อาจเป็นเพราะการจ้องเขม็งของลูน่าโจชัวที่อยู่ในออฟฟิศจึงเงยหน้าขึ้นมาเห็นสายตาของเธอพวกเขาสบตากันสายตาของเธอเปลี่ยนจากงุนงงไปเป็นตกใจ ขณะที่เขาเปลี่ยนจากตกใจไปเป็นความเหินห่างพวกเขาจ้องมองกันอยู่นานก่อนที่คอร์ทนีย์จะรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติไปเธอเงยหน้าและเห็นลูน่า“นั่นลูน่าค่ะ” คอร์ทนีย์แนะนำให้โจชัวรู้จัก “ตอนที่ฉันอยู่ในลิฟต์เมื่อกี้ฉันเห็นว่าคุณฟิชเชอร์พาเธอเธอไปรายงานตัวที่แผนกออกแบบ”จากนั้นเธอก็ยิ้มอ่อนโยน “คุณลูน่าสวยมากเลยนะคะ ความสวยของคุณทำให้ฉันที่อยู่ในลิฟต์เมื่อกี้ตะลึงไปเลยค่ะ”คำพูดของคอร์ทนีย์ทำให้โจชัวขมวดคิ้ว เขาเบือนสายตาจากลูน่ามามองคอร์ทนีย์“คุณยังไม่อธิบายตัวเองเลยนะ ผมสั่งลูคัสว่าให้หาเลขาผู้ชายคนใหม่มาให้นี่”แล้วเลขาผู้ชายที่เขาขอไปทำไมกลายร่างเป็นเลขาผู้หญิงในเวลากลางวันได้ แถมยังดูไม่ต่างจากลูน่า กิบสันเลยคอร์ทนีย์รู้ดีเกี่ยวกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นใบหน้าของคอร์ทนีย์ซีดลงเล็กน้อย เธอก้มหน้าลง “คุณลินช์คะ ฉันจะทำหน้าที่เป็นเลขาให้คุณอย่างเต็มที่ที่สุด ฉัน...”“ใครส่งเธอมาที่นี่” โจชัวเลื่อนเก้าอี้ถอยหลังเล็กน้อยเพื่อเว้นระยะห่างจากคอร์ท
โจชัวรู้สึกว่านี่ช่างน่าขัน“ฉันคิดว่าเธอจะไม่อยากทำงานรับใช้ใครอีกในตอนที่ออกจากงานคนรับใช้ที่บลูเบย์วิลล่า แต่เธอกลับยอมมาเป็นพนักงานฝึกหัดในแผนออกแบบของบริษัทฉัน เธอคอยรับใช้พนักงานคนอื่นงั้นเหรอ?”ลูน่ายิ้มโดยไม่พูดอะไร “นี่เป็นคำสั่งของคุณลินช์ฉันก็ต้องเชื่อฟังสิคะ”“เธอจะทำตามที่ฉันบอกเหรอ?”“ใช่ค่ะ” ลูน่ายิ้ม เธอเงยหน้ามองโจชัวด้วยดวงตาที่จัดว่าเย้ายวน “ตอนที่คุณลินช์บอกฉันว่าอย่าขยับ ฉันก็ไม่ขยับเลยนี่คะ จำได้หรือเปล่าคะ?” เธอพูดเป็นนัยดวงตาของโจชัวหรี่ลงขณะมองเข้าไปในดวงตาล่อลวงของเธอดูเหมือนเขาจะต้านทานการล่อลวงของเธอไม่ได้เท่าไหร่ แต่กับคอร์ทนีย์ที่มีใบหน้าคล้ายกับลูน่า กิบสันมากกว่าลูน่า เขาแทบจะไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ กับเธอเลยเขาไม่สามารถละสายตาที่จ้องมองมาของลูน่าได้ เขาจึงก้มหน้าลงและเปิดข้อเสนอที่เธอนำมาส่งอย่างหงุดหงิด“เธอได้ตรวจสอบดูหรือยัง?” เขาถามขณะที่อ่านข้อเสนอผ่าน ๆ พลางขมวดคิ้วลูน่ารู้ว่าเธอทำให้เขานึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นได้เมื่อเธอเห็นว่าเขาดูหงุดหงิดแค่ไหน แต่ในเมื่อเขาพูดเรื่องงาน เธอก็ไม่ควรจะบ่ายเบี่ยง “ฉันตรวจสอบดูแล้วค่ะ”โจชัวขมวดคิ้วเล็กน้อย
“แย่หน่อยนะคะที่ฉันยังทำมันไม่สำเร็จ”ลูน่ามองโจชัวด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ “ฉันประเมินความรักที่คุณมีต่อภรรยาเก่าสูงเกินไปหน่อย ฉันเคยได้ยินคนอื่นพูดถึงความรักที่คุณมีต่อลูน่า กิบสันว่ามากแค่ไหน แต่หลังจากที่ฉันได้ใกล้ชิดกับคุณ ฉันก็รู้แล้วว่า...”ลูน่ามองเขาอย่างเย็นชา “คุณไม่ได้รักเธอมากเท่าที่เขาลือกันเลย”โจชัวขมวดคิ้ว น้ำเสียงของเขาแข็งกร้าว “แค่ทำงานให้ฉันไม่กี่วัน เธอคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์มาตั้งคำถามกับฉันเหรอ?”“ก็จริงค่ะ” ลูน่ายิ้มงดงาม “ฉันเคยทำงานให้คุณลินช์ ฉันยอมรับก็ได้ว่าฉันไม่มีอะไรที่เหมือนกับลูน่า กิบสัน แต่คุณก็ยังทำเรื่องที่เกินจะบรรยายกับฉัน จำได้ไหมคะคุณลินช์?”คำพูดของเธอนำพาโจชัวกลับไปยังคืนอันเร่าร้อนนั้นทันทีสีหน้าของโจชัวบูดบึ้ง เขาขมวดคิ้วแน่นคืนนั้น...เธอดูเหมือนลูน่า กิบสันมากจริง ๆถ้าไม่ใช่เพราะใบหน้าของเธอ เขาก็คงคิดว่าพวกเธอเป็นคนเดียวกันไปแล้ว แต่ความจริงคือ...โจชัวยิ้มเล็กน้อย “อะไรที่ฉันทำตอนเมาไม่มีค่าให้เธอขุดคุ้ยออกมาพูดอีก”โจชัวลดตาลงต่ำขณะมองข้อเสนอการออกแบบอีกครั้ง “ในเมื่อเธอคิดว่าข้อเสนอการออกแบบนี้ไม่ดีพอ แล้วเธอมีข้อเสนออะไรแนะนำหรือ
ในตอนนั้นหลังเลิกงาน ลูน่าลุกขึ้นมาด้วยความหิวโหย เธองัวเงียแกะกล่องขนมแล้วเอาเข้าปากกลายเป็นว่าเธอบังเอิญแกะของขวัญของโจชัวแล้วเอาเข้าปากแทนตอนแรกเธอคิดว่าโจชัวคงจะดูถูกปากกาของเธอ แต่เธอไม่คิดว่าโจชัวจะเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ “ปากกามีรอยกัด นี่ค่อนข้างพิเศษเลย ขอบคุณนะ”ตอนนั้นเขาทั้งอ่อนโยนและใจดี เธอจึงโดนเขาตกอย่างจังตั้งแต่นั้นมา เธอก็ไล่ตามจีบเขาไม่เว้นวัน โดยไม่สนใจเสียงคัดค้านจากคนรอบตัว จนเธอได้แต่งงานกับเขาลูน่ารู้ว่าเขาไม่เคยชอบเธอเลย เธอเคยคิดว่าน้ำหยดลงหินทุกวัน วันหนึ่งใจที่แข็งเป็นหินของเขาก็คงจะกร่อนไปเองอนิจจัง เขาก็ยังคงทำตัวเฉยเมยกับความรู้สึกของเธอลูน่าสับสน มีแค่เธอและเขาที่รู้ต้นสายความเป็นมาของปากกาเล่มนี้ ซึ่งแปลว่าหากเขาทิ้งปากกาด้ามนี้ไปก็ไม่มีใครรู้แล้วว่าความรักที่เขามีให้เธอล้วนเป็นเรื่องหลอกลวงแต่ทำไมเขาถึงยังเก็บมันไว้และยังใช้มันอยู่?“คุณลูน่า” เสียงของโจชัวดึงเธอกลับมายังปัจจุบันในฉับพลันด้วยความสับสนงุนงง เธอจึงหลบตาในทันที “คุณลินช์เขียนเสร็จแล้วเหรอคะ?”“ใช่” โจชัวใส่กระดาษแผ่นนั้นเข้าไปในแฟ้มเอกสาร เขากวาดตามองปากกา “เธอชอบปากกาขอ
ทุกคนแอบเหลือบมองลูน่าด้วยหางตาในตอนที่เธอกลับมาที่แผนกออกแบบเพื่อมองหาความผิดหวังบนใบหน้าของเธอหลังจากโดนท่านประธานตำหนิแต่ไม่มีเลยลูน่าถือแฟ้มเอกสารกลับมาที่โต๊ะอย่างใจเย็นบอนนี่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ลูน่าดันแว่นขึ้นแล้วมองลูน่าอย่างระวัง “ข้อเสนอเป็นไปด้วยดีไหมคะ?”ลูน่าดูแล้วไม่เหมือนคนที่เพิ่งโดนตำหนิมาเป็นที่น่าสังเกตว่ามีนักออกแบบหลายคนไปที่ห้องทำงานของประธานและกลับมาพร้อมกับคำตำหนิก่อนหน้าลูน่าบางคนที่ไปด้วยอีโก้อันเปราะบางและเต็มไปด้วยความมั่นใจก็กลับออกมาด้วยน้ำตานองหน้าตามข่าวลือ โจชัวที่เป็นประธานบริษัทไม่เคยอารมณ์เสียเลย เขาจะใช้เพียงสายตาเย็นชาเชือดเฉือนเท่านั้น มันน่ากลัวมากเสียจนพวกเขายอมรับความผิดกันโดยอัตโนมัติผู้หญิงทุกคนที่เคยไปห้องทำงานของท่านประธานต่างก็สาบานว่าจะไม่กลับไปอีกแต่ลูน่าดูเหมือนจะ...หรือเป็นเพราะข้อเสนอผ่านแล้ว ลูน่าเลยดูใจเย็นขนาดนี้“เปล่า” ลูน่าตอบเรียบ ๆ จากนั้นเธอก็รินชาให้ตัวเอง “ท่านประธานบอกว่ามีปัญหากับมันนิดหน่อย” บอนนี่เงียบไปนิดหน่อย เธอพูดด้วยเสียงที่กดเอาไว้โดยไม่รู้ตัว “คุณ...ไม่โดนด่าเหรอ?”“ทำไมต้องโดนด่าด้วย? ฉันไม
ถึงอย่างนั้น ไม่ใช่แค่แชนน่อนจะไม่รู้สึกละอายกับเรื่องนี้ แต่เธอยังรู้สึกภาคภูมิใจกับมันอีกด้วยเหรอ?ในที่สุดลูน่าก็เข้าใจแล้วว่าทำไมข้อเสนอการออกแบบง่าย ๆ ถึงต้องแก้ไขไปมากกว่าห้าครั้งดูเหมือนว่านักออกแบบในแผนกออกแบบจะ...ไม่มีความตั้งใจในการออกแบบเลย“คุณเลิศมาก” เมื่อลูน่ากลับมาที่โต๊ะ บอนนี่ก็ยิ้มและส่งหมากฝรั่งให้“คุณเป็นคนเดียวในแผนกของเราเลยที่ไม่เคยโดนท่านประธานดุจนหัวหด แถมคุณยังนำกระดาษที่มีลายมือของท่านประธานกลับมาด้วย! ดูเหมือนคุณจะไม่ได้เป็นเด็กฝึกงานนานหรอกค่ะ!”ลูน่าไม่รู้ว่าต้องหัวเราะหรือร้องไห้ดี เธอยัดหมากฝรั่งเข้าปาก “ล้อกันเล่นแล้ว”“ไม่เลยนะคะ! ท่านประธานของเราขึ้นชื่อเรื่องเข้มงวดมาก ไม่มีใครกล้าเข้าหาเขา ท่านประธานบริษัทอื่นอาจจะมีโอกาสสานสัมพันธ์กับพนักงานผู้หญิง แต่ท่านประธานของเราน่ะ เขามีแต่ภรรยาเก่าเท่านั้น แล้วพวกเจ้าหน้าที่เอชอาร์ก็พยายามหาพนักงานที่ดูเหมือนภรรยาเก่าของเขามาเอาใจเขา”เมื่อได้ยินคำพูดของบอนนี่ลูน่าอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เธอนึกถึงคอร์ทนีย์ที่หน้าคล้ายลูน่า กิบสันในทันทีภาพของคอร์ทนีย์กับโจชัวที่อยู่ในห้องทำงานโผล่เข้ามาในความคิดของ
จู่ ๆ ลูน่าก็โดนขอให้คัดลอกข้อความกว่าหมื่นคำด้วยมือเธอตกใจไปเมื่อได้รับเอกสาร มันไม่ได้เกี่ยวกับการออกแบบเครื่องประดับหรือกฎของแผนกออกแบบเลยพวกมันคือกฎและนโยบายของบริษัท และมีจำนวนคำอย่างน้อยก็ 20,000 คำแชนน่อนวางเอกสารลงตรงหน้าเธอ สั่งงานเล็กน้อยแล้วจากไป“ส่งก่อนกลับบ้านวันนี้นะ”“โห” บอนนี่ดันแว่นแล้วคำนวณ “คุณต้องเขียนราว ๆ สองหมื่นคำเลยนะ นอกจากพักเที่ยงก็เหลือเวลาทำอีกห้าชั่วโมง อย่างน้อยก็ต้องเขียนหกสิบคำต่อนาที”นี่เป็นงานที่ไม่มีทางทำได้!บอนนี่เก็บมือถือของเธอลง“แปลกแฮะ วันนี้คุณไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วท่านประธานก็ไม่ได้ว่าอะไรคุณด้วย ทำไมหัวหน้าถึงมาหาเรื่องลำบากให้คุณอีกนะ?”ลูน่าหาปากกาและกระดาษและเริ่มเขียนอย่างใจเย็น “บางที่อาจจะเป็นท่านประธานที่ขอให้ฉันทำอะไรแบบนี้” เธอยิ้มเรียบ ๆตอนที่เธอออกมาจากห้องแชนน่อนก่อนหน้านี้ เธอยังได้รับความเคารพอยู่เลย แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปแบบฉับพลัน แชนน่อนไม่พูดอะไร แต่สั่งให้เธอคัดลอกกฎและนโยบายบริษัท ลูน่าไม่เชื่อหรอกว่าไม่มีใครสั่ง“จะคัดลอกทั้งหมดจริง ๆ เหรอ?” บอนนี่เม้มปาก “นั่นมันเยอะมากนะ!”“ไม่เป็นไร” ลูน่าจับปากกาแล
จากนั้นแชนน่อนก็มองลูน่าด้วยรอยยิ้มหยิ่งผยอง “ฉันคิดว่าเรามีพนักงานที่เก่งกาจซึ่งสามารถทำให้ท่านประธานเขียนข้อเสนอแนะให้กับมือเองได้ แต่ปรากฏว่าเขาก็แค่ปั่นหัวคุณเล่น ด้วยการให้คุณได้ทำงานเต็มเวลาเลยนะ”แชนน่อนจิบชาแล้วกล่าว “ถ้าฉันเป็นคุณ ฉันคงลาออกแล้วกลับบ้านไปตั้งแต่เที่ยงแล้ว เขาพยายามจับผิดคุณ คุณจะยังทนอยู่ได้ยังไงกัน คุณไม่มีศักดิ์ศรีเลยหรือไง รู้จักอายบ้างไหม?”ลูน่าอยากจะเดินจากไป แต่ก็ต้องหยุดเดินเธอหันมามองแชนน่อนอย่างเย็นชา “แค่เพราะมีคนทำเรื่องให้มันยุ่งยากกับฉันแล้วฉันก็แค่ตามน้ำไป ฉันถึงกับไม่รู้จักอายเลยเหรอคะ?”แชนน่อนขยับเปลี่ยนท่าที่สบายขึ้นขณะที่ควงปากกาในมือ เธอมองลูน่าอย่างเรียกได้ว่าเกียจคร้านและเย่อหยิ่ง “แล้วยังไง?”“คุณเป็นคนบอกเอง…” ลูน่าหยิบเอกสารที่เธอคัดลอกด้วยมือมาด้วยสายตาดุดัน “คุณลินช์ส่งข้อเสนอการออกแบบกลับมาถึงห้าครั้ง แล้วทำไมคุณยังต้องแก้ไขจนถึงครั้งที่หกคุณบอกว่าคุณมีศักดิ์ศรีมาก คุณก็น่าจะโยนข้อเสนอการออกแบบนั้นใส่หน้าโจชัวแล้วบอกเขาว่าฉันขอลาออกไปแล้วสิ”พูดจบลูน่าก็ออกไปพร้อมกับเอกสารในอ้อมแขนโดยทิ้งแชนน่อนที่มึนงงตื่นตะลึงไว้เมื่อเธอ
“งั้นคุณพ่อก็ควรรู้นะครับว่าลูน่าเลี้ยงพวกเขามาหกปี ผมแนะนำว่าคุณพ่อควรดีกับลูน่าให้มากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นเด็ก ๆ อาจจะไม่ยอมรับคุณเป็นคุณปู่ของพวกเขาอีกต่อไปได้”ใบหน้าของเอเดรียนเปลี่ยนเป็นสีม่วงจากมุมนี้ ลูน่าเหลือบมองสีหน้าของเขาด้วยรูปลักษณ์ที่สง่างามแต่ไร้อารมณ์ พร้อมกับยกยิ้มไม่ใส่ใจบนริมฝีปากของเธอ “คุณท่านลินช์ คุณบอกว่าฉันฆ่าเฮลีย์ คุณมีหลักฐานไหม? การตัดสินใจว่ามีคนฆ่าคนอื่นหรือไม่ คุณไม่จำเป็นต้องพูดตามหลักฐานที่มีอยู่หรอกเหรอคะ?” เธอวางข้อเท้าบนเข่า น้ำเสียงของเธอเย็นชาและห่างไกล “เฮลีย์ฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดลงมาจากตึก ฉันไปชี้มีดใส่เธอแล้วบังคับให้เธอกระโดดหรือว่าฉันผลักเธอเหรอ? ถ้าฉันจำไม่ผิด ตอนที่เฮลีย์ฆ่าตัวตาย ฉันไปเยี่ยมสามีเก่าของเพื่อนที่โรงพยาบาลกับเพื่อนนะ มีกล้องวงจรปิดที่โถงทางเดินและลิฟต์ในโรงพยาบาลอยู่ ฉันมีหลักฐานชัดเจนสมบูรณ์”เอเดรียนเปล่งเสียงในจมูก “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ ก่อนที่เฮลีย์จะกระโดดก็เป็นเพราะเธอ เฮลีย์ถูกบังคับให้ออกจากเมืองซีและย้ายไปอยู่ต่างประเทศ! เฮลีย์เติบโตมากับความมั่งคั่งและความฟุ่มเฟือยด้วยความกรุณาของพระเจ้า และเพราะผู้หญิงเช่นเธอ
“เพียะ!”ก่อนที่ทุกคนจะทันได้โต้ตอบ เสียงตบก็ดังก้องไปทั่วห้องนั่งเล่นศีรษะของลูน่าหันไปด้านข้างจากแรงกระแทก รสหวานราวกับเหล็กของเลือดเต็มปาก และเลือดก็หยดลงมาตามมุมปากของเธอ“คุณแม่!”“คุณแม่…!”เด็กสองคนที่นั่งอยู่ทั้งสองด้านของหญิงชรา กระโดดขึ้นจากโซฟาตามสัญชาตญาณแล้วพุ่งไปหาลูน่าทันทีหนึ่งในนั้นจับมือเธออย่างระมัดระวัง เขาก้าวไปข้างหน้าพยายามปกป้องเธอ ในขณะที่อีกคนหยิบกระดาษทิชชูจากโต๊ะข้าง ๆ อย่างใจเย็น แล้วยื่นให้ลูน่าการเห็นเด็กสองคนปกป้องเธอทำให้โจชัวขมวดคิ้ว ข้าง ๆ เขา อลิซส่งเสียงเย้ยหยันอยู่ในอก แต่ภายนอกนั้นเธอกำลังทำสีหน้ากังวล “นีล รีบพาน้องสาวของหนูมานี่เร็วเข้า” จากนั้นเธอก็ชำเลืองมองสุภาพบุรุษตัวน้อยที่กำลังยื่นทิชชู่ให้ลูน่า“นี่เป็นเรื่องระหว่างคุณปู่ของหนูกับน้าลูน่านะ มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ อย่ายื่นจมูกเข้าไปในที่ที่ไม่เกี่ยวกับเราสิ”นีลจ้องมองเธออย่างเย็นชา จากนั้นก็หันกลับมาดูแลแม่ของพวกเขาพร้อมกับเนลลี่ในทันทีจากนั้น อลิซก็แสดงท่าทีสงบนิ่งอย่างคนมีอารมณ์มั่นคงและพูดว่า “เอเดรียน คุณกำลังทำอะไรอยู่คะ คุณกำลังทำให้เด็ก ๆ กลัวนะ”เอเดรียนส่งเสียงเย
ในขณะเดียวกัน เขาก็คิดถึงพวกเขามาก ผ่านไปนานแล้วเหมือนกันหลังจากที่พวกเขาได้เจอกันครั้งสุดท้าย จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมเขาถึงเสนอให้พาทุกคนมารวมตัวกันที่บลูเบย์วิลล่าแต่ดูเหมือนว่า...เขาทำให้ทั้งเด็ก ๆ และลูน่าโกรธเขาได้สำเร็จเท่านั้นหรอกเหรอ?รถขับต่อไปไม่นานรถก็มาจอดหน้าบลูเบย์วิลล่า เมื่อลูน่าก้าวลงจากรถที่ยูริและแซคขนสัมภาระมา อลิซก็ก้าวลงมาเช่นกันขณะยืนอยู่นอกรถของโจชัว รอยยิ้มปลอม ๆ ก็ปรากฏบนใบหน้าของเธอ “ เนลลี่มานี่เร็ว แม่จะอุ้มหนูเข้าบ้าน!”เนลลี่กลอกตา เดินผ่านเธอ และมุ่งหน้าไปที่ประตูด้วยขาที่สั้นและแข็งแรงของเธอในทางกลับกัน นีลกลับรีบวิ่งเข้าไปในอ้อมแขนของเธอพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า “ถ้าเนลลี่ไม่ต้องการให้คุณอุ้ม ก็อุ้มผมแทนสิครับ! ผมก็ไม่ได้หนักมากเหมือนกัน แค่หนักกว่าเนลลี่นิดหน่อยเอง”อลิซอุ้มเขาไว้ในอ้อมแขนของเธอ สีหน้าของเธอดูน่าเกลียด และก้าวไปข้างหน้าด้วยความพยายามสุด ๆ นีลเอาแขนของเขาคล้องคอเธอตามสะดวก “คุณอลิซ เร็วสิครับ ผมเป็นเด็กน้อยสุดที่รักของคุณไงครับ มันคงจะแย่ถ้าเราล้มกันทั้งคู่แล้วได้รับบาดเจ็บนะ!”สีหน้าของอลิซดูน่าเกลียดและยิ่งน่าเกลียดมากขึ้น
โจชัวเลิกคิ้วเขาไม่คาดคิดเลยว่านี่จะเป็นคำถามแรกที่ลูกชายของเขาถามหลังจากที่แยกจากกันหลายวันเขามองลูกชายของเขาจากหางตา “นายดูไม่เต็มใจที่จะเห็นแม่นายกับฉันคืนดีกันนะ”นีลหยุดนิ่งไป เขาหันไปมองโจชัวอย่างเคร่งขรึมแล้วยกสองนิ้ว“อย่างแรกนะครับ ผมไม่เคยยอมรับคุณอลิซ กิบสันเลย สำหรับผมแล้ว เธอไม่เคยเป็นแม่ของผมเลย แม่ของผมคือลูน่า อย่างที่สอง ความชอบหรือไม่ชอบของผม มันสำคัญสำหรับคุณหรือเปล่าครับ คุณลินช์ ถ้าคุณพิจารณาถึงความคิดและความรู้สึกของเราจริง ๆ คุณก็คงไม่บังคับน้องสาวของผมและผมให้ทำในสิ่งที่เราไม่อยากทำ เช่น การพาเรากลับไปที่บลูเบย์วิลล่าตอนนี้ สุดท้ายนะครับ ผมไม่สนใจคุณและอลิซเลย ผมแค่อยากจะรู้ว่าทำไมท่าทีของคุณที่มีต่อเธอถึงเปลี่ยนไปแบบ 180 องศา หลังจากกลับมาจากเมืองซีก็เท่านั้น”ก่อนที่พวกเขาจะจากไป พวกเขาก็ได้แยกทางกันไปแล้ว และยังประกาศว่าพวกเขาจะกำหนดวันเซ็นใบหย่าด้วยซ้ำ แต่ไม่นานหลังจากที่พวกเขาไปถึงเมืองซี พวกเขาก็กลับมาคืนดีและรักกันเหมือนเดิม และเมื่อดูจากภายนอกแล้ว พวกเขาดูยิ่งสนิทสนมกันมากขึ้นกว่าเดิมด้วยโจชัวหรี่ตาลงเล็กน้อย อะไรทำให้ท่าทีของเขาที่มีต่ออลิซเปลี
“คุณแม่คะ! หนูคิดถึงคุณแม่มากเลย!” เนลลี่กล่าวเธอหยิบกุญแจออกมาและทันทีที่เธอเปิดประตูอพาร์ตเมนต์ เด็กทั้งสองก็รีบวิ่งออกมาราวกับพายุทอร์นาโดลูกเล็กสองลูกนีลและเนลลี่ต่างกอดขาข้างหนึ่งของเธอไว้ และพูดด้วยความตื่นเต้น“คุณแม่ หนูรู้ว่าคุณแม่จะกลับมาในเวลานี้ แต่นีลเอาแต่ยืนกรานว่าแม่จะกลับมาทีหลัง!”“คุณแม่ครับ เมื่อหลายวันที่คุณแม่ไม่อยู่บ้าน ผมขอให้ลิลลี่สอนวิธีชงกาแฟด้วยล่ะ! ผมทำกาแฟอาราบิก้าแก้วโปรดของคุณแม่ด้วย!”“คุณแม่คะ หนูวางแผนไว้หมดแล้ว บ่ายวันนี้คุณแม่จะไปไหนไม่ได้เลยนะ คุณแม่ต้องอยู่บ้าน อ่านนิทานให้หนูฟังและต่อเลโก้กับนีลด้วย!”“แม่…”ลูน่าลดสายตาลงมองดูหัวเล็ก ๆ สีดำสองหัวที่อยู่ตรงหน้าเธอ คำพูดติดอยู่ที่ปลายลิ้นของเธอ แต่เธอก็ไม่สามารถคายมันออกมาได้ข้างหลังเธอ ลิลลี่ยืนอยู่ในห้องนั่งเล่น มองเธอด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “คุณ ลูน่า พวกเขาตั้งใจหยุดเรียนหนึ่งวันเพื่อรอคุณเลยนะคะ ตั้งแต่เช้านี้พวกเขาตื่นเต้นเป็นพิเศษแล้วก็ตกแต่งบ้านราวกับว่าเป็นช่วงเทศกาลวันหยุดด้วย”ตอนนั้นเองที่ลูน่าสังเกตเห็นของประดับตกแต่งที่แขวนอยู่ในห้องนั่งเล่น ป้ายหลากสีสันแขวนอยู่ตามผนัง ความค
บรรยากาศในรถเปลี่ยนเป็นเงียบเชียบร่างกายของลูน่าแข็งทื่อไปหมดเธอไม่ได้เจอทั้งนีลและเนลลี่มาหลายวันแล้ว นี่เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุดที่เธอเคยห่างจากพวกเขานับตั้งแต่ที่เธอให้กำเนิดพวกเขามาเมื่อหกปีที่แล้วเธอคิดถึงพวกเขาอย่างสุดซึ้งจากการโทรหาและคุยกับพวกเขาเมื่อเช้านี้และเมื่อวานตอนบ่าย เธอก็รู้ว่าเด็ก ๆ เองก็คิดถึงเธออย่างสุดซึ้งเช่นกันไฟในใจเธอที่ลุกโชนด้วยความตื่นเต้นเมื่อนึกถึงการพบปะกับลูก ๆ ของเธอถูกดับลงอย่างโหดร้ายด้วยคำพูดเย็นชาของอลิซ และได้กลับกลายเป็นความหนาวเย็นจนจับไปถึงขั้วหัวใจอลิซจงใจทำแบบนี้ เธอไม่ได้มีความรู้สึกใด ๆ ต่อนีลและเนลลี่ เธอแค่พยายามจะก่อกวนเธอและลูก ๆ ให้อารมณ์เสีย“โจชัวคะ” เมื่อสังเกตเห็นความเงียบอย่างต่อเนื่องของโจชัว อลิซถึงกับร้องเรียกเขาเบา ๆจากนั้นเขาก็กะพริบตาและฟื้นคืนสติของตัวเอง เขากระแอมไอเล็กน้อยแล้วเงยหน้าขึ้นมองลูน่าจากด้านหลังขณะที่เธอนั่งอยู่ในที่นั่งผู้โดยสาร “เราจะทำตามที่อลิซบอก”ไม่ว่ายังไงก็ตาม อลิซยังคงเป็นแม่ของพวกเขา แม้ว่าเธอจะไม่ได้อาศัยอยู่กับเด็กๆ ตลอดหกปีของชีวิต แต่ท้ายที่สุดแล้วเลือดก็ข้นกว่าน้ำ นอกจากนี้ อล
วิทยุยังคงเล่นซ้ำข่าวเรื่องที่เกิดกับตระกูลวอลเตอร์ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา “ก่อนที่การกล่าวหาคุณเดนนิส วอลเตอร์จะถูกหยิบยกมาพูดถึง ทายาทคนเดียวของวอลเตอร์กรุ๊ป เฮลีย์ วอลเตอร์ได้กระโดดตึกฆ่าตัวตายไปแล้ว ตอนนี้วอลเตอร์กรุ๊ปกลายเป็นอาณาจักรที่กำลังขาดกษัตริย์และกำลังจะล่มสลาย...”ลูน่าหลับตาลง เธอสงสัยว่าเกว็นจะได้ยินข่าวนี้หรือยัง ถ้าเธอได้ยิน อย่างน้อยเธอก็จะรู้สึกสบายใจเล็กน้อยใช่ไหม?เมื่อคิดเช่นนี้ เธอก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อจะตรวจสอบว่าเกว็นส่งข้อความใหม่ให้เธอหรือไม่ แต่กลับเห็นการอัปเดตสถานะใหม่ที่โพสต์โดยเบ็นแทน'ตรวจสอบอาการบาดเจ็บของฉันที่สถานีตำรวจ ตระกูลลาร์สัน ระวังตัวไว้! ฉันจะเรียกร้องค่าเสียหาย!'รูปภาพประกอบเป็นแขนที่ได้รับบาดเจ็บและแก้มบวมฉึ่งอันเป็นผลมาจากการทะเลาะกันเมื่อวันก่อนลูน่ารู้ว่าอาการบาดเจ็บของเขาต้องเป็นฝีมือของแซคและยูริ เธอจ้องโทรศัพท์อยู่นาน ในที่สุดเธอก็กดไลค์สองภาพที่เบ็นโพสต์“ลูคัส ปิดวิทยุที” ทันใดนั้นเสียงอันแผ่วเบาอ่อนแอของอลิซก็ดังมาจากเบาะหลัง “ฉันอยากนอนพัก”จากนั้น โจชัวก็มีสีหน้ากังวลขณะพูดว่า “ทำไมหน้าคุณดูซีดจัง ไม่สบายเหรอ?”ลูน
มือของโจชัวที่กำช้อนและส้อมไว้หยุดชะงักไปเล็กน้อย สุดท้ายเขาก็หัวเราะเบา ๆ “เพราะว่าเธอเคยหย่าและสามีเก่าเธอมันนิสัยไม่ดี เธอก็เลยแอบลักพาตัวนีลกับเนลลี่ไปแล้วเลี้ยงเหมือนเป็นลูกตัวเองเหรอ?”ลูน่ายกแก้วขึ้นแล้วกลืนน้ำอุ่นในปากลงคออย่างแรง จากนั้นเธอจึงมองไปทางโจชัว “คุณจะพูดแบบนั้นก็ได้”โจชัวยกแก้วของเขาขึ้นเช่นกัน “ทำไมเธอถึงไม่มีลูกกับสามีเก่าล่ะ?”“เขาไม่สมควรมีลูก” ลูน่าวางแก้วลงแล้วยกช้อนส้อมเพื่อกินต่อ “เขามีชู้ในตอนที่ฉันต้องการเขามากที่สุด และถึงกับอยากจะฆ่าฉันเพื่อเอาใจอีกฝ่ายด้วยซ้ำ คุณคิดว่าเขาสมควรมีลูกไหม?”ถ้าตอนนั้นเธอยังไม่ท้อง เธอก็ไม่อยากมีลูกของเขาจริง ๆเขาไม่สมควรได้รับพวกเขาแม้ว่าเธอจะให้กำเนิดพวกเขาแล้ว แต่ลูน่าก็ยังเชื่อเช่นเดิมว่าเด็กทั้งสามคนเป็นของเธอและเป็นของเธอเพียงคนเดียวพวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโจชัวเมื่อพูดคำเหล่านี้ ดวงตาของเธอก็จับจ้องไปที่โจชัวการจ้องมองของเธอทำให้เขารู้สึกสับสน ราวกับว่าเขาเป็นคนที่ทิ้งและทำร้ายเธอเองเขาขมวดคิ้วและหันหน้าหนีจากเธอ “แล้ว เธอก็ปล่อยเขาไปทั้งอย่างนั้นเหรอ?”ลูน่าคลี่ยิ้มเย็นชา “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปล่อ
“คุณหย่ากับฉันเมื่อเช้านี้ พอตอนบ่าย คุณก็หาแฟนได้ แล้วตอนนี้พอตกกลางคืนคุณก็พาแฟนใหม่ของคุณมาบ้านเก่าของคุณ เบ็น เซลเลอร์ คุณมันไม่คู่ควรกับเวลาที่ฉันตกหลุมรักไปเลย”จากนั้นเธอก็สูดลมหายใจเข้าลึก และหันกลับไปมองลุคที่กำลังถือไฟแช็กไว้สำหรับเตรียมจุดบุหรี่ให้ตัวเองขณะดูการแสดง “ฉันขอยืมไฟแช็กหน่อยได้ไหม?”ลุคยักไหล่ เขาเดินเข้ามาและก้มลงขณะถือไฟแช็คของเขา เขาฉีกภาพเดี่ยวที่สวยที่สุดของเกว็นออกมา จากนั้นก็จุดไฟเผาภาพถ่ายที่เหลือไปสุดท้ายเขาก็ส่งรูปถ่ายที่เขาฉีกออกมาให้เกว็น “เอาไว้นึกถึง”เกว็นส่ายหน้า “เผาไปเถอะค่ะ”เธอไม่จำเป็นต้องนึกถึงอะไรแบบนี้ลุคยกยิ้มจาง ๆ เขามองไปที่เกว็นด้วยความสนใจเล็กน้อยที่ปรากฏในดวงตาแล้วสอดรูปถ่ายใบนั้นใส่กระเป๋าเสื้อของตัวเองภาพถ่ายทั้งหมดถูกจุดไฟเผาท่ามกลางแสงไฟโหมกระหน่ำ เบ็นหัวเราะอย่างเย็นชา “ถึงคุณจะไม่เผามัน ผมก็จะเป็นคนเผาอยู่ดี”เกว็นหลับตาแน่น แต่ยังคงเงียบเมื่อรูปถ่ายไม่เหลืออะไรนอกจากกลายเป็นกองขี้เถ้า เธอก็จับมือของลูน่าไว้ “ไปกันเถอะ”ลูน่าพยักหน้าและช่วยพยุงเธอนั่งบนที่นั่งโดยมีลุคช่วยอีกแรง ส่วนข้าง ๆ พวกเขา เบ็นพ่นเสียงฮึ เ