หลังจากตากข้าวจนแห้งดีแล้วจากนั้นเหล่าชายหนุ่มในสำนักคุ้มภัยก็ช่วยกันนวดข้าว ที่นาทั้งหมด 45 หมู่ ได้ข้าวจำนวน 45,000 ชั่ง นับว่าที่ดิน1หมู่ สามารถปลูกข้าวได้ 1,000 ชั่ง นับว่าเป็นผลผลิตที่สูงมาก และที่สำคัญข้าวยังมีรสชาติอร่อยอีกทั้งยังมีกลิ่นหอมอีกด้วย เว่ยจื้อโหยวเรียกข้าวชนิดนี้ว่าข้าวหอมมะลิ จากนั้นนางก็ให้คนงานไถกลบฟางข้าวในนาทั้งหมด ตากหน้าดินอีก 7 วัน นางจะให้ท่านพ่อและท่านลุงปลูกพืชตระกูลถั่วเพื่อบำรุงหน้าดินข้าวที่ได้เฟยหลงซื้อเพื่อนำไปเป็นเมล็ดพันธุ์ข้าวเอาไปปลูกที่ไร่หลวง จำนวน 10,000 ชั่ง จากนั้นพอเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วจะได้มีเมล็ดพันธ์เอาไว้แจกจ่ายให้ประชาชนนำไปเพาะปลูกต่อไปในอนาคตข้างหน้าเว่ยจื้อโหยวเองก็ขายให้ชาวบ้านนำไปปลูกด้วยเช่นเดียวกัน รวมถึงหมู่บ้านข้าง ๆ ด้วย นางหวังเพียงว่าสิ่งที่นางมีจะสามารถช่วยเหลือชาวบ้านให้อยู่ดีกินดีไม่ต้องมีใครล้มตายเพราะอดอยาก อย่างน้อย ๆ ก็คนที่นางมีความสัมพันธ์อันดีด้วย ครอบครัวของคนในสำนักคุ้มภัยได้รับแจกจ่ายพันธุ์ข้าวทุกคน คนละ 100 ชั่ง เพื่อนำไปให้ครอบครัวของพวกเขาได้ปลูกในฤดูเพาะปลูกฤดูกาลหน้า เว่ยจื้อโหยวยังได้บอกวิธีการทำนาพร
อวิ๋นเซียวที่หายจากอาการแพ้ท้องแทนเมียก็ตอนที่เว่ยจื้อโหยวมีอายุครรภ์ได้ 6 เดือน ส่วนเซี่ยเหิงนั้นหายตั้งแต่ 4 เดือน เซี่ยเหิงมาทำงานที่สำนักคุ้มภัยและมาเยี่ยมสหายอย่างอวิ๋นเซียวแถมยังบอกอีกด้วยว่า แพ้ท้องแทนเมียนานเกินไปแล้วอวิ๋นเซียวจึงได้ตอกกลับเขาไปว่าเพราะเจ้ารักเมียไม่มากพอเจ้าเลยแพ้ท้องแทนเมียเจ้าแค่ 4 เดือน เซี่ยเหิงที่โดนอวิ๋นเซียวตอกกลับมาแบบนี้ก็ได้แต่โมโห กระทืบเท้าเดินกลับไป ในใจก็ก่นด่าอวิ๋นเซียวไปไม่น้อย “ก็แค่แพ้ท้องแทนเมียใคร ๆ ก็เป็นกันเกี่ยวอะไรกับรักเมียไม่มากพอกัน เจ้าอวิ๋นเซียวนี่ช่างหาเรื่องยกยอตัวเองได้อย่าน่าโมโหจริง ๆ”“พี่เหิง บ่นอะไร ใครทำให้ท่านโมโหอีก แล้วนี่ไปไหนมา” กู้ตง“เรื่องของข้า เด็กผีอย่างพวกเจ้าไม่ต้องรู้หรอก ไปทำงานได้แล้ว สินค้ารอบนี้ต้องดูแลให้ดีนะเข้าใจหรือไม่"“ขอรับ ขอรับ เข้าใจแล้วขอรับ”เซี่ยเหิงเดินจากไปด้วยความโมโห ไม่ว่าใครก็เหมือนกันทั้งหมดโดยเฉพาะเจ้าสามคนนั่น เซี่ยเหิงสั่งงานอีกเล็กน้อยก็กลับบ้านไปหาภรรยา ใครบอกว่าเขารักภรรยาไม่มากพอกันเอาอะไรมาวัด เจ้าอวิ๋นเซียวเจ้าคอยดูเลยข้าจะทำให้เจ้าได้เห็น แต่ความจริงมันไม่เป็นดั่งเช่นที่ห
ตอนนี้ที่บ้านของอวิ๋นเซียวกำลังวุ่นวายมาก เว่ยจื้อโหยวที่นั่งกินมื้อเช้าอยู่เกิดปวดท้องจะคลอดลูกขึ้นมากะทันหัน ทั้งหมอ ทั้งหมอตำแย ทั้งสาวใช้วิ่งกันให้วุ่นเว่ยเจี้ยนป๋อกับเหลียนอี้ปิงเองก็มาแล้วเช่นเดียวกัน อวิ๋นเซียวที่ทำอะไรไม่ถูกด้วยความเป็นห่วงภรรยา แต่ก็ได้พ่อตากับท่านลุงใหญ่มาช่วยปลอบใจ เขาถึงได้สงบลงมาได้ท่านยายเหลียน ท่านป้าสะใภ้ ท่านแม่ยาย ท่านตาก็มากันครบแล้วทุกคน ไม่เว้นแม้แต่เสี่ยวซีน้อย เว่ยจื้อโหยวปวดท้องอยู่ครึ่งชั่วยามก็คลอดลูกออกมา เสียงเด็กน้อยร้องไห้จ้าดังลั่นบ้านบ่งบอกว่าเขาสุขภาพดีมาก “ยินดีด้วยนายท่าน เป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ” เหมยฮวาโผล่หน้าออกมาบอก จากนั้นนางก็กลับเข้าห้องคลอดไปอีกครั้ง แล้วก็มีเสียงเด็กร้องไห้ออกมาอีกครั้ง และครั้งนี้เหมยฮวาออกมาแจ้งอีกเช่นเคย“ยินดีด้วยเจ้าค่ะ นายท่าน เป็นคุณชายน้อยทั้งสองคนเลยเจ้าค่ะ”“เจ้าว่าอะไรนะ สองคนหรือ ลูกสาวข้าคลอดหลานออกมาสองคนหรือ”“เจ้าค่ะนายท่านใหญ่”“ภรรยาข้าเป็นอย่างไรบ้าง”“นายหญิงปลอดภัยดี นายท่านรอให้เก็บกวาดทำความสะอาดห้องเสร็จก่อนถึงจะเข้าไปได้เจ้าค่ะ”“ฮ่า ฮ่า พี่ใหญ่ พวกเราได้หลานแฝดล่ะ เสี่ยวซี ลูกจะเป็
ทางด้านพี่สาวใหญ่อย่างเหลียนอี้หลินกับสามีหยางเทียนและลูกชายตัวน้อยหยางเฉิน ตอนนี้กำลังเตรียมตัวเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านเดิมของเหลียนอี้หลิน หลังจากที่ไม่ได้กลับไปเสียหลายปี ปีที่แล้วท่านพ่อกับท่านแม่และญาติผู้น้องของนางมาเยี่ยม อีกทั้งท่านพ่อกับท่านแม่ยังได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือครอบครัวของนางอีก ญาติผู้น้องเองก็เช่นกัน หากไม่มีเว่ยจื้อโหยวยื่นมือเข้ามาช่วยในตอนนั้น นางและสามีคงไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้เช่นเดียวกัน การกลับไปเยี่ยมบ้านเดิมของนางในครั้งนี้มีท่านอาเล็กหยางอวี่ร่วมเดินทางไปด้วย เพราะเขาเองก็อยากจะมาขอบคุณญาติผู้น้องของนางด้วยเช่นเดียวกัน“ท่านแม่ ข้าจะได้พบพี่สาวคนสวยแล้วใช่หรือไม่ หากไปถึงบ้านท่านตาท่านยาย” เฉินน้อย“แม่บอกลูกกี่ครั้งแล้วบอกว่าให้เรียกท่านน้า ๆ ไม่ใช่พี่สาว เหตุใดถึงไม่ฟังที่แม่พูดบ้าง” อี้หลินเหนื่อยใจกับลูกชายคนนี้จริง ๆ“ไม่เอาหรอกขอรับ เรียกทำไมท่านน้าแก่ออกจะตายไป เรียกพี่สาวดีแล้ว พี่สาวทั้งสวยทั้งใจดี แถมทำอาหารอร่อยอีกด้วย”“เจ้านี่มันจริง ๆ ทำไมถึงได้ดื้อขนาดนี้ แม่บอกทำไมไม่ฟังเลย”“พี่สาวยังไม่แก่เสียหน่อย อีกอย่างพี่สาวไม่ชอบให้เรียกท่านน้า
เหลียนอี้หลินหลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ มากมายจากนางซ่งซื่อผู้เป็นแม่ก็ได้แต่ถอนหายใจ น้องสาวช่างเป็นคนที่มีความสามารถมากจริง ๆ นางนำพาความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ครอบครัวและหมู่บ้าน ตอนนี้ความเป็นอยู่ของชาวบ้านดีขึ้นเรื่อย ๆ หลังฤดูเพาะปลูกยังมีงานให้ทำอีกมากมายแตกต่างจากหมู่บ้านถงเสียนของสามีนางที่นับวันยิ่งแห้งแล้งและขาดแคลนอาหาร จนบางครั้งนางอยากจะพาสามีและลูกกลับมาอยู่ที่บ้านแม่เสียเหลือเกิน แต่มันคงจะเป็นไปไม่ได้ สามีนางคงไม่ยอมทิ้งพ่อแม่เอาไว้ที่หมู่บ้านถงเสียนเป็นแน่ หลี่อ้ายหลินตัดสินใจจะปรึกษาเว่ยจื้อโหยวดูว่าพอจะมีหนทางช่วยเหลือให้ชาวบ้านมีทางรอดหรือไม่หยางอวี่ที่ทะลุมิติมานั้น เขาไม่ได้รับพรเหมือนกับนิยายที่พวกผู้หญิงในออฟฟิศชอบอ่านกัน เขามาอยู่ในร่างของเด็กหนุ่มที่มีชื่อเดียวกับเขา หยางอวี่นอกจากความรู้ที่ติดตัวมาแล้วนอกจากนั้นไม่มีอะไรอีก ยังดีที่พี่ชายของร่างนี้เป็นคนดี ดูแลเขายามเจ็บป่วยจนหายดี หาไม่แล้วเขาเกรงว่าจะได้ตายรอบสองเป็นแน่หลังจากที่เขาหายป่วยพี่ชายของเขาก็ไม่ค่อยให้เขาทำอะไรมาก เพราะแต่เดิมทีร่างกายของหยางอวี่คนเดิมก็ไม่ค่อยจะแข็งแรงอยู่แล้ว ถึงเขาจะพยา
เช้ามืดหยวนจิ้งพร้อมด้วยกู้ตงและพรรคพวกรวมไปถึงอวิ๋นเซียวกับเฟยหลง ทั้ง 6 คนเดินเข้าป่าเพื่อไปล่าสัตว์มาทำอาหารมื้อกลางวันตามที่เว่ยจื้อโหยวสั่ง เข้าป่าครั้งนี้ไม่เพียงแค่มาวางกับดักล่าสัตว์พวกเขายังเก็บผักป่ากับเห็ดป่ากลับไปด้วย“อาเซียว เจ้าว่าเฟยหลงแปลก ๆ ไปหรือไม่” หยวนจิ้ง“ข้าก็ว่าจะถามพี่รองอยู่พอดี พี่ใหญ่มีเรื่องอะไรหนักใจที่เมืองหลวงหรือไม่ ข้าเห็นพี่ใหญ่เป็นเช่นนั้นตั้งแต่กลับจากบ้านท่านพ่อตาเมื่อวานแล้ว ที่เมืองหลวงส่งข่าวอะไรมาหรือไม่”“ไม่มีนะ ไม่มีใครส่งข่าวอะไรมาทั้งนั้นล่ะ บ้านเมืองสงบสุขถึงเพียงนี้จะมีเรื่องอะไรส่งมาได้อีก” หยวนจิ้ง“พี่ใหญ่มีเรื่องไม่สบายใจอะไรกันแน่”“ข้าเองก็ไม่รู้ เอาไว้พวกเราค่อยถามเถอะ ตอนนี้รีบ ๆ หาของป่ากลับไปให้น้องสะใภ้ทำอาหารเถอะเดี๋ยวจะไม่ทันมื้อกลางวัน”“ขอรับพี่รอง กู้ตงพวกเจ้าสามคนเร่งมือหน่อย” “ขอรับพี่เซียววางใจพวกเราได้เลย” กู้ตงตอบกลับมาเสียงสดใสย้อนกลับไปเมื่อวานตอนที่เฟยหลงเอาของฝากไปให้เสี่ยวซีที่บ้านของเว่ยเจี้ยนป๋อ ระหว่างทางที่เขาเดินไปพอใกล้ถึงบ้านสกุลเหลียนมากเท่าไหร่ อารมณ์ความรู้สึกของเขายิ่งทวีความโหยหาขึ้นอย่างน่าประห
ทั้งคู่ยืนกอดกันร้องไห้อยู่แบบนั้นจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ปากก็พร่ำขอโทษอีกฝ่ายไปตลอด เว่ยจื้อโหยวที่เดินมาตามหาคนทั้งสอง ตอนแรกก็ตกใจที่เห็นทั้งสองคนโผเข้าหากันแบบนั้น แต่พอนางคิดว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ ขนาดนางยังทะลุมิติมาได้เลย และการที่สองคนนี้จะจดจำอดีตชาติของตัวเองได้มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด“นี่ พวกท่านน่ะจะกอดกันอีกนานแค่ไหนเจ้าคะ จะกินหรือไม่ข้าว หากไม่กินข้าจะได้ไปบอกให้ทุกคนไม่ต้องรอ จะกอดจะสารภาพอะไรกันก็เอาไว้หลังจากกินข้าวได้หรือไม่ พวกท่านไม่หิวแต่คนอื่นหิวนะเจ้าคะ”“น้องสะใภ้ขอโทษที่ให้รอ” เฟยหลง“อย่าพูดมากจะได้หรือไม่ คำพูดของเจ้าฆ่าคนตายได้เลยนะ” หยางอวี่“โอ้ อวี่เอ๋อร์ ทำไมถึงพูดจาไม่น่ารักเลยเล่า” เว่ยจื้อโหยว“เอาล่ะ ๆ น้องสะใภ้รีบไปกินข้าวเถอะ เจ้าบอกว่าทุกคนรออยู่ไม่ใช่หรือ”“ก่อนจะไปกินข้าว พวกท่านสองคนไปล้างหน้าล้างตาให้เรียบร้อยก่อนนะเจ้าคะพี่ใหญ่ ร้องไห้ตาบวมไปหมดแล้ว แล้วก็ระหว่างนี้อย่าเพิ่งมาแสดงความรักต่อกันนะเจ้าคะ ประเดี๋ยวคนแก่คนเฒ่าจะหัวใจวายเอาได้”“พวกข้าเข้าใจแล้ว ขอบใจน้องสะใภ้มาก”“ช่างเถอะ ๆ คนกันเองไม่ต้องมาขอบใจข้าหรอก เรื่องเล็กน้อ
ตอนนี้เหลียนอี้หลุนกลับมาจากคุ้มกันขบวนสินค้าแล้ว อี้หลินเห็นว่าน้องชายสบายดีและตอนนี้มีงานทำที่มั่นคง นางรู้สึกว่าบ้านเดิมของนางนั้นดีมากเลย มีงานที่สามารถหาเงินได้มากอีกทั้งยังได้อยู่กับครอบครัวอีก ดินน้ำที่หมู่บ้านต้าลี่ก็อุดมสมบูรณ์มากกว่าหมู่บ้านที่นางอยู่เสียอีก“ท่านแม่ อี้หลุนเองก็โตแล้วเขายังไม่คิดแต่งภรรยาหรือเจ้าคะ”“อย่าไปสนใจเจ้าพวกนี้เลย แม่กับพ่อเองไม่ได้บังคับ อีกอย่างลูกสาวของคนในหมู่บ้านแม่จะไม่รู้เชียวหรือว่าใครนิสัยเป็นอย่างไร อีกอย่างอี้หลุนเองไม่อยากแต่งงานตอนนี้ ภรรยาของเขาเขาจะเป็นคนเลือกเอง” นางซ่งซื่อบอกลูกสาว“ได้อย่างไรกันเจ้าคะ หากเจอคนไม่ดีจะทำยังไง”“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า มีอาโหยวอยู่ทั้งคนเจ้าคิดว่านางจะยอมให้แต่งเอาคนไม่ดีเข้ามาได้ในบ้านหรือ แม่จะบอกอะไรเจ้าให้นะ คนในสำนักคุ้มภัยหากจะแต่งงานยังต้องให้อาโหยวหาเมียให้เลย เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องของน้องชายหรอก”“เจ้าค่ะ ตอนนี้ที่หมู่บ้านก็แย่เหมือนกันเจ้าค่ะ น้ำท่าขาดแคลนนับวันแห้งแล้งขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้ชาวบ้านในหมู่บ้านส่วนใหญ่ย้ายออกไปอยู่ที่หมู่บ้านอื่นกันมากแล้ว ต่างพากันขายบ้านเรือนคืนให้กับทางการเกือบจะหม
หลังจากเหลียนอี้หลุนแต่งภรรยาเข้าบ้านได้ไม่นาน หยวนจิ้งเองก็พบรักเข้ากับหญิงสาวชาวบ้านคนหนึ่งในหมู่บ้านแถบชานเมือง นางเป็นบุตรสาวพรานป่าที่มีนิสัยใจคอกล้าหาญไม่ต่างไปจากน้องสะใภ้อย่างเว่ยจื้อโหยว ที่สำคัญนางเป็นคนจิตใจดี หยวนจิ้งแต่งภรรยาได้ไม่นาน ภรรยาของเขาก็ตั้งครรภ์ทันที ต่างจากอี้หลุนที่ไม่ว่าจะทำยังไง ภรรยาก็ยังไม่ตั้งครรภ์เสียที ส่วนภรรยาของกู้ตงและสหายทั้งสองตอนนี้ตั้งครรภ์แล้วเช่นเดียวกัน เว่ยจื้อโหยวเองก็กำลังจะคลอดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ด้วยความพยายามของอี้หลุนในที่สุดภรรยาก็ตั้งครรภ์เสียที เซี่ยเหิงเองก็ไม่ยอมน้อยหน้าคนอื่น อ้ายหลินเองก็ท้องโตและกำลังใกล้คลอดตามเว่ยจื้อโหยวมาติด ๆ หมู่บ้านต้าลี่เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ เว่ยเจี้ยนป๋อได้เป็นบิดาของจอหงวนฝ่ายบุ๋น อวิ๋นเซียวนั้นมีน้องชายเป็นขุนนางฝ่ายบู๊ อวิ๋นเฟยกับหย่งคังก็มีลูกชายหญิงให้บิดามารดาได้เลี้ยงหลานไม่เหงา ทำเอาลุงใหญ่อย่างเหลียนอี้ปิงอิจฉาตาร้อนไปหมดเจ้าแฝดต้าเป่ากับเสี่ยวเป่า หลังจากมารดาคลอดน้อง ๆ แล้วทั้งสองคนจะเข้าไปศึกษาที่เมืองหลวงตามที่รับปากกับท่านลุงเฟยหลงเอาไว้ เว่ยจื้อโหยวมีความสุขที่ได้อยู่กับลู
เหลียนอี้หลุนตอนนี้กำลังชั่งใจตัวเองอยู่ว่าจะทำตามใจตัวเองหรือจะยอมเดินออกมาอย่างเช่นที่เคยทำ ไม่ใช่ว่าเขาไม่พึงใจในตัวม่านหลิน เพียงแต่เขาคิดว่าตัวเองมีชาติกำเนิดต่ำต้อย บิดามารดาเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น เจ้าเมืองเตี้ยนถงเองไม่เคยคิดดูถูกชาติกำเนิดของเหลียนอี้หลุนอย่างที่ตัวอี้หลุนเข้าใจ ที่ฮูหยินท่านเจ้าเมืองกุเรื่องว่าจะให้ลูกสาวแต่งงานกับลูกชายของสหายของนางนั้นเพื่อกระตุ้นให้อี้หลุนรู้ใจตัวเองเพียงเท่านั้น เหลียนอี้หลุนทำหน้าที่คุ้มกันขบวนสินค้ามานานแล้วและนางเองก็รู้ดีว่าเขาพึงใจในตัวบุตรสาวคนเล็กของนาง ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้แสดงออกโจ่งแจ้ง แต่คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานเช่นนางกับสามีนั้นมีหรือจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มคิดเช่นไรกับบุตรสาวของตัวเอง ม่านหลินนั้นตกหลุมรักเหลียนอี้หลุนตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบเขาเมื่อ 2 ปีก่อน ถึงในสายตาคนอื่นนางเป็นคุณหนูจวนขุนนางที่ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร นอกจากวิ่งออกไปเที่ยวตรงนั้นทีตรงนี้ที แต่ความจริงแล้วฝีมือการทำอาหาร งานเย็บปักและการต่อสู้ไม่ได้ด้อยเลย ม่านหลินเองก็เริ่มถอดใจแล้วเช่นเดียวกัน นางคิดว่าความพยายามของตัวเองไม่เป็นผลสำเร็จ ขนาดที่นาง
หมู่บ้านหนานซานตอนนี้ข่าวการกลับมาของสามสหายปากร้ายแห่งหมู่บ้านหนานซานที่กลับมาจากเมืองหลวงพร้อมทั้งนำภรรยากลับมาด้วยเป็นที่เลื่องลือไปสี่หมู่บ้านยี่สิบลี้เลยก็ว่าได้ชาวบ้านหลายคนต่างไม่อยากจะเชื่อว่าบุรุษปากคมเช่นสามคนนั้นจะสามารถแต่งภรรยาจากเมืองหลวงกลับมาได้ อีกทั้งเหล่าภรรยายังเป็นคุณหนูของตระกูลใหญ่ที่มาพร้อมกับสินเดิมมากมายและเช้าวันนี้หลังจากที่ส่งสามีออกไปทำงานแล้วเหล่าสะใภ้ทั้งสามก็นัดแนะกันเข้าป่าล่าสัตว์หาของป่าดังเช่นชาวบ้านทั่วไป ทั้งสามคนคิดว่าตัวเองตัดสินใจถูกแล้วที่แต่งงานมาอยู่หมู่บ้านหนานซานแห่งนี้“ท่านแม่ ท่านพ่อ พี่สะใภ้ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ ป่านี้เสวี่ยเหลียนกับซินเหมยคงมารอแล้ว” ม่อจื่อ“จื่อเอ๋อร์ระวังตัวด้วยนะ อย่าเข้าป่าลึกมากนัก บ้านเราไม่ได้ขาดแคลนสิ่งใดอย่าทำอะไรให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย เข้าใจหรือไม่” แม่สามีบอกลูกสะใภ้ชาวเมืองอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ ข้าจะดูแลตัวเองให้ดี”ผิงม่อจื่อหลังจากบอกลาแม่สามีแล้วก็มุ่งหน้ามาที่จุดนัดหมายที่มีสหายสองคนรออยู่ที่ทางขึ้นเขาท้ายหมู่บ้าน เส้นทางนี้ชาวบ้านในหมู่บ้า
หลังจากผ่านพ้นการแต่งงานแบบที่แปลกประหลาดไปแล้ว สี่หนุ่มแห่งหมู่บ้านต้าลี่ต่างได้ภรรยากลับไปฝากคนที่บ้านด้วยนอกเหนือจากของฝากที่พวกเขาซื้อเอาไว้มากมายเพราะทั้งสี่คนแต่งงานแล้วและภรรยายังตามสามีกลับไปด้วย ขากลับทำให้มีขบวนรถม้าเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว เว่ยจื้อโหยวเองถึงแม้จะดีใจที่เจ้าพวกลิงทโมนทั้งสี่ในที่สุดก็รู้จักแต่งภรรยามีครอบครัวเสียทีจะได้ไม่ต้องรวมหัวกันไปทำเรื่องอะไรพิเรน ๆ อีก แต่ดูท่าทีภรรยาของแต่ละคนแล้ว เว่ยจื้อโหยวคิดว่าคงมีเรื่องปวดหัวตามมาอีกไม่น้อย “เดินทางปลอดภัยนะ อาเซียวน้องสะใภ้” เฟยหลง“ขอบคุณขอรับพี่รอง ท่านกลับไปดูแลพี่สะใภ้กับหลานชายเถอะไม่ต้องเป็นห่วง” อวิ๋นเซียว“เจ้าแฝดไม่อยู่กับลุงที่เมืองหลวงหรือ” เฟยหลงถามหลานชาย“ไม่ขอรับ ข้าจะไปช่วยท่านพ่อทำงาน เอาไว้ถึงเวลาเข้าสำนักศึกษาแล้วค่อยมาอยู่กับท่านลุงที่เมืองหลวงขอรับ แต่ต้องรอให้ท่านแม่มีน้องก่อนนะขอรับ เพราะหากพวกเราสองคนมาอยู่ที่เมืองหลวงข้ากลัวท่านแม่จะเหงา” ต้าเป่า“ได้ เช่นนั้นลุงรองจะสร้างเรือนเอาไว้ให้พวกเจ้าสองคนนะ เอาติดกับเรือนของน้องชายเลยดีหรือไม่”“ดีขอรับ ท่านลุงรักษาตัวด้วยนะขอรับ เอาไว้ต้าเ
เวลาผ่านไปอีกสองวันก็มีข่าวออกมาว่าชุยต้าหวังพร้อมนางจินซื่อถูกจับข้อหาร่วมมือกันทำให้อดีตภรรยาเอกถึงแก่ความตาย และยึดเอาสินเดิมภรรยาพร้อมทั้งใส่ความบุตรที่เกิดกับภรรยาเอกให้มีความผิดและส่งขายไปเป็นทาสหลวงหลังจากเจ้าหน้าที่ทางการสอบสวนแล้วนางจินซื่อสารภาพว่าเป็นคนวางยาอดีตภรรยาเอกเพื่อต้องการขึ้นมาเป็นภรรยาเอกแทน ส่วนชุยต้าหวังมีความผิดฐานยึดเอาสินเดิมภรรยาและขายลูกชายทั้งสี่ไปเป็นทาส ด้วยเหตุนี้นางจินซื่อมีโทษประหารข้อหาฆ่าคนตาย ชุยต้าหวังมีโทษจำคุก 30 ปี ส่วนลูกชายอย่างชุยตงหลางนั้นไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องที่บิดามารดาได้กระทำลงไปจึงไม่มีความผิด ลูกสาวอย่างชุยรุ่ยเอ๋อร์นั้นมีส่วนรู้เห็นและร่วมมือกับมารดาทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายมีโทษจำคุกตลอดชีวิตเช่นเดียวกันทางการได้คืนสินเดิมของมารดาชุยต้าทั้งหมดให้กับพวกเขาสี่พี่น้อง ชุยต้าเองย่อมรู้ว่าเป็นฝีมือของฮูหยิน แต่พวกเขาไม่ยินดีที่จะอยู่เมืองหลวงอีกต่อไป เพราะต่างก็ตั้งใจลงหลักปักฐานที่หมู่บ้านต้าลี่แล้ว ชุยต้ากลับไปคงต้องคุยกับพี่น้องของตัวเองเรื่องสินเดิมมารดาที่เหลือไม่มากแล้วเพราะตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ชุยต้าหวังและนางจินซื่
หย่งซีและชุยต้ากลับมาถึงจวนแม่ทัพพร้อมกับที่เว่ยจื้อโหยวกลับมาจากวังหลวงเช่นเดียวกัน หย่งซีใบหน้าบูดบึ้งเดินกระแทกเท้าตึง ๆ เข้าไปหาพี่สาวเพื่อบอกกับนางว่าเขาและชุยต้าถูกคนรังแกอย่างไรบ้าง“เป็นอะไรเสี่ยวซีทำไมหน้าตาบูดบึ้งเช่นนั้น ใครทำอะไรให้โมโหมาหรือ” เว่ยจื้อโหยวถามน้องชาย“ก็วันนี้ข้าไปเดินเที่ยวตลาดในเมืองมาแล้วไปเจอยายป้าปากแดงอยู่ ๆ ก็เข้ามาด่าว่าพี่ชายชุยต้ากับข้า แถมยังบอกว่าพี่ชายชุยต้าเป็นอดีตพี่ชายของนาง เท่านั้นยังไม่พอนางยังด่าว่าเป็นทาสด้วย เป็นทาสอะไรกันไม่ได้เป็นทาสเสียหน่อย”“ใครกันน่ะ เหตุใดถึงได้กล้าด่าคนอื่นกลางตลาดขนาดนั้น ไม่กลัวคนอื่นจะมองไม่ดีแล้วไม่มีใครมาสู่ขอหรือ แถมเป็นสตรีด้วย”“ข้าไม่รู้หรอกพี่ใหญ่ รู้แค่ว่านางไม่สวย ทาหน้าขาวโพลนแถมยังปากแดงอีกด้วย ใครจะไปสนใจกันว่านางเป็นใคร ไม่ได้รู้จักแต่เข้ามาด่า นางบอกว่าพี่ชุยต้าเป็นอดีตพี่ชาย”“สรุปที่เจ้าโมโหขนาดนี้ แม่นางผู้นั้นด่าเจ้าหรือด่าชุยต้า” “ด่าข้าด้วย ด่าพี่ชายชุยต้าด้วย นางด่าข้าว่าไอ้เด็กเหลือขอ พ่อแม่ไม่สั่งสอน” หย่งซีหน้างอตอบพี่สาว“ตกลง ตกลง ข้าเข้าใจแล้ว เดี๋ยวจะไปถามชุยต้าเดี๋ยวพี่สาวจะจัดก
หลังจากที่ราชครูเถียนได้ตัดสินใจออกไปแบบนั้นแล้ว เขาไม่เสียใจที่ต้องทำเช่นนี้ หาไม่แล้วตระกูลเถียนคงได้ล่มสลายเพราะสตรีสมองหมูสองคนนี้เป็นแน่ เถียนเสี่ยวมี่ไม่ยินยอมจึงได้โวยวายว่าบิดาไม่ยุติธรรม“ท่านพ่อ ท่านจะมาทำแบบนี้กับข้าและท่านแม่ไม่ได้ เหตุใดเราสองแม่ลูกจะต้องไปอยู่ที่หมู่บ้านบรรพบุรุษด้วยเจ้าคะ การที่ลูกรักพี่จิ้งลูกผิดหรือเจ้าคะ”“ผิด เพราะหยวนจิ้งไม่ได้มีไมตรีต่อเจ้า การที่เจ้าไปวิ่งตามหยวนจิ้งแบบนั้นนอกจากจะด้อยค่าตัวเองแล้วยังทำลายเกียรติของตระกูลเถียนด้วย เจ้าไม่รู้สึกอับอายผู้คนบ้างหรือ”“ท่านพี่ ให้โอกาสเราแม่ลูกสักครั้งได้หรือไม่เจ้าคะ ต่อไปข้าจะดูแลมี่มี่ให้ดี จะไม่ให้ออกไปก่อเรื่องได้อีก”“ข้าตัดสินใจแล้ว การกระทำของเสี่ยวมี่ที่ผ่านมามันบ่งบอกได้ถึงว่านางไม่ได้รับการสั่งสอนที่ดี ตัวข้าเป็นขุนนางตำแหน่งราชครู แม้แต่ลูกสาวของตัวเองยังสั่งสอนไม่ได้แล้วข้าจะมีหน้าไปสั่งสอนผู้อื่นได้เช่นไร พวกเจ้าสองแม่ลูกอย่าลืมว่ายังมีลูกชายทั้งสองคนที่เป็นขุนนางอนาคตไกล อย่าให้การกระทำสิ้นคิดของเจ้ามาทำลายตระกูลเถียนและหน้าที่การงานของทุกคน นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเจ้าให้ได้ปรับปรุงตัวเ
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานทำให้หยวนจิ้งอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก หลังจากส่งหลาน ๆ กลับจวนแม่ทัพแล้ว ตัวเขาเองก็มุ่งหน้ากลับจวนกั๋วกงทันทีหยวนจิ้งกลับมาถึงก็ตรงไปที่เรือนของฮูหยินทันที เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เขาไม่อาจใจเย็นได้อีก ก่อนจะจัดการคนอื่นต้องจัดการคนในครอบครัวก่อน คนแรกคือท่านแม่ของเขาเอง“ท่านแม่อยู่หรือไม่”“อยู่เจ้าค่ะคุณชาย กำลังสนทนาอยู่กับฮูหยินท่านราชครูเจ้าค่ะ”“ขอบใจ มีอะไรก็ไปทำเถอะ"“เจ้าค่ะคุณชาย”หยวนจิ้งเดินหน้าดำคร่ำเครียดเข้าไปหาผู้เป็นมารดาที่ตอนนี้นั่งคุยกันอย่างออกรสอยู่กับฮูหยินจวนราชครู หยวนจิ้งเองไม่คิดจะไว้หน้าอยู่แล้ว ในใจเขาคิดว่าดีแล้วจะได้ไม่ต้องไปถึงจวนราชครู หวังว่าฮูหยินจะกลับไปสั่งสอนลูกสาวหรือตัวฮูหยินเองที่ต้องหยุดการกระทำทุกอย่างและอย่าได้คิดมาเล่นแง่หาข้ออ้างอะไรอีก แม้แต่ท่านแม่ของตัวเองวันนี้หยวนจิ้งเองก็ไม่คิดจะอ่อนข้อให้“คารวะท่านแม่ขอรับ คารวะฮูหยินท่านราชครู"“อ้าว อาจิ้งทำไมกลับมาไวนักล่ะลูก ไหนว่าไปที่ตำหนักองค์ชายสามไม่ใช่หรือ” “อุ๊ย ดูพูดเข้าสิ หลานจิ้งฮูหยงฮูหยินอะไรกัน เรียกท่านป้าเถอะจ้ะ” ฮูหยินราชครู“ไม่ล่ะขอรับ ข้าไม่ส
เว่ยจื้อโหยวพาลูก ๆ และสามีเดินทางรอนแรมจากหมู่บ้านต้าลี่ในที่สุดก็ถึงเมืองหลวงเสียที คนที่มารอรับพวกเขาอยู่นอกประตูเมืองคือเฟยหลงกับหยวนจิ้ง เด็กน้อยทั้งสี่ต่างขดตัวนอนหลับอยู่ภายในรถม้ากับพี่เลี้ยงสี่ขาทั้งสี่เฟยหลงพาน้องชายนอกสายเลือดที่เขารักไม่ต่างจากคนสายเลือดเดียวกันเข้าไปพักที่จวนแม่ทัพ ก่อนหน้านั้นหลายปีจวนแม่ทัพแห่งนี้มีอวิ๋นซวนกับหย่งคังและหย่งหมิงพักอยู่ ถึงแม้ตอนนี้จะมีเพียงหย่งหมิงกับอวิ๋นซวนเท่านั้นที่ยังคงอยู่ที่นี่เพื่อศึกษาเล่าเรียนในสถานศึกษาหลวง“ถึงแล้ว ที่นี่ล่ะ ตอนนี้อาซวนกับอาหมิงคงยังไม่กลับจากสถานศึกษา” หยวนจิ้ง“พาหลาน ๆ ไปนอนในห้องหับเสียก่อน เดินทางมาไกล ต้าเป่ากับน้อง ๆ คงเหนื่อยแย่” เฟยหลง “ขอรับพี่ใหญ่ พี่รอง” อวิ๋นเซียว"เอาล่ะ ซ้ายมือเป็นเรือนของอาเหิงกับครอบครัว ส่วนอาเซียวอยู่เรือนหน้าก็แล้วกัน เรือนด้านขวานั้นอาหมิงกับอาซวนพักอยู่ก่อนแล้ว ส่วนพวกเจ้าที่เหลือไปพักอยู่ที่เรือนหลังก็แล้วกัน" เฟยหลงแจกแจงที่พักหลังจากที่ทุกคนแยกย้ายเข้าเรือนพักเรียบร้อยแล้ว รถม้าทั้ง 10 คันก็เขาไปจอดเรียบร้อยที่พื้นที่ด้านหลังของจวน ม้าเองก็ต้องการพักผ่อนเช่นเดียวก