“อ้าว น้องภายังไม่ได้บอกคุณพ่อหรือครับ ว่าขายที่ดินแปลงเล็กให้ฤดีแล้ว ฤดีถึงได้มาอยู่ที่นี่ไงครับ เห็นเขาบอกว่าเขาจะโทร. บอกคุณพ่อนี่ครับ แย่จังครับ นี่ก็พาเพื่อนมาทิ้งไว้ในบ้านร้าง บอกว่าให้อยู่บ้านผมไปก่อน โดยไม่ได้โทร. บอกผมสักคำ โชคดีนะครับที่ผมกลับมา ไม่งั้นป่านนี้ไม่รู้จะอยู่ยังไง หลังคาก็รั่ว ดีไม่ดีหลังคาอาจจะพังมาทับหัวไปแล้วก็ได้”
คีรินรีบตอบทันที โบ้ยเรื่องไปหาน้องสาวบ้าง เพราะอย่างน้อยเรื่องจะได้พ้นตัวเขาไปก่อน ไม่งั้นอาจจะโดนกัณเทศน์จากผู้เป็นบิดาไปอีกยาว ส่วนน้องสาวอยู่ไกลคงไม่ได้รับรู้อะไร
“อ้าว มันขายที่รึ ขายได้ยังไง ใครอนุญาต ตอนแบ่งให้ก็บอกแล้วว่าห้ามเอาไปขาย” ผู้เป็นบิดาทำเสียงขึงขัง
“โธ่ คุณพ่อครับ ที่ดินเรามีตั้งเยอะแยะ แค่สองไร่เราแบ่งขายให้คนที่ไม่มีบ้างก็ได้ครับ ฤดีเขาไม่มีที่ทำกินครับ เขาอยากย้ายออกจากกรุงเทพฯ มาเริ่มต้นชีวิตใหม่ น้องภาคงสงสารเพื่อนน่ะครับ อย่าไปว่าน้องภาเลย เขาคงอยากมีเพื่อนมาอยู่ใกล้ ๆ กัน ถึงยอมขายให้ แถมฤดีก็เป็นเด็กดีนะครับคุณพ่อ ช่วยงานผมได้เยอะเลย” ชายหนุ่มรีบแก้ตัวแทนน้องสาว
“เออ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ย
คีรินออกจากบ้านไปราวสามชั่วโมงได้แล้ว ส่วนเพียงฤดีก็ยังเพลิดเพลินอยู่กับการบรรจุดินใส่ถุงและปลูกพันธุ์ไม้ ในหัวก็คิดคำนวณไปด้วย ว่าจะขายต้นละเท่าไรดี ก่อนจะหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาเพื่อเปิดดูว่าคนอื่นขายราคาเท่าไร แล้วยิ้มแป้นเมื่อเห็นราคา“กระถินเทพาต้นสูงสามสิบเซนติเมตร ต้นละสิบบาท ก็ยังดี ขายทีนึงเป็นสิบเป็นร้อยต้นก็ได้กำไรบ้างละ ต้นพะยอม ต้นยี่สิบเซ็นต้นละสิบบาท หูย แต่พอสูงห้าสิบถึงร้อยเซ็น ต้นนึงเป็นร้อยเลยก็มี” หญิงสาวเปิดดูราคาที่ขายในเว็บชอปปิงออนไลน์ซึ่งมีบริการส่งทางไปรษณีย์ด้วย เห็นแล้วดวงตาก็แพรวพราวขึ้นมาอีกครั้ง ราวกับเห็นเงินกองอยู่ตรงหน้าก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินเสียงรถไม่คุ้นหู เธอเงยหน้าไปมองเห็นรถ SUV สีขาวขับเข้ามาจอดหน้าบ้านเพียงฤดีมองด้วยความประหลาดใจ ใจเธอสั่นเล็กน้อย เพราะคิดว่าบางทีอาจจะเป็นคนรักของคีรินที่มาหาที่นี่เพื่อเซอร์ไพรส์เขาก็เป็นได้ เพราะหากคีรินรู้ว่ามาคงจะไม่ออกไปข้างนอกเป็นแน่ แล้วเธอจะต้อนรับเขาแบบไหนทว่าสิ่งที่เธอเห็นก็คือชายหนุ่มคนหนึ่งที่ลงมาจากฝั่งคนขับรถ ก่อนจะเดินอ้อมมาเปิดประตูฝั่งผู้โดยสารแล้วเห
๙จะไม่ใจร้าย คีรินจอดรถหน้าบ้านหลังใหญ่ที่เด่นตระหง่านอยู่บนเนินเขา ซึ่งล้อมด้วยสวนทุเรียนกว้างใหญ่สุดหูสุดตา เพียงฤดีมองอย่างตื่นตะลึง เธอไม่คิดว่าบ้านของบิดาเขาจะใหญ่โตถึงขั้นนี้ แปลกใจว่าทำไมเขาถึงไม่กลับมาอยู่ที่นี่ ทำไมต้องไปทนอยู่บ้านที่ทิ้งร้างมานานจนหลังคารั่วผนังผุพังอยู่นานเป็นเดือนสองเดือน ตอนแรกที่เขาชวนมา เธอก็ปฏิเสธที่จะมาด้วย เพราะเกรงว่าจะทำให้มารดาของเขาไม่พอใจ ที่เธอมาโดยที่ท่านไม่ได้เอ่ยชวน แต่เขาก็คะยั้นคะยอจนยอมมาด้วย เธอเห็นชลธรเปิดประตูออกมาดู แล้วยิ้มด้วยความดีใจเพียงฤดียกมือไหว้ เขารับไหว้แล้วยิ้มให้ แต่ยังไม่ทันได้ทักทายเธอ เสียงของคีรินก็ดังขึ้นเสียก่อน “ว้าว บ้านเสร็จแล้วใหญ่โตเลยนะครับพี่ชล เห็นแต่ในรูปไม่คิดว่าของจริงจะหลังใหญ่ขนาดนี้” คีรินเอ่ยกับพี่ชายเมื่อเห็นชลธรเ
สายชลนั่งห้อยขาอยู่บนแคร่ไม้ มือข้างหนึ่งก็ตำน้ำพริกที่อยู่ในครกหิน ซึ่งใช้ผ้าพับจนหนารองครกไว้ไม่ให้กระแทกเสียงดังนัก เป็นภาพจำที่เขาเห็นมาตั้งแต่เด็กเช่นกัน เขาไม่ได้กลับบ้านมาร่วมสามสี่ปีแล้ว ตั้งแต่ช่วงโควิดระบาดที่ผ่านมาก็ไม่ได้กลับมาอีกก่อนหน้านี้เขาพานิรามากราบท่าน แต่ตอนนั้นยังเป็นบ้านครึ่งตึกครึ่งไม้หลังเก่า ไม่ได้หลังใหญ่โตเช่นนี้ แต่ก็เป็นบ้านที่อาศัยอยู่ได้อย่างสบาย เพราะบิดาของตนก็ไม่ได้สร้างหลังเล็กนัก มีห้องพักส่วนตัวไว้ให้กับลูกทุกคนได้อยู่อย่างสะดวกสบายแต่เขาก็ไม่ได้นอนค้างที่บ้าน เพราะนิราอยากไปพักโรงแรมซึ่งมีความสะดวกสะบายมากกว่า เขาไม่อยากขัดใจให้ทะเลาะกัน จึงต้องพาเธอไปพักที่โรงแรมตามที่หญิงสาวต้องการคีรินเดินเข้าไปนั่งคุกเข่าข้างแคร่แล้วกอดเอวผู้เป็นมารดา“ทำอะไรอยู่ครับ คุณสายชล คิดถึงจัง”“อย่ามาอ้อร้อกับแม่ คิดถงคิดถึงอะไร กลับมาตั้งนานแล้วไม่ยอมมาหา” ผู้เป็นมารดาเอ่ยเสียงสะบัด มือก็ตำน้ำพริกทำเป็นไม่สนใจลูกชาย“โอ๊ย แม่อย่าโกรธเลยนะครับ ผมผิดไปแล้วจริง ๆ มัวแต่คิดว่าซ่อมบ้านให้เสร็จ เลยเร่งทำงานจนลืมวันลืมคืน แป๊
“เดี๋ยวฤดีช่วยค่ะ” เธอเดินไปยังโต๊ะที่วางหม้อไว้หลายใบ แล้วหยิบจานชามมาตักอาหารใส่“โอ้โห แม่ทำกับข้าวเป็นสิบอย่างเลย กินยังไงหมดครับแม่” คีรินเปิดหม้อแกงหลายใบกับอาหารที่ตักใส่จานไว้ก่อนแล้ว ผู้เป็นมารดามองค้อนก่อนว่า“ถ้าจะให้แม่หายโกรธก็ต้องกินให้หมดนั่นแหละ”“ผมจะไม่ทำให้แม่ผิดหวังเลยครับ” คีรินกล่าวยิ้ม ๆ ก่อนจะช่วยตักแกงใส่ถาดจนเต็มแล้วบอกกับเพียงฤดีว่า“เราตักกับข้าวที่เหลือใส่ถ้วยไว้ให้ครบนะ เดี๋ยวพี่กลับมายก”“ค่ะ พี่คีริน แต่เดี๋ยวฤดียกไปเองก็ได้ค่ะ ถาดยังมีอีกใบ” หญิงสาวตอบ“ไม่เอา มันหนัก เดี๋ยวพี่กลับมายกเอง เราแค่ตักก็พอ” ว่าแล้วก็รีบยกถาดอาหารไปยังโต๊ะไม้กว้างใหญ่ริมระเบียงบ้าน ที่เขาเห็นก่อนจะเข้าไปในบ้านเมื่อสักครู่นี้ หยิบอาหารทั้งหมดออกจากถาดวางไว้บนโต๊ะขณะที่เห็นชลธรกับบิดากำลังยืนคุยกันอยู่ด้านนอก มือไม้ก็ชี้เข้าไปในสวนเหมือนวางแผนจะทำอะไรในสวนกันอยู่ ด้วยบ้านอยู่บนเนินสูงทำให้เห็นพื้นที่สวนโดยรอบทั้งหมดซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำกว่า เขาจึงตะโกนเรียก“พ่อครับ พี่ชล กับข้าวเสร็จแล้วครับ” ทั้งสองเดินเข้ามา ส่วนเขาเด
“กินน้ำจิ้มด้วยสิ แม่ทำอร่อยมาก” เขาตักน้ำจิ้มราดใส่ขาหมูให้“นายตักขาหมูให้เขากิน ไม่กลัวว่าฤดีจะกลัวอ้วนเหรอ” ชลธรถาม“ฤดีชอบกินขาหมู เขาทำงานหนักทุกวัน กลัวแต่จะผอมสิไม่ว่า นี่ก็ดูผอมซูบลงตั้งเยอะ เอาแต่ทำงานกินข้าวเป็นแมวดมทุกวัน” คนเป็นน้องชายว่า“งั้นฤดีกินเยอะ ๆ นะ ฝีมือแม่พี่อร่อยทุกอย่าง ถ้าอยากกินอีกเมื่อไร ก็โทร. มาบอกได้เลย พี่จะไปรับมากินข้าวที่นี่” ชลธรว่า“ผมพามาเองก็ได้ พี่ชลไม่ต้องลำบากหรอก” คนเป็นน้องชายโพล่งออกมาอย่างลืมตัว“เอ่อ ผมหมายถึง ยังไงผมก็ต้องมากินข้าวกับแม่บ่อย ๆ อยู่แล้ว” คีรินรีบแก้ตัวเมื่อรู้ว่าเผลอพูดกันท่าพี่ชายออกไป“อ้อ งั้นเหรอ ก็ดีนะ ฤดีจะได้คุ้นเคยกับที่นี่เร็ว ๆ” ชลธรว่า“หนูฤดีนี่แกงจืดหน่อไม้หวานกับกระดูกหมูอ่อน แม่ตุ๋นมาตั้งแต่เช้าแล้ว นิ่มเชียว ลองกินสิจ๊ะ” สายชลเห็นบุตรชายแย่งกันเอาใจหญิงสาวแล้วก็กลัวว่าสาวน้อยจะอึดอัด เลยดึงตัวมาดูแลเสียเอง เพราะดูท่าแล้ว ลูกชายสองคนของเธอน่าจะถูกใจเพื่อนน้องสาว จนแทบจะแย่งกันเองอยู่แล้ว“ค่ะแม่ หน่อไม้หวานจริง ๆ ด้วยค่ะ น้ำซุปก็หอมหวาน กลมกล่อมมาก
๑๐อยากรวยเอง คีรินเงยหน้ามองบ้านชั้นบนที่เขารีโนเวทเสร็จแล้ว โดยใช้ไม้ที่มีในสวนเป็นส่วนใหญ่ในการปรับปรุงครั้งนี้ ตอนนี้มันดูสวยงามแปลกตาและทันสมัยขึ้นมาก แม้จะอยู่ภายใต้โครงสร้างเดิม แต่เขาต่อเติมส่วนที่จำเป็นต้องใช้งานไปอีกหลายจุด อย่างเช่นระเบียงด้านหน้าที่ต่อเติมออกมาอย่างกว้างขวางด้วยไม้พะยอม ซึ่งผ่านการอบและใช้น้ำยากันมอดกันปลวกอย่างดี ทำให้ทนทานต่อการใช้งานไปอีกนานหลายปี ด้านบนระเบียงมีชุดโซฟาและโต๊ะเก้าอี้สำหรับนั่งเล่นรับลม และชมวิวทิวเขารอบบริเวณนี้ ไหนจะชั้นล่างที่ทุบผนังปูนขยายพื้นที่ไปด้านข้างเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้มากขึ้นแล้วติดกระจก ส่วนด้านในชั้นบนเขาก็ตกแต่งห้องภายในโดยการใช้กระถินเทพาบุผนังให้มีความสวยงามขึ้น ไม่ได้โชว์โครงไม้จนดูไม่สบายตาเหมือนเมื่อก่อน ไม่ว่าจะเป็นห้องนอนของบิดามารด
ขณะที่คีรินซึ่งกำลังขับรถกลับบ้าน เขาหันไปมองหญิงสาวที่นั่งเหม่อมองออกไปนอกรถมาครู่ใหญ่แล้ว จึงอดที่จะถามไม่ได้“เป็นอะไรหรือเราน่ะ หืม นั่งเงียบเชียว”“เอ่อ เปล่าค่ะ แค่อิจฉาพี่คีรินน่ะค่ะ ที่มีพ่อแม่ใจดี มีครอบครัวอบอุ่น เพราะมีครอบครัวแบบนี้สินะคะ พี่คีรินถึงได้เป็นคนใจดี” หญิงสาวตอบเสียงเบา น้ำเสียงเรียบ ๆ แต่ปนความรู้สึกเงียบเหงาอยู่ในถ้อยคำ“เป็นคนใจดีมากมันก็ไม่ดีเท่าไรหรอกนะ มันถูกเอาเปรียบง่าย ยิ่งใจดีไม่ถูกคน เขาก็คิดว่าเราอ่อนแอ จ้องแต่จะเอาเปรียบเรา ไม่เกรงใจเรา ไม่เห็นคุณค่าในสิ่งที่เราทำเพื่อเขา” พูดแล้วเขาก็อดนึกถึงตัวเองไม่ได้ ที่ใจดีและให้ความรักกับนิราไปอย่างมากมาย ให้ทุกอย่างกับเธอ ให้จนตัวเองไม่เหลืออะไรอาจจะเป็นเพราะบิดาของเขาให้ความรักความเอาใจใส่มารดาของเขามาตลอด ให้มารดาดูแลทุกอย่างที่เป็นทรัพย์สินของท่าน ไม่ว่าจะเป็นเงินทองของมีค่าใด ท่านก็มอบให้อยู่ในการดูแลของมารดาท่านบอกว่าเงินทองให้เมียดูแลปลอดภัยกว่าเก็บไว้เอง ใครหยิบยืมก็อ้างได้ว่าอยู่กับเมีย และท่านทั้งสองก็รักกันดี ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน มารดาของเขา
เพียงฤดียืนมองครัวนอกบ้านแสนน่ารักที่เพิ่งทำเสร็จ แล้วยิ้มอย่างมีความสุข เธอแอบดูแล้วว่าคีรินสร้างมันอย่างไร ถึงได้ออกมาสวยงามน่ารัก น่าใช้งาน มันไม่ยากเท่าไร เขาแค่ทำพื้นที่ให้เรียบ แล้วใช้อิฐแดงก่อขึ้นเป็นเคาน์เตอร์ เอาแผ่นโฟมมาทำแบบเพื่อหล่อเป็นช่องสำหรับทำเป็นเตาอบได้ด้วยแถมยังทำช่องเป็นเตาถ่านสำหรับปิ้งย่าง มีพื้นที่วางเตาไฟฟ้าได้ มีอ่างล้างจาน เขาฉาบเรียบแล้วปูแผ่นกระเบื้องแกรนิตโต้สีดำ มีหลังคากันฝน ถ้าเธอมีแบบนี้ที่บ้านหลังน้อยบ้าง นภดลน้องชายของเธอต้องชอบมากแน่ ๆ เพราะขานั้นชอบกินของปิ้งย่าง คิดแล้วเธอก็อยากให้น้องชายมาอยู่ด้วยเร็ว ๆ เสียแล้วสิ เสียแต่ว่าตอนนี้ยังเรียนมหาวิทยาลัยเทอมสุดท้ายอยู่ แต่เชื่อว่าถ้าเรียนจบ นภดลน่าจะอยากมาอยู่กับเธอมากกว่าอยู่กับพี่ชายแค่คิดถึงน้องชายเสียงสมาร์ตโฟนก็ดังขึ้นและเป็นน้องชายของเธอที่โทร. เข้ามาพอดี วันนี้เธอลืมปิดสมาร์ตโฟน นภดลถึงได้ติดต่อมาได้“พี่ฤดีเหรอ โอ๊ย ได้ยินเสียงสักที ติดต่อพี่ยากจัง” นภดลโอดครวญมา“ทำไมแม็กซ์ ตังค์ที่โอนให้หมดอีกแล้วหรือไง”“แหม นั่นก็ด้วยแหละ แต่คิดถึงไม
ใบหน้าของเขาก็อยู่ในตำแหน่งที่ดูดี เหมือนกับเขารู้ว่าต้องจับภาพมุมไหนให้เห็นภาพใบหน้าของเขาในมุมที่ดูดีที่สุด ท่าทางของเขาเหมือนนักแสดงมืออาชีพ ที่ดูแล้วเพลินตาไม่ติดขัด น้ำเสียงที่เขาแนะนำการทำงานเป็นขั้นตอนนั้น ดูเรียบ ๆ แต่นุ่มทุ้มน่าฟังมิน่าเล่าช่องของเขาถึงมียอดติดตามเร็วกว่าช่องไก่กาของเธออย่างมาก เพราะภาพสวยสะดุดตาและเพลิดเพลินในการรับชม แถมคนดูยังได้ความรู้เพิ่มอีกด้วย เพราะก่อนที่เขาจะเริ่มต้นทำอะไร เขาจะเอาภาพที่ออกแบบปริ๊นต์ลงกระดาษแล้ว นำมาถ่ายลงในวีดีโอให้เห็นก่อน ว่าเขามีการวัดขนาดพื้นที่หรือ ชิ้นส่วนต่าง ๆ ของไม้แต่ละชิ้นนั้นขนาดเท่าไรก่อนจะเริ่มทำวัดขนาดการเข้ามุมเข้าฉากกี่องศา การลาดเอียงเท่าไร หรือต้องใช้เครื่องมือใดในการทำงานเพื่อให้ได้ผลลัพท์อย่างที่เห็นในคลิป ทุกอย่างเป็นขั้นตอนชัดเจน พร้อมบอกเทคนิคในการทำงานไปด้วยอย่างคนที่มีความรู้ด้านนี้โดยเฉพาะ เป็นการแบ่งปันให้กับคนที่อยากนำกลับไปทำกับบ้านของตัวเองได้โดยไม่ต้องจ้างช่าง ก็ยิ่งทำให้มีผู้เข้ามาติดตามเป็นจำนวนมากตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกว่าการเรียกค่าจ้างสามสิบเปอร์เซ็นต์น่าจะแพงไปสักหน่อย เพ
๑๓ยกเสาเอก เพียงฤดีนั่งน้ำตาซึมอยู่หน้าโต๊ะหมู่บูชา มองพระกำลังทำพิธีการยกเสาเอก ซึ่งตอนนี้ท่านกำลังพรมน้ำมนต์และโปรยทรายเสกลงไปที่หลุมเสาเอก พร้อมกับเจิมและปิดทองเสาเอกซึ่งผูกผ้าสามสี หน่อกล้วยและอ้อยเอาไว้ซึ่งคีรินช่วยจัดเตรียมของมงคลทั้งหลายสำหรับใช้ในการประกอบพิธีอย่างไม่บกพร่อง ไม่ว่าจะเป็น หน่อกล้วย อ้อย ผ้าสามสี ไหนจะข้าวตอก ดอกไม้ แป้งหอม แผ่นทอง แผ่นนาก แผ่นเงินและเหรียญเงินสำหรับใส่ลงไปในหลุมเสาเอก และอื่น ๆ อีกหลายอย่างเธอไม่คิดว่าบ้านของเธอจะได้รับการทำพิธีอันเป็นมงคลเช่นนี้ แม้คีรินจะบอกว่าเป็นการทำพิธีเล็ก ๆ ทำเพื่อเป็นสิริมงคลและเพื่อความสบายใจสำหรับเจ้าของบ้านและผู้อยู่อาศัย ไม่ได้ใหญ่โตหรือจัดแบบเต็มพิธีเท่าไรนัก แต่สำหรับเธอกลับรู้สึกว่ามันสมบูรณ์แบบมากทีเดียว ไม่คิดไม่ฝันว่าการเริ่มต้นมีบ้านหลังนี้จะเริ่มต้นอย่างดีงามเช่นนี้หลังจากพิธีเสร็จสิ้นลง คีรินขับรถไปส่งพระสงฆ์ที่นิมนต์มา ส่วนเธอยังคงยืนมองเสาเอกน้ำต
ภาพหญิงสาวร่างบอบบางตรงหน้าที่กำลังยืนหันหลัง ทำกับข้าวอยู่หน้าเตาทำให้คีรินอดไม่ได้ที่จะยืนมองอย่างอุ่นใจ วันนี้เธอใส่เดรสยาวที่เขาซื้อให้ รูปร่างของเธอบอบบางแต่สมส่วน ผิวพรรณขาวเนียนแม้ว่าจะทำงานตากแดดบ้างแต่ก็ไม่ได้ดำคล้ำลงแต่อย่างใด เธอรวบผมสูงแบบง่าย ๆ โชว์ลำคอระหง ท่าทางทำอาหารอย่างทะมัดทะแมงนั้นดึงดูดสายตา ดูออกว่าเธอคงทำมันมานานจนชำนาญ เขาอดไม่ได้ที่จะเข้าไปยืนใกล้ ๆ แล้วชะโงกหน้าถามผ่านไหล่ของเธอว่า “ทำอะไรให้พี่กิน หืม” เสียงนุ่มทุ้มที่อยู่ด้านหลังทำให้เธอหันไปมองทันที และจมูกของเธอก็ปะทะกับใบหน้าของเขาที่ชะโงกลงมาพอดี “อุ๊ย!” เธอร้องเบา ๆ อย่างตกใจ แก้มแดงเรื่อขึ้นมาอย่างฉับพลัน ที่รู้ว่าเมื่อครู่นี้จมูกของเธอชนเข้าอย่างจังกับใบหน้าหล่อเหลาของเขา ขณะที่ชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังมองคนตรงหน้าด้วยดวงตากรุ้มกริ่ม รอยยิ้ม
๑๒เริ่มต้นใหม่กับใครสักคน เพียงฤดีมองห้องครัวที่ตกแต่งใหม่เรียบร้อยแล้ว ดูทันสมัยสวยงาม มีอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวครบครัน ตกแต่งโทนขาวสลับกับใช้ไม้ในการทำเครื่องครัวและชั้นวางต่าง ๆ ทั้งหมดส่วนท็อปของเคาน์เตอร์ปูด้วยไม้แผ่นใหญ่โดยไม่มีรอยต่อ ให้ลวดลายไม้ที่สวยงามสีน้ำตาลทองขัดเงาวาววับ รู้สึกถึงความอบอุ่นแต่หรูหรา มันเหมือนกับที่เธอเห็นในนิตยสารบ้านและสวนที่ชอบซื้อมาอ่าน “ชอบไหม ครัวแบบนี้” เสียงทุ้มถามอยู่ข้างหลัง “ชอบสิคะ ชอบมากเลยค่ะ สวยเหมือนในหนังสือเลยนะคะ มีเครื่องดูดควันด้วย มีชั้นวางของเยอะแยะไปหมด จะหยิบจะจับอะไรก็สะดวกไปหมดเลยค่ะ” เธอเลื่อนลิ้นชักและเปิดดูชั้นวางต่าง ๆ ที่เคาน์เตอร์แล้วหันมายิ้มกว้างอย่างสดใส เขาชอบรอยยิ้มซื่อ ๆ ที่ออกมาจากใจเช่นนี้เหลือเกิน&nbs
เพียงฤดีก้าวเท้าลงจากรถหลังจากที่เขาขับมาจอดที่หน้าบ้าน วันนี้ภายในบ้านเงียบสงบ เพราะเขาไม่อยู่บ้าน เลยไม่ได้ให้ช่างเข้ามาทำงาน เพียงฤดีกำลังจะเดินไปเปิดประตูบ้าน ส่วนเขาเอื้อมมือไปที่เบาะหลังรถแล้วหยิบถุงกระดาษสองถุงออกมาด้วยหญิงสาวไขกุญแจบ้านเข้าไปตามปกติ เธอกำลังจะเข้าห้องนอนของตัวเอง ทว่าได้ยินเสียงของคีรินเรียกไว้ จึงหันกลับไปมอง เขายื่นถุงกระดาษสองถุงให้กับเธอ แล้วเอ่ยว่า“พี่ซื้อให้เรา”“ซื้อให้ฤดี อะไรหรือคะ” หญิงสาวรับมาแล้วเปิดดูเห็นชุดที่เธอยืนมองอยู่ที่ร้านขายเสื้อผ้า และยังมีชุดอื่นอีกสองสามชุด“ซื้อให้ทำไมเหรอคะ ฤดีบอกแล้วไงคะว่าทำงานสวนคงไม่ได้ใส่ชุดนี้ เสียดายเงินออกค่ะพี่คีริน ชุดนึงตั้งเป็นพัน”“แล้วเราชอบหรือเปล่าล่ะ ถ้าเราชอบพี่ก็ไม่เสียดายหรอก”“ชอบค่ะ ว่าแต่ฤดีติดหนี้พี่คีรินเยอะแยะไปหมดแล้วค่ะ จะหาเงินที่ไหนไปใช้หนี้ให้ล่ะคะ ไม้สร้างบ้านหลังนั้นก็ราคาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ฤดีทำงานทั้งปียังมีไม่พอซื้อเลยค่ะ นี่แค่สองเดือนพี่คีรินก็ให้ไม้ฤดีไปทำบ้านตั้ง
“เอ่อ พอดีมีปัญหากันนิดหน่อย เขาขอห่างกับพี่สักพัก พี่ก็เลยกลับมาบ้านนี่แหละ แล้วพี่นิราเขาเป็นยังไงบ้างล่ะ” เขาถามกลับไป ด้วยไม่อยากจะโทร. ไปถามหรือส่งข้อความไปอีกแล้ว เพราะหลังจากที่นิราไม่ตอบข้อความและไม่โทร. กลับเขาอีก เขาก็ตั้งใจว่าจะตัดใจไม่รับรู้เรื่องของเธอไปอีกสักพัก“ก็ไม่รู้สิ แต่ผมว่าถ้าพี่ตัดใจได้ก็ตัดใจเถอะ อย่าว่าผมขี้เสือกเลยนะพี่ แต่ผมทนไม่ได้จริง ๆ สงสารพี่ พี่นิราเขาน่าจะมีคนอื่นมาสักพักแล้วละ ไม่ใช่คนเดียวด้วย แต่ประมาณสองสามคนน่ะ ทำใจเถอะนะพี่ พี่อย่าบอกใครว่ารู้จากผมนะพี่ เพราะผมก็ยังต้องทำงานกับเขา แต่ผมอดใจไม่ไหวแล้วจริง ๆ เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมส่งหลักฐานให้พี่ก็แล้วกัน นี่เป็นคลิปก่อนที่พี่จะไปต่างจังหวัดเป็นเดือนเลยนะ พี่จะตัดสินใจยังไงก็แล้วแต่พี่ก็แล้วกัน แค่นี้นะพี่”คีรินวางสายลง ใบหน้าชาวาบเหมือนโดนตบอย่างแรง ในอกเสียวแปลบ เมื่อได้ยินเรื่องที่ลูกน้องคนสนิทโทร. มาบอก เขาพยายามคิดว่าที่เธอขอห่างกันเพราะโกรธ หงุดหงิด และอาจจะเครียดที่ทำให้เงินของเขาหายไปหมดบัญชีเลยอยากหาทางออกที่ไม่ต้องทะเลาะกัน ด้วยการขออยู่ห่างกันสักพักเพื่อจะได้มีเวลาคิดและทำ
๑๑อิสระแล้ว คีรินขับรถพาเพียงฤดีไปซื้อวัสดุก่อสร้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการเริ่มต้นทำบ้าน ซึ่งเขามาคนเดียวได้ แต่อยากพาออกมาเปิดหูเปิดตา เพราะอยู่แต่ในไร่ในสวนมานาน อยากพาออกมาหาของกินของใช้แบบที่เธอชอบบ้าง เขาเห็นหญิงสาวกดดูคลิปในช่องยูทูปแล้วร้องเสียงดังออกมา “กรี๊ดดด พี่คีริน จอด ๆ จอดรถก่อน” ชายหนุ่มรีบเบรกรถอย่างเร็ว “หือ มีอะไร” เขาถามขณะที่ขับรถไปแอบข้างทาง “พี่คีรินดูสิคะ พี่คีรินดูอะไรนี่เร็ว” “ไหนพี่ขอดูซิ เกิดอะไรขึ้น ร้องซะเสียงดังพี่ตกใจหมด” เขายื่นมือไปขอสมาร์ตโฟนไปดู&
คีรินจอดรถบนถนนลูกรังซึ่งอยู่ด้านหน้าที่ดินแปลงที่น้องสาวขายให้กับเพียงฤดี เขาเห็นกอไผ่ท้ายสวนสั่นไหวด้วยแรงกระแทกของอะไรบางอย่าง จนอดนิ่งมองไม่ได้ กระทั่งเห็นว่ามันโค่นล้มลงมา“เฮ้ย ใครทำอะไรน่ะ” ชายหนุ่มพึมพำแล้วลงจากรถ เดินตรงไปยังกอไผ่ เห็นไม้ไผ่หลายต้นถูกลากมากองไว้ตรงที่โล่ง ก่อนจะเห็นเพียงฤดีลากไม้ไผ่อีกต้นหนึ่งออกมาจากกอไผ่“ทำอะไรน่ะ”“โอ๊ย” เสียงทุ้มที่เอ่ยถามทำให้หญิงสาวที่กำลังกระชากไม้ไผ่ถูลู่ถูกังออกมาถึงกับตกใจลื่นลงกระแทกกับพื้น จนชายหนุ่มต้องเข้ามาพยุง“เราเป็นอะไร ตัดไม้ไผ่ทำไมเยอะแยะ”“ก็ฤดีจะทำบ้านไงคะ” ตอบพลางก้มลงลากไม้ไผ่“ทำบ้าน! กับไม้ไผ่เนี่ยนะ”“ค่ะ ก็ฤดีเงินไม่พอที่จะทำบ้านไม้บ้านปูนนี่คะ เอาบ้านไม้ไผ่ไปก่อนก็ได้ค่ะ มีเงินแล้วค่อยสร้างบ้านดี ๆ ถ้าไม่เริ่มสร้างก็ไม่มีบ้านสักที”“โธ่เอ๋ย พี่ก็บอกแล้วไงว่าพี่จะช่วยสร้างให้ก็ไม่ยอมเชื่อ”“ฤดีเชื่อค่ะว่าพี่คีรินช่วยสร้างให้ได้ แต่จะช่วยยังไงคะ ฤดีมีเงินไม่พอจะไปซื้อวัสดุก่อสร้างหรอกค่ะ ฤดีเห็นตอนพี่คีรินไปซื้อมันแพงมากเลย ของนิดเดี
เพียงฤดีคุยกับน้องชายเสร็จก็เดินไปยังที่ดินสองไร่กว่า ๆ ของตัวเอง เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับมันดี คำนวณรายรับรายจ่ายแล้วก็ยังไม่สามารถจะเริ่มต้นซื้ออุปกรณ์ก่อสร้างใด ๆ มาเริ่มทำบ้านในสวนของตัวเองได้เลยส่วนเดือนนี้ยอดขายนิยายก็ลดลงกว่าเดือนก่อน เพราะหากไม่มีเล่มใหม่วางขาย ยอดขายเล่มเก่าก็จะลดลงเรื่อย ๆหากช่วงปิดเทอมน้องชายทนอยู่บ้านเดียวกับแฟนพี่ชายไม่ไหว และต้องการมาหาเธอที่นี่ เธอจะเอาบ้านที่ไหนให้เขาพัก แถมบอกน้องชายไปแล้วด้วยว่าช่วงปิดเทอมจะสร้างบ้านเสร็จ เธอจะให้น้องอยู่บ้านเพื่อนตลอดช่วงปิดเทอมก็เกรงใจผู้ปกครองของเพื่อนที่ต้องไปรบกวนเขาหรือถ้าหากว่าคนรักของคีรินมาหาเขา เธอจะไปพักที่ไหนกัน ขืนเธออยู่ที่บ้านเขาต่อไป คนรักของเขาต้องไม่สบายใจแน่ ๆ เพราะทั้งชลธร และบิดามารดาของเขา ก็ถามย้ำเรื่องการแต่งงานระหว่างเขากับคนรักอยู่บ่อยครั้ง เธอจะอยู่บ้านเขาต่อไปก็น่าเกลียด อาจจะเป็นที่ครหาของคนอื่นก็ได้ เพราะคีรินไม่ใช่ผู้ชายโสด และเธอก็เป็นผู้หญิง ไม่ได้เป็นญาติกับเขาด้วยซ้ำหญิงสาวหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมา แล้วเปิดแอปพลิเคชันสำหรับจดบันทึก เธอเ