ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่น แม้จะเป็นเวลาบ่ายแก่ แต่ร่มเงาของต้นไม้ที่ปกคลุมเนื้อที่ทำให้ตัวบ้านยังคงรู้สึกเย็นสบายไม่ร้อนอบอ้าวตามสภาพอากาศ ผิดกับผู้ที่ยืนอยู่ในตัวบ้านที่ตอนนี้ร้อนรุ่ม เมื่อได้รับรู้ข่าว เธอใจเย็นมานาน คงถึงเวลาที่เธอต้องกำจัดเสี้ยนหนามที่คอยทิ่มแทงจิตใจให้ออก ไปให้พ้นหูพ้นตาเธอสักที! นิ้วมือเรียว ที่ปรากฏริ้วรอย มองหาสิ่งของรอบตัว เอื้อมหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่ทางฝั่งขวา ในแก้วยังมีน้ำอยู่เกือบครึ่ง เพล้งง!! แก้วใบใสลอยเฉียดหน้าชายผู้นั่งอยู่เบื้องหน้า ก่อนตกกระทบลงพื้นจนเกิดเสียงดัง น้ำในแก้วกระเด็นไปทั่วบริเวณ “คำสั่งของฉันไม่ชัดเจนหรืออย่างไร แกถึงไม่ทำตาม” เปล่งเสียงออกมาจากปากเรียวที่เคลือบด้วยลิปสติกสีแดงสด “ผมทราบชัดเจนครับคุณสร้อย อยากให้คุณสร้อยทบทวนใหม่อีกครั้ง” “แกไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน หัดสำนึกบุญคุณที่ฉันเลี้ยงแกมา ถ้าไม่ได้ฉันป่านนี้แกนอนตายอยู่ที่ไหนสักที่ไปแล้ว อย่าให้ฉันต้องพูดคำว่า เลี้ยงไม่เชื่องกับแกเลยนะ” ร่างสูงเพรียวลุกจากเก้าอี้เดินเข้ามาหาชายหนุ่ม เอื้อม
หลังการสอบแน่นอนว่าต้องหิว ร้านที่นึกถึงไม่พ้นร้านก๋วยเตี๋ยวป้าณีที่เคยมาทาน แม้นิคจะห้ามแต่ไม่สามารถหยุดยั้งความอยากของพลพลและน้ำหวานได้ “เหมือนเดิมสองที่ครับคุณยาย” เสียงตะโกนของพลพลดังขึ้นก่อนที่ตัวเขาและน้ำหวานจะก้าวเข้าไปเสียอีก “กินก๋วยเตี๋ยวทุกวันไม่เบื่อเหรอลูก” ป้าณีที่กำลังจับด้ามตะกร้อลวกเส้นขยับไปมาในหม้อลวกที่เดือดจัด เอ่ยตอบพลพลที่ไม่ต้องหันไปมองเพราะจำเสียงลูกค้าประจำได้แล้ว “ก๋วยเตี๋ยวคุณยายอร่อย กินไม่เบื่อเลยค่ะ” น้ำหวานว่าอย่างเอาใจ แล้วย่อตัวนั่งลงตรงข้ามกับพลพล ในขณะที่คุณยายลวกเส้นก๋วยเตี๋ยวอยู่นั้นทั้งคู่เม้าท์มอยกันอย่างออกรส หัวข้อการสนทนาหนีไม่พ้นข้อสอบที่พึ่งทำมา จนกระทั่งก๋วยเตี๋ยวสองชามพร้อมเสิร์ฟ โก๋ที่วันนี้อยู่บ้านจึงอาสานำมาเสิร์ฟให้ “มาแล้วครับ พิเศษหนึ่ง ธรรมดาหนึ่ง” หันไปวางให้พลพลก่อนว่างให้น้ำหวาน “ขอบคุณค่ะ พี่โก๋ ” หันไปขอบคุณให้โก๋เบาๆและส่งรอยยิ้มให้เขา “พรุ่งนี้สอบเสร็จแกกลับเลยใช่มะ” “ช่ายย พรุ่งนี้พี่กันต์จะออกมาตั้งแต่เช้ามืดเลย สอบเ
โก๋จัดการล็อกประตูรถทันทีที่รถหยุดลงท่ามกลางบรรยาศที่มืดและเงียบสนิท ทั้งสองหยุดนิ่งเพื่อดูว่าโก๋จะทำอะไรต่อ ในหัวประมวลผมหาทางหนีทีไล่ที่มีน้อยนิด เขานั่งนิ่งไม่พูดอะไรมองมาสักคำ ราวกับกำลังใช้ความคิด ริมฝีปากขบไปมาเบาๆ ขณะที่มือเคาะพวงมาลัยเป็นจังหวะ กริ๊งงง! จังหวะที่กำลังเงียบกันอยู่นั้น โทรศัพท์มือถือที่น้ำหวานกำไว้แน่นปรากฏแสงสว่างวาบขึ้นหน้าจอพร้อมกับแผดเสียงร้องดังลั่นรถ สายจากกลกันต์ “ห้ามรับ” เสียงเหี้ยมจากโก๋แผดเสียงดังจนน้ำหวานตกใจมือสั่น “ใครโทรมา” เสียงเข้มถามต่อ “อะ เอ่อ ฟะ แฟนค่ะ” “มันมาช่วยอะไรพวกเธอไม่ได้หรอก รับสิ รับแล้วส่งพิกัดให้ด้วยนะ พรุ่งนี้มันจะได้มารับ ศพ เธอถูกที่” โก๋เน้นหนักคำว่า ศพ ตวัดหางตามองน้ำหวานที่แววตาฉายความกลัวออกมา รีบกดตัดสายจากกลกันต์ กลัวว่าเสียงที่ดังขึ้นจะเป็นการยั่วยุอารมณ์ของโก๋ “พี่โก๋ หวานไม่รู้ว่าเคยทำอะไรให้พี่ไม่พอใจ เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนด้วยซ้ำ พี่ปล่อยหวานกับเพื่อนไปเถอะนะ หวานสัญญาว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร ไม่ตามเอาเรื่องพี่แน่นอน
รถยังคงแล่นฝ่าความมืด ไม่รู้ว่าตอนนี้ผ่านมานานแค่ไหนแล้วที่ทั้งคู่ออกมาจากร้านก๋วยเตี๋ยว เพราะถูกมัดมือทั้งสองข้างไขว้ไว้ด้านหลัง ทำให้ไม่สามารถดูเวลาได้ รอบข้างมีแต่ป่าไม่มีป้ายสัญลักษณ์บอกเส้นทางหรือจุดสังเกต รถถูกขับลัดเลาะไปตามเส้นทาง มีทั้งบริเวณที่เป็นป่าและพื้นที่ทำการเกษตร เห็นพื้นที่ที่ถูกกั้นเป็นคันนาจากแสงจันทร์ที่สาดส่องกระทบพื้น ลัดเลาะไปตามทางดินลูกรังที่ความกว้างของถนนรถสามารถผ่านเข้าออกไปเพียงหนึ่งคัน ระหว่างทางโก๋หยุดรถที่บ้านหลังหนึ่ง มีแสงสว่างจากตะเกียง มองเห็นเป็นบ้านไม้ตั้งเดี่ยวรอบข้างเป็นทุ่งนา ที่หน้าบ้านมีชายสองคนยืนรอเขาอยู่ โก๋ก้าวลงจากรถและพูดคุยกับชายแปลกหน้าก่อนส่งของบางอย่างให้ทั้งสองที่เธอมองไม่ชัดว่าคืออะไร พลพลที่นั่งด้านหน้าพยายามเอื้อมตัวมาฝั่งคนขับมองหาโทรศัพท์ของเขาและน้ำหวานที่ไม่รู้ว่าโก๋เก็บไว้ตรงไหน “หวานแกรู้ไหมว่าพี่โก๋เก็บโทรศัพท์เราไว้ตรงไหน” “ฉันนั่งตรงนี้มองไม่ชัดเลยแก ลองดูข้างเบาะไหม” ทั้งสองช่วยกันก้มลงหา แต่กลับไม่พบอะไรประกอบกับชายผู้หนึ่งวิ่งตรงมาที่รถ เขาไม่ได้พูดอะ
หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ เป็นข้อความซ้ำๆที่ดังมาจากปลายสาย มือหนายกโทรศัพท์ออกจากใบหู กดตัดสายคอลเซ็นเตอร์ที่เพียรบอกให้เขาฝากข้อความ “ยังติดต่อน้ำหวานไม่ได้อีกเหรอคะคุณกันต์” ป้าแก้วและป้าน้อยแสดงสีหน้าวิตกกังวล พรุ่งนี้เป็นวันที่กลกันต์จะไปรับน้ำหวานเพื่อกลับไร่ ทั้งสองจึงเตรียมอาหารและขนมให้ทั้งกลกันต์และน้ำหวานสำหรับการเดินทาง เพราะกลกันต์ยุ่งกับงานในช่วงหลายวันที่ผ่านมา จึงได้นำของทั้งหมดที่เตรียมมาฝากแก่กลกันต์ในช่วงเย็นวันนี้แทน เข้าบ้านมาแทนที่จะพบกันสีหน้าตื่นเต้นดีใจ กลับกลายเป็นสีหน้าวิตกกังวลแทนเมื่อไม่สามารถติดต่อน้ำหวานได้ “ยังเลยครับป้า” ตั้งแต่สายแรกที่โทรไปและเธอกดตัดสายเขา เขาพยายามต่อสายกลับไปอีกครั้งแต่ไม่สำเร็จ “คุณกันต์มีเบอร์เพื่อนน้ำหวานหรือเปล่าคะ อาจจะติดฉลองสอบเสร็จกับเพื่อน เด็กๆก็แบบนี้แหละค่ะ” ป้าแก้วพยายามเอ่ยในแง่ดี แม้จะรู้ว่าที่ผ่านมาน้อยครั้งมากที่น้ำหวานจะขาดการติดต่อไปแบบดื้อ น้ำหวานรู้ดีว่าทุกคนที่นี่เป็นห่วง เพราะฉะนั้นน้ำหวานจะพยายามบอกล่วงหน้าว่าในแต่ละวันเธอจะไปไห
เมื่อเรื่องที่รับรู้หนักเกินกว่าเขาจะจัดการคนเดียว เขาจึงได้ประสานเรื่อง และส่งข้อมูลทั้งหมดให้ตำรวจ ด้วยความร่วมมือของนิดอีกแรง เพื่อตามตัวน้ำหวาน ที่คาดว่าจะหายไปพร้อมกับพลพล ในระหว่างทางเขาคอยประสานงานติดตามข่าวอยู่ตลอด รถราเริ่มเคลื่อนที่น้อยลง เวลานี้เป็นเวลาพักผ่อนแม้จะมีแสงไฟยามราตรีสว่างไสวอยู่ก็ตาม จนกระทั่งรถของเขาเคลื่อนที่มายังจุดเกิดเหตุที่ได้รับแจ้งตามเลขทะเบียนของพลพลกว่าที่กลกันต์จะเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืน มีเจ้าหน้าที่หลายนายกำลังระดมตามหาน้ำหวานและพลพล รวมทั้งเก็บหลักฐานต่างๆ บริเวณเกิดเหตุถูกกั้นด้วยเทปกั้นเขตเพื่อกันผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากพื้นที่ พบรถเก๋งสีดำของพลพลถูกจอดทิ้งไว้ริมสะพาน ชาวบ้านแถบนั้นรายงานว่าได้ยินเสียงดังโครมไปทั่วบริเวณ ก่อนตามด้วยเสียงปืนราวสามนัด “ไอ้กันต์ ทำใจดีๆนะเว้ย” ชายหนุ่มร่างสูงในเครื่องแบบเดินเข้ามาใช้ร่างสูงใหญ่ขวางทางกั้นไม่ให้กลกันต์เข้าไปในพื้นที่ ผู้กองเขมซึ่งเป็นเพื่อนของกลกันต์ ย้ายเข้ามารับตำแหน่งที่นี่ และเป็นเดินทางมาจุดเกิดเหตุตั้งแต่แรก “มึงหมายความว่ายังไง” กลก
ที่โรงพยาบาลตอนนี้ทั้งสามยังคงนั่งอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน จากเรื่องราวที่ถ่ายทอดมาจากโก๋ ทำให้ทั้งสองทั้งตกใจและเสียใจ ไม่คาดคิดว่าเรื่องราวจะมีสาเหตุจากความแค้นของน้าสร้อยและครอบครัวน้ำหวาน โก๋เลือกที่จะบอกเพียงเนื้อหาส่วนความแค้นของน้าสร้อย เพื่อให้น้ำหวานระวังตัว และความจริงแล้วที่น้ำหวานเจอเรื่องแปลกและมีคนคอยตามอยู่เป็นเขาและคนของสร้อย นิคพยายามจะห้ามไม่ให้เขาทำผิด ในตอนแรกเขายังดื้อดึงเพราะเสียดายเงินที่จะได้จากงานนี้ แต่เพราะกลัวแม่เสียใจจึงต้องล้มเลิกและเปลี่ยนมาช่วยนิค พี่อยากจะเตือนให้น้ำหวานระวังตัว แต่ก็ไม่ทันเมื่อสร้อยลงมือเร็วกว่าที่คาดไว้ “หวานไม่เคยรู้เลยค่ะ ว่าน้าสร้อยจะเกลียดหวานขนาดนี้” ดวงหน้าหวานที่ดวงตาเอ่อชุ่มไปด้วยหยาดน้ำ เอ่ยหลังจากที่เพียรขอโทษทุกคนที่ทำให้ต้องเจอเรื่องแย่ๆ หากเธอรู้ก่อนเธอจะพยายามแก้ไข แม้จะไม่ทราบถึงสาเหตุที่แท้จริง จากที่ตอนแรกน้ำหวานเป็นฝ่ายปลอบพลพล ตอนนี้กลายเป็นพลพลต้องคอยปลอบน้ำหวานเมื่อน้ำหวานเอาแต่โทษว่าเป็นความผิดของเธอ ร่างสูงของพลพลโอบกอดร่างเล็กของน้ำหวานที่ห่อตัวเองภายใต้อ้อมกอดของเขามือทั้งสอ
พี่โก๋ ถ้าอย่างนั้นหวานขอยืมมือถือได้ไหมคะ” “โทรหาใคร ไว้ใจได้หรือเปล่า” “คนนี้ไว้ใจได้แน่นอนค่ะ ความจริงพี่ไม่น่ายึดมือถือไปเลยนะ” “พี่ก็ไม่คิดว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้ อ่ะ” ว่าแล้วยื่นมือถือของตนส่งให้น้ำหวาน ขณะที่ยืนอยู่หน้าร้านขายของชำเล็กๆหน้าโรงพยาบาล นิ้วเรียวกดจิ้มเบอร์โทรศัพท์ที่เธอท่องจำได้ขึ้นใจ ไม่รู้ป่านนี้เขาจะเป็นห่วงเธอขนาดไหนที่ติดต่อไม่ได้ ทันทีที่สัญญาณดังขึ้น เป็นจังหวะเดียวกับที่ปลายสายกดรับทันที “พี่กันต์ น้ำหวานเองนะคะ” คนตัวเล็กกรอกเสียงลงไปทันที่ที่หน้าจอขึ้นการจับเวลา
สองร่างที่กำลังกอดพูดคุยให้กำลังใจผละออกจากกันเมื่อได้ยินเสียงดังอึกกระทึกครึกโครมดังมาจากอีกด้านซึ่งอยู่หลังเวที ในตอนนี้ผู้คนในงานต่างหันไปมองทิศทางของเสียง ก่อนที่สักพักจะได้ยินเสียงโห่ร้องตามมา เสียงเพลงบนเวลาถูกปิดลงจนรอบตัวมีแต่ความเงียบ นิคที่นั่งอยู่บริเวณหน้าเวทีหันไปมองด้วยความสนใจเมื่อเห็นผู้ที่เดินขึ้นมาไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นโก๋ ย่างก้าวขึ้นบนเวทีขณะที่มือข้างหนึ่งถือไมโครโฟนและมืออีกข้างกุมอยู่ที่ข้อมือของหญิงสาวที่เขาไม่เคยพบ เจ้าของร่างกำยำอาศัยพละกำลังที่มากกว่าใช้มือกุมข้อมือน้อยๆบังคับให้นิดที่พยายามขัดขืนเดินตามแรงของเขา ไม่ว่าจะทั้งข่วนทั้งขู่ก็ไม่มีทีท่าจะโก๋จะหยุด จนสุดท้ายการฉุดกระชากจึงจบลงที่กลางเวที นิดส่ายหน้าขอร้องให้เขาหยุดการกระทำแต่โก๋ไม่สนใจเมื่อสิ่งที่จะทำต่อจากนี้เขาคิดมาแล้ว “ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะความสนุกทุกคนนะครับ” เสียงเข้มว่าออกไปโดยมีทุกคนสายตากำลังจับจ้องมาที่เขา ต่างรอลุ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ ผู้จัดการศูนย์อาหารที่หายไปตั้งแต่หัวค่ำ ปรากฏตัวอีกครั้งพร้อมกับนิดนักบัญชีสาวโสดของไร่
พลพลที่กำลังเดินเข้าไปในครัวไม่ลืมที่จะหันกลับมามองนิคเป็นระยะ เมื่อเห็นว่านิคน่าจะอยู่คนเดียวได้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรจึงเดินเข้าห้องครัวไปชีวิตใหม่ของนิคกำลังจะเริ่มขึ้น ในฐานะแฟนแม้ไม่ใช่ความรักชายหญิงเหมือนทั่วไป แต่เขามั่นใจว่าความรักที่มีเป็นรักแท้และไม่เคยคิดที่จะทอดทิ้งตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ครั้งนั้นเขาคิดเสมอขอให้นิคกลับมา และสัญญาว่าไม่จะเกิดอะไรขึ้นเขาจะยืนข้างนิคไม่ปล่อยมือพลพลหยุดยืนหน้าห้องครัวที่ส่งกลิ่นหอมลอยโชยออกมาตามลม เมื่อเห็นว่าประตูห้องเปิดอยู่จึงก้าวเข้าไปแต่ภาพที่เห็นทำให้ต้องชะงักเท้าเอาไว้ การมาของเขาจะเป็นก้างขวางคอคนแถวนี้หรือเปล่า เมื่อเห็นคู่รักทำอาหารหวานจนมดแทบจะขนกันลงหม้อแล้วรู้สึกยินดีกับเพื่อนที่ได้เจอรักดีๆ ที่พร้อมจะดูแล แม้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดูรวดเร็ว เร็วกับการพัฒนาแต่เชื่อว่าทั้งคู่ปรับตัวเข้าหากันได้ ก็รู้จักกันมาทั้งชีวิตแล้ว และนึกขอบคุณกลกันต์ที่ให้โอกาสเขาและนิค ตลอดเวลาที่นิครักษาตัวเขาให้ความช่วยเหลืออย่างดี ทำทุกอย่างที่เขาสามารถทำได้โดยที่พลพลและนิคไม่เคยได้เอ่ยขอ สงสัยเขาและนิคคงจะต้องอยู่เลี้ยงลูกให้น้ำหวานจริงๆ“ทำแบบนี้กับข้าว
ฝ่ามือหนาของโก๋ยังคงจับยึดที่ข้อเท้าสวย บรรจงจูบซ้ำๆ พร้อมส่งสายตาอ้อนวอนให้หญิงสาวที่ยังคงส่งสายตาปั้นปึ่งให้ เขาเข้าใจดีกับสิ่งที่เธอต้องการ แต่ในมุมของเขาก็ต้องการเวลาเช่นกัน ไม่ใช่อยากเก็บเป็นความลับ แต่คนใกล้กันยิ่งมีคนรู้มากหากไม่ใช่แล้วต้องแยกจากกันไปเธอจะเสียหาย ตัวเขาเองก็ไม่เป็นไรหรอก ไม่สนใจคำพูดอยู่แล้ว จนวันนี้ที่ถูกเธอเมินความสนใจ รู้สึกใจจะขาด ไม่พอใจ เหมือนหัวใจถูกบีบ กลัวเธอยอมแพ้แล้วตัดใจจากเขา“จะปล่อยดีๆไหม” ไม่เพียงแต่สายตาเท่านั้นแต่น้ำเสียงที่ส่งมายังเต็มไปด้วยความโมโห“ไม่” ว่าพร้อมกระตุกเรียวขาสวยที่พยายามขืนออกจากการเกาะกุม“ได้ แล้วอย่ามาเสียใจละกัน” ว่าแล้วจึงชักเรียวขาหดเข้าหาลำตัวก่อนออกแรงเหยียดจนสุดหรือจะเรียกว่าถีบสุดกำลังใส่ร่างล่ำหนา หากแต่ผิดคาดเธอประเมินเขาต่ำไปแรงเท่ามดของเธอไม่สามารถทำอะไรกับผู้ชายถึกทึนแบบเขาได้ จึงตลบหลังเธอด้วยการจับยึดเรียวขาออกแรงพลิกร่างเล็กให้คว่ำลง“อร๊ายยย ทำบ้าอะไรเนี่ย”“พี่คิดว่าจะสู้ผมได้จริงเหรอ” ถามอย่างท้ายทาย ตัวเท่านี้จะเอาอะไรมาสู้เขา“ทำแบบนี้ทำไม”“ขี้เกียจอธิบายแล้ว” โก๋ว่าอย่างมึนๆ พร้อมโน้มตัวลงทาบทับร่างเ
วันนี้เป็นอีกวันที่ไร่กลเกียรติมีการรวมตัวเพื่อจัดงานต้อนรับการออกจากโรงพยาบาลของนิค และเป็นการเริ่มชีวิตใหม่ของหลายๆคน บรรยากาศเป็นไปตามสไตล์บ้านไร่เสียงเพลงเพราะๆกับบรรยากาศเย็นสบายในตอนเย็นทำให้นิคระบายยิ้มออกมาขณะรับแก้วเครื่องดื่มจากพลพล“ทุกคนน่ารักมากนะ” นิคหันไปพูดกับแฟนหนุ่มก่อนยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบ“นิคอยากไปเต้นสักเพลงไหม” พลพลถามพลางยื่นมือออกไปหาคนรัก ซึ่งเอาแต่ส่ายหน้า“ไม่ดีกว่า พี่เห็นทุกคนสนุกก็พลอยสนุกไปด้วยแล้ว พลเข้าไปช่วยน้ำหวานในครัวก่อนก็ได้นะ”“พลไม่อยากทิ้งพี่นิคไว้คนเดียว”“คนเดียวที่ไหน คนเต็มงานเลย เดี๋ยวมีอะไรพี่เรียกพลเอง ไปเถอะ แล้วตักของอร่อยๆมาให้พี่ด้วย” นิค พยักหน้าอีกครั้งเพื่อยืนยันคำพูด เขาอยู่คนเดียวได้จริงๆ ตอนนี้ทั้งงานเต็มไปด้วยผู้คนในไร่ที่มาร่วมงาน ขณะที่รออาหารจากในครัวมาเสิร์ฟ ขาแดนซ์จึงเริ่มออกลวดลาย“พี่โก๋ก็ไม่อยู่ ไม่รู้หายไปไหนของเขา พี่นิคกลับมาทั้งทีกลับหายตัว ไม่ห่วงเพื่อนเลยหรือไง” พลพลบ่นไปตามประสา เพราะวันนี้เป็นวันแรกที่เขาและนิคเข้ามาที่ไร่แห่งนี้ ด้วยคำขอของกลกันต์ที่อยากให้นิคพักฟื้นที่ไร่ ตั้งแต่ที่กลับเข้ามาที่ไร่เมื่อ
เป็นเวลาเกือบสองเดือนแล้วที่โก๋ย้ายมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ไร่เกียรติอรุณแห่งนี้ จากช่วงแรกที่เข้ามาขอเริ่มงานในไร่ที่ต้องใช้แรงพละกำลังตามแบบถนัด จนเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาเขาได้ขอกลกันต์ย้ายเข้ามาช่วยงานศูนย์อาหารด้านหน้า ให้เหตุผลว่าอยากดูแลแม่ของเขาซึ่งอยู่เฉยๆไม่ได้จึงต้องออกมาช่วยงานที่นี่อยู่เรื่อยไปกลกันต์นั้นแสนจะยินดี เพราะภาระงานอันมากมายที่ต้องรับผิดชอบและอยากแบ่งเบา โดยเฉพาะกับผู้มีพระคุณของครอบครัว ครั้นเขาจะเอ่ยปากแต่แรกก็เกรงว่าจะทำให้โก๋ลำบากใจ จนกระทั่งโก๋เข้ามาขอทำงานในร้านอาหารเขาจึงอนุมัติทันที ผ่านมาเกือบเดือนที่โก๋ย้ายมาดูแลร้านอาหาร ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายที่บุคลิกดูโผงผางแบบโก๋จะทำให้ลูกค้าติดหนึบจนยอดขายเพิ่มขึ้นมาก แถมยังมีสาวๆเข้ามาติดพัน สงสัยจะได้สละโสดก็คราวนี้“พี่กันต์คิดอะไรอยู่คะ” น้ำหวานที่เดินเข้ามาใกล้ตัวกลกันต์ที่ยืนเท้าแขนอยู่ระเบียงห้อง“ก็คิดว่าคืนนี้จะให้หวานช่วยพี่ยังไงดี ท่าไหนดี” กระซิบริมใบหูของน้ำหวานเบาๆท้ายประโยค และเธอเข้าใจดีกับคำว่าช่วยของเขาจนดวงหน้าเริ่มแดงซ่าน แม้จะแนบชิดกันมาหลายครั้ง แต่เธอยังคงไม่ชินและเขินอายเสมอเมื่อโดนเขากลั่นแกล
สามวันต่อมา วันนี้เป็นวันที่โก๋และแม่เดินทางเข้ามาที่ไร่เป็นวันแรก จากที่ควรจะมาตั้งแต่เมื่อวานแต่เพราะยังจัดการข้าวของจากบ้านเก่าไม่แล้วเสร็จการเดินทางจึงถูกเลื่อนออกไปหนึ่งวันรถเก๋งคันเก่าคู่ใจเคลื่อนที่เข้ามาในไร่ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์อยู่ตรงศีรษะอันร้อนระอุ ป้าน้อยทำหน้าที่ต้อนรับทั้งสองและพาเข้าไปแนะนำบ้านพักซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับหลังของป้าน้อยเนื่องจากวันนี้น้ำหวานต้องเดินทางเข้าไปยังมหาวิทยาลัยเพื่อทำการสอบในรายวิชาที่เหลือและตัดสินใจทำเรื่องพักการเรียนเอาไว้ก่อนด้วย กลกันต์ที่ไม่อยากให้น้ำหวานต้องอยู่ห่างตัวจึงตามเธอไปด้วยอีกคน ทำให้ต้องฝากป้าแก้วและป้าน้อยช่วยดูแลโก๋และคุณยายณีแม่ของเขาโก๋หยุดรถลงที่หน้าบ้านหลังสีขาวเป็นบ้านชั้นเดียว ดูร่มรื่นโอบล้อมไปด้วยทิวทิศน์ธรรมชาติเขียวขจี และด้านข้างยังมีบ้านอีกหลายหลังที่อยู่ใกล้เคียงกัน ด้วยอากาศที่ร้อนจัดโก๋จึงละสายตาจากความงามของบรรยากาศรอบตัว รีบเข้าไปช่วยพยุงแม่เข้าไปพักในตัวบ้านที่ทำความสะอาดไว้เป็นอย่างดีเดินทางการมาเหนื่อยป้าน้อยจึงปล่อยให้ทั้งสองได้นอนพักเอาแรง ทางด้านยายณีหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าในขณะที่โก๋ยังคงตื่นเต้นกับส
กว่าที่หมอปพนธีร์จะซักไซ้เรื่องราวของทั้งคู่จบลง ตบท้ายด้วยให้ความรู้ลูกสาวในการดูแลตนเองก็กินเวลาไปอีกเกือบสองชั่วโมง กลกันต์ที่รับรู้ได้ถึงรังสีบางอย่าง ที่ทำให้เขารู้ตัวดีว่าคงต้องโดนพ่อตาเฉ่งเข้าสักวัน ข้อหาทำลูกสาวท้องแน่ๆถามว่าตกใจไหม ในฐานะพ่อที่มีลูกสาว เขารู้สึกเป็นห่วงและหวง แต่รู้ดีว่าตัวเขาเองก็ไม่ใช่คนดีอะไร ได้แต่หวังว่ากลกันต์จะไม่ทำผิดพลาดแบบเขา เรื่องความรักก็คงต้องให้ลูกตัดสินใจด้วยตัว เขารู้ดีว่าไม่มีสิทธิ์เข้าไปก้าวก่ายความสัมพันธ์มาไกลกว่าที่ใครจะแยกทั้งสองได้แล้ว คงต้องปล่อยให้ทั้งสองได้เรียนรู้กันมากขึ้นกับบทบาทที่กำลังเปลี่ยนไปอีกรูปแบบ คนแก่แบบเขามีหน้าที่เฝ้ามองดูลูกหลานเติบโตไปทางของตนเอง แม้ไม่ชอบขี้หน้าลูกเขยเท่าไหร่ แต่ในเมื่อลูกสาวเขาบอกว่ารัก ก็คงต้องตามนั้นทั้งสองเดินทางกลับไร่ด้วยกันโดยมีลุงคำทำหน้าที่เป็นสารถีให้ เป็นเวลาเกือบบ่ายสองที่ทั้งคู่เดินทางมาถึงไร่ โดยมีป้าน้อยและป้าแก้วจัดเตรียมอาหารไว้รอ ทั้งสองรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นจากการถ่ายทอดคำบอกเล่าของลุงคำ หากทั้งสองขับรถเป็นคงจะรีบบึ่งไปหาน้ำหวานที่โรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อน จะขี่รถเครื่
น้ำหวานขืนตัวออกจากวงแขนของผู้เป็นพ่อเล็กน้อย หันมองผู้เป็นพ่อสลับกับกลกันต์อย่างขบคิด “คุณไม่อยากให้หวานมีแฟนเหรอคะ” เสียงหวานเอ่ยถาม หรือหมอปพนธีร์ไม่อยากให้เธอมีแฟน เขาจะผิดหวังหรือเปล่าถ้ารู้ว่าเธอข้ามขั้นของคำว่าแฟนไปแล้ว “พ่อว่าลูกตั้งใจเรียนก่อนไหม เราชอบเรียนไม่ใช่เหรอ ไว้เรียนจบแล้วพ่อจะพาหวานไปเที่ยวรอบโลกกันดีไหม” “แค่กๆๆ” ร่างสูงที่ฟังอยู่กระแอมออกมาเบาๆเพื่อบอกให้รู้ว่าเขายังอยู่ตรงนี้ นี่ขนาดหมอปพนธีร์พึ่งได้เจอหน้าลูกสาวครั้งแรกยังคิดแผนพาลูกสาวหนีออกจากอกเขาเสียแล้ว แต่เสียใจด้วยหวานอยู่ที่ไหนกลกันต์อยู่ที่นั่น แถมลูกๆของเขาอีก “น้ำอยู่บนโต๊ะครับคุณกันต์” หมอปพนธีร์พยักพเยิดหน้าไปทางโต๊ะขาวตรงมุมห้องที่มีเหยือกน้ำตั้งอยู่ มองกลกันต์ทีไร ช่างขัดหูขัดตาเขาจริงๆ นอกจากแตะเนื้อต้องตัวน้ำหวานแล้วยังคอยส่งสายตาหลงใหลที่มองดูลูกสาวเขาราวกับจะกลืนกิน ก็ไหนว่าเป็นแค่พี่น้อง แบบนี้เขาคงต้องหาวิธีแยกทั้งสองคนออกจากกันก่อนที่ลูกสาวแสนรักจะตกเป็นเหยื่อเสือเจ้าเล่ห์ ทางกลกันต์เดินเข้าไปรินน้ำจากเหยือกลงในแก้วที่วางอยู่ด้านข
กลกันต์ใช้เวลาพักรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลเดิมในจุดเกิดเหตุ และได้ทำเรื่องส่งตัวนิคไปยังโรงพยาบาลในกรุงเทพที่มีอุปกรณ์การรักษาที่ครบครันโดยมีนิคและโก๋ตามไปด้วยเมื่อสองวันก่อนแผลของเขาเริ่มประสานกันเพราะมีพยาบาลพิเศษคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ยังมีความปวดตึงบริเวณบาดแผล ทำให้การขยับตัวลำบากอยู่บ้าง ที่กลกันต์ยังรักษาอยู่ที่นี่เป็นเพราะคำขอร้องของน้ำหวานที่ไม่ยอมกลับไร่กับเขา เธออยากอยู่ตามอาการของหมอปพนธีร์ จนกระทั่งวันนี้ที่หมอปพนธีร์อาการดีขึ้นจึงขอให้เขาพามาพบก่อนที่จะเดินทางกลับไร่ไปด้วยกันทั้งสองหยุดอยู่หน้าห้องพักของหมอปพนธีร์โดยมีน้ำหวานช่วยเข็นรถเข็นผู้ป่วยที่มีกลกันต์นั่งอยู่ แม้เขาจะขอเดินมาเองแต่คนตัวเล็กกลับไม่พอใจนักเพราะกลัวบาดแผลของเขาจะกระทบกระเทือนได้ และสุดท้ายเขาจึงต้องยอมทำตามความต้องการของเธอน้ำหวานเคาะประตูสามครั้งก่อนเอื้อมมือเล็กหมุนลูกบิดประตูเข้าไป ภายในเป็นห้องพักผู้ป่วยสีขาวคล้ายกับห้องของกลกันต์ หมอปพนธีร์ที่รออยู่แล้วจึงพยายามหยัดกายขึ้นด้วยความลำบากน้ำหวานที่มองอยู่ลังเลว่าควรจะเข้าไปช่วยดีไหม เพราะความห่างเหิน ไม่เคยรู้จักมาก่อนจึงรู้สึกประหม่า กลกันต์ที่มองอย