“เธอค่ะ ในมือถือของเธอ มีวิดีโอตอนที่ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ เพื่อนร่วมห้องของฉันแอบถ่ายไว้” เจียงหยิงหยิงกล่าวหานซานเฉียนขมวดคิ้ว แล้วพูดอย่างเย็นชา “เอาโทรศัพท์มือถือมาให้ฉันหน่อย”“คุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร อยากได้ฉันก็ต้องให้เหรอ สำคัญตัวผิดแล้วมั้ง ถ้าฉันไม่ให้แล้วคุณจะทำอะไรฉันได้?” นักเรียนหญิงเชิดหน้าขึ้นพูดอย่างดื้อรั้นหานซานเฉียนหันไปพูดกับเจียงหยิงหยิง “ถ้าเรียนที่โรงเรียนนี้ไม่ได้ งั้นฉันจะเปลี่ยนโรงเรียนให้” ทุกคนยังไม่เข้าใจว่าหานซานเฉียนหมายถึงอะไร ก็เห็นหานซานเฉียนบีบคอนักเรียนหญิงคนนั้นอย่างฉับพลัน แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ทำร้ายคนอื่นหน้าประตูโรงเรียน แค่นี้เพียงพอหรือเปล่าล่ะ หรือว่าเธอจะยอมศิโรราบให้ฉันแต่โดยดี ฉันจะได้ปล่อยเธอไป”นักเรียนหญิงคิดไม่ถึงว่าหานซานเฉียนจะใช้กำลังทุบตีเธอ แถมยังอยู่ในที่สาธารณะต่อหน้าผู้คนมากมายอีกด้วย เขาช่างเหิมเกริมไม่เกรงกลัวสิ่งใดจริง ๆ“คุณ...ปล่อยฉันนะ รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?” นักเรียนหญิงกัดฟันพูด“จะเป็นใครไม่สำคัญ ที่สำคัญคือจะมาหาเรื่องเราไม่ได้” หานซานเฉียนพูดจบก็ชักมือกลับ ดึงนักศึกษาหญิงมาอยู่ตรงหน้าแล้วแย่งมือถือมาหน้าจ
ถ้าเขาอยากจะเล่นงานใคร ย่อมหาข้ออ้างได้เสมออาจารย์ถอนหายใจ เธอพยายามช่วยเจียงหยิงหยิงสืบสวนเรื่องนี้อย่างดีที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นการทำลายชีวิตของนักเรียนคนหนึ่งไปทั้งชีวิต แต่ด้วยท่าทียืนกรานของหลินเส้าฮุย ไมได้ทำให้เรื่องนี้ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น ฐานะของเจียงหยิงหยิงต่อหน้าหลินเส้าฮุยแล้วจัดอยู่ในกลุ่มเปราะบาง ดังนั้นทางโรงเรียนจึงไม่สนใจความรู้สึกของเธออย่างแน่นอน“ไม่จำเป็นต้องหารือเรื่องนี้กันแล้ว ถ้าพวกคุณไม่ไล่เจียงหยิงหยิงออก ฉันจะกระจายเรื่องนี้ออกไป ถ้าชื่อเสียงของโรงเรียนเสียหาย จะมาโทษฉันไม่ได้นะ” เคอหยุนพูดอย่างเย็นชาอธิการบดีและคณะกรรมการบริหารของโรงเรียนทั้งสองคนสบสายตากัน แม้ว่าสมาชิกคณะกรรมการบริหารของโรงเรียนจะยังมาถึงไม่ครบทุกคน แต่พวกเขาทั้งสามคนมีอำนาจตัดสินใจในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ได้แค่ไล่นักเรียนที่ไม่เป็นที่รู้จักออกคนเดียว ก็ลดปัญหายุ่งยากสำหรับทางโรงเรียนได้แล้ว คงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด “ได้ ถ้าอย่างนั้นตกลงตามนี้นะ ผมจะออกประกาศทันที” อธิการบดีกล่าวเคอหยุนยิ้มอย่างพอใจ แต่ดูเธอยังไม่เลิกราอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะพูดว่า “อาจารย์คนนี้คอยป
หานซานเฉียนมองตรงไปที่อธิการบดีทั้งสาม และยังคงนิ่งเฉยต่อคำพูดของหลินเส้าฮุยอธิการบดีไม่รู้ว่าหานซานเฉียนเป็นใคร แต่หลินเส้าฮุยมีความเกี่ยวข้องกับอธิการบดี และเขาเพิ่งได้รับโทรศัพท์แจ้งมาว่า เรื่องสกปรกนี้ให้โยนไปที่เจียงหยิงหยิงเท่านั้น ดังนั้นผลลัพธ์จึงไม่มีทางเปลี่ยนแปลง“ตัดสินใจแล้ว ในเมื่อเธอเป็นน้องสาวของคุณ วันนี้คุณก็พาเธอออกไปด้วยเถอะ” อธิการบดีกล่าว“พวกคุณสองคนก็มีความเห็นเหมือนกันเหรอ?” หานซานเฉียนมองไปที่อธิการบดีทั้งสอง“น้องชาย ผมว่าคุณควรรู้นะว่าต้องทำยังไง รีบออกไปจากที่นี่ซะ”“ถ้าคุณไม่รู้ว่าพวกเราเป็นใคร ก็ออกไปสืบจากข้างนอกดู ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ของเรื่องนี้ได้หรอก”อธิการบดีสองคนดูเหมือนจะไม่เห็นหานซานเฉียนอยู่ในสายตาเลยเจียงหยิงหยิงรู้สึกกลัวบ้างแล้ว เธอกังวลว่าหากสถานการณ์ร้ายแรงเกินไป จะทำให้หานซานเฉียนต้องเดือดร้อนไปด้วย เธอรู้ว่าอธิการบดีเป็นคนใหญ่คนโตในเมืองหลงชื่อ หากล่วงเกินพวกเขาเข้าจะไม่ส่งผลดีใด ๆ เลย“พี่ซานเฉียน เราไปกันเถอะ” เจียงหยิงหยิงกระซิบบอก“น้องสาวของคุณยังรู้ว่าอะไรควรไม่ควร รีบออกไปซะ ไม่อย่างนั้นถ้าผ
ตอนนี้เจียงหยิงหยิงรู้สึกทรมานใจมาก เพราะเธอกังวลมากว่าจะทำให้หานซานเฉียนเดือดร้อนไปด้วยเพราะเรื่องของตัวเอง ในสายตาของเธอ การลาออกจากโรงเรียนไม่ใช่เรื่องใหญ่ ตราบใดที่หานซานเฉียนไม่เดือดร้อน ส่วนหานซานเฉียนจะช่วยเธอแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้หรือไม่ เธอไม่กล้าที่จะคาดหวังมากนัก สมาชิกคณะกรรมการบริหารหลายคนของโรงเรียนล้วนแต่เป็นคนใหญ่คนโตที่เจียงหยิงหยิงล่วงเกินไม่ได้ ดูท่าทางหานซานเฉียนจะร่ำรวย แต่การแก้ปัญหาเรื่องนี้ไม่ได้วัดกันที่ปริมาณเงินทองแล้ว“อย่าทำให้ต้องปวดหัวเลย บอกเพื่อนของคุณว่าเขาทำให้หลินเส้าฮุยขุ่นเคือง มาดูกันว่าเขาจะกล้าแสดงตัวไหม” หลินเส้าฮุยกล่าวขณะที่หานซานเฉียนเคาะโต๊ะประชุม ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากนอกห้องประชุม เขายิ้มพร้อมกับพูดว่า “ไม่ต้อง มาถึงแล้วล่ะ”หลินเส้าฮุยขยับคอเสื้อแล้วพูดว่า “มาแล้วก็ดี ผมก็อยากรู้ว่าเขาเป็นใคร”หลินเส้าฮุยทำท่าทำทางเสแสร้ง พอเห็นบุคคลแรกที่เดินเข้ามาก็มีสีหน้าตกตะลึง เพราะคณะกรรมการบริหารโรงเรียนคนนี้เป็นผู้หนุนหลังของเขา ส่วนคนที่ทยอยตามเข้ามาทีละคนทำให้หลินเส้าฮุยตกใจจนถึงกับพูดไม่ออกนอกจากคณะกรรมการบริหารทุกคนแล้ว ยังมีลู
“ยังมัวลังเลอะไรอยู่อีก รีบคิดหาวิธีแก้ไขเร็วเข้า ไม่อย่างนั้นก็อย่าเป็นอธิการบดีเลย” เปาจิ่งจงตำหนิเสียงดัง“ครับ ๆ ๆ” อธิการบดีเช็ดเหงื่ออันเย็นเยียบบนหน้าผาก เหลือบมองหานซานเฉียนแล้วลองถามหยั่งเชิง “ถ้าอย่างนั้น ให้หลินเส้าฮุยขอโทษเจียงหยิงหยิงดีไหมครับ?”เมื่อได้ยินแบบนี้เปาจิ่งจงก็เดือดเป็นฟืนเป็นไฟ เขาเดินเข้าไปหาอธิการบดีแล้วเตะโดยไม่สนใจอายุ พลางพูดอย่างเย็นชา “นี่คือแผนการที่คุณคิดไว้เหรอ? ขอโทษ แค่ขอโทษคำเดียวก็จบแล้วเหรอ?”อธิการบดีปฏิเสธซ้ำ ๆ ด้วยความกลัวในเวลานี้เฉินข่ายฮว๋าก็เดินเข้ามาหา แล้วพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า “ขอโทษก็ได้ ต่อหน้าอาจารย์และนักเรียนทั้งโรงเรียน ผมไม่สนใจหรอกว่าคุณจะเสียหน้าหรือเปล่า ถ้าทำให้เจียงหยิงหยิงพอใจไม่ได้ คุณก็เตรียมตัวม้วนเสื่อกลับบ้านได้เลย”พี่ใหญ่ทั้งสองก็ลุกขึ้นพูดแล้ว อธิการบดีจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร ส่วนหลินเส้าฮุยในเวลานี้นั้นเตรียมตัวรอถูกเชือดเขามีผู้หนุนหลังที่มีอำนาจ ดังนั้นเขาจึงไม่เห็นคนส่วนใหญ่ในเมืองหลงซื่ออยู่ในสายตา แต่เขารู้ว่าครั้งนี้เจอของแข็งเกินไป แข็งจนแม้แต่คนใหญ่โตสองคนอย่างเปาจิ่งจงและเฉินข่ายฮว๋ายังต้องทำงานใ
“เจียงหยิงหยิง เธอทำให้โรงเรียนของเราขายหน้าจริง ๆ ออกไปซะ” นักเรียนหญิงคนก่อนหน้านี้ตะโกนนำขึ้นมา นักเรียนหญิงคนอื่น ๆ ก็ทำตาม พวกเธอดุด่าเจียงหยิงหยิงที่ไร้ยางอาย สถานการณ์เช่นนี้กระตุ้นนักเรียนคนอื่น ๆ อย่างรวดเร็ว เจียงหยิงหยิงถูกผู้คนประณาม บางคนเหลวไหลถึงขั้นบอกให้จับเธอใส่ชะลอมหมูไปถ่วงน้ำเจียงหยิงหยิงได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกคับข้องใจมาก เธอไม่ได้ทำอะไรเลย แต่กลับถูกวิพากษ์วิจารณ์จากผู้คนมากมาย ถ้าไม่ใช่เพราะหานซานเฉียนออกหน้าช่วยทวงคืนความยุติธรรมให้เธอ เรื่องนี้ก็จะกลายเป็นรอยมลทินที่แยกไม่ออกไปจากชีวิต“พวกเธอพูดพอแล้วหรือยัง?” หานซานเฉียนพูดอย่างเฉยเมย“ยังไม่พอ เธอทำเรื่องน่าขายหน้าแบบนี้ ด่าจนเธอตายก็ไม่มากเกินไปหรอก ในฐานะเพื่อนร่วมชั้นของเธอ ฉันรู้สึกละอายใจมาก” นักเรียนหญิงคนนั้นกล่าวหานซานเฉียนยิ้มเยาะ ในเวลานี้ทางโรงเรียนรวมถึงคนที่หานซานเฉียนเรียกมาต่างก็พากันทยอยขึ้นไปบนเวทีเมื่อบรรดานักเรียนเห็นคู่กรณีอย่างหลินเส้าฮุยก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เพราะสีหน้าท่าทางของหลินเส้าฮุยย่ำแย่มาก เขาดูไม่มีทีท่าว่าจะลงโทษเจียงหยิงหยิงเลย ยิ่งไปกว่านั้นลูหนิงเปาเฉินทั้งสี่คนรว
“ลูกสาวสุดที่รัก ต่อให้ฟ้าถล่ม พ่อก็ช่วยลูกจัดการได้ ไม่ต้องห่วง” เสียงที่ปลายสายนั้นใจเย็นมาก ไม่เอาใจใส่เรื่องที่ลูกสาวทำผิดเลย“แต่ว่า แต่ว่าเรื่องนี้มันยุ่งยากมาก คนที่หนูล่วงเกินมีผู้หนุนหลังเป็นคนใหญ่โตแห่งเมืองหลงซื่ออย่างลู่หนิงเปาเฉินค่ะ”“อะ...อะไรนะ! ลูกบอกว่าใครนะ?” ชายที่อยู่ปลายสายตกตะลึงขึ้นมาทันที “ลู่หงกวาง หนิงซิ่งเผิง เปาจิ่งจง เฉินข่ายฮว๋าค่ะ” “เฉินตัน นี่ลูกไปทำอะไรมา!” ปลายสายแผดเสียงใส่อย่างโกรธจัด เขาตามใจลูกสาว โอ๋มาตั้งแต่เด็ก แต่เขาไม่คิดว่าเฉินตันจะสร้างปัญหาใหญ่โตขนาดนี้ลู่หนิงเปาเฉิน ล่วงเกินแค่คนเดียวตระกูลเฉินก็แบกรับไม่ไหวแล้ว แต่ตอนนี้เธอไปหาเรื่องทั้งสี่คนในคราวเดียว เท่ากับเร่งให้ตระกูลเฉินต้องพบกับจุดจบ“พ่อคะ หนูขอโทษค่ะ หนูไม่ได้ตั้งใจ หนูไม่รู้ว่าเขาจะร้ายกาจขนาดนี้” เฉินตันพูดสะอึกสะอื้นบนแท่นเชิญธงชาติ เมื่อเรื่องทุกอย่างถูกเปิดเผย ความจริงเป็นที่รู้กันทั่ว ในช่วงเวลานี้ข่าวลือเกี่ยวกับเจียงหยิงหยิงก็ไม่น่าเชื่อถืออีก กลุ่มนักเรียนต่างรู้สึกเดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง และไม่พอใจอย่างมากกับท่าทีการแก้ปัญหาของอธิการบดีในเรื่องนี้ โชคดีที่เขา
“หล่อนบังคับเธอ เธอก็ต้องทำร้ายฉันงั้นเหรอ? ฉันเห็นเธอเป็นเหมือนพี่น้องของฉัน แต่เธอทำแบบนี้กับฉัน กล้าสู้หน้าฉันได้ไหม?” เจียงหยิงหยิงโกรธยิ่งกว่าถูกใส่ร้ายเสียอีก เพราะเธอสนิทสนมกับเหลียงหงมากที่สุดในหอพัก ทั้งสองเกิดในเวลาใกล้เคียงกัน มาจากครอบครัวเดี่ยวเหมือนกัน มีเห็นอกเห็นใจต่อกันเสมอมา เจียงหยิงหยิงปฏิบัติกับเหลียงหงเหมือนเป็นพี่น้องแท้ ๆ ของเธอเอง เวลาเธอมีปัญหา ชักหน้าไม่ถึงหลัง เจียงหยิงหยิงก็ช่วยเธอ แต่เธอไม่เคยคิดเลยว่าเหลียงหงจะทำร้ายเธอได้เหลียงหงรู้ว่าตนเองละอายใจต่อเจียงหยิงหยิงมากแค่ไหนที่ทำแบบนี้ เธอร้องไห้แล้วพูดว่า “ฉันขอโทษ หยิงหยิง ได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วย”“เธอไปได้แล้ว ต่อไปเราไม่ใช่เพื่อนกันอีก” เจียงหยิงหยิงกล่าว “หยิงหยิง...ฉัน...” เหลียงหงจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ยั้งคำพูดไว้ ติดอยู่ในลำคอไม่พูดออกมา เธอรู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ขอให้เจียงหยิงหยิงยกโทษให้เธอทันใดนั้นชายวัยกลางคนก็วิ่งเข้ามาในร้านอาหาร เขาดูร้อนใจอย่างเห็นได้ชัด เหงื่อออกเต็มหน้า ข้างกายของเขายังมีเฉินตันด้วย เขาก็คือเฉินปิน พ่อของเฉินตันหลังจากมาถึงโรงเรียน เฉินตันเล่าให้เฉินปินฟังว่าเกิดอะ