แชร์

Chapter 37.ข้ามิใช่ไม้กันหมา

ผู้แต่ง: เพลงมีนา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56

“พ่อบ้านตระกูลหาน?” ชายหนุ่มขมวดคิ้วแล้วกระตุกยิ้มที่มุมปาก การข่าวดีเสียจริง! รู้ว่าเป็นเขาที่พาตัวนางมาที่นี่

“อะไรนะ พ่อบ้านหวางมู่มาหรือ” เหมยซิงได้ยินรีบหันกลับมา แววตาใสซื่อแสนน่ารักที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว

“ให้เข้ามา”

“ขอรับ”

ซุนเว่ยหมินคิดถึงเมื่อคราวที่ตนเองส่งคนไปขอพบเหมยซิงแต่ถูกปฏิเสธทุกทาง แต่เขาก็จะแสดงตัวเป็นคนใจกว้าง อยากรู้ว่าคนตระกูลหานจะทำอย่างไร

พ่อบ้านหวางมู่ก้าวเข้ามาประสานมือคารวะบุรุษร่างสูงในชุดสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำ

“พ่อบ้านหวางมู่” เหมยซิงก้าวเข้าไปใกล้ ๆ แต่เพราะร่างสูงก้าวมาบังนางไว้ก่อน นางจึงต้องเอียงตัวออกมาจากแผ่นหลังของเขา

“แม่นางเหมยซิงสบายดีหรือไม่” ถามด้วยน้ำเสียงสุภาพแต่แววตาเป็นประกายไม่ยอมก้มหัวให้ง่ายนัก

“อืม ข้าสบายดี จู่ ๆ ข้าหายไปคงตกใจกันแย่”

“แน่นอน คุณชายหานเป็นห่วงแม่นางเหมยมาก” พ่อบ้านหวางมู่ยื่นห่อผ้าส่งให้ “คุณชายเกรงว่าแม่นางเหมยซิงจะดื่มยาถอนพิษไม่ครบ จึงให้ข้าผู้เป็นพ่อบ้านนำยาถอนพิษมาให้แม่นางเหมยซิง”

บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 38. มีธุระอันใด

    ซุนเว่ยหมินโน้มหน้าลงเล็กน้อย ดูดเกสร ดอกเซียนตานฮวา แม้น้ำหวานนั้นจะไม่มากแต่รสหวานแตะปลายลิ้นให้ความรู้สึกสดชื่นได้ดียิ่ง เขาเม้มปากทำให้ริมฝีปากของตนแตะถูกปลายนิ้วของหญิงสาว ทำให้ใบหน้าเล็กแดงระเรื่อขึ้นมา นางชักมือกลับแล้วหันหน้าซ่อนใบหน้าร้อนผ่าวของตนเอง “ข้าไม่เคยรู้ว่าดอกเซียนตานฮวากินได้” “เจ้าเรียกว่าดอกอะไรนะ” นางทำตาโตด้วยความอยากรู้ “เซียนตานฮวา” เขากล่าวย้ำช้า ๆ ให้นางฟัง “เซียน-ตาน-ฮวา” เหมยซิงลองออกเสียงบ้าง “ดอกเข็มเรียกเซียนตานฮวา” “เจ้ากินดอกไม้ที่ไม่รู้ชื่อมันได้อย่างไร” เขาหัวเราะขบขันท่าทางน่าเอ็นดูของนาง “ที่บ้านข้า...เอ่อ หมายถึงบ้านอีกโลกหนึ่ง ไม่ได้เรียกแบบนี้” นางย่นจมูก แล้วชี้ไปยังดอกชบาดอกใหญ่มาก “นั้นเรียกว่าอะไร “มู่จิ่นฮวา” “แล้วนั้นล่ะ” นางชี้ไปยังซุ้มเฟื่องฟ้าที่อยู่ข้างเก๋งจีนที่นางนั่งเมื่อครู่ “เล่อตู้จวน” “แล้วในสระนั่น” นางชี้ไปยังสระน้ำที่มีบัวหลายดอกรอแบ่งบาน “เหลียนฮวา” “ดีจัง บ้านเ

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 39. อย่าทำเช่นนี้อีก

    “ขอรับท่านอ๋อง” พ่อบ้านได้แต่ก้มหน้ารับคำสั่ง หันไปทางท่านหญิงผิงอันแล้วกล่าวเชิญ “ท่านหญิงผิงอัน...” หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่น ไม่คิดว่าจะได้เห็นภาพนี้ต่อหน้า และไม่อาจก้าวเท้าออกไปได้แม้พ่อบ้านจะเอ่ยเชิญเป็นครั้งที่สอง “กอดข้าไว้ ข้าจะพาเจ้ากลับห้อง” เป็นคำสั่งที่ชวนให้จิตใจหวั่นไหวนัก แต่เหมยซิงผู้ถูกความง่วงเข้าครอบงำทำตามสั่งอย่างไม่คิดอื่นใด นางเพียงยกแขนคล้องคอเขาไว้ เอนหน้าซบกับแผ่นอกแข็งแกร่งของเขา แรกทีเดียวนางนึกไปว่าเขาจะใช้วิชาตัวเบาพานางกระโดดตัวลอยมาเสียอีก แต่เขากลับอุ้มนางเดินผ่านสวนดอกไม้ และบ่าวไพร่ที่ก้มหน้าไม่กล้ามองพานางกลับมาที่ห้องของนาง แม้จะเป็นบุรุษห้าวหาญแต่กลับอ่อนโยนกับหญิงสาวยิ่งนัก เขาประคองนางลงนอน ถอดรองเท้า และคลี่ผ้าห่มคลุมให้ด้วยมือของตนเอง “เว่ยหมิน” “หือ” เขายกมุมปากยิ้ม ชอบนักที่นางเรียกชื่อเขาอย่างสนิทสนมเช่นนี้ หญิงสาวหลับตาแล้ว ได้ที่นอนสบาย และผ้าห่มอุ่นก็ขยับตัวไปมาเหมือนแมวน้อย แม้ดวงตาจะปิดอยู่แต่รู้ว่าเขายังไม่จากไป “มีสิ่งใด” เขาเกลี่ยเส้

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 40. ลองวางเดิมพันดูสักครั้ง

    หานหงปิงเติบโตเหมือนเด็กชายทั่วไป หากไม่นับร่างกายที่อ่อนแอ และเจ็บป่วยบ่อยก็ไม่เห็นสิ่งใดผิดปกติจนเมื่ออายุสิบขวบ เขาป่วยหนักไข้ขึ้นสูงหลังจากไข้ลด แต่ร่างกายกลับไร้เรี่ยวแรง แขนขาขยับไม่ค่อยได้ พูดจาไม่ได้เป็นถ้อยฟังรู้เรื่อง มีเพียงการส่งเสียงอืออาในลำคอ และขยับปลายนิ้วจับพู่กันได้ หานหงปิงกลายเป็นเด็กชายปัญญาอ่อนเพียงเพราะไข้ขึ้นสูงติดต่อกันเจ็ดวัน รักษาหลายหมอ ยาชนิดใดที่บำรุงร่างกาย นางและสามีล้วนเสาะหามาให้ไม่ว่าจะราคาสูงเพียงใดก็ตาม แต่สุดท้ายหานหงปิงก็ยังสภาพเช่นเดิม เขาเป็นเด็กชายที่ชาญฉลาด แม้จะขยับตัวไม่ได้ ร่างกายไร้เรี่ยวแรงแต่เมื่อมีอาจารย์มาอ่านตำราให้ฟัง เขาก็ตั้งใจฟังและเรียนรู้ เรื่องราวในบ้านพ่อบ้านหวางมู่ก็ช่วยถ่ายทอดให้รับรู้ สอนให้เข้าใจการค้าขาย แม้เขาขยับไม่ได้ แต่ดีดลูกคิดคำนวณได้คล่องแคล้ว ซ้ำยังลายมืองดงามอีกด้วย แม้โชคชะตาจะเล่นตลกกับนาง-ซูจิง แต่สวรรค์ยังเมตตาให้บรรดาลูกจากอนุ และหญิงบำเรอที่สามีชุบเลี้ยงนั้นมีแต่ผู้หญิง นอกจากหานเหวินซิ่งแล้วก็มีเพียงหานหงปิงที่เป็นผู้ชาย แต่คนที่สืบสายเลือดตรงและได้รับการนับหน้าถือตาที่สุดก

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 41.อย่าบอกว่าเจ้าไม่เคยคิดไปจากข้า

    “เอาเถอะ ข้าเข้าใจดี” หานหงปิงยังคงยิ้มอ่อนโยน “เป็นข้าที่ผิดต่อเจ้าทำให้เจ้าต้องทุกข์ระทม ตอนนี้ข้าฟื้นแล้ว หากเจ้าต้องการไปจากสกุลหาน ข้ายินดีเซ็นหนังสือหย่าให้เจ้า และตอบแทนที่เจ้าดูแลข้ามาสี่ปี”“หย่า!” หงหนิงตะลึงงันไป แต่ก่อนนางเฝ้าฝันถึงวันที่สามีผู้นี้จะตายไปเสีย นางจะได้ใช้ชีวิตอิสระเสียที แต่ไม่คิดว่าเมื่อถึงเวลานี้ เขาต้องการหย่ากับนาง แต่นางกลับต้องการเป็นภรรยาของเขา หมายถึง...ภรรยาทางร่างกาย“อย่าบอกว่าเจ้าไม่เคยคิดไปจากข้า” เขายังคงแย้มยิ้ม และแกว่งถ้วยชาที่ว่างเปล่าในมือ“หรือเจ้าต้องการปรึกษากับท่านอาก็ได้ แล้วค่อยให้คำตอบ”หงหนิงรู้สึกชาหนึบไปทั่วศีรษะ นางไม่อาจทำสีหน้าปกติได้อีก ถึงแสร้งทำเป็นไม่สบายแล้วรีบเดินเร็ว ๆ ออกมา ด้วยความตื่นตระหนกที่ได้ยินหานหงปินพูดเช่นนั้น เท้าทั้งสองพานางเดินด้วยเส้นทางลับมาถึงเรือนของหานเหวินซิ่ง“ท่านอา...”แม้ยังไม่ได้เอ่ยชื่อของตนออกไป ประตูห้องเปิดออกพร้อมกับมือแข็งแกร่งที่กระชากร่างเล็กเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว และปิดแน่นราวกลับกลัวผู้อื่นจะเห็นร่างอวบอิ่มในอาภรณ์มีชมพูถูกรวบมากอดและดันให้นางไปชิดกับผนังห้อง ภายในห้องที่คุ

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 42.  อย่าได้กังวล

    “เรื่องนั้นเจ้าอย่าได้กังวล” เขาโน้มหน้าลงจุมพิตหน้าผากของนางอย่างรักใคร่ “ไม่ต้องห่วง อาจะปกป้องหลานสะใภ้เอง”“ท่านอาอย่าทอดทิ้งหงหนิงนะเจ้าคะ”“ใครจะทำเรื่องเช่นนั้นกับเจ้าได้”หานเหวินซิ่งรั้งนางมานั่งบนตัก วางคางลงบนบ่าของหญิงสาว สูดดมกลิ่นหอมหวานของเด็กสาววัยสิบเก้า สี่ปี่ที่แล้ว นางอายุแค่สิบหกเท่านั้น และเป็นเขาที่ถูกตาต้องใจนางตั้งแต่แรกในงานเทศกาลหยวนเซียว เดิมทีคิดจะสู่ขอมาเป็นอนุ แต่เป็นจังหวะนั้นพี่สะใภ้พูดเรื่องหาหญิงสาวมาแต่งกับหานหงปิง เขาจึงหว่านล้อมให้พี่สะใภ้เลือกนางแม้เขาจะชอบนาง แต่ไม่จำเป็นต้องเสียเงินของตนแต่งนางเข้ามาเป็นอนุ และยังสามารถใช้นางคอยสืบข่าวได้อีก เช่นนี้แล้วเขาจะทอดทิ้งหงหนิงได้อย่างไรกัน“ท่านอา...มังกรน้อยของท่านดูท่าจะหิวอีกแล้วกระมัง” นางพูดด้วยท่าทีเขินอาย แต่การเลียริมฝีปากเหมือนคนหิวกระหายนั้นทำให้หานเหวินซิ่งหัวเราะอย่างพอใจ“หงหนิงช่างรู้ใจมังกรน้อยของอาเป็นที่สุด” เขากอดเอวนางแล้วดุนดันให้แท่งหยกสัมผัสกับก้นของนาง “ดูท่ามันยากมุดถ้ำอีกครั้งแล้ว”“แล้ว...แล้วจะรออะไรอยู่เจ้าคะ”เสียงครางกระเส่า และการเคลื่อนไหวรุนแรงดังขึ้นอีกระลอก ห

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 43. แสร้งทำเป็นคนโง่

    “อ๋อ! ได้ซิ” นางพูดสั้น ๆ ห้วน ๆ แสร้งทำเป็นไม่รู้ว่าต้องกล่าวเช่นไร ยอมเดินตามหญิงสาวผู้นั้นไปที่ห้อง ๆ หนึ่ง มีนางกำนัลจำนวนหนึ่งรออยู่ก่อนแล้ว ใช้เวลาไม่นานในการเปลี่ยนเสื้อผ้าของนาง ‘ให้ข้าใส่สีเขียวกับสีแดงนี่นะ!’ เหมยซิงร้องโอดครวญในใจ รู้แน่ชัดแล้วว่านี้ไม่ใช่เจตนาดีเป็นแน่ สีตัดกันเช่นนี้ อยากให้อีกาบินมาจิกนางไปเป็นอาหารลูกนกหรือไรกัน เหมยซิงคร้านจะโต้แย้งได้แต่ยืนให้บรรดานางกำนัลผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าตัวนอก ดีที่ไม่เปลื้องเสื้อผ้านางออกจนเปลือยเปล่า ไม่เช่นนั้น นางโวยวายวังถล่มเป็นแน่ ไม่เพียงแต่อาภรณ์ที่สวมใส่ ผมเผ้าที่บ่าวรับใช้แต่งทรงมาให้อย่างพอดีก็ถูกทำใหม่ ดอกไม้อะไรสักอย่างดอกใหญ่ยักษ์ปักบนศีรษะ และเครื่องประดับห้อยระย้าจนแทบตั้งคอไม่ไหว นางชักเริ่มสงสัยแล้วว่าหญิงงามในวังหลวงเป็นพวกฝึกยุทธหรือไรจึงแบกน้ำหนักเหล่านี้บนศีรษะได้ ไม่เพียงแค่เสื้อผ้าเครื่องประดับ ยังตามด้วยแป้งผัดหน้า และชาดทาปาก นางไม่ต้องส่งกระจกก็พอเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาง เพราะดูหน้านางกำนัลที่ไม่กล้าสบตาแล้วยังแอบไปป้องปากหัวเราะอีกเอาเถอะ ถ้าแค่

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 44. ทำหน้าตาใสซื่อ

    หญิงสาวมองสระน้ำเบื้องหน้า ช่างงดงามดั่งภาพวาด นางถลาวิ่งไปดูปลาที่แหวกว่ายในสระน้ำ ไม่ไกลนักมีเด็กชายตัวน้อยก้ม ๆ เงย ๆ ยื่นแขนไปในน้ำหมายจับปลาแสนสวยเหล่านี้‘เด็กน้อย นั่นปลา มิใช่หมาแมวที่จะลูบหัวเล่น’เหมยซิงส่ายหน้าไปมา นางไม่ได้ฟังสิ่งที่ผิงอันพูด แต่พอนางเงียบก็นึกขึ้นได้จึงสบตากับผิงอัน สาวงามตรงหน้าขึงตาใส่ นางพูดจาหวังดีกับหญิงคนนี้ไปตั้งเยอะไม่ให้นางปีนป่ายขึ้นที่สูงตกลงมามันเจ็บนัก ซ้ำบอกอีกว่านางคือคนที่คู่ควรกับท่านอ๋องเท่านั้นหญิงผู้นี้น่าตายนัก! นางพูดจนคอแห้งแต่กลับไม่ฟังเลยสักคำเหมยซิงยิ้มแหย แต่สายตานางมองไปด้านหลังของผิงอัน เด็กชายยื่นมือไปสุดแขน จนครึ่งร่างออกไปจากขอบตลิ่ง นางรีบวิ่งพรวดพลาดไปทันที แต่ไม่อาจคว้าร่างเด็กชายได้ทันตูม!!!ผิงอันตกใจหันไปมอง นางมิทันเห็นว่าสิ่งใดล่วงลงไปในน้ำ เห็นเพียงเหมยซิงกระชากเสื้อตัวนอกสีเขียวสดออกแล้วกระโจนลงน้ำไปทันทีอะไรกัน! นางพูดแค่นี้ถึงกับกระโดดน้ำตายแล้วหรือ!เหมยซิงแหวกสายน้ำพยายามคว้าร่างเล็กที่จมดิ่งลงไปอย่างรวดเร็ว เสื้อผ้าบ้า ๆ นี่รั้งนางให้เคลื่อนไหวได้ช้านัก นางว่ายน้ำไปถึงตัวเด็กน้อยที่ตกใจสุดขีดมือไม้เปะป

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 45. นางยังอยากมีศีรษะตั้งบนคอตัวเอง

    “ดีแล้ว ขุดรากต้องถอนโคน จัดการเสียให้สิ้นซากจะได้ไม่เป็นภาระในภายหลัง” นางพยักหน้ารับรู้ เป็นจังหวะเดียวกับที่นางกำนัล และหมอหญิงออกมาจากห้องด้านใน ซุนเว่ยหมินลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มองข้ามร่างเล็ก ๆ ของหญิงสาวเบื้องหน้าไปหยุดที่ร่างของเหมยซิงที่สวมเสื้อผ้าชุดเดิมที่นางสวมเข้ามาพร้อมเขาในวังหลวงแล้ว ใบหน้ายามนี้ไร้แป้งผัดหน้า และไม่ได้แต้มแต่งสีสันฉูดฉาด ผมเผ้านางกำนัลก็ช่วยเช็ดให้จนแห้งสนิทไม่ได้เกล้ามวยเป็นพิเศษ เพียงแค่ปักปิ่นมุกน่ารักรวบเส้นผมให้นางไม่ปรกลงมาปิดหน้าตา “เป็นอย่างไรบ้าง” ซุนเว่ยหมินเห็นใบหน้าจิ้มลิ้มมีรอยยิ้มก็เบาใจ “แม่นางเหมยมีบาดแผลประหลาดนักเพคะ บาดแผลดูปิดสนิทดีแต่ยังมีเลือดไหลซึมออกมา” หมอหญิงรายงาน “ให้หมอหลวงมาตรวจดูอีกทีดีหรือไม่” เต๋อเฟยเห็นหญิงสาวที่สลัดคราบหญิงโง่ออกแล้วก็พึงพอใจอยู่หลายส่วน “ไม่เป็นไรเพคะ หม่อมฉันมิได้เจ็บอะไรมากมาย ประเดี๋ยวก็หายเอง” เหมยซิงกล่าวอย่างสุภาพแล้วเดินช้า ๆ เข้ามาใกล้ ส่งยิ้มน้อย ๆ แล้วย่อตัวคารวะอย่างรู้มารยาท ผิดแผกกับก่อนหน้านี้ลิบลับ ด้วยคว

บทล่าสุด

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 73. จบ

    “คุณชายหานหายไปไหนแล้ว” “เราไปดักที่หอเทียนหลงก็แล้วกัน” “ดี” ชายสองคนนั้นเดินจากไปแล้ว หานหงปิงรู้ดีแต่ขยับตัวออกจากร่างนุ่มนิ่มที่ตนเองเบียดชิดไม่ได้ ซ้ำยังไม่อาจถอนสายตาจากริมฝีปากที่เผยอขึ้นนั้นได้ “เอ่อ..” เหมยลี่ตั้งใจส่งเสียงเพียงเพื่อกลบเสียงหัวใจที่เต้นรัวของตนเอง นางใกล้ชิดเขามาสิบปีแต่ไม่เคยเลย ไม่เคยมีครั้งใดใกล้ชิดกันขนาดนี้ แล้วดวงตากลมก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อริมฝีปากของตนถูกริมฝีปากบางทาบทับลงมา ริมฝีปากของเขามีรสขมปร่าจากยาที่ดื่มเป็นประจำ ทว่าเมื่อนางยินยอมให้เรียวลิ้นของเขาเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นน้อย ๆ ของนาง ความหวานก็แผ่ซ่านไปทั่วโพรงปาก เขากดจูบอย่างดูดดื่ม และหิวกระหายทว่าเหมยลี่ผู้ไม่เคยถูกจุมพิตเหมือนจะขาดใจเสียตรงนั้น แข็งขาอ่อนแรงจนร่างแทบทรุดฮวบลงไป ได้แต่ขยุ้มสาบเสื้อของเขาเพื่อพยุงตัวเอง หานหงปิงถอนริมฝีปากให้หญิงสาวได้หายใจ เห็นนางหอบหายใจฮักก็อดหัวเราะน้อย ๆ ไม่ได้ เสียงหัวเราะของเขาเรียกสติของนาง หญิงสาวหน้าแดงจัด กำมือเป็นหมัดน้อย ๆ ทุบที่แผ่นอกของเขา

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 72.   ลูกๆ 

    ซุนเว่ยหมินพยายามไม่คิดถึงคำพูดขององค์รัชทายาทที่เคยกล่าวกับเขาเมื่อสิบปีก่อน เขาไม่ชอบเด็กคนนี้นัก ชอบทำตัวเหลวไหล ฮ่องเต้เองก็ไม่รู้ทรงนึกคิดสิ่งใดให้เขาเป็นผู้สอนวรยุทธ เขาจึงเคี่ยวกรำอย่างหนัก แต่เจ้าเด็กนั้นก็ยังยิ้มร่าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย หรือเขาจะแก่ไปแล้วนะ ไม่ ๆ เขาแค่สามสิบ จะแก่ได้อย่างไรเล่า! “ท่านพ่อกินข้าว” ลูก ๆ แย่งกันคีบกับข้าวใส่ชามให้บิดา แล้วแย่งกันคีบอาหารให้มารดา ซุนเว่ยหมินไม่ถือธรรมเนียมอะไรนัก เขาและเหมยซิงพอใจให้ลูก ๆ นั่งกินข้าวร่วมกับบิดามารดาเช่นนี้ อีกประเดี๋ยวพวกเขาก็เติบโตแล้ว ช่วงเวลาแห่งความสุขความทรงจำนี้ ยิ่งต้องถนอมไว้ให้เนิ่นนาน สำนักศึกษาที่ติงเชาเป็นอาจารย์สอนวรยุทธนั้น เน้นสอนเด็กยากจนให้ได้มีโอกาสทางการศึกษา แต่ด้วยความสามารถของติงเชา และอาจารย์ท่านอื่น สำนักศึกษาแห่งนี้จึงมีชื่อเสียงโด่งดัง ลูกเศรษฐีมีเงินต้องการให้ลูกได้เล่าเรียนดี ๆ ยอมพาบุตรหลานมาเรียนแม้ต้องเรียนรวมกับเด็กยากจนก็ตาม แต่เพราะมีเด็กกำพร้าที่ติงเชารับมาอุปการะเพิ่มเกือบยี่สิบคน พวกเขาแม้จะเป็นเด็ก แต่ติงหยี่ ติงเกา ติงปิง ก็วางกฎระเบียงให้เด็ก ๆ แต่ละคนมีหน

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 71.  ว่าที่สะใภ้น้อย

    หานฮูหยินเห็นเขาก็กลั้นหัวเราะ มองเด็กหญิงอย่างประเมินก่อนเอ่ยถาม “เหมยลี่ ปีนี้หนูอายุเท่าไรแล้วจ๊ะ”“เจ็ดขวบแล้วเจ้าค่ะ”“ไม่ใช่ นางแค่หกขวบ” เป็นเสียงพี่ชายทั้งสามของนางแย่งตอบพวกเขาตื่นเต้นกับงานแต่งงานของเหมยซิงไม่น้อย“ข้าเจ็บขวบแล้ว” เหมยลี่เถียง นางอยากเติบโตเป็นผู้ใหญ่เร็ว ๆ จะได้ดูแลพ่อบุญธรรมได้ ทุกคนมักพูดว่า ‘เด็ก’ ไม่ให้นางทำอะไร แม้ว่านางจะอยากช่วยแบ่งเบาภาระทุกคนก็เถิด“เหมยลี่เด็กดี ปีนี้เจ็ดขวบแล้วอีกไม่กี่ปีก็เป็นสาวแล้วซินะ” หานฮูหยินหยอกล้อ จับแก้มของเด็กสาวเล่น นางรู้มาบ้างว่าน้อง ๆ ของเหมยซิงล้วนเป็นเด็กกำพร้าที่พ่อบุญธรรมของนางช่วยเหลือจากสิ้นสุดสงครามในครั้งนั้น แม้ยามนี้เหมยลี่ไม่ได้มีหน้าตางดงามผุดผาด แต่รอยยิ้มของนางทำให้คนเห็นก็พลอยยิ้มตามไปด้วย ดวงตาสุกใส โครงสร้างทางร่างกายก็ดี ตอนนี้มิได้อดยากเช่นที่ผ่านมา คาดว่าอีกไม่นานเด็กหญิงตัวน้อยต้องเติบโตเป็นหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบแน่ ๆ“เจ้าค่ะ” เหมยลี่ตอบด้วยน้ำเสียงสดใส แล้วส่งยิ้มให้หานหงปิงที่นางเรียกอาหมานจนติดปาก “อาหมานไม่ต้องห่วงนะ ถึงพี่เหมยซิงจะแต่งงานกับผู้อื่นไปแล้ว ข้าก็จะดูแลเจ้าเอง”คำพูดจริ

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 70.  รับความดีความชอบ

    “ทำไมข้าไม่เห็นรู้ว่าพ่อบุญธรรมเก่งเพียงนี้” เหมยซิงทำตาโต “สอนวรยุทธข้าบ้างซิ” ติงเชาส่ายหน้าไปมา จะพูดอย่างไรดีว่าแต่เดิมเขาเคยสอนนางแล้ว แต่นางไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้เอาเสียเลย จวบจนนางได้ฟื้นจากป่าช้าเป็นเหมยซิงคนใหม่ เขาถึงได้สอนนางใช้ธนู แต่ช่วงนั้นเขายังเจ็บป่วยอยู่จึงสอนนางได้ไม่มาก “เด็ก ๆ พวกนี้” เยี่ยนฉือถามด้วยความประหลาดใจ ถ้าจะบอกว่าเป็นลูก ๆ ก็คงจะเกินไปสักนิดเพราะแต่ละคนหน้าตาไม่คล้ายกันเลย “เป็นเด็กที่ข้าช่วยไว้” “ศิษย์พี่ใหญ่มีจิตใจเมตตายิ่ง ข้านับถือ นับถือ” เหมยซิงชวนทุกคนเข้าไปดูเรือนหลังน้อยที่จะเปิดเป็นร้านขายสุรา ฝีมือการหมักสุราของเหมยซิงนับว่าไม่เลวนัก อย่างน้อยไม่เสียชื่อพ่อบ้านหวางมู่ที่อุตส่าห์เพียรสอน และมอบสูตรหมักสุราชั้นเลิศให้นาง แต่กระนั้น หน้าตาพ่อบ้านหวางมู่ก็ไม่เคยแย้มยิ้มให้นางสักครั้ง ทั้งสองยังปะทะฝีปากกันไม่ต่างจากที่อยู่คฤหาสน์ตระกูลหาน เดิมทีซุนเว่ยหมินคิดว่าการสมรสระหว่างเขากับเหมยซิงจะเป็นเรื่องยุ่งยาก เพราะตำแหน่งจวิ้นอ๋องของเขา และเหมยซิงเป็นเพียงสามัญชน

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 69.   ครึ่งปีต่อมา

    ราวสี่เดือนที่เหมยซิงเดินทางจากไป ชายคนคนนี้ก็มาปรากฏเบื้องหน้าพร้อมคำเชิญให้ไปอยู่ที่เมืองหลวงด้วยกัน “ข้ารักมั่นใจตัวเหมยซิง ตั้งใจแต่งนางเป็นภรรยาเพียงผู้เดียว แม้นางเป็นกำพร้าแต่พวกท่านเสมือนเป็นคนในครอบครัวของนาง ข้ายินดีดูแลท่านและน้อง ๆ ของนาง ให้พวกท่านได้อยู่ใกล้ ๆ เหมยซิงและให้น้อง ๆ ได้ศึกษาร่ำเรียน ท่านอย่าได้กังวลไป เหมยซิงเองก็ยังพยายามทำการค้าเพื่อปูเส้นทางให้น้อง ๆ หากท่านได้ไปอยู่ในเมืองหลวงก็จะได้ช่วยเหลือนางและเด็ก ๆ ที่เหลือ ตลอดจนรักษาสุขภาพของท่านให้แข็งแรงอีกด้วย” ติงเชานั้นไม่อินังขังขอบต่อสิ่งใด แต่เมื่อคิดถึงถึงติงหยี่ ติงเกา ติงปิง และเด็กหญิงตัวน้อยวัยหกขวบ เหมยลี่ เด็กพวกนี้ยังมีอนาคตที่ดีรออยู่ และดูท่าทางเหมยซิงก็รักเด็ก ๆ มากไม่เห็นพวกเขาเป็นภาระ ไม่ว่าจะเป็นเหมยซิงคนใด ก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนดีที่รัก และห่วงใยคนรอบกายเสมอ “เช่นนั้นข้าก็จะไป” “ขอบคุณท่านมาก” ติงเชาและเด็ก ๆ ไม่ได้เข้าพักในจวนจวิ้นอ๋อง เรื่องนี้เพราะติงเชาเองก็ไม่อยากวุ่นวายกับคนในราชสำนัก และไม่ต้องการให้ลูกบุญธรร

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 68.  กลับมา

    นางยิ้มโล่งใจที่เขาไม่เป็นอะไร พลันรู้สึกตัวว่าตนเองเปลื้องเสื้อผ้าบุรุษอยู่ นางรีบชักมือกลับ ใบหน้าฝาดสีเลือดขึ้นมาทันที “เสียเอี๋ยนบอกข้าแล้ว” เขาหัวเราะเบา ๆ ใช้คางสากของตนคลอเคลียแก้มแดงระเรื่อของนาง “เขาบอกว่าเจ้าจะหลับไปเจ็ดวัน เขาส่งภูตผีเสื้อไปรับเจ้าแต่วันนี้ครบวันที่เจ็ด เจ้ายังไม่ฟื้นเสียที ข้าแทบคลั่งแล้ว” “ข้ากลับไปร่ำลาลุงกับแม่แล้วก็...คนรักเก่า” นางเอียงหน้าหลบ รู้สึกอบอุ่น และอ่อนไหวกับการคลอเคลียของเขาเช่นนี้ “แต่เจ้าก็กลับมาหาข้า” “อืม...ก็ข้าเป็นวัวดื้อก็ต้องกลับมาหาหนุ่มทอผ้าซิ” ซุนเว่ยหมินขมวดคิ้ว มิใช่หนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้ารึ นางนี่ช่าง! เอาเถิด! ตอนนี้นางกลับมาแล้ว เขายอมเป็นทุกอย่างให้นาง ขอเพียงมีนางอยู่ในอ้อมแขนเช่นนี้ก็เพียงพอแล้ว “เว่ยหมิน” “หือ” “ในสถานที่ที่มืดมิดที่สุด ข้าได้ยินเสียงเจ้าเรียกข้า...” นางเอนตัวเข้าหาอกอุ่นของเขา “บอกข้าได้ไหม ว่านั้นใช้เสียงของเจ้าจริงหรือเปล่า” ซุนเว่ยหมินวาดวงแขนโอบร่างนางไว้แนบอก กดปลายคางกับศีรษะของนางอ

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 67.  กล่าวคำลา

    “ดาว...” “ขอบใจนะศรัณย์” เธอยื่นหน้าไปประทับริมฝีปากกับหน้าผากของชายหนุ่ม “ปล่อยดาวไปเถิดนะ” พันดาวสบตาศรัณย์พลันนึกถึงชายอีกคนที่มีใบหน้าพิมพ์เดียวกันนี้ แต่แววตาที่จ้องมองเธอนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ใช่แล้ว แววตาของคนที่เธอรัก เธอไม่ได้หวั่นไหวไปกับใบหน้าพิมพ์เดียวกันนี้ แต่เพราะเจ้าของดวงตาคู่นั้นต่างหากที่ทำให้เธอรักเขาจนหมดหัวใจ “เหมยซิง!” หญิงสาวสะดุ้งเฮือก เหลียวมองรอบตัว ใครกันนะ ใครกันที่เรียกชื่อเธอ ในห้องเต็มไปด้วยพยาบาลและคุณหมอ มารดาของพันดาวเดินตามนายแพทย์ท่านหนึ่งเข้ามา เท้าของหญิงวัยกลางคนชะงักไปครู่หนึ่งเหมือนเห็นร่างของลูกสาวเป็นเงาจาง ๆ อยู่เหนือร่างที่นอนอยู่บนเตียง “ยัยดาว!” “แม่” พันดาวหันกลับมาแล้วส่งยิ้มกว้าง “ดาวรักแม่นะคะ” แม้จะไม่ได้เลี้ยงดูเธอ แต่อย่างน้อยแม่ก็เข้าใจว่าลูกสาวคนนี้ต้องการอะไร เพียงแค่นี้พันดาวก็ซาบซึ้งใจมากแล้ว “เหมยซิง!” หญิงสาวหันไปตามทิศทางของเสียงที่ได้ยิน พยายามนึกว่าเป็นเสียงของใคร

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 66.  เสียงระเบิด 

    เสียงระเบิดทำให้เหมยซิงหูอื้อ นางพยายามเบิกตากว้าง ภาพที่เห็นยามนี้คล้ายกับเหตุการณ์ในวันนั้น ขาดก็เพียงไม่มีสุนัขจิ้งจอกยืนจ้องหน้านาง ดวงตาคู่นั้น... ไฉนเหมือนดวงตาของเด็กชายอายุสิบสองที่ทุกคนก้มศีรษะให้ในฐานะองค์รัชทายาทนักนะ! ความเจ็บปวดแทรกเข้ามาในศีรษะทำให้ดวงตาสุกใสต้องปิดเปลือกตาแน่น ความมืดเข้าครอบงำ สติสัมปชัญญะ ไม่อาจฟื้นรับรู้การเคลื่อนไหวรอบข้างอีกแล้ว!. เสียงร้องไห้เรียกสติของหญิงสาวที่ลืมตาอยู่ในความมืดให้เดินตามเสียงที่ได้ยิน หญิงสาวหลับตาลงด้วยความอ่อนล้า ทว่ากลับได้ยินเสียงร้องไห้ชัดขึ้นทำให้ต้องลืมตาอีกครั้งแล้วพบชายใบหน้าที่คุ้นเคยอยู่ในชุดสีฟ้ากระจ่าง ใช่แล้ว เธอเคยบอกเขาว่าเขาดูเป็นผู้ชายโรแมนติกในเสื้อเชิ้ตสีฟ้าละมุนตาอย่างนี้ ความดำมืดค่อย ๆ จางหาย ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าคือร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียง เท้าเล็ก ๆ พาร่างของตนเองไปหยุดยืนข้างเตียง หญิงสาวสีหน้าซีดเซียว ผอมบางจนแทบจะกลายเป็นหนังหุ้มกระดูก เมื่อพิจารณาดี ๆ นี่คือร่างของหญิงสาวที่ชื่อ...“พันดาว” น่าประหลาดใจที่ไม่รู้สึกตื

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 65.  เจ้ายังมีข้า

    “หัวเราะอะไร” “เจ้าจะไม่ถามหรือว่าข้าจะไปไหน” “ก็เจ้าสัญญาแล้วว่าจะไม่ปิดบังข้า ข้าไม่จำเป็นต้องถามอะไรอีก” ซุนเว่ยหมินยิ้มที่มุมปาก เขาสูดลมหายใจลึกก่อนพูดออกไป “มันไม่ใช่หินถล่มธรรมดา” “เจ้าถูกลอบทำร้าย?” “ย่อมเป็นเช่นนั้น” เขาถอนหายใจกระตุ้น ม้าไปยังจุดหมายที่นัดไว้ “การเป็นคนซื่อตรงเช่นข้าย่อมขัดแข้งขัดขาผู้อื่น” จู่ ๆ หญิงสาวก็นึกถึงเด็กชายวัยสิบสองขวบที่นางเคยช่วยไว้ผู้นั้น “องค์รัชทายาท...” “ทำไมรึ?” ซุนเว่ยหมินก้มหน้าลง ความสนใจของเขาอยู่ที่กำไลหยกเรียบง่ายทว่าเขามั่นใจว่าเมื่อคืนมันเปล่งแสงได้ “เรื่องของเจ้าเกี่ยวกับองค์รัชทายาทหรือไม่” นางถามตรงไปตรงมา “ที่ถามนี่เพราะเจ้าเป็นห่วงข้าหรือเจ้าเด็กนั่น!” ในสายตาเขา ไม่เห็นเป็นองค์รัชทายาท มองอย่างไรก็เป็นแค่เด็กชายคนหนึ่ง ซึ่งไม่เกี่ยวกับที่พี่สาวของเขาเป็นเต๋อเฟยแต่อย่างใด เหมยซิงหัวเราะเสียงใส “แบบนี้เรียกว่าเหม็นน้ำส้มได้หรือไม่” ซุนเว่ยหมินเลิกคิ้ว นางย้อนเขาด้วยเรื่องที่เขาเคยล้

DMCA.com Protection Status