“จะรีบไปไหนล่ะน้องสาว ให้พี่ช่วยเจ้าถือของดีหรือไม่”หลินอวี้เหม่ยตกใจมาก แต่พยายามกุมสติให้มั่นคิดหาทางเอาตัวรอด นางมีกันแค่สองคนส่วนอีกฝ่ายมีคนมากกว่าหลายเท่า ทั้งที่นี่อยู่ห่างจากตลาด หนทางค่อนข้างเปลี่ยว แม้อยู่ไม่ไกลจากเรือนที่พักของนางมากนัก แต่หากจะวิ่งหนีชายฉกรรจ์พวกนี้ก็คงไม่ทัน หรือจะตะโกนเรียกคนมาช่วยก็ไม่แน่ว่าจะมีใครได้ยิน“คุณหนู พวกเราจะทำอย่างไรดี” เสี่ยวจูรีบเข้ามากอดแขนนายสาวไว้อย่างหวาดกลัว“พวกเจ้าเป็นใคร ต้องการอะไรจากข้า” หลินอวี้เหม่ยข่มความกลัวถามขึ้น พลางมองใบหน้าของพวกอันธพาล ก่อนชะงักเมื่อเห็นว่าหนึ่งนั้นดูคุ้นหน้าพลันภาพเหตุการณ์ในฝันก่อนที่นางจะตายก็ผุดแว่บขึ้นมาในสมอง ที่แท้คนที่นางรู้สึกคุ้นหน้าก็คือชายหน้าเหี้ยมที่เป็นคนโบยลงโทษนางในความฝันนั่นเอง และเท่าที่จำได้คนผู้นี้ก็คือ...“หลินซูหนิงส่งพวกเจ้ามาสินะ”ได้ผล! ชายทั้งสี่มีอาการชะงัก มองหน้ากันเลิ่กลั่ก นั่นก็แปลว่านางเดาถูกต้อง“นางจ้างพวกเจ้ามาเท่าไหร่ ข้าให้มากกว่าสองเท่า ไม่สิ สามเท่าไปเลย” หญิงสาวทำใจกล้าต่อรอง“อย่าไปฟังนาง รีบจับตัวพวกนางไปจัดการตามคำสั่งคุณหนูให้เสร็จเสีย” ชายหน้าเหี้ยมสั่งพ
“เจ้าเป็นใคร!” หัวหน้าคนร้ายตะโกนถาม“บรรพบุรุษของพวกเจ้าไง” ชายลึกลับตอบอย่างยียวน พร้อมกับเงื้อดาบฟันฉับเข้าสู้กับพวกคนร้ายอย่างคล่องแคล่ว ว่องไว ทุกครั้งที่ดาบเงื้อขึ้นต้องมีหนึ่งชีวิตที่เซ่นสังเวยปลิดปลิวราวใบไม้ร่วงหล่นบนพื้นหลินอวี้เหม่ยมองภาพนั้นตาค้าง“คุณหนูช่วยบ่าวด้วย ช่วยด้วย...”เสียงกรีดร้องนั้นทำให้หญิงสาวได้สติฉับพลัน รีบฉวยจังหวะชุลมุนวิ่งไปช่วยเสี่ยวจูขึ้นมาจากพื้น เคราะห์ยังดีที่พวกคนร้ายยังไม่ทันได้ทำอะไรสาวใช้ของนาง “คุณหนู...ฮือๆ บ่าวกลัวยิ่งนัก” เสี่ยวจูรีบพุ่งเข้ามากอดนายสาวร้องไห้อย่างตกใจ พอเห็นสภาพเสื้อผ้าผมเผ้าหลุดลุ่ยของหลินอวี้เหม่ยนางก็รีบถามเสียงสั่นเครือ “คุณหนูท่านเป็นอันใดหรือไม่ พวกมัน...พวกมัน...”“ข้าไม่เป็นไร เจ้าหยุดร้องไห้เสียก่อน” หญิงสาวรีบบอกสาวใช้ ก่อนตั้งสติแล้วหันไปมองกลุ่มคนที่กำลังต่อสู้กันจนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร หากแล้วมีจังหวะหนึ่งที่ชายลึกลับที่เข้ามาช่วยนางดูเหมือนจะเพลี่ยงพล้ำ“ระวัง!”หลินอวี้เหม่ยรีบร้องตะโกนสุดเสียงเมื่อเห็นหนึ่งในคนร้ายเงื้อดาบขึ้นจู่โจมเขาจากทางด้านหลัง และฟันเข้าที่ไหล่ของเขาจนเลือดทะลักออกมา แต่ชายหนุ่มก็หัน
ระหว่างรอเสี่ยวจูไปตามหมอ หลินอวี้เหม่ยก็คอยดูคนเจ็บเพื่อประเมินอาการเบื้องต้น เขายังคงไม่ได้สติ นางจึงใช้ผ้าชุบน้ำมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้บุรุษผู้นั้นอย่างเบามือ พอหมดคราบเลือดคราบไคล ก็เผยใบหน้าแท้จริงที่ทำให้นางถึงกับตะลึงงันไปชั่วขณะ“รูปงามเสียด้วย” หญิงสาวยื่นมือไปลูบไล้ที่ใบหน้าคมคายนั้นอย่างลืมตัว“เจ้าเป็นผู้ใดกันนะ...”ใบหน้าหล่อเหลาสมชายชาตรี คิ้วทรงกระบี่เข้มรับกับจมูกโด่งคมเป็นสัน รวมถึงกรอบตายาวเรียวลึก และริมฝีปากที่ได้รูป เขาผู้นี้เป็นใครกันนะ แล้วเหตุใดจึงเข้ามาช่วยพวกนางไว้“อือ...เจ็บ...”เสียงแหบแห้งประท้วงเบาๆ ทำให้นางได้สติรีบดึงมือกลับมาอย่างละอายใจ พร้อมกับตำหนิตัวเองที่ถูกรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายทำให้เผลอลืมตัวไปชั่วขณะ อันที่จริงนางไม่ใช่คนที่คลั่งบุรุษรูปงามเสียหน่อย แต่หากจะว่าไปแล้ว บุรุษตรงหน้าดูแล้วก็อาจจะรูปงามกว่าหานเจี้ยนจวิ้น อดีตสามีชั่วนั่นเสียอีก ไม่แน่ว่าหากเทียบกับแม่ทัพผู้นั้นก็ยังไม่รู้ว่าใครจะเหนือกว่า ในเมื่อนางยังไม่เคยพบหน้าสามีที่ยังไม่ได้เข้าพิธีนั่นเลยนี่นาที่สำคัญกว่านั้นคือเขาเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยนางไว้ หากไม่มีเขา ไม่แน่ว่าตอนนี้นางอาจจะพบ
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์พวกนั้นขึ้นมา มือทั้งสองก็กำแน่นดวงตาสีนิลวาวโรจน์ด้วยไฟแค้นสุมแน่นอกมองไปที่สตรีตรงหน้าที่ถึงอย่างไรก็ได้ชื่อว่าเป็นพี่สาวของนางงูพิษผู้นั้น จะว่าไปสตรีตรงหน้าเองก็ใช่ย่อย นางก็เล่นงานน้องสาวตัวเองไว้ไม่น้อยถึงถูกตามมาแก้แค้นเช่นนี้เรื่องบุญคุณความแค้นในตระกูลอื่นนั่นเขาไม่เคยคิดสนใจ หากว่ามันไม่เกี่ยวพันมาถึงอนาคตของเขา หญิงจากสกุลหลิน ไม่ว่าจะคนพี่หรือคนน้องล้วนไว้ใจไม่ได้ เพราะมันอาจจะนำพาจุดจบที่เลวร้ายมาให้ในท้ายที่สุดหลินอวี้เหม่ย...แท้จริงแล้วเจ้าเป็นคนเช่นไรกันแน่นะ กำลังคิดเพลินๆ จู่ๆ หญิงสาวที่กำลังหลับเพลินก็รู้สึกตัวลืมตาขึ้น และพบว่าเขาลืมตาอยู่ก่อนแล้ว ทำให้ชายหนุ่มอดตกใจไม่ได้ แต่จะเก็บสายตากลับมาก็ไม่ทันเสียแล้ว“เจ้า...เจ้าฟื้นแล้วหรือ” หลินอวี้เหม่ยถามอย่างดีใจมาก โดยไม่ทันสังเกตว่าแววตาของอีกฝ่ายเปลี่ยนไปในเสี้ยววินาที“โอย...”“อย่าเพิ่งขยับสิ แผลเจ้ายังไม่หายดีเลย เจ็บตรงไหนอีกบ้าง บอกข้าสิ”“เจ้าเป็นใคร! แล้วทำไม...มันถึงมืดไปหมดเช่นนี้ ทำไมข้าถึงมองอะไรไม่เห็นเลยเล่า” คนพูดยกมือข้างที่ไม่บาดเจ็บควานสะเปะสะปะในอากาศอย่างลนลาน“ว่าอย่างไรนะ!
“ก็ใช่น่ะสิเจ้าคะ พวกเราเป็นสตรีมาอยู่ห่างไกลผู้คนเช่นนี้ อาจมีคนไม่หวังดีก็ได้ ดูอย่างเมื่อวานสิเจ้าคะยังเกือบเอาชีวิตไม่รอด”“ชู่ว...เจ้าอย่าเสียงดังไป หากเขาเป็นโจรอย่างที่เจ้าว่าจริง ตอนนี้ทั้งบาดแผลพวกนั้น ไหนจะตาบอดอีก คงไม่กล้าทำอะไรพวกเราตอนนี้”“ขนาดไม่กล้า เมื่อครู่ยังตีท่านได้มิใช่หรือเจ้าคะ ยังไงเราก็ห้ามประมาท หรือเราไปแจ้งที่จวนท่านแม่ทัพดีไหมเจ้าคะ ถึงอย่างไรคุณหนูก็เป็นว่าที่เจ้าสาวของท่านแม่ทัพ หากรู้ว่ามีคนมารังแกท่าน แถมยังมีบุรุษแปลกหน้าเข้ามาอยู่ในเรือนเช่นนี้ ท่านแม่ทัพต้องไม่ปล่อยไปง่ายๆ ไม่แน่ว่าอาจจะส่งคนมาอารักขาท่าน หรือไม่ก็มารับท่านกลับไปที่จวนวันนี้เลยก็ได้”“เจ้าอย่าเพ้อฝันไปเลยน่าเสี่ยวจู บุรุษเฮงซวยผู้นั้นไม่สนใจไยดีข้าหรอก ไม่แน่ว่าเขาอาจอยากให้ข้าถูกโจรฆ่าตายไปเสียเลยมากกว่าจะได้หมดภาระ”“คุณหนู ทำไมพูดเช่นนั้น ไม่เอาเจ้าค่ะ อย่าแช่งตัวเอง”“ไม่ให้แช่งตัวเอง หรือจะให้ข้าแช่งเจ้าแม่ทัพหัวสุนัขผู้นั้นแทนดีไหม”หลินอวี้เหม่ยแกล้งถามหน้าตาย โดยหารู้ไม่ว่าคำพูดของนางกระเด็นเข้าหูใครบางคนเต็มๆบุรุษเฮงซวย...แม่ทัพหัวสุนัขอย่างนั้นหรือคนเจ็บกัดฟันกรอด นอนน
“จริงหรือ แล้วนี่น้องสาวคนดีของข้าเป็นอย่างไรบ้าง”“ได้ยินว่า พอถูกจับได้คุณหนูสามก็ถูกโบยจนหลังแตกยับ แล้วก็ถูกนายท่านจับขังในห้องเก็บฟืนอยู่นานหลายวันเลยเจ้าค่ะ ส่วนบุรุษผู้นั้นของนางได้ยินว่าเป็นถึงรองแม่ทัพก็ถูกนายท่านตีจนหัวแตกและขาหัก แถมยังถูกมัดติดเสาบังคับให้รับปากว่าจะมาสู่ขอ อีกไม่กี่วันก็จะเข้าพิธีแต่งงานแล้วเจ้าค่ะ”“แต่งงานกันงั้นหรือ...”หลินอวี้เหม่ยได้ยินข่าวของชายโฉดหญิงชั่วทั้งสองก็ยิ้มอย่างเลือดเย็น ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดอะไร ในเมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเป็นคนพวกนั้นหาเรื่องใส่ตัว และต้องการทำร้ายนางก่อน นางก็เพียงเล่นตามน้ำ ช่วยให้ผีเน่ากับโลงผุทั้งสองได้ครองคู่กันเร็วขึ้นอีกหน่อยก็เท่านั้น ก็ถือว่านางใจดีมากแล้วมิใช่หรือแต่จะดีใจตอนนี้ก็ยังเร็วไป ดูจากที่หลินซูหนิงส่งคนมาทำร้ายนางเมื่อวานก็คาดได้ว่าอีกฝ่ายคงแค้นจนแทบกระอัก เมื่อวานแผนการแก้แค้นก็ถูกทำลาย ซ้ำสุนัขรับใช้ที่น้องสาวตัวร้ายส่งมาก็ถูกฆ่าตายไปอีก มิเท่ากับว่าซ้ำเติมความแค้นให้น้องสาวตัวร้ายนั่นหรอกหรือเจ้าโจรหน้าเหี้ยมที่เคยรับคำสั่งให้ใส่ร้ายว่านางมีชู้ และเป็นคนโบยนางจนเกือบตายในชาติก่อนนั่น ก็ถูกฆ่าต
คนของนางพยักหน้าอย่างรวดเร็วและเตรียมตัวจะทำตามแผนชั่วร้ายนี้ แต่ลึกๆ ก็ยังมีความหวาดกลัวและสงสัยในใจว่ามันจะสำเร็จได้หรือไม่ เพราะพวกเขาเริ่มสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับชายนิรนามผู้นั้นแต่สำหรับหลินซูหนิง นางจะไม่ยอมให้หลินอวี้เหม่ยมีชีวิตที่ดีกว่าเป็นอันขาด“เราจะได้เห็นกันว่าใครกันแน่ที่จะได้ดีกว่ากัน!” นางพึมพำกับตัวเองในความมืด ปล่อยให้แผนการร้ายในหัวของนางเริ่มคืบคลานในเมื่อข้าไม่ได้ เจ้าก็อย่าหวังเลยว่าจะได้มีสามีที่เหนือกว่าข้า ข้าไม่มีวันยอม!ที่เรือนนอกจวน กลิ่นยาสมุนไพรลอยมาแตะจมูกทำให้คนเจ็บรีบขยับกายจะลุกขึ้น“โอ๊ะ...โอ๊ย!”“เจ้าอย่าเพิ่งขยับ” เสียงหวานร้องห้าม ก่อนยื่นมือไปประคองร่างเขาทันที “แผลยังไม่หายดี ขยับไม่ระวังแผลอาจจะปริได้”ไออุ่นจากการสัมผัสทำให้คนเจ็บนิ่งชะงักไป กลิ่นกายหอมละมุนของหญิงสาวแตะที่จมูกเขาจนเผลอสูดหายใจเข้าไปโดยไม่ทันรู้ตัว“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ยังเจ็บตรงไหนหรือไม่” เสียงหวานนุ่มถามอย่างเอื้ออาทร แต่กลับทำให้หัวใจเย็นชาอุ่นซ่านขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“ข้าเจ็บไปทั้งตัว อูย...”“เช่นนั้นก็ดื่มยานี่เสียก่อน เดี๋ยวข้าจะเช็ดตัวและเปลี
“ข้ายังไม่ได้เข้าพิธีแต่งงานกับเขา จึงไม่ถือว่ามีสามี เขาเองก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับข้าจึงได้ส่งมาอยู่ที่เรือนร้างห่างไกลผู้คนเช่นนี้”พูดไปแล้ว นางก็แอบตกใจตนเอง ที่เผลอบอกเรื่องส่วนตัวกับคนแปลกหน้า ยิ่งเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายที่นิ่งขึงไป นางก็นึกแปลกใจ“เจ้าคิดสิ่งใดอยู่ บอกไว้ก่อนว่าหากเจ้าคิดร้าย เจ้าจะไม่ได้ตายดีแน่ ในยาที่เจ้าดื่มไปมียาพิษ หากเจ้าไม่ทำอะไรพวกข้า ยาพิษนั่นก็ยังไม่ออกฤทธิ์ แต่หากคิดร้าย ข้าก็จะทำให้มันออกฤทธิ์จนเจ้าต้องตายอย่างทรมานที่สุด” หลินอวี้เหม่ยตัดสินใจโกหกเพื่อข่มขู่อีกฝ่าย ไม่ว่าใครก็รักตัวกลัวตายทั้งนั้น นางเองก็เช่นกัน“หึ ถ้าเช่นนั้นก็รีบทำให้มันออกฤทธิ์เสียเถอะ ข้าในตอนนี้ทั้งตาบอดสนิทจนมองไม่เห็น ทั้งบาดเจ็บเพราะทำดีช่วยคน ชีวิตนี้ก็ถือว่าอยู่ในกำมือคุณหนู จะบีบก็ตายจะคลายก็รอดแล้ว” คนเจ็บเอ่ยพลางหลับตาลงราวกับยอมจำนน“ถ้าเช่นนั้นท่านผู้มีพระคุณของข้าก็โปรดบอกมาหน่อยว่าเจ้าเป็นใคร ชื่อแซ่อะไร บ้านอยู่ที่ใด ข้าจะได้ตอบแทนด้วยการพาท่านไปส่ง” พอได้ทีนางก็รีบถามในสิ่งที่สงสัย“คุณหนูคิดจะสอบสวนข้าก่อนฆ่างั้นหรือ”“ก็ใช่น่ะสิ รู้แล้วก็รีบตอบมา”“ข้าชื่อเสี่ยว
ภายในเวลาไม่นาน กบฏทั้งหมดก็ถูกปราบจนสิ้นซากหานเจี้ยนจวิ้นถูกทหารเข้ามาจับกุมตัว ขณะที่เขาพยายามดิ้นรนอย่างเจ็บปวดแสนสาหัส อัครเสนาบดีและขุนนางผู้สมรู้ร่วมคิดต่างถูกล้อมจับจนหมดสิ้น ไม่มีทางหนีรอดจากมือแม่ทัพใหญ่ได้แม้แต่คนเดียว Top of FormBottom of Formท่ามกลางความเงียบสงบในท้องพระโรง บรรยากาศกลับตึงเครียด ใต้เท้าจางในฐานะหัวหน้าผู้ก่อการกบฏ รวมถึงหานเจี้ยนจวิ้นและบรรดาขุนนางผู้ร่วมก่อการครั้งนี้ถูกตัดสินประหารชีวิตในข้อหากบฏต่อแผ่นดินส่วนหลินซูหนิงก็ถูกคุมตัวออกมาจากคุกเพื่อรับโทษประหารโทษฐานสมรู้ร่วมคิด นางถูกตราหน้าว่าเป็นอนุภรรยาของโจรกบฏแซ่หานต้องตายตกไปตามกัน ในวันประหาร มีการแห่งนักโทษรอบเมืองให้ชาวบ้านได้เห็นจุดจบของคนทรยศต่อแผ่นดินหานเจี้ยนจวิ้นที่ถูกขังกรงในสภาพไร้แขน เนื้อตัวสะบักสะบอมด้วยบาดแผลจากการทรมานจนแทบสิ้นสภาพ ถูกชาวบ้านขว้างปาก้อนหินและเศษผักเน่าใส่ไปตลอดทาง ด้านหลังมีกรงที่ใส่ร่างของอนุภรรยาของเขาตามมาในสภาพที่เรียกว่าอยู่ไม่สู้ตาย หลินซูหนิงนอนงอตัวร้องครางด้วยความเจ็บปวดแต่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยออกมาได
หลินอวี้เหม่ยมองสามีราวกับเห็นเทพเซียนลงมาปรากฏตัวตรงหน้า หัวใจที่เต้นระทึกมีความตื้นตันจนน้ำตาคลอเมื่อได้รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ และไม่ได้เป็นโจรกบฏอย่างที่ใครต่อใครกล่าวหา“โจรกบฏแซ่เซียว!”“ใครกันแน่ที่เป็นโจรกบฏชิงบัลลังก์” เซียวหลงเฉิงก้าวเข้ามายืนเอาตัวบังฮ่องเต้ไว้เพื่อปกป้องพระองค์จากคนชั่วที่หมายปองร้ายเอาชีวิต และจ้องมองหานเจี้ยนจวิ้นด้วยสายตาดุดันแกมดูแคลนหานเจี้ยนจวิ้นยืนนิ่งเมื่อเห็นร่างของเซียวหลงเฉิงเข้าใกล้เขาทีละก้าว ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธแค้น เมื่อรู้ว่าตนเองเสียรู้และตกเป็นเหยื่อของแผนการซ้อนแผนนี้“เจ้า...เจ้าควรตายไปแล้วมิใช่หรือ”เซียวหลงเฉิงแสยะยิ้มเย็นชาและเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ“น่าเสียดายที่แผนของเจ้ามันตื้นเขินเกินไปเลยทำอะไรพวกข้าไม่ได้ และฮ่องเต้ก็ทรงรู้มาตั้งแต่แรกว่าพวกเจ้าต่างหากที่เป็นกบฏคิดคดทรยศต่อแผ่นดินหาใช่ข้าไม่ ราชโองการที่มอบให้เจ้านั้นก็เป็นเพียงกับดักให้พวกเจ้าเปิดเผยตัวตนออกมาเท่านั้นเอง”ในเวลานั้น ฮ่องเต้ก็ตรัสก้องอย่างเยือกเย็น
“นี่เจ้า!”ฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตนางกำนัลตรงหน้าอย่างประหลาดพระทัย ก่อนที่จะลดสายพระเนตรมองสิ่งของในพระหัตถ์ ม้วนกระดาษเล็กๆ แต่เมื่อพระองค์เงยหน้าขึ้น นางกำนัลลึกลับผู้นั้นก็หันหลังเดินออกจากห้องไปเสียแล้วฮ่องเต้ทรงเปิดม้วนกระดาษนั้นออกอ่านจนจบ ดวงเนตรที่เคยหม่นหมองพลันสว่างไสวขึ้นอย่างมีความหวัง พระองค์แย้มพระโอษฐ์บางๆทันใดนั้นเอง เสียงฝีเท้าหนักของทหารแคว้นเหลียงเริ่มดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หานเจี้ยนจวิ้นและอัครเสนาบดีจางเดินเข้ามาในท้องพระโรงด้วยท่าทีเย้ยหยัน เมื่อมาถึงกึ่งกลางของห้อง เขาทั้งสองมองตรงไปยังราชบัลลังก์ด้วยรอยยิ้มสะใจ ดวงตาเต็มไปด้วยละโมบทะเยอทะยานในที่สุดวันที่เขารอคอยก็มาถึง“จงไปคุมตัวฝ่าบาทมาที่นี่” อัครเสนาบดีจางหันไปสั่งหานเจี้ยนจวิ้นเสียงเหี้ยมเพียงไม่นานนักฮ่องเต้องค์ปัจจุบันก็ถูกทหารกบฏกุมตัวเข้ามาในท้องพระโรง หากทว่าเมื่อมองขึ้นไปบนพระราชบัลลังก์ก็กลับพบภาพอันน่าตกตะลึง“บังอาจ!”เสียงหัวเราะกังวานก้องของบุคคลที่พระองค์ไม่คาดคิดว่าจะทรยศต่
หลังจากที่มีข่าวว่าแม่ทัพเซียวหลงเฉิงกลายเป็นกบฏไปเข้าร่วมกับศัตรูต่างแคว้น ก็มีข่าวใหม่ว่าตอนนี้แคว้นเหลียงกำลังยกทัพบุกเข้ามาที่เมืองหลวงเพื่อหวังชิงบัลลังก์โดยมีเซียวหลงเฉิงเป็นผู้นำทัพ ข่าวนั้นสร้างความหวาดหวั่นให้กับชาวบ้าน หลายคนเคยเป็นโรคระบาดและได้ยาสมุนไพรของจวนแม่ทัพช่วยชีวิตไว้ ทำให้ซาบซึ้งบุญคุณของแม่ทัพใหญ่ จึงไม่อยากจะเชื่อข่าวคราวนั้น แต่ก็มีอีกหลายคนที่เชื่อจึงเกิดคลื่นลมแรงไปทั้งเมืองหลวงลามไปถึงในวังที่พากันอกสั่นขวัญแขวนกันไปถ้วนหน้าฮ่องเต้เรียกขุนนางทุกคนเข้าประชุมหารือเรื่องการรับมือทัพข้าศึกที่มีแม่ทัพยอดฝีมืออย่างเซียวหลงเฉิงนำทัพมา ขุนนางต่างเห็นพ้องกันราวกับนัดหมายว่าให้พระองค์แต่งตั้งรองแม่ทัพสกุลหานให้เป็นแม่ทัพใหญ่เพื่อรับมือกับข้าศึกคราวนี้ โดยมีเบื้องหลังที่ผลักดันอย่างอัครเสนาบดีจางเป็นหัวเรือใหญ่คอยสนับสนุน ทำให้ฝ่าบาทไม่อาจปฏิเสธข้อเสนอนี้ได้โดยง่ายพระองค์นิ่งเงียบพลางไตร่ตรองอย่างหนัก ขุนนางต่างเฝ้ารอคอยคำตอบด้วยความกระตือรือร้น ขณะที่แววตาของอัครเสนาบดีจางฉายแววมั่นใจ เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ต่างสนับสนุนอย่างเต็มที่ให
“หลินซูหนิง!”คนถูกเรียกเงยหน้ามองไปที่สามีของตนอย่างเลื่อนลอยอยู่พักใหญ่ ก่อนที่สมองจะทำงาน“หะ...หานเจี้ยนจวิ้น” ดวงตาของนางเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความหวาดกลัว เมื่อเห็นว่าเป็นหานเจี้ยนจวิ้นที่ยืนอยู่ตรงหน้า นางก็รีบคลานเข้าไปหาแต่ติดที่ขาทั้งสองถูกล่ามเอาไว้ทำให้ไม่อาจทำตามใจได้“ท่านพี่ ได้โปรดช่วยข้าด้วย!”“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน”“เป็นนังอวี้เหม่ยเจ้าค่ะ นางสั่งให้จับข้ามาขังไว้ที่นี่ ฮือๆ ข้าไม่ผิด ข้าถูกนางพี่สาวสารเลวนั่นใส่ความ ข้าไม่ได้มีอะไรกับเจ้าบ่าวรับใช้หน้าโง่นั่น ฮือๆ ไม่มี ไม่ใช่ข้าๆ”หลินซูหนิงฟูมฟายอย่างคนสติแตก จนเผลอหลุดปากออกไป ทำให้คนได้ชื่อว่าเป็นสามีถึงกับนิ่งงันไป รวมถึงทหารที่อยู่ด้านหลังได้แต่มองกันไปมาเลิ่กลั่กไม่รู้ว่านางกำลังพล่ามอะไรจนกระทั่ง“ท่านพี่ ท่านเป็นสามีของข้า ช่วยข้าด้วย ปล่อยข้าไปนะเจ้าคะ ถ้าท่านปล่อยข้าไป ข้ายินดีทำตามที่ท่านสั่งทุกอย่าง จะให้ข้าไปเป็นนางบำเรอของตาเสนาบดีเฒ่านั่น หรือใครก็ได้ ข้ายอมทั้งนั้น ฮือๆ”หานเจี้ยนจวิ้นยืนมองนางอย่างเย็นชา แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความรังเกียจมากกว่าจะเห็นใจ เมื่อได้ยินสิ่งที่นางพร่ำพูดออกมาอ
“ฮูหยิน! เกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ” เสียงเอะอะของเสี่ยวจูที่เปิดประตูพรวดพราดเข้ามาหน้าตาตื่น ทำให้หลินอวี้เหม่ยรีบเงยหน้าจากบันทึกที่กำลังอ่านอย่างตกใจ“มีอันใดกันหรือเสี่ยวจู”“ทะ...ท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ” คำนั้นทำให้คนฟังใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม“ทำไมหรือ ท่านแม่ทัพเป็นอะไร”“มีข่าวว่าท่านแม่ทัพเกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ”“รีบพูดมาเร็ว”“เมื่อกี้ข้าได้ยินข่าวมาว่าตอนนี้ทัพหน้าของเราเพลี่ยงพล้ำให้กับข้าศึก แม่ทัพเซียวถูกข้าศึกจับตัวไป มีข่าวลือว่าตอนนี้ท่านแม่ทัพยอมจำนนและเข้าร่วมกับทัพข้าศึกแคว้นเหลียงกลายเป็นกบฏแล้วเจ้าค่ะ”“ว่าไงนะ!”หลินอวี้เหม่ยตัวชา พยายามคุมสติให้มั่นในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน นางจ้องมองไพ่ตายที่ซ่อนความลับสำคัญไว้ สัญญาณที่สามีทิ้งไว้ให้ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เขาบอกให้นางหาทางส่งมันเข้าวังเพื่อให้ถึงพระหัตถ์ของฮ่องเต้เท่านั้นแต่มันจะง่ายปานนั้นหรือ ในเมื่อตอนนี้มีข่าวว่าสามีของนางเข้าร่วมกับศัตรูกลายเป็นกบฏ ฮ่องเต้หรือจะทรงอนุญาตให้ฮูหยินของกบฏอย่างนางเข้าพบได้ง่ายๆ หลินอวี้เหม่ยสูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่มีเวลาให้คิดแล้วเสียงฝีเท้าหนักแน่นก็ดังขึ้นใกล้ประตูใหญ่ พร้อมเสียงเคร
“นี่คือ...”“เหตุการณ์ต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นในชาติก่อนที่ข้าบันทึกเอาไว้ และแผนการคร่าวๆ ส่วนนี่คือไพ่ตายของข้า หากแผนที่วางไว้ไม่เป็นไปตามคาด เจ้าจงหาหนทางส่งสิ่งนี้เข้าวังให้ถึงมือฝ่าบาท เมื่อข้าไปถึงชายแดนแล้ว เจ้าจงรอข่าวจากข้า ฝากดูแลจวนนี้ให้ดี”“ท่านทำราวกับสั่งเสียเช่นนี้ จะให้ข้าวางใจได้อย่างไร” หลินอวี้เหม่ยหน้าเสีย ใจคอไม่ค่อยดี “ถึงอย่างไรพวกเราก็เคยผ่านความตายมาแล้วรอบหนึ่งไม่ใช่หรือฮูหยิน หากครั้งนี้ต้องตายอีกหน มีอันใดให้ต้องกลัวกัน”“ท่านพี่! ข้าไม่ได้กลัวตาย แต่ข้าไม่อยากตายเพราะแผนชั่วร้ายของผู้อื่นอีก และท่านจงจำไว้ ข้าขอสั่งให้ท่านกลับมาอย่างปลอดภัย ห้ามทำข้าเป็นม่าย หรือถูกประหารศพไม่สวยเด็ดขาด ข้าไม่ยอม ถึงเป็นผีก็จะตามไปเอาเรื่องท่านถึงยมโลกแน่ รับปากสิเจ้าคะ”พอขาดคำ เซียวหลงเฉิงก็โน้มริมฝีปากมาแนบกับกลีบปากงามของนางอย่างอ่อนโยน จูบแสนหวานลึกซึ้งแทนคำสัญญาของเขา“ดูแลตัวเองให้ดี รอข้ากลับมานะ”หลินอวี้เหม่ยพยักหน้าเบาๆ ใบหน้างามแดงซ่านเพราะรสจูบวาบหวามของสามี ก้มลงหลบสายตาร้อนแรงประหนึ่งเปลวไฟคู่นั้น แม้ในใจจะยังคงหวั่นไหวอยู่บ้าง แต่เมื่อได้เห็นความมุ่งมั่นในดว
“แม่ทัพใหญ่เซียวหลงเฉิงรับราชโองการ บัดนี้แคว้นเหลียงได้กำเริบเสิบสาน ยกทัพรุกล้ำเข้ามายังชายแดนทิศประจิมของเรา เข่นฆ่าปล้นสะดมชาวบ้านบริเวณชายแดนจนได้รับความเดือดร้อน ฮ่องเต้จึงมีราชโองการให้ท่านแม่ทัพเซียวหลงเฉิงเป็นผู้นำกองกำลังออกไปปราบข้าศึก เพื่อรักษาความสงบสุขของแผ่นดิน หวังว่าท่านแม่ทัพจะทุ่มเทกำลังกาย ใจและสติปัญญาอย่างเต็มที่เพื่อยับยั้งภัยรุกรานและขจัดข้าศึกผู้เป็นศัตรูของแผ่นดินโดยเร็ว จงอย่าให้ข้าศึกใดมีโอกาสย่ำยีดินแดนของเราได้ ขอให้ท่านเร่งออกเดินทางไปยังชายแดนทันที พร้อมนำความสงบสุขกลับคืนสู่ประชาชนภายในเวลาสามเดือนนับจากนี้ จบราชโองการ”“แคว้นเหลียง...” เซียวหลงเฉิงพึมพำ นัยน์ตาสะท้อนความคิดลึกซึ้ง ในใจเขาสงสัยว่าทำไมจู่ๆ ถึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เพราะที่ผ่านมาแคว้นเหลียงแทบไม่เคยมีปัญหากับแคว้นของพวกเขา แต่ด้วยฐานะของแม่ทัพ เขารู้ดีว่าต้องปฏิบัติตามคำสั่ง“ท่านพี่...”หลังจากที่คล้อยหลังทุกคน หลินอวี้เหม่ยก็หันไปสบสายตากับสามีด้วยความเป็นห่วงและกังวลใจ“แผนการของเจ้าดูเหมือนจะได้ผลนะ พวกนั้นเริ่มทนต่อไปไม่ไหวแล้ว” เซียวหลงเฉิงเอ่ยลอดไรฟันเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ในชาติก่อน
“แต่ก่อนหน้านั้นท่านเองก็ถูกตัดสินประหารแล้วด้วยข้อหาก่อกบฏเข้าร่วมกับข้าศึกคิดโค่นล้มบัลลังก์ของฝ่าบาท เพื่อหนีจากโทษประหารหลินซูหนิงก็มาที่จวนสกุลหานเพื่อขอพึ่งพิงข้าในฐานะพี่สาว แล้ววางแผนปีนขึ้นเตียงของหานเจี้ยนจวิ้นจนได้เป็นอนุของเขา เหตุการณ์ในตอนนั้นก็เหมือนกับตอนนี้ เพียงแต่เราได้เปลี่ยนแปลงมันใหม่จนนางทำตามแผนไม่สำเร็จ ข้ายังจำได้ว่าตอนที่หานเจี้ยนจวิ้นได้ความดีความชอบจากเรื่องยับยั้งโรคระบาดเพราะข้าบอกเรื่องยาสมุนไพร จนเขาได้เลื่อนขั้นขึ้นมาแทนที่ตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของท่าน ข้าสงสัยว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวพันกับเรื่องที่ท่านถูกใส่ร้ายว่าเป็นกบฏ” เซียวหลงเฉิงสบถอย่างดุดัน ดวงตาแข็งกร้าว หัวใจเต็มไปด้วยความคุกรุ่นแต่ก็ยังมีความเจ็บปวดแฝงอยู่ลึกๆ เมื่อรู้ถึงสิ่งที่หลินอวี้เหม่ยต้องพบเจอในชาติที่แล้วหลินอวี้เหม่ยเอื้อมมือไปจับแขนของเขาเบาๆ“นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ในปัจจุบันของเรา ข้าต้องการปกป้องท่าน ปกป้องครอบครัวของเรา และไม่ให้คนชั่วเหล่านั้นได้โอกาสทำลายล้างชีวิตของเราได้อีก”เซียวหลงเฉิงพยักหน้า น้ำเสียงของเขานุ่มลงแต่ยังคงแฝงด้วยความมุ่งม