เวลาผ่านไปอีกนับเดือนทุกอย่างในบ้านของแต่ละครอบครัวล้วนแล้วเปลี่ยนไปในทางที่ดี กู้ตงและครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น กู้เป่ยเองก็ไม่กล้ามาระรานอดีตลูกเลี้ยงหรือจะเรียกง่าย ๆ ว่าหลานอีก ไม่รู้ว่าเพราะกลัวกู้ตงจะลงมือหรือเพราะละอายใจกันแน่แต่ไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรล้วนแล้วแต่เป็นผลดีกับกู้ตงทั้งนั้นกู้ตงสร้างบ้านใหม่ในที่ดินของปู่กับย่า เป็นบ้านไม้ที่มุงด้วยหลังคากระเบื้อง ด้วยเงินที่เขามีไม่ได้มากมายอะไร แต่ไม้ในป่ามีมากมายให้ตัดเอามาสร้างบ้านได้ ส่วนกู้หยวนพ่อของเขานั้นหลังจากที่แกล้งบาดเจ็บสาหัสมานานตอนนี้ก็หายดีแล้วเช่นเดียวกัน กว่าที่บ้านใหญ่กู้จะรู้ว่ากู้หยวนเล่นละครตบตาก็สายไปเสียเสีย แถมตอนนี้เจ้าเด็กกู้ตงยังเปลี่ยนไปมาก ไม่เพียงแต่พูดหากแต่ว่าเขากลับลงมือทันทีที่พูดนางจางซื่อกลัวว่ากู้ตงจะไปแจ้งทางการจริง ๆ นางจึงไม่กล้ามาหาเรื่องอีก ถึงนางจะเกลียดกู้ตงมากมายเท่าไหร่แต่ก็ไม่หามาหาเรื่องเขาและคนในบ้าน กู้ชิงมีความตั้งใจว่าสักวันเขาจะได้พบกับฮูหยินผู้นั้นที่สั่งสอนน้องชายของเขามาเป็นอย่างดี อีกทั้งท่านพ่อท่านแม่ของเขาเองก็อยากจะขอบคุณนางด้วยตัวเองสักครั้ง แต่กู้ชิงไม่ได้ร
เว่ยจื้อโหยวเดินเข้าป่าไปเรื่อย ๆ ระหว่างทางนางก็วางกับดักเอาไว้ด้วย ทั้งสามคนเล่าว่าภูเขาลูกนี้ชาวบ้านขึ้นมาหาของป่ากันน้อยมาก เพราะกลัวว่าจะเจอเข้ากับสัตว์ป่าดุร้าย ผู้ชายในหมู่บ้านส่วนใหญ่ไม่เก่งด้านการล่าสัตว์มากนัก จะมีเพียงแค่สองสามครอบครัวเท่านั้นที่มีฝีมือในการล่าสัตว์ หนึ่งในนั้นก็รวมกู้หยวนพ่อของกู้ตงเอาไว้ด้วย“แล้วทำไมพวกเจ้าถึงได้กล้ามาล่ะ ถ้าปกติชาวบ้านไม่ค่อยมากัน” เว่ยจื้อโหยว“ไม่มาแล้วจะได้เนื้อกลับไปทำอาหารหรือขอรับ ป่าด้านนั้นเป็นแค่เนินขาเตี้ย ๆ ชาวบ้านก็พากันไปเก็บผักป่า ส่วนพวกผู้ชายในหมู่บ้านก็รวมตัวกันเป็นกลุ่ม กว่าจะได้กระต่ายป่าไก่ป่ามาสักตัว แล้วคิดดูนะถ้าแต่มาแค่ตัวเดียวจะแบ่งกันยังไง หากไม่ลองเสี่ยงดูก็ไม่รู้หรอกขอรับ จะมามัวกลัวอะไรแค่ป่าสนามรบก็ผ่านมาแล้ว" เจียอี“ตอนแรกพวกข้าเองก็กลัวอยู่บ้าง แต่วันนั้นหลังจากกลับมาจากชายแดน ต้าตงก็เพิ่งแยกบ้านออกมาใช่ไหมล่ะ ที่บ้านของเขาไม่มีเนื้อเลย แล้วที่บ้านของข้าสองคนก็ไม่มีเนื้อเหมือนกัน พวกเราเลยตัดสินใจขึ้นเขาสูงลูกนี้มา ข้างในป่านี่มีสัตว์ป่าอยู่มากมายเลยล่ะขอรับฮูหยิน” โม่ซวน“ใช่แล้ววันก่อนพวกข้าสามคนเอาหนั
ตั้งแต่วันนั้นมากู้ตงก็ได้ชื่อว่าชายงามปากร้าย จนกู้หยวนกันนางติงซื่อกลัวว่าเขาจะหาภรรยาแต่งเข้าบ้านไม่ได้ แต่เจ้าตัวกลับบอกว่าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรแค่มีงานให้ทำมีเงินให้ใช้ก็พอแล้ว อะไรจะดีไปกว่าการมีเงิน อีกอย่างเขามีพี่ชายอีกทั้งสองคน ต่อไปพี่ชายก็ต้องมีภรรยามีลูกเขาก็แค่เอาหลานมาเลี้ยงสักคนก็พอแล้วเมื่อได้ฟังความคิดของลูกชายนางติงซื่อแทบอยากจะเอาไม้มาฟาดเขาเสียเดี๋ยวนั้น การที่เขาเปลี่ยนแปลงตัวเองมันก็ดีอยู่หรอกนะ แต่ไม่คิดว่าจะเปลี่ยนเป็นคนปากร้ายได้ขนาดนั้น แม้กระทั่งหญิงสาวเขายังไม่ละเว้นแต่ดูเหมือนว่ากู้หยวนจะทำใจได้มากกว่าภรรยา อีกหน่อยลูกชายก็จะต้องไปทำงานที่สำนักคุ้มภัยเรื่องหาภรรยาก็ยกให้ฮูหยินจัดการไปเสียก็สิ้นเรื่อง นางเองก็อบรมเสี้ยมสอนลูกชายของเขามาไม่น้อยไม่มีทางหาคนไม่ดีมาแต่งงานกับเขาแน่นอน เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงวางใจและไม่คิดอะไรอีกทางด้านเมืองหลวงเองหลังจากที่ขุดรากถอนโคนพวกที่คิดคดต่อบ้านเมืองเรียบร้อยแล้ว องค์ชายใหญ่ถูกแต่งตั้งเป็นรัชทายาท โดยมีองค์ชายสามเป็นผู้ควบคุมกำลังทหารตามเดิมในตอนแรกฮ่องเต้จะทรงแต่งตั้งองค์ชายสามขึ้นเป็นรัชทายาทแต่พระองค์ไม่ต้องการ แต่
เมื่อเรื่องราวร้าย ๆ ผ่านไป ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ หลังจากวันนั้นเป็นต้นมาก็ไม่มีใครพูดถึงเรื่องของยายเฉียนอีก ชาวบ้านทุกคนต่างสอนลูกหลานอย่าได้เอาเป็นเยี่ยงอย่างสำนักคุ้มภัยสร้างเสร็จแล้วพร้อมกับการมาถึงขององค์ชายสามเฟยหลงหรือก็คือท่านแม่ทัพใหญ่ และหยวนจิ้งที่พ่วงตำแหน่งเพื่อนสนิทควบตำแหน่งรองแม่ทัพทั้งสองคนออกเดินทางมาถึงหมู่บ้านต้าลี่และถามกับชาวบ้านถึงบ้านของอวิ๋นเซียวกับเว่ยจื้อโหยว ส่วนคนที่ถูกถามถึงตอนนี้นอนเป็นผักเพราะแพ้ท้องแทนเมียที่หมู่บ้านลี่จือเองก็เช่นเดียวกัน ตอนนี้เซี่ยเหิงที่ลุกขึ้นมาอาเจียนข้าวปลาอาหารอันใดล้วนกินเข้าไปไม่ได้นานก็อาเจียนออกมาจนหมด นางหวงซื่อเองตอนแรกก็กลัวว่าลูกชายจะไม่สบายหรือป่วยเป็นโรคร้ายแรงแต่พอได้รู้ว่าลูกสะใภ้ตั้งครรภ์นางเองถึงได้วางใจ ลูกชายของนางเพียงแค่แพ้ท้องแทนเมียเท่านั้น ในที่สุดนางก็จะได้เลี้ยงหลานแล้วอวิ๋นเซียวเองมีสภาพไม่ต่างกัน นอกจากอาหารที่ภรรยาทำแล้วอย่างอื่นเขาล้วนแต่กินไม่ได้อีกทั้งเหม็นกลิ่นอาหารไปเสียทุกอย่าง ตอนนี้ชุยต้าจึงรับหน้าที่คอยดูแลงานในไร่นาทั้งหมดแทนนายท่านเพราะนายท่านไม่สบาย ส่วนต้าจินเองก็กำลังจะมีลูกเช่นเดียว
เฟยหลงกับหยวนจิ้งมาอยู่ที่หมู่บ้านต้าลี่ได้หลายวันแล้ว แต่ละวันเขาช่วยฝึกฝนให้กับคนในสำนักคุ้มภัยแทนอวิ๋นเซียวกับเซี่ยเหิงที่แพ้ท้องแทนเมียอย่างหนัก จะให้น้องสะใภ้มาฝึกคนเองก็คงจะไม่ได้เพราะนางกำลังอุ้มท้องหลานของเขาอยู่ ด้วยเหตุนี้องค์ชายสามจึงส่งหนังสือขอลาราชการจนกว่าน้องชายร่วมสาบานจะหายจากการแพ้ท้องแทนเมียฮ่องเต้เมื่อได้รับหนังสือลากิจของบุตรชายก็ได้แต่ถอนหายใจ แต่พอมาคิดอีกทีก็พระองค์ก็คิดว่าดีเหมือนกัน เฟยหลงเอาแต่หมกตัวอยู่ในค่ายทหารตอนนี้ดีแล้วได้ออกไปคลุกคลีอยู่กับประชาชนบ้าง หากมองเห็นปัญหาของประชาชนจะได้หาทางแก้ไขส่วนทางด้านแคว้นลั่วนั้นได้ส่งของบรรณาการมาให้พร้อมกับร่วมลงนามสงบศึกไปจนชั่วลูกชั่วหลาน หลังจากจบสงครามต่างฝ่ายต่างหันไปทำนุบำรุงแคว้นของตัวเอง องค์ชายใหญ่ที่ตอนนี้ดำรงตำแหน่งรัชทายาท กำลังเลือกพระชายาด้วยตัวเอง เพราะเชื่อฟังคำพูดของน้องชายอย่างองค์ชายสาม การมีภรรยาหลายคนก่อให้เกิดความวุ่นวายและขัดแย้ง พี่น้องเข่นฆ่ากันเอง สตรีหลังบ้านย่อมอิจฉาริษยาแย่งชิงความโปรดปราน เหล่าขุนนางต้องการส่งลูกสาวเข้ามาเพื่อแสวงหาอำนาจ เช่นนั้นหากอยากให้บ้านเหมืองสงบสุข หลังบ้าน
ทางด้านหยุนไห่ที่พาลูกเมียออกเดินทางรอนแรมมาหลายวัน เด็กน้อยหยุนอวี้ที่พอรู้ว่าตัวเองกำลังจะได้ไปอยู่กับพี่สาวคนงามที่เคยช่วยครอบครัวตัวเองเอาไว้ทำให้เขาดีใจเป็นอย่างมาก นางจ้วงซื่อเองก็ได้แต่นึกดีใจในที่สุดนางก็หลุดพ้นออกมาจากคนพวกนั้นได้เสียที หยุนไห่เองก็รู้สึกว่ามันดีแล้วที่เขาพาลูกเมียออกมาจากตรงนั้นได้เสียที เกวียนม้าค่อย ๆ วิ่งผ่านหมู่บ้านแล้วหมู่บ้านเล่ามาจนถึงหมู่บ้านต้าลี่ในที่สุด ม้าที่ใช้ลากเกวียนเป็นม้าศึกที่เขานำกลับมาด้วยจากชายแดน มันทั้งแข็งแรงและเชื่องมาก เด็กน้อยหยุนอวี้เองก็รักมันมากด้วยเช่นกัน หยุนไห่ไม่มีอะไรให้ขนมามากนัก นอกจากเสื้อผ้าแล้วก็มีเพียงแค่เสบียงอาหารเท่านั้น ถึงจะเป็นอย่างนั้นแต่ในใจเขากลับมีความสุขมาก ลูก ๆ ทั้งสองคนเองก็มีความสุขไม่ต่างกัน ภรรยามีรอยยิ้มอยู่เต็มหน้า รอยยิ้มแห่งความสุขของภรรยาที่หยุนไห่ไม่ได้เห็นมาหลายปี“ท่านพ่อ ท่านพ่อว่าพี่สาวจะดีใจหรือไม่หากพี่สาวได้เจอข้า” หยุนอวี้ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว“นางย่อมดีใจสิ อวี้เอ๋อร์ของพ่อน่ารักขนาดนี้”“ใช่ไหมเล่า ข้าเองก็ดีใจที่จะได้เจอพี่สาว พี่สาวใจดีมาก แล้วข้าจะได้เจอพี่สาวอ้ายหลินด้วยหรือไม่”“
หลังจากตากข้าวจนแห้งดีแล้วจากนั้นเหล่าชายหนุ่มในสำนักคุ้มภัยก็ช่วยกันนวดข้าว ที่นาทั้งหมด 45 หมู่ ได้ข้าวจำนวน 45,000 ชั่ง นับว่าที่ดิน1หมู่ สามารถปลูกข้าวได้ 1,000 ชั่ง นับว่าเป็นผลผลิตที่สูงมาก และที่สำคัญข้าวยังมีรสชาติอร่อยอีกทั้งยังมีกลิ่นหอมอีกด้วย เว่ยจื้อโหยวเรียกข้าวชนิดนี้ว่าข้าวหอมมะลิ จากนั้นนางก็ให้คนงานไถกลบฟางข้าวในนาทั้งหมด ตากหน้าดินอีก 7 วัน นางจะให้ท่านพ่อและท่านลุงปลูกพืชตระกูลถั่วเพื่อบำรุงหน้าดินข้าวที่ได้เฟยหลงซื้อเพื่อนำไปเป็นเมล็ดพันธุ์ข้าวเอาไปปลูกที่ไร่หลวง จำนวน 10,000 ชั่ง จากนั้นพอเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วจะได้มีเมล็ดพันธ์เอาไว้แจกจ่ายให้ประชาชนนำไปเพาะปลูกต่อไปในอนาคตข้างหน้าเว่ยจื้อโหยวเองก็ขายให้ชาวบ้านนำไปปลูกด้วยเช่นเดียวกัน รวมถึงหมู่บ้านข้าง ๆ ด้วย นางหวังเพียงว่าสิ่งที่นางมีจะสามารถช่วยเหลือชาวบ้านให้อยู่ดีกินดีไม่ต้องมีใครล้มตายเพราะอดอยาก อย่างน้อย ๆ ก็คนที่นางมีความสัมพันธ์อันดีด้วย ครอบครัวของคนในสำนักคุ้มภัยได้รับแจกจ่ายพันธุ์ข้าวทุกคน คนละ 100 ชั่ง เพื่อนำไปให้ครอบครัวของพวกเขาได้ปลูกในฤดูเพาะปลูกฤดูกาลหน้า เว่ยจื้อโหยวยังได้บอกวิธีการทำนาพร
อวิ๋นเซียวที่หายจากอาการแพ้ท้องแทนเมียก็ตอนที่เว่ยจื้อโหยวมีอายุครรภ์ได้ 6 เดือน ส่วนเซี่ยเหิงนั้นหายตั้งแต่ 4 เดือน เซี่ยเหิงมาทำงานที่สำนักคุ้มภัยและมาเยี่ยมสหายอย่างอวิ๋นเซียวแถมยังบอกอีกด้วยว่า แพ้ท้องแทนเมียนานเกินไปแล้วอวิ๋นเซียวจึงได้ตอกกลับเขาไปว่าเพราะเจ้ารักเมียไม่มากพอเจ้าเลยแพ้ท้องแทนเมียเจ้าแค่ 4 เดือน เซี่ยเหิงที่โดนอวิ๋นเซียวตอกกลับมาแบบนี้ก็ได้แต่โมโห กระทืบเท้าเดินกลับไป ในใจก็ก่นด่าอวิ๋นเซียวไปไม่น้อย “ก็แค่แพ้ท้องแทนเมียใคร ๆ ก็เป็นกันเกี่ยวอะไรกับรักเมียไม่มากพอกัน เจ้าอวิ๋นเซียวนี่ช่างหาเรื่องยกยอตัวเองได้อย่าน่าโมโหจริง ๆ”“พี่เหิง บ่นอะไร ใครทำให้ท่านโมโหอีก แล้วนี่ไปไหนมา” กู้ตง“เรื่องของข้า เด็กผีอย่างพวกเจ้าไม่ต้องรู้หรอก ไปทำงานได้แล้ว สินค้ารอบนี้ต้องดูแลให้ดีนะเข้าใจหรือไม่"“ขอรับ ขอรับ เข้าใจแล้วขอรับ”เซี่ยเหิงเดินจากไปด้วยความโมโห ไม่ว่าใครก็เหมือนกันทั้งหมดโดยเฉพาะเจ้าสามคนนั่น เซี่ยเหิงสั่งงานอีกเล็กน้อยก็กลับบ้านไปหาภรรยา ใครบอกว่าเขารักภรรยาไม่มากพอกันเอาอะไรมาวัด เจ้าอวิ๋นเซียวเจ้าคอยดูเลยข้าจะทำให้เจ้าได้เห็น แต่ความจริงมันไม่เป็นดั่งเช่นที่ห
หลังจากเหลียนอี้หลุนแต่งภรรยาเข้าบ้านได้ไม่นาน หยวนจิ้งเองก็พบรักเข้ากับหญิงสาวชาวบ้านคนหนึ่งในหมู่บ้านแถบชานเมือง นางเป็นบุตรสาวพรานป่าที่มีนิสัยใจคอกล้าหาญไม่ต่างไปจากน้องสะใภ้อย่างเว่ยจื้อโหยว ที่สำคัญนางเป็นคนจิตใจดี หยวนจิ้งแต่งภรรยาได้ไม่นาน ภรรยาของเขาก็ตั้งครรภ์ทันที ต่างจากอี้หลุนที่ไม่ว่าจะทำยังไง ภรรยาก็ยังไม่ตั้งครรภ์เสียที ส่วนภรรยาของกู้ตงและสหายทั้งสองตอนนี้ตั้งครรภ์แล้วเช่นเดียวกัน เว่ยจื้อโหยวเองก็กำลังจะคลอดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ด้วยความพยายามของอี้หลุนในที่สุดภรรยาก็ตั้งครรภ์เสียที เซี่ยเหิงเองก็ไม่ยอมน้อยหน้าคนอื่น อ้ายหลินเองก็ท้องโตและกำลังใกล้คลอดตามเว่ยจื้อโหยวมาติด ๆ หมู่บ้านต้าลี่เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ เว่ยเจี้ยนป๋อได้เป็นบิดาของจอหงวนฝ่ายบุ๋น อวิ๋นเซียวนั้นมีน้องชายเป็นขุนนางฝ่ายบู๊ อวิ๋นเฟยกับหย่งคังก็มีลูกชายหญิงให้บิดามารดาได้เลี้ยงหลานไม่เหงา ทำเอาลุงใหญ่อย่างเหลียนอี้ปิงอิจฉาตาร้อนไปหมดเจ้าแฝดต้าเป่ากับเสี่ยวเป่า หลังจากมารดาคลอดน้อง ๆ แล้วทั้งสองคนจะเข้าไปศึกษาที่เมืองหลวงตามที่รับปากกับท่านลุงเฟยหลงเอาไว้ เว่ยจื้อโหยวมีความสุขที่ได้อยู่กับลู
เหลียนอี้หลุนตอนนี้กำลังชั่งใจตัวเองอยู่ว่าจะทำตามใจตัวเองหรือจะยอมเดินออกมาอย่างเช่นที่เคยทำ ไม่ใช่ว่าเขาไม่พึงใจในตัวม่านหลิน เพียงแต่เขาคิดว่าตัวเองมีชาติกำเนิดต่ำต้อย บิดามารดาเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น เจ้าเมืองเตี้ยนถงเองไม่เคยคิดดูถูกชาติกำเนิดของเหลียนอี้หลุนอย่างที่ตัวอี้หลุนเข้าใจ ที่ฮูหยินท่านเจ้าเมืองกุเรื่องว่าจะให้ลูกสาวแต่งงานกับลูกชายของสหายของนางนั้นเพื่อกระตุ้นให้อี้หลุนรู้ใจตัวเองเพียงเท่านั้น เหลียนอี้หลุนทำหน้าที่คุ้มกันขบวนสินค้ามานานแล้วและนางเองก็รู้ดีว่าเขาพึงใจในตัวบุตรสาวคนเล็กของนาง ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้แสดงออกโจ่งแจ้ง แต่คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานเช่นนางกับสามีนั้นมีหรือจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มคิดเช่นไรกับบุตรสาวของตัวเอง ม่านหลินนั้นตกหลุมรักเหลียนอี้หลุนตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบเขาเมื่อ 2 ปีก่อน ถึงในสายตาคนอื่นนางเป็นคุณหนูจวนขุนนางที่ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร นอกจากวิ่งออกไปเที่ยวตรงนั้นทีตรงนี้ที แต่ความจริงแล้วฝีมือการทำอาหาร งานเย็บปักและการต่อสู้ไม่ได้ด้อยเลย ม่านหลินเองก็เริ่มถอดใจแล้วเช่นเดียวกัน นางคิดว่าความพยายามของตัวเองไม่เป็นผลสำเร็จ ขนาดที่นาง
หมู่บ้านหนานซานตอนนี้ข่าวการกลับมาของสามสหายปากร้ายแห่งหมู่บ้านหนานซานที่กลับมาจากเมืองหลวงพร้อมทั้งนำภรรยากลับมาด้วยเป็นที่เลื่องลือไปสี่หมู่บ้านยี่สิบลี้เลยก็ว่าได้ชาวบ้านหลายคนต่างไม่อยากจะเชื่อว่าบุรุษปากคมเช่นสามคนนั้นจะสามารถแต่งภรรยาจากเมืองหลวงกลับมาได้ อีกทั้งเหล่าภรรยายังเป็นคุณหนูของตระกูลใหญ่ที่มาพร้อมกับสินเดิมมากมายและเช้าวันนี้หลังจากที่ส่งสามีออกไปทำงานแล้วเหล่าสะใภ้ทั้งสามก็นัดแนะกันเข้าป่าล่าสัตว์หาของป่าดังเช่นชาวบ้านทั่วไป ทั้งสามคนคิดว่าตัวเองตัดสินใจถูกแล้วที่แต่งงานมาอยู่หมู่บ้านหนานซานแห่งนี้“ท่านแม่ ท่านพ่อ พี่สะใภ้ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ ป่านี้เสวี่ยเหลียนกับซินเหมยคงมารอแล้ว” ม่อจื่อ“จื่อเอ๋อร์ระวังตัวด้วยนะ อย่าเข้าป่าลึกมากนัก บ้านเราไม่ได้ขาดแคลนสิ่งใดอย่าทำอะไรให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย เข้าใจหรือไม่” แม่สามีบอกลูกสะใภ้ชาวเมืองอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ ข้าจะดูแลตัวเองให้ดี”ผิงม่อจื่อหลังจากบอกลาแม่สามีแล้วก็มุ่งหน้ามาที่จุดนัดหมายที่มีสหายสองคนรออยู่ที่ทางขึ้นเขาท้ายหมู่บ้าน เส้นทางนี้ชาวบ้านในหมู่บ้า
หลังจากผ่านพ้นการแต่งงานแบบที่แปลกประหลาดไปแล้ว สี่หนุ่มแห่งหมู่บ้านต้าลี่ต่างได้ภรรยากลับไปฝากคนที่บ้านด้วยนอกเหนือจากของฝากที่พวกเขาซื้อเอาไว้มากมายเพราะทั้งสี่คนแต่งงานแล้วและภรรยายังตามสามีกลับไปด้วย ขากลับทำให้มีขบวนรถม้าเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว เว่ยจื้อโหยวเองถึงแม้จะดีใจที่เจ้าพวกลิงทโมนทั้งสี่ในที่สุดก็รู้จักแต่งภรรยามีครอบครัวเสียทีจะได้ไม่ต้องรวมหัวกันไปทำเรื่องอะไรพิเรน ๆ อีก แต่ดูท่าทีภรรยาของแต่ละคนแล้ว เว่ยจื้อโหยวคิดว่าคงมีเรื่องปวดหัวตามมาอีกไม่น้อย “เดินทางปลอดภัยนะ อาเซียวน้องสะใภ้” เฟยหลง“ขอบคุณขอรับพี่รอง ท่านกลับไปดูแลพี่สะใภ้กับหลานชายเถอะไม่ต้องเป็นห่วง” อวิ๋นเซียว“เจ้าแฝดไม่อยู่กับลุงที่เมืองหลวงหรือ” เฟยหลงถามหลานชาย“ไม่ขอรับ ข้าจะไปช่วยท่านพ่อทำงาน เอาไว้ถึงเวลาเข้าสำนักศึกษาแล้วค่อยมาอยู่กับท่านลุงที่เมืองหลวงขอรับ แต่ต้องรอให้ท่านแม่มีน้องก่อนนะขอรับ เพราะหากพวกเราสองคนมาอยู่ที่เมืองหลวงข้ากลัวท่านแม่จะเหงา” ต้าเป่า“ได้ เช่นนั้นลุงรองจะสร้างเรือนเอาไว้ให้พวกเจ้าสองคนนะ เอาติดกับเรือนของน้องชายเลยดีหรือไม่”“ดีขอรับ ท่านลุงรักษาตัวด้วยนะขอรับ เอาไว้ต้าเ
เวลาผ่านไปอีกสองวันก็มีข่าวออกมาว่าชุยต้าหวังพร้อมนางจินซื่อถูกจับข้อหาร่วมมือกันทำให้อดีตภรรยาเอกถึงแก่ความตาย และยึดเอาสินเดิมภรรยาพร้อมทั้งใส่ความบุตรที่เกิดกับภรรยาเอกให้มีความผิดและส่งขายไปเป็นทาสหลวงหลังจากเจ้าหน้าที่ทางการสอบสวนแล้วนางจินซื่อสารภาพว่าเป็นคนวางยาอดีตภรรยาเอกเพื่อต้องการขึ้นมาเป็นภรรยาเอกแทน ส่วนชุยต้าหวังมีความผิดฐานยึดเอาสินเดิมภรรยาและขายลูกชายทั้งสี่ไปเป็นทาส ด้วยเหตุนี้นางจินซื่อมีโทษประหารข้อหาฆ่าคนตาย ชุยต้าหวังมีโทษจำคุก 30 ปี ส่วนลูกชายอย่างชุยตงหลางนั้นไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องที่บิดามารดาได้กระทำลงไปจึงไม่มีความผิด ลูกสาวอย่างชุยรุ่ยเอ๋อร์นั้นมีส่วนรู้เห็นและร่วมมือกับมารดาทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายมีโทษจำคุกตลอดชีวิตเช่นเดียวกันทางการได้คืนสินเดิมของมารดาชุยต้าทั้งหมดให้กับพวกเขาสี่พี่น้อง ชุยต้าเองย่อมรู้ว่าเป็นฝีมือของฮูหยิน แต่พวกเขาไม่ยินดีที่จะอยู่เมืองหลวงอีกต่อไป เพราะต่างก็ตั้งใจลงหลักปักฐานที่หมู่บ้านต้าลี่แล้ว ชุยต้ากลับไปคงต้องคุยกับพี่น้องของตัวเองเรื่องสินเดิมมารดาที่เหลือไม่มากแล้วเพราะตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ชุยต้าหวังและนางจินซื่
หย่งซีและชุยต้ากลับมาถึงจวนแม่ทัพพร้อมกับที่เว่ยจื้อโหยวกลับมาจากวังหลวงเช่นเดียวกัน หย่งซีใบหน้าบูดบึ้งเดินกระแทกเท้าตึง ๆ เข้าไปหาพี่สาวเพื่อบอกกับนางว่าเขาและชุยต้าถูกคนรังแกอย่างไรบ้าง“เป็นอะไรเสี่ยวซีทำไมหน้าตาบูดบึ้งเช่นนั้น ใครทำอะไรให้โมโหมาหรือ” เว่ยจื้อโหยวถามน้องชาย“ก็วันนี้ข้าไปเดินเที่ยวตลาดในเมืองมาแล้วไปเจอยายป้าปากแดงอยู่ ๆ ก็เข้ามาด่าว่าพี่ชายชุยต้ากับข้า แถมยังบอกว่าพี่ชายชุยต้าเป็นอดีตพี่ชายของนาง เท่านั้นยังไม่พอนางยังด่าว่าเป็นทาสด้วย เป็นทาสอะไรกันไม่ได้เป็นทาสเสียหน่อย”“ใครกันน่ะ เหตุใดถึงได้กล้าด่าคนอื่นกลางตลาดขนาดนั้น ไม่กลัวคนอื่นจะมองไม่ดีแล้วไม่มีใครมาสู่ขอหรือ แถมเป็นสตรีด้วย”“ข้าไม่รู้หรอกพี่ใหญ่ รู้แค่ว่านางไม่สวย ทาหน้าขาวโพลนแถมยังปากแดงอีกด้วย ใครจะไปสนใจกันว่านางเป็นใคร ไม่ได้รู้จักแต่เข้ามาด่า นางบอกว่าพี่ชุยต้าเป็นอดีตพี่ชาย”“สรุปที่เจ้าโมโหขนาดนี้ แม่นางผู้นั้นด่าเจ้าหรือด่าชุยต้า” “ด่าข้าด้วย ด่าพี่ชายชุยต้าด้วย นางด่าข้าว่าไอ้เด็กเหลือขอ พ่อแม่ไม่สั่งสอน” หย่งซีหน้างอตอบพี่สาว“ตกลง ตกลง ข้าเข้าใจแล้ว เดี๋ยวจะไปถามชุยต้าเดี๋ยวพี่สาวจะจัดก
หลังจากที่ราชครูเถียนได้ตัดสินใจออกไปแบบนั้นแล้ว เขาไม่เสียใจที่ต้องทำเช่นนี้ หาไม่แล้วตระกูลเถียนคงได้ล่มสลายเพราะสตรีสมองหมูสองคนนี้เป็นแน่ เถียนเสี่ยวมี่ไม่ยินยอมจึงได้โวยวายว่าบิดาไม่ยุติธรรม“ท่านพ่อ ท่านจะมาทำแบบนี้กับข้าและท่านแม่ไม่ได้ เหตุใดเราสองแม่ลูกจะต้องไปอยู่ที่หมู่บ้านบรรพบุรุษด้วยเจ้าคะ การที่ลูกรักพี่จิ้งลูกผิดหรือเจ้าคะ”“ผิด เพราะหยวนจิ้งไม่ได้มีไมตรีต่อเจ้า การที่เจ้าไปวิ่งตามหยวนจิ้งแบบนั้นนอกจากจะด้อยค่าตัวเองแล้วยังทำลายเกียรติของตระกูลเถียนด้วย เจ้าไม่รู้สึกอับอายผู้คนบ้างหรือ”“ท่านพี่ ให้โอกาสเราแม่ลูกสักครั้งได้หรือไม่เจ้าคะ ต่อไปข้าจะดูแลมี่มี่ให้ดี จะไม่ให้ออกไปก่อเรื่องได้อีก”“ข้าตัดสินใจแล้ว การกระทำของเสี่ยวมี่ที่ผ่านมามันบ่งบอกได้ถึงว่านางไม่ได้รับการสั่งสอนที่ดี ตัวข้าเป็นขุนนางตำแหน่งราชครู แม้แต่ลูกสาวของตัวเองยังสั่งสอนไม่ได้แล้วข้าจะมีหน้าไปสั่งสอนผู้อื่นได้เช่นไร พวกเจ้าสองแม่ลูกอย่าลืมว่ายังมีลูกชายทั้งสองคนที่เป็นขุนนางอนาคตไกล อย่าให้การกระทำสิ้นคิดของเจ้ามาทำลายตระกูลเถียนและหน้าที่การงานของทุกคน นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเจ้าให้ได้ปรับปรุงตัวเ
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานทำให้หยวนจิ้งอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก หลังจากส่งหลาน ๆ กลับจวนแม่ทัพแล้ว ตัวเขาเองก็มุ่งหน้ากลับจวนกั๋วกงทันทีหยวนจิ้งกลับมาถึงก็ตรงไปที่เรือนของฮูหยินทันที เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เขาไม่อาจใจเย็นได้อีก ก่อนจะจัดการคนอื่นต้องจัดการคนในครอบครัวก่อน คนแรกคือท่านแม่ของเขาเอง“ท่านแม่อยู่หรือไม่”“อยู่เจ้าค่ะคุณชาย กำลังสนทนาอยู่กับฮูหยินท่านราชครูเจ้าค่ะ”“ขอบใจ มีอะไรก็ไปทำเถอะ"“เจ้าค่ะคุณชาย”หยวนจิ้งเดินหน้าดำคร่ำเครียดเข้าไปหาผู้เป็นมารดาที่ตอนนี้นั่งคุยกันอย่างออกรสอยู่กับฮูหยินจวนราชครู หยวนจิ้งเองไม่คิดจะไว้หน้าอยู่แล้ว ในใจเขาคิดว่าดีแล้วจะได้ไม่ต้องไปถึงจวนราชครู หวังว่าฮูหยินจะกลับไปสั่งสอนลูกสาวหรือตัวฮูหยินเองที่ต้องหยุดการกระทำทุกอย่างและอย่าได้คิดมาเล่นแง่หาข้ออ้างอะไรอีก แม้แต่ท่านแม่ของตัวเองวันนี้หยวนจิ้งเองก็ไม่คิดจะอ่อนข้อให้“คารวะท่านแม่ขอรับ คารวะฮูหยินท่านราชครู"“อ้าว อาจิ้งทำไมกลับมาไวนักล่ะลูก ไหนว่าไปที่ตำหนักองค์ชายสามไม่ใช่หรือ” “อุ๊ย ดูพูดเข้าสิ หลานจิ้งฮูหยงฮูหยินอะไรกัน เรียกท่านป้าเถอะจ้ะ” ฮูหยินราชครู“ไม่ล่ะขอรับ ข้าไม่ส
เว่ยจื้อโหยวพาลูก ๆ และสามีเดินทางรอนแรมจากหมู่บ้านต้าลี่ในที่สุดก็ถึงเมืองหลวงเสียที คนที่มารอรับพวกเขาอยู่นอกประตูเมืองคือเฟยหลงกับหยวนจิ้ง เด็กน้อยทั้งสี่ต่างขดตัวนอนหลับอยู่ภายในรถม้ากับพี่เลี้ยงสี่ขาทั้งสี่เฟยหลงพาน้องชายนอกสายเลือดที่เขารักไม่ต่างจากคนสายเลือดเดียวกันเข้าไปพักที่จวนแม่ทัพ ก่อนหน้านั้นหลายปีจวนแม่ทัพแห่งนี้มีอวิ๋นซวนกับหย่งคังและหย่งหมิงพักอยู่ ถึงแม้ตอนนี้จะมีเพียงหย่งหมิงกับอวิ๋นซวนเท่านั้นที่ยังคงอยู่ที่นี่เพื่อศึกษาเล่าเรียนในสถานศึกษาหลวง“ถึงแล้ว ที่นี่ล่ะ ตอนนี้อาซวนกับอาหมิงคงยังไม่กลับจากสถานศึกษา” หยวนจิ้ง“พาหลาน ๆ ไปนอนในห้องหับเสียก่อน เดินทางมาไกล ต้าเป่ากับน้อง ๆ คงเหนื่อยแย่” เฟยหลง “ขอรับพี่ใหญ่ พี่รอง” อวิ๋นเซียว"เอาล่ะ ซ้ายมือเป็นเรือนของอาเหิงกับครอบครัว ส่วนอาเซียวอยู่เรือนหน้าก็แล้วกัน เรือนด้านขวานั้นอาหมิงกับอาซวนพักอยู่ก่อนแล้ว ส่วนพวกเจ้าที่เหลือไปพักอยู่ที่เรือนหลังก็แล้วกัน" เฟยหลงแจกแจงที่พักหลังจากที่ทุกคนแยกย้ายเข้าเรือนพักเรียบร้อยแล้ว รถม้าทั้ง 10 คันก็เขาไปจอดเรียบร้อยที่พื้นที่ด้านหลังของจวน ม้าเองก็ต้องการพักผ่อนเช่นเดียวก