จางต้าหู่ไปแล้ว หลี่ฝูเหยาถอนหายใจเด็กคนนี้ยังคงคิดเผื่อชาวบ้าน ก่อนจะนำจดหมายหนึ่งฉบับส่งให้ซ่งจื่อหรู"ใต้เท้าเซี่ยท่านนั้นให้คนนำมาให้เจ้า ลองดูเถอะว่าเขาว่าอย่างไรบ้าง"ซ่งจื่อหรูเปิดอ่านเซี่ยหนานอินกล่าวในจดหมายว่าตอนนี้สถานการณ์ชายแดนทั้งสองไม่สู้ดี งบบรรเทาทุกข์คงไม่อาจมีให้เรื่องสร้างท่าเรือเขาเห็นด้วยติดขัดแค่งบประมาณ เขามีเงินส่วนตัวจำนวนหนึ่งประมาณแปดหมื่นตำลึง จึงอยากถามซ่งจื่อหรูคิดว่าจะทำเรื่องนี้ได้สำเร็จหรือไม่ หากทำได้จะให้คนนำเงินมาให้" หลานสี่เจ้ารู้จักกับใต้เท้าท่านนั้นด้วยหรือ" หลี่ไหลฝูเอ่ยปากถามหลานสาว"เจ้าค่ะท่านปู่ ครั้งก่อนเขามาติดต่อเรื่องมันเทศ ข้าปรึกษาว่าจะสร้างท่าเรือขนส่งสินค้าให้เมืองหลวงและขายไปยังต่างถิ่น และงดเว้นภาษีให้เรา ท่านปู่ใหญ่ใต้เท้าเซี่ยกล่าวว่าดูเหมือนงบบรรเทาทุกข์ไม่มีให้เราแล้ว แต่ใต้เท้าเซี่ยสามารถให้ข้ายืมเงินส่วนตัวเขามาใช้ได้ ท่านปู่ใหญ่รบกวนท่านช่วยไปคุยกับนายอำเภอสักหน่อย ว่าเราสามารถขอยืมทหารมาช่วยก่อสร้างได้หรือไม่ ประการแรกพวกเขาจะได้ควบคุมคนที่ชอบก่อความวุ่นวาย ประการที่สองอำเภอเองก็มีงบไม่พอจะเลี้ยงดูไพร่พล พวกเขาได้กินวัน
ซ่งจื่อหรูเอ่ยลาเพื่อนสนิทหูเจียวเจียวคว้าข้อมือนางแกว่งไปมาอย่างแง่งอนจนถูกป้าหูดุจึงยอมปล่อยมือซ่งจื่อหรู เมื่อมาถึงบ้านก็เห็นจิงอี้กลับมาแล้ว"พี่จิงอี้ได้ของครบหรือไม่เจ้าคะ""ได้ครบ มีชุดไฟสิบชุดเสื้อบุนวมสามตัว อ้อข้าไปซื้อสมุนไพรไล่แมลงมานะเผื่อไว้ก่อน จริงสิพี่ชายข้าไม่รู้ไปไหน ทำไมข้ายังไม่เห็นเขาเลยตั้งแต่ไปส่งสำรับตอนเช้าที่บ้านท่านปู่ของท่าน"จิงอี้บ่นอุบอิบ"พี่จิงอี้ท่านรอบคอบนัก ส่วนพี่จิงเสวียนไปช่วยงานท่านปู่ข้าน่ะ พอดีเดี๋ยวจะมีคนมารับไก่ที่ขาย พี่ใหญ่กับพี่รองไม่อยู่ไปสำนักศึกษาแล้ว พี่จิงเสวียนจึงช่วยคำนวนให้ว่าตรงกันหรือเปล่า"จิวอี้พยักหน้าก่อนจะหยิบกล่องขนมส่งให้ซ่งจื่อหรูแล้วทำท่าทีเขินอาย"เอ่อแม่นางซ่ง ข้ากินของๆเจ้าทุกวันเลยข้าเกรงใจนี่ขนมข้า ๆซื้อมาฝาก"ซ่งจื่อหรูหัวเราะพร้อมกับเอ่ยขอบคุณเขา จากนั้นก็ไปดูอาการฮั่วหรานในห้อง เด็กสองคนเช็ดหน้าเช็ดตาให้นางอยู่ ซ่งจื่อห่าวนั่งอ่านตำราอยู่ข้างๆ"พอแล้วๆ แม่ดีขึ้นแล้วละเซียนเอ๋อร์ ขอบใจเจ้าด้วยนะอาเย่ว""ท่านอาสะใภ้เห็นท่านป่วยแบบนี้จื่อเย่วปวดใจมากๆเจ้าค่ะ จื่อเย่วกินข้าวไม่ได้เลย"" ใช่เจ้าค่ะท่านแม่พี่จื่อเย่วพ
แสงอาทิตย์เริ่มรำไรตอนนี้น่าจะยามเฉิน( 07.00-08.59) เนื่องจากอยู่ในป่ามีต้นไม้รกครึ้มจึงทำให้แสงสว่างรอดลงมายาก เมื่อวานขึ้นเขาตอนบ่ายมากแล้วจึงยังเข้าไม่ลึกนัก ทำให้พอเห็นแสงอาทิตย์บ้าง ซ่งจื่อหรูเก็บเปลขึ้นก่อนจะไต่ต้นไม้ลงมา จิงอวี้และเมิ่งหยวนกระโดดทีเดียวก็สมารถยืนลงพื้นอย่างง่ายดาย" ไปล้างหน้ากันเถอะ ข้านำอาหารแห้งมาด้วย เดินไปค่อยหาล่ากระต่ายป่าหรือไก่ป่าสักตัวไว้มื้อหน้า""แม่นางซ่ง หากล่าไม่ได้เล่า สัตว์ป่าล่าง่ายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ท่านหมอเมิ่งล่ะท่านได้เตรียมอาหารมาบ้างหรือไม่"จิงเสวียนเอ่ยถามผู้ชายตรงหน้า เขาขึ้นเขากับท่านอ๋องอยู่บ่อยครั้งแม้ว่าในบรรดาองครักษ์เขาจะมีฝีมือ แต่กับสัตว์ป่าเขากับล่าไม่เคยได้สักตัว เมิ่งหยวนไม่ตอบคำถามเขา แต่เดินไปทางลำธารเพื่อล้างหน้า"แม่หนูซ่งเจ้าไม่เติมน้ำสักหน่อยหรือ ป่าลึกไม่รู้ว่าจะเจอลำธารอีกตอนไหน หากน้ำหมดพวกเราจะลำบาก"ซ่งจื่อหรูส่ายหน้านางมีมิติอยู่แล้วแค่ล้วงออกมาก็ใช้ได้ แต่ที่ไม่เติมนางมีเหตุผลมากกว่านั้น"ข้ายังมีน้ำอยู่เจ้าค่ะ รีบกินแล้วเดินต่อเถอะต้องขึ้นไปข้างบนอีกสักพักน่าจะถึงตอนค่ำๆ"ซ่งจื่อหรูเอ่ยกับทั้งสองคน จิงอี้เด
ด้านจิงอี้เมื่อไม่มีใครอยู่แล้วก็เอ่ยกับบุรุษตรงหน้า"องค์ชายใหญ่ กระหม่อมจิงอี้พะย่ะค่ะทรงจำได้หรือเปล่า"จ้าวเทียนหยางมองหน้าจิงอี้อีกครั้งก็จำได้ทันที"จิงอี้เป็นจิงอี้จริงๆด้วย เสด็จพี่พวกเราในที่สุดก็จะพบเสด็จอาเสียที""จิงอี้หรือ เจ้าสบายดีหรือไม่ เสด็จอากับพระชายาล่ะ หรงเอ๋อร์ด้วยพวกเขาเป็นเช่นไรบ้าง"จ้าวเทียนเฟยเอ่ยถาม เสียงอ่อนแรงเต็มทีน่าแปลกที่พอล้างแผลแล้วเหมือนพิษที่โดนจะเจือจางลง"ท่านอ๋องกับซื่อจื่อสบายดี แต่พระชายาเหมือนจะถูกคนของหลิวกุ้ยเฟยวางยา กระหม่อมกับแม่นางซ่งที่ช่วยพระองค์จากหมาป่าผู้นั้นจึงขึ้นเขามาเก็บสมุนไพรบางอย่างพะย่ะค่ะ""นางเป็นสตรีหรอกหรือ"จิงอี้ค่อยๆพยุงจ้าวเทียนเฟยไปยังพื้นที่ปูด้วยใบไม้แล้วให้เขานอนลง"องค์ชายทรงพักผ่อนเถอะพะย่ะค่ะ แม่นางซ่งเก่งมากอีกทั้งยังมีท่านหมอเมิ่งมาด้วย"จ้าวเทียนเฟยพยักหน้าก่อนจะหลับตาจิงอี้จึงถามเรื่องราวจากองค์ชายห้าแทน"ข้าได้ข่าวว่าเสด็จอาจะมาที่อำเภอเป่าซานจึงไปพักแล้วรอที่นั้น มีคนส่งข่าวให้จึงรีบออกมาพบ แต่ถูกคนโจมตีหลังจากนั้นเสด็จพี่ถูกยิง ส่วนฉินลู่กับฉินตงหลอกล่อพวกเขาไปอีกทางให้ข้ากับเสด็จพี่หนีมา จนมาถึงที่นี
ครึ่งชั่วยามต่อมาจ้าวเทียนเฟยก็ฟื้น"ข้าชื่อจ้าวเฟย ส่วนน้องชายข้าจ้าวหยาง ขอบพระคุณพวกท่านมาก"จ้าวเทียนเฟยพูดขอบคุณแต่มิได้บอกชื่อจริงแก่พวกเขาซ่งจื่อหรูพยักหน้ารับรู้ นางแค่ช่วยชีวิตคนเรื่องอื่นไม่ใช่ปัญหาของนาง แค่ต้องรับมือกับยายเฒ่าประสาท วันๆนึงก็เหนื่อยพอแล้ว ทั้งคู่แปลกใจที่นางไม่ถามว่าเหตใดพวกเขาจึงได้รับบาดเจ็บ จ้าวเทียนหยางจึงเอ่ยขึ้น"เจ้าหนูแซ่ซ่ง เจ้าไม่อยากรู้หรือเหตุใดพวกข้าถูกทำร้าย"เมิ่งหยวนเองก็มองหน้าซ่งจื่อหรู จิงอี้เองก็อยากรู้ว่านางอยากรู้ต้นสายปลายเหตุหรือไม่แต่ซ่งจื่อหรูกล่าวเพียงว่า"ข้าถือคติ อยากรู้เรื่องคนอื่นให้น้อยลง ก็มีชีวิตยาวนานขึ้น หากอาการดีขึ้นพวกเจ้าสามารถไปได้ทุกเมื่อ ข้าไม่รู้ว่ายังมีศัตรูของพวกเจ้าตามหาอยู่หรือไม่ หมู่บ้านข้าชาวบ้านหากินเลี้ยงปากท้องเท่านั้น ข้าไม่อยากให้พวกเขามีอันตรายพวกท่านไปเถอะ"จากนั้นก็สะพายตระกร้าขึ้นหลังจากไป จิงอี้ส่งสายตาให้ทั้งคู่จ้าวเทียนหยางพยักหน้าเบาๆจนผู้อื่นไม่อาจสังเกตได้จากนั้นก็จากไป สามคนนั้นจากไปไกลแล้วสักพักก็มีชายสองคนเดินมายังบริเวณปากถ้ำ จ้าวเทียนหยางให้พี่ชายพักผ่อนก่อนจะออกมาพบทั้งสองคน"ใช่คนของ
หลังจากที่แยกย้ายกับบุรุษทั้งสอง ซ่งจื่อหรูจิงอี้และเมิ่งหยวนก็พากันมุ่งหน้าขึ้นเขาต่อไป ระหว่างทางมีสมุนไพรหลากหลาย ซ่งจื่อหรูเก็บสมุนไพรธรรมดา เพื่อไม่ให้ผิดสังเกตุมากจนเกินไป แม้ว่าท่านตาของนางจะมีความรู้มากมายเพียงใด ก็ไม่อาจรอบรู้ไปเสียทุกเรื่อง มีกล้วยไม้หลากสายพันธ์ซ่งจื่อหรูเก็บมันมาหลายต้นใส่ตระกร้า กล้วยไม้หากตากแห้งสามารถขายให้ร้านขายยาได้ เมื่อยิ่งสูงขึ้นอากาศโดยรอบเริ่มเย็นลง"พี่จิงอี้ ท่านหมอเมิ่งเราน่าจะอยู่ใกล้กับต้นหญ้าเหมันต์มากแล้ว ข้ารู้สึกถึงอากาศโดยรอบที่หนาวขึ้น""แม่นางซ่งเช่นนั้นเราควรหยุดหรือไปต่อดี" จิงอี้เอ่ยถาม"แม่หนูน้อย ข้าขอพักก่อนสักนิดเถอะ ข้ารู้สึกหนาวมาก หนาวจนไม่อาจขยับตัวได้เลย น่าแปลกข้ารู้สึกเช่นนี้ตั้งแต่ขึ้นเขายิ่งลึกยิ่งเหมือนหายใจไม่ออก"เมิ่งหยวนหายใจหอบอย่างแรง เขารู้สึกเหมือนมีหิมะหรือน้ำแข็งห่อหุ้มตัวบนตัว หนาวจนแทบจะแข็งอยู่แล้ว นี่เป็นอาการที่พิษกำเริบอย่างชัดเจนเหตใดกัน เขามั่นใจว่ามันจะไม่มีทางกำเริบภายในช่วงปีนี้อย่างแน่นอน หูเขาเริ่มอื้อปากเริ่มสั่น จิงอี้กำลังจะไปช่วยซ่งจื่อหรูดึงมือเขาเอาไว้"แม่นางซ่งหากท่านหมอเมิ่งเป็นอะไรไป
ทั้งหมดเก็บหญ้าเหมันต์เรียบร้อยก็ พากันเดินลงเขาไปยังถ้ำ ซ่งจื่อหรูให้เหตุผลว่าที่บริเวณนี้น่าจะเป็นรังหมาป่าเขี้ยวเงิน หรือไม่ก็ดงของหมีป่าสัตว์จำพวกนี้ชอบอากาศเย็น ส่วนตัวที่จ้าวเทียนหยางเจอนั้นเป็นเพียงหมาป่าเทา แม้จะดุร้ายแต่ไม่อันตรายเท่ากับหมาป่าเขี้ยวเงินทุกคนจึงต้องรีบลงเขาไปยังถ้ำด้านล่าง มีสายตาหลายคู่จับจ้องในความมืด สายตาเหล่านั้นกำลังค่อยเคลื่อนไหวเข้ามา ซ่งจื่อหรูตะโกนขึ้นให้ทุกคนรีบหลบขึ้นต้นไม้"พวกมันมาแล้ว น่าจะมีมากกว่าสิบตัว พี่จิงอี้ท่านพาข้าขึ้นต้นไม้ที เราต้องอยู่ที่สูงพวกมันสามารถกระโดดได้ถึงสองจั้ง พวกเราวางตระกร้าลงก่อนไม่เช่นนั้นหนีไม่รอดแน่ๆ"ซ่งจื่อหรูเอ่ยเตือนทั้งหมดวางตระกร้าลง มีหมาป่ามากกกว่าสามสิบตัวล้อมพวกเขาอยู่ จ่าฝูงกระโจนใส่ซ่งจื่อหรู จ้าวเฟยหรงสบัดมือใส่พวกมันจนกระเด็นก่อนจะกอดเอวนางใช้เท้าเตะพื้นดีดทีเดียวก็พานางขึ้นไปยังต้นไม้ซ่งจื่อหรูตะลึงวิชาตัวเบาของจ้าวเฟยหรงนั้นดีกว่าจิงอี้จริงๆ หมาป่าพยายามกระโดดงับพวกเขา เหล่าองครักษ์ต่างใช้กระบี่แทงพวกมัน ดูเหมือนจะมีมาเพิ่มเรื่อยๆ"ท่านอ๋อง ข้าว่ามันแปลกๆ ท่านเห็นด้วยหรือไม่"ซ่งจื่อหรูเอ่ยขึ้น จ้า
" องค์ชายห้า พวกมันเองก็ถูกคนอื่นควบคุม ท่านมีเหตผลหน่อยเถอะ อีกอย่างต่อให้ไม่มีผู้ใดใช้งานมัน ท่านอย่าลืมว่านี่คือบ้านของพวกมันเราต่างหากที่บุกรุก เกิดเป็นคนควรมีคุณธรรม สำนักศึกษาที่เมืองหลวงไม่สอนท่านหรอกหรือ""เจ้าๆๆๆนังเด็กบ้าอย่าคิดว่าแค่ช่วยชีวิตข้าแล้วจะมากำเริบต่อหน้าข้าได้นะ โอ๊ะ"จ้าวเทียนหยางเอ่ยยังไม่ทันจบก็ถูกลมหอบเขาขึ้นไปอยู่บนคบไม้ จ้าวเฟยหรงสะบัดมือใส่เขาเบาๆก็ลอยขึ้นไป อันดับหนึ่งในใต้หล้าที่ผู้คนยกย่องก็คือเขาจอมยุทธฮวาเฟยหยางที่ฆ่าคนโดยที่กระบี่มิทันได้อาบเลือดประมุขหอฮวาเซียงอันเลื่องชื่อก็คือเขา ใครจะรู้แต่เหนือฟ้ายังมีซื่อจือแห่งจวนจ้าวอ๋องพี่ชายเขาไง ปกติเขายังไม่กล้ายั่วยุ เหตุใดวันนี้พลาดเสียได้ ก่อนออกจากโรงเตี๊ยมเขาก้าวเท้าผิดหรือไงกันนะ" จ้าวเทียนหยางเจ้าด่าใครว่านางเด็กบ้า วันหลังพูดจาดีๆกับพี่สะใภ้เจ้าด้วยอย่าหาว่าข้าไม่เตือน อ้อตระกร้าของนางยกให้เจ้าเป็นคนแบกตามมาแล้วกัน ส่วนคนของสำนักเมฆาคนๆนี้ให้จิงอี้จัดการ""ท่านพี่ ท่านจะใจร้ายเกินไปแล้วยังไม่ทันแต่งนางเข้าตำหนักท่านก็รังแกข้า เสด็จอาท่านดูบุตรชายท่านสิ"จ้าวเทียนหยางโอดครวญ"องค์ชายห้า หากเจ้ายั
หลี่เสี่ยวม่านไม่อยู่รอท่านยายตื่นนางเกรงใจไห่เมิ่งหยวน จึงพูดคุยกับป้าสะใภ้ใหญ่ไม่นานก็ขอตัวกลั บ ไห่เมิ่งหยวนพานางกลับแต่ขากลับมาถึงครึ่งทางเขาก็เลี้ยวไปอีกทาง มีเส้นทางเส้นเล็กๆแยกลงไป"ท่านพี่เมิ่งหยวนเราจะไปที่ใดเจ้าคะ" หลี่เสี่ยวม่านเห็นเขาไม่กลับทางเดิมจึงสงสัย" เด็กดีข้าอยากพาเจ้าไปดูอะไรสักหน่อย"ไม่นานทุ่งดอกไม้หลากหลายสีก็ปรากฎอยู่ตรงหน้า หลี่เสี่ยวม่านชอบมันมาก ไห่เมิ่งหยวนอุ้มนางลงจากหลังม้า หลี่เสี่ยวม่านวิ่งเล่นกลางทุ่ง นางอายุเพียงสิบแปดไม่ว่าอย่างไรก็ยังมีความเป็นเด็กสาวหลี่เสี่ยวม่านยืนกางแขนสูดอากาศตรงหน้า ไห่เมิ่งหยวนเดินมาหยุดอยู่ด้านหลัง เขาโอบเอวนางไว้รั้งแผ่นหลังนางเข้าหาตัว หลี่เสี่ยวม่านตกใจเล็กน้อย จนได้ยินเสียงลมหายใจข้างหู เขากระซิบชื่อนางเสียงหวาน" เสี่ยวม่าน ข้ารักเจ้าข้าอยากดูแลเจ้าชั่วชีวิต เจ้ารังเกียจข้าหรือไม่"หลี่เสี่ยวม่านหันกลับมามองหน้าเขา ก่อนจะถามให้แน่ใจ"ท่านพี่เมิ่งหยวน ท่านรักข้าจริงๆหรือ ข้าเป็นสตรีน่าเบื่อมากนะเจ้าคะ นอกจากปรนนิบัติท่านยาย หุงหาอาหารพอได้ ข้าก็ไม่มีความสามารถอะไรเลย"" ข้าต้องการสตรีอ่อนหวาน ยามข้าเหนื่อยมาแค่เห็นหน้
ร่างเล็กๆวิ่งไปแล้วไห่เมิ่งหยวนหลั่งน้ำตาเบาๆ ไว้อาลัยให้กับลูกรักของเขา แต่พอเอ่ยถึงหลี่เสี่ยวม่านไห่เมิ่งหยวนก็เงียบทันที เขาให้ศิษย์รักของเขาซ่งจื่อหรูช่วยเป็นแม่สื่อให้ นางรับปากจะช่วยแต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับความจริงใจของเขาด้วยหลี่เสี่ยวม่านมารับยาบำรุงไปให้ท่านยายของนางทุกๆสามวัน เดิมทีเขาสามารถจัดยาบำรุงให้นางได้หลายเทียบแต่เช่นนั้นจะได้เห็นหน้านางในดวงใจบ่อยๆได้อย่างไรเล่า ซ่งจื่อเย่วเรียกอาหญิงเสียงหวานก่อนจะมีขนมเต็มปากวันนี้หลี่เสี่ยวม่านมารับยาแล้วจะเลยไปบ้านท่านยายเลย นางเห็นเขาจึงยิ้มให้รอยยิ้มที่ส่งมาให้เขานั้นช่างงดงามเสียจริง ไห่เมิ่งหยวนยอมรับแล้วว่าว่าเหตุใดเหล่าองค์ชาย องครักษ์ และคุณชายทั้งหลายรวมถึงตัวเขา จึงอยากมาเป็นเขยหมู่บ้านหลี่ซานกันทั้งนั้นไม่มีหมู่บ้านไหนจะรวมเอาบุตรหลานหน้าตาดีและงดงามไว้ได้เท่าที่นี่อีกแล้ว สายเลือดสกุลหลี่ตั้งแต่หลี่ฝูเหยามาจนถึงหลี่เป่าเป่า และบุตรของจิงอี้กับหลี่อ้ายเสิ่นนั้นรูปงามทุกคนสกุลหลี่หมู่บ้านหลี่ซานแห่งนี้กว่าสามร้อยชีวิตไม่มีบุตรหลานขี้เหร่จริงๆซ่งจื่อเย่วกินขนมที่อาหญิงนางเอามาให้ นอกจากพี่ใหญ่ก็มีท่านอาเสี่ยวม่านนี่แหล
จ้าวเฟยหรงเสียงแหบพร่าข้างล่างของเขาทรมานยิ่งนักมันตึงจนแทบจะระเบิด มือหนาละจากดอกบัวงามค่อยๆไต่ลงจนเจอกุหลาบดอกตูม นิ้วเรียวสวยทักทายหยอกล้อกับเกสรจนซ่งจื่อหรูต้องชันเข่าขึ้นให้เขาสำรวจกลีบดอกที่อ่อนนุ่มของนางนิ้วเรียวยาวส่งเข้าไปทักทายในกายสาวจนซ่งจื่อหรูต้องจิกไหล่เขาแน่น อ้าปากหายใจเพื่อลดความหวามรัญจวนที่เขามอบให้ ในที่สุดหน้าท้องแบนราบก็กระตุกเกร็งนางหอบหายใจจ้าวเฟยหรงเลื่อนใบหน้าลงดูดดื่มน้ำหวานที่ผลิออกมาจากกุหลาบแสนสวย ก่อนจะมองร่างงามตรงหน้าด้วยสายตาหยาดเยิ้ม ซ่งจื่อหรูจับศรีษะเขาแน่นแนบกับกลางความสาวหวีดร้องกระตุกเกร็งอีกครั้งจากนั้นนางก็ช่วยคนตัวโตให้ได้ปลดปล่อย สะโพกแกร่งของจ้าวเฟยหรงเกร็งกระตุกยามที่มือนุ่มนิ่มนั้นเร่งจังหวะให้เขา จนต้องเขาต้องครวญครางเสียงแหบพร่าแล้วฟุบลงบนทรวงอกของนาง ดูดเม้มยอดทับทิมสีหวานของนางเพื่อคลายความเสียวซ่านของตนเองจ้าวเฟยหรงมองหญิงคนรักดวงตาเยิ้มหวาน มือหนากอบกุมทรวงอกสาวเขาอยากชื่นใจอีกรอบแต่ถูกนางดุตีมือเขาแล้วจับออก" พอแล้วท่านพี่ เดี๋ยวก็ใจอ่อนจนได้เลยเถิดกันพอดี ข้ารักท่านจึงอยากเก็บไว้ให้ท่านจนถึงวันที่เราเข้าหอ" ซ่งจื่อหรูประท้วง
เพราะช่วงนี้เพราะการก่อสร้างตำหนักใหม่ของจ้าวอ๋องมำให้บางครั้งจ้าวเฟยหรงต้องไปคุมแทนพระบิดา จ้าวอ๋องเลือกที่ดินเชิงเขาไท่ซานห่างจากตัวตำบลเสียนหยางเพียงหกสิบลี้ เขารู้ดีว่าบุตรชายอยากให้ตำหนักใหม่อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านหลี่ซาน เมื่อบุตรชายเขาแต่งงานกับซ่งจื่อหรูการไปกลับเป็นเรื่องง่ายจิงเสวียนเดินทางกลับเมืองหลวงไปได้เกือบปีแล้ว ส่วนซ่งจื่อห่าวนั้นตอนนี้ยังอยู่ที่หมู่บ้านหลี่ซาน เนื่องจากซ่งจื่อหรูทำใจไม่ได้ที่จะให้น้องชายวัยเจ็ดขวบต้องไปเดียวดายที่เมืองหลวงแม้ว่าจะพักที่จวนหาน มีพี่สาวเช่นหลี่ม่านอวี้ดูแลซ่งจื่อหรูก็ยังไม่วางใจ หลี่ม่านอวี้เป็นนายหญิงของจวน นางมีเรื่องต้องจัดการมากมายจึงให้ซ่งจื่อห่าวอยู่ก่อน12เมื่อไหรนางจึงจะปล่อยไปเรือกลไฟสร้างเสร็จแล้วและเริ่มทดลองใช้ เดิมทีขนส่งอาหารพืชพันธุ์เข้าเมืองหลวงต้องใช้เวลาถึงเดือนครึ่ง แต่ตอนนี้เพียงแค่เจ็ดวันคนที่เมืองหลวงก็ได้อาหารสดใหม่แล้ว รถรางติดตั้งในอำเภอต่างๆของเมืองกว่างผิง ไม่มีมูลวัวมูลม้าให้เห็น ม้าและวัวถูกใช้ยามเดินทางไกลหรือต้องขนข้าวของหนักๆซ่งจื่อหรูช่วงนี้ได้เข้าไปในมิติบ่อยขึ้นเพราะชายคนรักบางครั้งต้องค้างคืนที่ตำบ
ทั้งคู่ส่งสายตาฟาดฟันกันอยู่ ไห่เมิ่งหยวนไปที่โรงครัวให้คนงานนำอาหารมาส่งให้สาวๆที่นั่งรออยู่ เขานำสุราสมุนไพรที่หมักเองมาหนึ่งกา ก่อนจะวางลงบนโต๊ะ"คุณหนูจื่อหรู นี่เป็นสุราสมุนไพรที่ข้าเพิ่งจะหมักได้ที่ เห็นท่านบอกว่าอยากลองชิมข้าเลยนำมาให้ เรื่องที่ท่านอยากเรียนวิชาแพทย์จริงจัง หากท่านไม่รังเกียจที่ข้าเคยทำไม่ดีกับท่านก่อนหน้า ข้าก็ยินดีสอน"ไห่เมิ่งหยวนเริ่มชักชวนซ่งจื่อหรูดีใจนางอยากเรียนวิชาแพทย์เคยอ้อนวอนเขามาหลายครั้งแล้ว เมื่อก่อนพอเรียนรู้เล็กน้อยไม่แตกฉาน จึงไม่รู้ว่ากำลังถูกไห่เมิ่งหยวนหลอกนางให้มาอยู่ฝ่ายเขา นางเริ่มกรึ่มๆจึงรินสุราที่เขาเพิ่งให้มา ก่อนจะคุกเข่าลงคาราวะเขาส่งจอกสุราน้ำเสียงอ้อแอ้แต่สติยังรับรู้"ศิษย์ซ่งจื่อหรูคาราวะอาจารย์เจ้าค่ะ วันนี้มีแต่สุราไว้รอฤกษ์งามยามดีข้าจะยกน้ำชากราบท่านอย่างเป็นทางการนะเจ้าคะ"ซ่งจื่อหรูที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้นิดๆ" เด็กดีๆ อาจารย์รับรู้ความตั้งใจเจ้าแล้ว พร้อมเมื่อไหร่ก็มาเริ่มเรียนได้"ไฟเมิ่งหยวนรับจอกเหล้าคาราวะทันทีไหเมิ่งหยวนลูบศรีษะนางเบาๆ ที่จริงเขาเอ็นดูเด็กคนนี่มานานตั้งแต่เรื่องราวยังไม่พัวพันขนาดนี้ ไม่คิดว่าวันน
เพราะต้องเตรียมงานแต่งซ่งจื่อหรูจึงให้คนงานหยุดเจ็ดวันเพื่อให้พวกเขาได้พักผ่อนแต่ยังคงจ่ายค่าแรงให้ทุกคนดีใจ ตลาดหลี่ซานที่ตั้งชื่อตามชื่อหมู่บ้าน คึกคักเพราะคนมาหาซื้อสินค้าเนื่องจากเป็นตลาดโต้รุ่ง แม้จะกลางคืนก็ไม่เงียบเหงาแสงจากต้นเหมันต์ส่องสว่างตามทางเดิน โคมไฟประดับประดาทั่วทั้งสามหมู่บ้าน เมืองหลวงยังไม่คึกคักเท่านี้เลย เพราะซ่งจื่อหรูชอบหิวตอนดึก ตลาดนี้จึงขายทั้งกลางวันและกลางคืนซ่งจื่อหรูนอนไม่หลับยืนมองลงไปยังโรงทอผ้าความทรงจำบางอย่างเหมือนหายไป จำได้แค่ว่าคุณปู่มาบอกลาและอวิ่นห่าวมาหาครั้งสุดท้ายตอนนั้นเขาอายุสี่สิบแล้วบุตรสาวคนโตอยู่ชั้นมัธยมใบหน้าคล้ายกับนางตอนอยู่มัธยมเช่นกันส่วนคนเล็กเหมือนแม่ซ่งจื่อหรูมาอยู่ที่นี่อีกไม่กี่วันก็ครบสามปี ผ่านเรื่องราวมากมายแต่เหมือนเรื่องราวบางอย่างอยู่ๆก็เหมือนกับค่อยๆหายไปจากความทรงจำบางครั้งก็เหมือนจะเลือนลางจากนั้นก็นึกไม่ออกอีกเลยจ้าวเฟยหรงเห็นคนรักยืนมองเหม่อไปยังที่บ้านเก่าจึงเดินมากอดนาง เขาจับไหล่นางหันกลับมาก่อนจะจุมพิตอ้อยอิ่งอยู่นานจึงถอนริมฝีปาก ซ่งจื่อหรูกอดเอวหนาไว้ซบหน้ากับอกกว้าง"เป็นอะไรไปเด็กดี ข้าเห็นเจ้ายืนนิ่ง
ไห่เมิ่งหยวนสะบัดแขนเสื้อแล้วหันหลังเตรียมเดินจากไป สายตาเขาเห็นสตรีนางหนึ่งแต่กายด้วยกระโปรงสีเขียวอ่อน ทำผมทรงมวยต่ำปล่อยผมครึ่งศรีษะ ปักด้วยปิ่นผีเสื้อ มีกระดิ่งเงินลูกเล็กๆห้อยตรงปลาย เวลาก้าวเดินเสียงดังกรุ๊งกริ๊งกำลังเดินมาทางเขาไห่เมิ่งหยวน มองร่างบางระหงกำลังเดินใกล้เข้ามา นางเป็นใครกันเหตุใดถึงไม่เคยเห็นนางช่างงดงาม หลี่เสี่ยวม่านที่กำลังเดินมาทางศาลาเจอกับไห่เมิ่งหยวนนางจึงยิ้มให้แล้วค้อมศรีษะเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปในศาลาได้ยินเสียงหวานนั่นเรียกหาบิดา"เสี่ยวม่านถวายพระพรท่านอ๋อง คาราวะซื่อจื่อ ลูกคาราวะท่านพ่อ ท่านอารอง พี่รอง และใต้เท้าเซี่ยเจ้าค่ะ"หลี่เสี่ยวม่านเคารพทุกคนที่อยู่ในศาลา"เจ้าเล็ก กลับมาแล้วหรือท่านยายเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง"หลี่ฝูเหยาทักทายบุตรสาว"ท่านยายทานข้าวได้เยอะแล้วเจ้าค่ะ ตอนนี้ท่านแม่นางขออยู่เป็นเพื่อนท่านยายก่อน ท่านแม่เกรงว่าไม่อยู่บ้านนานๆ ท่านพ่อเองก็งานยุ่งจึงให้ลูกกลับมาช่วยงานพี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้รองกำลังตั้งครรภ์ต้องระวังการลุกนั่งเจ้าค่ะ""เสี่ยวม่านเอ๊ยลำบากเจ้าแล้ว แม่เจ้าจะกลับมางานแต่งม่านอวี้หรือไม่"หลี่เสี่ยวม่านเดินไปประคองบิดาให้
ซ่งจื่อหรู หลี่ไหลฝู หลี่ฝูเหยา จ้าวอ๋องเซี่ยหนานอินและหลี่ซ่งเต๋อที่กำลังปรึกษาเรื่องสั่งงานให้คนงานประกอบชิ้นส่วนของเรือ ซ่งจื่อหรูให้ท่านปู่ของนางสร้างศาลากลางบึงบัวเป็นศาลากว้างถึงสี่จั้งยาวแปดจั้ง(กว้าง10ม.ยาว20ม.โดยประมาณ)สร้างโต๊ะประชุมกว้างหนึ่งจั้งยาวสามจั้งเอาไว้ประชุมงานสำคัญแบบแปลนเรือกางอยู่บนโต๊ะจ้าวเฟยหรงพาจิงอี้กับจิงเสวียนไปคุมการต่อเรือ ซ่งจื่อหรูต้องการสร้างเรือสามแบบ แบบที่หนึ่งขนาดกลางสำหรับครอบครัวใหญ่ไว้ท่องเที่ยวพักผ่อน ขนาดใหญ่มีโกดังสำหรับพ่อค้าที่ต้งการเดินทางๆเรือเพื่อค้าขายต่างแดน และขนาดใหญ่สำหรับกองทัพ ซ่งจื่อหรูจะติดอาวุธให้เรือด้วย"ลูกสะใภ้ เรือที่เจ้าสร้างออกมาหากสำเร็จจะขายอย่างไร"จ้าวอ๋องที่ตอนนี้เรียกซ่งจื่อหรูว่าลูกสะใภ้ทูกคำ ใครจะกล้าคัดค้านพวกเขากัน สองพ่อลูกสกุลจ้าวนี้นอกจากวรยุทธที่เหนือคนอื่นยังมีความหน้าด้านอีกด้วยที่ไม่มีใครเปรียบได้" ลำเล็กสำหรับครอบครองในครัวเรือนได้ ลูกว่าลำละห้าแสนตำลึงกำลังดีเพคะ ลำใหญ่สำหรับกลุ่มการค้าสักสองล้านห้าหมื่นตำลึง ส่วนเรือที่ขายให้กองทัพลูกจะติดอาวุธให้ด้วย ลำละห้าล้านตำลึง ห้าล้านตำลึงถ้าเทียบกับการที่จ
จ้าวเฟยหรงนอนกอดร่างระหงอย่างหวงแหน ซ่งจื่อหรูกับซ่งจื่อเย่วยิ่งโตเป็นสาวยิ่งงดงามเปรียบดังดอกไม้งามเมืองกว่างผิงเลยทีเดียว ทั้งคู่นอนหลับจนนางรู้สึกมีมือหยาบกร้านมาลูบผม ซ่งจื่อหรูรู้สึกตัวจึงลืมตา พอเห็นคนที่ปรากฏตรงหน้าก็ลุกขึ้นทันทีสวมกอดแล้วร้องไห้"เหลียนฮวาหนูร้องไห้ทำไมกัน บอกปู่สิ"ส่งฮั่นเหลียงลูบหลังหลานสาว"คุณปู่คะ คุณปู่มาหาหนูสักทีอวิ่นห่าวเขามาไม่ได้อีกแล้ว หนูอยู่ที่นี่คิดถึงทุกคน""เหลียนฮวา ไปคุยกับปู่ข้างนอกเถอะ"ซ่งจื่อหรูหันไปมองคนที่นอนหลับข้างๆ หันกลับมามองหน้าปู่ของนาง"มาเถอะเขาไม่ตื่นหรอก"ซ่งฮั่นเหลียงบอกนางซ่งจื่อหรูจึงลุดเดินตามซ่งฮั่นเหลียงออกไป ทั้งคู่ยืนอยู่ริมระเบียงทอดมองลงมาที่โรงทอผ้าที่ก่อนหน้าเคยเป็นบ้านนางมาก่อนและเป็นสถานที่ๆเกิดเรื่องราว"คุณปู่คะ ทำไมตราประทับนั่งถึงเลือกหนู สกุลเฟิ่งผ่านมาหลายรุ่นเหตุใดต้องเป็นหนูที่มาแก้ไข""เดิมทีไข่มุกจันทราไม่ใช่ของดี ตั้งแต่ฮั่นอู๋ตี้ได้มันมาก็เริ่มเปลี่ยนไป โหดร้ายไล่ฆ่าคนไม่เลือกแม้กระทั่งบุตรตนเอง แต่ไข่มุกก็เสริมพลังอำนาจให้แก่เขา ตำหนักเทพในตอนนั้นออกอุบายให้เขาสร้างสุสานและบอกวิธีคืนชีพหลังจากตาย ค