“น่ารักที่สุด” กลกันต์เอ่ยเพ้อๆ เมื่อได้รับจูบที่ข้างแก้มและคำพูดหวานๆจากคนตัวเล็ก
ในตอนนี้น้ำหวานนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์มีกลกันต์ยืนเท้าแขนอยู่ที่ขอบ สองแขนของน้ำหวานยังคงประคองใบหน้าของกลกันต์เอาไว้
“อย่าทำลายความไว้ใจของหวานนะคะ” ใบหน้าหวานมองสบตาเอ่ยเสียงจริงจังอีกครั้ง จ้องลึกลงไปนัยน์ตาของคนตัวโต
“พี่ขอให้หวานเชื่อใจในตัวพี่ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พี่รักหวานคนเดียว และจะดูแลหวานให้ดีที่สุด พี่สัญญา อืมมม เปลี่ยนๆ แต่ไม่รับปากว่ารักหวานคนเดียวดีกว่า”
“พี่กันต์ ถ้าพี่กันต์รักคนอื่นไปพร้อมกับหวาน หวานไม่ยอมนะ” ใบหน้าหวานเริ่มงอง้ำลง
“แต่พี่เชื่อว่าคนนี้หวานยอม ก็ลูกขอ
ผ่านไปอีกหลายวันจนกระทั่งถึงวันที่น้ำหวานจะต้องเดินทางไปมหาวิทยาลัย วันนี้เธอยังคงตื่นขึ้นมาแต่เช้ามืด ลุกขึ้นมาเตรียมอาหาร และนำไปใส่บาตรในตอนเช้าตามกิจวัตรประจำวัน จะต่างกันที่ในตอนนี้เธอไม่ต้องไปคนเดียวแล้ว กลกันต์ไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัยด้วยตัวเองตามที่ตกลงกันไว้ ของใช้เธอนำไปไม่เยอะ นำเพียงของที่จำเป็นไปก่อน มีของขาดเหลือค่อยกลับมาเอา ระยะทางจากไร่ไปมหาวิทยาลัยไม่ไกลนัก ใช้เวลากลับมาช่วงเสาร์อาทิตย์ได้ น้ำหวานเดินทางก่อนวันลงทะเบียนตามกำหนดการมหาวิทยาลัยหนึ่งวันเพื่อไม่ให้ฉุกละหุกจนเกินไป ในตอนแรกจะออกเดินทางเร็วกว่านี้ แต่กลับขัดใจคุณผู้ปกครอง ดังนั้นการเดินทางจึงถูกเลื่อนมาเป็นวันนี้แทน หอพักที่น้ำหวานอยู่นั้นเป็นหอพักหญิงล้วน กลกันต์จึงพอเบาใจได้สักเล็กน้อย แม้จะไม่สะดวกเมื่อเขาเดินทางมาหาเธอที่หอนี้ แต่ไม่เป็นไร เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหานัก ตัวหอพักเป็นตึกขนาดให
หลังจากวันที่ได้รับกล่องปริศนาจากผู้ไม่หวังดี น้ำหวานยังคงใช้ชีวิตตามปกติ เรื่องที่เกิดขึ้นน้ำหวานไม่ได้เล่าให้กลกันต์ฟัง เลือกที่จะไม่ใส่ใจ ในตอนแรกเธอพยายามจะตามหาแต่กลับไม่พบสิ่งที่น่าสงสัยหรือที่มาของกล่องนั้น และมีเพียงพลพลที่ทราบเรื่องนี้ ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเริ่มเปิดเทอม นักศึกษาจากทุกคณะจะต้องทำกิจกรรมรับน้องที่เข้ามาใหม่ ไหนจะการเรียนที่หนักขึ้นทำให้ในแต่ละวันน้ำหวานเหนื่อยกลับมาห้องเรียกว่าแทบสลบ “อ่ะ กลัวแกไม่อิ่ม” น้ำหวานตักแบ่งไก่ชิ้นใหญ่ๆส่งให้กับพลพลในขณะที่ทั้งคู่นั่งทานข้าวเที่ยงด้วยกัน พลพลตักไก่ชิ้นโตเคี้ยวอย่างไม่รีรอ “เคี้ยวด้วย เดี๋ยวอาหารไม่ย่อย” น้ำหวานหันไปว่าพลพล 
เพี๊ยย!! “โอ๊ยย” เกิดเสียงขึ้นมาเบาๆเมื่อน้ำหวานตีไปที่แขนกลกันต์ “หื่นได้ตลอดเลย ช่วงนี้หวานใกล้สอบแล้วนะคะ เปลี่ยนจากเรื่องนั้นมาติวหนังสือให้หวานก่อนดีไหม” “เข้าห้องกันเถอะนะคะ หวานอยากอ่านหนังสือแล้ว” ทั้งสองจึงลงจากรถที่ตอนนี้จอดอยู่บริเวณชั้นล่างของคอนโด น้ำหวานเดินเข้ามาขนาบข้างกับกลกันต์ เขาจึงยึดเอากระเป๋าเสื้อผ้าของเธอมาถือไว้เอง “ขอบคุณนะคะที่ยอมขับรถตั้งหลายชั่วโมงเพื่อมาหาหวาน” “พี่เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นได้ไหม หืมม พี่คิดถึงหวานมากรู้ไหม บ้านที่เคยมีเสียงหวาน พอต้องอยู่คนเดียว เหงา จนพี่อยากจะทิ้งงานมาอยู่ที่นี่” ตึงง! เสียงลิฟต์เคลื่อนที่มายังจุดหมาย ในขณะที่กลกันต์กำลังเอื้อมมือไปเกี่ยวเอวบางมาชิดตน จึงเปลี่ยนเป็นการเกี่ยวประคองแล้วก้าวเดินออกจากลิฟต์แทน “คริๆ” น้ำหวานได้แต่ขำเบาๆกับท่าทีขัดใจของกลกันต์ จากแต่ก่อนที่คอยดุเธอในตอนนี้กลับอ้อนเก่งซะเหลือเกิน “ถึงห้องของเราแล้ว” น้ำหวานเป็นฝ่ายเปิดประตูเข้าไปเป็นคนแรก ไม่ทันระวังตัวกลกันต์ที่เดินตามหลังมาใช้ฝ่ามือดันร่างน้ำหวานจนชิดผนัง
กลกันต์ใช้เวลาอยู่กับน้ำหวานต่ออีกสองวัน ก่อนที่จะเดินทางกลับไป ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันทั้งคู่ตัวติดกันตลอด ยังดีที่วันหลังๆเขาไม่ได้เอาเปรียบเธอนักและยังช่วยติวหนังสือให้เธอด้วยตอนนี้ผ่านมากว่าหนึ่งเดือนแล้วที่กลกันต์กลับไปที่ไร่ เธอสัญญากับเขาไว้ว่า หลังการสอบครั้งนี้เสร็จเธอจะเดินทางกลับไร่ทันที อีกเพียงสองสัปดาห์ของการสอบเท่านั้นที่เธอจะได้มีเวลาพักผ่อนจากด้วยปิดเทอมวันนี้เป็นวันสอบวันแรก น้ำหวานตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตีสาม คนตัวเล็กลุกขึ้นมาอาบน้ำให้ร่างกายสดชื่น ก่อนเดินไปอุ่นนมหนึ่งแก้ว น้ำหวานยังคงเลือกที่จะพักที่หอเดิมเนื่องจากของใช้ต่างๆอยู่ที่นี่และคุ้นชินกับพื้นที่ตรงนี้แล้ว ส่วนคอนโดนั่นค่อยไปพักในวันที่กลกันต์มาหาแทนเปิดเพลงเบาๆ สร้างบรรยากาศ ก่อนนำชีทสรุปที่ได้ทำไว้ขึ้นมาอ่านเป็นการทบทวน และคีย์เวิร์ดสำคัญที่กลกันต์ให้ไว้ก่อนกลับ อ่านหนังสือเพลินจนพบว่าตอนนี้เป็นเวลาตีห้าแล้วมือบางหยิบมือถือที่วางข้างตัวขึ้นมา ปลายนิ้วกดไปที่การโทรออก ชื่อของกลกันต์คือชื่อที่รับสายล่าสุด จะโทรไปเวลานี้ดีไหม เมื่อวานก็ได้กำลังใจจากกลกันต์เยอะแล้ว มือบางเลื่อนเข้าออกไปมาที่ชื่อของกลกันต์ ท้า
อ้วกกก!!พลพลรีบวางจานผัดไทยลงทันทีแล้ววิ่งตามน้ำหวานไป เสียงอาเจียนดังออกมาจากห้องน้ำหญิงที่น้ำหวานวิ่งหายเข้าไป พลพลมองซ้ายขวาเมื่อพบว่าหน้าห้องน้ำนี้ยังไม่มีผู้คนผ่านมา เขาจึงเข้าไปอ้วกกก!! แหวะเสียงอาเจียนยังดังออกมาจากปากเรียวเล็กที่ก้มลงตัวลงอยู่บริเวณโถชักโครก“มาฉันลูบหลังให้ อ้วกออกมาให้หมด” ว่าแล้วก็ใช้มือลูบไปบนแผ่นหลังน้ำหวานช่วยให้อ้วกเอาอาหารออกจากจนท้องโล่ง พร้อมกับรู้สึกแสบในลำคอ เหนื่อยจนน้ำตาซึมออกมาจากหางตา เมื่อเริ่มดีขึ้นจึงยกมือให้พลพลหยุดลูบหลังเธอ ก้าวออกมา ยืนนิ่งหน้ากระจกสักพัก แล้วจึงเปิดน้ำล้างกลั้วปากตนเอง“แสบคอไปหมดเลยพล” หันไปมองหน้าพลพลแล้วใช้มือข้างหนึ่งเกาะแขนพลพลเอาไว้ เพราะรู้สึกมึนหัวราวกับเล่นเครื่องเล่นสักอย่างอยู่ รอบข้างโคลงเคลงไปมาจนยืนไม่ไหว“อ้าวๆๆ” น้ำหวานที่รู้สึกมึนหัวซวนเซจะล้มอีกครั้งจนพลพลยึดร่างไว้แน่น“หวานแกเดินไหวไหม ฉันจะพากลับไปที่โต๊ะเดี๋ยวหาน้ำหวานให้กิน”“อืม ไหว” พลพลจึงพยุงน้ำหวานกลับไปที่โต๊ะเดิม น้ำผึ้งมะนาวเย็นๆถูกเสิร์ฟให้น้ำหวานหนึ่งแก้ว ช่วยให้มีแรงขึ้นเยอะ“แกมองหน้าฉันทำไม พล”“ประจำเดือนแกมาหรือเปล่า ไปซื้อที่ตรว
“ขีดเดียว” “ตรวจให้หมดเลยเนี่ย ทุกอันที่ซื้อมา” พลพลหยิบยื่นที่ตรวจครรภ์ที่เหลือส่งให้น้ำหวาน อยากให้เธอตรวจทั้งหมดเพื่อความมั่นใจ หายเข้าไปห้องน้ำอีกครั้งพร้อมที่ตรวจครรภ์ใหม่หลายอัน ซึ่งพบว่ามีทั้งขึ้นหนึ่งขีดและสองขีด จากจำนวนที่ตรวจครรภ์ห้าอันขึ้นสองขีดสามอันและหนึ่งขีดอีกสองอัน ก็ไม่รู้จะเชื่ออันไหนดี พลพลที่นั่งอยู่ทำหน้าเครียด ในหัวคิดพันร้อยแปดวิธีหากผลลัพธ์ที่ได้คือน้ำหวานท้อง น้ำหวานได้แต่มองเพื่อนที่ทำหน้ามุ่ยคิ้วขมวด ซึ่งนั่นมันควรจะเป็นเธอ ก่อนเห็นพลพลหยิบมือถือออกมาต่อสายหาใครบางคน “พี่นิคมาถึงไหนแล้ว พอดีวันนี้พลติดธุระ ต้องพาชะนีน้อยไปหาหมอน่ะสิ” (พี่ใกล้ถึงหอพลแล้วนะ ไปที่ไหนเดี๋ยวพี่นิคพาไป) “โอเคจ้า งั้นถ้านิคไม่เหนื่อยก็ไปด้วยกัน ไปลุ้นช่วยชะนีน้อย” เมื่อตกลงกันแล้วจึงกดวางสายไป “พลในนี้บอกว่าถ้าจะตรวจให้ชัวร์เราควรไปโรงพยาบาลนะ บางคนก็ตรวจกับที่ตรวจครรถ์แบบนี้ก็ไม่เจอ” “ฉันรู้แล้ว เดี๋ยวไปตรวจกัน นิคกำลังมา แกเตรียมตัวให้พร้อมก็พอ” ช่วงที่น้ำหวาน
วันนี้น้ำหวานที่มีสอบทั้งหมดสองวิชา ช่วงเช้าและบ่ายอย่างละหนึ่ง โชคดีที่ทั้งสองวิชานี้เธออ่านจบไปสองรอบแล้ว เช้าวันนี้จึงทำเพียงทบทวนเนื้อหา เธอตื่นสายกว่าเมื่อวานเล็กน้อย ไม่ลืมที่จะชงน้ำผึ้งมะนาวดื่มเพราะอาเจียนหลังตื่นนอนไปหนึ่งรอบ ช่วงนี้เธอชอบกินน้ำผึ้งมาก บางวันถึงขนาดที่ใช้ช้อนตักน้ำผึ้งทานเปล่าๆ ทั้งที่ปกติก็รู้สึกเฉยๆกับน้ำผึ้ง ช่วงนี้ต้องมีติดตู้เย็นไว้เสมอ อาการวิงเวียนศีรษะและคลื่นไส้ที่ประสบเมื่อวานนี้ทุเลาลงไปบ้าง และยังทานอาหารได้มากกว่าปกติอีกด้วย บอกกลกันต์คงไม่เชื่อแน่ที่เช้านี้เธอกินโจ๊กไปถึงสองชาม และน้ำผึ้งมะนาวอีกหนึ่งแก้ว วันนี้เลือกสวมกระโปรงพลีทความยาวคลุมเข่าเล็กน้อย เอวยางยืดจะไม่ได้รัดหน้าท้องมาก สวมเข็มขัดแบบหลวมๆก็พอ เดี๋ยวตัวเล็กอึดอัด จะบอกว่าเลือกสวมกระโปรงพลีทเพราะตัวเล็กเพียงอย่างเดียวคงจะไม่ได้ เมื่อครั้งก่อนที่กลกันต์มาหาที่มหาวิทยาลัยแล้วเห็นเธอแต่งตัวด้วยกระโปรงทรงเอความยาวเหนือเข่าเล็กน้อย เพียงเท่านั้นความหึงหวงจึงมาลงที่เธอและถูกสั่งให้เปลี่ยนกระโปรงทั้งตู้เป็นทรงพลีท เธอไ
“คุณยาย ถ้ายังไงพวกผมกลับก่อนนะครับ” พลพลเอ่ยลาคุณยายที่กำลังสาละวนอยู่กับการเก็บร้าน หลังจากที่ไล่ให้ลูกชายที่พึ่งกลับมาถึงบ้านเข้าไปอาบน้ำอาบท่าเสียก่อน “จ้าลูก แล้วมาใหม่นะ” ว่าแล้วโบกมือส่งให้ทั้งสาม พร้อมแจกรอยยิ้มอย่างจริงใจ “หวาน เห็นสายตาโก๋ลูกชายคุณยายหรือเปล่า มองพี่นิคเนี่ยตาไม่กะพริบเลย แฟนเขาก็นั่งอยู่ข้างๆยังขนาดนี้ ถ้าไม่ติดว่าคุณยายน่ารักฉันไม่ยอมกลับไปกินร้านนี้แล้วนะ” ว่าแล้วก็กอดแฟนแขนหนุ่มที่ทำหน้าที่เป็นสารถีอยู่ด้านข้าง “เลอะเทอะน่าแก พี่นิคคงคล้ายคนรู้จักเขามั้ง” “จริงเหรอ นิครู้จักกับคนที่ชื่อโก๋หรือเปล่า” “พี่เปล่าน่าพล” “อย่าให้พลรู้นะว่าเคยแอบกิ๊กกันไม่งั้นจะ...” “จะอะไรเหรอครับที่รัก” เสียงหวานๆดังขึ้นจนพลพลแทบลืมเรื่องที่คุยก่อนหน้า “แพ้ผู้ชายเรียกที่รักอ่า” พลพลว่าแล้วก้มหน้าลงทำหน้าเขินๆ “ร้านก๋วยเตี๋ยววันนี้พี่ว่าไม่อร่อยเลยพล น้ำซุปก็แปลกนะๆ หาร้านอื่นกินเถอะ” “ได้ไงนิค พลว่าอร่อยนะ คุณยายแกพิถีพิถันจะตาย ใช่ไหมหวาน” หันไปขอความเห็นเพ
สองร่างที่กำลังกอดพูดคุยให้กำลังใจผละออกจากกันเมื่อได้ยินเสียงดังอึกกระทึกครึกโครมดังมาจากอีกด้านซึ่งอยู่หลังเวที ในตอนนี้ผู้คนในงานต่างหันไปมองทิศทางของเสียง ก่อนที่สักพักจะได้ยินเสียงโห่ร้องตามมา เสียงเพลงบนเวลาถูกปิดลงจนรอบตัวมีแต่ความเงียบ นิคที่นั่งอยู่บริเวณหน้าเวทีหันไปมองด้วยความสนใจเมื่อเห็นผู้ที่เดินขึ้นมาไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นโก๋ ย่างก้าวขึ้นบนเวทีขณะที่มือข้างหนึ่งถือไมโครโฟนและมืออีกข้างกุมอยู่ที่ข้อมือของหญิงสาวที่เขาไม่เคยพบ เจ้าของร่างกำยำอาศัยพละกำลังที่มากกว่าใช้มือกุมข้อมือน้อยๆบังคับให้นิดที่พยายามขัดขืนเดินตามแรงของเขา ไม่ว่าจะทั้งข่วนทั้งขู่ก็ไม่มีทีท่าจะโก๋จะหยุด จนสุดท้ายการฉุดกระชากจึงจบลงที่กลางเวที นิดส่ายหน้าขอร้องให้เขาหยุดการกระทำแต่โก๋ไม่สนใจเมื่อสิ่งที่จะทำต่อจากนี้เขาคิดมาแล้ว “ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะความสนุกทุกคนนะครับ” เสียงเข้มว่าออกไปโดยมีทุกคนสายตากำลังจับจ้องมาที่เขา ต่างรอลุ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ ผู้จัดการศูนย์อาหารที่หายไปตั้งแต่หัวค่ำ ปรากฏตัวอีกครั้งพร้อมกับนิดนักบัญชีสาวโสดของไร่
พลพลที่กำลังเดินเข้าไปในครัวไม่ลืมที่จะหันกลับมามองนิคเป็นระยะ เมื่อเห็นว่านิคน่าจะอยู่คนเดียวได้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรจึงเดินเข้าห้องครัวไปชีวิตใหม่ของนิคกำลังจะเริ่มขึ้น ในฐานะแฟนแม้ไม่ใช่ความรักชายหญิงเหมือนทั่วไป แต่เขามั่นใจว่าความรักที่มีเป็นรักแท้และไม่เคยคิดที่จะทอดทิ้งตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ครั้งนั้นเขาคิดเสมอขอให้นิคกลับมา และสัญญาว่าไม่จะเกิดอะไรขึ้นเขาจะยืนข้างนิคไม่ปล่อยมือพลพลหยุดยืนหน้าห้องครัวที่ส่งกลิ่นหอมลอยโชยออกมาตามลม เมื่อเห็นว่าประตูห้องเปิดอยู่จึงก้าวเข้าไปแต่ภาพที่เห็นทำให้ต้องชะงักเท้าเอาไว้ การมาของเขาจะเป็นก้างขวางคอคนแถวนี้หรือเปล่า เมื่อเห็นคู่รักทำอาหารหวานจนมดแทบจะขนกันลงหม้อแล้วรู้สึกยินดีกับเพื่อนที่ได้เจอรักดีๆ ที่พร้อมจะดูแล แม้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดูรวดเร็ว เร็วกับการพัฒนาแต่เชื่อว่าทั้งคู่ปรับตัวเข้าหากันได้ ก็รู้จักกันมาทั้งชีวิตแล้ว และนึกขอบคุณกลกันต์ที่ให้โอกาสเขาและนิค ตลอดเวลาที่นิครักษาตัวเขาให้ความช่วยเหลืออย่างดี ทำทุกอย่างที่เขาสามารถทำได้โดยที่พลพลและนิคไม่เคยได้เอ่ยขอ สงสัยเขาและนิคคงจะต้องอยู่เลี้ยงลูกให้น้ำหวานจริงๆ“ทำแบบนี้กับข้าว
ฝ่ามือหนาของโก๋ยังคงจับยึดที่ข้อเท้าสวย บรรจงจูบซ้ำๆ พร้อมส่งสายตาอ้อนวอนให้หญิงสาวที่ยังคงส่งสายตาปั้นปึ่งให้ เขาเข้าใจดีกับสิ่งที่เธอต้องการ แต่ในมุมของเขาก็ต้องการเวลาเช่นกัน ไม่ใช่อยากเก็บเป็นความลับ แต่คนใกล้กันยิ่งมีคนรู้มากหากไม่ใช่แล้วต้องแยกจากกันไปเธอจะเสียหาย ตัวเขาเองก็ไม่เป็นไรหรอก ไม่สนใจคำพูดอยู่แล้ว จนวันนี้ที่ถูกเธอเมินความสนใจ รู้สึกใจจะขาด ไม่พอใจ เหมือนหัวใจถูกบีบ กลัวเธอยอมแพ้แล้วตัดใจจากเขา“จะปล่อยดีๆไหม” ไม่เพียงแต่สายตาเท่านั้นแต่น้ำเสียงที่ส่งมายังเต็มไปด้วยความโมโห“ไม่” ว่าพร้อมกระตุกเรียวขาสวยที่พยายามขืนออกจากการเกาะกุม“ได้ แล้วอย่ามาเสียใจละกัน” ว่าแล้วจึงชักเรียวขาหดเข้าหาลำตัวก่อนออกแรงเหยียดจนสุดหรือจะเรียกว่าถีบสุดกำลังใส่ร่างล่ำหนา หากแต่ผิดคาดเธอประเมินเขาต่ำไปแรงเท่ามดของเธอไม่สามารถทำอะไรกับผู้ชายถึกทึนแบบเขาได้ จึงตลบหลังเธอด้วยการจับยึดเรียวขาออกแรงพลิกร่างเล็กให้คว่ำลง“อร๊ายยย ทำบ้าอะไรเนี่ย”“พี่คิดว่าจะสู้ผมได้จริงเหรอ” ถามอย่างท้ายทาย ตัวเท่านี้จะเอาอะไรมาสู้เขา“ทำแบบนี้ทำไม”“ขี้เกียจอธิบายแล้ว” โก๋ว่าอย่างมึนๆ พร้อมโน้มตัวลงทาบทับร่างเ
วันนี้เป็นอีกวันที่ไร่กลเกียรติมีการรวมตัวเพื่อจัดงานต้อนรับการออกจากโรงพยาบาลของนิค และเป็นการเริ่มชีวิตใหม่ของหลายๆคน บรรยากาศเป็นไปตามสไตล์บ้านไร่เสียงเพลงเพราะๆกับบรรยากาศเย็นสบายในตอนเย็นทำให้นิคระบายยิ้มออกมาขณะรับแก้วเครื่องดื่มจากพลพล“ทุกคนน่ารักมากนะ” นิคหันไปพูดกับแฟนหนุ่มก่อนยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบ“นิคอยากไปเต้นสักเพลงไหม” พลพลถามพลางยื่นมือออกไปหาคนรัก ซึ่งเอาแต่ส่ายหน้า“ไม่ดีกว่า พี่เห็นทุกคนสนุกก็พลอยสนุกไปด้วยแล้ว พลเข้าไปช่วยน้ำหวานในครัวก่อนก็ได้นะ”“พลไม่อยากทิ้งพี่นิคไว้คนเดียว”“คนเดียวที่ไหน คนเต็มงานเลย เดี๋ยวมีอะไรพี่เรียกพลเอง ไปเถอะ แล้วตักของอร่อยๆมาให้พี่ด้วย” นิค พยักหน้าอีกครั้งเพื่อยืนยันคำพูด เขาอยู่คนเดียวได้จริงๆ ตอนนี้ทั้งงานเต็มไปด้วยผู้คนในไร่ที่มาร่วมงาน ขณะที่รออาหารจากในครัวมาเสิร์ฟ ขาแดนซ์จึงเริ่มออกลวดลาย“พี่โก๋ก็ไม่อยู่ ไม่รู้หายไปไหนของเขา พี่นิคกลับมาทั้งทีกลับหายตัว ไม่ห่วงเพื่อนเลยหรือไง” พลพลบ่นไปตามประสา เพราะวันนี้เป็นวันแรกที่เขาและนิคเข้ามาที่ไร่แห่งนี้ ด้วยคำขอของกลกันต์ที่อยากให้นิคพักฟื้นที่ไร่ ตั้งแต่ที่กลับเข้ามาที่ไร่เมื่อ
เป็นเวลาเกือบสองเดือนแล้วที่โก๋ย้ายมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ไร่เกียรติอรุณแห่งนี้ จากช่วงแรกที่เข้ามาขอเริ่มงานในไร่ที่ต้องใช้แรงพละกำลังตามแบบถนัด จนเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาเขาได้ขอกลกันต์ย้ายเข้ามาช่วยงานศูนย์อาหารด้านหน้า ให้เหตุผลว่าอยากดูแลแม่ของเขาซึ่งอยู่เฉยๆไม่ได้จึงต้องออกมาช่วยงานที่นี่อยู่เรื่อยไปกลกันต์นั้นแสนจะยินดี เพราะภาระงานอันมากมายที่ต้องรับผิดชอบและอยากแบ่งเบา โดยเฉพาะกับผู้มีพระคุณของครอบครัว ครั้นเขาจะเอ่ยปากแต่แรกก็เกรงว่าจะทำให้โก๋ลำบากใจ จนกระทั่งโก๋เข้ามาขอทำงานในร้านอาหารเขาจึงอนุมัติทันที ผ่านมาเกือบเดือนที่โก๋ย้ายมาดูแลร้านอาหาร ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายที่บุคลิกดูโผงผางแบบโก๋จะทำให้ลูกค้าติดหนึบจนยอดขายเพิ่มขึ้นมาก แถมยังมีสาวๆเข้ามาติดพัน สงสัยจะได้สละโสดก็คราวนี้“พี่กันต์คิดอะไรอยู่คะ” น้ำหวานที่เดินเข้ามาใกล้ตัวกลกันต์ที่ยืนเท้าแขนอยู่ระเบียงห้อง“ก็คิดว่าคืนนี้จะให้หวานช่วยพี่ยังไงดี ท่าไหนดี” กระซิบริมใบหูของน้ำหวานเบาๆท้ายประโยค และเธอเข้าใจดีกับคำว่าช่วยของเขาจนดวงหน้าเริ่มแดงซ่าน แม้จะแนบชิดกันมาหลายครั้ง แต่เธอยังคงไม่ชินและเขินอายเสมอเมื่อโดนเขากลั่นแกล
สามวันต่อมา วันนี้เป็นวันที่โก๋และแม่เดินทางเข้ามาที่ไร่เป็นวันแรก จากที่ควรจะมาตั้งแต่เมื่อวานแต่เพราะยังจัดการข้าวของจากบ้านเก่าไม่แล้วเสร็จการเดินทางจึงถูกเลื่อนออกไปหนึ่งวันรถเก๋งคันเก่าคู่ใจเคลื่อนที่เข้ามาในไร่ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์อยู่ตรงศีรษะอันร้อนระอุ ป้าน้อยทำหน้าที่ต้อนรับทั้งสองและพาเข้าไปแนะนำบ้านพักซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับหลังของป้าน้อยเนื่องจากวันนี้น้ำหวานต้องเดินทางเข้าไปยังมหาวิทยาลัยเพื่อทำการสอบในรายวิชาที่เหลือและตัดสินใจทำเรื่องพักการเรียนเอาไว้ก่อนด้วย กลกันต์ที่ไม่อยากให้น้ำหวานต้องอยู่ห่างตัวจึงตามเธอไปด้วยอีกคน ทำให้ต้องฝากป้าแก้วและป้าน้อยช่วยดูแลโก๋และคุณยายณีแม่ของเขาโก๋หยุดรถลงที่หน้าบ้านหลังสีขาวเป็นบ้านชั้นเดียว ดูร่มรื่นโอบล้อมไปด้วยทิวทิศน์ธรรมชาติเขียวขจี และด้านข้างยังมีบ้านอีกหลายหลังที่อยู่ใกล้เคียงกัน ด้วยอากาศที่ร้อนจัดโก๋จึงละสายตาจากความงามของบรรยากาศรอบตัว รีบเข้าไปช่วยพยุงแม่เข้าไปพักในตัวบ้านที่ทำความสะอาดไว้เป็นอย่างดีเดินทางการมาเหนื่อยป้าน้อยจึงปล่อยให้ทั้งสองได้นอนพักเอาแรง ทางด้านยายณีหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าในขณะที่โก๋ยังคงตื่นเต้นกับส
กว่าที่หมอปพนธีร์จะซักไซ้เรื่องราวของทั้งคู่จบลง ตบท้ายด้วยให้ความรู้ลูกสาวในการดูแลตนเองก็กินเวลาไปอีกเกือบสองชั่วโมง กลกันต์ที่รับรู้ได้ถึงรังสีบางอย่าง ที่ทำให้เขารู้ตัวดีว่าคงต้องโดนพ่อตาเฉ่งเข้าสักวัน ข้อหาทำลูกสาวท้องแน่ๆถามว่าตกใจไหม ในฐานะพ่อที่มีลูกสาว เขารู้สึกเป็นห่วงและหวง แต่รู้ดีว่าตัวเขาเองก็ไม่ใช่คนดีอะไร ได้แต่หวังว่ากลกันต์จะไม่ทำผิดพลาดแบบเขา เรื่องความรักก็คงต้องให้ลูกตัดสินใจด้วยตัว เขารู้ดีว่าไม่มีสิทธิ์เข้าไปก้าวก่ายความสัมพันธ์มาไกลกว่าที่ใครจะแยกทั้งสองได้แล้ว คงต้องปล่อยให้ทั้งสองได้เรียนรู้กันมากขึ้นกับบทบาทที่กำลังเปลี่ยนไปอีกรูปแบบ คนแก่แบบเขามีหน้าที่เฝ้ามองดูลูกหลานเติบโตไปทางของตนเอง แม้ไม่ชอบขี้หน้าลูกเขยเท่าไหร่ แต่ในเมื่อลูกสาวเขาบอกว่ารัก ก็คงต้องตามนั้นทั้งสองเดินทางกลับไร่ด้วยกันโดยมีลุงคำทำหน้าที่เป็นสารถีให้ เป็นเวลาเกือบบ่ายสองที่ทั้งคู่เดินทางมาถึงไร่ โดยมีป้าน้อยและป้าแก้วจัดเตรียมอาหารไว้รอ ทั้งสองรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นจากการถ่ายทอดคำบอกเล่าของลุงคำ หากทั้งสองขับรถเป็นคงจะรีบบึ่งไปหาน้ำหวานที่โรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อน จะขี่รถเครื่
น้ำหวานขืนตัวออกจากวงแขนของผู้เป็นพ่อเล็กน้อย หันมองผู้เป็นพ่อสลับกับกลกันต์อย่างขบคิด “คุณไม่อยากให้หวานมีแฟนเหรอคะ” เสียงหวานเอ่ยถาม หรือหมอปพนธีร์ไม่อยากให้เธอมีแฟน เขาจะผิดหวังหรือเปล่าถ้ารู้ว่าเธอข้ามขั้นของคำว่าแฟนไปแล้ว “พ่อว่าลูกตั้งใจเรียนก่อนไหม เราชอบเรียนไม่ใช่เหรอ ไว้เรียนจบแล้วพ่อจะพาหวานไปเที่ยวรอบโลกกันดีไหม” “แค่กๆๆ” ร่างสูงที่ฟังอยู่กระแอมออกมาเบาๆเพื่อบอกให้รู้ว่าเขายังอยู่ตรงนี้ นี่ขนาดหมอปพนธีร์พึ่งได้เจอหน้าลูกสาวครั้งแรกยังคิดแผนพาลูกสาวหนีออกจากอกเขาเสียแล้ว แต่เสียใจด้วยหวานอยู่ที่ไหนกลกันต์อยู่ที่นั่น แถมลูกๆของเขาอีก “น้ำอยู่บนโต๊ะครับคุณกันต์” หมอปพนธีร์พยักพเยิดหน้าไปทางโต๊ะขาวตรงมุมห้องที่มีเหยือกน้ำตั้งอยู่ มองกลกันต์ทีไร ช่างขัดหูขัดตาเขาจริงๆ นอกจากแตะเนื้อต้องตัวน้ำหวานแล้วยังคอยส่งสายตาหลงใหลที่มองดูลูกสาวเขาราวกับจะกลืนกิน ก็ไหนว่าเป็นแค่พี่น้อง แบบนี้เขาคงต้องหาวิธีแยกทั้งสองคนออกจากกันก่อนที่ลูกสาวแสนรักจะตกเป็นเหยื่อเสือเจ้าเล่ห์ ทางกลกันต์เดินเข้าไปรินน้ำจากเหยือกลงในแก้วที่วางอยู่ด้านข
กลกันต์ใช้เวลาพักรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลเดิมในจุดเกิดเหตุ และได้ทำเรื่องส่งตัวนิคไปยังโรงพยาบาลในกรุงเทพที่มีอุปกรณ์การรักษาที่ครบครันโดยมีนิคและโก๋ตามไปด้วยเมื่อสองวันก่อนแผลของเขาเริ่มประสานกันเพราะมีพยาบาลพิเศษคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ยังมีความปวดตึงบริเวณบาดแผล ทำให้การขยับตัวลำบากอยู่บ้าง ที่กลกันต์ยังรักษาอยู่ที่นี่เป็นเพราะคำขอร้องของน้ำหวานที่ไม่ยอมกลับไร่กับเขา เธออยากอยู่ตามอาการของหมอปพนธีร์ จนกระทั่งวันนี้ที่หมอปพนธีร์อาการดีขึ้นจึงขอให้เขาพามาพบก่อนที่จะเดินทางกลับไร่ไปด้วยกันทั้งสองหยุดอยู่หน้าห้องพักของหมอปพนธีร์โดยมีน้ำหวานช่วยเข็นรถเข็นผู้ป่วยที่มีกลกันต์นั่งอยู่ แม้เขาจะขอเดินมาเองแต่คนตัวเล็กกลับไม่พอใจนักเพราะกลัวบาดแผลของเขาจะกระทบกระเทือนได้ และสุดท้ายเขาจึงต้องยอมทำตามความต้องการของเธอน้ำหวานเคาะประตูสามครั้งก่อนเอื้อมมือเล็กหมุนลูกบิดประตูเข้าไป ภายในเป็นห้องพักผู้ป่วยสีขาวคล้ายกับห้องของกลกันต์ หมอปพนธีร์ที่รออยู่แล้วจึงพยายามหยัดกายขึ้นด้วยความลำบากน้ำหวานที่มองอยู่ลังเลว่าควรจะเข้าไปช่วยดีไหม เพราะความห่างเหิน ไม่เคยรู้จักมาก่อนจึงรู้สึกประหม่า กลกันต์ที่มองอย