“คุณแทน...”
การที่ได้ยินเสียงของเธอเรียกเขาแล้ว ยิ่งทำให้หัวใจเขาพองโตมากขึ้นไปทุกที แทนไทมอบความสุขให้ภรรยาอย่างอ่อนโยน เขารู้ว่านี่อาจจะเป็นครั้งแรกของเธอ และเขาต้องการให้เธอได้จดจำความรู้สึกนี้และมีความสุขไปกับมัน“คุณชอบไหม ?” แทนไทเอ่ยถามเสียงแหบพร่า มองหญิงสาวปรือตาขึ้น ใบหน้าแดงก่ำด้วยความอาย อันที่จริงแล้วไม่ต้องได้คำตอบจากปากของเธอด้วยซ้ำ เขายิ้มก่อนขยับตัวขึ้นมาแล้วจุมพิตเธออีกครั้งหนึ่ง“คุณแทน !” ณัฐกฤตาสะดุ้งขึ้นเมื่อรับรู้ถึงสิ่งแปลกปลอมที่รุกล้ำเข้ามา แต่นั่นทำให้เธอไม่มีแรงต่อต้านหรือคัดค้านชายหนุ่ม มือเรียวยกขึ้นคล้องที่คอเขาและเริ่มที่จะจูบตอบเธอต้องการเขา...แน่นอนว่าทั้งร่างกายและหัวใจ ทว่าการที่ได้กอดเขาแบบนี้โดยที่ไม่รู้ถึงหัวใจนั้นก็จะเจ็บปวดอยู่บ้าง ทว่าหากมีลูกกับเขาสักคนก็คงจะดี ถึงแม้ว่า...เขาอาจจะไม่รู้สึกอะไรกับเธอเลยภรรยาของเขาช่างเรียนรู้ไวจริงๆ แทนไทยิ้มอยางมีความสุข เขาขยับตัวออกเล็กน้อยดันขาและสะโพกของเธอขึ้น เมื่อณัฐกฤตามองเห็นสิ่งที่ไม่ควรจะเห็นจึงรีบหลับตาลงทันทีคุณพระ...เขาคงไม่กระวนกระวายใจจนแทบไม่มีสมาธิทำงาน...เมื่อใจที่ยังรุ่มร้อนของแทนไทยังไม่ดับสนิท เสียงถอนหายใจจนนับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่เมื่อเช้ายังตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว เขายกมือขึ้นลูบใบหน้าก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานเดินไปที่หน้าต่าง มองตึกสูงในใจกลางเมือง ถนนหลายเส้นทางที่เต็มไปด้วยรถยนต์อัดแน่น ด้วยความรู้สึกที่สับสนกระวนกระวายทำอะไรไม่ถูก ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างหนัก ก่อนที่เขาจะเดินกลับมายังโต๊ะทำงานตามเดิม“บ้าเอ๊ย !”เขาสบถออกมา พลางยกมือขึ้นเสยผม ก่อนเดินกลับมาเอนหลังพิงกับเบาะเก้าอี้ เปลือกตาหนาปิดลงอย่างช้าๆ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้แต่แรก ไม่คิดว่ากลายเป็นเขาเอง...ที่จะตกหลุมรักเธอสตูดิโอที่ส่งเสียงเรียกวุ่นวายตั้งแต่เช้าจนถึงตอนเที่ยง แต่สำหรับ ตากล้องหนุ่มมืออาชีพอย่างเตชินท์ที่ปกติมักจะเดินแซวเล่นไปทั้งวันนี้เขากลับนั่งนิ่งไม่สนใจสิ่งอื่นใดหลายวันมานี้ทุกอย่างได้เเปรเปลี่ยนความรู้สึกของผู้ชายเจ้าสำราญอย่างเขาไปเเทบหมดคราบ เขาเฝ้าที่จะพบเธอมานานถึงแม้จะอยู่ใกล้กันเเต่กลับไม่พบเจอจนกระทั่งในงานแต่งงานของพี่ชายทำให้รู้สึก
เช้าวันพฤหัสบดีที่สดใส ทว่าสำหรับแทนไทคงจะไม่ใช่อีกต่อไปเพราะต้องใช้เวลานานในการหาข้ออ้าง เรื่องที่ณัฐกฤตาจะตามไปกองถ่ายทำโฆษณา ความจริงแล้วบิดาดันพูดเปิดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นในช่วงอาหารเย็นของเมื่อวาน ทำให้เธอสนใจที่จะไปด้วย และวันนี้โชคก็ช่างไม่เข้าข้างเสียเลยที่ให้ณัฐกฤตามีเวลาว่างมากพอที่จะไปพร้อมกับเขา แม้จะพยายามอ้างบอกเหตุผลต่าง ๆ หลายอย่างเพื่อไม่ให้ไปที่กองถ่ายด้วย เเต่สุดท้ายก็ไม่ได้ผล“ใช่สิ ! คุณจะเเอบไปนัดพบคุณวศินใช่ไหมล่ะ เลยไม่อยากให้ฉันไปเป็นก้างขวางคอ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงประชด เบือนหน้าหนีมองไปทางอื่น ในตอนนี้ยังเป็นต่อ เพราะเขาเริ่มที่จะเกรงใจและยอมอ่อนให้เธอ“คุณอย่าเข้าใจผิดสิ”แทนไทเดินเข้ามาโอบกอดทางด้านหลังของณัฐกฤตา นั่นทำให้เธอรู้สึกดีมาก ๆ กับการกระทำแบบนี้ของเขา“ปล่อยเลยนะ อย่ามาแสร้ง”“คุณกำลังหึงผมใช่ไหม ?”“ใครจะไปหึงคุณกัน” หญิงสาวตอบพลางผลักชายหนุ่มออก“เเต่ผมชอบให้คุณหึงผมนะ” แทนไทกระซิบบอก“ตกลงคุณจะไม่ให้ฉันไปใช่ไหมคะ” ณัฐกฤตา
เกือบเวลาเที่ยง แต่การถ่ายทำโฆษณายังคงดำเนินไปเรื่อย ๆ มีบางฉากที่ต้องถ่ายหลายครั้ง แม้กระทั่งนักแสดงเก่ง ๆ อย่างวศินยังต้องใช้เวลา แล้วถ้าหากเป็นคนอื่นวันนี้ไม่รู้จะเสร็จหรือเปล่าแทนไทยกมือขึ้นดูนาฬิกาที่ข้อมือก่อนจะสะกิดเรียกภรรยาสาว“จะเที่ยงแล้วผมว่าไปทานข้าวกันเถอะ”ณัฐกฤตาละสายตาจากโทรศัพท์ในมือขึ้นมองชายหนุ่มพลางพยักหน้ารับก่อนจะลุกขึ้นพร้อมกับแทนไท“แล้วคุณไม่รอดูจนเสร็จเหรอคะ” หญิงสาวเอ่ยถามขึ้นในขณะที่เดินออกจากกองถ่ายมาที่รถ“ปกติผมก็มาดูช่วงเช้าว่างานที่ออกมาถูกใจหรือเปล่าน่ะ ส่วนที่เหลือเขาก็จัดการตามปกตินั่นแหละครับ” เขาอธิบาย“เหรอคะ แล้วอย่างนี้โฆษณาของคุณจะได้ออกอากาศเมื่อไหร่”“ถ้ากำหนดการไม่ถูกเลื่อนอะไร ก็น่าจะเดือนหน้า”“ค่ะ” เธอขานรับ“ไว้ถ้าคุณอยากรู้ผมจะเล่าให้ฟังหมดเลยครับ” เขาพูดขึ้น“แน่ใจเหรอคะ”“แต่คุณต้องอยู่บ้านเลี้ยงลูกนะครับ ผมอยากจะมีสักสามคน” เขาพูดพลางยิ้มขำเมื่อสังเกตเห็นใบหน้าแด
รถยนต์หยุดจอดลงหน้าหอพักนักศึกษาหญิงแห่งหนึ่งซึ่งห่างจากมหาวิทยาลัยไม่ไกลมากเท่าไหร่ เตชินท์มองคนข้างตัวที่นั่งนิ่งเงียบตลอดทาง‘มีอะไรหรือเปล่า’หญิงสาวส่ายหน้าเป็นคำตอบก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูทว่ากลับเปิดไม่ออก เธอหันมามองด้วยแววตาที่ตกใจแต่นัยแฝงไปด้วยความเศร้า‘เราต้องคุยกันก่อนนะ’ เตชินท์เอื้อมมือไปจับที่ข้อมือ แต่หญิงสาวกลับขัดขืนพลางหลบหลีกสายตาของเขา‘มีอะไรล่ะ ดาไม่ว่างหรอกนะ’ วรรณรดารีบถามเขาทันที‘ทำไมต้องหลบตาด้วย ดามีแฟนแล้วใช่ไหมถึงรู้สึกอึดอัด’ ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นพลางมองหญิงสาวอย่างรอคำตอบ‘ไม่มี’ จะให้เธอบอกเขายังงั้นเหรอ แล้วถ้าเขาไม่คิดกับเธอมากกว่าเพื่อนล่ะ เธอยังไม่อยากเสียเขาไป แค่เป็นเพื่อนแบบนี้ต่อไป...ยังดีซะกว่า‘ถ้าไม่มีก็มองสิ ทำไมต้องหลบหน้าด้วย’ เขาถามก่อนจะเชยคางของหญิงสาวขึ้นสบตา‘ไม่ได้หลบ เลิกคิดเอาเองได้แล้ว’ เธอใช้มืออีกข้างจับมือเขาออก‘อย่าโกหก มีเรื่องอะไรกันแน่ แล้วทำไมต้อง...’‘พอสักที
คำว่าความสุขได้ผ่านพ้นไป เนิ่นนานจนชายหนุ่มเจ้าสำราญอย่าง เตชินท์ไม่เคยได้สัมผัสอีกครั้ง หลังจากเรียนจบเมื่อหลายเดือนก่อนเขาไม่ได้เจอวรรณรดาอีกเลย นี่ก็ผ่านมาเกือบปีเเล้ว...ทำไมเขายังลืมไม่ได้ เขาเองไม่ใช่เหรอที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทุกอย่างไม่มีใครสักคนที่เขาคิดจะจริงจัง เพียงเเค่ผ่านมาเเละผ่านไป ความสัมพันธ์ทางกายไม่ได้ผูกหัวใจเขาเเละผู้หญิงที่เคยนอนด้วยหลาย ๆ คนเอาไว้เเม้เเต่น้อยเตชินท์นั่งอยู่ภายในสตูดิโอของสถานีแห่งหนึ่ง เขาทำงานที่นี่มาเกือบร่วมสี่เดือนเเล้วหลังจากที่พักฟื้นหัวใจมานานเเสงอาทิตย์ค่อย ๆ ลับขอบฟ้า สายตาคมมองออกไปนอกหน้าต่างจากตึกสูงในใจกลางเมือง เสียงถอนหายใจอย่างหนักดังออกมาเป็นระยะ ๆ ก่อนที่จะเดินกลับมานั่งที่โซฟาขนาดใหญ่ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาได้จังหวะพอดีกลับที่มีสายเข้ามา ชายหนุ่มมองเบอร์ปลายสายด้วยความชั่งใจก่อนจะตัดสินใจกดรับ‘ครับเมย์’ เขาขานรับ[เตคะ คุณอยู่ไหน]‘สตูดิโอครับ’ เขาตอบเมธาวีผู้หญิงที่เขาควงด้วยอยู่ในตอนนี้ไม่ใช่ในฐานะเเฟนหรือคนรักเเบบเปิดเผยเเละเขาก็ไม่คิดจะเกินเลยมากกว่าคำว่า คู่ควง
วันหยุดสุดสัปดาห์ที่เเทนไทเฝ้ารอก็มาถึง ทั้งที่ปกติก่อนหน้าเเต่งงานเเทบไม่อยากจะให้ถึงวันหยุดที่เเสนจะน่าเบื่อเลยสักนิดเดียว ก็จะให้เบื่อได้ยังไง วันนี้เขาจะไปฮันนีมูนกับภรรยา ถึงแม้อาจจะดูกะทันหันไปสักหน่อยก็ตามณัฐกฤตาเดินออกมาจากห้องน้ำในชุดเดรสรัดรูปสีหวาน สองเท้าก้าวตรงมาที่โต๊ะเครื่องแป้งพลางชำเลืองมองชายหนุ่มที่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่“คุณเเต่งตัวเเบบนี้อีกเเล้ว” เเทนไทพูดพร้อมเดินเข้ามาหา“ยังไงคะ” เธอหันไปถามชายหนุ่มพร้อมกับหยิบหวีขึ้นสางผม“ผมไม่ชอบเลย” เเทนไทขยับมาประชิดตัว เอื้อมมือขึ้นลูบที่เเก้มของเธอ ณัฐกฤตาเบี่ยงตัวหลบ พลางถอนหายใจอย่างไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่“เปลี่ยนเถอะ คุณเเต่งตัวเเบบนี้ผมไม่อยากออกไปข้างนอกเลยนะ”ดวงตากลมกลอกมองอย่างชั่งใจ เธอเดินกลับไปที่ตู้เสื้อผ้าอีกครั้งแล้วหยิบเลือกชุดใหม่ออกมาแล้วไปที่ห้องน้ำ ไม่นานนักประตูก็ถูกเปิดออก เเทนไทมองไปที่ภรรยาสาวในชุดเดรสสีหวาน ถึงจะไม่มิดชิดมากเท่าไหร่เเต่ก็ยังดีกว่าชุดเมื่อกี้“ถ้าไม่ผ่านอีกฉันไม่ไปเเล้วนะคะ” ณัฐกฤตาเ
เป็นเวลานานเกือบสามชั่วโมงหลังจากเดินเล่นถ่ายรูปไปทั่วชายหาด แสงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าลง ชายหนุ่มและหญิงสาวกลับมาที่บ้านก่อนจะเปลี่ยนชุดแล้วเดินดูสนามหญ้านอกบ้านที่ถูกจัดแต่งไว้อย่างสวยงามหรูหราแสงเทียนอโรม่าถูกวางเป็นจุด ๆ กลิ่นอายหอมทำให้สูดแล้วดูผ่อนคลายได้ไม่น้อย ณัฐกฤตามองไปยังที่สนามด้วยความตกตะลึงและแปลกใจก่อนหันไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยใบหน้าแผ่วร้อนอาหารมื้อค่ำสุดโรแมนติกที่แทนไทตั้งใจเตรียมไว้ให้ภรรยาในค่ำคืนนี้ ซึ่งเขาใช้เวลาที่เดินแยกจากหญิงสาวในช่วงบ่ายเพื่อมาจัดและดูให้เรียบร้อย“คุณไม่เห็นบอกฉันเลยนี่คะว่าจะจัดอาหารมื้อค่ำที่นี่” เธอหันไปถามชายหนุ่มที่ยืนยิ้มละมุนเปี่ยมไปด้วยความสุข“ถ้าบอกจะเรียกว่าเซอร์ไพรส์หรือครับ” แทนไทพูดขึ้น“คุณชอบไหม ?”“ชอบค่ะ ขอบคุณนะคะ” เธอพูดเบา ๆ ซึ่งคนได้ยินหัวใจก็เต้นแรงไม่เป็นจังหวะ เพียงแค่เธอพูดสั้น ๆ เขาก็รู้สึกอิ่มเอมไปทั้งใจ“มาครับที่รัก” แทนไทจับมือของณัฐกฤตาเดินเข้าไปที่โต๊ะอาหาร ฝ่ามือใหญ่กุมมือของเธอไว้แน่น หญิงสาวม
“แค่นี้บอกหนัก ทีผม...” แทนไทกระซิบเสียงเบาที่ข้างใบหูของหญิงสาว “อยู่บนตัวคุณ คุณไม่เห็นบอกว่าหนักเลย”“คุณแทน คนลามก !” ดวงตากลมมองเขาด้วยความขุ่นเคือง แก้มเนียนผ่าวร้อนแดงก่ำเป็นสีลูกพีช เธอจับแขนเขาสะบัดออกอย่างแรงก่อนจะเดินออกจากบ้านพักไปโดยไม่หันกลับมามองชายหนุ่มที่ยืนอมยิ้มอย่างขบขันแทนไทส่ายหน้าหัวเราะก่อนจะเดินตามออกไป เขามองแผ่นหลังเธอที่ค่อย ๆ ออกห่างไปเรื่อย ๆ สองเท้าก้าวฉับไวเพื่อที่จะตามให้ทัน“ที่รักจะรีบไปไหน แค่ผมเดินตามคุณก็เหนื่อยแล้ว” ชายหนุ่มพูดเสียงหอบพลางมองหญิงสาวที่เชิดหน้าไม่สบตากับเขาแม้แต่น้อย“อย่าเข้ามานะ คุณมีแต่ความคิดสกปรกทั้งนั้นเลย !” ณัฐกฤตาเดินถอยหลังออกห่าง ทว่าแทนไทค่อยๆ เดินเข้าไปหาหญิงสาวอย่างช้าๆ“ผมไม่ได้ลามกสักหน่อย”เขาเอ่ยขึ้นพลางมองหน้าภรรยาสาวที่ยังคงแดงก่ำอยู่“ออกไปเลยนะ” ณัฐกฤตาพูดพร้อมหันตัววิ่งหนีจากชายหนุ่มเธอกำลังโกรธเขาและอายเขา แล้วจะตามเธอมาทำไมเล่า !แทนไทมองณัฐกฤตาที่วิ่งเร็วออกห่างไปเรื่อย ๆ เข
“คิดถึงเหมือนกันค่ะ เอ่อ...แล้วพี่ชายล่ะคะ”“รออยู่ที่ห้องรับแขกแล้วค่ะ เห็นว่าบ่นใหญ่เลยตั้งแต่รู้ว่าคุณหนูแต่งงานแล้วไม่ยอมบอก”แทนไทที่ยืนฟังอยู่ข้าง ๆ คิ้วขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจ“แล้วนี่ขวัญไม่ต้องโดนบ่นอีกหรือคะ”“นมว่าคุณหนูลองเข้าไปเองดีกว่าค่ะ”ณัฐกฤตาพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปข้างในโดยที่แทนไทเดินตามอย่างไม่ค่อยเข้าใจว่าเรื่องที่พูดกันนั้นคือเรื่องอะไร“คุณแม่ทำแบบนี้ได้ยังไงครับ ทำไมไม่โทรมาบอกผมสักคำ และนี่จับให้ขวัญแต่งงานกับผู้ชายที่มีข่าวอีก คุณพ่อคุณแม่คิดอะไรกันอยู่ครับ” เสียงเข้มของพี่ชายเล็ดลอดผ่านออกมาจากห้องรับแขก ทำให้ณัฐกฤตายืนมองโดยไม่กล้าเดินเข้าไป“นั่นไง ขวัญมาพอดีเลย” ทัสนันทน์ลุกขึ้นเดินเข้ามาหาลูกสาว“สวัสดีครับคุณแม่ คุณพ่อ” แทนไทกล่าวทักทายก่อนจะหันไปมอง ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ใบหน้าเรียวคม คิ้วหนาจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหยักรองรับเข้ากันอยู่ในชุดทำงานสูทเรียบร้อยไร้รอยยับยืนอยู่ตรงกลางห้องรับแขกหันมามองด้วยสีหน้าแววตาโกรธจัด
หลังจากกลับมาประเทศไทย พาลินไม่ได้ออกไปไหนไกลยกเว้นแต่ห้างสรรพสินค้าใกล้ ๆ ในตัวเมืองก็เท่านั้น เธอไม่ได้อยู่มาหลายปีบางสิ่งนั้นก็ยังคงเดิมบางสิ่งนั้นก็ถูกเปลี่ยนแปลงใหม่จนจำไม่ได้ พาลินเดินอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าเพียงลำพัง สายตากวาดมองผู้คนที่ต่างเดินเข้าออกร้านจับจ่ายใช้สอย แต่เธอกลับไม่รู้สึกมีความสุขเลยสักนิดตั้งแต่กลับมาหากรู้ว่ากลับมาแล้วต้องมาพบกับข่าวการแต่งงานของแทนไทผู้ชายที่เธอแอบรักเธอจะไม่กลับมา สู้ไม่รู้เสียดีกว่า ยิ่งรับรู้ว่าเขารักภรรยามากแค่ไหนยิ่งรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น หญิงสาวเดินไปตามทางด้วยใจที่เหม่อลอย แต่ทว่าต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าคมเข้มที่คุ้นเคยเดินเคียงข้างกับหญิงสาว ด้วยระยะสายตาที่ไกลจากอีกฝากแต่ก็ยังจำเขาได้ ต่อให้จะเห็นเพียงแค่เสี้ยวหน้าก็ตาม หัวใจดวงน้อย ๆ เต้นไม่เป็นจังหวะแค่เพียงได้เห็นใบหน้าของเขาแค่เสี้ยววินาที คำว่า ‘รัก’ ยังคงดังก้องในใจเพื่อรอวันที่จะบอกให้เขารู้ แต่คงไม่มีอีกแล้ว เพราะว่าเขามีเจ้าของไปแล้ว...พาลินไม่รีรอรีบเดินตามไปอย่างรวดเร็ว สายตาจ้องมองแผ่นหลังของเขาที่เดินออกห่างไปเรื่อย ๆ ผ
แสงไฟสลัว ๆ ที่เปิดไว้ภายในห้องรับแขก ณัฐกฤตากำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เรื่องราวที่ได้ฟังจนสับสนไม่เข้าใจเพราะว่าพยายามถามเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างเตชินท์และวรรณรดาอยู่นั่นเอง แต่อีกฝ่ายก็พูดโน่นพูดนี่พยายามที่จะบ่ายเบี่ยงนานกว่าที่ณัฐกฤตาจะไล่ถามจนวรรณรดายอมปริปากเล่าเรื่องความสัมพันธ์กับเตชินท์ให้ฟัง เพียงแค่ฟังไม่ถึงห้านาทีแรกเธอก็ต้องร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ“ว่ายังไงนะ !”[อื้ม...ฉันเจอเขาที่นั่นแหละ] ปลายสายตอบรับมา ยิ่งทำให้ณัฐกฤตาแปลกใจขึ้นมาเรื่อย ๆ เพราะยังจำได้ว่าตอนที่จบมาใหม่ ๆ วรรณรดาเอ่ยถึงเรื่องแฟนที่เพิ่งเลิกกันได้ไม่นานให้ฟังแต่ไม่ได้บอกว่าเป็นใคร“ยังไงล่ะ เล่าต่อสิ”[หลังจากนั้นเตก็มารับฉันที่หน้าคณะบ่อย ๆ เพราะว่าเราเรียนอยู่ที่เดียวกันแต่คนละสาขาวิชาน่ะ...]“พรหมลิขิตชัด ๆ ยัยดา !” ณัฐกฤตาพูดขึ้นเสียงดัง[จะบ้าหรือไง ก็แค่ความบังเอิญเท่านั้นแหละ] อีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง แต่คนฟังก็รับรู้ได้ถึงความเศร้าที่ฟังจากน้ำเสียง“แล้วแกคบกับเตนานหรือเปล่า”[ก็
“แล้วจะไม่สั่งอะไรหรือยังไง เอาแต่จ้องหน้ากันอยู่นั่น” แทนไทเริ่มเอ่ยปากแซวน้องชายตัวเองบ้าง เตชินท์หันมาฉีกยิ้มให้พี่ชายของเขา“ดาอยากจะทานอะไรหรือเปล่า” เตชินท์เอ่ยถามขึ้นบ้าง“อะไรก็ได้ค่ะ” แทนที่วรรณรดาตอบ แต่เป็นณัฐกฤตาตอบแทน“ยัยขวัญ !” วรรณรดากัดฟันพูดมองหน้าเพื่อนด้วยความเขินอาย“ก็เห็นแกเขินอยู่ไงฉันเลยตอบแทนให้ จริงไหมคะคุณแทน” ว่าแล้วเธอก็หันไปทางชายหนุ่มเพื่อหาพวก สายตาจ้องมองเขาให้ตอบว่า…“จริงครับ” แทนไทตอบพร้อมกับยิ้มให้กับภรรยาสาวเตชินท์ได้แต่เหลือบมองพี่ชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ด้วยสายตาไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไหร่ ก่อนจะหันไปสั่งอาหารกับพนักงานหนุ่มพร้อมทั้งสั่งของหญิงสาวไปด้วย แต่สิ่งที่น่าแปลกใจสำหรับณัฐกฤตาคือเตชินท์รู้แม้กระทั่งเมนูโปรดที่เพื่อนของเธอชอบทาน“แล้วตกลงจะบอกได้หรือยังว่าไปคบกันรู้จักกันตอนไหน” ทันทีที่พนักงานหนุ่มเดินจากไปณัฐกฤตาก็เอ่ยถามขึ้นถึงประเด็นเดิม“เอ่อ...” วรรณรดาก้มหน้าไม่สบตามองคนบนโต๊ะเช่นเ
หญิงสาวเดินออกมาจากห้องน้ำในชุดคลุมอาบน้ำซึ่งเป็นที่ตกใจและแปลกใจสำหรับแทนไท“ไม่ต้องจ้องฉันซะขนาดนั้นก็ได้ค่ะ” เธอพูดก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า“ผมก็แค่แปลกใจที่คุณ...”“ก็เมื่อกี้ยังไม่ได้เลือกไว้นี่คะ อีกอย่างฉันรอคุณเข้าไปอาบน้ำอยู่นะ” เธอพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปเปิดตู้เสื้อผ้า“ครับ ผมก็แค่สงสัยวันนี้คุณมาแปลกก็เท่านั้น”“ไม่แปลกหรอกค่ะ ปกติตอนเช้าคุณจะอาบน้ำก่อนฉันนี่คะ จะให้ฉันเปลี่ยนชุดโดยที่มีคุณอยู่ใครจะไปกล้ากันล่ะคะ”“ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ถ้าคุณไม่กล้าไว้ผมจะออกมาเปลี่ยนชุดเป็นเพื่อนพร้อมกับคุณ ดีไหม ?” แทนไทถามด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ณัฐกฤตาจ้องมองด้วยสายตาขุ่นเคือง ทั้งที่จริงแล้วใบหน้าของเธอนั้นแดงก่ำด้วยความอายและโกรธ“ผมล้อเล่นน่า” เเทนไทก้าวเข้าไปใกล้“เเต่ฉันไม่เล่นด้วยนี่คะ คุณชอบพูดจาเเบบนี้ทุกที”“โอเคครับ ต่อไปนี้ผมจะไม่พูดจาลามกใส่ภรรยาสุดสวยอีก อย่างอนผมนะ” เขาพูดพร้อมก้าวเข้ามาหาเธอ ทว่าหญิงสาวกลับถอยหลังออกห
“เป็นอะไรไปยัยแพงดูร้องเข้า แม่ตกใจหมด”“แพงก็แค่ตกใจค่ะ” พาลินตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งพลางก้มหน้าหลบสายตา แทนไทพี่ชายที่เธอหลงรักเขาแต่งงานแล้วหรือนี่ ?“แล้วนี่แต่งกันตอนไหนล่ะ ไม่เห็นโทรมาบอกบ้างเลยนะ”“แต่งกะทันหันเพราะมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ แต่ตอนนี้เห็นเจ้าแทนติดหนูขวัญงอมแงมเลยนะ ฉันกำลังรอหลานอยู่นี่แหละ” นิตยลัภย์พูดด้วยน้ำเสียงดีใจ จนพาลินถึงกับตัวสั่นสะท้านออกมาเพราะว่าทนฟังต่อไปไม่ได้“คุณแม่คะ เดี๋ยวแพงออกไปข้างนอกหน่อยนะคะ พอดีนึกขึ้นได้ว่านัดเพื่อนเก่าเอาไว้ค่ะ” พาลินพูดปดเพราะทนฟังต่อไปไม่ได้“อย่ากลับมาดึกนักล่ะ” กรพรรณพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง“ค่ะ” หญิงสาวขานรับสั้น ๆ พร้อมลุกขึ้นเดินออกจากห้องรับแขกไปด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง เธอน่าจะกลับมาหาเขาตั้งนานแล้ว ไม่คิดว่าพี่แทนไทผู้ชายแสนดีที่ไม่เคยชายตามองผู้หญิงคนไหนจะแต่งงานไปแล้ว“แล้วเตชินท์ล่ะเป็นยังไงบ้าง” เสียงของกรพรรณเอ่ยถามดังเล็ดลอดออกจากห้องรับแขกจนถึงหูของพาลินที่กำลังเดินออกไปแต่ทว่าเธ
“เตรู้ว่าสายไป แต่ถ้ามันทำให้ดาต้องเสียใจเพราะกลับมาคบกับเตอีกครั้ง...” เตชินท์สูดหายใจเข้าลึก ๆ มองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาที่เศร้าโศก “เตจะไม่ขอมายุ่งวุ่นวายกับดาอีก เตจะออกไปจากชีวิตของดา”เพียะ !ฝ่ามือเรียวฟาดลงไปที่แก้มของชายหนุ่มอย่างแรง แววตาของเธอมองเขาด้วยความโกรธ อยากจะไปจากชีวิตเธอแล้วกลับมาขอเธอคบอีกทำไม !“กลับมาทำไมล่ะ ถ้ากลับมาแล้วจะจากฉันไปแบบนี้ คนใจร้าย !” หญิงสาวตวาดใส่ชายหนุ่มทั้งน้ำตา เตชินท์ได้แต่ยืนนิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูกเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกมืดแปดด้านจนหาทางออกไม่ได้“ถ้านั่นเป็นความต้องการของดาเตจะไป...”“เป็นเพราะนาย...” วรรณรดาพูดเสียงสั่น “ทำไมฉันถึงไม่ลืมนายสักทีทำไมล่ะ...ทั้งที่นายเองก็ไม่เคยรักฉันเลยสักนิด !”“ดา...”“ฉันกลัว...” หญิงสาวเอ่ยขึ้นพลางสูดหายใจเข้าและยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้าของตัวเอง “กลัวว่านายจะทิ้งฉัน กลัวว่านายจะทำเหมือนเมื่อก่อน...”“ดา...เราลองมาคบดูใจกันก่อนได้ไหม ถ้าดายังไม
“แล้วนี่หายาทาไปบ้างยัง ?” นิตยลัภย์ถามด้วยความเป็นห่วง“แค่ประคบด้วยน้ำแข็งครับ”“ไป ๆ รีบเข้าบ้านกัน ยืนแบบนี้เดี๋ยวยิ่งเจ็บมากขึ้นอีก” ว่าแล้ว นิตยลัภย์ก็เดินเข้ามาช่วยประคองลูกสะใภ้เดินขึ้นบันไดเข้าไปในบ้านแทนไทพยุงภรรยาเดินเข้ามาในห้องรับแขกพร้อมกับแม่ ก่อนจะนั่งลงที่โซฟา นิตยลัภย์เดินมานั่งที่โซฟาอีกตัวข้างลูกชาย ชายหนุ่มจึงหันไปมองมารดาที่มีหน้าเคร่งเครียด และเต็มไปด้วยคำถามมากมาย“ดูคุณแม่มีเรื่องที่จะถามผมเยอะนะครับ” แทนไทเอ่ยถามขึ้น“เปล่าหรอก ไม่มีอะไร”“มีอะไรก็บอกผมเถอะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง“มีอะไรหรือเปล่าคะ ?” ณัฐกฤตาเอ่ยถามขึ้นบ้างหลังจากที่สังเกตเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของแม่สามี“พักนี้ตาเตมีปัญหาอะไรหรือเปล่า” นิตยลัภย์พูดด้วยน้ำเสียงกังวล“ทำไมเหรอครับ ?”“ก็พักนี้ตาเตดูแปลกไป ถึงจะเที่ยวผู้หญิงจะไปดื่มมา แต่ครั้งนี้...”“ดูเหมือนคนอกหักใช่ไหมคะ” ณัฐกฤตาตอบขึ้นแทน
“ไปครับ เดี๋ยวผมอุ้มคุณไปนอนพักที่ห้อง” เขาพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน แต่คนที่กำลังถูกอุ้มนั้นหันมามองด้วยแววตาตกใจ“ไม่ต้องเลยค่ะ ฉันเดินเองได้” หญิงสาวรีบปฏิเสธขึ้นทันทีพลางขยับตัวลุกขึ้นแต่ทว่าขาของเธอนั้นยังไม่มีแรงมากพอที่จะทรงตัวยืนเองได้ตามปกติ ณัฐกฤตาจึงเซล้มลงที่โซฟาอีกครั้งทว่าเขากลับเข้ามาช่วยรั้งเธอไว้นัยน์ตาคมจ้องมองหญิงสาวแบบใกล้ ๆ พลางยิ้มออกมาที่มุมปากก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นดุเข้ม“เห็นไหม ยังไม่หายดียังจะอวดเก่งอีก”“ก็คุณชอบ...”“ผมบอกแล้วไงว่าไม่รังแกคนเจ็บ แต่ถ้าไม่เชื่ออีกผมจะจูบคุณจริง ๆแล้วนะ” แทนไทพูดขู่“คนบ้า !”“ตกลงจะให้ผมอุ้มหรือจะให้ผมจูบคุณดีครับ”ดูเหมือนจะเป็นข้อเสนอที่เธอไม่อยากจะได้ทั้งนั้นเลย ณัฐกฤตามองชายหนุ่มด้วยสายตาที่ลังเลพลางคิดหนักอุ้มหรือจูบ“ที่รักคุณคิดนานเกินไปนะ เดี๋ยวผมเลือกให้เองดีไหม ?”“อุ้ม” เธอตอบพึมพำเบา ๆ“อะไรนะครับ ผมไม่ได้ยินเลย” แทนไทแกล้งทวนคำ