Share

Chapter 17.   หญิงอัปลักษณ์

Author: เพลงมีนา
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56

ซุนเว่ยหมินกะพริบตาอย่างประหลาดใจ มองดูแขนของตนที่ยกขึ้นได้แล้ว และยังมีเรี่ยวแรงพอจะรั้งนางไม่ให้พลิกตัวจนตกเตียง เขาจ้องมองคนที่ยังหลับอยู่แล้วลองขยับตัวใช้สองแขนยันร่างตัวเองขึ้นจากที่นอน แม้การขยับตัวง่าย ๆ นี้ก็ทำให้เหงื่อซึมออกมาที่หน้าผาก แต่เขาก็ยิ้มอย่างดีใจที่ขยับตัวได้มากถึงเพียงนี้ แต่ยิ้มได้เพียงครู่เดียวก็รู้ว่าร่างของตนโงนเงน และล้มลงเหมือนกิ่งไม้ไร้น้ำหนัก ยังดีที่เขายังเหลือแรงใช้ศอกยันที่นอนไม่ให้ตัวเองทับร่างของหญิงสาว เขาถอนหายใจเบา ๆ เห็นนางหลับสนิทค่อยเบาใจ เขายังไม่มั่นใจว่าตนเองจะขยับตัวได้เช่นนี้อีกหรือไม่

หญิงอัปลักษณ์!

เขาต่อว่านางที่บังอาจมาล่วงเกินเขาได้ มือเล็กของนางไม่นุ่มนิ่มซึ่งไม่น่าประหลาดใจนัก นางนอนพลิกตัวบ่อยไร้ความเป็นกุลสตรี ยามหัวเราะนางไม่เคยสะกดกลั้นเสียงของตนเอง ยามนางยิ้ม ดวงตาของนางเป็นประกายระยิบระยับ แม้นางผายผอมไปสักหน่อย แต่ยามที่นางเปียกน้ำในบ่อน้ำพุร้อนนั้น เขามั่นใจว่าหากนางได้กินดีกินอิ่มทั้งสามมื้อต้องมีน้ำมีนวลกว่านี้ กลิ่นกายของนางนั้นละมุนอย่างที่เขาไม่เคยพานพบมาก่อน หญิงอื่นมักอบร่ำตนเองให้หอ
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 18. เกิดอะไรขึ้น

    “เจ้าไม่มีสิทธิ์ทุบตีผู้อื่นเช่นนี้เหมือนกัน!” ยังดีที่นางฝึกฝนตัวเองมาตลอด แม้รูปร่าเล็กแต่ยังต้านทานน้ำหนักที่ฟาดลงมาได้อยู่ “ข้าเป็นสามีของนาง ข้าจะทำอย่างไรกับนางก็ได้” “สามี!” เหมยซิงพูดอย่างไม่เชื่อ หันไปมองสองแม่ลูกที่กอดกันกลมร้องไห้จนหน้าตาเปื้อนเปรอะไปหมด “เป็นสามีภาษาอะไร ทุบตีภรรยาและลูกเหมือนหมูหมาเช่นนี้” นางโมโหจนอยากกระทืบเท้าแรง ๆ บ้านไหนเมืองไหน ยุคสมัยใดแทบไม่แตกต่างกันเลยจริง ๆ “ข้าตีมันสองแม่ลูกมันเกี่ยวอะไรกับเจ้า!” ชายผู้นั้นหัวเราะเยาะ “ถ้ามันยอมดี ๆ ข้าก็ไม่ต้องเหนื่อยตีมันเช่นนี้หรอก” “ท่านพ่อจะขายท่านแม่ไปอยู่ในซ่องนางโลม” เด็กชายร้องไห้สะอึกสะอื้น “ท่านพ่ออย่าขายท่านแม่เลย ข้าจะทำงานหาเงินให้ท่านเอง” “เหอะ! ตัวแค่นี้ทำอะไรได้” ไม่พูดเปล่า ยังใช้เท้ายันร่างเล็กเหมือนเขี่ยขยะชิ้นหนึ่ง “เงินมันสำคัญกับเจ้าขนาดขายภรรยาทิ้งเลยรึ” นางตะคอกใส่อย่างหัวเสีย “ใช่นะซิ ไม่งั้นข้าจะขายพวกมันเรอะ” ชายคนนั้นหัวเราะเยาะ “ถ้าเจ้าอยากได้มันสองแม่

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 19.  นี่ไม่ใช่ร่างกายข้า

    “ขอบคุณมาก ขอบคุณมาก” สองแม่ลูกพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า หันมากล่าวคำขอบคุณกับเด็กสาวแปลกหน้า เหมยซิงเพียงโบกมือไปมา ยันตัวเองลุกขึ้นแล้วพูดอย่างจริงจัง “สามีที่คิดจะขายเจ้า ทำร้ายเจ้าและลูก เจ้าตรองดูเอาเองแล้วกันว่าจะทำอย่างไรต่อไป เพราะคงไม่มีใครยื่นมือมาช่วยเช่นนี้ทุกครั้ง” ซุนเว่ยหมินมองร่างของเหมยซิงที่เดินตรงมาทางเขา ก้มตัวลงแบกเขาขึ้นหลังเช่นทุกครั้ง เห็นนางดื่มสุราเข้าไปมากขนาดนั้นไม่คิดว่านางยังมีแรงแบกเขาไหว “แม่นาง...ข้าไม่ใช่คนใจดำ ถ้าไม่รังเกียจพักในหอนางโลมของข้าสักคืนค่อยเดินทางก็ได้” ซิงลี่แสดงความใจกว้างต่อหน้าผู้อื่น ทำให้ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์เลื่อมใสในความมีน้ำใจ เหมยซิงทำเสียงงึมงำในลำคอแต่พยักหน้ารับ เดินตามเสี้ยวเอ้อไปห้องพักที่ซิงลี่จัดให้ นางแบกร่างของอาหมานไปวางบนเตียง แล้วสั่งเสี้ยวเอ้อให้ยกน้ำอุ่นมาให้หนึ่งอ่าง รอจนได้ทุกอย่างที่ต้องการ และในห้องไม่มีผู้อื่นแล้ว ร่างของนางร่วงผล็อยลงไปทับร่างของอาหมานที่นอนอยู่ก่อนแล้ว “อือออออ” เป็นเสียงครางตกใจที่หลุดออกจากลำคอของอาหมาน “ข้ารู

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 20. โง่นัก

    ‘เป็นนางที่เถลไถล มิใช่ข้า’ ‘อ๋อ! เป็นเพราะนางมิใช่ท่าน’ เสียเอี๋ยนเอ่ยตอบผ่านผีเสื้อตัวน้อย ‘อย่างไรท่านก็ระวังตัวให้มาก ยิ่งใกล้เมืองหลวง ข้ายิ่งมิอาจปรากฏกายได้แต่จะให้องครักษ์ลับคอยดูแลท่าน’ ‘เสียเอี๋ยน เมื่อดวงจิตข้ากลับสู่ร่างแล้ว ร่างนี้จะเป็นอย่างไร’ ‘ข้ามิอาจตอบได้ในตอนนี้’ ซุนเว่ยหมินรู้สึกได้ว่ามีคนอยู่ที่หน้าประตู เขาจึงยกมือขึ้นโบกไปมา ผีเสื้อตัวน้อยหายวับไปราวกับหมอกควัน เป็นเสียงฝีเท้าของเหมยซิง นางวิ่งมา และหยุดหน้าประตู สงบใจครู่หนึ่งก่อนเปิดประตูออกพร้อมรอยยิ้ม แต่คราวนี้นางมีขนมเปี๊ยะในมือ “นี่ ๆ ข้าเพิ่งเคยได้กินขนมเปี๊ยะไส้เนื้อ เจ้าลองกินดูไหม” นางบิขนมในมือแบ่งเป็นสองส่วน “ข้าเจอซิงลี่ นางให้ข้ามา ข้ากินไปชิ้นหนึ่งแล้วไม่มีอันตรายใดก็เลยขอมาฝากเจ้าชิ้นหนึ่ง” ‘โง่นัก! หากเจ้าเป็นอะไรไปจะทำเช่นไร แค่ขนมเปี๊ยะชิ้นเดียว รอให้ข้ากลับคืนร่างก่อนเถอะ! เจ้าอยากกินอะไรข้าจะหามาให้เจ้ากินจนต้องส่ายหน้าไม่กินอีก!’ เหมยซิงยื่นขนมไปจ่อที่ปากของอาหมาน แต่เขาเม้มปากแน่นไม่ยอมอ้

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 21. เพื่อความมั่นใจ

    เหมยซิงหยิบกระดานที่นางขีดวันที่เดินทางออกมาขีดเพิ่มอีกสองขีด รวมเป็นเก้าขีดแล้ว ปกตินางจะขีดก่อนนอน แต่เพราะนางเมามายในสองวันก่อนทำให้ไม่ได้ขีดเส้นบันทึกการเดินทาง เพราะนางแท้ ๆ ทำให้การเดินทางล่าช้า นางเห็นอาหมานพักผ่อนสบายดีแล้วจึงชวนเขาเดินทางต่อ นางมิอาจหยุดพักได้นานเช่นที่ผ่านมา อย่างไรต้องเดินทางไปให้ถึงเมืองหลวงให้เร็วที่สุดเพราะเอาแต่ครุ่นคิดเรื่องการเดินทางที่ล่าช้า ภาพที่สองแม่ลูกคู่นั้นถูกสามีทำร้าย ทำให้นางลืมสนใจอาหมานไป ยุคสมัยที่นางหลงมาอยู่นี่ สตรีเป็นเพียงสิ่งของ บุรุษเป็นใหญ่ หากนางกลับคืนร่างเดิมในโลกที่นางจากมาไม่ได้ เช่นนั้นนางต้องปรับตัวอยู่ในโลกนี้ นางจะไม่แต่งงาน ไม่มีสามี น่าจะหลีกหนีเรื่องที่จะถูกผู้ชายข่มเหงได้ดีที่สุด นางอาจจะพบเจอผู้ชายดี ๆ ที่สามารถมีนางเพียงคนเดียว และไม่ทุบตีทำร้ายนาง แต่นางอับโชคเรื่องเนื้อคู่ตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็น ‘พันดาว’ อาหมานคงไม่ได้เป็นคนธรรมดาแน่ ๆ นางเองไม่ได้คิดเอาตัวไปผูกติดกับชายผู้นี้ เมื่อส่งเขาเสร็จ นางได้รู้ถึงเหตุผลที่ดวงจิตมาอยู่ในร่างของเหมยซิงก็เพียงพอ นางจะกลับไปใช้ชีวิตของเหมยซิงดูแล

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 22. อันตราย

    ซุนเว่ยหมินไม่เคยคิดว่าตัวเองจะอยู่ในสภาพน่าอนาถ ในสนามรบเขาองอาจกล้าหาญ มิใช่ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ “อย่าได้พยายามดิ้นรนไปเลย อย่างไรเจ้าก็ต้องตายอยู่ดีไม่ว่าจะที่นี่หรือที่ไหน” เสียงชายผู้หนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง เหมยซิงพลิกตัวใช้ร่างของตัวเองบังร่างของอาหมานไว้ จ้องมองอีกฝ่ายแล้วกระตุกยิ้มที่มุมปาก“ข้าจำไม่ได้ว่าเคยพบเจอพวกเจ้าที่ใด หากว่าเจ้าจำคนผิดจงรีบไสหัวไปเสีย ข้าจะทำเป็นว่าเรื่องนี้มิเคยเกิดขึ้น”“ปากยังดีเช่นเคยนะเหมยซิง!” ชายผู้นั้นแหงนหน้าหัวเราะ แต่หญิงสาวกลับหัวใจกระตุกวูบนางจำไม่ได้ว่าเคยเจอชายผู้นี้ หรือว่า...ชายผู้นี้เคยพบ ‘เหมยซิง’ ก่อนที่ดวงจิตของนางจะมาอยู่ในร่างนี้“เจ้ากับเจ้าผักนี่ก็ตายยากเย็นเสียเหลือเกิน ข้านึกว่าเจ้าหมดลมหายใจไปแล้วจึงโยนทิ้งในป่าช้า ไม่คิดว่าเจ้าจะยังมีชีวิตอยู่ ซ้ำยังพาคุณชายหานหนีออกมาเช่นนี้ แต่เจ้าอย่ากังวลไป ครั้งนี้ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตายสนิทพร้อมส่งคุณชายหานไปด้วย เจ้าจะได้ตามรับใช้คุณชายหานสมใจ”“เหตุใดเจ้าต้องทำเช่นนี้” นางถ่วงเวลา ลอบมองรอบข้างเพื่อหาช่องทางเอาตัวรอด แต่กลับเห็นชายฉกรรจ์ล้อมวงเข้ามา ด้านหล

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 23. ใครเรียกชื่อข้า

    “อืม” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ ทว่าหญิงสาวกลับรู้สึกว่านี่ไม่ใช่อาหมานของนาง แม้มีใบหน้าเดียวกัน รูปร่างเช่นเดียวกัน ทว่าแววตาของเขา ไม่ใช่อาหนามที่นางรู้จัก ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะไม่ไกลนัก กลับมาอีกครั้งพร้อมชามใส่ยา“เจ้าตื่นมาก็ดีแล้ว ดื่มยาเสียหน่อย มันขมไปนิดแต่ช่วยขับพิษในร่างกายของเจ้า” เขาช้อนศีรษะนางขึ้นด้วยมือเพียงข้างเดียว มืออีกข้างถือชามยาจ่อที่ปากของนาง ดวงตาของหญิงสาวยังเบิกตากว้างมองเขาอย่างงุนงง แต่อีกฝ่ายกลับเห็นเพียงเป็นความขบขัน มุมปากจึงยกยิ้มขึ้นทำให้ใบหน้าซีดเซียวนั้นแลดูอ่อนโยนยิ่งนัก “อ้าปากแล้วดื่มยาเสีย ก่อนนี้เป็นเจ้าที่บังคับข้า แต่เวลานี้ข้าต้องบังคับเจ้าแล้ว” เหมยซิงยอมดื่มยาแสนขมจนหมดชาม มองเขาประคองนางลงนอน เขาเดินเอาชามยาไปวางแล้วกลับมาห่มผ้าให้ ‘ก่อนหน้านี้ เขาขยับตัวแทบไม่ได้ เหตุใดยามนี้เดินเหินได้ปกติ พูดจาโต้ตอบได้ปกติ’ “เจ้า...เจ้า...ไม่ใช่อาหมาน” ชายหนุ่มได้ยินที่นางเอ่ยออกมา เขายังคงคลี่ยิ้มอ่อนโยน นั่งลงริมเตียงแล้วโน้มหน้าลงจรด

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 24.ความตายครั้งที่สอง?

    ชายหนุ่มก้มมองฝ่ามือตัวเอง มือคู่นี่ผอมแกร็นเหมือนกิ่งไม้ นึกถึงร่างกายที่เริ่มขยับตัวไม่ได้ และเข้าสู่สภาวะคนใกล้ตายทุกขณะ เขาคิดถึงนาง เขาได้ยินบ่าวไพร่กระซิบกระซาบนินทาพูดถึงเหมยซิงที่ถูกโยนทิ้งในป่าช้าอย่างน่าอนาถ ด้วยใจที่คิดถึง หรือพลังใดไม่อาจรู้ได้ เขาลุกขึ้นยืน และก้าวออกไปทีละก้าวทีละก้าว รู้เพียงแค่ต้องไปพบนาง นางถูกทิ้งที่ป่าช้า เมื่อไปถึงกลับถูกคนกลุ่มหนึ่งทำร้าย เขาหนีไม่ได้ไกลนัก ลื่นหกล้มไปทับร่างของผู้อื่นที่เขาเองไม่รู้ชะตากรรม เห็นเสื้อเปื้อนเลือดของคนผู้นั้นแล้ว เขารวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย ถอดเสื้อของชายไร้ลมหายใจผู้นั้นเอาเสื้อตัวนอกมาสวมคลุมร่างตนแล้วแสร้งเป็นคนตาย ทว่าเหมือนสติสุดท้ายดับวูบลง เหมือนเพียงแค่หลับไป เขารับรู้ทุกเรื่องราวแต่ทำได้แค่เฝ้ามอง ดวงจิตของซุนเว่ยหมินมาอาศัยร่างของเขา ไม่ว่าจะกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งอย่างไร ก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้ จนกระทั่งลูกเกาทัณฑ์นั้นพุ่งตรงทะลุอกของเหมยซิงราวกับมีสายฟ้าฟาดที่ร่างของเขา เสียงคำรามดังกึกก้อง ดวงจิตของเขาตื่นขึ้นอีกครั้ง เป็นจังหวะที่พ่อบ้านหวางมู่นำคนมาช่วยเขาพอดี พ่อบ้านหวางมู่ซึ่งเตรียมพร้อมพาเขาเดิน

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 25. เป็นกังวล

    “เจ้าเป็นคนฉลาด ข้าจะไม่ปิดบังเจ้า” เขาพูดพลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ “หลายเดือนก่อน เจ้าไปสมัครเป็นหญิงรับใช้ที่บ้านตระกูลหวัง ตระกูลหวังทำการค้ากับครอบครัวข้ามาช้านาน ทางนั้นได้ข่าวว่าข้าจะไปเยี่ยมเยือนบ้านบรรพชนจึงได้รับสาวใช้ไว้คนหนึ่งเพื่อคอยดูแลข้า ข้าจึงได้รู้จักเจ้า...ซึ่งสภาพข้าคราวนั้นก็ไม่ต่างที่เจ้าเคยแบกร่างนี้ขึ้นหลังของเจ้าเท่าใดนักหรอก” “ข้า...เป็นสาวใช้ของท่านหรือ?” เหมยซิงชี้นิ้วที่หน้าตัวเองแล้วหันปลายนิ้วไปยังชายหนุ่มผิวขาวซีดตรงหน้า หานหงปิงส่งยิ้มเอ็นดูให้นาง “เจ้าเป็นคนเดียวที่ดูแลข้าจากใจจริง แต่เพราะเจ้าสนิทสนมกับข้ามากเกินไป ทำให้ถูกใส่ร้ายว่าเป็นขโมยถูกลงโทษจนตาย” “เจ้า...เจ้า...รู้...” นางกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ไม่คิดจะมีคนรู้เรื่องนี้ นางเห็นเขายังยิ้ม นางจึงสูดลมหายใจลึกเรียกสติ แต่กลับเจ็บบาดแผลจนต้องยกมือขึ้นกดหน้าอก “อย่าขยับตัวแรงเกินไป กว่าจะห้ามเลือดให้เจ้าได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ซ้ำยังเสียเลือดมากไป เจ้าเฉียดความตายครั้งที่สองแล้ว” “ความตายครั้งที่สอง?” “ถ

Latest chapter

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 73. จบ

    “คุณชายหานหายไปไหนแล้ว” “เราไปดักที่หอเทียนหลงก็แล้วกัน” “ดี” ชายสองคนนั้นเดินจากไปแล้ว หานหงปิงรู้ดีแต่ขยับตัวออกจากร่างนุ่มนิ่มที่ตนเองเบียดชิดไม่ได้ ซ้ำยังไม่อาจถอนสายตาจากริมฝีปากที่เผยอขึ้นนั้นได้ “เอ่อ..” เหมยลี่ตั้งใจส่งเสียงเพียงเพื่อกลบเสียงหัวใจที่เต้นรัวของตนเอง นางใกล้ชิดเขามาสิบปีแต่ไม่เคยเลย ไม่เคยมีครั้งใดใกล้ชิดกันขนาดนี้ แล้วดวงตากลมก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อริมฝีปากของตนถูกริมฝีปากบางทาบทับลงมา ริมฝีปากของเขามีรสขมปร่าจากยาที่ดื่มเป็นประจำ ทว่าเมื่อนางยินยอมให้เรียวลิ้นของเขาเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นน้อย ๆ ของนาง ความหวานก็แผ่ซ่านไปทั่วโพรงปาก เขากดจูบอย่างดูดดื่ม และหิวกระหายทว่าเหมยลี่ผู้ไม่เคยถูกจุมพิตเหมือนจะขาดใจเสียตรงนั้น แข็งขาอ่อนแรงจนร่างแทบทรุดฮวบลงไป ได้แต่ขยุ้มสาบเสื้อของเขาเพื่อพยุงตัวเอง หานหงปิงถอนริมฝีปากให้หญิงสาวได้หายใจ เห็นนางหอบหายใจฮักก็อดหัวเราะน้อย ๆ ไม่ได้ เสียงหัวเราะของเขาเรียกสติของนาง หญิงสาวหน้าแดงจัด กำมือเป็นหมัดน้อย ๆ ทุบที่แผ่นอกของเขา

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 72.   ลูกๆ 

    ซุนเว่ยหมินพยายามไม่คิดถึงคำพูดขององค์รัชทายาทที่เคยกล่าวกับเขาเมื่อสิบปีก่อน เขาไม่ชอบเด็กคนนี้นัก ชอบทำตัวเหลวไหล ฮ่องเต้เองก็ไม่รู้ทรงนึกคิดสิ่งใดให้เขาเป็นผู้สอนวรยุทธ เขาจึงเคี่ยวกรำอย่างหนัก แต่เจ้าเด็กนั้นก็ยังยิ้มร่าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย หรือเขาจะแก่ไปแล้วนะ ไม่ ๆ เขาแค่สามสิบ จะแก่ได้อย่างไรเล่า! “ท่านพ่อกินข้าว” ลูก ๆ แย่งกันคีบกับข้าวใส่ชามให้บิดา แล้วแย่งกันคีบอาหารให้มารดา ซุนเว่ยหมินไม่ถือธรรมเนียมอะไรนัก เขาและเหมยซิงพอใจให้ลูก ๆ นั่งกินข้าวร่วมกับบิดามารดาเช่นนี้ อีกประเดี๋ยวพวกเขาก็เติบโตแล้ว ช่วงเวลาแห่งความสุขความทรงจำนี้ ยิ่งต้องถนอมไว้ให้เนิ่นนาน สำนักศึกษาที่ติงเชาเป็นอาจารย์สอนวรยุทธนั้น เน้นสอนเด็กยากจนให้ได้มีโอกาสทางการศึกษา แต่ด้วยความสามารถของติงเชา และอาจารย์ท่านอื่น สำนักศึกษาแห่งนี้จึงมีชื่อเสียงโด่งดัง ลูกเศรษฐีมีเงินต้องการให้ลูกได้เล่าเรียนดี ๆ ยอมพาบุตรหลานมาเรียนแม้ต้องเรียนรวมกับเด็กยากจนก็ตาม แต่เพราะมีเด็กกำพร้าที่ติงเชารับมาอุปการะเพิ่มเกือบยี่สิบคน พวกเขาแม้จะเป็นเด็ก แต่ติงหยี่ ติงเกา ติงปิง ก็วางกฎระเบียงให้เด็ก ๆ แต่ละคนมีหน

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 71.  ว่าที่สะใภ้น้อย

    หานฮูหยินเห็นเขาก็กลั้นหัวเราะ มองเด็กหญิงอย่างประเมินก่อนเอ่ยถาม “เหมยลี่ ปีนี้หนูอายุเท่าไรแล้วจ๊ะ”“เจ็ดขวบแล้วเจ้าค่ะ”“ไม่ใช่ นางแค่หกขวบ” เป็นเสียงพี่ชายทั้งสามของนางแย่งตอบพวกเขาตื่นเต้นกับงานแต่งงานของเหมยซิงไม่น้อย“ข้าเจ็บขวบแล้ว” เหมยลี่เถียง นางอยากเติบโตเป็นผู้ใหญ่เร็ว ๆ จะได้ดูแลพ่อบุญธรรมได้ ทุกคนมักพูดว่า ‘เด็ก’ ไม่ให้นางทำอะไร แม้ว่านางจะอยากช่วยแบ่งเบาภาระทุกคนก็เถิด“เหมยลี่เด็กดี ปีนี้เจ็ดขวบแล้วอีกไม่กี่ปีก็เป็นสาวแล้วซินะ” หานฮูหยินหยอกล้อ จับแก้มของเด็กสาวเล่น นางรู้มาบ้างว่าน้อง ๆ ของเหมยซิงล้วนเป็นเด็กกำพร้าที่พ่อบุญธรรมของนางช่วยเหลือจากสิ้นสุดสงครามในครั้งนั้น แม้ยามนี้เหมยลี่ไม่ได้มีหน้าตางดงามผุดผาด แต่รอยยิ้มของนางทำให้คนเห็นก็พลอยยิ้มตามไปด้วย ดวงตาสุกใส โครงสร้างทางร่างกายก็ดี ตอนนี้มิได้อดยากเช่นที่ผ่านมา คาดว่าอีกไม่นานเด็กหญิงตัวน้อยต้องเติบโตเป็นหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบแน่ ๆ“เจ้าค่ะ” เหมยลี่ตอบด้วยน้ำเสียงสดใส แล้วส่งยิ้มให้หานหงปิงที่นางเรียกอาหมานจนติดปาก “อาหมานไม่ต้องห่วงนะ ถึงพี่เหมยซิงจะแต่งงานกับผู้อื่นไปแล้ว ข้าก็จะดูแลเจ้าเอง”คำพูดจริ

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 70.  รับความดีความชอบ

    “ทำไมข้าไม่เห็นรู้ว่าพ่อบุญธรรมเก่งเพียงนี้” เหมยซิงทำตาโต “สอนวรยุทธข้าบ้างซิ” ติงเชาส่ายหน้าไปมา จะพูดอย่างไรดีว่าแต่เดิมเขาเคยสอนนางแล้ว แต่นางไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้เอาเสียเลย จวบจนนางได้ฟื้นจากป่าช้าเป็นเหมยซิงคนใหม่ เขาถึงได้สอนนางใช้ธนู แต่ช่วงนั้นเขายังเจ็บป่วยอยู่จึงสอนนางได้ไม่มาก “เด็ก ๆ พวกนี้” เยี่ยนฉือถามด้วยความประหลาดใจ ถ้าจะบอกว่าเป็นลูก ๆ ก็คงจะเกินไปสักนิดเพราะแต่ละคนหน้าตาไม่คล้ายกันเลย “เป็นเด็กที่ข้าช่วยไว้” “ศิษย์พี่ใหญ่มีจิตใจเมตตายิ่ง ข้านับถือ นับถือ” เหมยซิงชวนทุกคนเข้าไปดูเรือนหลังน้อยที่จะเปิดเป็นร้านขายสุรา ฝีมือการหมักสุราของเหมยซิงนับว่าไม่เลวนัก อย่างน้อยไม่เสียชื่อพ่อบ้านหวางมู่ที่อุตส่าห์เพียรสอน และมอบสูตรหมักสุราชั้นเลิศให้นาง แต่กระนั้น หน้าตาพ่อบ้านหวางมู่ก็ไม่เคยแย้มยิ้มให้นางสักครั้ง ทั้งสองยังปะทะฝีปากกันไม่ต่างจากที่อยู่คฤหาสน์ตระกูลหาน เดิมทีซุนเว่ยหมินคิดว่าการสมรสระหว่างเขากับเหมยซิงจะเป็นเรื่องยุ่งยาก เพราะตำแหน่งจวิ้นอ๋องของเขา และเหมยซิงเป็นเพียงสามัญชน

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 69.   ครึ่งปีต่อมา

    ราวสี่เดือนที่เหมยซิงเดินทางจากไป ชายคนคนนี้ก็มาปรากฏเบื้องหน้าพร้อมคำเชิญให้ไปอยู่ที่เมืองหลวงด้วยกัน “ข้ารักมั่นใจตัวเหมยซิง ตั้งใจแต่งนางเป็นภรรยาเพียงผู้เดียว แม้นางเป็นกำพร้าแต่พวกท่านเสมือนเป็นคนในครอบครัวของนาง ข้ายินดีดูแลท่านและน้อง ๆ ของนาง ให้พวกท่านได้อยู่ใกล้ ๆ เหมยซิงและให้น้อง ๆ ได้ศึกษาร่ำเรียน ท่านอย่าได้กังวลไป เหมยซิงเองก็ยังพยายามทำการค้าเพื่อปูเส้นทางให้น้อง ๆ หากท่านได้ไปอยู่ในเมืองหลวงก็จะได้ช่วยเหลือนางและเด็ก ๆ ที่เหลือ ตลอดจนรักษาสุขภาพของท่านให้แข็งแรงอีกด้วย” ติงเชานั้นไม่อินังขังขอบต่อสิ่งใด แต่เมื่อคิดถึงถึงติงหยี่ ติงเกา ติงปิง และเด็กหญิงตัวน้อยวัยหกขวบ เหมยลี่ เด็กพวกนี้ยังมีอนาคตที่ดีรออยู่ และดูท่าทางเหมยซิงก็รักเด็ก ๆ มากไม่เห็นพวกเขาเป็นภาระ ไม่ว่าจะเป็นเหมยซิงคนใด ก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนดีที่รัก และห่วงใยคนรอบกายเสมอ “เช่นนั้นข้าก็จะไป” “ขอบคุณท่านมาก” ติงเชาและเด็ก ๆ ไม่ได้เข้าพักในจวนจวิ้นอ๋อง เรื่องนี้เพราะติงเชาเองก็ไม่อยากวุ่นวายกับคนในราชสำนัก และไม่ต้องการให้ลูกบุญธรร

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 68.  กลับมา

    นางยิ้มโล่งใจที่เขาไม่เป็นอะไร พลันรู้สึกตัวว่าตนเองเปลื้องเสื้อผ้าบุรุษอยู่ นางรีบชักมือกลับ ใบหน้าฝาดสีเลือดขึ้นมาทันที “เสียเอี๋ยนบอกข้าแล้ว” เขาหัวเราะเบา ๆ ใช้คางสากของตนคลอเคลียแก้มแดงระเรื่อของนาง “เขาบอกว่าเจ้าจะหลับไปเจ็ดวัน เขาส่งภูตผีเสื้อไปรับเจ้าแต่วันนี้ครบวันที่เจ็ด เจ้ายังไม่ฟื้นเสียที ข้าแทบคลั่งแล้ว” “ข้ากลับไปร่ำลาลุงกับแม่แล้วก็...คนรักเก่า” นางเอียงหน้าหลบ รู้สึกอบอุ่น และอ่อนไหวกับการคลอเคลียของเขาเช่นนี้ “แต่เจ้าก็กลับมาหาข้า” “อืม...ก็ข้าเป็นวัวดื้อก็ต้องกลับมาหาหนุ่มทอผ้าซิ” ซุนเว่ยหมินขมวดคิ้ว มิใช่หนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้ารึ นางนี่ช่าง! เอาเถิด! ตอนนี้นางกลับมาแล้ว เขายอมเป็นทุกอย่างให้นาง ขอเพียงมีนางอยู่ในอ้อมแขนเช่นนี้ก็เพียงพอแล้ว “เว่ยหมิน” “หือ” “ในสถานที่ที่มืดมิดที่สุด ข้าได้ยินเสียงเจ้าเรียกข้า...” นางเอนตัวเข้าหาอกอุ่นของเขา “บอกข้าได้ไหม ว่านั้นใช้เสียงของเจ้าจริงหรือเปล่า” ซุนเว่ยหมินวาดวงแขนโอบร่างนางไว้แนบอก กดปลายคางกับศีรษะของนางอ

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 67.  กล่าวคำลา

    “ดาว...” “ขอบใจนะศรัณย์” เธอยื่นหน้าไปประทับริมฝีปากกับหน้าผากของชายหนุ่ม “ปล่อยดาวไปเถิดนะ” พันดาวสบตาศรัณย์พลันนึกถึงชายอีกคนที่มีใบหน้าพิมพ์เดียวกันนี้ แต่แววตาที่จ้องมองเธอนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ใช่แล้ว แววตาของคนที่เธอรัก เธอไม่ได้หวั่นไหวไปกับใบหน้าพิมพ์เดียวกันนี้ แต่เพราะเจ้าของดวงตาคู่นั้นต่างหากที่ทำให้เธอรักเขาจนหมดหัวใจ “เหมยซิง!” หญิงสาวสะดุ้งเฮือก เหลียวมองรอบตัว ใครกันนะ ใครกันที่เรียกชื่อเธอ ในห้องเต็มไปด้วยพยาบาลและคุณหมอ มารดาของพันดาวเดินตามนายแพทย์ท่านหนึ่งเข้ามา เท้าของหญิงวัยกลางคนชะงักไปครู่หนึ่งเหมือนเห็นร่างของลูกสาวเป็นเงาจาง ๆ อยู่เหนือร่างที่นอนอยู่บนเตียง “ยัยดาว!” “แม่” พันดาวหันกลับมาแล้วส่งยิ้มกว้าง “ดาวรักแม่นะคะ” แม้จะไม่ได้เลี้ยงดูเธอ แต่อย่างน้อยแม่ก็เข้าใจว่าลูกสาวคนนี้ต้องการอะไร เพียงแค่นี้พันดาวก็ซาบซึ้งใจมากแล้ว “เหมยซิง!” หญิงสาวหันไปตามทิศทางของเสียงที่ได้ยิน พยายามนึกว่าเป็นเสียงของใคร

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 66.  เสียงระเบิด 

    เสียงระเบิดทำให้เหมยซิงหูอื้อ นางพยายามเบิกตากว้าง ภาพที่เห็นยามนี้คล้ายกับเหตุการณ์ในวันนั้น ขาดก็เพียงไม่มีสุนัขจิ้งจอกยืนจ้องหน้านาง ดวงตาคู่นั้น... ไฉนเหมือนดวงตาของเด็กชายอายุสิบสองที่ทุกคนก้มศีรษะให้ในฐานะองค์รัชทายาทนักนะ! ความเจ็บปวดแทรกเข้ามาในศีรษะทำให้ดวงตาสุกใสต้องปิดเปลือกตาแน่น ความมืดเข้าครอบงำ สติสัมปชัญญะ ไม่อาจฟื้นรับรู้การเคลื่อนไหวรอบข้างอีกแล้ว!. เสียงร้องไห้เรียกสติของหญิงสาวที่ลืมตาอยู่ในความมืดให้เดินตามเสียงที่ได้ยิน หญิงสาวหลับตาลงด้วยความอ่อนล้า ทว่ากลับได้ยินเสียงร้องไห้ชัดขึ้นทำให้ต้องลืมตาอีกครั้งแล้วพบชายใบหน้าที่คุ้นเคยอยู่ในชุดสีฟ้ากระจ่าง ใช่แล้ว เธอเคยบอกเขาว่าเขาดูเป็นผู้ชายโรแมนติกในเสื้อเชิ้ตสีฟ้าละมุนตาอย่างนี้ ความดำมืดค่อย ๆ จางหาย ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าคือร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียง เท้าเล็ก ๆ พาร่างของตนเองไปหยุดยืนข้างเตียง หญิงสาวสีหน้าซีดเซียว ผอมบางจนแทบจะกลายเป็นหนังหุ้มกระดูก เมื่อพิจารณาดี ๆ นี่คือร่างของหญิงสาวที่ชื่อ...“พันดาว” น่าประหลาดใจที่ไม่รู้สึกตื

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 65.  เจ้ายังมีข้า

    “หัวเราะอะไร” “เจ้าจะไม่ถามหรือว่าข้าจะไปไหน” “ก็เจ้าสัญญาแล้วว่าจะไม่ปิดบังข้า ข้าไม่จำเป็นต้องถามอะไรอีก” ซุนเว่ยหมินยิ้มที่มุมปาก เขาสูดลมหายใจลึกก่อนพูดออกไป “มันไม่ใช่หินถล่มธรรมดา” “เจ้าถูกลอบทำร้าย?” “ย่อมเป็นเช่นนั้น” เขาถอนหายใจกระตุ้น ม้าไปยังจุดหมายที่นัดไว้ “การเป็นคนซื่อตรงเช่นข้าย่อมขัดแข้งขัดขาผู้อื่น” จู่ ๆ หญิงสาวก็นึกถึงเด็กชายวัยสิบสองขวบที่นางเคยช่วยไว้ผู้นั้น “องค์รัชทายาท...” “ทำไมรึ?” ซุนเว่ยหมินก้มหน้าลง ความสนใจของเขาอยู่ที่กำไลหยกเรียบง่ายทว่าเขามั่นใจว่าเมื่อคืนมันเปล่งแสงได้ “เรื่องของเจ้าเกี่ยวกับองค์รัชทายาทหรือไม่” นางถามตรงไปตรงมา “ที่ถามนี่เพราะเจ้าเป็นห่วงข้าหรือเจ้าเด็กนั่น!” ในสายตาเขา ไม่เห็นเป็นองค์รัชทายาท มองอย่างไรก็เป็นแค่เด็กชายคนหนึ่ง ซึ่งไม่เกี่ยวกับที่พี่สาวของเขาเป็นเต๋อเฟยแต่อย่างใด เหมยซิงหัวเราะเสียงใส “แบบนี้เรียกว่าเหม็นน้ำส้มได้หรือไม่” ซุนเว่ยหมินเลิกคิ้ว นางย้อนเขาด้วยเรื่องที่เขาเคยล้

DMCA.com Protection Status