“แล้วจะไม่สั่งอะไรหรือยังไง เอาแต่จ้องหน้ากันอยู่นั่น” แทนไทเริ่มเอ่ยปากแซวน้องชายตัวเองบ้าง เตชินท์หันมาฉีกยิ้มให้พี่ชายของเขา
“ดาอยากจะทานอะไรหรือเปล่า” เตชินท์เอ่ยถามขึ้นบ้าง“อะไรก็ได้ค่ะ” แทนที่วรรณรดาตอบ แต่เป็นณัฐกฤตาตอบแทน“ยัยขวัญ !” วรรณรดากัดฟันพูดมองหน้าเพื่อนด้วยความเขินอาย“ก็เห็นแกเขินอยู่ไงฉันเลยตอบแทนให้ จริงไหมคะคุณแทน” ว่าแล้วเธอก็หันไปทางชายหนุ่มเพื่อหาพวก สายตาจ้องมองเขาให้ตอบว่า…“จริงครับ” แทนไทตอบพร้อมกับยิ้มให้กับภรรยาสาวเตชินท์ได้แต่เหลือบมองพี่ชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ด้วยสายตาไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไหร่ ก่อนจะหันไปสั่งอาหารกับพนักงานหนุ่มพร้อมทั้งสั่งของหญิงสาวไปด้วย แต่สิ่งที่น่าแปลกใจสำหรับณัฐกฤตาคือเตชินท์รู้แม้กระทั่งเมนูโปรดที่เพื่อนของเธอชอบทาน“แล้วตกลงจะบอกได้หรือยังว่าไปคบกันรู้จักกันตอนไหน” ทันทีที่พนักงานหนุ่มเดินจากไปณัฐกฤตาก็เอ่ยถามขึ้นถึงประเด็นเดิม“เอ่อ...” วรรณรดาก้มหน้าไม่สบตามองคนบนโต๊ะเช่นเแสงไฟสลัว ๆ ที่เปิดไว้ภายในห้องรับแขก ณัฐกฤตากำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เรื่องราวที่ได้ฟังจนสับสนไม่เข้าใจเพราะว่าพยายามถามเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างเตชินท์และวรรณรดาอยู่นั่นเอง แต่อีกฝ่ายก็พูดโน่นพูดนี่พยายามที่จะบ่ายเบี่ยงนานกว่าที่ณัฐกฤตาจะไล่ถามจนวรรณรดายอมปริปากเล่าเรื่องความสัมพันธ์กับเตชินท์ให้ฟัง เพียงแค่ฟังไม่ถึงห้านาทีแรกเธอก็ต้องร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ“ว่ายังไงนะ !”[อื้ม...ฉันเจอเขาที่นั่นแหละ] ปลายสายตอบรับมา ยิ่งทำให้ณัฐกฤตาแปลกใจขึ้นมาเรื่อย ๆ เพราะยังจำได้ว่าตอนที่จบมาใหม่ ๆ วรรณรดาเอ่ยถึงเรื่องแฟนที่เพิ่งเลิกกันได้ไม่นานให้ฟังแต่ไม่ได้บอกว่าเป็นใคร“ยังไงล่ะ เล่าต่อสิ”[หลังจากนั้นเตก็มารับฉันที่หน้าคณะบ่อย ๆ เพราะว่าเราเรียนอยู่ที่เดียวกันแต่คนละสาขาวิชาน่ะ...]“พรหมลิขิตชัด ๆ ยัยดา !” ณัฐกฤตาพูดขึ้นเสียงดัง[จะบ้าหรือไง ก็แค่ความบังเอิญเท่านั้นแหละ] อีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง แต่คนฟังก็รับรู้ได้ถึงความเศร้าที่ฟังจากน้ำเสียง“แล้วแกคบกับเตนานหรือเปล่า”[ก็
หลังจากกลับมาประเทศไทย พาลินไม่ได้ออกไปไหนไกลยกเว้นแต่ห้างสรรพสินค้าใกล้ ๆ ในตัวเมืองก็เท่านั้น เธอไม่ได้อยู่มาหลายปีบางสิ่งนั้นก็ยังคงเดิมบางสิ่งนั้นก็ถูกเปลี่ยนแปลงใหม่จนจำไม่ได้ พาลินเดินอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าเพียงลำพัง สายตากวาดมองผู้คนที่ต่างเดินเข้าออกร้านจับจ่ายใช้สอย แต่เธอกลับไม่รู้สึกมีความสุขเลยสักนิดตั้งแต่กลับมาหากรู้ว่ากลับมาแล้วต้องมาพบกับข่าวการแต่งงานของแทนไทผู้ชายที่เธอแอบรักเธอจะไม่กลับมา สู้ไม่รู้เสียดีกว่า ยิ่งรับรู้ว่าเขารักภรรยามากแค่ไหนยิ่งรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น หญิงสาวเดินไปตามทางด้วยใจที่เหม่อลอย แต่ทว่าต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าคมเข้มที่คุ้นเคยเดินเคียงข้างกับหญิงสาว ด้วยระยะสายตาที่ไกลจากอีกฝากแต่ก็ยังจำเขาได้ ต่อให้จะเห็นเพียงแค่เสี้ยวหน้าก็ตาม หัวใจดวงน้อย ๆ เต้นไม่เป็นจังหวะแค่เพียงได้เห็นใบหน้าของเขาแค่เสี้ยววินาที คำว่า ‘รัก’ ยังคงดังก้องในใจเพื่อรอวันที่จะบอกให้เขารู้ แต่คงไม่มีอีกแล้ว เพราะว่าเขามีเจ้าของไปแล้ว...พาลินไม่รีรอรีบเดินตามไปอย่างรวดเร็ว สายตาจ้องมองแผ่นหลังของเขาที่เดินออกห่างไปเรื่อย ๆ ผ
“คิดถึงเหมือนกันค่ะ เอ่อ...แล้วพี่ชายล่ะคะ”“รออยู่ที่ห้องรับแขกแล้วค่ะ เห็นว่าบ่นใหญ่เลยตั้งแต่รู้ว่าคุณหนูแต่งงานแล้วไม่ยอมบอก”แทนไทที่ยืนฟังอยู่ข้าง ๆ คิ้วขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจ“แล้วนี่ขวัญไม่ต้องโดนบ่นอีกหรือคะ”“นมว่าคุณหนูลองเข้าไปเองดีกว่าค่ะ”ณัฐกฤตาพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปข้างในโดยที่แทนไทเดินตามอย่างไม่ค่อยเข้าใจว่าเรื่องที่พูดกันนั้นคือเรื่องอะไร“คุณแม่ทำแบบนี้ได้ยังไงครับ ทำไมไม่โทรมาบอกผมสักคำ และนี่จับให้ขวัญแต่งงานกับผู้ชายที่มีข่าวอีก คุณพ่อคุณแม่คิดอะไรกันอยู่ครับ” เสียงเข้มของพี่ชายเล็ดลอดผ่านออกมาจากห้องรับแขก ทำให้ณัฐกฤตายืนมองโดยไม่กล้าเดินเข้าไป“นั่นไง ขวัญมาพอดีเลย” ทัสนันทน์ลุกขึ้นเดินเข้ามาหาลูกสาว“สวัสดีครับคุณแม่ คุณพ่อ” แทนไทกล่าวทักทายก่อนจะหันไปมอง ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ใบหน้าเรียวคม คิ้วหนาจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหยักรองรับเข้ากันอยู่ในชุดทำงานสูทเรียบร้อยไร้รอยยับยืนอยู่ตรงกลางห้องรับแขกหันมามองด้วยสีหน้าแววตาโกรธจัด
บทนำปึก!เสียงหนังสือพิมพ์ทั้งฉบับถูกวางลงบนโต๊ะตรงหน้าอย่างแรง หญิงสาวเจ้าของใบหน้าเรียวรูปไข่ที่นั่งทำงานอยู่ถอนหายใจพร้อมเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความสงสัยและแปลกใจ“นี่ไงที่แกบอกว่าเขาหล่อนักหล่อหนา” วรรณรดาผู้เป็นเพื่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจ ครั้นเมื่อมองใบหน้าของณัฐกฤตาที่รู้จักกันมาเกือบสิบปีที่ยังทำหน้าตาไม่รู้ร้อนรู้ร้อนหนาวก็ยิ่งโมโหใหญ่“ก็แล้วไงล่ะ? ฉันชอบเขา”ณัฐกฤตาพูดด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจกับข่าวตรงหน้าที่เพื่อนสาวนำมาให้“แกชอบเขา แต่ฉันไม่ชอบ ฉันบอกแกเลยว่าอย่าไปคบเด็ดขาด!” วรรณรดาเอ่ยขึ้นอย่างฉุนเฉียวเพราะเธอรู้ดีว่าน้องนิสัยเป็นอย่างไร แล้วอย่างนี้คนพี่จะเหลือหรือไง!“จะอะไรนักหนากันยัยดา แกรู้ได้ไงว่าคบด้วยไม่ได้ ฉันว่าเขาเป็นผู้ชายที่อ่อนโยนและเพอร์เฟ็กต์ จนฉันอยากอยู่ใกล้ทุกวันเลย”ณัฐกฤตาลุกขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นยืนมองใบหน้าเพื่อนสาว“ก็...ก็อยู่กับผู้ชายที่เป็นเกย์เนี่ยนะ แกพูดออกมาได้ยังไง” วรรณรดาถามพลางมองใบหน้าของผู้เป็นเพื่อนสนิทที่ยิ้มระรื้อออกมาอย่างมีความสุข ก่อนจะส่ายหน้าถอนหายใจออกมา ถ้าไม่เป็นเพราะเจอโดยบังเอิญในวันนั้นอย่างที่เล่าให้ฟังป่านนี้คงไ
บทที่ 1บรรยากาศภายในห้องรับแขกที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด หญิงสาววัยกลางคนนั่งอยู่บนโซฟา ใบหน้าซีดเซียวแทบจะเป็นลมจับเมื่อได้อ่านข่าวของ ลูกชายที่ออกหนังสือพิมพ์พาดหัวหน้าหนึ่ง“ยาดม ๆ อยู่ไหน” นิตยลัภย์พูดเสียงเหนื่อย ๆ ในขณะที่สาวใช้ คนสนิทก็รีบวิ่งไปนำยาดมมาให้ทันที“ใจเย็น ๆ นะคะ คุณผู้หญิง” แก้วใจพูดปลอบ ซึ่งไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นแม้แต่น้อย แต่ยิ่งทำให้คนฟังเดือดเข้าไปอีก“ใจเย็น !” นิตยลัภย์ลุกขึ้นพูดมองลูกชายคนโตด้วยสายตาเดือดพล่านแสดงถึงอารมณ์ขุ่นมัว จนคำด่าบรรยายออกมาแทบไม่ถูก“รู้ไหม แกทำอะไรลงไป !” นิตยลัภย์ตวาดลั่นด้วยความโกรธเกรี้ยว ใบหน้าสวยที่เริ่มมีริ้วรอยแดงก่ำด้วยความขุ่นเคือง“ผมไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ครับ”แทนไทตอบและมองด้วยสีหน้ารู้เครียด เขาไม่ได้ทำอะไรผิดแต่เป็นเพราะพวกนักข่าวชอบทำความวุ่นวายให้ต้องเดือดร้อน ทั้งที่จริงแล้วแทบจะไม่ไปยุ่งกับเรื่องวงการบันเทิงเลยสักนิด“ไม่ผิด ! นี่แกยังจะมาพูดแบบนี้อีกเหรอ !” นิตยลัภย์ตวาดเสียงเข้ม สีหน้าแสดงถึงการรับไม่ได้ของข่าวที่ออกมา“พวกนักข่าวชอบเสือก ตีไข่ใส่สี”ชายหนุ่มสบถออกมาด้วยความหงุดหงิดใจ“เสือกนั่นแหละดีแล้ว ฉันจะได้
หญิงสาวนั่งจ้องมองหนังสือพิมพ์เป็นเวลานานเกือบชั่วโมงหลังจากที่เพื่อนสาวนำข่าวเข้ามาบอกในตอนสาย วินาทีนี้หัวใจแทบแตกสลายลง เขาจะไม่เป็นอย่างที่ในข่าวบอกออกมาใช่ไหม ?ณัฐกฤตาถอนหายใจจนนับครั้งไม่ถ้วน ครั้นเมื่อชำเลืองสายตามองภาพที่ทนรับไม่ได้ แค่ข่าวออกมาก็พอว่าอยู่ แต่นี่เล่นมีภาพหลุดออกมาว่าเขาจับมือกับวศินพระเอกชื่อดังอีก เธออยากจะร้องไห้จริงๆ“ไม่จริง ! ข่าวที่ออกมาต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ เลย คุณแทนของฉันไม่ได้เป็นเกย์...” ณัฐกฤตาบ่นพร่ำออกมาด้วยความเสียใจวรรณรดาปาปารัสซี่สาวมองหน้าตาของเพื่อนที่แสดงถึงความเศร้าเสียใจเมื่อผู้ชายที่แอบปลื้มแอบชอบดันมีข่าวว่าเป็นเกย์ แถมทั้งภาพที่ออกมาก็บอกอยู่เต็มตาว่าคือ แทนไท !“ยอมรับความจริงซะ ถึงยังไงแกก็ไม่มีทางสู้ผู้ชายได้หรอกนะ”ดูเหมือนจะเป็นคำปลอบใจที่แทงใจคนฟังน่าดู“แกพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง แกว่าฉันสวยสู้ผู้ชายไม่ได้หรือไง !” ณัฐกฤตาขึงตามองเพื่อนสาวที่ส่ายหน้าให้อย่างหมดหวัง“เปล่า ๆ ฉันก็แค่บอกว่าแกจะใช้ความสวยไปสู้กับผู้ชายเนี่ยนะ มันดูไม่แปลกไปหน่อยหรือไง”“ไม่ ! ฉันเชื่อว่าคุณแทนยังมีจิตใจที่เป็นชายอยู่...บ้าง”คำว่า บ้าง ช่างแ
“คุณแม่หมายถึงคุณแทนไทเหรอคะ”เธอถามทั้งที่ในใจก็แอบลุ้นให้เป็นเขาอยู่รอมร่อ“ใช่แล้วล่ะ” เทพทัตตอบแทนที่ณัฐกฤตาจะดูเศร้าเสียใจ แต่กลับยิ้มออกมาอย่างมีความสุข สวรรค์โปรด ! ใครจะโง่ไม่แต่งงาน ต่อให้เขาเป็นเกย์คิดหรือว่าจะยอมให้เป็นไม่มีทาง !“ขวัญจะแต่งงานค่ะ !” หญิงสาวพูดโพล่งขึ้น เล่นเอาคนเป็นพ่อเป็นแม่ถึงกับมองด้วยความประหลาดใจ เพราะเมื่อครู่ยังปฏิเสธอยู่เลย“ขวัญจะเเต่งกับ....”“ใช่ค่ะ” น้ำเสียงตั้งมั่นจนคนเป็นพ่อเป็นแม่ฟังดูแล้วรู้สึกแปลกขึ้นมาทันที เทพทัตและทัสนันทน์มองหน้ากัน ในใจคงคิดไม่ต่างกันสักเท่าไหร่“ขวัญลองคิดดูก่อนก็ได้ไม่ต้องรีบตอบหรอกลูก ใจจริงแม่ก็ไม่ได้อยากจะให้แต่ง แต่แค่บอกให้เราตัดสินใจ แม่กับพ่อไม่ได้บังคับนะ” ทัสนันทน์พูดขึ้นเพื่อให้ลูกสาวของเธอนั้นได้ใช้เวลาทบทวนก่อนตัดสินใจอีกครั้งหนึ่ง“พ่อไม่รีบเอาคำตอบหรอกนะ คิดดูเอาเองถ้าไม่แต่งพ่อจะได้โทรไปบอกทางฝ่ายนั้น เพื่อความสบายใจของลูก...”“ขวัญตัดสินใจจะแต่งงานกับคุณแทนไทจริง ๆ ค่ะ”แทนไทเดินออกจากห้องภายในคอนโด ฯ ที่วศินอยู่ เขาใช้เวลาคุยกันไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำไปแต่ทว่ากลับไม่ได้ความอะไรเลย ครั้นจะโทร. ไปคุยอ
“ก็คุณแม่กลัวพี่ชายสุดที่รักของผมเผลอใจไปรักกับผู้ชายไม้ป่าเดียวกัน ก็เลยจะให้แต่งงานซะเลยเพื่อลบข่าวแถมยังไม่ต้องกลัวว่าพี่ชายจะไปคว้าผู้ชายที่ไหนมาเป็นสะใภ้น่ะครับ” เตชินท์ร่ายยาว แต่สุดท้ายความหมายเดิมคือ ลบข่าวออกโดยการแต่งงาน ! แทนไทมองหน้าน้องชายที่ยิ้มเจ้าเล่ห์ให้อย่างมีความสุข เขาอยากจะชกสักหมัดไปที่หน้าของเตชินท์สักทีสองทีจริงๆ “เพราะแกใช่ไหมที่แม่ต้องทำแบบนี้” ชายหนุ่มกัดฟันถาม มือแกร่ง กำหมัดแน่นเพื่อระงับอารมณ์โกรธที่อยู่ในใจ “เปล่า คุณแม่นั่งกลุ้มใจเครียดแทบจะเป็นลม ผมก็เลยเป็นที่ปรึกษาให้น่ะ” น้ำเสียงของเตชินท์ตอบโดยไม่คิดอะไร “ออกไปซะ” เขาออกปากไล่ เตชินท์ยิ้มรับพร้อมกับหลุดขำออกมา “ผมหวังดีนะ ไม่อยากให้พี่ชายเดินทางผิดคิดเป็นเกย์” แทนไทฟังคำพูดทิ้งท้ายของน้องชายที่เดินออกไปจากห้อง แต่เสียงหัวเราะก็ยังคงดังก้องอยู่ในหูเขา “บ้าเอ๊ย !” แทนไทสบถออกมา เขาเดินมานั่งลงที่ปลายเตียงพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างแรง นี่เจ้าน้องชายตัวแสบถึงกลับเสนอวิธีแบบนี้ให้แม่เลยอย่างนั้นเหรอ...เขาไม่ใช่เกย์สักหน่อย ! แต่ถึงจะบังคับให้แต่งงานยังไงก็ไม่มีทางสำเร็จเพราะจะมีผู้หญิงค
“คิดถึงเหมือนกันค่ะ เอ่อ...แล้วพี่ชายล่ะคะ”“รออยู่ที่ห้องรับแขกแล้วค่ะ เห็นว่าบ่นใหญ่เลยตั้งแต่รู้ว่าคุณหนูแต่งงานแล้วไม่ยอมบอก”แทนไทที่ยืนฟังอยู่ข้าง ๆ คิ้วขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจ“แล้วนี่ขวัญไม่ต้องโดนบ่นอีกหรือคะ”“นมว่าคุณหนูลองเข้าไปเองดีกว่าค่ะ”ณัฐกฤตาพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปข้างในโดยที่แทนไทเดินตามอย่างไม่ค่อยเข้าใจว่าเรื่องที่พูดกันนั้นคือเรื่องอะไร“คุณแม่ทำแบบนี้ได้ยังไงครับ ทำไมไม่โทรมาบอกผมสักคำ และนี่จับให้ขวัญแต่งงานกับผู้ชายที่มีข่าวอีก คุณพ่อคุณแม่คิดอะไรกันอยู่ครับ” เสียงเข้มของพี่ชายเล็ดลอดผ่านออกมาจากห้องรับแขก ทำให้ณัฐกฤตายืนมองโดยไม่กล้าเดินเข้าไป“นั่นไง ขวัญมาพอดีเลย” ทัสนันทน์ลุกขึ้นเดินเข้ามาหาลูกสาว“สวัสดีครับคุณแม่ คุณพ่อ” แทนไทกล่าวทักทายก่อนจะหันไปมอง ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ใบหน้าเรียวคม คิ้วหนาจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหยักรองรับเข้ากันอยู่ในชุดทำงานสูทเรียบร้อยไร้รอยยับยืนอยู่ตรงกลางห้องรับแขกหันมามองด้วยสีหน้าแววตาโกรธจัด
หลังจากกลับมาประเทศไทย พาลินไม่ได้ออกไปไหนไกลยกเว้นแต่ห้างสรรพสินค้าใกล้ ๆ ในตัวเมืองก็เท่านั้น เธอไม่ได้อยู่มาหลายปีบางสิ่งนั้นก็ยังคงเดิมบางสิ่งนั้นก็ถูกเปลี่ยนแปลงใหม่จนจำไม่ได้ พาลินเดินอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าเพียงลำพัง สายตากวาดมองผู้คนที่ต่างเดินเข้าออกร้านจับจ่ายใช้สอย แต่เธอกลับไม่รู้สึกมีความสุขเลยสักนิดตั้งแต่กลับมาหากรู้ว่ากลับมาแล้วต้องมาพบกับข่าวการแต่งงานของแทนไทผู้ชายที่เธอแอบรักเธอจะไม่กลับมา สู้ไม่รู้เสียดีกว่า ยิ่งรับรู้ว่าเขารักภรรยามากแค่ไหนยิ่งรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น หญิงสาวเดินไปตามทางด้วยใจที่เหม่อลอย แต่ทว่าต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าคมเข้มที่คุ้นเคยเดินเคียงข้างกับหญิงสาว ด้วยระยะสายตาที่ไกลจากอีกฝากแต่ก็ยังจำเขาได้ ต่อให้จะเห็นเพียงแค่เสี้ยวหน้าก็ตาม หัวใจดวงน้อย ๆ เต้นไม่เป็นจังหวะแค่เพียงได้เห็นใบหน้าของเขาแค่เสี้ยววินาที คำว่า ‘รัก’ ยังคงดังก้องในใจเพื่อรอวันที่จะบอกให้เขารู้ แต่คงไม่มีอีกแล้ว เพราะว่าเขามีเจ้าของไปแล้ว...พาลินไม่รีรอรีบเดินตามไปอย่างรวดเร็ว สายตาจ้องมองแผ่นหลังของเขาที่เดินออกห่างไปเรื่อย ๆ ผ
แสงไฟสลัว ๆ ที่เปิดไว้ภายในห้องรับแขก ณัฐกฤตากำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เรื่องราวที่ได้ฟังจนสับสนไม่เข้าใจเพราะว่าพยายามถามเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างเตชินท์และวรรณรดาอยู่นั่นเอง แต่อีกฝ่ายก็พูดโน่นพูดนี่พยายามที่จะบ่ายเบี่ยงนานกว่าที่ณัฐกฤตาจะไล่ถามจนวรรณรดายอมปริปากเล่าเรื่องความสัมพันธ์กับเตชินท์ให้ฟัง เพียงแค่ฟังไม่ถึงห้านาทีแรกเธอก็ต้องร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ“ว่ายังไงนะ !”[อื้ม...ฉันเจอเขาที่นั่นแหละ] ปลายสายตอบรับมา ยิ่งทำให้ณัฐกฤตาแปลกใจขึ้นมาเรื่อย ๆ เพราะยังจำได้ว่าตอนที่จบมาใหม่ ๆ วรรณรดาเอ่ยถึงเรื่องแฟนที่เพิ่งเลิกกันได้ไม่นานให้ฟังแต่ไม่ได้บอกว่าเป็นใคร“ยังไงล่ะ เล่าต่อสิ”[หลังจากนั้นเตก็มารับฉันที่หน้าคณะบ่อย ๆ เพราะว่าเราเรียนอยู่ที่เดียวกันแต่คนละสาขาวิชาน่ะ...]“พรหมลิขิตชัด ๆ ยัยดา !” ณัฐกฤตาพูดขึ้นเสียงดัง[จะบ้าหรือไง ก็แค่ความบังเอิญเท่านั้นแหละ] อีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง แต่คนฟังก็รับรู้ได้ถึงความเศร้าที่ฟังจากน้ำเสียง“แล้วแกคบกับเตนานหรือเปล่า”[ก็
“แล้วจะไม่สั่งอะไรหรือยังไง เอาแต่จ้องหน้ากันอยู่นั่น” แทนไทเริ่มเอ่ยปากแซวน้องชายตัวเองบ้าง เตชินท์หันมาฉีกยิ้มให้พี่ชายของเขา“ดาอยากจะทานอะไรหรือเปล่า” เตชินท์เอ่ยถามขึ้นบ้าง“อะไรก็ได้ค่ะ” แทนที่วรรณรดาตอบ แต่เป็นณัฐกฤตาตอบแทน“ยัยขวัญ !” วรรณรดากัดฟันพูดมองหน้าเพื่อนด้วยความเขินอาย“ก็เห็นแกเขินอยู่ไงฉันเลยตอบแทนให้ จริงไหมคะคุณแทน” ว่าแล้วเธอก็หันไปทางชายหนุ่มเพื่อหาพวก สายตาจ้องมองเขาให้ตอบว่า…“จริงครับ” แทนไทตอบพร้อมกับยิ้มให้กับภรรยาสาวเตชินท์ได้แต่เหลือบมองพี่ชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ด้วยสายตาไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไหร่ ก่อนจะหันไปสั่งอาหารกับพนักงานหนุ่มพร้อมทั้งสั่งของหญิงสาวไปด้วย แต่สิ่งที่น่าแปลกใจสำหรับณัฐกฤตาคือเตชินท์รู้แม้กระทั่งเมนูโปรดที่เพื่อนของเธอชอบทาน“แล้วตกลงจะบอกได้หรือยังว่าไปคบกันรู้จักกันตอนไหน” ทันทีที่พนักงานหนุ่มเดินจากไปณัฐกฤตาก็เอ่ยถามขึ้นถึงประเด็นเดิม“เอ่อ...” วรรณรดาก้มหน้าไม่สบตามองคนบนโต๊ะเช่นเ
หญิงสาวเดินออกมาจากห้องน้ำในชุดคลุมอาบน้ำซึ่งเป็นที่ตกใจและแปลกใจสำหรับแทนไท“ไม่ต้องจ้องฉันซะขนาดนั้นก็ได้ค่ะ” เธอพูดก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า“ผมก็แค่แปลกใจที่คุณ...”“ก็เมื่อกี้ยังไม่ได้เลือกไว้นี่คะ อีกอย่างฉันรอคุณเข้าไปอาบน้ำอยู่นะ” เธอพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปเปิดตู้เสื้อผ้า“ครับ ผมก็แค่สงสัยวันนี้คุณมาแปลกก็เท่านั้น”“ไม่แปลกหรอกค่ะ ปกติตอนเช้าคุณจะอาบน้ำก่อนฉันนี่คะ จะให้ฉันเปลี่ยนชุดโดยที่มีคุณอยู่ใครจะไปกล้ากันล่ะคะ”“ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ถ้าคุณไม่กล้าไว้ผมจะออกมาเปลี่ยนชุดเป็นเพื่อนพร้อมกับคุณ ดีไหม ?” แทนไทถามด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ณัฐกฤตาจ้องมองด้วยสายตาขุ่นเคือง ทั้งที่จริงแล้วใบหน้าของเธอนั้นแดงก่ำด้วยความอายและโกรธ“ผมล้อเล่นน่า” เเทนไทก้าวเข้าไปใกล้“เเต่ฉันไม่เล่นด้วยนี่คะ คุณชอบพูดจาเเบบนี้ทุกที”“โอเคครับ ต่อไปนี้ผมจะไม่พูดจาลามกใส่ภรรยาสุดสวยอีก อย่างอนผมนะ” เขาพูดพร้อมก้าวเข้ามาหาเธอ ทว่าหญิงสาวกลับถอยหลังออกห
“เป็นอะไรไปยัยแพงดูร้องเข้า แม่ตกใจหมด”“แพงก็แค่ตกใจค่ะ” พาลินตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งพลางก้มหน้าหลบสายตา แทนไทพี่ชายที่เธอหลงรักเขาแต่งงานแล้วหรือนี่ ?“แล้วนี่แต่งกันตอนไหนล่ะ ไม่เห็นโทรมาบอกบ้างเลยนะ”“แต่งกะทันหันเพราะมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ แต่ตอนนี้เห็นเจ้าแทนติดหนูขวัญงอมแงมเลยนะ ฉันกำลังรอหลานอยู่นี่แหละ” นิตยลัภย์พูดด้วยน้ำเสียงดีใจ จนพาลินถึงกับตัวสั่นสะท้านออกมาเพราะว่าทนฟังต่อไปไม่ได้“คุณแม่คะ เดี๋ยวแพงออกไปข้างนอกหน่อยนะคะ พอดีนึกขึ้นได้ว่านัดเพื่อนเก่าเอาไว้ค่ะ” พาลินพูดปดเพราะทนฟังต่อไปไม่ได้“อย่ากลับมาดึกนักล่ะ” กรพรรณพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง“ค่ะ” หญิงสาวขานรับสั้น ๆ พร้อมลุกขึ้นเดินออกจากห้องรับแขกไปด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง เธอน่าจะกลับมาหาเขาตั้งนานแล้ว ไม่คิดว่าพี่แทนไทผู้ชายแสนดีที่ไม่เคยชายตามองผู้หญิงคนไหนจะแต่งงานไปแล้ว“แล้วเตชินท์ล่ะเป็นยังไงบ้าง” เสียงของกรพรรณเอ่ยถามดังเล็ดลอดออกจากห้องรับแขกจนถึงหูของพาลินที่กำลังเดินออกไปแต่ทว่าเธ
“เตรู้ว่าสายไป แต่ถ้ามันทำให้ดาต้องเสียใจเพราะกลับมาคบกับเตอีกครั้ง...” เตชินท์สูดหายใจเข้าลึก ๆ มองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาที่เศร้าโศก “เตจะไม่ขอมายุ่งวุ่นวายกับดาอีก เตจะออกไปจากชีวิตของดา”เพียะ !ฝ่ามือเรียวฟาดลงไปที่แก้มของชายหนุ่มอย่างแรง แววตาของเธอมองเขาด้วยความโกรธ อยากจะไปจากชีวิตเธอแล้วกลับมาขอเธอคบอีกทำไม !“กลับมาทำไมล่ะ ถ้ากลับมาแล้วจะจากฉันไปแบบนี้ คนใจร้าย !” หญิงสาวตวาดใส่ชายหนุ่มทั้งน้ำตา เตชินท์ได้แต่ยืนนิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูกเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกมืดแปดด้านจนหาทางออกไม่ได้“ถ้านั่นเป็นความต้องการของดาเตจะไป...”“เป็นเพราะนาย...” วรรณรดาพูดเสียงสั่น “ทำไมฉันถึงไม่ลืมนายสักทีทำไมล่ะ...ทั้งที่นายเองก็ไม่เคยรักฉันเลยสักนิด !”“ดา...”“ฉันกลัว...” หญิงสาวเอ่ยขึ้นพลางสูดหายใจเข้าและยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้าของตัวเอง “กลัวว่านายจะทิ้งฉัน กลัวว่านายจะทำเหมือนเมื่อก่อน...”“ดา...เราลองมาคบดูใจกันก่อนได้ไหม ถ้าดายังไม
“แล้วนี่หายาทาไปบ้างยัง ?” นิตยลัภย์ถามด้วยความเป็นห่วง“แค่ประคบด้วยน้ำแข็งครับ”“ไป ๆ รีบเข้าบ้านกัน ยืนแบบนี้เดี๋ยวยิ่งเจ็บมากขึ้นอีก” ว่าแล้ว นิตยลัภย์ก็เดินเข้ามาช่วยประคองลูกสะใภ้เดินขึ้นบันไดเข้าไปในบ้านแทนไทพยุงภรรยาเดินเข้ามาในห้องรับแขกพร้อมกับแม่ ก่อนจะนั่งลงที่โซฟา นิตยลัภย์เดินมานั่งที่โซฟาอีกตัวข้างลูกชาย ชายหนุ่มจึงหันไปมองมารดาที่มีหน้าเคร่งเครียด และเต็มไปด้วยคำถามมากมาย“ดูคุณแม่มีเรื่องที่จะถามผมเยอะนะครับ” แทนไทเอ่ยถามขึ้น“เปล่าหรอก ไม่มีอะไร”“มีอะไรก็บอกผมเถอะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง“มีอะไรหรือเปล่าคะ ?” ณัฐกฤตาเอ่ยถามขึ้นบ้างหลังจากที่สังเกตเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของแม่สามี“พักนี้ตาเตมีปัญหาอะไรหรือเปล่า” นิตยลัภย์พูดด้วยน้ำเสียงกังวล“ทำไมเหรอครับ ?”“ก็พักนี้ตาเตดูแปลกไป ถึงจะเที่ยวผู้หญิงจะไปดื่มมา แต่ครั้งนี้...”“ดูเหมือนคนอกหักใช่ไหมคะ” ณัฐกฤตาตอบขึ้นแทน
“ไปครับ เดี๋ยวผมอุ้มคุณไปนอนพักที่ห้อง” เขาพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน แต่คนที่กำลังถูกอุ้มนั้นหันมามองด้วยแววตาตกใจ“ไม่ต้องเลยค่ะ ฉันเดินเองได้” หญิงสาวรีบปฏิเสธขึ้นทันทีพลางขยับตัวลุกขึ้นแต่ทว่าขาของเธอนั้นยังไม่มีแรงมากพอที่จะทรงตัวยืนเองได้ตามปกติ ณัฐกฤตาจึงเซล้มลงที่โซฟาอีกครั้งทว่าเขากลับเข้ามาช่วยรั้งเธอไว้นัยน์ตาคมจ้องมองหญิงสาวแบบใกล้ ๆ พลางยิ้มออกมาที่มุมปากก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นดุเข้ม“เห็นไหม ยังไม่หายดียังจะอวดเก่งอีก”“ก็คุณชอบ...”“ผมบอกแล้วไงว่าไม่รังแกคนเจ็บ แต่ถ้าไม่เชื่ออีกผมจะจูบคุณจริง ๆแล้วนะ” แทนไทพูดขู่“คนบ้า !”“ตกลงจะให้ผมอุ้มหรือจะให้ผมจูบคุณดีครับ”ดูเหมือนจะเป็นข้อเสนอที่เธอไม่อยากจะได้ทั้งนั้นเลย ณัฐกฤตามองชายหนุ่มด้วยสายตาที่ลังเลพลางคิดหนักอุ้มหรือจูบ“ที่รักคุณคิดนานเกินไปนะ เดี๋ยวผมเลือกให้เองดีไหม ?”“อุ้ม” เธอตอบพึมพำเบา ๆ“อะไรนะครับ ผมไม่ได้ยินเลย” แทนไทแกล้งทวนคำ