หน้าหลัก / โรแมนติก / วสันตกาลพานพบ / ตอนที่ 35 อันตรายคืบคลาน

แชร์

ตอนที่ 35 อันตรายคืบคลาน

ผู้เขียน: MACARONI/1Millionmilesaway
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-26 10:00:11

หลินเซินและหมิงเฟยเลือกเดินทางไปยังสถานที่เมื่อตอนเป็นเด็กเพื่อจะเริ่มสืบหาเบาะแสตั้งแต่ต้น พวกเขาร่ายเวทเพื่อย่นระยะเวลาในการเดินทางจนมาถึงหมู่บ้านแรกที่บิดาของหมิงเฟยลงหลักปักฐาน

สภาพบ้านหลังเล็กถูกปล่อยทิ้งร้างมามากกว่าสามร้อยปีแล้ว เหลือเพียงซากปรักหักพังไว้เป็นของต่างหน้า หมิงเฟยเดินผ่านประตูรั้วเข้าไปด้านใน ความทรงจำในวันที่แสนธรรมดาเริ่มปรากฏขึ้น หลินเซินเห็นเช่นนั้นจึงเดินมาแตะไหล่ ก่อนจะเริ่มค้นหาสิ่งที่หลงเหลืออยู่

ทว่าบ้านนี้กลับเป็นแค่สถานที่ธรรมดา ไม่มีสิ่งที่เชื่อมโยงกับเรื่องราวใด ๆ แม้แต่น้อย ทั้งคู่จึงมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านที่สองที่มารดาของเขาพาไปหลบซ่อนตัว

ด้านเฉิงซานและน้องชายวางแผนปลอมตัวเป็นทหารแทรกซึมเข้าไปในค่าย ชีวิตของจิ้งจอกแดงในที่กักกันแห่งนี้ดูไม่เข้มงวดเท่ากับที่กักกันของเขา หากทำตามกฎแล้วก็จะไม่ถูกลงโทษ แต่การที่ต้องอยู่ในค่ายกักกันนี้หลายร้อยปีไม่ใช่เรื่องที่จะยอมรับได้ พวกเขาไม่ได้ทำชั่วร้าย เป็นเพียงแค่ชาวบ้านธรรมดา ทำไมถึงไม่มีสิทธิ์เลือกจะใช้ชีวิต

พวกเขาทำทีเดินสอดส่องตามกระโจมในค่ายเหมือนทหารคน

บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 36 โกรธจนห้ามไม่อยู่

    ในขณะนั้น หลินเซินกำลังตรวจสอบหมู่บ้านที่สามกับหมิงเฟยได้รับสารด่วนจากเยี่ยนฟาง เขารีบร่ายเวทย่นระยะทางกลับมาที่เมืองหลวงแคว้นเป่ยในทันที เวลานั้นจึงได้พบกับเฉิงซานที่มาถึงก่อนหน้าไม่นานนัก“ไม่ทันเสียแล้ว พวกทหารบุกจับนางไป” เฉิงซานค้นหาพรรคพวกของเขาที่รอดชีวิตแต่พบเพียงแค่หลิวอิงที่บาดเจ็บสาหัส“ดินแดนจิ้งจอกใช่หรือไม่” หลินเซินถามเสียงเย็นชา เขากำลังสะกดอารมณ์เดือดพลุ่งพล่านของตนเอง สายตาจ้องมองไปยังหยดเลือดที่อยู่บนพื้นห้อง โดยเฉพาะรอยเลือดของเจียลี่และเยี่ยนฟาง“อื้ม” เฉิงเซียวพยักหน้า“ระบุเจาะจงได้หรือไม่” หลินเซินถามให้แน่ชัด ดินแดนจิ้งจอกกว้างขวางสุดลูกหูลูกตา เขาไม่อยากเสียเวลากับสิ่งไม่จำเป็น ในใจคิดว่าจะต้องไปช่วยพวกนางให้เร็วที่สุด“ข้าคิดว่าอยู่ทางปีกตะวันตกของวังหลวง คนที่สั่งการคือจักรพรรดิจิ้งจอก” เฉิงซานบอกเขา ไม่คิดว่าเขาจะใจร้อนถึงขนาดไม่วางแผน“เช่นนั้นรีบไปเถอะ” หลินเซินร่ายเวทย่นระยะเวลาเดินทางอีกรอบเตรียมจะพุ่งตัวผ่านเขตแดน แต่เฉิงซานห้ามเขาเอาไว้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-28
  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 37 ศัตรูที่แข็งแกร่ง

    ด้านเฉิงซานได้ยินเสียงระเบิดดังมาจากวังหลวงเข้าใจได้ในทันทีว่าเกิดเรื่องไม่เป็นไปตามคาด ทหารที่รักษาการณ์คุมค่ายถูกเรียกตัวให้ป้องกันเมืองหลวงและเชื้อพระวงศ์จากการลอบโจมตีจนรอบนอกค่ายเหลือทหารยามไม่กี่คน พรรคพวกของเขาที่หนีมาพร้อมกับหมิงเฟยเข้ามาเสริมกำลังกับพวกเขาที่ค่ายกักกัน“ข้าคิดว่า เราต้องเร่งอพยพกันให้เร็วที่สุด” เฉิงซานคิดฉวยโอกาสนี้ หากวังหลวงเกิดวิกฤต ย่อมไม่มีผู้ใดสนใจค่ายเชลยแห่งนี้ “เร็วเข้า” ทุกคนช่วยกันทยอยพาคนในค่ายหนีเริ่มจากผู้อาวุโส ผู้หญิง ปิดท้ายด้วยพรรคพวกของเขาเวลานั้นที่หลินเซินหายตัวไป จักรพรรดิจิ้งจอกปรากฏตัวขึ้นที่ปีกตะวันตกด้วยความเดือดดาล “มันผู้ใดกล้าทำลายของของข้า” เสียงเกรี้ยวกราดของเขาทำให้ทหารรายงานเหตุการณ์เสียงตะกุกตะกัก“พรรคพวกของเฉิงซานพ่ะย่ะค่ะ” เขารีบถอยหลังรักษาชีวิตของตนเองเอาไว้ ในเวลานั้นแม่ทัพใหญ่ของดินแดนจิ้งจอกรอรับคำสั่งของเขาอยู่ ครั้นได้ยินว่าเป็นพรรคพวกของนักโทษจึงรีบบึ่งไปที่ค่ายกักกันในพริบตาทันทีที่มาถึงทหารในกองทัพต่างบุกประชิดตัวพรรคพวกเฉิงซานไม่ให้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-30
  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 38 สูญเสีย

    หลินเซินร่ายเวททำลายร่างของจักรพรรดิจิ้งจอกและหยุดการดูดกลืนพลังชีวิตของชาวบ้านเอาไว้ได้ แต่ในม่านหมอกกลับไร้การเคลื่อนไหวใด ๆ หมิงเฟยใจไม่ดีมองไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา จึงวิ่งเข้าไปหาใกล้ ๆ พลันได้เห็นร่างของคนผู้หนึ่งนอนอยู่บนพื้น“ท่านพี่...” หมิงเฟยร้องเรียกเขาแล้วรีบเข้าไปประคอง เพียงแต่ว่าร่างนั้นกลับไม่ใช่หลินเซินที่เขารู้จัก “ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้น ทำไม...” แม้จะสวมเสื้อผ้าอาภรณ์ สีผมเทาชมพู หน้าตาที่คลับคล้ายคลับคลาแต่มีบางอย่างเปลี่ยนไปเฉิงซานที่เดินตามเข้ามาพูดกับหมิงเฟยว่า “เมื่อครู่เขาใช้พลังไปมากนัก รีบพาเขาไปรักษาตัวดีกว่า” หลังจากพูดจบ หมิงเฟยช้อนมืออุ้มร่างของหลินเซินเดินข้ามผ่านประตูเวทด้านหน้าห้อง หยางมี่ยืนพูดคุยเรื่องอาการของหลินเซินกับทุกคนเพื่อให้คลายกังวลใจ“อีกนานแค่ไหนถึงจะหายหรือเจ้าคะ” เยี่ยนฟางถามนางด้วยความเป็นห่วง“อย่างที่เฉิงซานบอก เขาใช้พลังเซียนมากเกินไปเพื่อกำจัดสิ่งชั่วร้าย ข้าบอกไม่ได้ว่าเขาจะกลับมาเป็นดังเดิมเมื่อใด แต่อาการตอนนี้ไม่มีอะไรต้องกังวล เพียงแค่ว่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-01
  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 39 วันมงคลของหมิงเฟย

    หมิงเฟยเงยหน้ามองท้องฟ้าสีครามไร้ก้อนเมฆบดบัง รอยยิ้มสดใสของเขาทำให้ถังลี่ฮวานึกสงสัยว่าเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่ เวลานี้ความรักของทั้งคู่ราวกับดอกไม้ผลิบานในหัวใจ แววตาแห่งความสุขเอ่อล้น หมิงเฟยหันมาหาถังลี่ฮวาแล้วกุมมือทั้งสองข้างของนางเอาไว้“ถังลี่ฮวา เจ้ายินดีแต่งงานกับข้าหรือไม่” หมิงเฟยไม่อ้อมค้อม เขาคิดเรื่องนี้มาพักหนึ่งแล้ว“จู่ ๆ ก็ถามเช่นนี้เลยหรือ” ถังลี่ฮวาคาดไม่ถึง เช้าวันนี้เขาแค่ชวนนางออกมาเก็บผลไม้ป่าตามปกติ ก่อนกลับบ้านจึงแวะนั่งเล่นที่ประจำเท่านั้น“ข้าอยากใช้ชีวิตที่เหลือร่วมกับเจ้า” หมิงเฟยสบตานาง ท่าทางจริงจังรอฟังคำตอบ“อื้ม” ถังลี่ฮวาพยักหน้าตกลง เพียงเท่านี้ก็ทำให้เขายิ้มจนตาหยีด้วยความดีใจ“เช่นนั้น รีบไปบอกพวกเขาดีกว่าเนอะ เจ้าว่าเราจัดงานอาทิตย์หน้ากันเลยดีหรือไม่” หมิงเฟยที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวมาตลอดนึกไม่ออกว่าการจัดงานแต่งงานครั้งหนึ่งจะต้องทำอะไรบ้าง เขาขมวดคิ้วนึกถึงสิ่งที่ต้องทำ“หมิงเฟย เจ้าไม่ต้องรีบร้อน ข้าไม่หนีเจ้าไปท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-03
  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 1 เซียนน้อยหยางซือซือ

    ณ ทางตอนเหนือบนดินแดนสวรรค์ของเทพเซียน มีตำหนักไม้หลังเล็กหลบซ่อนตัวอยู่ในปุยเมฆสีขาว โคมดวงจิตของเทพเซียนที่ลงมาผ่านด่านเคราะห์บนโลกมนุษย์แขวนอยู่เรียงรายใจกลางตำหนัก แสงไฟลุกโชนจากโคมทำให้รู้ว่าเรื่องราวของพวกเขาเป็นไปตามชะตาที่ซือมิ่งเขียนเอาไว้ ดังนั้นสถานที่แห่งนี้จึงมีเขตแดนปกคลุมรอบทิศทางเพื่อป้องกันไม่ให้มีสิ่งใดรุกล้ำเข้ามาก่อความไม่สงบแม้ไม่มีเขตแดนคอยปกป้อง ก็ใช่ว่าจะมีผู้ใดกล้าเข้ามาวุ่นวายกับที่แห่งนี้สักเท่าใด ด้วยเป็นสถานที่ที่ดวงจิตส่วนหนึ่งของเทพเซียนสถิตอยู่ ทั้งยังห่างไกลจากใจกลางดินแดนสวรรค์ จนบางคนแทบลืมไปแล้วว่าตำหนักนี้อยู่ที่ใด คงจะมีก็แต่เซียนน้อยนางหนึ่งนามว่าหยางซือซือ ที่รู้เรื่องราวของตำหนักนี้ดีกว่าผู้ใด นั่นก็เพราะว่านางคือเจ้าของตำหนักและผู้ดูแลโคมดวงจิตคนล่าสุดนั่นเองราว ๆ สามพันปีก่อน ผู้เฒ่าหยางกำลังกวาดลานหน้าตำหนักแล้วไปพบนางเข้า เขาจึงตั้งชื่อให้และดูแลนางนับตั้งแต่นั้นมาทว่าช่วงเวลาของพวกเขานั้นสั้นนัก อายุขัยของผู้เฒ่าหยางถึงเวลานั้นแล้ว ทั้งดวงจิตและร่างกายจึงสลายเข้าสู่ห้วงเวลานิรันดร์ หยางซือซือที่อายุหนึ่งพันปีจึงต้องอยู่โดดเดี่ยวนับแต่นั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-23
  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 2 วิหคเพลิงสร้างเรื่อง

    เปลวไฟจากโคมดวงจิตวูบไหวไปมา เสี้ยวหนึ่งของความคิดที่นางนึกขึ้นได้คือพยายามต้านกระแสลม หยางซือซือกั้นลมด้วยม่านเขตแดนจากพลังน้อยนิดของนางและดูเหมือนว่าจะทำได้สำเร็จ เปลวไฟจากโคมดวงจิตสงบขึ้นทว่าความโชคร้ายของวันไม่ได้มีเท่านี้ วิหคเพลิงเห็นเซียวอวี้เทียนยืนดักอยู่อีกทางและกำลังร่ายเวทขั้นสูงครั้งที่สอง มันจึงรีบกลับตัว สยายปีกแล้วถลาไปทางหยางซือซืออีกครั้ง แต่กระนั้นก็ไม่อาจหลบได้ทัน เวทขั้นสูงของเซียวอวี้เทียนเฉี่ยวไปที่ลำตัวเพรียวระหงจนทำให้ทรงตัวไม่อยู่ พร้อมที่จะพุ่งดิ่งตกไปกลางลานด้วยความเร็ว หยางซือซือที่ยังคงตรึงเวทของนางเอาไว้ได้แต่มองตาม พลังของวิหคเพลิงนั้นแข็งแกร่งมากกว่านางอีกหรือหลังจากนั้นโคมดวงจิตที่อยู่รอบนอกเริ่มดับต่อกันเป็นทอด ๆ กว่าครึ่งหนึ่ง ในใจของนางพลันคิดว่าครั้งนี้จบสิ้นจริง ๆ แล้ว ภาระหน้าที่แสนง่ายแต่สลักสำคัญของนางด้านเซียวอวี้เทียนเองเพิ่งจะจับวิหคเพลิงตัวนี้ได้หันมาถามนางด้วยความเป็นห่วง “หยางซือซือ เจ้าเป็นอันใดหรือไม่” ครั้นพอเห็นสายตาที่ทอดยาวไปเบื้องหน้า เขาก็เข้าใจแล้วว่า หายนะครั้งใหญ่กำลังมาเยือนอย่างแน่นอน ไม่ทันที่เขาจะได้หาหนทางแก้ไขเรื่องรา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-23
  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 3 เกิดใหม่ในดินแดนมนุษย์

    สิ้นคำพูดของซ่งอี้ เทพเซียนที่เกี่ยวข้องกับการเหตุการณ์ครั้งนี้เริ่มเห็นด้วยกับความคิดของนาง“ขอเทียนจวินตัดสินด้วยเถิด” ทุกคนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันเทียนจวินมองไปที่หยางซือซือ เวลานี้ใบหน้าของนางราวกับครุ่นคิดเรื่องบางอย่างอยู่ แต่ไม่มีสีหน้าแสดงความกังวลใจต่อบทลงโทษ“เซียนน้อยหยางซือซือ ข้ารู้ว่าเจ้าตั้งใจทำหน้าที่ต่อจากผู้เฒ่าหยางมาด้วยดีตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หากแต่ครั้งนี้เกิดเรื่องขึ้น ข้าไม่อาจเพิกเฉยต่อความเดือนร้อนได้ จงลงไปเกิดเป็นมนุษย์ ผ่านด่านเคราะห์และบำเพ็ญตบะให้แกร่งกล้า เมื่อวันนั้นมาถึง ข้าเชื่อว่าเจ้าจะไม่ถูกลงโทษเป็นครั้งที่สอง” เทียนจวินตรัสกับนาง“หม่อมฉันน้อมคำตัดสินเพคะ ขอบพระทัยเทียนจวิน” หยางซือซือทำความเคารพ ก่อนที่ทุกคนในห้องโถงใหญ่แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนต่อ มีเพียงเซียวอวี้เทียนเดินหน้าเศร้ามาหานางเพราะรู้ว่าไม่ใช่ความผิดของนาง วิหคเพลิงมีเงื่อนงำบางอย่างถึงได้ปรากฏตัวขึ้น“ไม่ต้องเป็นห่วงข้านักหรอกน่า เซียวอวี้เทียน ช่วงชีวิตมนุษย์นั้นแสนสั้น เดี๋ยวข้าก็กลับขึ้นมาบนสวรรค์ได้เช่นเดิมแล้ว” หยางซือซือปลอบใจเขาเหมือนอย่างเคย นางมักจะลืมเรื่องของตนเองแล้วใส่ใจค

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-23
  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 4 เสิ่นชิวผู้อาภัพ

    ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเมืองเล็ก ๆ ทางทิศใต้ของภูเขาลูกใหญ่ เด็กชายอายุสิบขวบกำลังนั่งขอทานอยู่ริมถนนในตลาด สภาพหน้าตามอมแมมของเขาจำแทบไม่ได้เลยว่าเป็นลูกของผู้ใด เขานั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เช้าตรู่จนกระทั่งบ่ายก็ยังไม่ได้เงินสักอีแปะเดียว เวลานี้ขอเพียงมีคนใจดีแบ่งปันซาลาเปาซักลูกแก่เขาก็ดีใจมากแล้ว“นี่เจ้าตัวอัปมงคล ไปนั่งที่อื่นไกล ๆ พวกข้าเสียที มีเจ้าอยู่แถวนี้ พวกข้าเลยพลอยไม่ได้เงินขอทานสักอีแปะ” ชายวัยกลางคนโพล่งขึ้นทำลายความเงียบ ทุกคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กันเห็นด้วยกับคำพูดของเขา พยายามจะพูดไล่ให้เด็กชายสิบขวบไปไกล ๆ แต่พอเห็นเขาไม่ขยับคล้ายไม่ยอมฟังคำพูดทำหูทวนลม ก็พาลโกรธคิดว่าเด็กชายกำลังท้าทาย“พูดดี ๆ ด้วย ไม่ได้ยินหรืออย่างไร ข้าบอกให้ไปซะ” เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง ลุกขึ้นยืนแล้วถุยน้ำลายใส่ แต่เด็กน้อยยังคงไม่ขยับ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะร่างกายเขาแทบจะไม่มีแรงลุกขึ้นไปที่ไหน ท่าทางของเขายิ่งทำให้ขอทานโมโหจนออกแรงยกเท้าเตะไปที่ลำตัวแห้งผอมของเขา หวังให้ตกใจรีบวิ่งหนีไป แต่เหตุการณ์กลับตรงกันข้าม เด็กชายล้มลงไปตามแรงที่ส่งมา โดยไม่มีเสียงร้องสักแอะ“มันตายแล้วหรือ” ขอทานคนหนึ่งพูดขึ้น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-23

บทล่าสุด

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 39 วันมงคลของหมิงเฟย

    หมิงเฟยเงยหน้ามองท้องฟ้าสีครามไร้ก้อนเมฆบดบัง รอยยิ้มสดใสของเขาทำให้ถังลี่ฮวานึกสงสัยว่าเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่ เวลานี้ความรักของทั้งคู่ราวกับดอกไม้ผลิบานในหัวใจ แววตาแห่งความสุขเอ่อล้น หมิงเฟยหันมาหาถังลี่ฮวาแล้วกุมมือทั้งสองข้างของนางเอาไว้“ถังลี่ฮวา เจ้ายินดีแต่งงานกับข้าหรือไม่” หมิงเฟยไม่อ้อมค้อม เขาคิดเรื่องนี้มาพักหนึ่งแล้ว“จู่ ๆ ก็ถามเช่นนี้เลยหรือ” ถังลี่ฮวาคาดไม่ถึง เช้าวันนี้เขาแค่ชวนนางออกมาเก็บผลไม้ป่าตามปกติ ก่อนกลับบ้านจึงแวะนั่งเล่นที่ประจำเท่านั้น“ข้าอยากใช้ชีวิตที่เหลือร่วมกับเจ้า” หมิงเฟยสบตานาง ท่าทางจริงจังรอฟังคำตอบ“อื้ม” ถังลี่ฮวาพยักหน้าตกลง เพียงเท่านี้ก็ทำให้เขายิ้มจนตาหยีด้วยความดีใจ“เช่นนั้น รีบไปบอกพวกเขาดีกว่าเนอะ เจ้าว่าเราจัดงานอาทิตย์หน้ากันเลยดีหรือไม่” หมิงเฟยที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวมาตลอดนึกไม่ออกว่าการจัดงานแต่งงานครั้งหนึ่งจะต้องทำอะไรบ้าง เขาขมวดคิ้วนึกถึงสิ่งที่ต้องทำ“หมิงเฟย เจ้าไม่ต้องรีบร้อน ข้าไม่หนีเจ้าไปท

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 38 สูญเสีย

    หลินเซินร่ายเวททำลายร่างของจักรพรรดิจิ้งจอกและหยุดการดูดกลืนพลังชีวิตของชาวบ้านเอาไว้ได้ แต่ในม่านหมอกกลับไร้การเคลื่อนไหวใด ๆ หมิงเฟยใจไม่ดีมองไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา จึงวิ่งเข้าไปหาใกล้ ๆ พลันได้เห็นร่างของคนผู้หนึ่งนอนอยู่บนพื้น“ท่านพี่...” หมิงเฟยร้องเรียกเขาแล้วรีบเข้าไปประคอง เพียงแต่ว่าร่างนั้นกลับไม่ใช่หลินเซินที่เขารู้จัก “ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้น ทำไม...” แม้จะสวมเสื้อผ้าอาภรณ์ สีผมเทาชมพู หน้าตาที่คลับคล้ายคลับคลาแต่มีบางอย่างเปลี่ยนไปเฉิงซานที่เดินตามเข้ามาพูดกับหมิงเฟยว่า “เมื่อครู่เขาใช้พลังไปมากนัก รีบพาเขาไปรักษาตัวดีกว่า” หลังจากพูดจบ หมิงเฟยช้อนมืออุ้มร่างของหลินเซินเดินข้ามผ่านประตูเวทด้านหน้าห้อง หยางมี่ยืนพูดคุยเรื่องอาการของหลินเซินกับทุกคนเพื่อให้คลายกังวลใจ“อีกนานแค่ไหนถึงจะหายหรือเจ้าคะ” เยี่ยนฟางถามนางด้วยความเป็นห่วง“อย่างที่เฉิงซานบอก เขาใช้พลังเซียนมากเกินไปเพื่อกำจัดสิ่งชั่วร้าย ข้าบอกไม่ได้ว่าเขาจะกลับมาเป็นดังเดิมเมื่อใด แต่อาการตอนนี้ไม่มีอะไรต้องกังวล เพียงแค่ว่

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 37 ศัตรูที่แข็งแกร่ง

    ด้านเฉิงซานได้ยินเสียงระเบิดดังมาจากวังหลวงเข้าใจได้ในทันทีว่าเกิดเรื่องไม่เป็นไปตามคาด ทหารที่รักษาการณ์คุมค่ายถูกเรียกตัวให้ป้องกันเมืองหลวงและเชื้อพระวงศ์จากการลอบโจมตีจนรอบนอกค่ายเหลือทหารยามไม่กี่คน พรรคพวกของเขาที่หนีมาพร้อมกับหมิงเฟยเข้ามาเสริมกำลังกับพวกเขาที่ค่ายกักกัน“ข้าคิดว่า เราต้องเร่งอพยพกันให้เร็วที่สุด” เฉิงซานคิดฉวยโอกาสนี้ หากวังหลวงเกิดวิกฤต ย่อมไม่มีผู้ใดสนใจค่ายเชลยแห่งนี้ “เร็วเข้า” ทุกคนช่วยกันทยอยพาคนในค่ายหนีเริ่มจากผู้อาวุโส ผู้หญิง ปิดท้ายด้วยพรรคพวกของเขาเวลานั้นที่หลินเซินหายตัวไป จักรพรรดิจิ้งจอกปรากฏตัวขึ้นที่ปีกตะวันตกด้วยความเดือดดาล “มันผู้ใดกล้าทำลายของของข้า” เสียงเกรี้ยวกราดของเขาทำให้ทหารรายงานเหตุการณ์เสียงตะกุกตะกัก“พรรคพวกของเฉิงซานพ่ะย่ะค่ะ” เขารีบถอยหลังรักษาชีวิตของตนเองเอาไว้ ในเวลานั้นแม่ทัพใหญ่ของดินแดนจิ้งจอกรอรับคำสั่งของเขาอยู่ ครั้นได้ยินว่าเป็นพรรคพวกของนักโทษจึงรีบบึ่งไปที่ค่ายกักกันในพริบตาทันทีที่มาถึงทหารในกองทัพต่างบุกประชิดตัวพรรคพวกเฉิงซานไม่ให้

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 36 โกรธจนห้ามไม่อยู่

    ในขณะนั้น หลินเซินกำลังตรวจสอบหมู่บ้านที่สามกับหมิงเฟยได้รับสารด่วนจากเยี่ยนฟาง เขารีบร่ายเวทย่นระยะทางกลับมาที่เมืองหลวงแคว้นเป่ยในทันที เวลานั้นจึงได้พบกับเฉิงซานที่มาถึงก่อนหน้าไม่นานนัก“ไม่ทันเสียแล้ว พวกทหารบุกจับนางไป” เฉิงซานค้นหาพรรคพวกของเขาที่รอดชีวิตแต่พบเพียงแค่หลิวอิงที่บาดเจ็บสาหัส“ดินแดนจิ้งจอกใช่หรือไม่” หลินเซินถามเสียงเย็นชา เขากำลังสะกดอารมณ์เดือดพลุ่งพล่านของตนเอง สายตาจ้องมองไปยังหยดเลือดที่อยู่บนพื้นห้อง โดยเฉพาะรอยเลือดของเจียลี่และเยี่ยนฟาง“อื้ม” เฉิงเซียวพยักหน้า“ระบุเจาะจงได้หรือไม่” หลินเซินถามให้แน่ชัด ดินแดนจิ้งจอกกว้างขวางสุดลูกหูลูกตา เขาไม่อยากเสียเวลากับสิ่งไม่จำเป็น ในใจคิดว่าจะต้องไปช่วยพวกนางให้เร็วที่สุด“ข้าคิดว่าอยู่ทางปีกตะวันตกของวังหลวง คนที่สั่งการคือจักรพรรดิจิ้งจอก” เฉิงซานบอกเขา ไม่คิดว่าเขาจะใจร้อนถึงขนาดไม่วางแผน“เช่นนั้นรีบไปเถอะ” หลินเซินร่ายเวทย่นระยะเวลาเดินทางอีกรอบเตรียมจะพุ่งตัวผ่านเขตแดน แต่เฉิงซานห้ามเขาเอาไว้

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 35 อันตรายคืบคลาน

    หลินเซินและหมิงเฟยเลือกเดินทางไปยังสถานที่เมื่อตอนเป็นเด็กเพื่อจะเริ่มสืบหาเบาะแสตั้งแต่ต้น พวกเขาร่ายเวทเพื่อย่นระยะเวลาในการเดินทางจนมาถึงหมู่บ้านแรกที่บิดาของหมิงเฟยลงหลักปักฐานสภาพบ้านหลังเล็กถูกปล่อยทิ้งร้างมามากกว่าสามร้อยปีแล้ว เหลือเพียงซากปรักหักพังไว้เป็นของต่างหน้า หมิงเฟยเดินผ่านประตูรั้วเข้าไปด้านใน ความทรงจำในวันที่แสนธรรมดาเริ่มปรากฏขึ้น หลินเซินเห็นเช่นนั้นจึงเดินมาแตะไหล่ ก่อนจะเริ่มค้นหาสิ่งที่หลงเหลืออยู่ทว่าบ้านนี้กลับเป็นแค่สถานที่ธรรมดา ไม่มีสิ่งที่เชื่อมโยงกับเรื่องราวใด ๆ แม้แต่น้อย ทั้งคู่จึงมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านที่สองที่มารดาของเขาพาไปหลบซ่อนตัวด้านเฉิงซานและน้องชายวางแผนปลอมตัวเป็นทหารแทรกซึมเข้าไปในค่าย ชีวิตของจิ้งจอกแดงในที่กักกันแห่งนี้ดูไม่เข้มงวดเท่ากับที่กักกันของเขา หากทำตามกฎแล้วก็จะไม่ถูกลงโทษ แต่การที่ต้องอยู่ในค่ายกักกันนี้หลายร้อยปีไม่ใช่เรื่องที่จะยอมรับได้ พวกเขาไม่ได้ทำชั่วร้าย เป็นเพียงแค่ชาวบ้านธรรมดา ทำไมถึงไม่มีสิทธิ์เลือกจะใช้ชีวิตพวกเขาทำทีเดินสอดส่องตามกระโจมในค่ายเหมือนทหารคน

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 34 กำลังใจจากคนรอบข้าง

    “หลินเซิน ตื่นได้แล้ว” เสียงคุ้นเคยเรียกเขาดังขึ้น หลินเซินที่ยืนมองบุรุษหน้าเหมือนตนเองจึงรู้สึกตัวว่ายังอยู่ในความฝัน หากแต่เขาหาประตูทางออกไม่เจอ ทันใดนั้นหิ่งห้อยที่วนเวียนเมื่อครู่ก็บินมาอยู่ด้านหน้าของเขาเฉกเช่นเดียวกัน หิ่งห้อยตัวนั้นพาเขามาส่งที่ประตูความฝันก่อนจะหายลับไป“หลินเซิน ตื่นได้แล้ว” เจียลี่ยังคงเรียกเขาไม่หยุด นางเห็นว่าหมิงเฟยกลับมาแล้วแต่เขายังคงนอนไม่ตื่นจึงเป็นห่วงกลัวจะเจอเรื่องร้ายแรงครั้นเมื่อลืมตาขึ้นได้พบหน้าเจียลี่จึงบอกนางให้โล่งใจ “หมิงเฟยเล่า เป็นอย่างไรบ้าง”“ยังน่าเป็นห่วง อย่างไรก็ต้องช่วยให้เขาผ่านพ้นไปให้ได้” เจียลี่ถอนหายใจเมื่อได้เห็นอาการของเขา “เจอเรื่องอะไรมาหรือ ถึงได้เป็นเช่นนั้น” ตั้งแต่หมิงเฟยตื่นขึ้น เขายังไม่ได้เล่าเรื่องทุกอย่างให้ใครฟัง เอาแต่นั่งซึมน้ำตาคลออยู่คนเดียว เยี่ยนฟางจึงคอยอยู่ข้าง ๆ“เรื่องในอดีตของเขา เพียงแต่วนไปซ้ำมาจนจำรายละเอียดทุกอย่างได้ คงจะคิดว่าเป็นความผิดของตนเองที่ทำให้คนรอบข้างต้องเจอเรื่อ

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 33 หมิงเฟยร้องไห้

    เช้าวันต่อมาเยี่ยนฟางมาหาหมิงเฟยที่ห้องเพราะทั้งสองต้องไปเก็บน้ำค้างยามเช้ามาให้หลินเซิน ปกติแล้วหมิงเฟยจะต้องออกไปรอนางที่หน้าห้อง เพียงแต่ว่าวันนี้เขากลับตื่นสายจนนางต้องมาตาม“หมิงเฟย ตื่นได้แล้ว” เยี่ยนฟางคิดว่าเขาคงจะเมาค้างจากฤทธิ์สุรา นางตั้งใจเดินมาปลุกเขาใกล้ ๆ แต่เมื่อเห็นเหงื่อผุดเต็มใบหน้า ทั้งยังสีหน้าของหมิงเฟยดูเจ็บปวด นางก็รีบปลุกเขาให้ตื่น “หมิงเฟย หมิงเฟย” กระนั้นเขาก็ยังไม่รู้สึกตัว เยี่ยนฟางจึงรีบวิ่งไปหาหลินเซินที่ห้องข้าง ๆ“ท่านพี่ หมิงเฟยเป็นอะไรไม่รู้” น้ำเสียงกังวลของนางทำให้หลินเซินรีบวิ่งไปดูเขา“ท่านพี่ หมิงเฟยเป็นอะไรหรือ” เยี่ยนฟางถามเขาด้วยความเป็นห่วง นางไม่เคยเห็นเขาเป็นเช่นนี้ เจียลี่จึงกอดนางเอาไว้รอฟังคำตอบของเขา“พวกเจ้าไม่ต้องกังวล ข้าพอจะรู้สาเหตุ ออกไปรอข้าข้างนอกเถิด จะได้ไม่กระวนกระวายใจมากนัก” เจียลี่พยักหน้าให้เขาแล้วพาเยี่ยนฟางออกไปรอที่ห้องของนาง“เจ้าทำให้เขาเป็นเช่นนี้หรือ” หลินเซินโพล่งออกมา เขา

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 32 นางคือผู้เดียวที่ข้ารัก

    ยามค่ำคืนแสงจันทร์สีนวลทรงกลด ผู้คนในเมืองหลวงต่างออกมาเดินเล่นเทศกาลประจำปีกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ตามบ้านเรือนและร้านค้าประดับไฟหลากสีสลับกัน บางจังหวะกระพริบวิบวับมีลูกเล่นตระการตา พ่อค้าแม่ค้าตั้งร้านเรียงรายสองข้างถนนตลอดทาง ทั้งยังมีการแสดงจากคณะละครคอยเรียกเสียงฮาจากผู้คนที่ผ่านไปมาหลินเซินและคนอื่น ๆ เลือกที่จะดื่มฉลองกันที่โรงเตี๊ยมเพื่อหลีกหนีจากผู้คน ภายในโรงเตี๊ยม เฒ่าแก่ผู้เป็นเจ้าของก็จัดงานใหญ่โตไม่แพ้ที่อื่น หลินเซินได้ส่วนลดเพราะอาศัยอยู่ที่แห่งนี้มานานจนแทบจะเป็นบ้านหลังที่สองของเขาในเมืองนี้ คืนนี้จึงรับเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารทุกคนโดยนำเงินเก็บที่ได้จากการทำงานเล็กน้อยอย่างขายโสมป่าและเห็ดหายากให้ร้านสมุนไพรในเมืองขณะที่ทุกคนเพลิดเพลินกับการแสดงร่ายระบำของหญิงสาวจากทางตะวันตก หลินเซินก็รับรู้ได้ว่าสายตาของนางผู้นั้นกำลังใกล้เข้ามา นางเดินมาทักทายเขาที่นั่งอยู่มุมโต๊ะอย่างมีเจตนา นางสวมชุดสีแดงสดกับเครื่องประดับสีทอง เสื้อผ้าพลิ้วไหวดูบางเบา เรือนผมยาวสยายสีดำขลับตัดกับผิวขาวนวลเนียน ทันทีที่เห็นสาวงามเข้าใกล้หลินเซินเกินควร เ

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 31 ความฝันในอดีต

    หลินเซินได้เห็นช่วงเวลาต่าง ๆ ในความฝันจึงได้รู้ว่านางคือลู่ฟางหรง หญิงสาวเผ่ากวางนำทางกับเด็กชายคนหนึ่ง เสิ่นชิวที่เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาหน้าตาเหมือนเขา“หยุดเถิด” เขาห้ามปรามให้นางปลดปล่อยเขาจากความฝัน หากแต่นางยังคงไม่ย่อท้อ ลู่ฟางหรงเห็นสีหน้าของเขาก็เข้าใจว่าเขาเริ่มจำนางได้แล้ว ทว่าเหมือนบางสิ่งกำลังขวางกั้นไม่ให้หลินเซินจำภาพทั้งหมดได้ ภาพความฝันในอดีตที่นางสร้างขึ้นมาเริ่มมีคนที่นางไม่อยากเห็นหน้าปรากฏตัว“ข้าไม่ยอม” นางกล่าวสั้น ๆ กับเขาก่อนจะหายตัวไป หลินเซินงัวเงียสะดุ้งตื่น รู้สึกแปลกใจที่ฝันเช่นนี้ แต่เขาไม่รู้ว่าความฝันนั้นคืออดีตชาติของตนเอง จึงหลับตานอนต่อจนถึงรุ่งเช้าเจียลี่ยกน้ำค้างยามเช้ามาให้เขาที่ห้อง นางเห็นขอบตาดำทั้งสองข้างของเขาแล้วนึกขำ “หลินเซิน เมื่อคืนนอนไม่หลับหรืออย่างไร”“ข้าแค่ฝันแปลก” เขาพยายามนึกว่าฝันอะไรไปแล้วบ้างแต่ก็ลืมเสียหมดสิ้น “ไม่เป็นอะไรหรอก ข้าลืมไปแล้ว จำได้ลาง ๆ ว่าเห็นเจ้าในความฝัน” หลินเซินยิ้มให้นาง แต่แล้วก็รู้สึกได้ว่า

DMCA.com Protection Status