“หามิได้ขอรับ ทางจวนรองแม่ทัพหานเพิ่งส่งคนล่วงหน้ามาแจ้งว่าขบวนเกี้ยวใกล้ถึงแล้ว...นั่นขบวนเกี้ยวเจ้าสาวมาแล้วขอรับ!”หลินอวี้เหม่ยหันไปมองขบวนเกี้ยวที่ว่าพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น พลางหันไปมองสบตาสามีข้างกายที่วางท่าน่าเกรงขาม มิได้มีสีหน้าท่าทางแปลกใจก็นึกสงสัยขบวนเกี้ยวเจ้าสาวระดับจวนรองแม่ทัพต่อให้ไม่หรูหราสง่างามเท่าจวนแม่ทัพ แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้านางนี้ห่างไกลกับคำว่าหรูหราชนิดฟ้ากับเหวก็ว่าได้ ราวกับว่านี่ไม่ใช่การแต่งฮูหยินรองแม่ทัพเข้าจวนหลินอวี้เหม่ยยังจำตอนที่นางแต่งเข้าจวนของหานเจี้ยนจวิ้นในฝันร้ายนั้นได้ ขบวนเกี้ยวที่ควรจะสง่างามและสมเกียรติจวนรองแม่ทัพกลับดูเก่าโทรมและเรียบง่ายอย่างน่าตกใจ หากบอกว่านี่ไม่ใช่เกี้ยวแต่งฮูหยิน แต่เป็นรับอนุเข้าบ้านยังจะพอเข้าท่ามากกว่ารับอนุเช่นนั้นหรือ!หลินอวี้เหม่ยสะดุดใจ นางหันไปสบตากับเซียวหลงเฉิง สามีของนางทำหน้านิ่งเฉยเย็นชาตามปกติ มีเพียงแววตาคมเข้มคู่นั้นที่ดูมีเลศนัยขบวนเกี้ยวหยุดลงตรงหน้าจวนหลิน ชาวบ้านที่มามุงดูต่างซุบซิบกันถึงความแปลกประหลาดของงานแต่งบุตรีสกุลหลินในครั้งนี้ สามวันก่อนแต่งบุตรีคนรองเข้าจวนแม่ทัพอย่างยิ่งใหญ่ สามวั
ภาพหวานชื่นนั้นกระแทกนัยน์ตาของหลินซูหนิงเข้าอย่างจัง ยิ่งทำให้ในหัวใจพลุ่งพล่านด้วยความอิจฉา นางกระแทกลมหายใจ พลางเดินลงส้นไปขึ้นเกี้ยวอย่างไม่เต็มใจ หากตอนที่เดินผ่านสองสามีภรรยาที่แสนจะน่าอิจฉาคู่นั้น นางก็อยากจะทึ้งหัวตัวเอง ทำไมทุกอย่างถึงกลายเป็นเช่นนี้ทำไมชีวิตข้าต้องมาอับอายขายหน้าต่อหน้านางพี่สาวตัวดีผู้นี้ มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ คนที่ต้องยืนแบกหน้ารับความอัปยศในวันนี้ควรเป็นหลินอวี้เหม่ยไม่ใช่นาง ที่ข้างกายท่านแม่ทัพใหญ่นั่นต่างหากที่ควรค่าจะเป็นของนางมีความสุขกับชีวิตแต่งงานที่เจ้าเลือกเอง งั้นหรือ ข้าไม่ได้ต้องการเลือกแบบนี้เสียหน่อย คอยดูเถอะ ข้าจะต้องได้ดีกว่าเจ้าให้ได้ จงมีความสุขเสียให้พอหลินอวี้เหม่ย เมื่อวันที่เจ้าตกจากที่สูงลงมา ข้าจะเหยียบให้มิดเลยคอยดู!///////////////เมื่อเกี้ยวเจ้าสาวไปถึงจวนสกุลหาน แทนที่จะเข้าทางด้านหน้าจวน แต่แล้วเกี้ยวของหลินซูหนิงกลับเลี้ยวไปทางประตูข้างจวนแทน“เจ้าสาวลงจากเกี้ยวได้”หลินซูหนิงเดินลงจากเกี้ยวก็ต้องแปลกใจ นางมองไปรอบตัวที่ไม่มีอะไรบ่งบอกถึงพิธีแต่งงาน หรือกระทั่งการประดับประดาจวนให้เป็นมงคลก็ไม่มีด้วยซ้ำ“ทำไมพวกเจ้าพาข้าม
เพียะ! เพียะ!หลินซูหนิงถึงกับหูอื้อ ตาลาย แก้มนวลขาวขึ้นรอยนิ้วมือหนักๆ จนแดงเห่อ“จำไว้ว่าที่นี่ข้าเป็นนายหญิงใหญ่มีอำนาจสูงสุด ส่วนเจ้าก็เป็นแค่หญิงที่มีไว้ใช่บำเรอบนเตียงสามีข้า อย่าหวังสูงให้มากนัก”“เจ้า!”เพียะ!คราวนี้เลือดสดๆ กลบริมฝีปากอิ่มสวยของสาวแรกรุ่น“ได้เวลายกน้ำชาแล้ว ถ้าเจ้าอยากเป็นอนุก็รีบคลานเข่าเข้ามายกน้ำชาคารวะข้า”พอขาดคำสาวใช้ข้างกายก็กดไหล่ของหลินซูหนิงให้คุกเข่าลง บังคับให้นางคลานเข้าไปข้างหน้าฮูหยินใหญ่โดยไม่สนใจว่านางจะขืนตัวไว้อย่างไรสุดท้ายถ้วยน้ำชาก็ถูกยัดใส่มือหลินซูหนิงที่กัดฟันแน่นด้วยความแค้นใจที่โดนหลอกและโดนบังคับให้คารวะต่อเมียเอกของจวนอี้ฮูหยินยื่นมือไปรับถ้วยน้ำชา แต่กลับปัดถ้วยในมือของอนุคนใหม่จนหกรดชุดแต่งงานและร้อนลวกมือของหลินซูหนิงจังๆ“โอ๊ย!”“ตายจริง อนุหลิน ทำไมเจ้าได้ซุ่มซ่ามเช่นนี้ เด็กๆ รีบรินชาให้อนุหลินใหม่เร็วเข้า”พอขาดคำสาวใช้ก็ยกกาน้ำชาร้อนจัดมาเทใส่จอกจนชาล้นออกมาร้อนลวกมือหลินซูหนิงจนแดงพอง แต่นางก็ไม่อาจปล่อยจอกลงได้เพราะถูกสาวใช้บังคับให้จับจอกชาไว้หญิงสาวมองมือตนโดนน้ำร้อนลวกอย่างเจ็บปวดและแค้นใจทุกคนที่ทำให้นางต้องตกอ
“เจ้าเป็นคนบอกเองว่าจะรักและดูแลข้าอย่างดี เจ้าสัญญากับบิดาข้าว่าจะแต่งข้าเข้าจวนในฐานะฮูหยินเอก แล้วนี่มันอะไรกัน อนุอะไร ข้าไม่อยากเป็น” นางตะโกนออกมาอย่างโมโห ผิดหวัง“ไม่อยากเป็นเช่นนั้นก็กลับบ้านเดิมของเจ้าไปสิ ข้าไม่ได้ง้อนี่”หานเจี้ยนจวิ้นมองนางด้วยสายตาดูแคลน“ข้าบอกว่าจะรักเจ้าหรือ? เจ้าเองต่างหากที่หลงคิดไปเองว่าเจ้าจะสามารถครอบครองข้าได้ ข้าไม่เคยพูดอะไรเช่นนั้น เจ้าคิดไปเองทั้งนั้น บุตรีตระกูลพ่อค้าอย่างเจ้าเป็นเพียงอนุของรองแม่ทัพก็ดีเกินไปแล้ว ยังจะมาเรียกร้องอะไรอีก หากอยากเป็นเมียข้าก็จงกลับไปที่เรือนเจ้าเสีย แล้วจงอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวด้วย ถ้าไม่อยากให้ข้าหย่าแล้วส่งเจ้ากลับจวนสกุลหลินซะ”คำพูดของหานเจี้ยนจวิ้นทิ่มแทงหัวใจหลินซูหนิงจนย่อยยับ นางรู้สึกเหมือนถูกตอกย้ำว่าโง่งมที่ถูกหลอกและถูกหักหลังจากคนสารเลวตรงหน้า ความเสียใจที่ถาโถมเข้ามาในหัวใจของนางทำให้สติของนางแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ“เจ้ามันคนปลิ้นปล้อน! ข้าเกลียดเจ้าที่สุด” หลินซูหนิงร้องแหกปากตะโกนอย่างหมดความอดทน น้ำตายังคงไหลพราก นางลุกขึ้นหมายจะผลักหานเจี้ยนจวิ้น แต่กลับถูกเขาผลักไหล่ล้มลงไปนั่งกับพื้นอย่าง
พอมีโอกาสกลับมาแก้ไขในชาตินี้ หลินอวี้เหม่ยจึงเลือกที่จะไม่เดินซ้ำรอยเดิมด้วยการชิงแต่งกับแม่ทัพเซียวหลงเฉิง แม่ทัพใหญ่ผู้มีอำนาจในฐานะฮูหยินเอกแม้จะเสี่ยงต่ออนาคตที่เขาอาจจะกลายเป็นกบฏและถูกประหาร แล้วส่งน้องสาวเข้าจวนสกุลหานเพื่อแทนที่นางในชาติก่อน ให้ชายโฉดหญิงชั่วได้กันสมใจตั้งแต่แรกเริ่ม คิดว่าจะจบเรื่องได้ แต่ทุกอย่างกลับลงเอยเช่นนี้อีก“นี่มันอะไรกัน...หรือว่าชะตากรรมของข้าจะไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ แล้วถ้าทุกอย่างในชาตินี้จะวนกลับมาซ้ำรอยเดิม ข้าควรทำเช่นไร...” นางพึมพำกับตัวเองทันใดนั้น ประตูห้องก็เปิดออก เซียวหลงเฉิงก้าวเข้ามาอย่างเงียบงัน เขามองเห็นสีหน้าหนักใจของภรรยาก็แปลกใจ จึงเดินเข้ามากอดจากทางด้านหลัง“คิดสิ่งใดอยู่หรือ” เขาถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่สายตากลับคมกริบราวกับจับตามองทุกรายละเอียดหลินอวี้เหม่ยสะดุ้งเล็กน้อย นางรีบหันไปมองสามีในชาติปัจจุบันด้วยความกังวลใจ ไม่แน่ใจแล้วว่านางเลือกชะตากรรมถูกหรือผิด“ท่านพี่...ข้าได้ยินว่าน้องสามถูกแต่งเข้าจวนสกุลหานในฐานะอนุภรรยาแทนที่จะเป็นฮูหยินเจ้าค่ะ” หญิงสาวตัดสินใจลองบอกไปตามความจริง“อืม...ก็ไม่แปลกอันใดนี่ ในเมื่อหานเจี้
จูบของแม่ทัพหนุ่มเต็มไปด้วยความดุดันและเอาแต่ใจยิ่งกว่าครั้งไหนๆ เขากระชากนางเข้ามาประชิดตัว มือใหญ่ของเขารั้งท้ายทอยของนางไว้แน่นเพื่อไม่ให้นางหนีได้ อีกมือก็ดึงทึ้งอาภรณ์ที่นางสวมออกจนเผยเรือนร่างอันเย้ายวนตาริมฝีปากของเขารุกเร้าอย่างไม่ปรานี คล้ายกับต้องการแสดงความเป็นเจ้าของและประกาศให้นางรู้ว่าต่อให้นางคิดจะหนีไปจากเขา ก็ไม่มีทางทำได้หลินอวี้เหม่ยตกใจจนทำอะไรไม่ถูก นางพยายามผลักดันเขาออก แต่ยิ่งดิ้นเท่าไรก็เหมือนยิ่งจุดไฟในตัวสามีให้ลุกโชนมากขึ้น แขนแข็งแกร่งของเขารัดเอวบางแน่นจนร่างนางแนบชิดไปกับอกกว้างจนเกือบจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ความอบอุ่นจากกายเขาทำให้นางรู้สึกตัวอ่อนระทวยอย่างประหลาด จากขัดขืนก็กลายเป็นเคลิบเคลิ้ม“ท่าน...ท่านพี่...” นางพยายามเอ่ยเรียกสติเขาด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า แต่เขาก็ไม่ยอมหยุด จูบของเขาเต็มไปด้วยความร้อนแรง ความปรารถนาในตัวนางก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงราวกับพายุโหมใส่เรือลำน้อยกำลังลอยในท้องทะเลคลั่งเซียวหลงเฉิงผละออกมาเพียงเล็กน้อย ดวงตาของเขายังคงแสดงออกถึงความโมโหและความต้องการที่ไม่อาจระงับได้“เจ้าเป็นฮูหยินของข้า” เขากระซิบข้างหูนางเสียงต่
“ท่านพี่...ข้าไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ” เซียวหลงเฉิงได้ยินคำอ้อนวอนของคนใต้ร่างก็หัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นท่าทีอ่อนระโหยโรยแรงของนาง ใบหน้าอิดโรยแดงระเรื่อ ไหนจะร่องรอยรักที่เขาทิ้งไว้บนกายนางอีกเล่า ลองหอบสังขารที่เต็มไปด้วยฝีมือเขาไปให้ชายอื่นดูสิ ใครจะกล้ายอมรับนางไปเป็นภรรยาก็คงหน้ามืดเต็มที“ฮูหยิน...เจ้ายังคิดจะหย่ากับข้าอยู่หรือไม่”เขาพูดพร้อมกับยกมือขึ้นลูบแก้มนางเบาๆ ใครบ้างไม่รักชีวิต ขืนตอบขัดใจเขา คราวนี้นางคงต้องรับศึกหนักหน่วงอีก อย่าหวังได้ลงจากเตียงได้ เพียงเท่านี้คนในจวนก็นินทากันสนุกปากแล้วว่าท่านแม่ทัพคลั่งรักภรรยาจนไม่ยอมให้ลงจากเตียง ออกจากห้องหอไปพบใคร“คิด...หากท่านมีอนุหรือเมียอื่นเพิ่ม ข้าก็จะหย่ากับท่านทันที” พูดจบ ปากน้อยๆ ของนางก็ถูกบดขยี้ซ้ำๆ จนบวมเจ่อ แต่นางไม่ขัดขืนหนำซ้ำยังจูบตอบเขาอย่างซุกซนจนแม่ทัพหนุ่มแทบจะคลั่ง“อวี้เหม่ย ข้ามีเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ว่าหญิงหน้าไหนก็อย่าหวังปีนขึ้นเตียงข้าได้นอกจากเจ้า ภรรยาของข้ามีคนเดียวคือเจ้าทั้งชาตินี้ ชาติหน้า ข้าเซียวหลงเฉิงจะไม่แต่งใครเข้าจวนทั้งนั้น”หลินอวี้เหม่ยเงยหน้าขึ้นมองเขา ตื่นตะลึงในคำพูดและแววตาจริงจัง
“และเพราะความไว้เนื้อเชื่อใจทั้งสามีและน้องสาว ทำให้เหมยฮวาถูกเขาวางแผนใส่ร้ายป้ายสีว่ามีชู้ จนถูกสามีทรยศลงโทษและสังหารอย่างโหดเหี้ยมทารุณเพียงเพราะต้องการยกตำแหน่งฮูหยินเอกของนางให้อนุสุดที่รักซึ่งเป็นน้องสาวของเหมยฮวานั่นเอง แต่แล้วอาจเพราะนางถูกสามีสังหารอย่างเหี้ยมโหดและไม่ได้รับความเป็นธรรม สวรรค์ก็เลยเมตตาให้โอกาสนางได้กลับมาแก้ไขอดีตอีกครั้ง แต่ครั้งนี้นางรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และนางต้องพยายามเปลี่ยนแปลงมัน...เพื่อไม่ให้ทุกอย่างวนกลับไปสู่จุดเดิม” เล่าได้ถึงตรงนี้ หลินอวี้เหม่ยก็หยุดเล่า“จบเท่านี้หรือ...”เซียวหลงเฉิงจ้องนางเขม็งด้วยสายตาที่นิ่งจนอ่านไม่ออกว่าเขารู้สึกอย่างไรกับเรื่องที่นางเล่า เชื่อหรือไม่เชื่อ“ข้าเองก็ไม่รู้ตอนจบของนิทานเรื่องนี้เช่นกันเจ้าค่ะ แต่ตอนแรกที่ฟังก็ได้แต่คิดถึงตัวเหมยฮวาที่โชคร้าย แต่งงานกับคนผิด ซ้ำยังเชื่อใจคนใกล้ตัวจนต้องตายอย่างน่าอนาถ”เซียวหลงเฉิงจ้องมองคนพูดด้วยแววตาที่ล้ำลึกยากจะอ่านความคิดออกได้ ก่อนดึงนางเข้ามากอดในอ้อมแขนที่ดูเหมือนจะสั่นเทาอยู่เล็กน้อย“เป็นเพียงนิทานที่ข้าฟังเขาเล่าต่อมาเท่านั้น ท่านพี่อย่าได้หาว่าข้าเพ้อเจ้อไปเลย ห
ภายในเวลาไม่นาน กบฏทั้งหมดก็ถูกปราบจนสิ้นซากหานเจี้ยนจวิ้นถูกทหารเข้ามาจับกุมตัว ขณะที่เขาพยายามดิ้นรนอย่างเจ็บปวดแสนสาหัส อัครเสนาบดีและขุนนางผู้สมรู้ร่วมคิดต่างถูกล้อมจับจนหมดสิ้น ไม่มีทางหนีรอดจากมือแม่ทัพใหญ่ได้แม้แต่คนเดียว Top of FormBottom of Formท่ามกลางความเงียบสงบในท้องพระโรง บรรยากาศกลับตึงเครียด ใต้เท้าจางในฐานะหัวหน้าผู้ก่อการกบฏ รวมถึงหานเจี้ยนจวิ้นและบรรดาขุนนางผู้ร่วมก่อการครั้งนี้ถูกตัดสินประหารชีวิตในข้อหากบฏต่อแผ่นดินส่วนหลินซูหนิงก็ถูกคุมตัวออกมาจากคุกเพื่อรับโทษประหารโทษฐานสมรู้ร่วมคิด นางถูกตราหน้าว่าเป็นอนุภรรยาของโจรกบฏแซ่หานต้องตายตกไปตามกัน ในวันประหาร มีการแห่งนักโทษรอบเมืองให้ชาวบ้านได้เห็นจุดจบของคนทรยศต่อแผ่นดินหานเจี้ยนจวิ้นที่ถูกขังกรงในสภาพไร้แขน เนื้อตัวสะบักสะบอมด้วยบาดแผลจากการทรมานจนแทบสิ้นสภาพ ถูกชาวบ้านขว้างปาก้อนหินและเศษผักเน่าใส่ไปตลอดทาง ด้านหลังมีกรงที่ใส่ร่างของอนุภรรยาของเขาตามมาในสภาพที่เรียกว่าอยู่ไม่สู้ตาย หลินซูหนิงนอนงอตัวร้องครางด้วยความเจ็บปวดแต่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยออกมาได
หลินอวี้เหม่ยมองสามีราวกับเห็นเทพเซียนลงมาปรากฏตัวตรงหน้า หัวใจที่เต้นระทึกมีความตื้นตันจนน้ำตาคลอเมื่อได้รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ และไม่ได้เป็นโจรกบฏอย่างที่ใครต่อใครกล่าวหา“โจรกบฏแซ่เซียว!”“ใครกันแน่ที่เป็นโจรกบฏชิงบัลลังก์” เซียวหลงเฉิงก้าวเข้ามายืนเอาตัวบังฮ่องเต้ไว้เพื่อปกป้องพระองค์จากคนชั่วที่หมายปองร้ายเอาชีวิต และจ้องมองหานเจี้ยนจวิ้นด้วยสายตาดุดันแกมดูแคลนหานเจี้ยนจวิ้นยืนนิ่งเมื่อเห็นร่างของเซียวหลงเฉิงเข้าใกล้เขาทีละก้าว ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธแค้น เมื่อรู้ว่าตนเองเสียรู้และตกเป็นเหยื่อของแผนการซ้อนแผนนี้“เจ้า...เจ้าควรตายไปแล้วมิใช่หรือ”เซียวหลงเฉิงแสยะยิ้มเย็นชาและเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ“น่าเสียดายที่แผนของเจ้ามันตื้นเขินเกินไปเลยทำอะไรพวกข้าไม่ได้ และฮ่องเต้ก็ทรงรู้มาตั้งแต่แรกว่าพวกเจ้าต่างหากที่เป็นกบฏคิดคดทรยศต่อแผ่นดินหาใช่ข้าไม่ ราชโองการที่มอบให้เจ้านั้นก็เป็นเพียงกับดักให้พวกเจ้าเปิดเผยตัวตนออกมาเท่านั้นเอง”ในเวลานั้น ฮ่องเต้ก็ตรัสก้องอย่างเยือกเย็น
“นี่เจ้า!”ฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตนางกำนัลตรงหน้าอย่างประหลาดพระทัย ก่อนที่จะลดสายพระเนตรมองสิ่งของในพระหัตถ์ ม้วนกระดาษเล็กๆ แต่เมื่อพระองค์เงยหน้าขึ้น นางกำนัลลึกลับผู้นั้นก็หันหลังเดินออกจากห้องไปเสียแล้วฮ่องเต้ทรงเปิดม้วนกระดาษนั้นออกอ่านจนจบ ดวงเนตรที่เคยหม่นหมองพลันสว่างไสวขึ้นอย่างมีความหวัง พระองค์แย้มพระโอษฐ์บางๆทันใดนั้นเอง เสียงฝีเท้าหนักของทหารแคว้นเหลียงเริ่มดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หานเจี้ยนจวิ้นและอัครเสนาบดีจางเดินเข้ามาในท้องพระโรงด้วยท่าทีเย้ยหยัน เมื่อมาถึงกึ่งกลางของห้อง เขาทั้งสองมองตรงไปยังราชบัลลังก์ด้วยรอยยิ้มสะใจ ดวงตาเต็มไปด้วยละโมบทะเยอทะยานในที่สุดวันที่เขารอคอยก็มาถึง“จงไปคุมตัวฝ่าบาทมาที่นี่” อัครเสนาบดีจางหันไปสั่งหานเจี้ยนจวิ้นเสียงเหี้ยมเพียงไม่นานนักฮ่องเต้องค์ปัจจุบันก็ถูกทหารกบฏกุมตัวเข้ามาในท้องพระโรง หากทว่าเมื่อมองขึ้นไปบนพระราชบัลลังก์ก็กลับพบภาพอันน่าตกตะลึง“บังอาจ!”เสียงหัวเราะกังวานก้องของบุคคลที่พระองค์ไม่คาดคิดว่าจะทรยศต่
หลังจากที่มีข่าวว่าแม่ทัพเซียวหลงเฉิงกลายเป็นกบฏไปเข้าร่วมกับศัตรูต่างแคว้น ก็มีข่าวใหม่ว่าตอนนี้แคว้นเหลียงกำลังยกทัพบุกเข้ามาที่เมืองหลวงเพื่อหวังชิงบัลลังก์โดยมีเซียวหลงเฉิงเป็นผู้นำทัพ ข่าวนั้นสร้างความหวาดหวั่นให้กับชาวบ้าน หลายคนเคยเป็นโรคระบาดและได้ยาสมุนไพรของจวนแม่ทัพช่วยชีวิตไว้ ทำให้ซาบซึ้งบุญคุณของแม่ทัพใหญ่ จึงไม่อยากจะเชื่อข่าวคราวนั้น แต่ก็มีอีกหลายคนที่เชื่อจึงเกิดคลื่นลมแรงไปทั้งเมืองหลวงลามไปถึงในวังที่พากันอกสั่นขวัญแขวนกันไปถ้วนหน้าฮ่องเต้เรียกขุนนางทุกคนเข้าประชุมหารือเรื่องการรับมือทัพข้าศึกที่มีแม่ทัพยอดฝีมืออย่างเซียวหลงเฉิงนำทัพมา ขุนนางต่างเห็นพ้องกันราวกับนัดหมายว่าให้พระองค์แต่งตั้งรองแม่ทัพสกุลหานให้เป็นแม่ทัพใหญ่เพื่อรับมือกับข้าศึกคราวนี้ โดยมีเบื้องหลังที่ผลักดันอย่างอัครเสนาบดีจางเป็นหัวเรือใหญ่คอยสนับสนุน ทำให้ฝ่าบาทไม่อาจปฏิเสธข้อเสนอนี้ได้โดยง่ายพระองค์นิ่งเงียบพลางไตร่ตรองอย่างหนัก ขุนนางต่างเฝ้ารอคอยคำตอบด้วยความกระตือรือร้น ขณะที่แววตาของอัครเสนาบดีจางฉายแววมั่นใจ เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ต่างสนับสนุนอย่างเต็มที่ให
“หลินซูหนิง!”คนถูกเรียกเงยหน้ามองไปที่สามีของตนอย่างเลื่อนลอยอยู่พักใหญ่ ก่อนที่สมองจะทำงาน“หะ...หานเจี้ยนจวิ้น” ดวงตาของนางเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความหวาดกลัว เมื่อเห็นว่าเป็นหานเจี้ยนจวิ้นที่ยืนอยู่ตรงหน้า นางก็รีบคลานเข้าไปหาแต่ติดที่ขาทั้งสองถูกล่ามเอาไว้ทำให้ไม่อาจทำตามใจได้“ท่านพี่ ได้โปรดช่วยข้าด้วย!”“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน”“เป็นนังอวี้เหม่ยเจ้าค่ะ นางสั่งให้จับข้ามาขังไว้ที่นี่ ฮือๆ ข้าไม่ผิด ข้าถูกนางพี่สาวสารเลวนั่นใส่ความ ข้าไม่ได้มีอะไรกับเจ้าบ่าวรับใช้หน้าโง่นั่น ฮือๆ ไม่มี ไม่ใช่ข้าๆ”หลินซูหนิงฟูมฟายอย่างคนสติแตก จนเผลอหลุดปากออกไป ทำให้คนได้ชื่อว่าเป็นสามีถึงกับนิ่งงันไป รวมถึงทหารที่อยู่ด้านหลังได้แต่มองกันไปมาเลิ่กลั่กไม่รู้ว่านางกำลังพล่ามอะไรจนกระทั่ง“ท่านพี่ ท่านเป็นสามีของข้า ช่วยข้าด้วย ปล่อยข้าไปนะเจ้าคะ ถ้าท่านปล่อยข้าไป ข้ายินดีทำตามที่ท่านสั่งทุกอย่าง จะให้ข้าไปเป็นนางบำเรอของตาเสนาบดีเฒ่านั่น หรือใครก็ได้ ข้ายอมทั้งนั้น ฮือๆ”หานเจี้ยนจวิ้นยืนมองนางอย่างเย็นชา แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความรังเกียจมากกว่าจะเห็นใจ เมื่อได้ยินสิ่งที่นางพร่ำพูดออกมาอ
“ฮูหยิน! เกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ” เสียงเอะอะของเสี่ยวจูที่เปิดประตูพรวดพราดเข้ามาหน้าตาตื่น ทำให้หลินอวี้เหม่ยรีบเงยหน้าจากบันทึกที่กำลังอ่านอย่างตกใจ“มีอันใดกันหรือเสี่ยวจู”“ทะ...ท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ” คำนั้นทำให้คนฟังใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม“ทำไมหรือ ท่านแม่ทัพเป็นอะไร”“มีข่าวว่าท่านแม่ทัพเกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ”“รีบพูดมาเร็ว”“เมื่อกี้ข้าได้ยินข่าวมาว่าตอนนี้ทัพหน้าของเราเพลี่ยงพล้ำให้กับข้าศึก แม่ทัพเซียวถูกข้าศึกจับตัวไป มีข่าวลือว่าตอนนี้ท่านแม่ทัพยอมจำนนและเข้าร่วมกับทัพข้าศึกแคว้นเหลียงกลายเป็นกบฏแล้วเจ้าค่ะ”“ว่าไงนะ!”หลินอวี้เหม่ยตัวชา พยายามคุมสติให้มั่นในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน นางจ้องมองไพ่ตายที่ซ่อนความลับสำคัญไว้ สัญญาณที่สามีทิ้งไว้ให้ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เขาบอกให้นางหาทางส่งมันเข้าวังเพื่อให้ถึงพระหัตถ์ของฮ่องเต้เท่านั้นแต่มันจะง่ายปานนั้นหรือ ในเมื่อตอนนี้มีข่าวว่าสามีของนางเข้าร่วมกับศัตรูกลายเป็นกบฏ ฮ่องเต้หรือจะทรงอนุญาตให้ฮูหยินของกบฏอย่างนางเข้าพบได้ง่ายๆ หลินอวี้เหม่ยสูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่มีเวลาให้คิดแล้วเสียงฝีเท้าหนักแน่นก็ดังขึ้นใกล้ประตูใหญ่ พร้อมเสียงเคร
“นี่คือ...”“เหตุการณ์ต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นในชาติก่อนที่ข้าบันทึกเอาไว้ และแผนการคร่าวๆ ส่วนนี่คือไพ่ตายของข้า หากแผนที่วางไว้ไม่เป็นไปตามคาด เจ้าจงหาหนทางส่งสิ่งนี้เข้าวังให้ถึงมือฝ่าบาท เมื่อข้าไปถึงชายแดนแล้ว เจ้าจงรอข่าวจากข้า ฝากดูแลจวนนี้ให้ดี”“ท่านทำราวกับสั่งเสียเช่นนี้ จะให้ข้าวางใจได้อย่างไร” หลินอวี้เหม่ยหน้าเสีย ใจคอไม่ค่อยดี “ถึงอย่างไรพวกเราก็เคยผ่านความตายมาแล้วรอบหนึ่งไม่ใช่หรือฮูหยิน หากครั้งนี้ต้องตายอีกหน มีอันใดให้ต้องกลัวกัน”“ท่านพี่! ข้าไม่ได้กลัวตาย แต่ข้าไม่อยากตายเพราะแผนชั่วร้ายของผู้อื่นอีก และท่านจงจำไว้ ข้าขอสั่งให้ท่านกลับมาอย่างปลอดภัย ห้ามทำข้าเป็นม่าย หรือถูกประหารศพไม่สวยเด็ดขาด ข้าไม่ยอม ถึงเป็นผีก็จะตามไปเอาเรื่องท่านถึงยมโลกแน่ รับปากสิเจ้าคะ”พอขาดคำ เซียวหลงเฉิงก็โน้มริมฝีปากมาแนบกับกลีบปากงามของนางอย่างอ่อนโยน จูบแสนหวานลึกซึ้งแทนคำสัญญาของเขา“ดูแลตัวเองให้ดี รอข้ากลับมานะ”หลินอวี้เหม่ยพยักหน้าเบาๆ ใบหน้างามแดงซ่านเพราะรสจูบวาบหวามของสามี ก้มลงหลบสายตาร้อนแรงประหนึ่งเปลวไฟคู่นั้น แม้ในใจจะยังคงหวั่นไหวอยู่บ้าง แต่เมื่อได้เห็นความมุ่งมั่นในดว
“แม่ทัพใหญ่เซียวหลงเฉิงรับราชโองการ บัดนี้แคว้นเหลียงได้กำเริบเสิบสาน ยกทัพรุกล้ำเข้ามายังชายแดนทิศประจิมของเรา เข่นฆ่าปล้นสะดมชาวบ้านบริเวณชายแดนจนได้รับความเดือดร้อน ฮ่องเต้จึงมีราชโองการให้ท่านแม่ทัพเซียวหลงเฉิงเป็นผู้นำกองกำลังออกไปปราบข้าศึก เพื่อรักษาความสงบสุขของแผ่นดิน หวังว่าท่านแม่ทัพจะทุ่มเทกำลังกาย ใจและสติปัญญาอย่างเต็มที่เพื่อยับยั้งภัยรุกรานและขจัดข้าศึกผู้เป็นศัตรูของแผ่นดินโดยเร็ว จงอย่าให้ข้าศึกใดมีโอกาสย่ำยีดินแดนของเราได้ ขอให้ท่านเร่งออกเดินทางไปยังชายแดนทันที พร้อมนำความสงบสุขกลับคืนสู่ประชาชนภายในเวลาสามเดือนนับจากนี้ จบราชโองการ”“แคว้นเหลียง...” เซียวหลงเฉิงพึมพำ นัยน์ตาสะท้อนความคิดลึกซึ้ง ในใจเขาสงสัยว่าทำไมจู่ๆ ถึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เพราะที่ผ่านมาแคว้นเหลียงแทบไม่เคยมีปัญหากับแคว้นของพวกเขา แต่ด้วยฐานะของแม่ทัพ เขารู้ดีว่าต้องปฏิบัติตามคำสั่ง“ท่านพี่...”หลังจากที่คล้อยหลังทุกคน หลินอวี้เหม่ยก็หันไปสบสายตากับสามีด้วยความเป็นห่วงและกังวลใจ“แผนการของเจ้าดูเหมือนจะได้ผลนะ พวกนั้นเริ่มทนต่อไปไม่ไหวแล้ว” เซียวหลงเฉิงเอ่ยลอดไรฟันเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ในชาติก่อน
“แต่ก่อนหน้านั้นท่านเองก็ถูกตัดสินประหารแล้วด้วยข้อหาก่อกบฏเข้าร่วมกับข้าศึกคิดโค่นล้มบัลลังก์ของฝ่าบาท เพื่อหนีจากโทษประหารหลินซูหนิงก็มาที่จวนสกุลหานเพื่อขอพึ่งพิงข้าในฐานะพี่สาว แล้ววางแผนปีนขึ้นเตียงของหานเจี้ยนจวิ้นจนได้เป็นอนุของเขา เหตุการณ์ในตอนนั้นก็เหมือนกับตอนนี้ เพียงแต่เราได้เปลี่ยนแปลงมันใหม่จนนางทำตามแผนไม่สำเร็จ ข้ายังจำได้ว่าตอนที่หานเจี้ยนจวิ้นได้ความดีความชอบจากเรื่องยับยั้งโรคระบาดเพราะข้าบอกเรื่องยาสมุนไพร จนเขาได้เลื่อนขั้นขึ้นมาแทนที่ตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของท่าน ข้าสงสัยว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวพันกับเรื่องที่ท่านถูกใส่ร้ายว่าเป็นกบฏ” เซียวหลงเฉิงสบถอย่างดุดัน ดวงตาแข็งกร้าว หัวใจเต็มไปด้วยความคุกรุ่นแต่ก็ยังมีความเจ็บปวดแฝงอยู่ลึกๆ เมื่อรู้ถึงสิ่งที่หลินอวี้เหม่ยต้องพบเจอในชาติที่แล้วหลินอวี้เหม่ยเอื้อมมือไปจับแขนของเขาเบาๆ“นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ในปัจจุบันของเรา ข้าต้องการปกป้องท่าน ปกป้องครอบครัวของเรา และไม่ให้คนชั่วเหล่านั้นได้โอกาสทำลายล้างชีวิตของเราได้อีก”เซียวหลงเฉิงพยักหน้า น้ำเสียงของเขานุ่มลงแต่ยังคงแฝงด้วยความมุ่งม