ความรู้สึกของแม็กซิมัสในตอนนี้ราวกับกำลังถูกสายน้ำกลืนกินจนหายใจไม่ออก หลังจากที่เขาฟังรายงานการตรวจสุขภาพของปั้นหยาจากคุณหมอเจ้าของไข้‘คนไข้ตั้งครรภ์ครับ’เขาแทบล้มทั้งยืนเมื่อได้ยินคำพูดนั้นจากปากของคุณหมอสูงวัยตรงหน้า สองขาไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะทรงกายให้ยืนนิ่ง เขาถามกลับซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะคิดว่าตัวเองอาจจะหูฝาดเฝื่อน แต่สิ่งที่ได้ยินกลับมาหลายครั้งมันก็ยังเหมือนเดิมนั่นก็คือปั้นหยาตั้งท้อง...เขาไม่อาจจะบรรยายความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้ออกมาได้เลย ไม่อาจจะแยกแยะได้ว่าตอนนี้สมองกำลังคิดอะไรอยู่ รู้เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้เสียใจกับข่าวที่ได้ยินเลยชายหนุ่มเดินมาหยุดที่ขอบเตียง มองร่างแบบบางที่แทบปลิวตามลมของปั้นหยาด้วยความรู้สึกผิดบาปหล่อนอ่อนแอและแบบบางขนาดนี้ แต่เขาก็กระทำป่าเถื่อนกับหล่อนนับครั้งไม่ถ้วน หยาดน้ำตาของหล่อนไม่สามารถหยุดยั้งไฟโทสะได้เลยราวกับถูกหมัดหนาหนักซัดเข้าใส่ปลายคางจนแทบล้มทั้งยืน คำอ้อนวอนขอความเมตตาของปั้นหยาผุดพรายขึ้นในสมอง แต่ตอนนั้นเขาเหมือนหูดับตาบอด แยกแยะไม่ออกว่าอะไรคือความจริงอะไรคือคำลวงเขาข่มเหงหล่อน กระทำหยาบช้ากับหล่อน แถมยังโปรยเงินตราใส่ทุกครั
ปั้นหยานั่งนิ่งเงียบราวกับเป็นใบ้มาตลอดเส้นทาง ดวงตาของหล่อนจ้องมองฝ่าความมืดสลัวออกไปนอกตัวรถหรู มือเล็กประสานกันนิ่งบนตัก และก็ภาวนาให้ถึงบ้านเร็วที่สุดหล่อนไม่อยากอยู่ใกล้กับแม็กซิมัส ไม่อยากถูกอำนาจแห่งตัณหาราคะที่หล่อนไม่มีทางรับมือไหวเล่นงานเหมือนตอนอยู่ในห้องพักฟื้นหากเขาไม่หยุด หล่อนไม่อยากจะคิดเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากจูบหวามนั้นหล่อนเกลียดตัวเองเหลือเกินที่เข้มแข็งไม่พอ ใจอ่อนเสมอเมื่อผู้ชายคนนั้นคือแม็กซิมัสหล่อนควรเกลียดเขาสิ เกลียดเขาให้มากๆ ให้สมกับความใจร้ายของเขา แต่กลับเกลียดเขาไม่ลง ไม่ว่าจะพยายามเกลียดสักแค่ไหนก็ตาม“นี่มัน... ไม่ใช่ทางไปบ้านคุณย่านี่คะ”นี่คือคำพูดแรกจากปากของหล่อน“นึกว่ามากับคนใบ้เสียอีก”คนตัวโตพูดอย่างอารมณ์ดี แต่หล่อนไม่ได้อยู่ในอารมณ์เดียวกันกับเขาเลย“คุณแม็กกำลังจะพาหยาไปไหนคะ นี่ไม่ใช่ทางกลับบ้านของหยา” หล่อนมองเขาตาเขียวปั๊ด แต่เขากลับอมยิ้ม“ก็กลับบ้านไงล่ะ”“ไม่ใช่ทางนี้ค่ะ”“บ้านฉัน”คำตอบของคนตัวโตทำเอาดวงตาของหล่อนแทบจะถลนออกมาจากเบ้าตา และหลังจากนั่งตั้งสติอยู่พักใหญ่ หล่อนก็ละล่ำละลักคัดค้าน“ไม่ค่ะ หยาไม่ไปบ้านคุณแม็ก...”“แต
ปั้นหยาตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเมื่อยขบ หลังจากที่เมื่อคืนถูกแม็กซิมัสกัดกินร่างกายจนเกือบรุ่งสาง มือเล็กยกขึ้นลูบหน้าไปมา ก่อนจะขยับกายลุกขึ้นนั่ง และมองหาอะไรบางอย่างรอบตัว แต่ก็ไม่พบธนบัตรค่าตัวของหล่อน ที่แม็กซิมัสจะโปรยเอาไว้รอบตัวทุกครั้งหลังจากลุกขึ้นไปจากเตียง“มองหาอะไรอยู่จ๊ะ”คนตัวโตเปิดประตูห้องออก ก่อนจะเดินเข้ามาพร้อมกับรถเข็นที่มีอาหารมากมายหน้าตาน่ารับประทาน แถมกลิ่นของมันยังหอมหวนเตะจมูก“เงินไงคะ” หล่อนประชดประชันออกไป ขณะดึงผ้าห่มขึ้นปิดหน้าอกอวบเปลือยของตนเองแม็กซิมัสอมยิ้ม เดินมาทรุดนั่งลงบนเตียงใกล้ๆ กับร่างอวบอัดของแม่สาวน้อยคนงาม“อยู่ในบัญชีน่ะ จะเอาเท่าไหร่ดีล่ะ สิบล้าน ยี่สิบล้าน หรือทั้งหมดของฉันเลยก็ได้นะ”ปั้นหยามองหน้าคนอวดรวยด้วยความหมั่นไส้ “ก็ปกติคุณแม็กจะโปรยเงินเอาไว้บนเตียงนี่คะ”“อย่าพูดถึงอดีตอีกเลยปั้นหยา แค่นี้ฉันก็รู้สึกผิดจะแย่อยู่แล้ว รู้ไหม”หล่อนย่นจมูกใส่คนตัวโต “คุณแม็กไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดอะไรหรอกค่ะ เพราะหยาไม่ใช่คนที่คุณแม็กต้องมาแคร์” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความแง่งอน “เสื้อผ้าหยาอยู่ไหนคะ หยาจะอาบน้ำ แล้วก็จะกลับบ้าน”“แม่บ้านเอาไปซักให
“สวัสดีครับคุณย่าวารี”แม็กซิมัสกล่าวทักทายผู้ใหญ่ฝ่ายของปั้นหยา เมื่อหญิงสูงวัยเดินทางมาถึงคฤหาสน์หลังงามของตนเองตามที่นัดหมายกันเอาไว้“สวัสดีค่ะคุณหมอแม็ก”คุณย่าวารีกล่าวทักทายชายหนุ่มรูปหล่อตรงหน้า ก่อนจะชะเง้อคอมองหาปั้นหยา“แล้วนี่แม่หยาไปไหนซะล่ะคะ”แม็กซิมัสระบายยิ้มบางๆ เดินนำคุณย่าวารีไปนั่งในห้องโถงที่พนักงานจากสำนักงานเขตฯ นั่งรออยู่ก่อนหน้าแล้ว“อยู่บนห้องครับ นี่ผมให้เด็กขึ้นไปตามแล้วครับ”คุณย่าวารีอมยิ้ม หย่อนกายลงนั่งบนโซฟา กล่าวทักทายเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเขตฯ อย่างเป็นกันเอง จากนั้นก็หันมาพูดกับแม็กซิมัสอีกครั้ง“ปรับความเข้าใจกันดีแล้วใช่ไหมคะคุณหมอ”“ครับ”หญิงสูงวัยระบายยิ้มผ่อนคลาย “โชคดีนะคะที่แม่หยาเป็นเด็กหัวอ่อน ไม่อย่างนั้นคุณหมอคงไม่มีโอกาสได้จดทะเบียนสมรสเป็นครั้งที่สองกับหลานสาวของฉันแน่นอนค่ะ”“ครับ ผมโชคดีมากที่ปั้นหยาให้โอกาสผมอีกครั้ง”“ฉันถามจริงๆ เถอะนะคะคุณหมอ”“ครับ” แม็กซิมัสสบตากับหญิงสูงวัย และรอคอยที่จะตอบคำถามของท่าน“รักหลานสาวของฉันบ้างไหม หรือว่าที่จดทะเบียนสมรสนี่ก็เพราะแค่แม่หยาท้องเท่านั้น”“ผมก็ยังไม่แน่ใจครับ”คุณย่าวารีถอนใจออกมาแผ
แม็กซิมัสตั้งใจจะไปตามปั้นหยาที่บ้านของคุณย่าวารีตั้งแต่ช่วงเช้า แต่พอเขาขับรถออกจากบ้านได้เพียงแค่ไม่กี่นาที ทางโรงพยาบาลก็โทรมาหา และบอกว่าอันนาพยายามที่จะฆ่าตัวตายเขาจำต้องหักเลี้ยวรถกลับไปอีกทาง เพื่อมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลทันที แม้ตอนนี้เขาจะหมดรักในตัวของอันนาแล้ว แต่ยังไงซะความรู้สึกดีๆ ในฐานะเพื่อนก็ยังคงมีให้อยู่“คุณแม็กคะ คนไข้อาละวาดใหญ่เลยค่ะ”นางพยาบาลวิ่งออกมาจากห้องพักฟื้นของอันนาด้วยสีหน้าที่ตื่นตกใจ เสียงกรีดร้องของอันนาดังลั่นมาเข้าหู ทั้งๆ ที่เขายังไม่ได้ก้าวเข้าไปในห้องนั้นแม้แต่น้อย“ทำไมเธอถึงอาละวาดครับ”“เธอร้องหาแต่คุณแม็กค่ะ”กรามแกร่งของแม็กซิมัสขบกันแน่น ก่อนที่เขาจะยื่นมือไปกุมที่ลูกบิดประตู“คุณแม็กระวังนะคะ เธอแรงเยอะมาก” นางพยาบาลบอกอย่างเป็นห่วง“แต่เธอถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ใช่ไหมครับ”“ใช่ค่ะ แต่เธอก็ดิ้นจนผ้าที่ผูกเท้าเอาไว้หลุดทั้งสองข้างค่ะ”“คุณไปเถอะ เดี๋ยวผมจัดการเอง”“คุณแม็กระวังตัวนะคะ”เขายิ้มบางๆ ให้กับนางพยาบาล ก่อนจะตัดสินใจเข้าไปในห้องพักฟื้นของอันนาเสียงกรีดร้องของอันนาสงบลงทันทีเมื่อเห็นหน้าของเขา“พี่แม็ก... พี่แม็กมาช่วยอันแล้วใช่ไ
ร่างสูงที่อัดแน่นไปด้วยมัดกล้ามเนื้อสมบูรณ์แบบที่ซ่อนอยู่ในชุดสูทเรียบหรูพอดีตัวปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้า ใบหน้าหล่อเหลาบูดบึ้งอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาสีเขียวที่ดึงดูดให้หล่อนลุ่มหลงตอนนี้เต็มไปด้วยความไม่พอใจ และจ้องเขม็งมายังหล่อนที่กำลังนั่งคุยอยู่กับไตรทศที่ริมระเบียงหล่อนเกลียดตัวเองจังที่ยังคงปล่อยให้เขามีอิทธิพลด้วยขนาดนี้ กายสาวคล้ายกับถูกไฟลามเลียเพียงแค่ถูกดวงตาสีเขียวจ้องมองมาเท่านั้น“คุณย่าอยู่ในห้องรับแขกค่ะ” หล่อนกัดฟันทำลายสงครามเย็นที่แม็กซิมัสเป็นฝ่ายเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงที่พยายามปั้นให้ราบเรียบ แต่ให้ตายเถอะ ท้ายประโยคมันกลับสั่นเทาจนน่าเวทนา“ฉันไม่ได้มาพบคุณย่าวารี”เขาเดินมาหยุดตรงหน้าของหล่อนกับไตรทศ สายตาของเขาจ้องหน้าไตรทศราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ“ฉันมาหาเธอ”ร่างกายของหล่อนขานรับต่อคำพูดของเขา มันอุ่นซ่านและยอดทรวงก็เคร่งเครียดชูชันอยู่ในบราเซียร์อย่างน่าอับอาย ทำไมหล่อนจะต้องมีปฏิกิริยากับผู้ชายคนนี้ด้วย ทั้งๆ ที่เขาร้ายแสนร้าย“หยา... มีแขกค่ะ”“มีแขกแล้วไง แขกกับผัว ใครสำคัญกว่ากัน” แล้วเขาก็ทรุดกายลงนั่งโดยพลการ และไม่สนใจคำขับไล่ไสส่งของหล่อนแม้แต่น้อย“คุณแม็
ปั้นหยาตื่นขึ้นมาตอนบ่ายแก่ๆ หลังจากถูกแม็กซิมัสดูดพลังไปจนหมดเกลี้ยง บทรักของเขาเร่าร้อน ดุดัน และก็เต็มไปด้วยความตะกละตะกลามหล่อนถูกเขากลืนกินยาวนาน หลายชั่วโมงต่อเนื่องจนหลับใหลไปอย่างอ่อนเพลีย จนกระทั่งมารู้สึกตัวตื่นเอาตอนนี้นั่นเองหญิงสาวขยับกายลุกขึ้นนั่ง ความสุขสมที่เกิดจากสัมผัสหวามของแม็กซิมัสทำให้เนื้อตัวอิ่มเอมเท้าเล็กขาวสะอาดก้าวลงจากเตียง หล่อนหยิบเสื้อคลุมมาสวมใส่ และเดินไปเกาะขอบหน้าต่างมองลงไปยังสวนดอกมะลิ ก่อนที่พวงแก้มจะแดงระเรื่อ เมื่อนึกถึงตอนที่ตนเองโยกคลึงอยู่บนร่างกำยำของแม็กซิมัสที่นั่นมือเล็กยกขึ้นลูบหน้าของตัวเอง ก่อนจะเลิกคิ้วสูง เมื่อเห็นร่างของใครบางคนกำลังง่วนอยู่กับการทำอะไรสักอย่างที่สวนดอกมะลิของหล่อน“คุณแม็ก...”และด้วยความแคลงใจ ทำให้ปั้นหยารีบสวมเสื้อผ้า ก่อนจะรีบเดินลงไปยังสวนดอกมะลิ“คุณแม็กทำอะไรคะ”คนตัวโตที่กำลังให้ความสนใจกับการใช้พลั่วขุดดินชะงักมือ และหันมามองหล่อน เหงื่อเม็ดโตๆ ไหลย้อยอยู่บนหน้าผากและตามไรผมของเขา ซึ่งมันเป็นภาพที่น่ามองเหลือเกิน“ฉันกำลังซ่อมสวนมะลิให้เธอน่ะ”“ซ่อม?”หล่อนแปลกใจขณะก้าวเท้าเข้าไปหยุดใกล้ๆ และก้มมองฝีม
“ยิ้มถูกใจอะไรเหรอแม่หยา”คุณย่าวารีที่กำลังนั่งจิบน้ำชาดอกมะลิอดที่จะเอ่ยถามหลานสาวไม่ได้ เพราะหล่อนแทบจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่ปั้นหยายิ้มทั้งริมฝีปากและแววตามันนานแค่ไหนกันแววตาของปั้นหยาตอนนี้สุกใส บ่งบอกให้รู้ว่าภายในหัวใจของสาวน้อยนั้นกำลังมีความสุขหล่อนยินดีกับความสุขของหลานสาว ถึงแม้ว่าในอีกมุมหนึ่งของหัวใจจะยังเป็นทุกข์กับชะตากรรมของอันนาหลานสาวอีกคนหนึ่งก็ตาม“เอ่อ... เปล่าค่ะคุณย่า...”ปั้นหยาชะงักเล็กน้อย รอยยิ้มเล็กๆ บนใบหน้าค่อยๆ จางหายไป ขณะเดินเข้ามาหย่อนกายนั่งใกล้ๆ กับคุณย่าวารี“นี่คงไม่ได้แกล้งอะไรคุณหมอแม็กใช่ไหมแม่หยา”คำพูดรู้ทันของคุณย่าวารีทำให้ปั้นหยายิ้มหน้าเจื่อน “เปล่าค่ะ หยาจะไปแกล้งอะไรผู้ชายตัวโตๆ แบบนั้นได้กันล่ะคะคุณย่า”“ใครจะไปรู้ล่ะ ก็ในเมื่อตอนนี้ผู้ชายตัวโต๊โตคนนั้นกลายเป็นลูกไก่ตัวน้อยในมือเล็กๆ ของแม่หยาแล้วนี่”พวงแก้มนวลของปั้นหยามีสีระเรื่อเข้มขึ้น และเสหลบสายตายิ้มๆ ของคุณย่าวารีอย่างเอียงอาย“คุณย่าเข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ คุณแม็กเขาไม่ได้เป็นลูกไก่ในมือของหยาหรอก”“แต่เท่าที่ย่าเห็น คุณแม็กยอมหยาทุกอย่างเลยนะ ย่าไม่อยากให้หยาใจแข็งจนเกิ