“เลือกได้หนึ่งข้อ อะไรหรือคะ? ตื่นเต้นจัง”
“ระหว่างปิดตากับปิดปาก เธอจะเลือกอย่างไหน”
เธอยิ้มขำ “แล้วนายทาสอยากเห็นอะไรมากกว่ากันคะ ระหว่างสายตาที่ฟินเวอร์ของบ่าว กับเสียงร้องครวญครางเหมือนจะขาดใจของบ่าว แบบไหนเร้าอารมณ์นายทาสมากกว่ากันละคะ?”
เขายิ้มเย็น แต่แววตาเย็นชา “แต่ฉันอยากเห็นแววตาของเธอ พร้อมกับเสียงร้องอู้อี้ในลำคอมากกว่า”
เขาอยากเห็นแบบนั้น เพราะเขาชื่นชอบคลั่งไคล้แววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและขยะแขยงของหญิงสาวพวกนี้ ยามที่พวกเธอเห็นใบหน้าที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่หลังหน้ากากของเขา
“งั้นก็แล้วแต่นายทาสสิคะ เชิญลงโทษฉันได้ตามปรารถนาเลยค่ะ ฉันพร้อมแล้ว”
เขาตอบสนองความต้องการของนางทาสสุดร่านด้วยการนำผ้าสีดำมาผูกคาดปากของเธอเอาไว้จนแน่น แล้วเสร็จก็เดินไปที่มุมห้อง กดปุ่มหนึ่งแล้วฝาผนังก็เลื่อนออกคล้ายประตูเลื่อน เผยให้เห็นอุปกรณ์สำหรับการทรมานทางเพศประดับประดาอย่างเนืองแน่นครบครันอลังการ
“อะ...โอ๊ว...โอ้ว” เธอตกใจตาเหลือก หัวใจเต้นรัวเร็วเพราะความกลัวที่เริ่มก่อตัว
“เริ่มจากอะไรก่อนดีนะ” ระหว่างที่เขาไล่ปลายนิ้วมือไปตามอุปกรณ์ที่จัดเรียงเต็มฝาผนัง เสียงร้องอู้อี้หวาดกลัวของหญิงสาวที่เล็ดลอดออกมาทำให้เขารู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก เขาแน่ใจว่าเธออยากพูดบางอย่างกับเขา แต่เขาไม่สนหรอก
“อ้อ ลืมไปได้ไง เริ่มจากการถอดหน้ากากออกก่อนจะดีกว่า”
เขาถอดหน้ากากออกแล้วแขวนมันไว้ใกล้กับโซ่เหล็ก ก่อนจะหันกลับมาทางหญิงสาวอย่างจงใจจะให้เธอได้เห็นหน้าจริงของเขา
“อะ...” ดวงตาสวยเหลือกถลนด้วยความตกใจกลัวทันทีที่เห็นใบหน้าของชายหนุมเต็มตา เธอคิดไม่ถึงเลยว่าข่าวลือจะเป็นจริง เทพบุตรสุดหล่อกลายเป็นอสูรร้ายน่าเกลียดไปแล้ว เธออยากจะบ้าตาย นี่เธอกำลังจะกลายเป็นของเล่นสัตว์ประหลาดโรคจิตหรือนี่
“เป็นไง ฉันหล่อจนเธอมองตาค้างเลยเหรอ”
เธอกลืนน้ำลายเอื้อก นาทีนี้อยากจะโดนปิดตามากกว่าโดนปิดปากเสียแล้ว
“ไม่ต้องห่วง ฉันสาบานว่าฉันจะไม่จูบเธอหรอก มีเพียงสิ่งเดียวในร่างกายของฉันที่จะสัมผัสกับร่างกายของเธอ ซึ่งมันอาจจะน่ากลัวกว่าอุปกรณ์ทุกชนิดที่เธอเห็นภายในห้องนี้ก็ได้ อ้อ...ที่เธอเห็นมันเป็นเพียงบางส่วนเท่านั้นเองนะ เพราะฉันยังมีของเล่นอีกเพียบ ซ่อนอยู่ด้านหลังของทุกฝาผนังในห้องนี้ หรือแม้แต่ใต้เตียงที่เธอนอนอยู่ บนพื้นใต้เท้าของฉัน”
แววตาของหญิงสาวบ่งบอกว่ากำลังหวาดกลัวและวิตกกังวลอย่างหนัก นั่นเพราะเธอรู้สึกเหมือนตัวเองนอนอยู่บนเขียงมากกว่าบนเตียงเสียแล้ว เขาจงใจเผยตัวตนที่ซ่อนเร้นออกมาเพื่อกระตุ้นความกลัวของเธอให้ท่วมท้นทบทวี เขากำลังทำให้เธอกลายเป็นเหยื่ออันโอชะที่ไร้ทางต่อสู้
“เป็นทาสที่คุ้มราคา แต่จะคุ้มค่ากับเวลารึเปล่า คงต้องให้ผ่านค่ำคืนนี้ไปเสียก่อน”เขาเอ่ยเสียงทุ้มนุ่มแต่ทรงพลัง ลุกขึ้นยืนอย่างสง่า พร้อมแส้หางม้าในมือ สาวเท้าอย่างใจเย็นตรงเข้าไปหาทาสสาวที่ยืนอยู่กลางห้อง “คุณคีย์ทำให้อันนาตื่นเต้นเหมือนจะบ้า”“เรียกผมว่านายให้ติดปากเข้าไว้ เพราะต่อจากนี้ไป ผมจะทำให้คุณเป็นทาสอย่างสมบูรณ์แบบ” เขาพูดพลางไกวแส้หางม้าสัมผัสกับแผ่นหลังนวลเนียนของเธออย่างแผ่วเบาทะนุถนอม ปลายขนแสนนุ่มสร้างความรู้สึกสยิวขนลุกขนชันให้แก่เธอไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อเขาตวัดแส้ไล้ปลายขนไปตามเนินอกของเธออย่างยั่วหยอกเย้า ก่อนที่จะตวัดเลื่อนผ่านยอดทรวงอกอวบอ้วนแล้วคลุกเคล้าวนเวียนอยู่อย่างนั้น“อ่า....อ่า...อ่า....อื้ม...นายขา อ่า...อู๊วส์”ปลายแส้หางม้าทำให้หญิงสาวกระสันซ่านไปทุกอณูเนื้อและรูขุมขน เผยอริมฝีปากครวญครางสยิวออกมาแผ่วเบายามโดนกระตุ้นเครื่องเคราทางราคะด้วยขนนุ่มแสนร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า“เธอมันร่าน เธอจะต้องถูกลงโทษอย่างสาสม เธอจะร้องขอชีวิตอย่างน่าสมเพช” ริมฝีปากอิ่มของเขากระซิบเสียงพร่าใกล้หูอ่อนนุ่ม ลมหายใจอุ่นของเขาทำเธอเร่าร้อนแทบรั้งสองเท้าไว้ไม่ไหว“อ่า...นายขา...อ
“ขนาดนั้นเชียว”“บ่าวจะถอดทีละชิ้นนะเจ้าคะ”“เชิญเลย” อาคิราผายมือเชิญ แม้เธอจะมองไม่เห็นก็ตาม วันนี้เขาสวมสูทหรูเช่นเคย นั่งอย่างสง่าบนเก้าอี้บุกำมะหยี่สีแดงตัวโปรด สวมใส่หน้ากากทองคำแบบครึ่งซีกปกปิดใบหน้าด้านซ้ายเอาไว้ ริมฝีปากรูปกระจับที่รับกับจมูกโด่งแหลมทำให้รู้ว่าเขาเป็นคนดื้อรั้นและไม่ยอมคน ดวงตาคู่คมดูมีพลังอำนาจและความก้าวร้าวแฝงเร้น แต่ก็เจือไว้ด้วยความเย็นชาอย่างกลมกลืน รอยยิ้มมุมปากที่กระตุกบ่อยครั้ง ไม่ได้บ่งบอกถึงความพึงพอใจ แต่บอกกล่าวว่าเขารู้สันดานผู้หญิงหิวเงินดีกว่าใครในโลก“ก่อนจะเริ่มเกมของเรา ฉันอยากจะบอกคุณคีย์ว่า ที่ฉันยอมมาหาคุณถึงที่นี่ เป็นเพราะฉันแอบหลงเสน่ห์คุณมานานแล้วค่ะ คุณคงไม่รู้ว่าคุณเป็นผู้ชายในฝันของฉันมาตลอด” เธออวยเขายกใหญ่โดยที่ไม่รู้ว่าใบหน้าปัจจุบันของเขาไม่เหมาะจะเป็นชายในฝันของใครทั้งนั้น ซึ่งหลังจากที่เธอได้เห็นเป็นขวัญตาในค่ำคืนนี้ เธออาจจะกลับไปนอนฝันร้ายอีกหลายปีก็ได้“งั้นแสดงว่าคุณก็ไม่ต้องการเงิน?” เขาแกล้งเย้าหยอกลองใจหญิงสาวไปอย่างนั้นเอง เพราะรู้ดีว่าเธอก็แค่เสแสร้งแกล้งอ่อยเพื่อให้ตัวเองดูดีมีคุณค่ามากกว่าการเป็นโสเภณีชั้นสูง“เอ
หลังจากเซ็นสัญญาว่าจะเก็บทุกเรื่องที่เกิดขึ้นที่คฤหาสน์ไว้เป็นความลับ เธอก็ถูกเลขาของเขายึดโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าสะพายไว้ จากนั้นเขาก็ให้เธอสวมผ้าปิดตาแน่นหนาก่อนจะพาเธอไปยังที่แห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ภายในคฤหาสน์นั่นเองห้องแห่งนั้นอยู่ต่ำลงไปจากพื้นดิน ห้องที่เก็บความลับดำมืดของเขาเอาไว้อย่างมิดชิด ห้องใต้ดินสุดอลังการราวกับห้องสวีตชั้นดีที่ไฮโซหนุ่มใช้สำหรับประกอบกิจกรรมวิตถารแสนสนุกมานับครั้งไม่ถ้วนเมื่อเธอยืนอยู่ในห้องใต้ดินอันเย็นเยือบ เธอรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย เพราะได้กลิ่นน้ำหอมผู้ชาย ซึ่งเป็นกลิ่นสุดคลาสิคหรูเลิศราคาแพงฟุ้งละมุนอยู่ในทุกอณูของอากาศรอบตัว มันทำให้เธออดจินตนาการถึงใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรของอาคิรา วนาวัฒนาที่เคยปรากฏตามสื่อเมื่อหลายปีก่อนไม่ได้ เธอยังเชื่อว่าจะได้เจอกับเทพบุตรหนุ่มผู้หยิ่งยโสคนนั้น คนที่เคยเมินใส่เธอเหมือนเธอเป็นอากาศธาตุ แต่มาวันนี้กลับยื่นข้อเสนองดงาม ส่งราชรถไปรับเธอมายังคฤหาสน์กลางไร่องุ่น เพื่อใช้เวลาอยู่บนเตียงด้วยกันในคืนนี้ แม้ในสัญญาจะระบุว่าอาจมีการใช้อุปกรณ์ระหว่างการประกอบกิจก็ตาม แต่เธอก็ยังเชื่อว่ามันคงไม่หนักหนาอะไร ก็แค่สิ่งเร้าที่ช
ปัจจุบันนี้ ครอบครัวของเขาทั้งหมดอาศัยปักหลักอยู่ในกรุงเทพฯ ดำเนินบริหารดูแลบริษัทไวน์ที่ส่งออกผลิตภันฑ์และสินค้าไปทั่วโลก มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่ยังอยู่เฝ้าไร่องุ่นในต่างจังหวัด ถูกมารดาสั่งห้ามให้อยู่แต่ในคฤหาสน์กลางหุบเขา ห้ามปรากฏตัวนอกไร่องุ่นเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นเขาจะถูกตัดออกจากกองมรดก และจะยึดนามสกุลคืนเพราะไม่เพียงแค่ใบหน้าอัปลักษณ์ของเขาเท่านั้นที่สร้างความอับอายให้แก่มารดา แต่ข่าวลือดำมืดมากมายเกี่ยวกับตัวเขายังสร้างความเสื่อมเสียให้แก่วงศ์ตระกูลไม่น้อย ตอนนี้เขาก็เปรียบเสมือนรอยด่างของตระกูล หรือไม่ก็แกะดำตัวใหญ่ยักษ์ที่สร้างปัญหาได้ไม่เว้นแม้แต่วันเดียวอาคิรา วนาวัฒนา หรือ ไฮโซคีย์ ไฮโซหนุ่มวัยยี่สิบเก้าปีแห่งคฤหาสน์ในสายหมอก ผู้บริหารและจัดการไร่องุ่นภูผาวนา ซึ่งมีคนงานนับพันคนอยู่ในความปกครองของเขา ในขณะที่พี่ชายของเขา ‘อาณาจักร วนาวัฒนา’ ดำรงตำแหน่ง CEO บริษัทวราวัฒ์ผลิตไวน์และเครื่องดื่มน้ำองุ่น จะได้เป็นผู้สืบทอดธุรกิจทั้งหมดของครอบครัวในอนาคต ส่วนเขาอาจจะได้รับหุ้นเล็กๆน้อยๆเป็นรางวัลสำหรับการทำงานในไร่อย่างหนักมาตลอดสิบกว่าปีแต่เขาก็ไม่สนใจความอยุติธรรมที
ความเจ็บปวดของทาสสวาทเสมือนดั่งอาหารหวานที่ทำให้เขารู้สึกอิ่มเอมในรสชาติกำหนัดอย่างบอกไม่ถูกทีเดียว ยามเสียงครวญกระสันซ่านส่งผ่านลำคอระหงแล้วถูกปลดปล่อยออกมาจากริมฝีปากสีแดงเรื่อที่เปิดอ้าควานหาออกซิเจนอย่างกระหายใคร่ มันช่างเป็นภาพที่กระตุ้นอารมณ์และจิตวิญญาณได้อย่างกลมกล่อมหอมหวน...หากการสอดใส่เข้าไปในร่างกายของหญิงสาวแล้วกระชากวิญญาณของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเกิดการหลั่งนองไหลเยิ้มหยด คือความสุขแสนซ่านอันท่วมท้นที่ชายหนุ่มทั่วไปต่างพึงปรารถนาและกำซาบซด แต่สำหรับเขาแล้ว การได้เป็นผู้บงการในสงครามราคะคือเป้าหมายสูงสุด การได้เป็นผู้ลงมือทรมานร่างกายของทาสสวาทอย่างพิถีพิถันและงดงาม มันคือจุดสุดยอดแห่งปรารถนาที่ทำให้จิตวิญญาณของเขาเร่าร้อนและเปี่ยมสุขเสมือนได้เชยชิมอาหารราคาแพงนับเป็นเวลาเกือบห้าปีมาแล้ว...ที่เขาใช้เซ็กส์แบบซาดิสม์วิตถารเป็นเครื่องมือระบายบำบัดความเจ็บปวดอันหนักหน่วงในหัวใจแข็งกระด้างของเขาให้ผ่อนคลายและสงบด่ำดิ่ง เขาซื้อหาหญิงสาวจากวงการดารานางแบบหรือไม่ก็สาวมหาวิทยาลัยเพื่อมาขึ้นเตียงกับเขาด้วยเงินจำนวนหกหลักต่อครั้ง ซึ่งผ่านการคัดสรรและติดต่อโดยเลขาส่วนตัวของเขา ในท
“ผมมีสองทางเลือกให้คุณ”“อะไรคะ” เธอถามด้วยความหวาดหวั่น หวั่นใจว่าโทษของเธอมันจะเลวร้ายกับชีวิตของเธอขนาดไหน เขาจะพิพากษาเธอด้วยโทษที่รุนแรงเท่าใด “ถูกขังในห้องนี้หนึ่งปี”“ขังเหรอ?” เธอไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลย เขาคิดว่าตัวเองอยู่เหนือกฎหมายสินะ หรือไม่ก็ยังคิดว่าตัวเองอยู่ในยุคทาส “แล้วอีกทางเลือกล่ะคะ”เขาจิบไวน์นิดหน่อย ก่อนจะวางแก้วลง แล้วจ้องมองเธอด้วยสายตาหยามหยันดูถูก“เป็นนางบำเรอผมหนึ่งเดือน!”เธอฟังแล้วช็อค “นางบำเรอ!”“ผมให้เวลาคุณคิดหนึ่งคืน คืนนี้คุณนอนนี่แหละ พรุ่งนี้ผมจะเข้ามาหาคุณอีกครั้ง” เขาพูดจบก็ลุกขึ้นยืน เธอรีบลุกตามทันทีด้วยความร้อนใจ“นี่คุณล้อฉันเล่นรึเปล่า”เขาหน้านิ่ง มองเธออย่างอ่อนอกอ่อนใจเหมือนรำคาญเต็มทน “คิดว่าผมเป็นเพื่อนเล่นคุณรึไง”“แต่คุณทำแบบนี้มันผิดกฎหมายนะคะ”“คิดว่าผมสนเหรอ”เธอพูดไม่ออก “คุณมันโรคจิต!”“รู้ได้ไง คุณนี่สายตาหลักแหลมดี” เขาขยับเท้าจะเข้าหาเธอเพื่อแกล้งยั่ว เธอขยับถอยหนีตามสันชาติญาณการเอาตัวรอด “ไม่ต้องกลัว ผมจะไม่ทำอะไรคุณตอนนี้หรอกนะ คุณยังมีเวลาประมาณ 24 ชั่วโมง”“ที่ฉันช่วยคุณไว้มันไม่มีความหมายเลยใช่มั้ย”“ก็เพราะมันมีคว
“ฉันมีคำถามมากมายอยากจะถามคุณ...คุณอาคิรา แต่ไม่ได้ถามในฐานะนักข่าวนะ” ซึ่งแน่นอนว่ามันคงเป็นได้แค่ความฝันของเธอเท่านั้น เพราะความเป็นจริง เธอกับเขาเหมือนอยู่กันคนละโลก โอกาสที่จะได้เจอกันมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย “โลกหลังกำแพงนั่นคงปลอดภัยสำหรับคุณที่สุดสินะ”ขณะกำลังใคร่ครวญคิดคำนึงถึงเจ้าของคฤหาสน์ เสียงดมกลิ่นฟึดฟัดรุนแรงของสุนัขปลุกเธอให้หลุดจากห้วงภวังค์ เมื่อหันไปเจอต้นเสียงก็ต้องตกใจตาค้าง เพราะเจ้าสุนัขสีดำตัวใหญ่พันธุ์ล็อตไวเลอร์กำลังคาบกระเป๋าสะพายของเธอแล้ววิ่งหนีไปอย่างเร็วราวกับม้าแข่ง“เฮ๊ย! กระเป๋าฉัน!” เธอตะโกนลั่นพร้อมกับสาวเท้าอย่างเร็วรี่วิ่งตามสุนัขหัวขโมยเข้าไปในป่าต้องห้ามโดยไม่ได้ตั้งใจ ฝ่าเขตแดนที่คนภายนอกไม่มีสิทธิ์ย่างเหยียบเข้าไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว “หยุดเดี๋ยวนี้นะ เจ้าซน เจ้าซนหยุดเดี๋ยวนี้!!!”เธอตะโกนลั่นป่า สองเท้าวิ่งวุ่นไม่หยุด สายตาสอดส่ายมองหาหัวขโมยไปทั่ว แต่กลับไม่เห็นมันแม้แต่เงา ราวกับว่าหายตัวได้อย่างนั้น“เฮ่อ อยู่ไหนแล้วเนี่ย โอยทำไงดี” เธอเดินมองหาไปจนกระทั่งถึงกำแพงหิน ซึ่งถูกปกคลุมด้วยเถาวัลย์องุ่นอย่างแน่นหนา “ตรงนี้เหมือนมีทางเดินเลยอ่ะ
“ว่าไงเจ้าทิงเกอร์ หายไปไหนมาลูก ไปคาบขยะที่ไหนมาเนี่ย?”อาคิราคว้ากระเป๋าจากปากของสุนัขตัวโปรดมาดูด้วยความแปลกใจ“กระเป๋าผู้หญิงเหรอ?” เขาขมวดคิ้วสงสัย ขณะใช้ฝ่ามือขวาลูบหัวลูบหลังหมาตัวใหญ่ผู้จงรักภักดีและเป็นเพื่อนตายของเขามาตลอดห้าปีเต็ม เขาถือว่าทิงเกอร์เป็นครอบครัวของเขา “นายไปเอามาจากไหนเนี่ย คงจะหนีออกไปเที่ยวนอกกำแพงอีกแล้วสินะ”เจ้าทิงเกอร์กระดิกหางให้เจ้านายก่อนจะหันหลังเดินกลับออกไป ปล่อยให้เจ้านายยืนงงอยู่ในห้องทำงานบริเวณชั้นล่างของคฤหาสน์เพียงลำพัง“ของใครเนี่ย?” เขาเดินไปหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ตัวใหญ่หลังโต๊ะทำงาน วางกระเป๋าลงบนโต๊ะอย่างไม่คิดจะแยแส แต่ความรู้สึกบางอย่างทำให้เขาหยิบมันขึ้นมาอีกครั้งแล้วลองเปิดออกดู “ไม่น่าจะเป็นของคนในคฤหาสน์” เขาหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาดูเป็นอย่างแรก เพราะต้องการรู้ว่าใครเป็นเจ้าของกระเป๋ากันแน่ แล้วเขาก็ได้พบกับหญิงสาวแสนสวยเจ้าของดวงตากลมโตงดงาม จมูกรั้น ริมฝีปากอิ่มรูปหัวใจ เส้นผมดำขลับยาวสลวยดุจแพรไหมราวหญิงในวรรณคดี “มาลินณา...ใครกัน?” เขามองใบหน้านั้นอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหยิบบัตรพนักงานของเธอออกมาดู ซึ่งทำให้เขาได้คำตอบที่สงสัยท
“ฉันไม่เบี้ยวคุณหรอกค่ะ ฉันจะจ่ายคืนคุณทุกบาททุกสตางค์เลย แต่ตอนนี้ฉันต้องรีบไปแล้ว ฉันไม่อยากไปถึงกรุงเทพฯช่วงหัวค่ำ รถติดจะตาย ท่าทางรถพ่อจะซ่อมเสร็จแล้วด้วย” ขาดคำนั้น เสียงรถของลุงปราบต์แล่นออกไปอย่างเร็ว “อะอ้าว...พ่อคะ พ่อ! เดี๋ยวสิคะ หนูยังอยู่ตรงนี้ อย่าทิ้งหนูสิพ่อ!”เธอวิ่งตะโกนตามรถ แต่ไม่ทันแล้ว รถไปไกลลิบจนไม่เห็นฝุ่นแล้วอาคิรามองเธอแล้วแอบขำ “ผมจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าไม่รีบขึ้นรถมา ผมจะทิ้งคุณไว้ตรงนี้”“เดี๋ยวสิคะ ตรงนี้เปลี่ยวจะตาย มีแต่ป่า”เขาขึ้นรถแล้วสตาร์ตเครื่องทันที เธอรีบวิ่งมาขึ้นรถอย่างไม่ลังเล แล้วอ้อนวอนขอความเห็นใจเขา“ไปส่งฉันที่ขนส่งหน่อยนะคะ ถือว่าทำบุญทำทานกับลูกนกลูกกาก็ได้” เขาไม่พูดอะไร แต่กลับบังคับพวงมาลัยหันหัวรถกลับไปยังไร่ภูผาวนาอย่างไม่รีรอ “อ้าว!” เธอถึงกับอ่อนใจ หน้าเสียหน้าชา “บอกแล้วไงว่าไม่เบี้ยว”“คิดว่าผมจะเชื่อใจนักข่าวเหรอ ไม่มีทาง”“อย่าบอกนะ ว่าคุณจะให้ฉันทำงานใช้หนี้อีก”เขายิ้มกริ่ม “เริ่มฉลาดขึ้นแล้วนี่”เธอถึงกับหมดแรง “คราวนี้คุณจะให้ฉันทำงานอะไรคะ คงไม่ใช่งานแบบเดิมหรอก เพราะแฟนของคุณกลับมาแล้ว และคุณก็รู้แล้วว่าฉันเป็นยัยหม
“ไม่...เธอไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วค่ะ” แล้วทำไมเจ้านายรูปหล่อของเธอต้องมาถามหาเพื่อนของเธอตั้งแต่เช้า ด้วย หรือว่าเขาคิดจะเอาเรื่องเธออีก“ไม่อยู่แล้ว! เธอไปไหน!”สีหน้าของเจ้านายดูโกรธ โมโห และร้อนใจปนเปกันไปหมด เธอเดาได้เลยว่าต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ เพื่อนเธอต้องไปก่อเรื่องร้ายแรงมาแน่ “กลับกรุงเทพฯแล้วค่ะ”“กลับกรุงเทพฯ!” เขาเสียงดังลั่นจนใครหลายคนที่เดินไปมาในละแวกนั้นหันมอง “ตั้งแต่เมื่อไหร่!!!”“เมื่อเช้าค่ะ มีอะไรหรือคะบอส หรือว่ายัยฟ้าไปก่อเรื่องอะไรไว้” เธอถามเพราะงงจนเกินจะคาดเดาเรื่องได้เองแล้ว เธออยากรู้จริง ๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น “เมื่อคืนคุณดาด้าก็มาหายัยฟ้าที่บ้านค่ะ เห็นคุยกันตั้งนาน พอถามก็ไม่บอกว่าคุยเรื่องอะไรกัน พอเช้ามาก็รีบติดรถพ่อออกไปในเมืองเลย”อาคิราฟังแล้วนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงร้อนรนที่พยายามข่มให้นิ่ง“โทรหาพ่อเธอซิ ถามว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน”“ค่ะ” นันทร์เนตรไม่รอช้ารีบโทรศัพท์หาบิดาตามคำสั่งเจ้านายทันที “เอ่อพ่อ ตอนนี้อยู่ที่ไหน ส่งยัยฟ้าที่ขนส่งรึยัง อะไรนะคะ รถเสียยังอยู่กลางทางเหรอ”ได้ยินดังนั้น อาคิราคว้าโทรศัพท์มาคุยเสียเอง เพราะอยากรู้ข
“แกก็แค่นางบำเรอ! อย่าสะเออะคิดว่าตัวเองสำคัญ!”มาลินณารู้สึกหน้าชา ไม่กล้าเถียงเลย เพราะมันเป็นเรื่องจริง “แต่เขาอยากให้ฉันอยู่ด้วย”รชิดายิ้มเย้ย “นั่นเพราะเขายังไม่รู้ไงว่าแกคือใคร ถ้าเขารู้ว่าแกคือยัยหมูโสโครกที่เขาขยะแขยง เขาจะต้องรับไม่ได้แน่ เขาต้องไล่แกเหมือนหมูเหมือนหมา ฉันก็เลยมาเตือนแกไง แกควรไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด ก่อนที่เขาจะโกรธจนพาลทำให้เพื่อนแกเดือดร้อนไปด้วย แกอยากให้เพื่อนแกซวยไปด้วยเหรอ?”คำขู่ของรชิดาทำให้มาลินณากังวลจนหน้าเสีย ส่วนตัวเธอเองต้องลำบากและเดือดร้อนสักแค่ไหนก็คงไม่เป็นไร แต่เธอไม่อยากให้เพื่อนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มาเดือนร้อนลำบากไปด้วย“ไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้เช้าฉันตั้งใจจะไปจากที่นี่อยู่แล้ว และไม่คิดจะกลับมาที่นี่อีก แต่ฉันขอร้องสักเรื่องเถอะ อย่าบอกเขาว่าฉันเป็นใคร ขอให้มันจบลงแค่นี้”รชิดายิ้มเย้ยดูถูก “ถ้าแกสัญญาว่าจะหายไปจากชีวิตเขา จะไม่ติดต่อเขาตลอดชีวิต ฉันจะยอมช่วยปิดเรื่องนี้เป็นความลับให้”“ได้สิ ฉันตั้งใจจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว หวังว่าเธอจะทำตามที่พูดนะดาด้า”เมื่อตกลงกันเสร็จ รชิดาก็กลับไปอย่างอารมณ์ดี ส่วนมาลินณาแค่รู้สึกเหนื่อยหัวใจเท่าน
รชิดาก้าวออกจากคฤหาสน์มาอย่างอารมณ์เสีย เธอคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีผู้หญิงหน้าไหนทำให้เขาหลงเสน่ห์ได้ เธอโกรธผู้หญิงคนนั้นจนแทบระงับอารมณ์ไม่ไหวแล้ว เธออยากไปกระชากหัวยัยนั่นมาตบเสียเดี๋ยวนี้ โทษฐานที่มายุ่งกับผู้ชายของเธอ“คุณชอบผู้หญิงคนอื่นงั้นเหรอ เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่ยอม หัวใจของคุณมันต้องเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น ผู้หญิงคนอื่นไม่มีสิทธิ์!!”เธอนึกถึงผู้หญิงคนนั้น คนที่ทำให้เธอรู้สึกประหลาด คนที่ทำให้เธอฉงนสนเท่และสงสัยนับตั้งแต่พบกันครั้งแรก“ทำไมฉันรู้สึกเหมือนฉันรู้จักเธอนะ” เธอพยายามคิดซ้ำไปซ้ำมา คิดจนหัวแทบแตก ก่อนจะนึกบางอย่างออก บางอย่างที่ทำให้เธอตาเหลือก “โอ้ว...จริงด้วย...นั่นมัน...แก...นัง...นังหมูตอน นังหมูตอนนี่นา!!”เมื่อคิดออกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เธอถึงกับช็อคและอึ้ง เพราะไม่คิดว่ายัยหมูอ้วนดำตอนโตเป็นสาวจะกลายเป็นผู้หญิงที่สวยได้ขนาดนี้“ไม่เจอกันมาสิบกว่าปี นี่แกเปลี่ยนไปขนาดนี้เลยเหรอยัยเฟื่องฟ้า...คีย์รู้รึเปล่านะว่ามันคือยัยหมูตอนอ้วนดำที่เขาเกลียดชังและขยะแขยง”เธอคิดไม่ตก เพราะเขาเป็นคนฉลาด เขาคงไม่พลาดโดนผู้หญิงหลอกได้หรอก “ถ้าเขารู้เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ก็ยัง
“ผมไม่ได้แกล้ง!” เขาพูดพร้อมกับขยับใบหน้าเข้าใกล้ใบหน้าเธออย่างจงใจให้เธอเห็นอารมณ์เย็นชาไร้ความรักจากดวงตาของเขา เธอต้องรู้สิว่าเธอไร้ความหมายสำหรับเขาไปเนิ่นนานแล้ว “นี่คือตัวตนที่แท้จริงของผม คุณไม่รู้เหรอ?”“ด้าไม่เชื่อค่ะ คุณกำลังประชดด้าใช่มั้ยคะ”เขาผลักร่างเธอเล็กน้อยอย่างเสียอารมณ์ แล้วเดินหนีไปหยิบกุญแจมือขึ้นมาถือเล่น“ถ้าทำไม่ได้ก็ไปซะ!”“คีย์คะ!” เขาออกปากไล่เธออย่างนั้นเหรอ เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะใจร้ายกับเธอขนาดนี้ เขาลืมไปแล้วหรือว่าเขาเคยรักเธอมากมายแค่ไหน “ด้ารู้ว่าด้าทำผิดต่อคุณหลายเรื่อง ถ้าคุณจะโกรธเกลียดด้า ด้าก็เข้าใจค่ะ แต่อย่าไล่ด้าไปเลยนะคะ เพราะด้าจะไม่มีวันไปจากที่นี่อีกแล้ว ด้าจะอยู่กับคุณไปจนวันตาย!”“งั้นเหรอ?” ก่อนหน้านี้เขาก็เคยคิดนะ หากเธอกลับมายืนอยู่ตรงหน้า เขาจะทำยังไงกับเธอ เขาจะอ้อนวอนร้องขอให้เธอกลับมา หรือฆ่าเธอซะ แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาไม่อยากทำทั้งสองอย่าง เพราะมันไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเอาเสียเลย“ค่ะ ด้ารู้ตัวแล้วว่าคุณคือคนที่ด้าอยากอยู่ด้วย”“อืม ถ้าคุณอยากอยู่นักก็อยู่สิ แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่า คุณจะไม่ใช่ที่หนึ่งของผมอีกต่อไปแล้วนะ” เขาพูดปร
“อ้วนดำ! แกเนี่ยนะ จริงเหรอ” นันทร์เนตรทำหน้าไม่เชื่อ ขณะไล่มองเรือนร่างสวยงามของเพื่อนรัก“จริง ๆ นะ ตอนเด็ก ๆ ฉันอ้วนมาก อ้วนเหมือนหมูตอนเลย ใคร ๆ ก็เรียกฉันว่ายัยหมูตอน หรือไม่ก็ไอ้หมูโสโครก ไอ้หมูสกปรก!”“ไอ้หมูสกปรก! จริงเหรอ?”“จริงสิ แต่เพราะฉันแอบหลงรักผู้ชายคนหนึ่ง ฉันก็เลยฮึดสู้ พยายามจะลดความอ้วนให้ได้ เพื่อจะได้มีสิทธิ์สารภาพรักผู้ชายคนนั้น แต่ผู้ชายคนนั้นเขารังเกียจฉันมากเลย เขาเห็นฉันเป็นตัวตลก ส่วนคนที่เขารักมีเพียงคนเดียวเท่านั้น ผู้หญิงคนนั้นสวยอย่างกับเจ้าหญิงแน่ะ ใคร ๆ ต่างก็เรียกเธอว่าซินเดอเรล่าแห่งไร่องุ่น”“โหวว นี่แกกำลังแต่งนิยายให้ฉันฟังอยู่ใช่มั้ย”มาลินณาเล่าพลางแอบเช็ดน้ำตา “ใช่ มันเป็นนิยายเรื่องแรกที่ฉันเขียนล่ะ”“แล้วยังไงต่อ ยัยหมูตอนได้สารภาพรักมั้ย”“ได้สิ แต่สารภาพก่อนจะไปจากไร่องุ่นนะ เพราะคิดว่าอาจจะไม่ได้เจอกันแล้ว สารภาพทั้งที่ยังอ้วนเหมือนหมูนั่นแหละ”“โหว ห้าวดีเว๊ย แล้วไง ผู้ชายคนนั้นว่าไง”“เขาก็โมโหน่ะสิ ไล่ตะเพิดบอกว่าอย่ามาให้เห็นหน้าอีก ไม่งั้นจะฆ่าเธอแล้วเอามาย่างเป็นหมูหัน!!”นันทร์เนตรหัวเราะลั่นน้ำตาไหลราวกับเพิ่งฟังเรื่องตลกโปกฮาที่
อาคิราไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำตอนที่รชิดาโผเข้ามากอดเขาจากข้างหลัง แล้วร้องไห้คร่ำครวญเหมือนจะเป็นจะตาย พร้อมคำขอโทษไม่ขาดปาก “ที่รักคะ ดาด้าขอโทษค่ะ ดาด้าผิดไปแล้ว ดาด้าเสียใจจริง ๆ นะคะ ดาด้าโง่เองที่หลงเชื่อคำโกหกหลอกลวงของคนเลว ดาด้าขอโทษนะคะคีย์”เขาเซอร์ไพรซ์จนพูดไม่ออกทีเดียว ไม่คิดไม่ฝันว่าหญิงสาวจะกลับมาหาเขาทันทีที่เลิกกับพี่ชายของเขา เขาปลดมือเธอออกแล้วหันกลับมาเผชิญหน้ากับเธอแบบตรง ๆ เพราะอยากจะเห็นแววตาสีหน้าของคนสำนึกผิดว่ามันน่าสงสารขนาดไหน “คีย์คะ คุณไปผ่าตัดมาแล้วนี่คะ!” เธอแสร้งทำหน้าตกใจเหมือนไม่รู้มาก่อนว่าใบหน้าเขากลับมาเป็นปกติแล้ว “ด้าไม่ทราบเรื่องมาก่อนเลย โอวที่รัก ตอนนี้คุณหล่อกว่าเดิมอีกนะคะเนี่ย”เธอยื่นมือขึ้นจับแก้มข้างซ้ายของเขาอย่างทะนุถนอม สายตาอ่อนหวานปนยั่วเย้ามองเขาอย่างเต็มรัก“ด้าขอโทษสำหรับเรื่องที่ผ่านมานะคะคีย์ ตอนนี้ด้ารู้แล้วว่าด้ารักคีย์คนเดียวเท่านั้น ด้าไม่เคยรักคุณจักรเลย หัวใจของด้าเป็นของคีย์คนเดียว”อาคิรามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างระอาใจ เธอคิดว่าเขาเป็นควายหรืออย่างไรกัน ถึงมองคนอย่างเธอไม่ออก พอโดนพี่ชายเขาหักหลัง เธอก็รีบแจ้นกลับมาหาเขา
“ก็คุณทำหน้านิ่งตลอดเวลา เหมือนมีเรื่องอะไรอยู่ในใจ หรือว่าตอนผมไม่อยู่ มีใครทำอะไรคุณรึเปล่า”“เปล่านี่คะ ทุกคนดีกับฉันมาก ฉันอยู่อย่างสบายเหมือนเป็นเจ้าของคฤหาสน์เลยล่ะ”“ก็ดี...แล้วนี่คุณออกมาที่ป่าต้องห้ามทำไม แถมเดินใจลอยด้วย ผมเดินตามคุณมาตั้งแต่ที่คฤหาสน์แล้ว เรียกก็ไม่หัน ผมเลยเดินตามมาเงียบ ๆ”เธอนิ่งไปนิด “จริงเหรอ ฉันใจลอยขนาดนั้นเลยเหรอ คุณอย่าอำฉันนะ ฉันไม่เห็นได้ยินเสียงเรียกเลย”“จริง คุณเดินเหมือนคนละเมอเลย...ตกลงยังไง จะไปไหนมิทราบ หรือว่าละเมอจริง ๆ”“ฉัน...ฉันจะไปหาเพื่อนน่ะค่ะ” เธอไม่ได้โกหก เธอตั้งใจจะไปหานันทร์เนตรที่บ้านพักคนงานจริง ๆ“อ้อ”แต่เธอบอกเขาไม่หมด เธอไม่ได้บอกว่าเมื่อไปหาเพื่อนแล้วก็จะไปจากไร่ของเขาทันที“ผมคิดถึงคุณนะ” เขาจับแก้มอุ่นและริมฝีปากอิ่มของเธออย่างโหยหา จ้องมองใบหน้าสวยด้วยสายตาหวานฉ่ำ ก่อนจะโน้มริมฝีปากเข้ามาประกบปากเธอแล้วจูบอย่างดูดดื่ม“อืมม...ฮืมมมม” เขาจูบเนิบนาบอย่างออดอ้อนอ่อนโยนอยู่สักพัก ก่อนจะเพิ่มความแรงด้วยการบดขยี้ แลกลิ้นพัลวันจนหนำใจ รสลิ้นรสปากกระตุ้นอารมณ์กระสันซ่านให้แผ่กำจาย เร่งเร้ากำหนัดของสองร่างจนร้อนฉ่าไปทั้งตัว“
“โอ๊ย!” เขาร้องลั่นเพราะโดนเธอกัดฝ่ามือเข้าเต็มคำ ความตกใจและความเจ็บทำให้เขาเผลอปล่อยเธอหลุดจากวงแขน จนทำให้เธอล่วงลงไปนั่งกองกับพื้นแบบเต็มตูดเช่นกัน “โอ๊ย!” เธอร้องลั่นไม่ต่างจากเขา ก่อนเงยหน้ามองคนร้ายด้วยความโกรธ “ไอ้สารเลว!”ทว่า เธอด่าเขาได้เพียงคำเดียวเท่านั้น เพราะปากมันค้างเสียก่อน...“คนหรือหมานี่ กัดเจ็บชะมัด!” ชายหนุ่มบีบคลำมือของตัวเองอย่างหัวเสีย ก่อนจะกดสายตาคมดุลงมองหญิงสาวตรงหน้าที่ช็อคตัวแข็งกลายเป็นรูปปั้นไปแล้วมาลินณาไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลย เธอฝันไปรึเปล่าที่เห็นอาคิราในสภาพใบหน้าหล่อเหลาไร้บาดแผลเหมือนเดิม หลังจากที่เขาหายไปเดือนกว่า ๆ เขากลับมาอีกครั้งในสภาพหล่อเหลาไร้ที่ติแต่เธอก็ตะลึงในความหล่อของเขาอยู่แค่อึดใจเดียวเท่านั้น เธอจำต้องกลับมาสู่โลกของความเป็นจริง โลกที่ทำให้เธอและเขาอยู่กันคนละชั้นเพราะเมื่อเขาหล่อเหลางดงามราวเทพบุตร นั่นย่อมหมายความว่าเขาไม่จำเป็นต้องมีนางบำเรอไร้ราคาอย่างเธอไว้คลายอารมณ์อีกแล้ว หลังจากนี้ไปเขาจะจิ้มจะชี้นิ้วเอาใครมานอนด้วยก็ได้ และสำคัญกว่านั้นก็คือ คนที่เขารักหวนกลับมาหาเขาแล้วเธอต้องตื่นจากฝันแล้วมาลินณา เรื่องราว