“ทำไงดี???” ดวงตากลมสวยมองบรรยากาศรอบกายที่เริ่มมืดสลัวด้วยความกังวลใจ...วินาทีนั้นฝนซาลงจนเกือบจะเป็นปกติแล้ว แต่ความหนาวเย็นยังคงไม่จางหาย ทว่า สองร่างกายที่หนาวสะท้านกลับเกิดความอบอุ่นเพราะสัมผัสแนบแน่นที่ถ่ายทอดให้แก่กันอย่างตั้งใจ ชายหนุ่มเริ่มมีสติมากขึ้น และความกลัวจางหายไปพร้อมกับสายฝนที่เริ่มขาดเม็ด เขาจึงผละตัวออกจากอ้อมกอดของหญิงสาวเสียเอง เพราะไม่อยากให้อารมณ์หวั่นไหวมันครอบงำจิตใจไปมากกว่านี้ “คุณโอเคแล้วเหรอ” เธอมองหน้าเขา สอบถามอย่างห่วงใย แต่เขากลับทำหน้าดุใส่เธอ ทำเหมือนเธอไปยุ่งวุ่นวายเรื่องของเขาทั้งที่ไม่ได้ขอให้ช่วย“ผมก็แค่...” เขาต้องหาข้อแก้ตัวที่ดูมีเหตุมีผล เพื่อปกป้องตัวตนน่าเกรงขามของตัวเองไว้ แต่... “คุณกลัวเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าหรือคะ?” เธอถามแทรกขึ้นอย่างสงสัยใคร่รู้“เปล่าซะหน่อย!!” แต่เจ้าทิงเกอร์กลับครางหงิงๆเหมือนกำลังบอกว่าเจ้านายกำลังโกหก “กลับบ้านไปเดี๋ยวนี้ทิงเกอร์ คอยดูเถอะ ฉันจะลงโทษนาย โทษฐานที่หนีเที่ยวและพา...นักข่าวเข้ามาในเขตต้องห้าม!!”เธอตกใจตาเหลือกที่เขารู้ว่าเธอทำงานอะไร แต่กลับมีความหวังขึ้นมาว่า... “คุณ...คุณรู้ได้ไงว่าฉันเป็นนัก
“โอ๊ย!”“ทำอะไรของคุณ!”“ฉันก็แค่หยิบ...” เธอยื่นหนอนตัวเล็กให้เขาดู พร้อมกับทำหน้างอน “ขอโทษด้วยค่ะที่ทำให้ตกใจ”เขามองหน้าเธออย่างไม่เข้าใจ ทำไมเธอจะต้องมาทำใจดีกับเขาด้วย มองไม่เห็นแผลเป็นบนใบหน้าของเขารึไง ทำไมต้องประพฤติกับเขาเหมือนคนปกติด้วย“ไปได้แล้ว ไป!”“คุณนั่นแหละรีบไป เพราะดูเหมือนฝนใกล้จะตกอีกแล้วนะคะ ฉันว่าคืนนี้ฝนตกทั้งคืนแน่”เขาหรี่สายตาร้ายมองเธอ “ถ้ายังไม่รีบไปล่ะก็ ผมจะทำให้คุณกรี๊ดลั่นไปทั้งไร่เลย”“คิดว่าฉันจะกรี๊ดง่าย ๆ เหรอ ขนาดหนอนฉันยังไม่กลัวเลย...อุ๊ปส์!” ขาดคำนั้น เขาคว้าเธอมาจูบขยี้อย่างดูดดื่มรุนแรงจนปากแทบฉีก ก่อนจะปล่อยร่างเธออย่างไร้ความปรานีจนเธอเซไปสองก้าว“เออะ....” เธอตกใจหน้าซีดปากสั่น ไม่ได้กรี๊ดเลยสักแอะ นั่นเพราะกำลังช็อคอยู่ “นี่แค่คำเตือนนะ!” เขาจ้องเธอด้วยสายตาร้าย แลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างยั่วเย้าเพื่อให้เธอหวาดกลัวรนรานต่ออำนาจป่าเถื่อนของเขา “ถ้ายังไม่ไปอีก ไม่รับประกันความปลอดภัย!!”มาลินณานิ่งไปอึดใจหนึ่ง เธอกำลังถามตัวเองว่าเสียดายจูบแรกของเธอหรือไม่ แล้วคำตอบก็ดังก้องอยู่ในใจเลยล่ะว่า...ไม่เสียดาย!เธอมองหน้าเขาโดยไม่พูดอะไรชั่วคร
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” มือเย็นเยือบของหัวหน้าแม่บ้านจับข้อมือเธอไว้แล้วนำทางเธอไปยังห้องใต้ดินของคฤหาสน์ ห้องลับที่มีเพียงผู้เป็นเลขาและหัวหน้าแม่บ้านเท่านั้นที่รู้เส้นทางเข้าไปมาลินณาเองไม่แน่ใจว่าเธอคิดผิดหรือคิดถูกที่ยอมให้หญิงชราปิดตาแล้วพาไปยังบางสถานภายในคฤหาสน์ หากหญิงชราไม่ได้พาเธอไปพบผู้นัดหมาย แต่พาเธอไปฆ่าทิ้งเสีย เธอก็คงจะโทษใครไม่ได้ นอกจากโทษความโง่เง่าของตนเองเธอเดินตามหญิงชราไปไม่นานนักก็หยุดฝีเท้าลงที่หน้าประตูเหล็กบานใหญ่ เธอถูกทิ้งไว้หน้าบานประตูหลังจากที่หญิงชรากดกริ่งส่งสัญญาณแก่ผู้ที่รอคอยอยู่ด้านใน เธอรออยู่อึดใจหนึ่ง ก่อนจะได้ยินเสียงทุ้มนุ่มของเขาดังใกล้หู“เข้ามาสิ” ขาดคำนั้น เขาคว้าจับข้อมือเธอแล้วลากเข้าไปด้านในซึ่งมีอุณหภูมิเย็นฉ่ำราวสิบแปดองศา เธอรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยกับสถานการณ์ แต่ก็ไม่กล้าจินตนาการถึงสถานที่แห่งนี้ว่าเป็นอย่างไร “แกะผ้าปิดตาออกซะ” เขาสั่งเธอเป็นครั้งที่สอง โดยการกระซิบใกล้หูเหมือนเคยเธอตั้งสติครู่หนึ่ง ก่อนจะยื่นมือขึ้นแกะปมผ้าผูกตาที่ตรงท้ายทอยแล้วกระชากมันออก“ว่าไง”ดวงตากลมสวยจ้องมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความตกตะลึง ชายหนุ่มสวมใส
“ทำไมจะไม่ได้คะ มันเป็นสิทธิ์ของฉัน คุณไม่มีสิทธิ์มากักขังหน่วงเหนี่ยวฉันไว้” เธอพูดพลางลุกขึ้นยืนอย่างมั่นใจและท้าทาย ทั้งที่ลึก ๆ ในใจนั้นหวาดหวั่นและกังวลจนปวดท้องไปหมด แต่เธอต้องทำใจดีสู้เสือไปก่อน ไม่อย่างนั้นเขาจะเห็นเธอเป็นเหยื่ออ่อนแอในกรงเล็บของเขา “ฉันสนับสนุนเรื่องที่คุณจะแจ้งความดำเนินคดีกับฉันค่ะ ถึงแม้ว่าฉันจะถูกใส่ร้ายก็ตาม โทรหาตำรวจสิคะ”เขายิ้มกริ่ม เธอคิดว่าเธอฉลาดกว่าเขาอย่างนั้นเหรอ “ถูกใส่ร้ายงั้นสินะ”“ฉันบอกแล้วไงคะว่าฉันไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามาในเขตต้องห้าม มันเป็นเหตุสุดวิสัย”“แล้วผมจะรู้ได้ไงว่าคุณไม่ได้สร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อจะเข้ามาหาข่าว”“ฉันสาบาน! เจ้าทิงเกอร์เป็นพยานให้ฉันได้ แต่พูดยังไงคุณก็คงไม่เชื่อสินะ คุณคงคิดว่าฉันยัดกระเป๋าใส่ปากเจ้าทิงเกอร์เอง”เขายิ้มร้ายสุดเจ้าเล่ห์ “เรื่องของเรื่องก็คือ ผมยังไม่เคยเห็นกระเป๋าที่คุณพูดถึงเลย”เธออ้าปากค้าง “ว่าไงนะคะ! ก็ไหนคุณบอกว่าให้ฉันเข้ามาคุยเรื่องกระเป๋า!”เขายกไหล่ “ผมให้คุณเข้ามาสารภาพความผิดต่างหาก คุณอ้างเรื่องกระเป๋า อ้างเรื่องเจ้าทิงเกอร์ เพื่อจะเข้ามาหาข่าวในบ้านผม ว่าไง?”เธออึ้งไปเลย ไม่คิดว่าจะติ
“แล้วแต่คุณจะคิด เพราะผมไม่สนความรู้สึกของคนอื่นนอกจากตัวผมเอง”“ฉันไม่ควรมาที่นี่เลย”“มันอาจเป็นโชคชะตาของคุณก็ได้”เขาพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนจะเดินออกจากห้องนี้ไปอย่างไม่แยแส ปล่อยให้เธอยืนช็อคอยู่ตามลำพัง พอตั้งสติได้แล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างคนหมดแรง“นี่เราฝันไปรึเปล่าเนี่ย...มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่มั้ย บ้าบอชะมัด นางบำเรองั้นเหรอ...แค่ผู้หญิงที่ซื้อมายังไม่พออีกเหรอ คนมักมากในกาม!!”เมื่อคิดถึงบทลงโทษที่เขาบอกไว้ เธอก็เครียดจนสมองแทบแตก เพราะทั้งสองทางนั้นร้ายแรงพอกัน มันไม่มีทางไหนน่าเลือกเลยสักนิด “คนอย่างฉันเป็นนางบำเรอได้ด้วยเหรอ เรามาถึงจุดนี้ได้ไงเนี่ย นี่มันเวรกรรมอะไรของฉันเนี่ย ฉันไม่ควรมาที่นี่เลย ฉันไม่ควรมาตั้งแต่แรก!”เธอบ่นกับตัวเองด้วยความเซ็งก่อนเหลือบสายตาไปมองประตูบานเล็กนั่นด้วยความสงสัย“ทางไปสวรรค์อย่างนั้นเหรอ?”หรือว่าทางไปนรกกันแน่...ระหว่างนั่งดื่มชาด้วยกันในช่วงสายของวันที่แดดค่อนข้างแรง...แต่อุณหภูมิกำลังดี“วันนี้พวกเขาหมั้นกันใช่มั้ย?”อาคิราเอ่ยถามเลขาด้วยน้ำเสียงเรียบไร้อารมณ์อย่างที่ไม่ใคร่จะต้องการคำตอ
พี่ชายของเขามองร่างของเขาที่นอนบาดเจ็บอยู่ด้วยแววตารู้สึกผิด แต่เขาก็เลือกที่จะหันหลังให้น้องชายที่เขาเกลียดชัง แต่ไม่ทันจะหนีออกไปได้ ถังไม้โอ๊กหล่นลงมาโดนร่างเขาจนเขาได้รับบาดเจ็บลงไปนอนคลุกอยู่กับพื้นและถูกถังไม้ทับขาไว้ คนรักของเขาตกใจแทบช็อค เธอวิ่งหนีออกไปอย่างเร็ว เพื่อจะบอกให้คนงานเข้ามาช่วยสองพี่น้อง ไม่นานนัก ก็มีคนเข้ามาช่วยจริงๆมารดาของเขาเองที่โผล่มาด้วยสีหน้าตื่นตกใจพร้อมกับกรีดร้องลั่น เธอมองเขาชั่วแวบเดียวเท่านั้นก่อนจะหันไปมองพี่ชายของเขา วินาทีที่ไฟสีแดงฉานโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง เธอจึงตัดสินใจช่วยลูกชายคนโตออกไปก่อนเขาจดจำความรู้สึกในวินาทีนั้นได้ขึ้นใจจนถึงทุกวันนี้ ความเจ็บปวดขมขื่นที่กัดกินหัวใจของเขาในทุกอณู ความสงสัยว่ามารดาเคยรักเขาบ้างหรือไม่ทำให้เขาได้รับคำตอบอย่างชัดเจน ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในวินาทีนั้นอาจทำให้เขาเลือกนอนนิ่งอยู่กับที่ แล้วปล่อยให้ไฟมันผลาญชีวิตของเขาไป แต่ความเจ็บปวดกลับแปรเปลี่ยนเป็นความแค้นที่ฝังแน่นในวิญญาณ เขาบอกตัวเองว่าต้องมีชีวิตอยู่ต่อ เพื่อจะได้แก้แค้นมารดาของเขา เพื่อตอกย้ำให้เธอรู้ว่าเขานั้นเกิดมาเพื่อสร้างความหายนะให้แก่ตร
แต่ถึงเธอจะน่าเกลียดยังไง เธอคนนี้ก็ยังมีความรักเต็มหัวใจให้แก่เจ้าชายรูปงาม แม้จะโดนรชิดาและเหล่าสมุนรับใช้ของเธอหัวเราะเยาะใส่หน้าว่าช่างไม่รู้จักเจียมกะลาหัวเอาเสียเลย แต่เธอก็ยังซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง แม้ตอนนั้นเธอจะมีอายุแค่เก้าปีเท่านั้น ส่วนเจ้าชายรูปงามเป็นหนุ่มน้อยวัยสิบสามที่ทรงเสน่ห์ ความผิดมหันต์ของเธอก็คือ การที่เธอนำดอกไม้ไปให้เขาในวันวาเลนไทน์ นั่นเองที่เป็นวันแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหเญ่ในชีวิตของเธอ เธอโดนเขาและรชิดากลั่นแกล้งจนเกือบจะตายอยู่ในหลุมดักสัตว์ เหตุการณ์นั้นทำให้เธอรู้ว่าชีวิตของเธอมีค่ามากแค่ไหน เธอจะไม่ยอมให้ใครรังแกและดูถูกอีกแล้ว เธอจะลดความอ้วน เธอจะสวยและรักตัวเองให้มากที่สุดทว่า หลังจากที่เธอโดนกลั่นแกล้งครั้งสุดท้าย ไม่นานนักมารดาของเธอก็เสียชีวิตลง บิดาจึงตัดสินใจย้ายกลับไปอยู่ที่กรุงเทพฯเพื่อจะดูแลคุณย่า โดยเปิดร้านอาหารเล็ก ๆ ในซอยบ้านเพื่อส่งเสียลูกสาวคนเดียวเรียนหนังสือ จากวันนั้นเธอก็ไม่ได้เจอกับเจ้าชายรูปงามของเธออีกเลย เธอจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เจอกันก็คือเขาหวนกลับมาช่วยเธอขึ้นจากหลุมดักสัตว์“คิดยังไงถึงกลับมาช่วยนะ?” เธออ
ความจริงเธอตัดสินใจได้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าจะเลือกบทลงโทษข้อไหน ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่ทำให้เธอรู้สึกกังวลและคิดมากเลยสักนิด การที่เธอเลือกจะเป็นนางบำเรอของเขาหนึ่งเดือน มันเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่จะทำให้เธอได้รู้จักเขามากขึ้น เธอรู้สึกว่าเขากำลังสร้างเปลือกห้อหุ้มตัวเองไว้ เนื้อในของเขามีความงามซ่อนอยู่ เพียงแต่เขาไม่ยอมรับมันเท่านั้น เธอมองข้ามเรื่องรสนิยมทางเซ็กส์ไป เพราะมันเป็นความชื่นชอบส่วนตัว มันไม่ได้ผิดอะไร แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้เธออยากอยู่กับเขา ไม่ใช่เพราะเขาเป็นรักแรกของเธอ แต่เพราะอยากทำให้เขารู้ว่าเขายังมีคุณค่าพอ เขายังมีชีวิตที่ดีกว่านี้ได้ หากเขายอมรับการเปลี่ยนแปลงเธอตื่นเต้นนิดหน่อยตอนที่ได้ยินเสียงประตูเปิดในช่วงสายของวันนี้ เพราะคิดว่าเป็นเขา แต่ก็เปล่า เพราะเป็นหัวหน้าแม่บ้านที่นำอาหารเช้าเข้ามา เธอพยายามจะชวนหัวหน้าแม่บ้านพูดคุย แต่ดูเหมือนท่านจะเห็นเธอเป็นเพียงโสเภณีเท่านั้นเธอได้รับประทานอาหารเช้าแสนอร่อย ได้ดื่มกาแฟที่หอมกรุ่นและได้อ่านหนังสือฆ่าเวลาประมาณสองชั่วโมง ก่อนที่เสียงเปิดประตูจะดังขึ้นอีกครั้งคราวนี้เธอไม่ผิดหวัง ชายหนุ่มในชุดสูทหรูหราตั้งแต่หัวจรดเ
“ฉันไม่เบี้ยวคุณหรอกค่ะ ฉันจะจ่ายคืนคุณทุกบาททุกสตางค์เลย แต่ตอนนี้ฉันต้องรีบไปแล้ว ฉันไม่อยากไปถึงกรุงเทพฯช่วงหัวค่ำ รถติดจะตาย ท่าทางรถพ่อจะซ่อมเสร็จแล้วด้วย” ขาดคำนั้น เสียงรถของลุงปราบต์แล่นออกไปอย่างเร็ว “อะอ้าว...พ่อคะ พ่อ! เดี๋ยวสิคะ หนูยังอยู่ตรงนี้ อย่าทิ้งหนูสิพ่อ!”เธอวิ่งตะโกนตามรถ แต่ไม่ทันแล้ว รถไปไกลลิบจนไม่เห็นฝุ่นแล้วอาคิรามองเธอแล้วแอบขำ “ผมจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าไม่รีบขึ้นรถมา ผมจะทิ้งคุณไว้ตรงนี้”“เดี๋ยวสิคะ ตรงนี้เปลี่ยวจะตาย มีแต่ป่า”เขาขึ้นรถแล้วสตาร์ตเครื่องทันที เธอรีบวิ่งมาขึ้นรถอย่างไม่ลังเล แล้วอ้อนวอนขอความเห็นใจเขา“ไปส่งฉันที่ขนส่งหน่อยนะคะ ถือว่าทำบุญทำทานกับลูกนกลูกกาก็ได้” เขาไม่พูดอะไร แต่กลับบังคับพวงมาลัยหันหัวรถกลับไปยังไร่ภูผาวนาอย่างไม่รีรอ “อ้าว!” เธอถึงกับอ่อนใจ หน้าเสียหน้าชา “บอกแล้วไงว่าไม่เบี้ยว”“คิดว่าผมจะเชื่อใจนักข่าวเหรอ ไม่มีทาง”“อย่าบอกนะ ว่าคุณจะให้ฉันทำงานใช้หนี้อีก”เขายิ้มกริ่ม “เริ่มฉลาดขึ้นแล้วนี่”เธอถึงกับหมดแรง “คราวนี้คุณจะให้ฉันทำงานอะไรคะ คงไม่ใช่งานแบบเดิมหรอก เพราะแฟนของคุณกลับมาแล้ว และคุณก็รู้แล้วว่าฉันเป็นยัยหม
“ไม่...เธอไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วค่ะ” แล้วทำไมเจ้านายรูปหล่อของเธอต้องมาถามหาเพื่อนของเธอตั้งแต่เช้า ด้วย หรือว่าเขาคิดจะเอาเรื่องเธออีก“ไม่อยู่แล้ว! เธอไปไหน!”สีหน้าของเจ้านายดูโกรธ โมโห และร้อนใจปนเปกันไปหมด เธอเดาได้เลยว่าต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ เพื่อนเธอต้องไปก่อเรื่องร้ายแรงมาแน่ “กลับกรุงเทพฯแล้วค่ะ”“กลับกรุงเทพฯ!” เขาเสียงดังลั่นจนใครหลายคนที่เดินไปมาในละแวกนั้นหันมอง “ตั้งแต่เมื่อไหร่!!!”“เมื่อเช้าค่ะ มีอะไรหรือคะบอส หรือว่ายัยฟ้าไปก่อเรื่องอะไรไว้” เธอถามเพราะงงจนเกินจะคาดเดาเรื่องได้เองแล้ว เธออยากรู้จริง ๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น “เมื่อคืนคุณดาด้าก็มาหายัยฟ้าที่บ้านค่ะ เห็นคุยกันตั้งนาน พอถามก็ไม่บอกว่าคุยเรื่องอะไรกัน พอเช้ามาก็รีบติดรถพ่อออกไปในเมืองเลย”อาคิราฟังแล้วนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงร้อนรนที่พยายามข่มให้นิ่ง“โทรหาพ่อเธอซิ ถามว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน”“ค่ะ” นันทร์เนตรไม่รอช้ารีบโทรศัพท์หาบิดาตามคำสั่งเจ้านายทันที “เอ่อพ่อ ตอนนี้อยู่ที่ไหน ส่งยัยฟ้าที่ขนส่งรึยัง อะไรนะคะ รถเสียยังอยู่กลางทางเหรอ”ได้ยินดังนั้น อาคิราคว้าโทรศัพท์มาคุยเสียเอง เพราะอยากรู้ข
“แกก็แค่นางบำเรอ! อย่าสะเออะคิดว่าตัวเองสำคัญ!”มาลินณารู้สึกหน้าชา ไม่กล้าเถียงเลย เพราะมันเป็นเรื่องจริง “แต่เขาอยากให้ฉันอยู่ด้วย”รชิดายิ้มเย้ย “นั่นเพราะเขายังไม่รู้ไงว่าแกคือใคร ถ้าเขารู้ว่าแกคือยัยหมูโสโครกที่เขาขยะแขยง เขาจะต้องรับไม่ได้แน่ เขาต้องไล่แกเหมือนหมูเหมือนหมา ฉันก็เลยมาเตือนแกไง แกควรไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด ก่อนที่เขาจะโกรธจนพาลทำให้เพื่อนแกเดือดร้อนไปด้วย แกอยากให้เพื่อนแกซวยไปด้วยเหรอ?”คำขู่ของรชิดาทำให้มาลินณากังวลจนหน้าเสีย ส่วนตัวเธอเองต้องลำบากและเดือดร้อนสักแค่ไหนก็คงไม่เป็นไร แต่เธอไม่อยากให้เพื่อนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มาเดือนร้อนลำบากไปด้วย“ไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้เช้าฉันตั้งใจจะไปจากที่นี่อยู่แล้ว และไม่คิดจะกลับมาที่นี่อีก แต่ฉันขอร้องสักเรื่องเถอะ อย่าบอกเขาว่าฉันเป็นใคร ขอให้มันจบลงแค่นี้”รชิดายิ้มเย้ยดูถูก “ถ้าแกสัญญาว่าจะหายไปจากชีวิตเขา จะไม่ติดต่อเขาตลอดชีวิต ฉันจะยอมช่วยปิดเรื่องนี้เป็นความลับให้”“ได้สิ ฉันตั้งใจจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว หวังว่าเธอจะทำตามที่พูดนะดาด้า”เมื่อตกลงกันเสร็จ รชิดาก็กลับไปอย่างอารมณ์ดี ส่วนมาลินณาแค่รู้สึกเหนื่อยหัวใจเท่าน
รชิดาก้าวออกจากคฤหาสน์มาอย่างอารมณ์เสีย เธอคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีผู้หญิงหน้าไหนทำให้เขาหลงเสน่ห์ได้ เธอโกรธผู้หญิงคนนั้นจนแทบระงับอารมณ์ไม่ไหวแล้ว เธออยากไปกระชากหัวยัยนั่นมาตบเสียเดี๋ยวนี้ โทษฐานที่มายุ่งกับผู้ชายของเธอ“คุณชอบผู้หญิงคนอื่นงั้นเหรอ เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่ยอม หัวใจของคุณมันต้องเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น ผู้หญิงคนอื่นไม่มีสิทธิ์!!”เธอนึกถึงผู้หญิงคนนั้น คนที่ทำให้เธอรู้สึกประหลาด คนที่ทำให้เธอฉงนสนเท่และสงสัยนับตั้งแต่พบกันครั้งแรก“ทำไมฉันรู้สึกเหมือนฉันรู้จักเธอนะ” เธอพยายามคิดซ้ำไปซ้ำมา คิดจนหัวแทบแตก ก่อนจะนึกบางอย่างออก บางอย่างที่ทำให้เธอตาเหลือก “โอ้ว...จริงด้วย...นั่นมัน...แก...นัง...นังหมูตอน นังหมูตอนนี่นา!!”เมื่อคิดออกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เธอถึงกับช็อคและอึ้ง เพราะไม่คิดว่ายัยหมูอ้วนดำตอนโตเป็นสาวจะกลายเป็นผู้หญิงที่สวยได้ขนาดนี้“ไม่เจอกันมาสิบกว่าปี นี่แกเปลี่ยนไปขนาดนี้เลยเหรอยัยเฟื่องฟ้า...คีย์รู้รึเปล่านะว่ามันคือยัยหมูตอนอ้วนดำที่เขาเกลียดชังและขยะแขยง”เธอคิดไม่ตก เพราะเขาเป็นคนฉลาด เขาคงไม่พลาดโดนผู้หญิงหลอกได้หรอก “ถ้าเขารู้เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ก็ยัง
“ผมไม่ได้แกล้ง!” เขาพูดพร้อมกับขยับใบหน้าเข้าใกล้ใบหน้าเธออย่างจงใจให้เธอเห็นอารมณ์เย็นชาไร้ความรักจากดวงตาของเขา เธอต้องรู้สิว่าเธอไร้ความหมายสำหรับเขาไปเนิ่นนานแล้ว “นี่คือตัวตนที่แท้จริงของผม คุณไม่รู้เหรอ?”“ด้าไม่เชื่อค่ะ คุณกำลังประชดด้าใช่มั้ยคะ”เขาผลักร่างเธอเล็กน้อยอย่างเสียอารมณ์ แล้วเดินหนีไปหยิบกุญแจมือขึ้นมาถือเล่น“ถ้าทำไม่ได้ก็ไปซะ!”“คีย์คะ!” เขาออกปากไล่เธออย่างนั้นเหรอ เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะใจร้ายกับเธอขนาดนี้ เขาลืมไปแล้วหรือว่าเขาเคยรักเธอมากมายแค่ไหน “ด้ารู้ว่าด้าทำผิดต่อคุณหลายเรื่อง ถ้าคุณจะโกรธเกลียดด้า ด้าก็เข้าใจค่ะ แต่อย่าไล่ด้าไปเลยนะคะ เพราะด้าจะไม่มีวันไปจากที่นี่อีกแล้ว ด้าจะอยู่กับคุณไปจนวันตาย!”“งั้นเหรอ?” ก่อนหน้านี้เขาก็เคยคิดนะ หากเธอกลับมายืนอยู่ตรงหน้า เขาจะทำยังไงกับเธอ เขาจะอ้อนวอนร้องขอให้เธอกลับมา หรือฆ่าเธอซะ แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาไม่อยากทำทั้งสองอย่าง เพราะมันไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเอาเสียเลย“ค่ะ ด้ารู้ตัวแล้วว่าคุณคือคนที่ด้าอยากอยู่ด้วย”“อืม ถ้าคุณอยากอยู่นักก็อยู่สิ แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่า คุณจะไม่ใช่ที่หนึ่งของผมอีกต่อไปแล้วนะ” เขาพูดปร
“อ้วนดำ! แกเนี่ยนะ จริงเหรอ” นันทร์เนตรทำหน้าไม่เชื่อ ขณะไล่มองเรือนร่างสวยงามของเพื่อนรัก“จริง ๆ นะ ตอนเด็ก ๆ ฉันอ้วนมาก อ้วนเหมือนหมูตอนเลย ใคร ๆ ก็เรียกฉันว่ายัยหมูตอน หรือไม่ก็ไอ้หมูโสโครก ไอ้หมูสกปรก!”“ไอ้หมูสกปรก! จริงเหรอ?”“จริงสิ แต่เพราะฉันแอบหลงรักผู้ชายคนหนึ่ง ฉันก็เลยฮึดสู้ พยายามจะลดความอ้วนให้ได้ เพื่อจะได้มีสิทธิ์สารภาพรักผู้ชายคนนั้น แต่ผู้ชายคนนั้นเขารังเกียจฉันมากเลย เขาเห็นฉันเป็นตัวตลก ส่วนคนที่เขารักมีเพียงคนเดียวเท่านั้น ผู้หญิงคนนั้นสวยอย่างกับเจ้าหญิงแน่ะ ใคร ๆ ต่างก็เรียกเธอว่าซินเดอเรล่าแห่งไร่องุ่น”“โหวว นี่แกกำลังแต่งนิยายให้ฉันฟังอยู่ใช่มั้ย”มาลินณาเล่าพลางแอบเช็ดน้ำตา “ใช่ มันเป็นนิยายเรื่องแรกที่ฉันเขียนล่ะ”“แล้วยังไงต่อ ยัยหมูตอนได้สารภาพรักมั้ย”“ได้สิ แต่สารภาพก่อนจะไปจากไร่องุ่นนะ เพราะคิดว่าอาจจะไม่ได้เจอกันแล้ว สารภาพทั้งที่ยังอ้วนเหมือนหมูนั่นแหละ”“โหว ห้าวดีเว๊ย แล้วไง ผู้ชายคนนั้นว่าไง”“เขาก็โมโหน่ะสิ ไล่ตะเพิดบอกว่าอย่ามาให้เห็นหน้าอีก ไม่งั้นจะฆ่าเธอแล้วเอามาย่างเป็นหมูหัน!!”นันทร์เนตรหัวเราะลั่นน้ำตาไหลราวกับเพิ่งฟังเรื่องตลกโปกฮาที่
อาคิราไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำตอนที่รชิดาโผเข้ามากอดเขาจากข้างหลัง แล้วร้องไห้คร่ำครวญเหมือนจะเป็นจะตาย พร้อมคำขอโทษไม่ขาดปาก “ที่รักคะ ดาด้าขอโทษค่ะ ดาด้าผิดไปแล้ว ดาด้าเสียใจจริง ๆ นะคะ ดาด้าโง่เองที่หลงเชื่อคำโกหกหลอกลวงของคนเลว ดาด้าขอโทษนะคะคีย์”เขาเซอร์ไพรซ์จนพูดไม่ออกทีเดียว ไม่คิดไม่ฝันว่าหญิงสาวจะกลับมาหาเขาทันทีที่เลิกกับพี่ชายของเขา เขาปลดมือเธอออกแล้วหันกลับมาเผชิญหน้ากับเธอแบบตรง ๆ เพราะอยากจะเห็นแววตาสีหน้าของคนสำนึกผิดว่ามันน่าสงสารขนาดไหน “คีย์คะ คุณไปผ่าตัดมาแล้วนี่คะ!” เธอแสร้งทำหน้าตกใจเหมือนไม่รู้มาก่อนว่าใบหน้าเขากลับมาเป็นปกติแล้ว “ด้าไม่ทราบเรื่องมาก่อนเลย โอวที่รัก ตอนนี้คุณหล่อกว่าเดิมอีกนะคะเนี่ย”เธอยื่นมือขึ้นจับแก้มข้างซ้ายของเขาอย่างทะนุถนอม สายตาอ่อนหวานปนยั่วเย้ามองเขาอย่างเต็มรัก“ด้าขอโทษสำหรับเรื่องที่ผ่านมานะคะคีย์ ตอนนี้ด้ารู้แล้วว่าด้ารักคีย์คนเดียวเท่านั้น ด้าไม่เคยรักคุณจักรเลย หัวใจของด้าเป็นของคีย์คนเดียว”อาคิรามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างระอาใจ เธอคิดว่าเขาเป็นควายหรืออย่างไรกัน ถึงมองคนอย่างเธอไม่ออก พอโดนพี่ชายเขาหักหลัง เธอก็รีบแจ้นกลับมาหาเขา
“ก็คุณทำหน้านิ่งตลอดเวลา เหมือนมีเรื่องอะไรอยู่ในใจ หรือว่าตอนผมไม่อยู่ มีใครทำอะไรคุณรึเปล่า”“เปล่านี่คะ ทุกคนดีกับฉันมาก ฉันอยู่อย่างสบายเหมือนเป็นเจ้าของคฤหาสน์เลยล่ะ”“ก็ดี...แล้วนี่คุณออกมาที่ป่าต้องห้ามทำไม แถมเดินใจลอยด้วย ผมเดินตามคุณมาตั้งแต่ที่คฤหาสน์แล้ว เรียกก็ไม่หัน ผมเลยเดินตามมาเงียบ ๆ”เธอนิ่งไปนิด “จริงเหรอ ฉันใจลอยขนาดนั้นเลยเหรอ คุณอย่าอำฉันนะ ฉันไม่เห็นได้ยินเสียงเรียกเลย”“จริง คุณเดินเหมือนคนละเมอเลย...ตกลงยังไง จะไปไหนมิทราบ หรือว่าละเมอจริง ๆ”“ฉัน...ฉันจะไปหาเพื่อนน่ะค่ะ” เธอไม่ได้โกหก เธอตั้งใจจะไปหานันทร์เนตรที่บ้านพักคนงานจริง ๆ“อ้อ”แต่เธอบอกเขาไม่หมด เธอไม่ได้บอกว่าเมื่อไปหาเพื่อนแล้วก็จะไปจากไร่ของเขาทันที“ผมคิดถึงคุณนะ” เขาจับแก้มอุ่นและริมฝีปากอิ่มของเธออย่างโหยหา จ้องมองใบหน้าสวยด้วยสายตาหวานฉ่ำ ก่อนจะโน้มริมฝีปากเข้ามาประกบปากเธอแล้วจูบอย่างดูดดื่ม“อืมม...ฮืมมมม” เขาจูบเนิบนาบอย่างออดอ้อนอ่อนโยนอยู่สักพัก ก่อนจะเพิ่มความแรงด้วยการบดขยี้ แลกลิ้นพัลวันจนหนำใจ รสลิ้นรสปากกระตุ้นอารมณ์กระสันซ่านให้แผ่กำจาย เร่งเร้ากำหนัดของสองร่างจนร้อนฉ่าไปทั้งตัว“
“โอ๊ย!” เขาร้องลั่นเพราะโดนเธอกัดฝ่ามือเข้าเต็มคำ ความตกใจและความเจ็บทำให้เขาเผลอปล่อยเธอหลุดจากวงแขน จนทำให้เธอล่วงลงไปนั่งกองกับพื้นแบบเต็มตูดเช่นกัน “โอ๊ย!” เธอร้องลั่นไม่ต่างจากเขา ก่อนเงยหน้ามองคนร้ายด้วยความโกรธ “ไอ้สารเลว!”ทว่า เธอด่าเขาได้เพียงคำเดียวเท่านั้น เพราะปากมันค้างเสียก่อน...“คนหรือหมานี่ กัดเจ็บชะมัด!” ชายหนุ่มบีบคลำมือของตัวเองอย่างหัวเสีย ก่อนจะกดสายตาคมดุลงมองหญิงสาวตรงหน้าที่ช็อคตัวแข็งกลายเป็นรูปปั้นไปแล้วมาลินณาไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลย เธอฝันไปรึเปล่าที่เห็นอาคิราในสภาพใบหน้าหล่อเหลาไร้บาดแผลเหมือนเดิม หลังจากที่เขาหายไปเดือนกว่า ๆ เขากลับมาอีกครั้งในสภาพหล่อเหลาไร้ที่ติแต่เธอก็ตะลึงในความหล่อของเขาอยู่แค่อึดใจเดียวเท่านั้น เธอจำต้องกลับมาสู่โลกของความเป็นจริง โลกที่ทำให้เธอและเขาอยู่กันคนละชั้นเพราะเมื่อเขาหล่อเหลางดงามราวเทพบุตร นั่นย่อมหมายความว่าเขาไม่จำเป็นต้องมีนางบำเรอไร้ราคาอย่างเธอไว้คลายอารมณ์อีกแล้ว หลังจากนี้ไปเขาจะจิ้มจะชี้นิ้วเอาใครมานอนด้วยก็ได้ และสำคัญกว่านั้นก็คือ คนที่เขารักหวนกลับมาหาเขาแล้วเธอต้องตื่นจากฝันแล้วมาลินณา เรื่องราว