เช้าวันรุ่งขึ้นเว่ยจื้อโหยวยังตื่นขึ้นมาในยามอิ๋นเช่นเคย หลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้วก็ขึ้นเขาเข้าป่าไปตรวจดูกับดัก หลังจากตรวจดูกับดักครบทั้งสิบอันแล้วนางรีบกลับบ้านทันทีเมื่อกลับมาถึงบ้านก็รีบไปตักน้ำมารดผักที่นางปลูกเอาไว้ ระหว่างที่ตักน้ำจากลำธารมานั้นนางแอบนำน้ำแร่ผสมลงไปรดผักด้วย ทำให้ตอนนี้ผักของนางเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วอีกทั้งมีลำต้นที่อวบอ้วนน่ากินมากวันนี้นางตั้งใจว่าจะตัดผักให้ท่านพ่อนำไปเสนอขายที่เหลาอาหารดู หากว่าที่เหลาอาหารรับซื้อนางก็ไม่จำเป็นจะต้องไปตั้งแผงขายในเมือง เพราะตอนนี้นางไม่พร้อมที่จะไปตั้งแผงขายผักในเวลายามโหย่วท่านลุงกับท่านพ่อของนางก็มาจับปลาที่หลุมดักปลาดังเช่นทุกวัน จากนั้นก็จะนำไปขายให้กับเหลาอาหารในเมือง รวมถึงไก่ป่าและกระต่ายป่าของนางด้วยและวันนี้ก็มีผักกวางตุ้งต้นอวบ ผักบุ้ง ผักกาดขาวอย่างละเข่ง เว่ยเจี้ยนป๋อไม่เคยเดินไปดูแปลงผักบ้านลูกสาวสักครั้ง พอมาวันนี้เขาเห็นผักทั้งสามเข่งลำต้นอวบอ้วน ผักบุ้งเองก็ยอดอวบอ้วนเช่นเดียวกันแค่เห็นก็หิวแล้ว ผักสด ๆ ดูน่ากินมาก ส่วนเหลียนอี้ปิงมองผักทั้งสามเข่งด้วยความโง่งม เหตุใดผักของหลานสาวถึงได้แตกต่างจากผัก
หลังจากโชคหล่นทับเมื่อวานเว่ยจื้อโหยวก็นำผ้าไปให้ท่านแม่กับท่านป้าตัดชุดใหม่ให้ทุกคนในครอบครัว ด้วยนางไม่มีความสามารถด้านเย็บปักเกรงว่าหากนางลงมือเองไม่แคล้วผ้าสวย ๆ คงได้เสียหายเป็นแน่นอกจากนี้นางยังให้ท่านป้าตัดชุดกันหนาวให้กับญาติผู้พี่ของนาง ส่วนท่านแม่ของนางรับหน้าที่ตัดชุดกันหนาวให้กับอวิ๋นเซียวผู้เป็นลูกเขย เนื่องจากผ้าที่ได้รับมาจากหญิงชรานั้นมีมากพอสำหรับตัดชุดใหม่ให้กับทุกคน ทำให้ตอนนี้ท่านแม่ ท่านป้าสะใภ้และท่านยายมีงานล้นมือในแต่ละวัน เช้าวันนี้เว่ยจื้อโหยวจะเข้าเมืองเพื่อนำสมุนไพรไปขายที่โรงหมอ และนางมีความตั้งใจจะซื้อม้าสักตัวมาใช้งาน บางครั้งนางเข้าเมืองมาทำธุระนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่จำเป็นต้องเอาเกวียนไป หากแต่ขี่ม้าไปก็นับว่าสะดวกดี ส่วนเกวียนนั้นจะใช้งานก็ต่อเมื่อนางเข้าเมืองไปซื้อของหรือบรรทุกพืชผักไปขาย ด้วยเหตุนี้วันนี้เว่ยจื้อโหยวจึงติดเกวียนของท่านพ่อเข้าเมืองตอนนี้เว่ยจื้อโหยวบอกกับท่านพ่อและท่านลุงถึงเงินส่วนแบ่งในการขายปลา นางให้ท่านพ่อกับท่านลุงแบ่งกันสองคนเท่านั้นส่วนนางไม่ขอรับส่วนแบ่งอย่างเช่นที่เคยได้รับมา นางขอรับเพียงเงินที่ได้จากการขายสัตว์ป่าเท่านั้นห
เว่ยจื้อโหยวเดินมาถึงตลาดค้าสัตว์ ในตลาดค้าสัตว์แห่งนี้มีสัตว์มากมายหลายชนิดให้เลือกซื้อ ส่วนม้าที่นางต้องการซื้อนั้นจะมีขายอยู่ช่วงท้ายของตลาด ต้องเดินลึกเข้าไปอยู่ถัดจากร้านขายลาใช้เวลาไม่นานนางก็เดินมาถึงร้านขายม้า ร้านแห่งนี้นับว่าใหญ่พอสมควร มีม้ามากมายให้เลือก เสี่ยวเอ้อร์เมื่อเห็นนางเดินมาหยุดอยู่หน้าร้านจึงรีบออกไปต้อนรับทันที“แม่นางท่านต้องการม้าเอาไว้ใช้งานใช่หรือไม่ เชิญเข้ามาเลือกดูก่อนได้เลยขอรับ ว่ามีตัวไหนที่ถูกใจท่านหรือเปล่า”“ข้าต้องการม้าหนุ่มที่แข็งแรงฝีเท้าจัด พอจะมีหรือไม่”“มีขอรับเชิญด้านนี้เลยขอรับ”เว่ยจื้่อโหยวเดินตามเสี่ยวเอ้อร์เข้าไปในร้านที่มีคอกม้าอยู่มากมาย เมื่อเดินมาจนถึงเกือบถึงหลังร้าน บริเวณนี้มีคอกม้าแค่ 3 ถึง 4 คอกเท่านั้นม้าหนุ่มท่าทางแข็งแรง เว่ยจื้อโหยวเดินดูไปเรื่อย ๆ แต่นางยังไม่มีตัวที่ถูกใจ เว่ยจื้อโหยวเดินดูม้าไปเรื่อย ๆ ออกจากคอกนั้นไปคอกนี้ จนมาถึงคอกสุดท้ายที่มีม้าสีดำอยู่เพียงตัวเดียวเท่านั้นเจ้าม้ามองมายังนางด้วยสายตาไม่แยแส อีกทั้งมันยังหันหน้าเมินนางอีกด้วย เว่ยจื้อโหยวมองเจ้ามาจอมหยิ่งด้วยความถูกใจและต้องการจะเอาชนะ เสี่ยวเอ้
เจ้าเฟยหู่พาเว่ยจื้อโหยวกลับมาถึงบ้าน เรียกให้อวิ๋นซวนไปตามท่านพ่อนางให้มาช่วยทำคอกม้าชั่วคราวให้เจ้าเฟยหู่อยู่ไปก่อน ส่วนอวิ๋นเฟยถูกนางใช้ให้ไปตามท่านลุงมาช่วยทำด้วยเช่นเดียวกัน นางนำเจ้าม้าไปผูกเอาไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้กับคอกของต้าหนิวกับเสี่ยวหนิว “อาซวน อาเฟยออกมาหาข้าหน่อย”“ขอรับพี่สะใภ้ มีเรื่องอันใดให้ข้าช่วยหรือไม่”“นั่นสิเจ้าคะพี่สะใภ้ เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ”“ไม่มีอะไรมาก อาซวนไปตามท่านพ่อข้า บอกว่าข้าให้มาช่วยทำคอกม้า อาเฟยส่วนเจ้าไปตามท่านลุงของข้าที่บ้านท่านยายบอกว่าข้าให้มาช่วยทำคอกม้า ส่วนข้าจะเข้าป่าไปตัดไม้มารอ”“ขอรับพี่สะใภ้”“เจ้าค่ะพี่สะใภ้”“อ่อ อาเฟยตอนเจ้าไปตามท่านลุงก็บอกกับให้ท่านตากับท่านยาย ท่านแม่ของข้า รวมถึงป้าสะใภ้มาด้วยนะ บอกว่าข้าต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ให้มากันทุกคนเลย”“ได้เจ้าค่ะพี่สะใภ้”เว่ยจื้อโหยวจะถือโอกาสนี้มอบเงินให้กับครอบครัวท่านลุงใหญ่กับท่านพ่อและท่านแม่ของนาง หากไม่รับนางก็จะบีบบังคับให้รับเงินให้จงได้ เพื่อทำให้ท่านพ่อกับท่านลุงยอมรับเงินจากนางแล้ว นางไม่กลัวที่จะต้องแสดงบทโศกเศร้าเคล้าน้ำตาถึงแม้ว่ามันจะดูงี่เง่ามากก็ตามท
หลังจากที่เล่นใหญ่จนทุกคนยอมรับเงินจากนางแล้ว ลุงใหญ่ถึงกับหลั่งน้ำตา ป้าสะใภ้เองก็ร้องไห้น้ำตาแทบกลายเป็นสายเลือด แต่ทว่าทุกคนนั้นไม่ได้หลั่งน้ำตาเพราะความเสียใจ แต่เป็นน้ำตาแห่งความดีใจและมีความสุขยายเหลียนถึงกับลั่นวาจาว่า ต่อไปนี้นางจะใช้ชีวิตให้สุขสบายเป็นฮูหยินผู้เฒ่าผู้มั่งคั่งตามที่หลานสาวอยากให้เป็น หลานสาวคนนี้ของนางรู้จักกตัญญูรู้คุณ ส่วนตาเหลียนเองก็ไม่น้อยหน้า หากวันข้างหน้าไม่ว่าใครกล้ามารังแกหลานสาวหรือหากลูกหลานในครอบครัวไม่รักใคร่สามัคคีกันเขาจะตัดชื่อออกจากวงศ์ตระกูลพร้อมทั้งขับไล่ออกไปแม้แต่เงินสักอิแปะก็จะไม่ให้มีติดตัว“เอาล่ะ ๆ ไปทำคอกม้าให้อาโหยวเถอะ พวกเจ้าดูอาโหยวเอาไว้เป็นตัวอย่าง เจตนาของอาโหยวก็คือให้พี่น้องรักใคร่ปรองดองอย่าได้อิจฉาริษยากัน ผู้ที่มีมากแบ่งปันผู้ที่มีน้อย แต่ไม่ใช่ว่าตัวเจ้าเองไม่ทำมาหากินรอแต่จะแบมือรับของที่ผู้อื่นหยิบยื่นให้ และอย่าได้มีความเห็นแก่ตัว ความเห็นแก่ได้ละโมบโลภมากอยากได้ของผู้อื่น เข้าใจหรือไม่” ตาเหลียนเอ่ยสั่งสอนลูกหลาน“พวกเราเข้าใจแล้วขอรับท่านพ่อ”“เข้าใจก็ดีแล้ว ข้าไปล่ะ จะไปใช้ชีวิตแบบสบาย ๆ จิบน้ำชาเดินหมากกับสหายใ
สองวันก่อนออกเดินทาง เหลียนอี้ปิงและทุกคนในบ้านต่างช่วยกันทำเนื้อรมควัน และเตรียมของฝากขนไปให้ลูกสาวสุดที่รักแทบล้นเกวียน เว่ยจื้อโหยวเองก็เตรียมเก็บผักในแปลงที่นางปลูกเอาไว้ 3 เข่งใหญ่ ๆ จากนั้นนางรดด้วยน้ำแร่เพื่อคงความสดใหม่ ในระหว่างที่ท่านลุงไม่อยู่ท่านพ่อและท่านตาจะช่วยกันดูช่างที่มาสร้างบ้านให้นาง ส่วนน้องชายของนางจะช่วยท่านพ่อจับปลาขึ้นจากหลุมดักปลาและนำไปส่งที่เหลาอาหารกับท่านพ่อระหว่างที่เว่ยจื้อโหยวไม่อยู่บ้าน น้องชายน้องสาวของสามีจะย้ายไปอยู่บ้านพ่อแม่ของนางชั่วคราว หากจะให้เด็กทั้งสองคนอยู่บ้านนางก็ไม่วางใจ ส่วนบ้านของนางจะมีท่านพ่อและน้องรองมานอนเฝ้า เพราะกลัวว่านางเฉียนจะเข้ามาขโมยข้าวของในบ้านอย่างเช่นที่ผ่านมา เว่ยเจี้ยนป๋อจึงพาลูกชายหอบเสื้อผ้ามานอนเฝ้าบ้านให้ลูกสาวในที่สุดก็มาถึงวันที่จะต้องออกเดินทาง เว่ยจื้อโหยวตื่นขึ้นมาต้นยามอวิ๋น นางรีบไปเก็บกับดักลงมาจนหมด ในระหว่างที่นางไม่อยู่หากนางวางกับดักทิ้งเอาไว้นางก็กลัวว่าจะมีสัตว์ป่ามาติดและตายคากับดักเว่ยจื้อโหยวนำของติดตัวไปไม่มาก นางเอาห่อผ้าใส่ในถุงสัมภาระแล้วฟาดเอาไว้บนหลังเจ้าเฟยหู่ นางไม่ลืมที่จะเอากระบอง
หลังจากได้ฟังเรื่องราวจากหญิงชรา เหลียนอี้ปิงรีบเร่งฝีเท้าล่อให้เดินเร็วขึ้นและมุ่งหน้าไปยังท้ายหมู่บ้านตามทิศทางที่หญิงชราบอกทันที โดยมีเว่ยจื้อโหยวควบม้าตามไปด้วยความเร็วเพราะมีเกวียนที่ขนบรรทุกสิ่งของมาจนเต็มเกวียนอีกทั้งมีคนขี่ม้าเข้ามาในหมู่บ้าน ทั้งสามคนจึงตกเป็นเป้าสายตาชาวบ้านที่พบเห็นทันที หากแต่ไม่มีใครมาสนใจสายตาของชาวบ้าน นางซ่งตอนนี้ได้แต่กลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาด้วยความแค้นใจ นางไม่คิดว่าลูกสาวของนางจะต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ อีกทั้งลูกเขยของนางยังมาล้มป่วยปางตายอีกใช้เวลาไม่ถึง 1 เค่อ เหลียนอี้ปิงก็มาถึงบ้านของลูกสาว นางซ่งเห็นสภาพบ้านที่ลูกสาวและครอบครัวสามีอาศัยอยู่แล้วนางแทบจะเป็นลม แบบนี้มันเรียกบ้านไม่ได้ด้วยซ้ำ เรียกกระท่อมผุพังยังจะเหมาะเสียกว่า แล้วแบบนี้จะผ่านฝนผ่านหนาวไปได้เช่นไรกัน“พี่สาวอี้หลิน พี่สาวอี้หลินอยู่บ้านหรือไม่เจ้าคะ” เว่ยจื้อโหยวไม่รอช้านางส่งเสียงเรียกคนทันที“อาโหยวไม่ต้องเรียกแล้วลูก เข้าไปเลย ไม่รู้ว่าพี่สาวของเจ้าจะล้มป่วยลงอีกคนหรือไม่” นางซ่งพูดพร้อมกับเดินเข้าไปในบ้านเว่ยจื้อโหยวเดินเข้าไปในบ้านดินเก่า ๆ การเป็นอยู่นับว่าแย่กว่าตอนที
หลังจากปรึกษากันแล้วว่าพรุ่งนี้จะพาหยางเทากับหยางเทียนสองพ่อลูกไปหาหมอที่เมืองข้าง ๆ เว่ยจื้อโหยวมองดูบ้านดินหลังเล็กแล้วไม่น่าจะสามารถมีที่ให้นางใช้เป็นที่นอนได้ จะให้นางเข้าไปนอนในห้องครัวอันเล็กจ้อยก็คงจะไม่ไหวส่วนท่านลุงกับท่านป้าก็ให้นอนในห้องโถงของบ้าน ถ้าให้นางเข้าไปนอนด้วยอีกคนก็คงจะน่าอึดอัดเกินไป นางจึงคิดว่าจะไปตัดไม้ไผ่มาสร้างเพิงที่พักเป็นกระท่อมไม้ไผ่หลังเล็ก ๆ สำหรับนอนคืนนี้ไปก่อน ระหว่างที่พี่สาวกำลังเข้าไปทำอาหารสำหรับมื้อค่ำซึ่งวันนี้กินข้าวเร็วกว่าปกติเพราะพวกเขาเดินทางมาเริ่มจะหิวแล้ว นางจึงคิดว่าจะไปตัดไม้ไผ่มาสักสองรอบอาหารคงทำเสร็จพอดี จากที่นางเดินสำรวจรอบ ๆ บ้านพี่สาวนางเห็นป่าไผ่อยู่ไม่ไกล น่าจะทำกระท่อมเสร็จก่อนที่ฟ้าจะมืด“ท่านลุงใหญ่ ท่านป้าเจ้าคะ ข้าว่าจะไปตัดไม้ไผ่มาทำกระท่อมสำหรับพักคืนนี้เจ้าค่ะ”“ขอโทษเจ้าด้วยนะหลานสาว เพราะบ้านของเราคับแคบไปหน่อย ลำบากเจ้าแล้วจริง ๆ” นางหวงขอโทษออกมาด้วยความรู้สึกละอายใจ“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านป้าหวง ข้าไม่ลำบากอะไรเลย เช่นนั้นเราไปตัดไม้ไผ่กันเถอะเจ้าค่ะท่านลุง พอเรากลับมาก็จะได้กินข้าวพอดี ถึงตอนนั้นพี่สาวคงทำอาหา
หลังจากเหลียนอี้หลุนแต่งภรรยาเข้าบ้านได้ไม่นาน หยวนจิ้งเองก็พบรักเข้ากับหญิงสาวชาวบ้านคนหนึ่งในหมู่บ้านแถบชานเมือง นางเป็นบุตรสาวพรานป่าที่มีนิสัยใจคอกล้าหาญไม่ต่างไปจากน้องสะใภ้อย่างเว่ยจื้อโหยว ที่สำคัญนางเป็นคนจิตใจดี หยวนจิ้งแต่งภรรยาได้ไม่นาน ภรรยาของเขาก็ตั้งครรภ์ทันที ต่างจากอี้หลุนที่ไม่ว่าจะทำยังไง ภรรยาก็ยังไม่ตั้งครรภ์เสียที ส่วนภรรยาของกู้ตงและสหายทั้งสองตอนนี้ตั้งครรภ์แล้วเช่นเดียวกัน เว่ยจื้อโหยวเองก็กำลังจะคลอดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ด้วยความพยายามของอี้หลุนในที่สุดภรรยาก็ตั้งครรภ์เสียที เซี่ยเหิงเองก็ไม่ยอมน้อยหน้าคนอื่น อ้ายหลินเองก็ท้องโตและกำลังใกล้คลอดตามเว่ยจื้อโหยวมาติด ๆ หมู่บ้านต้าลี่เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ เว่ยเจี้ยนป๋อได้เป็นบิดาของจอหงวนฝ่ายบุ๋น อวิ๋นเซียวนั้นมีน้องชายเป็นขุนนางฝ่ายบู๊ อวิ๋นเฟยกับหย่งคังก็มีลูกชายหญิงให้บิดามารดาได้เลี้ยงหลานไม่เหงา ทำเอาลุงใหญ่อย่างเหลียนอี้ปิงอิจฉาตาร้อนไปหมดเจ้าแฝดต้าเป่ากับเสี่ยวเป่า หลังจากมารดาคลอดน้อง ๆ แล้วทั้งสองคนจะเข้าไปศึกษาที่เมืองหลวงตามที่รับปากกับท่านลุงเฟยหลงเอาไว้ เว่ยจื้อโหยวมีความสุขที่ได้อยู่กับลู
เหลียนอี้หลุนตอนนี้กำลังชั่งใจตัวเองอยู่ว่าจะทำตามใจตัวเองหรือจะยอมเดินออกมาอย่างเช่นที่เคยทำ ไม่ใช่ว่าเขาไม่พึงใจในตัวม่านหลิน เพียงแต่เขาคิดว่าตัวเองมีชาติกำเนิดต่ำต้อย บิดามารดาเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น เจ้าเมืองเตี้ยนถงเองไม่เคยคิดดูถูกชาติกำเนิดของเหลียนอี้หลุนอย่างที่ตัวอี้หลุนเข้าใจ ที่ฮูหยินท่านเจ้าเมืองกุเรื่องว่าจะให้ลูกสาวแต่งงานกับลูกชายของสหายของนางนั้นเพื่อกระตุ้นให้อี้หลุนรู้ใจตัวเองเพียงเท่านั้น เหลียนอี้หลุนทำหน้าที่คุ้มกันขบวนสินค้ามานานแล้วและนางเองก็รู้ดีว่าเขาพึงใจในตัวบุตรสาวคนเล็กของนาง ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้แสดงออกโจ่งแจ้ง แต่คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานเช่นนางกับสามีนั้นมีหรือจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มคิดเช่นไรกับบุตรสาวของตัวเอง ม่านหลินนั้นตกหลุมรักเหลียนอี้หลุนตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบเขาเมื่อ 2 ปีก่อน ถึงในสายตาคนอื่นนางเป็นคุณหนูจวนขุนนางที่ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร นอกจากวิ่งออกไปเที่ยวตรงนั้นทีตรงนี้ที แต่ความจริงแล้วฝีมือการทำอาหาร งานเย็บปักและการต่อสู้ไม่ได้ด้อยเลย ม่านหลินเองก็เริ่มถอดใจแล้วเช่นเดียวกัน นางคิดว่าความพยายามของตัวเองไม่เป็นผลสำเร็จ ขนาดที่นาง
หมู่บ้านหนานซานตอนนี้ข่าวการกลับมาของสามสหายปากร้ายแห่งหมู่บ้านหนานซานที่กลับมาจากเมืองหลวงพร้อมทั้งนำภรรยากลับมาด้วยเป็นที่เลื่องลือไปสี่หมู่บ้านยี่สิบลี้เลยก็ว่าได้ชาวบ้านหลายคนต่างไม่อยากจะเชื่อว่าบุรุษปากคมเช่นสามคนนั้นจะสามารถแต่งภรรยาจากเมืองหลวงกลับมาได้ อีกทั้งเหล่าภรรยายังเป็นคุณหนูของตระกูลใหญ่ที่มาพร้อมกับสินเดิมมากมายและเช้าวันนี้หลังจากที่ส่งสามีออกไปทำงานแล้วเหล่าสะใภ้ทั้งสามก็นัดแนะกันเข้าป่าล่าสัตว์หาของป่าดังเช่นชาวบ้านทั่วไป ทั้งสามคนคิดว่าตัวเองตัดสินใจถูกแล้วที่แต่งงานมาอยู่หมู่บ้านหนานซานแห่งนี้“ท่านแม่ ท่านพ่อ พี่สะใภ้ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ ป่านี้เสวี่ยเหลียนกับซินเหมยคงมารอแล้ว” ม่อจื่อ“จื่อเอ๋อร์ระวังตัวด้วยนะ อย่าเข้าป่าลึกมากนัก บ้านเราไม่ได้ขาดแคลนสิ่งใดอย่าทำอะไรให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย เข้าใจหรือไม่” แม่สามีบอกลูกสะใภ้ชาวเมืองอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ ข้าจะดูแลตัวเองให้ดี”ผิงม่อจื่อหลังจากบอกลาแม่สามีแล้วก็มุ่งหน้ามาที่จุดนัดหมายที่มีสหายสองคนรออยู่ที่ทางขึ้นเขาท้ายหมู่บ้าน เส้นทางนี้ชาวบ้านในหมู่บ้า
หลังจากผ่านพ้นการแต่งงานแบบที่แปลกประหลาดไปแล้ว สี่หนุ่มแห่งหมู่บ้านต้าลี่ต่างได้ภรรยากลับไปฝากคนที่บ้านด้วยนอกเหนือจากของฝากที่พวกเขาซื้อเอาไว้มากมายเพราะทั้งสี่คนแต่งงานแล้วและภรรยายังตามสามีกลับไปด้วย ขากลับทำให้มีขบวนรถม้าเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว เว่ยจื้อโหยวเองถึงแม้จะดีใจที่เจ้าพวกลิงทโมนทั้งสี่ในที่สุดก็รู้จักแต่งภรรยามีครอบครัวเสียทีจะได้ไม่ต้องรวมหัวกันไปทำเรื่องอะไรพิเรน ๆ อีก แต่ดูท่าทีภรรยาของแต่ละคนแล้ว เว่ยจื้อโหยวคิดว่าคงมีเรื่องปวดหัวตามมาอีกไม่น้อย “เดินทางปลอดภัยนะ อาเซียวน้องสะใภ้” เฟยหลง“ขอบคุณขอรับพี่รอง ท่านกลับไปดูแลพี่สะใภ้กับหลานชายเถอะไม่ต้องเป็นห่วง” อวิ๋นเซียว“เจ้าแฝดไม่อยู่กับลุงที่เมืองหลวงหรือ” เฟยหลงถามหลานชาย“ไม่ขอรับ ข้าจะไปช่วยท่านพ่อทำงาน เอาไว้ถึงเวลาเข้าสำนักศึกษาแล้วค่อยมาอยู่กับท่านลุงที่เมืองหลวงขอรับ แต่ต้องรอให้ท่านแม่มีน้องก่อนนะขอรับ เพราะหากพวกเราสองคนมาอยู่ที่เมืองหลวงข้ากลัวท่านแม่จะเหงา” ต้าเป่า“ได้ เช่นนั้นลุงรองจะสร้างเรือนเอาไว้ให้พวกเจ้าสองคนนะ เอาติดกับเรือนของน้องชายเลยดีหรือไม่”“ดีขอรับ ท่านลุงรักษาตัวด้วยนะขอรับ เอาไว้ต้าเ
เวลาผ่านไปอีกสองวันก็มีข่าวออกมาว่าชุยต้าหวังพร้อมนางจินซื่อถูกจับข้อหาร่วมมือกันทำให้อดีตภรรยาเอกถึงแก่ความตาย และยึดเอาสินเดิมภรรยาพร้อมทั้งใส่ความบุตรที่เกิดกับภรรยาเอกให้มีความผิดและส่งขายไปเป็นทาสหลวงหลังจากเจ้าหน้าที่ทางการสอบสวนแล้วนางจินซื่อสารภาพว่าเป็นคนวางยาอดีตภรรยาเอกเพื่อต้องการขึ้นมาเป็นภรรยาเอกแทน ส่วนชุยต้าหวังมีความผิดฐานยึดเอาสินเดิมภรรยาและขายลูกชายทั้งสี่ไปเป็นทาส ด้วยเหตุนี้นางจินซื่อมีโทษประหารข้อหาฆ่าคนตาย ชุยต้าหวังมีโทษจำคุก 30 ปี ส่วนลูกชายอย่างชุยตงหลางนั้นไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องที่บิดามารดาได้กระทำลงไปจึงไม่มีความผิด ลูกสาวอย่างชุยรุ่ยเอ๋อร์นั้นมีส่วนรู้เห็นและร่วมมือกับมารดาทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายมีโทษจำคุกตลอดชีวิตเช่นเดียวกันทางการได้คืนสินเดิมของมารดาชุยต้าทั้งหมดให้กับพวกเขาสี่พี่น้อง ชุยต้าเองย่อมรู้ว่าเป็นฝีมือของฮูหยิน แต่พวกเขาไม่ยินดีที่จะอยู่เมืองหลวงอีกต่อไป เพราะต่างก็ตั้งใจลงหลักปักฐานที่หมู่บ้านต้าลี่แล้ว ชุยต้ากลับไปคงต้องคุยกับพี่น้องของตัวเองเรื่องสินเดิมมารดาที่เหลือไม่มากแล้วเพราะตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ชุยต้าหวังและนางจินซื่
หย่งซีและชุยต้ากลับมาถึงจวนแม่ทัพพร้อมกับที่เว่ยจื้อโหยวกลับมาจากวังหลวงเช่นเดียวกัน หย่งซีใบหน้าบูดบึ้งเดินกระแทกเท้าตึง ๆ เข้าไปหาพี่สาวเพื่อบอกกับนางว่าเขาและชุยต้าถูกคนรังแกอย่างไรบ้าง“เป็นอะไรเสี่ยวซีทำไมหน้าตาบูดบึ้งเช่นนั้น ใครทำอะไรให้โมโหมาหรือ” เว่ยจื้อโหยวถามน้องชาย“ก็วันนี้ข้าไปเดินเที่ยวตลาดในเมืองมาแล้วไปเจอยายป้าปากแดงอยู่ ๆ ก็เข้ามาด่าว่าพี่ชายชุยต้ากับข้า แถมยังบอกว่าพี่ชายชุยต้าเป็นอดีตพี่ชายของนาง เท่านั้นยังไม่พอนางยังด่าว่าเป็นทาสด้วย เป็นทาสอะไรกันไม่ได้เป็นทาสเสียหน่อย”“ใครกันน่ะ เหตุใดถึงได้กล้าด่าคนอื่นกลางตลาดขนาดนั้น ไม่กลัวคนอื่นจะมองไม่ดีแล้วไม่มีใครมาสู่ขอหรือ แถมเป็นสตรีด้วย”“ข้าไม่รู้หรอกพี่ใหญ่ รู้แค่ว่านางไม่สวย ทาหน้าขาวโพลนแถมยังปากแดงอีกด้วย ใครจะไปสนใจกันว่านางเป็นใคร ไม่ได้รู้จักแต่เข้ามาด่า นางบอกว่าพี่ชุยต้าเป็นอดีตพี่ชาย”“สรุปที่เจ้าโมโหขนาดนี้ แม่นางผู้นั้นด่าเจ้าหรือด่าชุยต้า” “ด่าข้าด้วย ด่าพี่ชายชุยต้าด้วย นางด่าข้าว่าไอ้เด็กเหลือขอ พ่อแม่ไม่สั่งสอน” หย่งซีหน้างอตอบพี่สาว“ตกลง ตกลง ข้าเข้าใจแล้ว เดี๋ยวจะไปถามชุยต้าเดี๋ยวพี่สาวจะจัดก
หลังจากที่ราชครูเถียนได้ตัดสินใจออกไปแบบนั้นแล้ว เขาไม่เสียใจที่ต้องทำเช่นนี้ หาไม่แล้วตระกูลเถียนคงได้ล่มสลายเพราะสตรีสมองหมูสองคนนี้เป็นแน่ เถียนเสี่ยวมี่ไม่ยินยอมจึงได้โวยวายว่าบิดาไม่ยุติธรรม“ท่านพ่อ ท่านจะมาทำแบบนี้กับข้าและท่านแม่ไม่ได้ เหตุใดเราสองแม่ลูกจะต้องไปอยู่ที่หมู่บ้านบรรพบุรุษด้วยเจ้าคะ การที่ลูกรักพี่จิ้งลูกผิดหรือเจ้าคะ”“ผิด เพราะหยวนจิ้งไม่ได้มีไมตรีต่อเจ้า การที่เจ้าไปวิ่งตามหยวนจิ้งแบบนั้นนอกจากจะด้อยค่าตัวเองแล้วยังทำลายเกียรติของตระกูลเถียนด้วย เจ้าไม่รู้สึกอับอายผู้คนบ้างหรือ”“ท่านพี่ ให้โอกาสเราแม่ลูกสักครั้งได้หรือไม่เจ้าคะ ต่อไปข้าจะดูแลมี่มี่ให้ดี จะไม่ให้ออกไปก่อเรื่องได้อีก”“ข้าตัดสินใจแล้ว การกระทำของเสี่ยวมี่ที่ผ่านมามันบ่งบอกได้ถึงว่านางไม่ได้รับการสั่งสอนที่ดี ตัวข้าเป็นขุนนางตำแหน่งราชครู แม้แต่ลูกสาวของตัวเองยังสั่งสอนไม่ได้แล้วข้าจะมีหน้าไปสั่งสอนผู้อื่นได้เช่นไร พวกเจ้าสองแม่ลูกอย่าลืมว่ายังมีลูกชายทั้งสองคนที่เป็นขุนนางอนาคตไกล อย่าให้การกระทำสิ้นคิดของเจ้ามาทำลายตระกูลเถียนและหน้าที่การงานของทุกคน นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเจ้าให้ได้ปรับปรุงตัวเ
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานทำให้หยวนจิ้งอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก หลังจากส่งหลาน ๆ กลับจวนแม่ทัพแล้ว ตัวเขาเองก็มุ่งหน้ากลับจวนกั๋วกงทันทีหยวนจิ้งกลับมาถึงก็ตรงไปที่เรือนของฮูหยินทันที เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เขาไม่อาจใจเย็นได้อีก ก่อนจะจัดการคนอื่นต้องจัดการคนในครอบครัวก่อน คนแรกคือท่านแม่ของเขาเอง“ท่านแม่อยู่หรือไม่”“อยู่เจ้าค่ะคุณชาย กำลังสนทนาอยู่กับฮูหยินท่านราชครูเจ้าค่ะ”“ขอบใจ มีอะไรก็ไปทำเถอะ"“เจ้าค่ะคุณชาย”หยวนจิ้งเดินหน้าดำคร่ำเครียดเข้าไปหาผู้เป็นมารดาที่ตอนนี้นั่งคุยกันอย่างออกรสอยู่กับฮูหยินจวนราชครู หยวนจิ้งเองไม่คิดจะไว้หน้าอยู่แล้ว ในใจเขาคิดว่าดีแล้วจะได้ไม่ต้องไปถึงจวนราชครู หวังว่าฮูหยินจะกลับไปสั่งสอนลูกสาวหรือตัวฮูหยินเองที่ต้องหยุดการกระทำทุกอย่างและอย่าได้คิดมาเล่นแง่หาข้ออ้างอะไรอีก แม้แต่ท่านแม่ของตัวเองวันนี้หยวนจิ้งเองก็ไม่คิดจะอ่อนข้อให้“คารวะท่านแม่ขอรับ คารวะฮูหยินท่านราชครู"“อ้าว อาจิ้งทำไมกลับมาไวนักล่ะลูก ไหนว่าไปที่ตำหนักองค์ชายสามไม่ใช่หรือ” “อุ๊ย ดูพูดเข้าสิ หลานจิ้งฮูหยงฮูหยินอะไรกัน เรียกท่านป้าเถอะจ้ะ” ฮูหยินราชครู“ไม่ล่ะขอรับ ข้าไม่ส
เว่ยจื้อโหยวพาลูก ๆ และสามีเดินทางรอนแรมจากหมู่บ้านต้าลี่ในที่สุดก็ถึงเมืองหลวงเสียที คนที่มารอรับพวกเขาอยู่นอกประตูเมืองคือเฟยหลงกับหยวนจิ้ง เด็กน้อยทั้งสี่ต่างขดตัวนอนหลับอยู่ภายในรถม้ากับพี่เลี้ยงสี่ขาทั้งสี่เฟยหลงพาน้องชายนอกสายเลือดที่เขารักไม่ต่างจากคนสายเลือดเดียวกันเข้าไปพักที่จวนแม่ทัพ ก่อนหน้านั้นหลายปีจวนแม่ทัพแห่งนี้มีอวิ๋นซวนกับหย่งคังและหย่งหมิงพักอยู่ ถึงแม้ตอนนี้จะมีเพียงหย่งหมิงกับอวิ๋นซวนเท่านั้นที่ยังคงอยู่ที่นี่เพื่อศึกษาเล่าเรียนในสถานศึกษาหลวง“ถึงแล้ว ที่นี่ล่ะ ตอนนี้อาซวนกับอาหมิงคงยังไม่กลับจากสถานศึกษา” หยวนจิ้ง“พาหลาน ๆ ไปนอนในห้องหับเสียก่อน เดินทางมาไกล ต้าเป่ากับน้อง ๆ คงเหนื่อยแย่” เฟยหลง “ขอรับพี่ใหญ่ พี่รอง” อวิ๋นเซียว"เอาล่ะ ซ้ายมือเป็นเรือนของอาเหิงกับครอบครัว ส่วนอาเซียวอยู่เรือนหน้าก็แล้วกัน เรือนด้านขวานั้นอาหมิงกับอาซวนพักอยู่ก่อนแล้ว ส่วนพวกเจ้าที่เหลือไปพักอยู่ที่เรือนหลังก็แล้วกัน" เฟยหลงแจกแจงที่พักหลังจากที่ทุกคนแยกย้ายเข้าเรือนพักเรียบร้อยแล้ว รถม้าทั้ง 10 คันก็เขาไปจอดเรียบร้อยที่พื้นที่ด้านหลังของจวน ม้าเองก็ต้องการพักผ่อนเช่นเดียวก