แชร์

Chapter48.  ไม่ได้เป็นอะไรกัน

ผู้แต่ง: เพลงมีนา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56

เห็นแววตาวาวโรจน์ และรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากของเขาแล้ว เหมยซิงรู้สึกแปลก ๆ พิกลอย่างไรไม่รู้ นางขยับตัวถอยห่างแต่ยังช้าไป อีกฝ่ายเพียงยื่นแขนมาคว้านางไว้ก่อนที่นางจะพลิกตัวหนี ใช้เพียงฝ่ามือเดียวดันแผ่นหลังของนางมาชิดแผ่นอกแกร่งของเขา นางกลัวเขาจะฉกจูบนางอีกรีบยกมือขึ้นปิดปากอีกฝ่ายไว้ก่อน จากประสบการณ์นางดันเขาไม่ออก ต้องปิดปากเขาไว้ก่อนจะจูโจมนาง

“ห้ามจูบข้าอีก!” นางต่อว่าเขาขึงตาใส่แต่ใบหน้าแดงจัด “ข้ากับเจ้าไม่ได้เป็นอะไรกัน ห้ามทำรุ่มร่ามอีก”

“ไม่-ได้-เป็น-อะไร-กัน!”

ซุนเว่ยหมินพูดย้ำที่ละคำ หากผู้อื่นอยู่ตรงหน้าเขาเช่นนี้ คงได้เข่าอ่อนเป็นลมล้มพับไปแล้ว แต่เหมยซิงที่อยู่ในวงแขน และริมฝีปากหยักของเขาขยับอยู่ที่ฝ่ามือของนาง หญิงสาวชักมือกลับรู้สึกเขินอายมากกว่าขลาดกลัว

“ระหว่างเดินทาง เจ้าเรียกข้า ‘สามี’ ทุกคำ” น้ำเสียงของเขาไม่พอใจจริง ๆ

“เจ้าก็รู้ว่าข้าจำใจ” นางรีบพูดขึ้น แต่เหมยซิงเข้าใจไปว่าเขาโกรธเพราะนางเรียกเขาว่า ‘สามี’ ทั้งที่เขากับนางไม่ได้มีความสัมพันธ์เช่นนั้น

“จำใจ!” เขาเกือ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter49. เรื่องนี้เจ้าคงรู้ดีแล้ว

    “ข้าให้คนส่งข้าวสารอาหารแห้งไปที่บ้านของเจ้าแล้ว พ่อของเจ้าจึงได้ฝากจดหมายฉบับนี่มา” หานหงปิงเอ่ยสลับกับไอเป็นระยะ ๆ“ขอบคุณเจ้ามาก” จำได้ว่าก่อนมาอยู่กับซุนเว่ยหมิน เขาได้สั่งคนเป็นธุระจัดการเรื่องทางบ้านให้นาง “ทำไมเจ้ายังไอหนักเช่นนี้อีก ไม่ได้กินยาหรือ?”“ก็เพราะว่า...” พ่อบ้านหวางมู่อ้าปากพูดยังไม่ทันจบคำ หานหงปิงส่งสายตาคมปราบห้ามไว้ก่อน“อะไรรึ” นางหันไปทางพ่อบ้านแต่เขาไม่ยอมพูดอะไรต่อ นางจึงหันมามองหน้าขาวซีดของหานหงปิงแทน แต่เขาก็ยังคงยิ้มน้อย ๆ เช่นเคย“อย่าคิดมาก ข้าแค่มาเยี่ยมเจ้าพร้อมส่งข่าวเรื่องบิดาของเจ้า เสร็จธุระก็จะกลับแล้ว” ประโยคหลังเหมือนพูดกับชายที่ยืนกอดอกอยู่เหมยซิงก้มมองจดหมายในมืออีกครั้ง นางสูดเอากลิ่นดิน และดอกไม้จาง ๆ แล้วคิดถึงเสียงหัวเราะของน้อง ๆ ยามนี้พวกเขาคงไม่ต้องอดมื้อกินมื้อ แต่...นางไม่อาจทิ้งพวกเขาได้“ข้าจะกลับไปกับเจ้าด้วย”ชายหนุ่มทั้งสองประสานสายตากัน บรรยากาศรอบข้างราวกับมีพายุฤดูร้อนก่อตัวขึ้นฉับพลัน มีเพียงหญิงสาวที่ทำหน้าระรื่นไม่รู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ “ข้าขอกลับไปบ้านหานหงปิงนะ” เหมยซิงหันมาพูดกับซุนเว่ยหมิน “หากเส

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 50.  ไม่มีสิ่งใดติดค้างต่อกัน 

    “ข้ามิได้บังคับให้เขากินเสียหน่อย” นางทำเสียงอ่อนเมื่อเห็นสีหน้าของพ่อบ้านหวางมู่ “เช่นนั้นเจ้าก็หัดทำให้มันอร่อยซิ!” พ่อบ้านตีหน้ายักษ์ใส่ แม้ฝีมือของนางจะไม่ทำร้ายผู้อื่น แต่รสชาติยังห่างไกลความอร่อยนัก คุณชายก็ตามใจเหลือเกิน “ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ” นางเบ้ปากพลางบิขนมเปี๊ยะไส้ถั่วกวนที่เพิ่งทำเสร็จส่งเข้าปากตัวเอง ไม่รู้ละ! นางทำเองกินเองอร่อยที่สุด! “ไยไม่หัดทำอาหารคาวเล่า” “ก็หัดทำอยู่” นางเถียงแล้วยัดขนมเปี๊ยะที่เหลือเข้าปากคำเดียวหมด “แต่ข้าชอบกินขนมนี่ กลับบ้านไปแล้วคงไม่ได้กินขนมอร่อย ๆ อีกขอกินให้จุใจก่อนเถอะนะ” “เจ้าทำอาหารไม่เป็นเช่นนี้ คิดจะหาสามีได้อย่างไรกัน ไม่มีผู้ชายคนไหนเอาสตรีที่หุงหาอาหารไม่เป็นไปเป็นภรรยาหรอกนะ” พ่อบ้านหวางมู่ดุนาง ผู้หญิงคนนี้ก็ประหลาดนัก เขาดุว่าอย่างไรมีแต่ทำหน้าทะเล้นใส่มิเกรงกลัวเลยสักนิด ที่สำคัญมีแต่คนต้องการให้นางอยู่อย่างสุขสบาย แต่นางอยากกลับไปอยู่บ้านชนบทที่ลำบากยากจน จะเรียกว่านางโง่ก็เรียกได้ไม่เต็มปาก เพราะเขาเป็นคนสอนนางเรื่องหมักสุราด้วยตนเอง นางอ่านไม่ออกเขียนไม่เป็น แต่แอบเห็นนางจดอะไรขยุกขยิกที่ไม่ให้ผู้ใดเห็น

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 51. จะไม่ให้เจ้าบาดเจ็บอีก 

    “ข้าถอดไม่ออกจริง ๆ” นางเข้าใจสายตาของเขา ตั้งแต่กลับมาจากจวนของซุนเว่ยหมิน นางพยายามถอดกำไลวงนี้ออก ทั้งใช้สบู่ ทั้งใช้น้ำมันหมู ทำอย่างไรก็ถอดไม่ออกเสียที“บางทีกำไลอาจเลือกเจ้าของด้วยตัวของมันเองก็เป็นได้” เขาถือโอกาสคลึงกำไลในข้อมือนาง เท่าที่ลูบไล้สัมผัสเนื้อหยกดูหลายครั้ง เขาไม่เห็นสิ่งผิดปกติใด จึงไม่ได้เป็นกังวลนัก“กลัวถูกทวงคืนแล้วข้าถอดออกไม่ได้จะโดนตัดข้อมือทิ้งนะซิ” นางเบ้ปาก “องค์รัชทายาทมอบให้เจ้าเอง คงไม่เอาคืนหรอก” เขายิ้มให้นาง“ยังไงก็แค่เด็กชายอายุสิบขวบ” “ข้าเข้าใจว่าอายุสิบสองแล้วนะ” เหมยซิงเบิกตาจ้องมองอีกฝ่าย “ได้ยินว่าก่อนหน้านี้เจ้าก็อยู่แต่ในห้องหับ ไยเรื่องภายนอกกลับรู้ดียิ่ง” “ข้าก็กระหายใคร่รู้เช่นเดียวกับเจ้านั้นแหละ” หานหงปิงหัวเราะน้อย ๆ เอ็นดูหญิงสาวตรงหน้า เขาเลื่อนมือจากกำไลหยก ใช้ปลายนิ้วแตะที่กึ่งกลางทรวงอกของนางเบา ๆ “เมื่อครู่เจ้าล้มทับข้า แผลปริมีเลือดซึมหรือไม่”เหมยซิงก้มมองปลายนิ้วของเขาที่ไม่ได้มีท่าทีล่วงเกินนาง แม้จะไม่เหมาะสมแต่นางรู้ว่าเขาแค่เป็นกังวล นางส่ายหน้าไปมา หลายวันมานี่ หานหงปิงให้หมอประจำตระกูลมาตรวจนางทุกวัน แม้

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 52.   กลางวันแสกๆ

    “ข้าก็อยากทำทุกอย่างที่ได้เงินนั้นแหละ” นางแลบลิ้นใส่ แอบดีใจที่เขาจดจำเรื่องของนางได้ พ่อบ้านหวางมู่รออยู่ด้านนอกอย่างรู้ความต้องการของคุณชายใหญ่ ไม่นานอาหารหลายรายการก็ถูกยกมาตั้งโต๊ะ หญิงสาวทำตาโต“ลองชิมดูซิ พ่อครัวที่นี่เคยทำงานในวังมาก่อน” เขาแนะนำอาหารบนโต๊ะให้นางได้ลองชิม เหมยซิงเองบังคับให้เขากินด้วยการคีบอาหารวางใส่จานของเขา “หากเจ้าต้องการมาฝึกทำอาหารกับพ่อครัวที่นี่ ก็ได้”“ข้าแค่ฝึกทำอาหารให้พอเลี้ยงพ่อและน้อง ๆ กลืนลง ไม่กล้าทำขายหรอก” นางหัวเราะเสียงใสไม่สนใจมารยาท “ว่าแต่เจ้าสั่งคนยกสุราให้ข้าชิมดีกว่า”พ่อบ้านหวางมู่ที่เดินเข้ามาดูแลความเรียบร้อยได้ยินพอดีถึงกับถลึงตาใส่ แต่เหมยซิงแอบส่งยิ้มให้ หานหงปิงส่ายหน้าไปมา แล้วเอ่ยปากสั่งกับพ่อบ้านหวางมู่“อากาศร้อนซ้ำยังกลางวันแสก ๆ ใครเขาดื่มสุรากัน”“ก็ข้าเห็นดื่มกันทั้งโรงเตี๊ยม” นางเถียงเสียงอ่อน “ข้าล้อเล่น อากาศร้อนเช่นนี้ไม่เหมาะกับการดื่มสุราจริง ๆ ข้าขอเอากลับไปชิมที่บ้านก็แล้วกัน”“เจ้า!”หญิงสาวทำเป็นเอียงคอมองอย่างใสซื่อ พ่อบ้านหวางมู่ไม่กล้าทำอะไรมากต่อหน้าคุณชายใหญ่จึงได้แต่ฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ แต่เพ

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 53.   ชื่อของฉันคือพันดาว

    “เจ้าเพิ่งหัดเขียนได้ไม่นาน ทำได้ขนาดนี้นับว่าเก่งแล้ว” “เจ้าก็ชมข้าอยู่เรื่อย” เหมยซิงหัวเราะแล้วยกมือขึ้นปัดปอยผมที่ลงมาเคลียแก้ม นางอาบน้ำสระผม แต่ผมยังไม่แห้งมากนัก นางก็วิ่งมาหาหานหงปิงแล้ว นอกจากสอนอ่านเขียน เขายังสอนนางเรื่องทำการค้า เรื่องบวกเลขนางทำได้สบาย ๆ เพียงแต่ต้องแอบทดเลขในใจเพราะนางยังใช้ตัวเลขอารบิกตามที่เคยเรียนมาจากโลกหนึ่ง “ข้าพูดเรื่องจริงนี่ผิดรึ”ชายหนุ่มพลอยหัวเราะตามนางไปด้วย เห็นเส้นผมของนางยังเปียกชื้นก็ลุกขึ้นเดินหายไปครู่หนึ่ง เหมยซิ่งกำลังจดจ่อกับการฝึกคัดอักษรจึงไม่ได้สนใจว่าเขาเดินไปไหน จนกระทั้งผ้าผืนหนึ่งวางบนเส้นผมของนาง และมือผอมเรียวเกี่ยวเส้นผมของนางมาเช็ดให้ “ข้าทำเองได้” นางรีบร้องออกไป แต่ไม่คิดว่าจะถูกกดไหล่ให้นั่งลง ส่วนชายหนุ่มยืนด้านหลังตั้งใจเช็ดผมให้นาง “ข้าอยากทำแบบนี้ให้เจ้านานแล้ว” เหมยซิงอยากถามนักว่าทำให้นานเพียงใด ตั้งแต่ตอนที่นางเป็นสาวใช้ประจำ หรือตอนที่เขาฟื้นได้สติเต็มร้อยแล้ว แต่ถ้าพลั้งปากพูดออกไป นางก็รู้สึกริษยา ‘เหมยซิง’ เจ้าของร่างนี้

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 54  แส่หาเรื่อง

    สายลมพัดผ่านวูบไหว เสียงใบไม้ขยับเสียดสี หญิงสาวรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวรวดเร็วดั่งลมพัด เพียงเอี้ยวตัวไปได้เล็กน้อย ร่างของนางก็ถูกรวบกอดจากด้านหลัง หญิงสาวตื่นตระหนกยกเท้าหมายเหยียบเท้าอีกฝ่ายแต่บุรุษด้านหลังชักเท้าหลบได้ทัน นางยกศอกกระทุ้งไปด้านหลังแต่อีกฝ่ายก็ตั้งรับได้อย่างรู้จังหวะ เหมยซิงรู้สึกหงุดหงิดที่ทำอะไรไม่ได้ แต่ก็หมุนตัวออกมาได้ทว่าข้อมือยังถูกยึดไว้ นางจึงหมุนข้อมือหงายขึ้นเพื่อให้หลุดออกจากการเกาะกุม ภายใต้แสงจันทร์กระจ่าง นางเห็นแววตาเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่ายแม้เขาจะสวมชุดดำ และมีผ้าปิดครึ่งใบหน้า แต่นางกลับคุ้นเคย ทว่ายังไม่ทันส่งเสียงเรียกชื่อชายเบื้องหน้า ทั้งสองรับรู้การเคลื่อนไหวไม่ไกลนัก ชายในชุดดำรวบร่างนางเข้ามาในวงแขน ดึงนางหลบหลังต้นไม้ใหญ่ อาศัยเงามืดบดบังร่างของคนทั้งสอง “ท่านอา ข้าควรทำอย่างไร คุณชายใหญ่ต้องการหย่ากับข้า” “เขาไม่บังคับเจ้ามิใช่หรือ หากเจ้ายืนกร้านจะเป็นฮูหยินของเขาต่อไป เขาก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้” “แต่ข้ากลัวอย่างไรไม่รู้ รู้สึกเหมือน...เขารู้เรื่องของเราแล้ว” “เรื่องของเรา? เจ้าพูดเร

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 55.   หัวใจนาง

    หานฮูหยินมองเด็กสาวที่ร่าเริงสลับกับบุตรชายของตน แม้เขาจะไม่แสดงความรู้สึกใดออกมาชัดเจน แต่คนเป็นแม่ย่อมเห็นแววตาเศร้าหมองของลูกชายได้ ก่อนหน้านี้นางเคยคุยกับลูกชายตามลำพัง หากหานหงปิงต้องการเหมยซิงจริง ก็ตบแต่งเข้าตระกูลหาน ยกเป็นภรรยาออกหน้าออกตาเสีย แต่ลูกชายกลับส่ายหน้าไปมาแล้วยิ้มเศร้า ‘หัวใจนางมิได้อยู่ที่ลูก’ ‘แล้วอย่างไร ตอนที่แม่แต่งเข้าสกุลหานก็ใช่ว่าจะรักบิดาเจ้าเสียทีไหน’ คนเป็นแม่ส่ายหน้าไปมา ‘อยู่กันไปก็รักกันได้ ตอนนี้นางไม่มีผู้ใดมิใช่รึ’ ‘ท่านแม่...’ ‘ถ้าเจ้าไม่กล้า แม่ลองทาบทามให้เอง’ มารดายกมือลูบศีรษะบุตรชายอย่างเอ็นดู ไม่ว่าอย่างไรในสายตานางเขาคือเด็กชายตัวน้อยที่เพิ่งเติบโตเท่านั้น เพราะคิดเช่นนี้หานฮูหยินจึงคิดแผนการให้สองหนุ่มสาวได้อยู่ใกล้ชิดกัน “ไปวัด? วัดระฆังทอง?” เหมยซิงทำตาโตเป็นประกายหลังจากที่หานฮูหยินเสนอความคิดในนางไปไหว้พระขอพร เป็นวัดที่นางเคยเดินทางผ่าน และตั้งใจจะไปไหว้แต่กลับมีเรื่องเสียก่อน นางจึงไม่ได้พาอาหมานของนางแวะไหว้พระตามที่ตั้งใจ หานฮูหยินรู้ดีว่

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 56.   ข้าไม่คุ้นกับผู้อื่น

    “ข้าก็พึ่งพาเจ้าอยู่นี่ไง ที่นาที่ให้เช่าเพาะปลูก เมล็ดพันธุ์ ซ้ำยังมีสัญญาซื้อขายทั้งที่ข้ายังผลิตสุราไม่สำเร็จอีก”“มากกว่านี้ข้าก็ให้เจ้าได้”“ข้ารู้ เจ้าตามใจข้า ข้ามิได้อยากได้เงินทองจากเจ้าข้าอยากยืนด้วยลำแข้งตัวเอง เจ้าก็ช่วยเหลือ ข้าซาบซึ้งใจนัก ไม่รู้จะตอบแทนเจ้าอย่างไรดี” “เจ้าอยากตอบแทนข้า?”หญิงสาวลืมตาจ้องมองใบหน้าของชายหนุ่ม หลังจากได้รับการบำรุงอย่างดี ยามนี้ใบหน้าของหานหงปิงไม่ได้ซูบตอบเช่นแต่ก่อน สองแก้มเต็มอิ่ม ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มอ่อนโยน ดวงตาเปี่ยมเสน่ห์ ดึงดูดคนมองที่ให้หลงใหล หญิงสาวคิดถึง ‘เหมยซิง’ เจ้าของร่างที่ให้ดวงจิตของนางสิงสถิต นางคงเฝ้าดูแลชายผู้นี้ด้วยความจริงใจ และเขารับรู้ได้จึงได้ฝั่งลึกความผูกพันดี ๆ ที่มีต่อนาง ...ส่วนนางก็ฉกฉวยผลประโยชน์นั้นมาหน้าตาเฉยดวงตาที่เป็นประกายวูบหม่นลงไป แม้เพียงแวบเดียว หานหงปิงก็เห็นได้ชัดเจน ในขณะที่หญิงสาวเบือนหน้าหลบ เขายื่นหน้าไปประกบริมฝีปากนางอย่างรวดเร็ว เร็วเสียจนเหยมซิงไม่ทันตกใจ ผงะตัวไปด้านหลังแต่มือของอีกฝ่ายรวดเร็วพอจะรั้งโอบจากด้านหลังใช้ฝ่ามือประคองใบหน้าของนางให้แหงนหงายรับจุมพิตของเขา นางจ้อง

บทล่าสุด

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 73. จบ

    “คุณชายหานหายไปไหนแล้ว” “เราไปดักที่หอเทียนหลงก็แล้วกัน” “ดี” ชายสองคนนั้นเดินจากไปแล้ว หานหงปิงรู้ดีแต่ขยับตัวออกจากร่างนุ่มนิ่มที่ตนเองเบียดชิดไม่ได้ ซ้ำยังไม่อาจถอนสายตาจากริมฝีปากที่เผยอขึ้นนั้นได้ “เอ่อ..” เหมยลี่ตั้งใจส่งเสียงเพียงเพื่อกลบเสียงหัวใจที่เต้นรัวของตนเอง นางใกล้ชิดเขามาสิบปีแต่ไม่เคยเลย ไม่เคยมีครั้งใดใกล้ชิดกันขนาดนี้ แล้วดวงตากลมก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อริมฝีปากของตนถูกริมฝีปากบางทาบทับลงมา ริมฝีปากของเขามีรสขมปร่าจากยาที่ดื่มเป็นประจำ ทว่าเมื่อนางยินยอมให้เรียวลิ้นของเขาเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นน้อย ๆ ของนาง ความหวานก็แผ่ซ่านไปทั่วโพรงปาก เขากดจูบอย่างดูดดื่ม และหิวกระหายทว่าเหมยลี่ผู้ไม่เคยถูกจุมพิตเหมือนจะขาดใจเสียตรงนั้น แข็งขาอ่อนแรงจนร่างแทบทรุดฮวบลงไป ได้แต่ขยุ้มสาบเสื้อของเขาเพื่อพยุงตัวเอง หานหงปิงถอนริมฝีปากให้หญิงสาวได้หายใจ เห็นนางหอบหายใจฮักก็อดหัวเราะน้อย ๆ ไม่ได้ เสียงหัวเราะของเขาเรียกสติของนาง หญิงสาวหน้าแดงจัด กำมือเป็นหมัดน้อย ๆ ทุบที่แผ่นอกของเขา

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 72.   ลูกๆ 

    ซุนเว่ยหมินพยายามไม่คิดถึงคำพูดขององค์รัชทายาทที่เคยกล่าวกับเขาเมื่อสิบปีก่อน เขาไม่ชอบเด็กคนนี้นัก ชอบทำตัวเหลวไหล ฮ่องเต้เองก็ไม่รู้ทรงนึกคิดสิ่งใดให้เขาเป็นผู้สอนวรยุทธ เขาจึงเคี่ยวกรำอย่างหนัก แต่เจ้าเด็กนั้นก็ยังยิ้มร่าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย หรือเขาจะแก่ไปแล้วนะ ไม่ ๆ เขาแค่สามสิบ จะแก่ได้อย่างไรเล่า! “ท่านพ่อกินข้าว” ลูก ๆ แย่งกันคีบกับข้าวใส่ชามให้บิดา แล้วแย่งกันคีบอาหารให้มารดา ซุนเว่ยหมินไม่ถือธรรมเนียมอะไรนัก เขาและเหมยซิงพอใจให้ลูก ๆ นั่งกินข้าวร่วมกับบิดามารดาเช่นนี้ อีกประเดี๋ยวพวกเขาก็เติบโตแล้ว ช่วงเวลาแห่งความสุขความทรงจำนี้ ยิ่งต้องถนอมไว้ให้เนิ่นนาน สำนักศึกษาที่ติงเชาเป็นอาจารย์สอนวรยุทธนั้น เน้นสอนเด็กยากจนให้ได้มีโอกาสทางการศึกษา แต่ด้วยความสามารถของติงเชา และอาจารย์ท่านอื่น สำนักศึกษาแห่งนี้จึงมีชื่อเสียงโด่งดัง ลูกเศรษฐีมีเงินต้องการให้ลูกได้เล่าเรียนดี ๆ ยอมพาบุตรหลานมาเรียนแม้ต้องเรียนรวมกับเด็กยากจนก็ตาม แต่เพราะมีเด็กกำพร้าที่ติงเชารับมาอุปการะเพิ่มเกือบยี่สิบคน พวกเขาแม้จะเป็นเด็ก แต่ติงหยี่ ติงเกา ติงปิง ก็วางกฎระเบียงให้เด็ก ๆ แต่ละคนมีหน

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 71.  ว่าที่สะใภ้น้อย

    หานฮูหยินเห็นเขาก็กลั้นหัวเราะ มองเด็กหญิงอย่างประเมินก่อนเอ่ยถาม “เหมยลี่ ปีนี้หนูอายุเท่าไรแล้วจ๊ะ”“เจ็ดขวบแล้วเจ้าค่ะ”“ไม่ใช่ นางแค่หกขวบ” เป็นเสียงพี่ชายทั้งสามของนางแย่งตอบพวกเขาตื่นเต้นกับงานแต่งงานของเหมยซิงไม่น้อย“ข้าเจ็บขวบแล้ว” เหมยลี่เถียง นางอยากเติบโตเป็นผู้ใหญ่เร็ว ๆ จะได้ดูแลพ่อบุญธรรมได้ ทุกคนมักพูดว่า ‘เด็ก’ ไม่ให้นางทำอะไร แม้ว่านางจะอยากช่วยแบ่งเบาภาระทุกคนก็เถิด“เหมยลี่เด็กดี ปีนี้เจ็ดขวบแล้วอีกไม่กี่ปีก็เป็นสาวแล้วซินะ” หานฮูหยินหยอกล้อ จับแก้มของเด็กสาวเล่น นางรู้มาบ้างว่าน้อง ๆ ของเหมยซิงล้วนเป็นเด็กกำพร้าที่พ่อบุญธรรมของนางช่วยเหลือจากสิ้นสุดสงครามในครั้งนั้น แม้ยามนี้เหมยลี่ไม่ได้มีหน้าตางดงามผุดผาด แต่รอยยิ้มของนางทำให้คนเห็นก็พลอยยิ้มตามไปด้วย ดวงตาสุกใส โครงสร้างทางร่างกายก็ดี ตอนนี้มิได้อดยากเช่นที่ผ่านมา คาดว่าอีกไม่นานเด็กหญิงตัวน้อยต้องเติบโตเป็นหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบแน่ ๆ“เจ้าค่ะ” เหมยลี่ตอบด้วยน้ำเสียงสดใส แล้วส่งยิ้มให้หานหงปิงที่นางเรียกอาหมานจนติดปาก “อาหมานไม่ต้องห่วงนะ ถึงพี่เหมยซิงจะแต่งงานกับผู้อื่นไปแล้ว ข้าก็จะดูแลเจ้าเอง”คำพูดจริ

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 70.  รับความดีความชอบ

    “ทำไมข้าไม่เห็นรู้ว่าพ่อบุญธรรมเก่งเพียงนี้” เหมยซิงทำตาโต “สอนวรยุทธข้าบ้างซิ” ติงเชาส่ายหน้าไปมา จะพูดอย่างไรดีว่าแต่เดิมเขาเคยสอนนางแล้ว แต่นางไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้เอาเสียเลย จวบจนนางได้ฟื้นจากป่าช้าเป็นเหมยซิงคนใหม่ เขาถึงได้สอนนางใช้ธนู แต่ช่วงนั้นเขายังเจ็บป่วยอยู่จึงสอนนางได้ไม่มาก “เด็ก ๆ พวกนี้” เยี่ยนฉือถามด้วยความประหลาดใจ ถ้าจะบอกว่าเป็นลูก ๆ ก็คงจะเกินไปสักนิดเพราะแต่ละคนหน้าตาไม่คล้ายกันเลย “เป็นเด็กที่ข้าช่วยไว้” “ศิษย์พี่ใหญ่มีจิตใจเมตตายิ่ง ข้านับถือ นับถือ” เหมยซิงชวนทุกคนเข้าไปดูเรือนหลังน้อยที่จะเปิดเป็นร้านขายสุรา ฝีมือการหมักสุราของเหมยซิงนับว่าไม่เลวนัก อย่างน้อยไม่เสียชื่อพ่อบ้านหวางมู่ที่อุตส่าห์เพียรสอน และมอบสูตรหมักสุราชั้นเลิศให้นาง แต่กระนั้น หน้าตาพ่อบ้านหวางมู่ก็ไม่เคยแย้มยิ้มให้นางสักครั้ง ทั้งสองยังปะทะฝีปากกันไม่ต่างจากที่อยู่คฤหาสน์ตระกูลหาน เดิมทีซุนเว่ยหมินคิดว่าการสมรสระหว่างเขากับเหมยซิงจะเป็นเรื่องยุ่งยาก เพราะตำแหน่งจวิ้นอ๋องของเขา และเหมยซิงเป็นเพียงสามัญชน

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 69.   ครึ่งปีต่อมา

    ราวสี่เดือนที่เหมยซิงเดินทางจากไป ชายคนคนนี้ก็มาปรากฏเบื้องหน้าพร้อมคำเชิญให้ไปอยู่ที่เมืองหลวงด้วยกัน “ข้ารักมั่นใจตัวเหมยซิง ตั้งใจแต่งนางเป็นภรรยาเพียงผู้เดียว แม้นางเป็นกำพร้าแต่พวกท่านเสมือนเป็นคนในครอบครัวของนาง ข้ายินดีดูแลท่านและน้อง ๆ ของนาง ให้พวกท่านได้อยู่ใกล้ ๆ เหมยซิงและให้น้อง ๆ ได้ศึกษาร่ำเรียน ท่านอย่าได้กังวลไป เหมยซิงเองก็ยังพยายามทำการค้าเพื่อปูเส้นทางให้น้อง ๆ หากท่านได้ไปอยู่ในเมืองหลวงก็จะได้ช่วยเหลือนางและเด็ก ๆ ที่เหลือ ตลอดจนรักษาสุขภาพของท่านให้แข็งแรงอีกด้วย” ติงเชานั้นไม่อินังขังขอบต่อสิ่งใด แต่เมื่อคิดถึงถึงติงหยี่ ติงเกา ติงปิง และเด็กหญิงตัวน้อยวัยหกขวบ เหมยลี่ เด็กพวกนี้ยังมีอนาคตที่ดีรออยู่ และดูท่าทางเหมยซิงก็รักเด็ก ๆ มากไม่เห็นพวกเขาเป็นภาระ ไม่ว่าจะเป็นเหมยซิงคนใด ก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนดีที่รัก และห่วงใยคนรอบกายเสมอ “เช่นนั้นข้าก็จะไป” “ขอบคุณท่านมาก” ติงเชาและเด็ก ๆ ไม่ได้เข้าพักในจวนจวิ้นอ๋อง เรื่องนี้เพราะติงเชาเองก็ไม่อยากวุ่นวายกับคนในราชสำนัก และไม่ต้องการให้ลูกบุญธรร

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 68.  กลับมา

    นางยิ้มโล่งใจที่เขาไม่เป็นอะไร พลันรู้สึกตัวว่าตนเองเปลื้องเสื้อผ้าบุรุษอยู่ นางรีบชักมือกลับ ใบหน้าฝาดสีเลือดขึ้นมาทันที “เสียเอี๋ยนบอกข้าแล้ว” เขาหัวเราะเบา ๆ ใช้คางสากของตนคลอเคลียแก้มแดงระเรื่อของนาง “เขาบอกว่าเจ้าจะหลับไปเจ็ดวัน เขาส่งภูตผีเสื้อไปรับเจ้าแต่วันนี้ครบวันที่เจ็ด เจ้ายังไม่ฟื้นเสียที ข้าแทบคลั่งแล้ว” “ข้ากลับไปร่ำลาลุงกับแม่แล้วก็...คนรักเก่า” นางเอียงหน้าหลบ รู้สึกอบอุ่น และอ่อนไหวกับการคลอเคลียของเขาเช่นนี้ “แต่เจ้าก็กลับมาหาข้า” “อืม...ก็ข้าเป็นวัวดื้อก็ต้องกลับมาหาหนุ่มทอผ้าซิ” ซุนเว่ยหมินขมวดคิ้ว มิใช่หนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้ารึ นางนี่ช่าง! เอาเถิด! ตอนนี้นางกลับมาแล้ว เขายอมเป็นทุกอย่างให้นาง ขอเพียงมีนางอยู่ในอ้อมแขนเช่นนี้ก็เพียงพอแล้ว “เว่ยหมิน” “หือ” “ในสถานที่ที่มืดมิดที่สุด ข้าได้ยินเสียงเจ้าเรียกข้า...” นางเอนตัวเข้าหาอกอุ่นของเขา “บอกข้าได้ไหม ว่านั้นใช้เสียงของเจ้าจริงหรือเปล่า” ซุนเว่ยหมินวาดวงแขนโอบร่างนางไว้แนบอก กดปลายคางกับศีรษะของนางอ

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 67.  กล่าวคำลา

    “ดาว...” “ขอบใจนะศรัณย์” เธอยื่นหน้าไปประทับริมฝีปากกับหน้าผากของชายหนุ่ม “ปล่อยดาวไปเถิดนะ” พันดาวสบตาศรัณย์พลันนึกถึงชายอีกคนที่มีใบหน้าพิมพ์เดียวกันนี้ แต่แววตาที่จ้องมองเธอนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ใช่แล้ว แววตาของคนที่เธอรัก เธอไม่ได้หวั่นไหวไปกับใบหน้าพิมพ์เดียวกันนี้ แต่เพราะเจ้าของดวงตาคู่นั้นต่างหากที่ทำให้เธอรักเขาจนหมดหัวใจ “เหมยซิง!” หญิงสาวสะดุ้งเฮือก เหลียวมองรอบตัว ใครกันนะ ใครกันที่เรียกชื่อเธอ ในห้องเต็มไปด้วยพยาบาลและคุณหมอ มารดาของพันดาวเดินตามนายแพทย์ท่านหนึ่งเข้ามา เท้าของหญิงวัยกลางคนชะงักไปครู่หนึ่งเหมือนเห็นร่างของลูกสาวเป็นเงาจาง ๆ อยู่เหนือร่างที่นอนอยู่บนเตียง “ยัยดาว!” “แม่” พันดาวหันกลับมาแล้วส่งยิ้มกว้าง “ดาวรักแม่นะคะ” แม้จะไม่ได้เลี้ยงดูเธอ แต่อย่างน้อยแม่ก็เข้าใจว่าลูกสาวคนนี้ต้องการอะไร เพียงแค่นี้พันดาวก็ซาบซึ้งใจมากแล้ว “เหมยซิง!” หญิงสาวหันไปตามทิศทางของเสียงที่ได้ยิน พยายามนึกว่าเป็นเสียงของใคร

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 66.  เสียงระเบิด 

    เสียงระเบิดทำให้เหมยซิงหูอื้อ นางพยายามเบิกตากว้าง ภาพที่เห็นยามนี้คล้ายกับเหตุการณ์ในวันนั้น ขาดก็เพียงไม่มีสุนัขจิ้งจอกยืนจ้องหน้านาง ดวงตาคู่นั้น... ไฉนเหมือนดวงตาของเด็กชายอายุสิบสองที่ทุกคนก้มศีรษะให้ในฐานะองค์รัชทายาทนักนะ! ความเจ็บปวดแทรกเข้ามาในศีรษะทำให้ดวงตาสุกใสต้องปิดเปลือกตาแน่น ความมืดเข้าครอบงำ สติสัมปชัญญะ ไม่อาจฟื้นรับรู้การเคลื่อนไหวรอบข้างอีกแล้ว!. เสียงร้องไห้เรียกสติของหญิงสาวที่ลืมตาอยู่ในความมืดให้เดินตามเสียงที่ได้ยิน หญิงสาวหลับตาลงด้วยความอ่อนล้า ทว่ากลับได้ยินเสียงร้องไห้ชัดขึ้นทำให้ต้องลืมตาอีกครั้งแล้วพบชายใบหน้าที่คุ้นเคยอยู่ในชุดสีฟ้ากระจ่าง ใช่แล้ว เธอเคยบอกเขาว่าเขาดูเป็นผู้ชายโรแมนติกในเสื้อเชิ้ตสีฟ้าละมุนตาอย่างนี้ ความดำมืดค่อย ๆ จางหาย ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าคือร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียง เท้าเล็ก ๆ พาร่างของตนเองไปหยุดยืนข้างเตียง หญิงสาวสีหน้าซีดเซียว ผอมบางจนแทบจะกลายเป็นหนังหุ้มกระดูก เมื่อพิจารณาดี ๆ นี่คือร่างของหญิงสาวที่ชื่อ...“พันดาว” น่าประหลาดใจที่ไม่รู้สึกตื

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 65.  เจ้ายังมีข้า

    “หัวเราะอะไร” “เจ้าจะไม่ถามหรือว่าข้าจะไปไหน” “ก็เจ้าสัญญาแล้วว่าจะไม่ปิดบังข้า ข้าไม่จำเป็นต้องถามอะไรอีก” ซุนเว่ยหมินยิ้มที่มุมปาก เขาสูดลมหายใจลึกก่อนพูดออกไป “มันไม่ใช่หินถล่มธรรมดา” “เจ้าถูกลอบทำร้าย?” “ย่อมเป็นเช่นนั้น” เขาถอนหายใจกระตุ้น ม้าไปยังจุดหมายที่นัดไว้ “การเป็นคนซื่อตรงเช่นข้าย่อมขัดแข้งขัดขาผู้อื่น” จู่ ๆ หญิงสาวก็นึกถึงเด็กชายวัยสิบสองขวบที่นางเคยช่วยไว้ผู้นั้น “องค์รัชทายาท...” “ทำไมรึ?” ซุนเว่ยหมินก้มหน้าลง ความสนใจของเขาอยู่ที่กำไลหยกเรียบง่ายทว่าเขามั่นใจว่าเมื่อคืนมันเปล่งแสงได้ “เรื่องของเจ้าเกี่ยวกับองค์รัชทายาทหรือไม่” นางถามตรงไปตรงมา “ที่ถามนี่เพราะเจ้าเป็นห่วงข้าหรือเจ้าเด็กนั่น!” ในสายตาเขา ไม่เห็นเป็นองค์รัชทายาท มองอย่างไรก็เป็นแค่เด็กชายคนหนึ่ง ซึ่งไม่เกี่ยวกับที่พี่สาวของเขาเป็นเต๋อเฟยแต่อย่างใด เหมยซิงหัวเราะเสียงใส “แบบนี้เรียกว่าเหม็นน้ำส้มได้หรือไม่” ซุนเว่ยหมินเลิกคิ้ว นางย้อนเขาด้วยเรื่องที่เขาเคยล้

DMCA.com Protection Status