราซาวด์เห็นลูกในท้อง แต่ที่ครั้งนี้ต้องตื่นเต้นเป็นพิเศษก็เพราะจะได้รู้ว่าในท้องจะเป็นผู้หญิงหรือเป็นผู้ชาย“เชิญคุณโรสรินค่ะ” พยาบาลหน้าห้องตรวจเรียกชื่อหญิงสาวขึ้นมาเมื่อถึงคิวฟาร์ริกซ์จับมือหญิงสาวเอาไว้แน่นก่อนจะเดินเข้าไปพบคุณหมอในห้องด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้นและลุ้นไปพร้อมๆ กันพยาบาลพาโรสรินไปยังเตียงนอนซึ่งเป็นห้องที่ค่อนข้างมืด หญิงสาวก็นอนนิ่งรอคุณหมอมาตรวจ ส่วนอีกด้านก็มีฟาร์ริกซ์นั่งจับมือเธอเอาไว้ไม่ห่าง“สวัสดีค่ะ” คุณหมอประจำตัวเดินเข้ามาพร้อมกับคำทักทายและรอยยิ้ม“สวัสดีค่ะ / สวัสดีครับ” โรสรินและฟาร์ริกซ์ต่างทักทายคุณหมอด้วยความตื่นเต้น“เป็นยังไงบ้างคะ ตื่นเต้นไหมวันนี้”คุณหมอเอ่ยถามตามปกติ เพราะคุณหมอก็พอจะเข้าใจคุณพ่อคุณแม่ที่เพิ่งจะมีลูกคนแรกก็ต้องตื่นเต้นเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งคุณหมอเองก็เคยมีประสบการณ์มาก่อนก็ย่อมจะเข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของคุณพ่อคุณแม่มือใหม่“ตื่นเต้นมากเลยค่ะ” โรสรินตอบและตอนนี้หัวใจของเธอเ
ระหว่างทางบนรถก็ถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบฟาร์ริกซ์ก็ตั้งใจขับรถและมองถนนเพื่อความปลอดภัย ยิ่งภรรยามีลูกเขาก็ยิ่งใช้ชีวิตปลอดภัยมากขึ้นและยังรู้จักระวังตัวเองมากขึ้นอีกด้วย“พี่ฟาร์จะไปไหนคะ?” หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ เอ่ยถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นว่าเขาขับรถผ่านเส้นทางที่จะกลับบ้าน“หิวไหมครับ?” ฟาร์ริกซ์ไม่ตอบคำถามแต่เขาเลือกที่จะถามคำถามกลับด้วยความเป็นห่วง“ยังไม่หิวค่ะ”“งั้นเราไปซื้อของกันก่อนไหม”“ซื้อของ? ซื้อของอะไรคะ?” โรสรินขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัยว่าเขาจะพาเธอไปซื้อของอะไรอีก“ซื้อของกินเอาไว้บำรุงไง” ชายหนุ่มตอบแบบไม่ต้องคิดอะไร“แต่พี่ฟาร์เพิ่งซื้อให้โรสเมื่อวันก่อนเองนะคะ”นอกจากฟาร์ริกซ์จะซื้อของให้เธอบ่อยแล้ว เขายังสั่งของกินให้มาส่งที่บ้านบ่อยๆ จนแทบจะเต็มตู้เย็นและตู้เก็บของ ซึ่งคงใช้เวลาอีกนานหลายวันกว่าเธอจะทานหมด“ก็พี่ไม่รู้ว่าที่ซื้อให้ถูกใจโรสหรือเปล่า ไม่รู้ว่าโรสชอบไหม”ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบเพราะมีหน้าที่สั่ง ซื้อ และจ่ายเงิน อันไหนดีอันไหนมีประโยชน์เขาสั่งหมด โดยที่ไม่รู้เลยว่ามันอร่อยหรือถูกใจโรสรินหรือเปล่า“โรสชอบค่ะ” โรสรินตอบเอาใจสามี อะไรที่สามีซื้อให้เธอ
หลังจากที่ซื้อของเสร็จเรียบร้อยฟาร์ริกซ์ก็พาโรสรินขับรถออกจากห้างสรรพสินค้าทันที เพราะตอนนี้ก็ดึกแล้วและเขาก็กลัวว่าคนท้องจะหิว แต่เกรงใจไม่กล้าที่จะบอกเขาตามตรง“พี่ฟาร์จะไปไหนคะ?” โรสรินเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าทางที่ชายหนุ่มขับรถไปนั้นไม่ใช่ทางกลับบ้าน“พาโรสไปทานข้าวไงครับ หิวหรือยัง?” ชายหนุ่มขับรถพร้อมกับตอบคำถามและถามหญิงสาวกลับด้วยความเป็นห่วง“ไม่กลับไปทานที่บ้านเหรอคะ?” ใบหน้าสวยขมวดคิ้วถามเพราะอาหารตอนกลางวันยังเหลือเยอะอยู่เลย อีกอย่างเธอไม่อยากให้เขาต้องมาเสียเงินเยอะๆ กับเรื่องอาหาร ซึ่งเธอไม่ใช่คนเรื่องมากอะไรมีเมนูไหนเธอก็ทานได้หมดอยู่แล้ว“พี่ให้แม่บ้านเอาไปทานด้วยกันหมดแล้วครับ”“แต่ว่า…” ถึงจะให้แม่บ้านไปแล้วแต่โรสรินก็ยังอยากจะกลับไปทำอาหารที่บ้านอยู่ดี“ไปทานที่ร้านกันนะครับวันนี้พี่ว่างพอดี อีกอย่างพี่ไม่ได้พาไปทานที่ร้านทุกวันสักหน่อย” ฟาร์ริกซ์เอ่ยชวนเสียงหวาน นานๆ จะมีโอกาสพาภรรยามาทานข้าวที่ร้านอาหาร“ก็ได้ค่ะ” โรสรินยอมตามใจชายหนุ่มอย่างเลี่ยงไม่ได้“พี่แค่อยากพาโรสมาเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง อยู่บ้านทุกวันเดี๋ยวจะเบื่อเอา” ชายหนุ่มพูดขึ้นมาอย่างใส่ใจและเป็นห่วงความรู้ส
ตอนเย็นของวันหลังจากที่พาลูกๆ เที่ยวสวนสัตว์ตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย เด็กๆ ก็เริ่มที่จะหมดแรงกันแล้ว เนื่องจากใช้พลังงานกันไปเยอะ ทั้งพูดคุยกันไม่หยุดแถมยังชวนกันวิ่งไปดูสัตว์โดยที่ไม่กลัวอะไรกันเลยสักนิด“สนุกกันไหมครับ?”ฟาร์ริกซ์ถามลูกๆ พร้อมรอยยิ้มเมื่อเห็นเด็กๆ มีความสุขและสนุกสนานเป็นพิเศษถึงแม้อากาศจะร้อนแค่ไหน แต่ก็สู้แดดกันทั้งวันไม่บ่นว่าเหนื่อยเลยสักคำ“กลับบ้านกันค่ะ” โรสรินที่เห็นลูกๆ หมดแรงจึงชวนกลับบ้านทันที เพราะถ้าขืนอยู่นานกว่านี้มีหวังคงจะกลับถึงบ้านมืดค่ำกันพอดี“ครับ / ค่ะ” เด็กๆ ตอบรับพร้อมกันอย่างว่าง่ายสงสัยคงจะหมดแรงกันแล้วจริงๆโรสรินพาลูกๆ ขึ้นรถและนั่งประจำที่ของตัวเอง เพื่อที่จะพาลูกๆ กลับบ้าน ซึ่งน่าจะถึงบ้านตอนเย็นพอดีฟาร์ริกซ์ทำหน้าที่ขับรถเช่นเคยพอขับรถออกจากสวนสัตว์มาได้ไม่ไกลเท่าไหร่ เด็กๆ ก็นอนหลับกันตามระเบียบกว่าจะมาถึงบ้านก็เกือบจะสองทุ่ม เพราะช่วงเย็นรถติดมากทำให้ใช้เวลานานกว่าปกติ เมื่อถึงบ้านเด็กๆ ก็ตื่นนอน แถมยังรีบไปคุยให้ทุกคนในบ้านฟังว่าที่สวนสัตว์มีตัวอะไรบ้าง“ไปทานข้าวกันครับ” เมื่อขึ้นมาบนบ้านฟาร์ริกซ์ก็รีบถามขึ้นมาก่อนที่โรสรินจะเข้าห้
เช้าวันต่อมาวันนี้เป็นอีกวันที่น้องเฟิร์สกับน้องไฟท์ตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวที่จะไปเที่ยว เรียกได้ว่าเด็กๆ ดีใจและตื่นเต้นจนแทบจะนอนไม่หลับตลอดทั้งคืนถึงแม้ว่าการไปเที่ยวสวนสัตว์วันนี้จะไม่ใช่ครั้งแรกของน้องเฟิร์ส แต่น้องเฟิร์สก็ตื่นเต้นมากกว่าทุกครั้ง เพราะวันนี้จะมีน้องชายไปเที่ยวสวนสัตว์ด้วยกัน แถมยังมีคุณพ่อคุณแม่ไปด้วยกันอีกส่วนน้องไฟท์ก็ตื่นเต้นไม่น้อยเพราะเป็นการไปเที่ยวสวนสัตว์ครั้งแรกในชีวิต แถมพี่สาวก็คอยเล่าให้ฟังอยู่ตลอดพอวันนี้จะได้ไปเที่ยวสวนสัตว์จริงๆ ก็ยิ่งทำให้รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก“ทำไมคุณพ่อกับคุณแม่ยังไม่ลงมาอีกนะ” น้องเฟิร์สพูดขึ้นหลังจากที่มานั่งรออยู่ที่ห้องรับแขกได้ไม่นาน“สงสัยคุณแม่จะยังแต่งตัวไม่เสร็จแน่เลยครับ” น้องไฟท์รีบพูดขึ้นมาอีกเสียง“นั่งรออะไรกันอยู่ครับ?” ฟาร์ริกซ์เดินลงมาเห็นลูกๆ นั่งพูดคุยกันอยู่จึงเอ่ยถาม“นั่งรอคุณพ่อกับคุณแม่อยู่ค่ะ” ลูกสาวคนสวยตอบคุณพ่อ“แล้วคุณแม่อยู่ไหนครับ?” น้องไฟท์รีบถามถึงคุณแม่ทันทีเมื่อไม่เห็นแม่ลงมาพร้อมกับคุณพ่อ“คุณแม่กำลังจะลงมาครับ” ฟาร์ริกซ์ตอบลูกชายพร้อมรอยยิ้ม“งั้นเราไปรอคุณแม่ที่รถดีไหมครับ” น้อ
ห้าเดือนต่อมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาโรสรินใช้ชีวิตเป็นอย่างดีและมีความสุข นอกจากชีวิตของเธอจะมีลูกๆ ที่น่ารักแล้วเธอยังมีสามีที่รักและเอาใจใส่เธอมากเป็นพิเศษอีกด้วยไม่ว่าเธอจะไปไหนจะทำอะไรก็จะมีฟาร์ริกซ์คอยช่วยเหลือเธออยู่ตลอด เขาทำทุกอย่างได้ตามที่พูดเอาไว้ทุกอย่าง ซึ่งก็ทำให้เธอเห็นแล้วว่าเขาเป็นคนดีขึ้นมากแล้วจริงๆส่วนเรื่องผู้หญิงไม่ว่าจะเป็นคนเก่าหรือคนใหม่ก็ไม่มีเรื่องนี้เข้ามาให้โรสรินได้ปวดหัวหรือปวดใจอีก ซึ่งตอนแรกเธอก็สงสัยในความสัมพันธ์ของฟาร์ริกซ์กับอิงรักที่เป็นพี่เลี้ยงของน้องเฟิร์สแต่เธอก็เกิดความสงสัยไม่นานเธอก็ได้รู้ความจริงในทันทีว่าระหว่างฟาร์ริกซ์กับอิงรักเป็นเพียงแค่เจ้านายกับลูกจ้างกันเท่านั้น ทั้งสองไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่าคำว่าเจ้านายกับลูกจ้างเลยสักนิดซึ่งโรสรินก็คิดว่าอีกไม่นานอิงรักคงจะได้เปลี่ยนสถานะจากพี่เลี้ยงมาเป็นคุณป้าของเด็กๆ แทน เพราะดูๆ แล้วฟินนิคซ์จะมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับอิงรัก ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ทุกคนในบ้านก็คิดว่าเป็นเรื่องดีและทั้งสองคนก็ดูเหมาะสมกันมาก“ทำอะไรอยู่ครับ?” ฟาร์ริกซ์เดินเข้าไปสวมกอดภรรยาที่นั่งอยู่โต๊ะทำงานด้วยใจ
หนึ่งเดือนต่อมาระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนที่น้องเฟิร์สกับน้องไฟท์ได้อยู่ด้วยกัน แต่ก็ทำให้เด็กทั้งสองคนรู้จักและสนิทกันมากขึ้นได้ภายในระยะเวลาไม่นานน้องเฟิร์สก็เป็นพี่สาวที่แสนดีคอยแบ่งของเล่นให้น้องชายถึงแม้ว่าของเล่นจะมีแต่ของเล่นผู้หญิงก็ตาม ส่วนน้องไฟท์ก็เป็นน้องที่น่ารักคอยเล่นกับพี่สาวได้ทุกอย่าง ไม่ว่าพี่สาวจะชวนเล่นอะไรน้องชายก็จะเล่นด้วยทุกอย่าง เพราะแบบนี้จึงทำให้ความสัมพันธ์ของสองพี่น้องรักใคร่กันและอยู่ด้วยกันแบบมีความสุขมากขึ้นโรสรินก็มีความสุขมากขึ้นที่ได้เห็นลูกสาวและลูกชายอยู่ด้วยกันในทุกวัน แต่อีกไม่นานบ้านหลังใหญ่ก็คงจะเงียบมากขึ้นเพราะเด็กๆ ทั้งสองจะต้องไปโรงเรียนกันแล้วโดยที่ฟาร์ริกซ์จัดการเรื่องสมัครเรียนให้ลูกๆ ที่โรงเรียนเอกชนชื่อดังที่อยู่ใกล้บ้าน ส่วนค่าเทอมก็คงไม่ต้องพูดถึงเพราะคุณพ่อเลือกโรงเรียนที่ดีที่สุดให้กับลูกๆ อยู่แล้ว ถึงแม้ว่าโรสรินจะไม่เห็นด้วยแต่เธอก็ต้องยอมเพื่อชีวิตที่ดีของลูก หากลูกๆ ได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี เธอก็เชื่อว่าจะทำให้คุณภาพชีวิตของลูกๆ ดีขึ้นไปด้วย“คุณพ่อกับคุณแม่จะไปทำงานแล้วเหรอคะ?” น้องเฟิร์สถามขึ้นมาก่อนใครเมื่อเห็นคุณพ่อกั
หลังจากที่น้องไฟท์เล่นบ้านบอลเสร็จโรสรินก็พาลูกชายกลับห้องพักทันที ในใจก็ว้าวุ่นคิดหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับชีวิต แต่ตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีทางให้เลือกเยอะสักเท่าไหร่ สุดท้ายแล้วคนเป็นแม่ก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อลูกเสมอไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานถึงสามปีแต่ความรู้สึกเจ็บปวดในใจของโรสรินก็ยังคงฝังลึกอยู่ในใจไม่มีวันจางหาย หลายครั้งที่เธอคิดว่าตัวเองจะกลับไปใช้ชีวิตในบ้านสามีอีกครั้ง เธอก็จะคิดถึงความเจ็บปวดที่เธอเคยรู้สึก หากครั้งนี้เธอจะต้องเจ็บปวดแบบเดิมอีกความรู้สึกของเธอก็ไม่ต่างอะไรจากการตายทั้งเป็นแต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไงโรสรินก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อลูกอยู่ดี เพราะเธอจะไม่มีวันยอมให้ลูกของเธอทั้งสองคนอยู่คนละที่หรือต่างคนต่างอยู่เด็ดขาด ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่น้องกันก็ต้องถูกเลี้ยงดูและเติบโตมาด้วยกันถึงจะถูก“เพื่อลูกท่องไว้สิโรส” หญิงสาวมองหน้าลูกชายและพูดกับตัวเองเสียงเบาเพื่อให้กำลังใจตัวเอง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นทุกอย่างที่เธอทำก็เพื่อลูกทั้งนั้นยิ่งรอเวลาทุกอย่างก็จะยิ่งช้าและทำให้เธอเสียเวลาเปล่า เธอต้องตัดสินใจและสู้ให้ถึงที่สุด เธอเชื่อว่าทางเลือกนี้คงจะเป็นทางเ
หลังจากวันนั้นไม่นานโรสรินก็ได้เข้ามาทำงานอยู่ที่โรงแรมของภูมิพัฒน์ที่อยู่สาขาใกล้ๆ กับบ้านของน้องเฟิร์ส ซึ่งเธอก็ได้ไปหาน้องเฟิร์สที่บ้านอยู่บ้าง แต่น้องเฟิร์สก็ยังรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ กับเธออยู่บ้างในตอนที่น้องเฟิร์สได้เจอโรสรินครั้งแรกก็ทำเอาคนเป็นแม่แทบน้ำตาไหล แต่เธอก็ต้องอดทนและกลั้นเอาไว้ก่อนเพื่อที่จะไม่ให้น้องเฟิร์สเห็นน้ำตาของเธอ ถึงน้องเฟิร์สจะยังไม่คุ้นชินกับเธอแต่เธอก็จะหาเวลาไปหาน้องเฟิร์สที่บ้านอยู่บ่อยๆ เพราะเธอเชื่อว่าการเจอหน้าและการพูดคุยกันทุกวันจะทำให้น้องเฟิร์สสนิทกับเธอมากขึ้นอย่างแน่นอนซึ่งตอนนี้โรสรินก็ต้องใจเย็นและรอเวลาที่น้องเฟิร์สจะปรับตัวให้เข้ากับเธอและยอมรับว่าเธอเป็นแม่จริงๆ ให้ได้ก่อน“วันนี้คุณแม่ไม่ไปทำงานเหรอครับ?” เด็กชายวัยสองขวบเศษๆ เอ่ยถามคุณแม่“วันนี้วันหยุดครับ” โรสรินตอบลูกชายพร้อมรอยยิ้ม“น้องไฟท์อยากไปเที่ยวครับ”เด็กชายตัวน้อยรีบบอกความต้องการของตัวเองทันที ถ้าเป็นตอนที่อยู่ภูเก็ตวันหยุดคุณแม่จะชอบพาลูกชายไปนั่งเล่นที่ชายหาดและพาเล่นน้ำทะเล แต่ก็นานๆ คุณแม่ถึงจะมีวันหยุด“ไปเที่ยวเหรอครับ?” ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่โรสรินก็ลืมนึกถึงเรื่องนี
หลังจากที่โรสรินกลับมาอยู่ภูเก็ตเธอก็พยายามคิดทบทวนความรู้สึกของตัวเอง ตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมาเธอรู้สึกรักและผูกพันธ์กับคนที่นี่มาก พอจะได้ย้ายกลับไปอยู่กรุงเทพย้ายไปอยู่ใกล้ๆ ลูกสาว บางทีเธอก็รู้สึกใจหายอยู่เหมือนกันหลายครั้งที่โรสรินออกไปข้างนอกแล้วเห็นครอบครัวอื่นเลี้ยงลูกให้อยู่ด้วยกัน พี่น้องได้ใช้ชีวิตและเติบโตมาด้วยกันมันทำให้โรสรินอดที่จะคิดถึงชีวิตของตัวเองไม่ได้ เธอมีลูกถึงสองคนนอกจากลูกจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วลูกทั้งสองก็ยังไม่รู้จักกันและยังไม่เคยเจอกันอีกด้วย หัวอกคนเป็นแม่ยิ่งคิดก็ยิ่งเศร้าถ้าหากเธอยังอยู่ที่นี่ต่อไปลูกของเธอก็จะไม่ต่างอะไรจากเด็กทั่วๆ ไป ที่รู้จักกันแบบผ่านๆ ไม่ได้รู้จักและสนิทกันแบบพี่น้องคู่อื่นๆ ตอนนี้ลูกทั้งสองของเธอยังเด็ก เธอก็ยังพอมีเวลาอยู่บ้าง ให้รู้จักและสนิทกันตอนนี้ก็ดีกว่าปล่อยเวลาให้เสียเปล่า“โรสจะย้ายไปจริงๆ เหรอ?” แพรไหมเดินเข้ามาถามเสียงเศร้าเพราะไม่คิดมาก่อนเลยว่าโรสรินจะย้ายไปทำงานที่อื่นแบบนี้“ค่ะ โรสอยากไปอยู่ใกล้ๆ น้องเฟิร์ส” โรสรินเองก็ตอบเสียงเศร้าไม่ต่างกัน เพราะเธอเองก็รักและผูกพันกับที่นี่ไม่ต่างจากแพรไหม“แล้วจะไปวันไหน
สามวันต่อมาโรสรินยืนอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ด้วยความตื่นเต้น ข้างกายมีชายหนุ่มที่เปรียบเสมือนพี่ชายคอยอยู่ข้างๆ น้องสาว หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นไม่ต่างจากครั้งแรกที่เธอมาอยู่ที่นี่เลยสักนิด“ไปกันครับ” น้ำเสียงอบอุ่นบอกกับหญิงสาวหลังจากที่ปล่อยให้เธอตั้งสติอยู่สักพักก่อนจะเข้าไปภายในบ้าน“ค่ะ” โรสรินพยักหน้าตอบ เธอรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีแล้วก้าวเดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ที่คุ้นเคยร่างบางก้าวเดินเข้าไปด้วยความประหม่า เธอไม่ได้บอกใครในบ้านเอาไว้ว่าเธอจะมา แต่ทุกคนต่างนั่งอยู่ในบ้านกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาจนเธอทำตัวไม่ถูกเมื่อทุกสายตาต่างจ้องมองมาที่เธอโดยเฉพาะสายตาที่อบอุ่นของฟาร์ริกซ์ทำเอาเธอเผลอมองและหาความหมายของแววตาที่เขามองมา แต่เธอก็ดูไม่ออกเลยว่าสายตาคู่นี้กำลังรู้สึกยังไงกับการที่เธอกลับมาในครั้งนี้“พี่โรส”เป็นเสียงของเฟญ่าที่ทักทายขึ้นมาก่อนใคร แต่ครั้งนี้เป็นการทักทายที่แตกต่างออกไปจากทุกครั้งเมื่อทุกคนเห็นว่าโรสรินมากับผู้ชายอีกคน ผู้ชายที่ดูดีตั้งแต่หน้าตารวมไปถึงฐานะซึ่งก็พอจะดูออกว่าเขาคงจะรวยมากแน่ๆ“สวัสดีครับ” ภูมิพัฒน์ทักทายทุกคนตามมารยาท“โรสมีเรื่องจะ
หลายวันต่อมาตลอดหลายวันที่ผ่านมาโรสรินได้คิดไตร่ตรองทุกอย่างเป็นอย่างดี ถ้าหากเธอทำงานอยู่ที่นี่ต่อโอกาสที่เธอจะได้เจอน้องเฟิร์สก็ยิ่งมีน้อย เธอจึงคิดเรื่องการหางานใหม่ทำ จากประสบการณ์ที่เธอเคยทำงานมาก็พอที่จะเอาไปเขียนในใบสมัครงานที่ใหม่ได้บ้าง เพราะเธอก็มีประสบการณ์การทำงานมาหลายปีพอสมควรเมื่อมีโอกาสและมีทางเลือกโรสรินก็อยากจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง เธอจึงคิดและตัดสินใจที่จะลาออกจากงานที่ภูเก็ต แล้วไปหางานใหม่ทำที่อยู่ในเมืองหลวง จะได้อยู่ใกล้ๆ น้องเฟิร์สด้วย อีกอย่างลูกชายคนเล็กอย่างน้องไฟท์ก็จะได้เข้าโรงเรียนแล้วเธอคงจะมีเวลาทำงานมากขึ้นโรสรินตัดสินใจยื่นใบลาออกไว้บนโต๊ะทำงานของภูมิพัฒน์ ถ้าหากจะบอกเขาไปตรงๆ เธอก็คงไม่กล้าพอที่จะบอกอย่างแน่นอน ซึ่งวิธีนี้คงเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับเธอ“จดหมายอะไร?” เจ้านายหนุ่มขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัยและแปลกใจเมื่อมีซองจดหมายสีขาววางอยู่บนโต๊ะทำงาน ซึ่งดูเด่นชัดมากกว่าแฟ้มเอกสารอื่นๆ ที่วางอยู่“พี่พัฒน์ลองเปิดดูสิคะ” โรสรินก้มหน้าพูดเพราะเธอไม่รู้ว่าจะบอกเขายังไงชายหนุ่มหยิบเปิดซองจดหมายและอ่านข้อความที่อยู่ด้านในด้วยความตั้งใจอยู่สั