“ผมมีสองทางเลือกให้คุณ”
“อะไรคะ” เธอถามด้วยความหวาดหวั่น หวั่นใจว่าโทษของเธอมันจะเลวร้ายกับชีวิตของเธอขนาดไหน เขาจะพิพากษาเธอด้วยโทษที่รุนแรงเท่าใด
“ถูกขังในห้องนี้หนึ่งปี”
“ขังเหรอ?” เธอไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลย เขาคิดว่าตัวเองอยู่เหนือกฎหมายสินะ หรือไม่ก็ยังคิดว่าตัวเองอยู่ในยุคทาส “แล้วอีกทางเลือกล่ะคะ”
เขาจิบไวน์นิดหน่อย ก่อนจะวางแก้วลง แล้วจ้องมองเธอด้วยสายตาหยามหยันดูถูก
“เป็นนางบำเรอผมหนึ่งเดือน!”
เธอฟังแล้วช็อค “นางบำเรอ!”
“ผมให้เวลาคุณคิดหนึ่งคืน คืนนี้คุณนอนนี่แหละ พรุ่งนี้ผมจะเข้ามาหาคุณอีกครั้ง” เขาพูดจบก็ลุกขึ้นยืน เธอรีบลุกตามทันทีด้วยความร้อนใจ
“นี่คุณล้อฉันเล่นรึเปล่า”
เขาหน้านิ่ง มองเธออย่างอ่อนอกอ่อนใจเหมือนรำคาญเต็มทน “คิดว่าผมเป็นเพื่อนเล่นคุณรึไง”
“แต่คุณทำแบบนี้มันผิดกฎหมายนะคะ”
“คิดว่าผมสนเหรอ”
เธอพูดไม่ออก “คุณมันโรคจิต!”
“รู้ได้ไง คุณนี่สายตาหลักแหลมดี” เขาขยับเท้าจะเข้าหาเธอเพื่อแกล้งยั่ว เธอขยับถอยหนีตามสันชาติญาณการเอาตัวรอด “ไม่ต้องกลัว ผมจะไม่ทำอะไรคุณตอนนี้หรอกนะ คุณยังมีเวลาประมาณ 24 ชั่วโมง”
“ที่ฉันช่วยคุณไว้มันไม่มีความหมายเลยใช่มั้ย”
“ก็เพราะมันมีความหมายไง ผมถึงให้โอกาสคุณเลือกบทลงโทษด้วยตัวเอง”
“โอว ฉันควรซาบซึ้งใช่มั้ยคะ”
“แล้วแต่คุณจะคิด เพราะผมไม่สนความรู้สึกของคนอื่นนอกจากตัวผมเอง”
“ฉันไม่ควรมาที่นี่เลย”
“มันอาจเป็นโชคชะตาของคุณก็ได้”
เขาพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนจะเดินออกจากห้องนี้ไปอย่างไม่แยแส ปล่อยให้เธอยืนช็อคอยู่ตามลำพัง พอตั้งสติได้แล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างคนหมดแรง
“นี่เราฝันไปรึเปล่าเนี่ย...มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่มั้ย บ้าบอชะมัด นางบำเรองั้นเหรอ...แค่ผู้หญิงที่ซื้อมายังไม่พออีกเหรอ คนมักมากในกาม!!”
เมื่อคิดถึงบทลงโทษที่เขาบอกไว้ เธอก็เครียดจนสมองแทบแตก เพราะทั้งสองทางนั้นร้ายแรงพอกัน มันไม่มีทางไหนน่าเลือกเลยสักนิด
“คนอย่างฉันเป็นนางบำเรอได้ด้วยเหรอ เรามาถึงจุดนี้ได้ไงเนี่ย นี่มันเวรกรรมอะไรของฉันเนี่ย ฉันไม่ควรมาที่นี่เลย ฉันไม่ควรมาตั้งแต่แรก!”
เธอบ่นกับตัวเองด้วยความเซ็งก่อนเหลือบสายตาไปมองประตูบานเล็กนั่นด้วยความสงสัย
“ทางไปสวรรค์อย่างนั้นเหรอ?”
หรือว่าทางไปนรกกันแน่...
“ฉันมีคำถามมากมายอยากจะถามคุณ...คุณอาคิรา แต่ไม่ได้ถามในฐานะนักข่าวนะ” ซึ่งแน่นอนว่ามันคงเป็นได้แค่ความฝันของเธอเท่านั้น เพราะความเป็นจริง เธอกับเขาเหมือนอยู่กันคนละโลก โอกาสที่จะได้เจอกันมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย “โลกหลังกำแพงนั่นคงปลอดภัยสำหรับคุณที่สุดสินะ”ขณะกำลังใคร่ครวญคิดคำนึงถึงเจ้าของคฤหาสน์ เสียงดมกลิ่นฟึดฟัดรุนแรงของสุนัขปลุกเธอให้หลุดจากห้วงภวังค์ เมื่อหันไปเจอต้นเสียงก็ต้องตกใจตาค้าง เพราะเจ้าสุนัขสีดำตัวใหญ่พันธุ์ล็อตไวเลอร์กำลังคาบกระเป๋าสะพายของเธอแล้ววิ่งหนีไปอย่างเร็วราวกับม้าแข่ง“เฮ๊ย! กระเป๋าฉัน!” เธอตะโกนลั่นพร้อมกับสาวเท้าอย่างเร็วรี่วิ่งตามสุนัขหัวขโมยเข้าไปในป่าต้องห้ามโดยไม่ได้ตั้งใจ ฝ่าเขตแดนที่คนภายนอกไม่มีสิทธิ์ย่างเหยียบเข้าไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว “หยุดเดี๋ยวนี้นะ เจ้าซน เจ้าซนหยุดเดี๋ยวนี้!!!”เธอตะโกนลั่นป่า สองเท้าวิ่งวุ่นไม่หยุด สายตาสอดส่ายมองหาหัวขโมยไปทั่ว แต่กลับไม่เห็นมันแม้แต่เงา ราวกับว่าหายตัวได้อย่างนั้น“เฮ่อ อยู่ไหนแล้วเนี่ย โอยทำไงดี” เธอเดินมองหาไปจนกระทั่งถึงกำแพงหิน ซึ่งถูกปกคลุมด้วยเถาวัลย์องุ่นอย่างแน่นหนา “ตรงนี้เหมือนมีทางเดินเลยอ่ะ
“ว่าไงเจ้าทิงเกอร์ หายไปไหนมาลูก ไปคาบขยะที่ไหนมาเนี่ย?”อาคิราคว้ากระเป๋าจากปากของสุนัขตัวโปรดมาดูด้วยความแปลกใจ“กระเป๋าผู้หญิงเหรอ?” เขาขมวดคิ้วสงสัย ขณะใช้ฝ่ามือขวาลูบหัวลูบหลังหมาตัวใหญ่ผู้จงรักภักดีและเป็นเพื่อนตายของเขามาตลอดห้าปีเต็ม เขาถือว่าทิงเกอร์เป็นครอบครัวของเขา “นายไปเอามาจากไหนเนี่ย คงจะหนีออกไปเที่ยวนอกกำแพงอีกแล้วสินะ”เจ้าทิงเกอร์กระดิกหางให้เจ้านายก่อนจะหันหลังเดินกลับออกไป ปล่อยให้เจ้านายยืนงงอยู่ในห้องทำงานบริเวณชั้นล่างของคฤหาสน์เพียงลำพัง“ของใครเนี่ย?” เขาเดินไปหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ตัวใหญ่หลังโต๊ะทำงาน วางกระเป๋าลงบนโต๊ะอย่างไม่คิดจะแยแส แต่ความรู้สึกบางอย่างทำให้เขาหยิบมันขึ้นมาอีกครั้งแล้วลองเปิดออกดู “ไม่น่าจะเป็นของคนในคฤหาสน์” เขาหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาดูเป็นอย่างแรก เพราะต้องการรู้ว่าใครเป็นเจ้าของกระเป๋ากันแน่ แล้วเขาก็ได้พบกับหญิงสาวแสนสวยเจ้าของดวงตากลมโตงดงาม จมูกรั้น ริมฝีปากอิ่มรูปหัวใจ เส้นผมดำขลับยาวสลวยดุจแพรไหมราวหญิงในวรรณคดี “มาลินณา...ใครกัน?” เขามองใบหน้านั้นอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหยิบบัตรพนักงานของเธอออกมาดู ซึ่งทำให้เขาได้คำตอบที่สงสัยท
ที่โต๊ะอาหารในตอนเช้าของวันใหม่ อาคิรากำลังรับประทานอาหารเช้าสไตล์อเมริกันกับเลขาส่วนตัวตามปกติ พวกเขาพูดคุยกันเรื่องงานสักพักหนึ่ง ก่อนที่เลขาจะเอ่ยบางเรื่องขึ้น ซึ่งทำให้เขาแปลกใจไม่น้อย“เมื่อวานนี้คุณทิงเกอร์หนีออกไปเที่ยวเล่นนอกกำแพงอีกแล้วใช่มั้ยครับ”“คงงั้น”“แล้วคุณทิงเกอร์ได้...เอ่อ...คาบ...”“กระเป๋า?”“ใช่ครับ กระเป๋า คุณทิงเกอร์คาบกระเป๋าของผู้หญิงเข้ามาในคฤหาสน์ใช่มั้ยครับ”คนเป็นเจ้านายพยายามนิ่งและฟังลูกน้องพูด แม้จะเริ่มโมโหก็ตาม “พี่ณพรู้ได้ไง หรือว่าพี่ณพรู้จักกับเจ้าของกระเป๋า”อรรณพอ้ำอึ้งเล็กน้อย “เปล่าหรอกครับ พอดีเธอเป็นเพื่อนของลูกสาวหัวหน้าคนงานในไร่องุ่นน่ะครับ เมื่อวานนี้เธอเดินเล่นอยู่แถว ๆ เนินเขาด้านหลังคฤหาสน์ แล้วคุณทิงเกอร์ก็เข้าไปคาบ...กระเป๋าเธอ”“พี่ณพเล่าได้เป็นฉากๆ เลยนะ เหมือนอยู่ในเหตุการณ์ด้วยเลย”หนุ่มใหญ่ยิ้มแหย “พอดีหัวหน้าปราบต์จะขอเข้ามาพบบอสคีย์ในวันนี้ ผมก็เลยอาสาจะคุยให้ ตกลงคุณทิงเกอร์คาบมาจริง ๆ ใช่มั้ยครับ?”“พี่ณพฟังผมนะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แววตาขึงขังกว่าปกติ “เจ้าของกระเป๋าเธอเป็นนักข่าว!”“หา! นักข่าว!”“ผมเชื่อว่าเธอมีจุ
“แต่ฉันคงทำตามเงื่อนไขเขาไม่ได้หรอกค่ะ” เธอไม่มีทางยอมตกเป็นเหยื่อของคนโรคจิตหรอก หากให้เธอเดินแก้ผ้าเข้าไปงั้นเหรอ เธอใช้วิธีแอบลักลอบเข้าไปในเขตคฤหาสน์แล้วลองหากระเป๋าด้วยตัวเองเสียยังจะดีกว่า เธอคิดว่ามันน่าจะมีทางหมารอดจริง ๆ นั่นล่ะ และเธอจะใช้เส้นทางนั้นมุดเข้าไป “ฉันเดาว่าเจ้านายของคุณไม่พอใจเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น เขาอาจเข้าใจผิด คิดว่าฉันลักลอบเข้าไปในเขตต้องห้าม แต่ฉันสาบานเลยนะคะว่าฉันไม่ได้เข้าไป กระทั่ง เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นแล้วฉันวิ่งตามสุนัขตัวนั้นไปค่ะ หากเป็นไปได้ ฉันขอคุยโทรศัพท์กับเจ้านายของคุณได้มั้ย”“เสียใจด้วยครับ บอสคีย์ไม่คุยโทรศัพท์กับคนแปลกหน้าครับ”“แล้วถ้าฉันไม่ไปพบเขาตอนเที่ยงนี้ เขาจะทำยังไงกับเรื่องนี้คะ”“ผมก็ไม่แน่ใจอีกนั่นแหละครับ แต่ที่แน่ ๆ ก็คือ คุณมาลินณาจะไม่มีโอกาสครั้งที่สองอีกแล้ว เพราะบอสคีย์ไม่เคยให้โอกาสใครหรอกครับ หากคุณมาลินณาตัดสินใจจะเข้าไปพบกับท่าน ก็โทรเข้าเครื่องผมนะครับ แต่ถ้าไม่ คุณมาลินณาก็เตรียมตัวออกไปจากไร่ภายใน 24 ชั่วโมงครับ”“ภายใน 24 ชั่วโมง!” สองสาวอุทานพร้อมกันด้วยความตกใจ มาลินณาหน้าสลด คอตก ส่ายหน้าระอาใจให้กับคว
“เอิ่ม บอสดูสนุกกับเรื่องนี้นะครับ”“ใครบอกสนุก!” เขารีบแย้งทันที “อารมณ์เสียจะแย่อยู่แล้ว ไปเลยไป ผมจะทำงาน”“ครับ” อรรณพรับคำสั่งของเจ้านายแล้วออกจากห้องทำงานไปอย่างกังวล ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองสักหน่อย อาจเป็นเพราะเขารู้จักเจ้านายของตัวเองดีที่สุด เจ้านายผู้เอาแต่ใจและเห็นผู้หญิงเป็นแค่ทาสอารมณ์ เจ้านายกำลังคิดทำบางอย่างที่น่ากลัวอย่างแน่นอน เขาหวั่นใจเหลือเกินว่าผู้หญิงน่ารักคนนั้นจะกลายเป็นเครื่องระบายความคลั่งของเจ้านายโดยไม่เต็มใจ อาคิรายิ้มกริ่ม นัยน์ตาพราว หยิบแก้วไวน์ขึ้นจิบเล็กน้อยเพื่อย้อมอารมณ์ให้ผ่อนคลาย“ถ้าเธอรู้ว่ากำลังจะซวยและหมดอนาคต เธอจะทำยังไงนะยัยนักข่าวตัวแสบ!!!” เขาเชื่อว่าเจ้าหล่อนจะต้องร้อนใจจนรีบคลานมาขอโอกาสจากเขาอย่างแน่นอน เขาเชื่อว่าคนที่จนตรอกสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อเอาชีวิตรอด และเธอก็เช่นกัน “ปฏิเสธอคนอย่างฉันอย่างนั้นเหรอ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!!!”ความซวยของเธอทำให้เขารู้สึกสบายอารมณ์อย่างบอกไม่ถูก เขานั่งเคลียร์เอกสารบนโต๊ะทำงานไปอย่างเพลิดเพลิน กระทั่งเกือบเย็นแล้วที่เขาสังเกตเห็นว่าวันนี้เจ้าทิงเกอร์ยังไม่โผล่มาเจอเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เจ้าทิงเกอร์ผู้ซื่อสัตย์เมื่อได้ยินเสียงเจ้านายก็ผละจากหญิงสาวแล้วกระโจนเข้าไปหาเจ้านายที่นั่งซุกตัวอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ทันที“อือ....อือออ” อาคิรากลัวเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าและเสียงหวีดหวิวของลมฝนมาตั้งแต่อายุสิบสามแล้ว คราใดที่เกิดเสียงฟ้าผ่าขึ้น โรคไบโพล่าของเขาก็จะกำเริบทันที เขาจะกลายเป็นคนอ่อนแอหวาดกลัวกับทุกสิ่ง เขาจะกลายเป็นเด็กน้อยที่หลบซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้า...เปรี้ยง...เปรี้ยง...ครืน! ฟ้าผ่าฟ้าลั่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับกำลังลงโทษเขาอยู่ เขากลัวแทบคลั่ง ตัวสั่นงันงก กกกอดตัวเองจนกลมดิก “อะ...อะไรกันนี่” มาลินณาตกใจแทบช็อคที่ได้เห็นชายหนุ่มตัวโตนั่งขดตัวเหมือนเด็กน้อยอยู่ตรงหน้า กายเขาสั่นพร่าเหมือนคนป่วย หายใจเสียงดังรุนแรงจนได้ยินชัด เสียงร้องในลำคอแสดงความหวาดกลัวและเจ็บปวดซ่อนลึก“ใคร...เขา...เขาเหรอ?” เธอบอกตัวเองให้ใจเย็นแล้วตั้งสติให้มั่น ขณะขยับเท้าก้าวไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ “คุณคุณ...คุณคะ เป็นอะไรรึเปล่า?”“เปล่า ออกไปซะ ออกไป คุณเข้ามาในเขตหวงห้าม ออกไปเดี๋ยวนี้!!!!”เขาตวาดลั่นอย่างมีอารมณ์ โดยไม่เงยหน้ามองเธอเลยแม้แต่น้อย แต่เธอก็พอจะเดาออกว่าเขาเป็นใคร เขาต้องเป็นเจ้าน
“ทำไงดี???” ดวงตากลมสวยมองบรรยากาศรอบกายที่เริ่มมืดสลัวด้วยความกังวลใจ...วินาทีนั้นฝนซาลงจนเกือบจะเป็นปกติแล้ว แต่ความหนาวเย็นยังคงไม่จางหาย ทว่า สองร่างกายที่หนาวสะท้านกลับเกิดความอบอุ่นเพราะสัมผัสแนบแน่นที่ถ่ายทอดให้แก่กันอย่างตั้งใจ ชายหนุ่มเริ่มมีสติมากขึ้น และความกลัวจางหายไปพร้อมกับสายฝนที่เริ่มขาดเม็ด เขาจึงผละตัวออกจากอ้อมกอดของหญิงสาวเสียเอง เพราะไม่อยากให้อารมณ์หวั่นไหวมันครอบงำจิตใจไปมากกว่านี้ “คุณโอเคแล้วเหรอ” เธอมองหน้าเขา สอบถามอย่างห่วงใย แต่เขากลับทำหน้าดุใส่เธอ ทำเหมือนเธอไปยุ่งวุ่นวายเรื่องของเขาทั้งที่ไม่ได้ขอให้ช่วย“ผมก็แค่...” เขาต้องหาข้อแก้ตัวที่ดูมีเหตุมีผล เพื่อปกป้องตัวตนน่าเกรงขามของตัวเองไว้ แต่... “คุณกลัวเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าหรือคะ?” เธอถามแทรกขึ้นอย่างสงสัยใคร่รู้“เปล่าซะหน่อย!!” แต่เจ้าทิงเกอร์กลับครางหงิงๆเหมือนกำลังบอกว่าเจ้านายกำลังโกหก “กลับบ้านไปเดี๋ยวนี้ทิงเกอร์ คอยดูเถอะ ฉันจะลงโทษนาย โทษฐานที่หนีเที่ยวและพา...นักข่าวเข้ามาในเขตต้องห้าม!!”เธอตกใจตาเหลือกที่เขารู้ว่าเธอทำงานอะไร แต่กลับมีความหวังขึ้นมาว่า... “คุณ...คุณรู้ได้ไงว่าฉันเป็นนัก
“โอ๊ย!”“ทำอะไรของคุณ!”“ฉันก็แค่หยิบ...” เธอยื่นหนอนตัวเล็กให้เขาดู พร้อมกับทำหน้างอน “ขอโทษด้วยค่ะที่ทำให้ตกใจ”เขามองหน้าเธออย่างไม่เข้าใจ ทำไมเธอจะต้องมาทำใจดีกับเขาด้วย มองไม่เห็นแผลเป็นบนใบหน้าของเขารึไง ทำไมต้องประพฤติกับเขาเหมือนคนปกติด้วย“ไปได้แล้ว ไป!”“คุณนั่นแหละรีบไป เพราะดูเหมือนฝนใกล้จะตกอีกแล้วนะคะ ฉันว่าคืนนี้ฝนตกทั้งคืนแน่”เขาหรี่สายตาร้ายมองเธอ “ถ้ายังไม่รีบไปล่ะก็ ผมจะทำให้คุณกรี๊ดลั่นไปทั้งไร่เลย”“คิดว่าฉันจะกรี๊ดง่าย ๆ เหรอ ขนาดหนอนฉันยังไม่กลัวเลย...อุ๊ปส์!” ขาดคำนั้น เขาคว้าเธอมาจูบขยี้อย่างดูดดื่มรุนแรงจนปากแทบฉีก ก่อนจะปล่อยร่างเธออย่างไร้ความปรานีจนเธอเซไปสองก้าว“เออะ....” เธอตกใจหน้าซีดปากสั่น ไม่ได้กรี๊ดเลยสักแอะ นั่นเพราะกำลังช็อคอยู่ “นี่แค่คำเตือนนะ!” เขาจ้องเธอด้วยสายตาร้าย แลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างยั่วเย้าเพื่อให้เธอหวาดกลัวรนรานต่ออำนาจป่าเถื่อนของเขา “ถ้ายังไม่ไปอีก ไม่รับประกันความปลอดภัย!!”มาลินณานิ่งไปอึดใจหนึ่ง เธอกำลังถามตัวเองว่าเสียดายจูบแรกของเธอหรือไม่ แล้วคำตอบก็ดังก้องอยู่ในใจเลยล่ะว่า...ไม่เสียดาย!เธอมองหน้าเขาโดยไม่พูดอะไรชั่วคร
“ฉันไม่เบี้ยวคุณหรอกค่ะ ฉันจะจ่ายคืนคุณทุกบาททุกสตางค์เลย แต่ตอนนี้ฉันต้องรีบไปแล้ว ฉันไม่อยากไปถึงกรุงเทพฯช่วงหัวค่ำ รถติดจะตาย ท่าทางรถพ่อจะซ่อมเสร็จแล้วด้วย” ขาดคำนั้น เสียงรถของลุงปราบต์แล่นออกไปอย่างเร็ว “อะอ้าว...พ่อคะ พ่อ! เดี๋ยวสิคะ หนูยังอยู่ตรงนี้ อย่าทิ้งหนูสิพ่อ!”เธอวิ่งตะโกนตามรถ แต่ไม่ทันแล้ว รถไปไกลลิบจนไม่เห็นฝุ่นแล้วอาคิรามองเธอแล้วแอบขำ “ผมจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าไม่รีบขึ้นรถมา ผมจะทิ้งคุณไว้ตรงนี้”“เดี๋ยวสิคะ ตรงนี้เปลี่ยวจะตาย มีแต่ป่า”เขาขึ้นรถแล้วสตาร์ตเครื่องทันที เธอรีบวิ่งมาขึ้นรถอย่างไม่ลังเล แล้วอ้อนวอนขอความเห็นใจเขา“ไปส่งฉันที่ขนส่งหน่อยนะคะ ถือว่าทำบุญทำทานกับลูกนกลูกกาก็ได้” เขาไม่พูดอะไร แต่กลับบังคับพวงมาลัยหันหัวรถกลับไปยังไร่ภูผาวนาอย่างไม่รีรอ “อ้าว!” เธอถึงกับอ่อนใจ หน้าเสียหน้าชา “บอกแล้วไงว่าไม่เบี้ยว”“คิดว่าผมจะเชื่อใจนักข่าวเหรอ ไม่มีทาง”“อย่าบอกนะ ว่าคุณจะให้ฉันทำงานใช้หนี้อีก”เขายิ้มกริ่ม “เริ่มฉลาดขึ้นแล้วนี่”เธอถึงกับหมดแรง “คราวนี้คุณจะให้ฉันทำงานอะไรคะ คงไม่ใช่งานแบบเดิมหรอก เพราะแฟนของคุณกลับมาแล้ว และคุณก็รู้แล้วว่าฉันเป็นยัยหม
“ไม่...เธอไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วค่ะ” แล้วทำไมเจ้านายรูปหล่อของเธอต้องมาถามหาเพื่อนของเธอตั้งแต่เช้า ด้วย หรือว่าเขาคิดจะเอาเรื่องเธออีก“ไม่อยู่แล้ว! เธอไปไหน!”สีหน้าของเจ้านายดูโกรธ โมโห และร้อนใจปนเปกันไปหมด เธอเดาได้เลยว่าต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ เพื่อนเธอต้องไปก่อเรื่องร้ายแรงมาแน่ “กลับกรุงเทพฯแล้วค่ะ”“กลับกรุงเทพฯ!” เขาเสียงดังลั่นจนใครหลายคนที่เดินไปมาในละแวกนั้นหันมอง “ตั้งแต่เมื่อไหร่!!!”“เมื่อเช้าค่ะ มีอะไรหรือคะบอส หรือว่ายัยฟ้าไปก่อเรื่องอะไรไว้” เธอถามเพราะงงจนเกินจะคาดเดาเรื่องได้เองแล้ว เธออยากรู้จริง ๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น “เมื่อคืนคุณดาด้าก็มาหายัยฟ้าที่บ้านค่ะ เห็นคุยกันตั้งนาน พอถามก็ไม่บอกว่าคุยเรื่องอะไรกัน พอเช้ามาก็รีบติดรถพ่อออกไปในเมืองเลย”อาคิราฟังแล้วนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงร้อนรนที่พยายามข่มให้นิ่ง“โทรหาพ่อเธอซิ ถามว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน”“ค่ะ” นันทร์เนตรไม่รอช้ารีบโทรศัพท์หาบิดาตามคำสั่งเจ้านายทันที “เอ่อพ่อ ตอนนี้อยู่ที่ไหน ส่งยัยฟ้าที่ขนส่งรึยัง อะไรนะคะ รถเสียยังอยู่กลางทางเหรอ”ได้ยินดังนั้น อาคิราคว้าโทรศัพท์มาคุยเสียเอง เพราะอยากรู้ข
“แกก็แค่นางบำเรอ! อย่าสะเออะคิดว่าตัวเองสำคัญ!”มาลินณารู้สึกหน้าชา ไม่กล้าเถียงเลย เพราะมันเป็นเรื่องจริง “แต่เขาอยากให้ฉันอยู่ด้วย”รชิดายิ้มเย้ย “นั่นเพราะเขายังไม่รู้ไงว่าแกคือใคร ถ้าเขารู้ว่าแกคือยัยหมูโสโครกที่เขาขยะแขยง เขาจะต้องรับไม่ได้แน่ เขาต้องไล่แกเหมือนหมูเหมือนหมา ฉันก็เลยมาเตือนแกไง แกควรไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด ก่อนที่เขาจะโกรธจนพาลทำให้เพื่อนแกเดือดร้อนไปด้วย แกอยากให้เพื่อนแกซวยไปด้วยเหรอ?”คำขู่ของรชิดาทำให้มาลินณากังวลจนหน้าเสีย ส่วนตัวเธอเองต้องลำบากและเดือดร้อนสักแค่ไหนก็คงไม่เป็นไร แต่เธอไม่อยากให้เพื่อนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มาเดือนร้อนลำบากไปด้วย“ไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้เช้าฉันตั้งใจจะไปจากที่นี่อยู่แล้ว และไม่คิดจะกลับมาที่นี่อีก แต่ฉันขอร้องสักเรื่องเถอะ อย่าบอกเขาว่าฉันเป็นใคร ขอให้มันจบลงแค่นี้”รชิดายิ้มเย้ยดูถูก “ถ้าแกสัญญาว่าจะหายไปจากชีวิตเขา จะไม่ติดต่อเขาตลอดชีวิต ฉันจะยอมช่วยปิดเรื่องนี้เป็นความลับให้”“ได้สิ ฉันตั้งใจจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว หวังว่าเธอจะทำตามที่พูดนะดาด้า”เมื่อตกลงกันเสร็จ รชิดาก็กลับไปอย่างอารมณ์ดี ส่วนมาลินณาแค่รู้สึกเหนื่อยหัวใจเท่าน
รชิดาก้าวออกจากคฤหาสน์มาอย่างอารมณ์เสีย เธอคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีผู้หญิงหน้าไหนทำให้เขาหลงเสน่ห์ได้ เธอโกรธผู้หญิงคนนั้นจนแทบระงับอารมณ์ไม่ไหวแล้ว เธออยากไปกระชากหัวยัยนั่นมาตบเสียเดี๋ยวนี้ โทษฐานที่มายุ่งกับผู้ชายของเธอ“คุณชอบผู้หญิงคนอื่นงั้นเหรอ เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่ยอม หัวใจของคุณมันต้องเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น ผู้หญิงคนอื่นไม่มีสิทธิ์!!”เธอนึกถึงผู้หญิงคนนั้น คนที่ทำให้เธอรู้สึกประหลาด คนที่ทำให้เธอฉงนสนเท่และสงสัยนับตั้งแต่พบกันครั้งแรก“ทำไมฉันรู้สึกเหมือนฉันรู้จักเธอนะ” เธอพยายามคิดซ้ำไปซ้ำมา คิดจนหัวแทบแตก ก่อนจะนึกบางอย่างออก บางอย่างที่ทำให้เธอตาเหลือก “โอ้ว...จริงด้วย...นั่นมัน...แก...นัง...นังหมูตอน นังหมูตอนนี่นา!!”เมื่อคิดออกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เธอถึงกับช็อคและอึ้ง เพราะไม่คิดว่ายัยหมูอ้วนดำตอนโตเป็นสาวจะกลายเป็นผู้หญิงที่สวยได้ขนาดนี้“ไม่เจอกันมาสิบกว่าปี นี่แกเปลี่ยนไปขนาดนี้เลยเหรอยัยเฟื่องฟ้า...คีย์รู้รึเปล่านะว่ามันคือยัยหมูตอนอ้วนดำที่เขาเกลียดชังและขยะแขยง”เธอคิดไม่ตก เพราะเขาเป็นคนฉลาด เขาคงไม่พลาดโดนผู้หญิงหลอกได้หรอก “ถ้าเขารู้เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ก็ยัง
“ผมไม่ได้แกล้ง!” เขาพูดพร้อมกับขยับใบหน้าเข้าใกล้ใบหน้าเธออย่างจงใจให้เธอเห็นอารมณ์เย็นชาไร้ความรักจากดวงตาของเขา เธอต้องรู้สิว่าเธอไร้ความหมายสำหรับเขาไปเนิ่นนานแล้ว “นี่คือตัวตนที่แท้จริงของผม คุณไม่รู้เหรอ?”“ด้าไม่เชื่อค่ะ คุณกำลังประชดด้าใช่มั้ยคะ”เขาผลักร่างเธอเล็กน้อยอย่างเสียอารมณ์ แล้วเดินหนีไปหยิบกุญแจมือขึ้นมาถือเล่น“ถ้าทำไม่ได้ก็ไปซะ!”“คีย์คะ!” เขาออกปากไล่เธออย่างนั้นเหรอ เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะใจร้ายกับเธอขนาดนี้ เขาลืมไปแล้วหรือว่าเขาเคยรักเธอมากมายแค่ไหน “ด้ารู้ว่าด้าทำผิดต่อคุณหลายเรื่อง ถ้าคุณจะโกรธเกลียดด้า ด้าก็เข้าใจค่ะ แต่อย่าไล่ด้าไปเลยนะคะ เพราะด้าจะไม่มีวันไปจากที่นี่อีกแล้ว ด้าจะอยู่กับคุณไปจนวันตาย!”“งั้นเหรอ?” ก่อนหน้านี้เขาก็เคยคิดนะ หากเธอกลับมายืนอยู่ตรงหน้า เขาจะทำยังไงกับเธอ เขาจะอ้อนวอนร้องขอให้เธอกลับมา หรือฆ่าเธอซะ แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาไม่อยากทำทั้งสองอย่าง เพราะมันไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเอาเสียเลย“ค่ะ ด้ารู้ตัวแล้วว่าคุณคือคนที่ด้าอยากอยู่ด้วย”“อืม ถ้าคุณอยากอยู่นักก็อยู่สิ แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่า คุณจะไม่ใช่ที่หนึ่งของผมอีกต่อไปแล้วนะ” เขาพูดปร
“อ้วนดำ! แกเนี่ยนะ จริงเหรอ” นันทร์เนตรทำหน้าไม่เชื่อ ขณะไล่มองเรือนร่างสวยงามของเพื่อนรัก“จริง ๆ นะ ตอนเด็ก ๆ ฉันอ้วนมาก อ้วนเหมือนหมูตอนเลย ใคร ๆ ก็เรียกฉันว่ายัยหมูตอน หรือไม่ก็ไอ้หมูโสโครก ไอ้หมูสกปรก!”“ไอ้หมูสกปรก! จริงเหรอ?”“จริงสิ แต่เพราะฉันแอบหลงรักผู้ชายคนหนึ่ง ฉันก็เลยฮึดสู้ พยายามจะลดความอ้วนให้ได้ เพื่อจะได้มีสิทธิ์สารภาพรักผู้ชายคนนั้น แต่ผู้ชายคนนั้นเขารังเกียจฉันมากเลย เขาเห็นฉันเป็นตัวตลก ส่วนคนที่เขารักมีเพียงคนเดียวเท่านั้น ผู้หญิงคนนั้นสวยอย่างกับเจ้าหญิงแน่ะ ใคร ๆ ต่างก็เรียกเธอว่าซินเดอเรล่าแห่งไร่องุ่น”“โหวว นี่แกกำลังแต่งนิยายให้ฉันฟังอยู่ใช่มั้ย”มาลินณาเล่าพลางแอบเช็ดน้ำตา “ใช่ มันเป็นนิยายเรื่องแรกที่ฉันเขียนล่ะ”“แล้วยังไงต่อ ยัยหมูตอนได้สารภาพรักมั้ย”“ได้สิ แต่สารภาพก่อนจะไปจากไร่องุ่นนะ เพราะคิดว่าอาจจะไม่ได้เจอกันแล้ว สารภาพทั้งที่ยังอ้วนเหมือนหมูนั่นแหละ”“โหว ห้าวดีเว๊ย แล้วไง ผู้ชายคนนั้นว่าไง”“เขาก็โมโหน่ะสิ ไล่ตะเพิดบอกว่าอย่ามาให้เห็นหน้าอีก ไม่งั้นจะฆ่าเธอแล้วเอามาย่างเป็นหมูหัน!!”นันทร์เนตรหัวเราะลั่นน้ำตาไหลราวกับเพิ่งฟังเรื่องตลกโปกฮาที่
อาคิราไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำตอนที่รชิดาโผเข้ามากอดเขาจากข้างหลัง แล้วร้องไห้คร่ำครวญเหมือนจะเป็นจะตาย พร้อมคำขอโทษไม่ขาดปาก “ที่รักคะ ดาด้าขอโทษค่ะ ดาด้าผิดไปแล้ว ดาด้าเสียใจจริง ๆ นะคะ ดาด้าโง่เองที่หลงเชื่อคำโกหกหลอกลวงของคนเลว ดาด้าขอโทษนะคะคีย์”เขาเซอร์ไพรซ์จนพูดไม่ออกทีเดียว ไม่คิดไม่ฝันว่าหญิงสาวจะกลับมาหาเขาทันทีที่เลิกกับพี่ชายของเขา เขาปลดมือเธอออกแล้วหันกลับมาเผชิญหน้ากับเธอแบบตรง ๆ เพราะอยากจะเห็นแววตาสีหน้าของคนสำนึกผิดว่ามันน่าสงสารขนาดไหน “คีย์คะ คุณไปผ่าตัดมาแล้วนี่คะ!” เธอแสร้งทำหน้าตกใจเหมือนไม่รู้มาก่อนว่าใบหน้าเขากลับมาเป็นปกติแล้ว “ด้าไม่ทราบเรื่องมาก่อนเลย โอวที่รัก ตอนนี้คุณหล่อกว่าเดิมอีกนะคะเนี่ย”เธอยื่นมือขึ้นจับแก้มข้างซ้ายของเขาอย่างทะนุถนอม สายตาอ่อนหวานปนยั่วเย้ามองเขาอย่างเต็มรัก“ด้าขอโทษสำหรับเรื่องที่ผ่านมานะคะคีย์ ตอนนี้ด้ารู้แล้วว่าด้ารักคีย์คนเดียวเท่านั้น ด้าไม่เคยรักคุณจักรเลย หัวใจของด้าเป็นของคีย์คนเดียว”อาคิรามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างระอาใจ เธอคิดว่าเขาเป็นควายหรืออย่างไรกัน ถึงมองคนอย่างเธอไม่ออก พอโดนพี่ชายเขาหักหลัง เธอก็รีบแจ้นกลับมาหาเขา
“ก็คุณทำหน้านิ่งตลอดเวลา เหมือนมีเรื่องอะไรอยู่ในใจ หรือว่าตอนผมไม่อยู่ มีใครทำอะไรคุณรึเปล่า”“เปล่านี่คะ ทุกคนดีกับฉันมาก ฉันอยู่อย่างสบายเหมือนเป็นเจ้าของคฤหาสน์เลยล่ะ”“ก็ดี...แล้วนี่คุณออกมาที่ป่าต้องห้ามทำไม แถมเดินใจลอยด้วย ผมเดินตามคุณมาตั้งแต่ที่คฤหาสน์แล้ว เรียกก็ไม่หัน ผมเลยเดินตามมาเงียบ ๆ”เธอนิ่งไปนิด “จริงเหรอ ฉันใจลอยขนาดนั้นเลยเหรอ คุณอย่าอำฉันนะ ฉันไม่เห็นได้ยินเสียงเรียกเลย”“จริง คุณเดินเหมือนคนละเมอเลย...ตกลงยังไง จะไปไหนมิทราบ หรือว่าละเมอจริง ๆ”“ฉัน...ฉันจะไปหาเพื่อนน่ะค่ะ” เธอไม่ได้โกหก เธอตั้งใจจะไปหานันทร์เนตรที่บ้านพักคนงานจริง ๆ“อ้อ”แต่เธอบอกเขาไม่หมด เธอไม่ได้บอกว่าเมื่อไปหาเพื่อนแล้วก็จะไปจากไร่ของเขาทันที“ผมคิดถึงคุณนะ” เขาจับแก้มอุ่นและริมฝีปากอิ่มของเธออย่างโหยหา จ้องมองใบหน้าสวยด้วยสายตาหวานฉ่ำ ก่อนจะโน้มริมฝีปากเข้ามาประกบปากเธอแล้วจูบอย่างดูดดื่ม“อืมม...ฮืมมมม” เขาจูบเนิบนาบอย่างออดอ้อนอ่อนโยนอยู่สักพัก ก่อนจะเพิ่มความแรงด้วยการบดขยี้ แลกลิ้นพัลวันจนหนำใจ รสลิ้นรสปากกระตุ้นอารมณ์กระสันซ่านให้แผ่กำจาย เร่งเร้ากำหนัดของสองร่างจนร้อนฉ่าไปทั้งตัว“
“โอ๊ย!” เขาร้องลั่นเพราะโดนเธอกัดฝ่ามือเข้าเต็มคำ ความตกใจและความเจ็บทำให้เขาเผลอปล่อยเธอหลุดจากวงแขน จนทำให้เธอล่วงลงไปนั่งกองกับพื้นแบบเต็มตูดเช่นกัน “โอ๊ย!” เธอร้องลั่นไม่ต่างจากเขา ก่อนเงยหน้ามองคนร้ายด้วยความโกรธ “ไอ้สารเลว!”ทว่า เธอด่าเขาได้เพียงคำเดียวเท่านั้น เพราะปากมันค้างเสียก่อน...“คนหรือหมานี่ กัดเจ็บชะมัด!” ชายหนุ่มบีบคลำมือของตัวเองอย่างหัวเสีย ก่อนจะกดสายตาคมดุลงมองหญิงสาวตรงหน้าที่ช็อคตัวแข็งกลายเป็นรูปปั้นไปแล้วมาลินณาไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลย เธอฝันไปรึเปล่าที่เห็นอาคิราในสภาพใบหน้าหล่อเหลาไร้บาดแผลเหมือนเดิม หลังจากที่เขาหายไปเดือนกว่า ๆ เขากลับมาอีกครั้งในสภาพหล่อเหลาไร้ที่ติแต่เธอก็ตะลึงในความหล่อของเขาอยู่แค่อึดใจเดียวเท่านั้น เธอจำต้องกลับมาสู่โลกของความเป็นจริง โลกที่ทำให้เธอและเขาอยู่กันคนละชั้นเพราะเมื่อเขาหล่อเหลางดงามราวเทพบุตร นั่นย่อมหมายความว่าเขาไม่จำเป็นต้องมีนางบำเรอไร้ราคาอย่างเธอไว้คลายอารมณ์อีกแล้ว หลังจากนี้ไปเขาจะจิ้มจะชี้นิ้วเอาใครมานอนด้วยก็ได้ และสำคัญกว่านั้นก็คือ คนที่เขารักหวนกลับมาหาเขาแล้วเธอต้องตื่นจากฝันแล้วมาลินณา เรื่องราว