“และเพราะความไว้เนื้อเชื่อใจทั้งสามีและน้องสาว ทำให้เหมยฮวาถูกเขาวางแผนใส่ร้ายป้ายสีว่ามีชู้ จนถูกสามีทรยศลงโทษและสังหารอย่างโหดเหี้ยมทารุณเพียงเพราะต้องการยกตำแหน่งฮูหยินเอกของนางให้อนุสุดที่รักซึ่งเป็นน้องสาวของเหมยฮวานั่นเอง แต่แล้วอาจเพราะนางถูกสามีสังหารอย่างเหี้ยมโหดและไม่ได้รับความเป็นธรรม สวรรค์ก็เลยเมตตาให้โอกาสนางได้กลับมาแก้ไขอดีตอีกครั้ง แต่ครั้งนี้นางรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และนางต้องพยายามเปลี่ยนแปลงมัน...เพื่อไม่ให้ทุกอย่างวนกลับไปสู่จุดเดิม” เล่าได้ถึงตรงนี้ หลินอวี้เหม่ยก็หยุดเล่า“จบเท่านี้หรือ...”เซียวหลงเฉิงจ้องนางเขม็งด้วยสายตาที่นิ่งจนอ่านไม่ออกว่าเขารู้สึกอย่างไรกับเรื่องที่นางเล่า เชื่อหรือไม่เชื่อ“ข้าเองก็ไม่รู้ตอนจบของนิทานเรื่องนี้เช่นกันเจ้าค่ะ แต่ตอนแรกที่ฟังก็ได้แต่คิดถึงตัวเหมยฮวาที่โชคร้าย แต่งงานกับคนผิด ซ้ำยังเชื่อใจคนใกล้ตัวจนต้องตายอย่างน่าอนาถ”เซียวหลงเฉิงจ้องมองคนพูดด้วยแววตาที่ล้ำลึกยากจะอ่านความคิดออกได้ ก่อนดึงนางเข้ามากอดในอ้อมแขนที่ดูเหมือนจะสั่นเทาอยู่เล็กน้อย“เป็นเพียงนิทานที่ข้าฟังเขาเล่าต่อมาเท่านั้น ท่านพี่อย่าได้หาว่าข้าเพ้อเจ้อไปเลย ห
สายตาของเขาเลื่อนลงมายังช่วงเวลาปัจจุบันที่ในบันทึกเขียนไว้ว่า...โรคระบาด และขุนนางในราชสำนักมีการเคลื่อนไหวลับๆ เพื่อโค่นบัลลังก์ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันดวงตาของแม่ทัพหนุ่มทอประกายขึ้นในทันใด อาศัยจุดเปลี่ยนนี้ ข้าจะพลิกชะตากรรมร้ายให้ย้อนกลับไปทำลายคนชั่วพวกนั้นให้ได้เวลาต่อมา ในเมืองชิงอวิ๋นก็บังเกิดเรื่องประหลาดขึ้น เมื่อสัตว์เลี้ยงในบ้านเรือนของชาวบ้านพากันล้มตายอย่างปริศนา และไม่ทันที่ใครจะรู้ถึงอันตราย จึงได้นำเนื้อสัตว์เหล่านั้นไปปรุงอาหารรับประทาน และขายในตลาด ทำให้ชาวบ้านเริ่มล้มป่วยอย่างหนักและเสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง ข่าวลือเรื่องโรคระบาดคร่าชีวิตผู้คนเริ่มแพร่สะพัดไปทั่ว ก่อความหวาดกลัวไปทั่วทั้งเมืองจนเกิดความวุ่นวาย พวกขุนนางถูกฮ่องเต้เรียกเข้าวังเพื่อช่วยกันคิดหาทางแก้ไขและป้องกันโรคระบาดที่ว่านี้ รวมถึงเซียวหลงเฉิงที่รับคำสั่งให้ไปช่วยหาป้องกันไม่ให้ชาวบ้านติดโรคระบาดแต่สถานการณ์กลับยิ่งเลวร้ายไปกว่านั้น เมื่อเนื้อสัตว์ที่ติดเชื้อถูกส่งเข้าวังหลวงโดยบังเอิญ ทำให้ฮองเฮาทรงประชวรหนักจนถึงขั้นหมดสติไป ขุนนางและหมอหลวงต่างเร่งหาวิธีรักษา แต่ไม่มีใครสามารถหายาหรือสมุนไพรที
ทางด้านวังหลวง หลังจากที่แม่ทัพเซียวนำยาสมุนไพรไปถวานให้กับฮ่องเต้และฮองเฮาได้เสวยยาสมุนไพรของหลินอวี้เหม่ย พระอาการประชวรก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว หมอหลวงต่างยอมรับว่าสมุนไพรที่ถูกส่งมาได้ช่วยชีวิตฮองเฮาไว้ รวมถึงคนในวังที่ติดโรคก็ทยอยอาการดีขึ้นจนกลับมาเป็นปกติในไม่กี่วันต่อมาฝ่าบาทจึงมีรับสั่งให้มอบรางวัลอย่างสมเกียรติให้กับแม่ทัพใหญ่เซียวหลงเฉิง แต่ทว่าแทนที่เขาจะรับความดีความชอบไปคนเดียว แต่ชายหนุ่มกลับทูลฮ่องเต้ไปตามความเป็นจริงว่าคนที่ทำยานี้ขึ้นมาคือฮูหยินของเขา และยังได้เล่าเรื่องที่หลินอวี้เหม่ยได้ร่วมกับหมอเทวดาเจ้าตั้งโรงหมอเพื่อรักษาชาวบ้านจนระงับโรคระบาดครั้งนี้ไว้ได้สำเร็จก่อนที่จะคร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่านี้ความดีความชอบในครั้งนี้ทำให้ทั้งเซียวหลงเฉิงและหลินอวี้เหม่ยได้รับการยกย่องจากทั้งประชาชนและราชสำนัก เซียวหลงเฉิงมองภรรยาของเขาด้วยความภาคภูมิใจ ความสามารถและความเสียสละของนางในครั้งนี้ไม่ได้ช่วยแค่เขา แต่ช่วยชีวิตคนทั้งเมืองฮ่องเต้และฮองเฮาพระราชทานรางวัลให้สองสามีภรรยาและผู้เกี่ยวข้องอีกมากมาย และยังแต่งตั้งให้หลินอวี้เหม่ยเป็นฮูหยินตราตั้งขั้นหนึ่งอีกด้วย ส่วนแม่ทัพเ
หานเจี้ยนจวิ้นทำหน้ายุ่ง “สั่นคลอนอย่างไรขอรับ”“ยาสมุนไพรของฮูหยินของเซียวหลงเฉิงนั่น เจ้าไม่สงสัยหรือ ทำไมมันถึงได้กักตุนสมุนไพรพวกนั้นได้ ทั้งๆ ที่ในเมืองชิงอวิ๋นนั้นไม่มีสมุนไพรขายจนพ่อค้าหน้าเลือดพวกนั้นต้องโก่งราคาจนแพงลิบ แต่ฮูหยินแม่ทัพกลับรู้ก่อนล่วงหน้าได้อย่างไรว่าจะเกิดโรคระบาดครั้งนี้ หากไม่ใช่...พวกมันเป็นผู้แพร่เชื้อโรคนี่เสียเอง!”“ว่าไงนะขอรับ” “หากโรคระบาดในเมืองชิงอวิ๋นครั้งนี้ฝีมือของเจ้าแม่ทัพนั่นสร้างสถานการณ์เองเล่า หากมันสมคบคิดกับแคว้นอี้หลันเพื่อให้โรคระบาดแพร่ไปจนถึงวังหลวงล่ะ จากนั้นก็เอายาที่ตนเองกักตุนไว้ออกมาแจกจ่ายเพื่อรับความดีความชอบจากทุกคน”หลินซูหนิงที่แอบฟังอยู่ถึงกับตาโต นี่อาจเป็นหนทางนำพานางไปสู่อนาคตที่ดีกว่าการเป็นอนุไร้ค่าของจวนนี้ก็เป็นได้!“แต่เราจะเอาหลักฐานใดไปอ้างเอาผิดแม่ทัพเซียวได้ล่ะขอรับ”“ไม่มีก็สร้างสิ”“แต่ถึงอย่างนั้นการจะลอบเข้าจวนแม่ทัพใหญ่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนะขอรับ”“เช่นนั้นก็ให้ข้าช่วยสิเจ้าคะ!”เสียงนั้นทำให้ชายทั้งสองตกใจรีบหันขวับไปมองคนที่เพิ่งผลักประตูเข้ามาในห้อง“หลินซูหนิง!”หานเจี้ยนจวิ้นหน้าถอดสีเมื่อเห็นอนุน่าชั
อัครเสนาบดีจางยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วเอ่ยสั่ง “เช่นนั้นเจ้าจงไปเตรียมตัวที่เรือนข้างๆ ข้า อยากจะคุยกับเจ้าทั้งคืน เผื่อคิดแผนรอบคอบร่วมกัน”หานเจี้ยนจวิ้นยิ้มบางๆ ขณะที่เห็นหลินซูหนิงลุกขึ้นเดินตามอัครเสนาบดีจางไปที่เรือนข้างเคียง เมื่อมาถึงห้องรับรอง อัครเสนาบดีจางก็ปิดประตูทันทีแล้วหันมาจ้องหลินซูหนิงด้วยสายตาหิวกระหายใต้เท้าเฒ่าเชยปลายคางของหญิงสาวอายุคราวลูกขึ้น“ใต้เท้า! ท่านจะทำอันใดเจ้าคะ”“เจ้าช่างงดงามและมีความมุ่งมั่นยิ่งนัก แม้จะเป็นสตรีก็มีความกล้าหาญที่ข้าชื่นชม แต่ข้าต้องการพิสูจน์ความจริงใจของเจ้าเสียก่อน”“พิสูจน์อย่างไรเจ้าคะ” หลินซูหนิงถามเสียงสั่นอัครเสนาบดีจางหัวเราะเสียงดังแล้วดึงนางเข้ามากอด หลินซูหนิงตกใจจนตัวแข็งทื่อ พยายามจะดิ้นรนขัดขืนเมื่อรับรู้ได้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตนในคืนนี้“ใต้เท้าท่านจะทำอันใดเจ้าคะ ปล่อยข้าน้อยก่อน”“มาเป็นอนุของข้า เจ้าจะได้ชีวิตที่สุขสบายกว่านี้ ดีหรือไม่” หลินซูหนิงเบิกตาค้าง“ไม่! ไม่...ใต้เท้าโปรดปล่อยข้าน้อย ไม่...” หญิงสาวกรีดร้องก่อนที่จะถูกตาเฒ่าเจ้าเล่ห์จูบปิดปากและจัดการเปลื้องผ้าของนางออกอย่างไม่ไยดีว่านางจะดิ้นรนขัดขืน
ในเช้าวันรุ่งขึ้นที่จวนแม่ทัพ ร่างนุ่มของหลินอวี้เหม่ยขยับกายอย่างเบา ๆ เพื่อไม่ให้รบกวนการหลับใหลของบุรุษผู้เป็นที่รัก ขณะที่นางพยายามจะลุกออกจากอ้อมกอดอันอบอุ่น แต่แม่ทัพเซียวกลับกระชับแขนให้แนบแน่นขึ้นพร้อมเอ่ยเสียงทุ้มต่ำติดแหบ“จะรีบไปไหนแต่เช้า หืม...ข้ายังกอดเจ้าไม่เต็มอิ่มเลยนะฮูหยินยอดรัก”หลินอวี้เหม่ยยิ้มขวยเขินเมื่อสัมผัสถึงความอบอุ่นจากอกกว้างของสามี รู้สึกเสมือนหัวใจถูกเติมเต็มด้วยความรัก นางประคองมือลูบที่ใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรของเขาเบา ๆ พลางกระซิบว่า“ท่านพี่ลืมแล้วหรือว่าวันนี้มีงานเลี้ยงรับตำแหน่งฮูหยิน ตราตั้งที่ฝ่าบาทประทานให้ เราไม่ควรไปสายนะเจ้าคะ”“ข้ารู้…” แม่ทัพเซียวกระซิบตอบก่อนจะจุมพิตเบา ๆ ที่กลีบปากอิ่มของนาง “แต่แค่เช้านี้ข้าขอเวลาเพิ่มอีกสักนิด ไม่ทำให้ฮูหยินตราตั้งของข้าไปสายแน่นอน ทางที่ดีเรารีบทำเวลากันเสียแต่ตอนนี้เลยดีไหม”เสียงหัวเราะเบา ๆ ของหลินอวี้เหม่ยดังขึ้นในขณะที่นางค่อย ๆ ปล่อยให้สามีได้ทำเวลากับเรือนร่างอันสวยงามเปลือยเปล่าของนางอย่างอิ่มเอมจนพอใจ ก่อนที่จะเตรียมตัวไปร่วมงานเลี้ยงที่จัดขึ้นที่สวนในจวนแม่ทัพภายในงานเลี้ยงอันโอ่อ่าที่เต็
เพียงคิดถึงเหตุการณ์นั้นขึ้นมา หลินอวี้เหม่ยก็หน้าตึงขึ้นมาทันที คงต้องลองดูต่อไปว่าคราวนี้ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเดิมอีกหรือไม่ สามีคนปัจจุบันของนางอาจจะแสร้งทำเป็นไม่สนใจหลินซูหนิงต่อหน้านาง แต่ลับหลังใครจะรู้ว่าบุรุษแข็งแกร่งจะต้านเสน่ห์ของสาวงามที่แสนเจ้าเล่ห์ผู้นี้ได้หรือไม่“คิดสิ่งใดอยู่หรือฮูหยิน” แม่ทัพหนุ่มก้มลงถามเมื่อเห็นใบหน้างามดูกังวล“เปล่าเจ้าค่ะ งั้นข้าขอตัวไปดูน้องสาวสักครู่นะเจ้าคะ”“ให้ข้าไปกับเจ้าหรือไม่” หลินอวี้เหม่ยนิ่งไปนิดๆ ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ท่านพี่ช่วยรับรองแขกทางนี้ดีกว่า เจ้าภาพหายไปทั้งคู่จะดูไม่งาม”“เช่นนั้นก็เอาตามที่เจ้าว่า หากมีอะไรก็ให้คนมาตามข้าแล้วกันนะ”นางรับคำเบาๆ พร้อมกับจับสังเกตสามี อยากรู้ว่าคนข้างกายจะใจแข็งได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ หรือจะดีแตกอย่างหานเจี้ยนจวิ้นในอดีตเวลาต่อมาหลินซูหนิงถูกพามานอนพักที่เรือนรับแขกด้านหลังของจวนซึ่งอยู่ไกลจากเรือนหลักค่อนข้างมาก หลินอวี้เหม่ยทอดสายตามองน้องสาวตัวร้ายที่มีสภาพสะบักสะบอมไม่น่ามอง ผิดกับตอนที่อยู่จวนสกุลหลินราวฟ้ากับเหว ชาติก่อนนั้นนางหลงกลสงสารเวทนาน้องสาวจนยอมให้เข้ามาอยู่ในจว
หลินอวี้เหม่ยโต้ในใจ การจะเก็บนางงูพิษไว้ข้างกายนั้นไม่ใช่เรื่องที่ควรทำที่สุด แต่การปล่อยนางออกไปไกลหูไกลตาก็ไม่รู้ว่าจะก่อเรื่องอะไรให้อีก“งั้นข้าขอปรึกษากับท่านแม่ทัพก่อนดูก่อนแล้วกัน…”“ปรึกษาข้าเรื่องอันใดกันหรือฮูหยิน” หลินอวี้เหม่ยหันขวับไปที่ต้นเสียงก็เห็นผู้เป็นสามีก้าวเข้ามาในห้องด้วยสีหน้านิ่งติดเย็นชา“ท่านพี่ ท่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่เจ้าคะ แล้วที่งานเลี้ยงเล่า”“ข้าเห็นเจ้าหายไปนาน เป็นห่วงจึงเข้ามาดู” เซียวหลงเฉิงดึงร่างบางเข้ามาโอบประคองไว้ในอ้อมแขนด้วยความรักใคร่ภาพนั้นทำให้ส่วนเกินได้แต่กัดฟันแน่นด้วยความริษยา แต่ก็จำต้องเก็บซ่อนความรู้สึกไว้ภายใต้ท่าทางที่น่าสงสาร“ว่าแต่เมื่อกี้เจ้าบอกว่ามีอะไรจะปรึกษาข้าเช่นนั้นหรือ”“คือว่า...”“เป็นความผิดของข้าเองเจ้าค่ะ ท่านพี่เขย ข้าไม่ควรนำความลำบากใจมาให้พี่หญิงรองเลย แต่ข้าเองก็ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครดี ฮือๆ” หลินอวี้เหม่ยหันไปมองน้องสาวตัวร้ายตาค้าง ก่อนจะหันไปมองสามีของตนว่ามีปฏิกิริยาใดต่อมารยาหญิงหรือไม่“พี่หญิงรองเจ้าคะ ข้าขออภัยที่มารบกวนท่านกับท่านพี่เขย แต่หากท่านลำบากใจไม่ต้องการช่วยเหลือน้องสาวอย่างข้า เช่นนั้นข
ภายในเวลาไม่นาน กบฏทั้งหมดก็ถูกปราบจนสิ้นซากหานเจี้ยนจวิ้นถูกทหารเข้ามาจับกุมตัว ขณะที่เขาพยายามดิ้นรนอย่างเจ็บปวดแสนสาหัส อัครเสนาบดีและขุนนางผู้สมรู้ร่วมคิดต่างถูกล้อมจับจนหมดสิ้น ไม่มีทางหนีรอดจากมือแม่ทัพใหญ่ได้แม้แต่คนเดียว Top of FormBottom of Formท่ามกลางความเงียบสงบในท้องพระโรง บรรยากาศกลับตึงเครียด ใต้เท้าจางในฐานะหัวหน้าผู้ก่อการกบฏ รวมถึงหานเจี้ยนจวิ้นและบรรดาขุนนางผู้ร่วมก่อการครั้งนี้ถูกตัดสินประหารชีวิตในข้อหากบฏต่อแผ่นดินส่วนหลินซูหนิงก็ถูกคุมตัวออกมาจากคุกเพื่อรับโทษประหารโทษฐานสมรู้ร่วมคิด นางถูกตราหน้าว่าเป็นอนุภรรยาของโจรกบฏแซ่หานต้องตายตกไปตามกัน ในวันประหาร มีการแห่งนักโทษรอบเมืองให้ชาวบ้านได้เห็นจุดจบของคนทรยศต่อแผ่นดินหานเจี้ยนจวิ้นที่ถูกขังกรงในสภาพไร้แขน เนื้อตัวสะบักสะบอมด้วยบาดแผลจากการทรมานจนแทบสิ้นสภาพ ถูกชาวบ้านขว้างปาก้อนหินและเศษผักเน่าใส่ไปตลอดทาง ด้านหลังมีกรงที่ใส่ร่างของอนุภรรยาของเขาตามมาในสภาพที่เรียกว่าอยู่ไม่สู้ตาย หลินซูหนิงนอนงอตัวร้องครางด้วยความเจ็บปวดแต่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยออกมาได
หลินอวี้เหม่ยมองสามีราวกับเห็นเทพเซียนลงมาปรากฏตัวตรงหน้า หัวใจที่เต้นระทึกมีความตื้นตันจนน้ำตาคลอเมื่อได้รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ และไม่ได้เป็นโจรกบฏอย่างที่ใครต่อใครกล่าวหา“โจรกบฏแซ่เซียว!”“ใครกันแน่ที่เป็นโจรกบฏชิงบัลลังก์” เซียวหลงเฉิงก้าวเข้ามายืนเอาตัวบังฮ่องเต้ไว้เพื่อปกป้องพระองค์จากคนชั่วที่หมายปองร้ายเอาชีวิต และจ้องมองหานเจี้ยนจวิ้นด้วยสายตาดุดันแกมดูแคลนหานเจี้ยนจวิ้นยืนนิ่งเมื่อเห็นร่างของเซียวหลงเฉิงเข้าใกล้เขาทีละก้าว ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธแค้น เมื่อรู้ว่าตนเองเสียรู้และตกเป็นเหยื่อของแผนการซ้อนแผนนี้“เจ้า...เจ้าควรตายไปแล้วมิใช่หรือ”เซียวหลงเฉิงแสยะยิ้มเย็นชาและเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ“น่าเสียดายที่แผนของเจ้ามันตื้นเขินเกินไปเลยทำอะไรพวกข้าไม่ได้ และฮ่องเต้ก็ทรงรู้มาตั้งแต่แรกว่าพวกเจ้าต่างหากที่เป็นกบฏคิดคดทรยศต่อแผ่นดินหาใช่ข้าไม่ ราชโองการที่มอบให้เจ้านั้นก็เป็นเพียงกับดักให้พวกเจ้าเปิดเผยตัวตนออกมาเท่านั้นเอง”ในเวลานั้น ฮ่องเต้ก็ตรัสก้องอย่างเยือกเย็น
“นี่เจ้า!”ฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตนางกำนัลตรงหน้าอย่างประหลาดพระทัย ก่อนที่จะลดสายพระเนตรมองสิ่งของในพระหัตถ์ ม้วนกระดาษเล็กๆ แต่เมื่อพระองค์เงยหน้าขึ้น นางกำนัลลึกลับผู้นั้นก็หันหลังเดินออกจากห้องไปเสียแล้วฮ่องเต้ทรงเปิดม้วนกระดาษนั้นออกอ่านจนจบ ดวงเนตรที่เคยหม่นหมองพลันสว่างไสวขึ้นอย่างมีความหวัง พระองค์แย้มพระโอษฐ์บางๆทันใดนั้นเอง เสียงฝีเท้าหนักของทหารแคว้นเหลียงเริ่มดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หานเจี้ยนจวิ้นและอัครเสนาบดีจางเดินเข้ามาในท้องพระโรงด้วยท่าทีเย้ยหยัน เมื่อมาถึงกึ่งกลางของห้อง เขาทั้งสองมองตรงไปยังราชบัลลังก์ด้วยรอยยิ้มสะใจ ดวงตาเต็มไปด้วยละโมบทะเยอทะยานในที่สุดวันที่เขารอคอยก็มาถึง“จงไปคุมตัวฝ่าบาทมาที่นี่” อัครเสนาบดีจางหันไปสั่งหานเจี้ยนจวิ้นเสียงเหี้ยมเพียงไม่นานนักฮ่องเต้องค์ปัจจุบันก็ถูกทหารกบฏกุมตัวเข้ามาในท้องพระโรง หากทว่าเมื่อมองขึ้นไปบนพระราชบัลลังก์ก็กลับพบภาพอันน่าตกตะลึง“บังอาจ!”เสียงหัวเราะกังวานก้องของบุคคลที่พระองค์ไม่คาดคิดว่าจะทรยศต่
หลังจากที่มีข่าวว่าแม่ทัพเซียวหลงเฉิงกลายเป็นกบฏไปเข้าร่วมกับศัตรูต่างแคว้น ก็มีข่าวใหม่ว่าตอนนี้แคว้นเหลียงกำลังยกทัพบุกเข้ามาที่เมืองหลวงเพื่อหวังชิงบัลลังก์โดยมีเซียวหลงเฉิงเป็นผู้นำทัพ ข่าวนั้นสร้างความหวาดหวั่นให้กับชาวบ้าน หลายคนเคยเป็นโรคระบาดและได้ยาสมุนไพรของจวนแม่ทัพช่วยชีวิตไว้ ทำให้ซาบซึ้งบุญคุณของแม่ทัพใหญ่ จึงไม่อยากจะเชื่อข่าวคราวนั้น แต่ก็มีอีกหลายคนที่เชื่อจึงเกิดคลื่นลมแรงไปทั้งเมืองหลวงลามไปถึงในวังที่พากันอกสั่นขวัญแขวนกันไปถ้วนหน้าฮ่องเต้เรียกขุนนางทุกคนเข้าประชุมหารือเรื่องการรับมือทัพข้าศึกที่มีแม่ทัพยอดฝีมืออย่างเซียวหลงเฉิงนำทัพมา ขุนนางต่างเห็นพ้องกันราวกับนัดหมายว่าให้พระองค์แต่งตั้งรองแม่ทัพสกุลหานให้เป็นแม่ทัพใหญ่เพื่อรับมือกับข้าศึกคราวนี้ โดยมีเบื้องหลังที่ผลักดันอย่างอัครเสนาบดีจางเป็นหัวเรือใหญ่คอยสนับสนุน ทำให้ฝ่าบาทไม่อาจปฏิเสธข้อเสนอนี้ได้โดยง่ายพระองค์นิ่งเงียบพลางไตร่ตรองอย่างหนัก ขุนนางต่างเฝ้ารอคอยคำตอบด้วยความกระตือรือร้น ขณะที่แววตาของอัครเสนาบดีจางฉายแววมั่นใจ เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ต่างสนับสนุนอย่างเต็มที่ให
“หลินซูหนิง!”คนถูกเรียกเงยหน้ามองไปที่สามีของตนอย่างเลื่อนลอยอยู่พักใหญ่ ก่อนที่สมองจะทำงาน“หะ...หานเจี้ยนจวิ้น” ดวงตาของนางเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความหวาดกลัว เมื่อเห็นว่าเป็นหานเจี้ยนจวิ้นที่ยืนอยู่ตรงหน้า นางก็รีบคลานเข้าไปหาแต่ติดที่ขาทั้งสองถูกล่ามเอาไว้ทำให้ไม่อาจทำตามใจได้“ท่านพี่ ได้โปรดช่วยข้าด้วย!”“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน”“เป็นนังอวี้เหม่ยเจ้าค่ะ นางสั่งให้จับข้ามาขังไว้ที่นี่ ฮือๆ ข้าไม่ผิด ข้าถูกนางพี่สาวสารเลวนั่นใส่ความ ข้าไม่ได้มีอะไรกับเจ้าบ่าวรับใช้หน้าโง่นั่น ฮือๆ ไม่มี ไม่ใช่ข้าๆ”หลินซูหนิงฟูมฟายอย่างคนสติแตก จนเผลอหลุดปากออกไป ทำให้คนได้ชื่อว่าเป็นสามีถึงกับนิ่งงันไป รวมถึงทหารที่อยู่ด้านหลังได้แต่มองกันไปมาเลิ่กลั่กไม่รู้ว่านางกำลังพล่ามอะไรจนกระทั่ง“ท่านพี่ ท่านเป็นสามีของข้า ช่วยข้าด้วย ปล่อยข้าไปนะเจ้าคะ ถ้าท่านปล่อยข้าไป ข้ายินดีทำตามที่ท่านสั่งทุกอย่าง จะให้ข้าไปเป็นนางบำเรอของตาเสนาบดีเฒ่านั่น หรือใครก็ได้ ข้ายอมทั้งนั้น ฮือๆ”หานเจี้ยนจวิ้นยืนมองนางอย่างเย็นชา แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความรังเกียจมากกว่าจะเห็นใจ เมื่อได้ยินสิ่งที่นางพร่ำพูดออกมาอ
“ฮูหยิน! เกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ” เสียงเอะอะของเสี่ยวจูที่เปิดประตูพรวดพราดเข้ามาหน้าตาตื่น ทำให้หลินอวี้เหม่ยรีบเงยหน้าจากบันทึกที่กำลังอ่านอย่างตกใจ“มีอันใดกันหรือเสี่ยวจู”“ทะ...ท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ” คำนั้นทำให้คนฟังใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม“ทำไมหรือ ท่านแม่ทัพเป็นอะไร”“มีข่าวว่าท่านแม่ทัพเกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ”“รีบพูดมาเร็ว”“เมื่อกี้ข้าได้ยินข่าวมาว่าตอนนี้ทัพหน้าของเราเพลี่ยงพล้ำให้กับข้าศึก แม่ทัพเซียวถูกข้าศึกจับตัวไป มีข่าวลือว่าตอนนี้ท่านแม่ทัพยอมจำนนและเข้าร่วมกับทัพข้าศึกแคว้นเหลียงกลายเป็นกบฏแล้วเจ้าค่ะ”“ว่าไงนะ!”หลินอวี้เหม่ยตัวชา พยายามคุมสติให้มั่นในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน นางจ้องมองไพ่ตายที่ซ่อนความลับสำคัญไว้ สัญญาณที่สามีทิ้งไว้ให้ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เขาบอกให้นางหาทางส่งมันเข้าวังเพื่อให้ถึงพระหัตถ์ของฮ่องเต้เท่านั้นแต่มันจะง่ายปานนั้นหรือ ในเมื่อตอนนี้มีข่าวว่าสามีของนางเข้าร่วมกับศัตรูกลายเป็นกบฏ ฮ่องเต้หรือจะทรงอนุญาตให้ฮูหยินของกบฏอย่างนางเข้าพบได้ง่ายๆ หลินอวี้เหม่ยสูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่มีเวลาให้คิดแล้วเสียงฝีเท้าหนักแน่นก็ดังขึ้นใกล้ประตูใหญ่ พร้อมเสียงเคร
“นี่คือ...”“เหตุการณ์ต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นในชาติก่อนที่ข้าบันทึกเอาไว้ และแผนการคร่าวๆ ส่วนนี่คือไพ่ตายของข้า หากแผนที่วางไว้ไม่เป็นไปตามคาด เจ้าจงหาหนทางส่งสิ่งนี้เข้าวังให้ถึงมือฝ่าบาท เมื่อข้าไปถึงชายแดนแล้ว เจ้าจงรอข่าวจากข้า ฝากดูแลจวนนี้ให้ดี”“ท่านทำราวกับสั่งเสียเช่นนี้ จะให้ข้าวางใจได้อย่างไร” หลินอวี้เหม่ยหน้าเสีย ใจคอไม่ค่อยดี “ถึงอย่างไรพวกเราก็เคยผ่านความตายมาแล้วรอบหนึ่งไม่ใช่หรือฮูหยิน หากครั้งนี้ต้องตายอีกหน มีอันใดให้ต้องกลัวกัน”“ท่านพี่! ข้าไม่ได้กลัวตาย แต่ข้าไม่อยากตายเพราะแผนชั่วร้ายของผู้อื่นอีก และท่านจงจำไว้ ข้าขอสั่งให้ท่านกลับมาอย่างปลอดภัย ห้ามทำข้าเป็นม่าย หรือถูกประหารศพไม่สวยเด็ดขาด ข้าไม่ยอม ถึงเป็นผีก็จะตามไปเอาเรื่องท่านถึงยมโลกแน่ รับปากสิเจ้าคะ”พอขาดคำ เซียวหลงเฉิงก็โน้มริมฝีปากมาแนบกับกลีบปากงามของนางอย่างอ่อนโยน จูบแสนหวานลึกซึ้งแทนคำสัญญาของเขา“ดูแลตัวเองให้ดี รอข้ากลับมานะ”หลินอวี้เหม่ยพยักหน้าเบาๆ ใบหน้างามแดงซ่านเพราะรสจูบวาบหวามของสามี ก้มลงหลบสายตาร้อนแรงประหนึ่งเปลวไฟคู่นั้น แม้ในใจจะยังคงหวั่นไหวอยู่บ้าง แต่เมื่อได้เห็นความมุ่งมั่นในดว
“แม่ทัพใหญ่เซียวหลงเฉิงรับราชโองการ บัดนี้แคว้นเหลียงได้กำเริบเสิบสาน ยกทัพรุกล้ำเข้ามายังชายแดนทิศประจิมของเรา เข่นฆ่าปล้นสะดมชาวบ้านบริเวณชายแดนจนได้รับความเดือดร้อน ฮ่องเต้จึงมีราชโองการให้ท่านแม่ทัพเซียวหลงเฉิงเป็นผู้นำกองกำลังออกไปปราบข้าศึก เพื่อรักษาความสงบสุขของแผ่นดิน หวังว่าท่านแม่ทัพจะทุ่มเทกำลังกาย ใจและสติปัญญาอย่างเต็มที่เพื่อยับยั้งภัยรุกรานและขจัดข้าศึกผู้เป็นศัตรูของแผ่นดินโดยเร็ว จงอย่าให้ข้าศึกใดมีโอกาสย่ำยีดินแดนของเราได้ ขอให้ท่านเร่งออกเดินทางไปยังชายแดนทันที พร้อมนำความสงบสุขกลับคืนสู่ประชาชนภายในเวลาสามเดือนนับจากนี้ จบราชโองการ”“แคว้นเหลียง...” เซียวหลงเฉิงพึมพำ นัยน์ตาสะท้อนความคิดลึกซึ้ง ในใจเขาสงสัยว่าทำไมจู่ๆ ถึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เพราะที่ผ่านมาแคว้นเหลียงแทบไม่เคยมีปัญหากับแคว้นของพวกเขา แต่ด้วยฐานะของแม่ทัพ เขารู้ดีว่าต้องปฏิบัติตามคำสั่ง“ท่านพี่...”หลังจากที่คล้อยหลังทุกคน หลินอวี้เหม่ยก็หันไปสบสายตากับสามีด้วยความเป็นห่วงและกังวลใจ“แผนการของเจ้าดูเหมือนจะได้ผลนะ พวกนั้นเริ่มทนต่อไปไม่ไหวแล้ว” เซียวหลงเฉิงเอ่ยลอดไรฟันเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ในชาติก่อน
“แต่ก่อนหน้านั้นท่านเองก็ถูกตัดสินประหารแล้วด้วยข้อหาก่อกบฏเข้าร่วมกับข้าศึกคิดโค่นล้มบัลลังก์ของฝ่าบาท เพื่อหนีจากโทษประหารหลินซูหนิงก็มาที่จวนสกุลหานเพื่อขอพึ่งพิงข้าในฐานะพี่สาว แล้ววางแผนปีนขึ้นเตียงของหานเจี้ยนจวิ้นจนได้เป็นอนุของเขา เหตุการณ์ในตอนนั้นก็เหมือนกับตอนนี้ เพียงแต่เราได้เปลี่ยนแปลงมันใหม่จนนางทำตามแผนไม่สำเร็จ ข้ายังจำได้ว่าตอนที่หานเจี้ยนจวิ้นได้ความดีความชอบจากเรื่องยับยั้งโรคระบาดเพราะข้าบอกเรื่องยาสมุนไพร จนเขาได้เลื่อนขั้นขึ้นมาแทนที่ตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของท่าน ข้าสงสัยว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวพันกับเรื่องที่ท่านถูกใส่ร้ายว่าเป็นกบฏ” เซียวหลงเฉิงสบถอย่างดุดัน ดวงตาแข็งกร้าว หัวใจเต็มไปด้วยความคุกรุ่นแต่ก็ยังมีความเจ็บปวดแฝงอยู่ลึกๆ เมื่อรู้ถึงสิ่งที่หลินอวี้เหม่ยต้องพบเจอในชาติที่แล้วหลินอวี้เหม่ยเอื้อมมือไปจับแขนของเขาเบาๆ“นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ในปัจจุบันของเรา ข้าต้องการปกป้องท่าน ปกป้องครอบครัวของเรา และไม่ให้คนชั่วเหล่านั้นได้โอกาสทำลายล้างชีวิตของเราได้อีก”เซียวหลงเฉิงพยักหน้า น้ำเสียงของเขานุ่มลงแต่ยังคงแฝงด้วยความมุ่งม