๑๖
หุ้นส่วน
ในห้องประชุมบรรยากาศการประชุมมีความจริงจัง ไม่ใช่การพูดคุยสนุกสนานเหมือนกับวันแรกที่มาถึง เพียงฤดีเห็นการทำงานของทุกคน ที่พูดคุยเรื่องงานที่คีรินเพิ่งจะรับมา โดยที่คีรินมีการแจกจ่ายงานให้แต่ละคนรับผิดชอบไปตามความถนัดของตน
“เอาเป็นว่างานที่ผมรับมาก็ไม่ได้ยากเกินไปใช่ไหมครับ อันนี้ผมออกแบบไว้ตามนี้ รบกวนพี่เทพกับพี่ณัฐคำนวณโครงสร้างและต้นทุนต่าง ๆ ให้ผมหน่อยนะครับ”
“เอาเถอะ อาคารหอประชุมขนาดนี้ พี่ทำมาหลายอาคารแล้ว เดี๋ยวพี่ดูให้ ขอบใจนะที่ส่งงานให้พี่ เดี๋ยวเรื่องสัญญาก็ร่างส่งมาแล้วกัน ตอนนี้บริษัทพี่เริ่มอยู่ตัวแล้ว ถึงเล็ก ๆ แต่ทีมงานคุณภาพแน่นอน” เทพดนัยเอ่ยอย่างมั่นใจ
&nb
“กูก็ห้าหมื่นแล้วกัน แหะ ๆ แอบเมียมาลงทุน ขืนเอาเงินออกจากบัญชีทีละเยอะเดี๋ยวเมียด่า” ณัฐพลว่า“ผมก็สักห้าหมื่นเท่าบุ๋มแล้วกันพี่ พอดีกำลังจะจัดงานแต่ง รถก็ต้องผ่อน ต้องใช้เงินเยอะ กลัวพลาด” นับหนึ่งยิ้มเก้อ ๆ“แล้วมึงล่ะไอ้เป้ มีสองร้อยก็ลงสองร้อยได้ อ้ำอึ้งอะไรอยู่ สองร้อยมึงได้ตั้งยี่สิบหุ้นนะมึง หุ้นละสิบบาท” ณัฐพลหันไปยังปรัชญา“แหมพี่ จะเร่งทำไม ผมคำนวณอยู่”“คำนวณอะไร กลัวไม่มีค่าเหล้าหรือไง”“ผมจริงจังมากพี่เรื่องนี้ ผมลงแสนห้าแล้วกันจะได้ครบ” ปรัชญาว่า“เฮ้ย มึงเอาเงินจากไหนมาตั้งแสนห้าวะ” ณัฐพลตาโต“ยืมเงินพอร์ตเกษียณมานิดหน่อยน่ะพี่ เดี๋ยวค่อยหาเงินไปคืน แต่งานนี้ผมตั้งใจจริง ๆ นะพี่ จะอยู่ช่วยพี่คีทำงานที่นี่เลย สองแรงช่วยกันเราต้องรอดใช่ไหมพี่ บอกตรง ๆ ผมไม่อยากอยู่เคว้งคว้างแบบไม่มีงานทำ เลยเอาเงินมาลงทุนทำกับพี่คีดีกว่า โอกาสรอดมีสูงกว่าทำคนเดียว” ปรัชญาว่า“พอร์ตเกษียณอะไรของมึงวะ” ณัฐพลถามอึ้ง ๆ“อ้าว ก็ผมเก็บเงินใส่บัญชีไว้ใช้ตอนแก่เป็นพอร์ตเกษียณไง บางส่วนก็เอาไปลงทุนหุ้นบ้างไรบ้าง บางส่วนก็เก็บไ
“งั้นเป้นายไปตระเวนดูสวนกับพี่ก่อน ว่าจะเริ่มวางแผนยังไงดี พี่ออกแบบไว้คร่าว ๆ แล้วละ ว่าจะสร้างรีสอร์ตยังไง บ้านแต่ละหลังจะสร้างตรงไหน เราเดินไปคุยไปก็แล้วกัน ฤดีจะไปเดินเล่นกับพี่ไหมครับ” บอกกับปรัชญาก่อนจะหันมาชวนหญิงสาวไปด้วยกัน“เอ่อ พี่คีรินไปกับพี่เป้เถอะค่ะ เดี๋ยวฤดีจะเตรียมเอกสารจดทะเบียนบริษัทให้เสร็จ พรุ่งนี้จะได้ไปจดทะเบียนให้เรียบร้อยค่ะ”“จ้ะ แต่ถ้าทำเสร็จแล้วก็ตามมานะครับ พี่พกโทรศัพท์ไปด้วย มีอะไรก็โทร. หานะ พี่เดินอยู่แถว ๆ ในไร่เรานี่แหละ ไม่ไปไหนไกลหรอก” บอกราวกับจะห่างกันนาน“ค่ะ เดี๋ยวถ้าฤดีทำเสร็จเร็วจะตามไปค่ะ”“พี่ขอบคุณมากนะครับ วันนี้ฤดีน่ารักที่สุด ช่วยงานพี่ได้ดีมาก ๆ”ว่าพลางดึงร่างเล็กมาซบอก มองตาหวานฉ่ำบอกว่า“พี่รักฤดีนะ รักมากด้วย”“เอ่อ พี่คีรินคะ” หญิงสาวปรามแก้มแดงเรื่อ ที่เขาแสดงออกและบอกรักเธอต่อหน้าปรัชญาอย่างไม่นึกเขินอายสักนิด“หืม มีอะไร” เขาเลิกคิ้วถาม“ไปเถอะค่ะ พี่เป้รออยู่ เรื่องนี้เดี๋ยวค่อยบอกก็ได้” เธออ้อมแอ้มตอบ พลางดันตัวเขาออกห่าง ชายหนุ่มมองท่าทางเขินอายนั้นแล้วยิ้มอย่
๑ทางที่ต้องเลือก เพียงฤดีหญิงสาวร่างบอบบาง นั่งร้องไห้ร่างกายสั่นเทาอยู่ต่อหน้านภาธรเพื่อนสาวคนสนิท เธอลูบแขนเขียวช้ำที่เพิ่งผ่านเรื่องร้าย ๆ มา ภาพในหัววนเวียนอยู่กับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อตอนเย็นที่ผ่านมามารดาโทร. เรียกให้เธอรีบกลับบ้าน บอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย ทั้ง ๆ ที่เธอจะตั้งใจจะทำโอที หลังจากกลับไปบ้าน ท่านก็บ่นเรื่องเธอกลับช้า ก่อนจะขอเงินหนึ่งหมื่นบาทเป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน ซึ่งเธอต้องให้ท่านทุกเดือนอยู่แล้ว แต่ขอเพิ่มอีกห้าพันบาทช่วยจ่ายค่าผ่อนรถให้กับเอกกมลผู้เป็นพี่ชายคนโต ‘แม่คะ แล้วเงินเดือนพี่ท็อปไปไหนหมดล่ะคะ ถ้าเอาไปหมื่นห้าแล้วฤดีจะเอาเงินที่ไหนใช้จ่ายจนกว่าจะสิ้นเดือนล่ะคะ เงินเดือนฤดีแค่สองหมื่นห้าเอง ไหนยังจะต้องให้เงินแม็กซ์ไปมหา’ลัยอีก’ หญิงสาวท้วงเพราะเธอต้องจ่ายเงินค่าใช้จ่ายภายในบ้านให้มารดาหนึ่งหมื่นบาททุกเดือน จะเหลือหนึ่งหมื่นห้าพันบาทไว้ใช้จ่ายส่วนตัวและเป็นเงินที่ต้องจ่ายให้กับนภดลหรือแม็กซ์ผู้เป็นน้องชายที่ยังเรียนมหาวิทยาลัยสัปดาห์ละหนึ่งพันบาท ก่อนจะเจียดเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้เป็นเงินเก็บส่วนหนึ่ง ซึ่งเธอเองแทบจะไม่พอใช้อยู่แล้ว
“ไม่ ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอก ถ้าฉันยังอยู่พวกเขาก็ต้องตามเจอ ฉันอายุตั้งยี่สิบหกแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย แกยังซื้อคอนโดฯ ซื้อรถได้แล้ว แต่ฉันยังไม่มีอะไรสักอย่าง ฉันอยากไปอยู่ต่างจังหวัด อยากไปที่ไกล ๆ ที่ใครก็ตามหาฉันไม่เจอ” “อ้าว แล้วแกจะทำอะไรกิน จะไปหางานทำต่างจังหวัดเนี่ยนะ” “เปล่า ฉันมีงานของฉันอยู่แล้วแกไม่ต้องห่วงหรอก ขอแค่มีไฟฟ้า มีอินเทอร์เน็ตฉันก็ทำงานได้” “เอาจริงดิ แล้วแกทำงานอะไร งานที่บริษัทแกเขาให้ทำออนไลน์ได้เหรอ” นภาธรเอ่ยถึงตำแหน่งงานพนักงานบัญชีของเพื่อน ซึ่งบริษัทอยู่ไม่ไกลกับคอนโดฯ ของเธอมากนัก “เปล่า ฉันจะลาออก” “ลาออก!!” นภาธรทำตาโตเป็นไข่ห่าน ไม่คิดว่าเพื่อนจะตัดสินใจเช่นนี้ “ใช่ ถ้าฉันไม่ลาออก ฉันก็เริ่มต้นใหม่ไม่ได้ ฉันคิดเรื่องนี้มานานแล้วละ เพียงแต่ยังห่วงแม่ห่วงน้องและหาที่ที่จะไปไม่ได้เท่านั้นเอง” เพียงฤดีตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแต่ก็ปนความแน่วแน่ในความคิดนั้น “แกมั่นใจเหรอ แกพูดเพราะกำลังตกใจหรือเปล่า บอกฉันได้ไหมแกคิดอะไรอยู่”“ฉันจะเล่าให้แกฟังก็แล้วกัน ว่าฉันต้องการอะไร แกจะหัวเราะฉันเหมื
นั่นสินะ ใครจะหาที่ดินมาขายให้เธอได้ปุบปับเช่นนี้ หญิงสาวนั่งนิ่งอย่างหมดหวัง เพราะหากอยู่ในกรุงเทพฯ ทำงานที่เดิม หรือมาพักกับนภาธร มารดาของเธอก็ต้องตามตัวเจออีกแน่ ๆ เมื่อเพียงฤดีนั่งนิ่ง นภาธรจึงได้แต่ถอนใจเบา ๆ อย่างนึกสงสาร ก่อนจะเอ่ยขึ้นต่อ “ฉันรู้ว่าแกชอบดูคลิปทำเกษตร ชอบปลูกต้นหมากรากไม้ แต่การทำเกษตรมันไม่ง่ายอย่างที่แกเห็นในคลิปหรอกนะฤดี แกตัวเล็กแค่นี้จะไปทำงานหนัก ๆ ในไร่ในสวนได้ยังไง แถมอยู่ไกลญาติพี่น้องอีก เจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาใครจะดูแล ขนาดฉันมีบ้านอยู่ต่างจังหวัดยังทำไร่ทำสวนไม่ไหวเลย”นภาธรว่าพลางมองเพื่อนที่นั่งกอดหมอนอิงน้ำตาไหลนองอยู่บนโซฟาอย่างอดเวทนาไม่ได้ เพียงฤดีคงจะทนไม่ไหวอีกแล้วจริง ๆ เพราะเมื่อสองปีก่อนเธอเคยชวนให้เพื่อนออกจากบ้าน มาเช่าบ้านอยู่ด้วยกัน เพื่อหนีปัญหาที่ถูกครอบครัวคอยรีดไถเงินอยู่เรื่อย เธอก็ห่วงแม่ ห่วงพี่ ห่วงน้องไม่ยอมออกมา แต่คราวนี้ถึงกับอยากหนีไปให้ไกลแสนไกล ไม่อยากให้ใครตามเจอ “ฉันบอกว่าต้องการที่ดินแปลงเล็ก ๆ แค่สองสามไร่ หรือไร่ครึ่งไร่ก็พอ ไม่ได้ต้องการจะไปทำสวนทำไร่เป็นหลัก แค่ให้ฉันได้มีที่อยู่เป็นของตัวเองจริง ๆ ไม่ใ
๒สู่ดินแดนใหม่เพียงฤดีมายืนอยู่บนที่ดินแปลงที่เพื่อนบอกว่าจะขายให้ เธอกวาดตามองโดยรอบอย่างไม่อยากเชื่อว่าที่ดินตรงนี้กำลังจะเป็นของเธอ เพราะบรรยากาศรอบด้านช่างสวยงาม แวดล้อมไปด้วยภูเขา เธอมาถึงที่นี่ในตอนเช้าตรู่ เพราะนภาธรไม่จอดรถที่ไหนเลย จึงได้เห็นบรรยากาศแสนสดชื่นและเย็นสบายในยามเช้า“สวยจังเลยนภา แกโชคดีจังเลยที่มีที่ดินสวย ๆ แบบนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นภาคใต้ มีภูเขา มีหมอกสวยมาก อย่างกับภาคเหนือแน่ะ” เพียงฤดีลืมความหม่นหมองเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นสภาพอากาศโดยรอบ นี่แหละความฝันของเธอ ที่จะมีบ้านอยู่ท่ามกลางภูเขาและเมฆหมอก บรรยากาศในฝันที่เหมาะสำหรับการเขียนนิยายอย่างที่สุด“ที่นี่ อำเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร แกเห็นแล้วใช่ไหมว่ามันห่างไกลมาก ถนนหนทางคดเคี้ยว โชคดีที่ตอนนี้เขาทำถนนใหม่ลาดยางสวยงาม ตอนที่ฉันยังเด็กลำบากกว่านี้เยอะมาก ปู่กับย่าดั้นด้นกันมาจับจองที่ดินที่นี่ส่วนแปลงสองไร่กว่านั่นน่ะ เพื่อนของปู่มาขออยู่ด้วย ปู่เลยยกที่ดินให้สร้างบ้าน ออกโฉนดให้เรียบร้อย คิดว่าจะได้มาอยู่ด้วยกัน แต่อยู่ได้ไม่นานเขาก็อยากขายที่ดินตรงนี้เพื่อเอาเงินไปซื้อแปลงอื่นที่ได้พื้นที่เยอะกว่า ก็เลยเ
“สวยแหละ เป็นบ้านที่ใหญ่ที่สุดในละแวกนี้เลย แต่ตอนนี้เป็นบ้านที่เก่าและทรุดโทรมที่สุดในละแวกนี้เช่นกัน” นภาธรกล่าวอย่างขำขัน ทว่าคนเป็นเพื่อนไม่ได้เห็นเป็นเรื่องน่าขำเลยแม้แต่น้อย คนไม่เคยมีบ้านเช่นเธอ เห็นมันมีค่าอย่างมหาศาลเลยทีเดียวนภาธรเดินไปยกกระถางต้นไม้ที่มีหญ้าคลุมทับจนแทบไม่เห็นกระถางขึ้นมา แล้วหยิบกุญแจออกมาจากใต้กระถาง ก่อนจะนำไปไขประตู เมื่อเปิดประตูหนูก็วิ่งพรวดออกมา นภาธรวิ่งกระเจิงออกไปทันที เพียงฤดีก็เช่นกัน“เห็นมั้ย ฉันบอกแล้วว่าอยู่ไม่ได้ บ้านปิดทิ้งไว้เกือบสิบปี แกคิดดูสิ จะอยู่ยังไง” นภาธรว่า ใบหน้าซีดเผือดเนื่องจากกลัวหนูยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด“เดี๋ยวฉันขอเข้าไปดูก่อน” เพียงฤดีว่าแล้วก็ค่อย ๆ เปิดประตูให้กว้างขึ้นกว่าเดิม แล้วเดินเข้าไปในบ้าน เธอยกมือไหว้เจ้าที่เจ้าทางพึมพำไปตามประสา ภายในเต็มไปด้วยฝุ่นและหยากไย่ บนพื้นมีปลวกขนดินขึ้นมาสร้างรังกองใหญ่อยู่หลายกอง เธอเปิดหน้าต่าง แค่ผลักออกไปเบา ๆ มันก็หลุดออกไปทั้งแผ่น หญิงสาวตกใจรีบหดมือ แล้วไปเปิดประตูห้องฝั่งขวามือที่อยู่ใกล้ทางเข้าบ้าน เป็นห้องขนาดกะทัดรัด ภายในไม่มีเครื่องเรือนใด ๆ เป็นเพียงห้องโล่ง มีหยากไย่จำ
เมื่อฝากเพื่อนไว้กับเพื่อนบ้านเรียบร้อยแล้วนภาธรก็พาเพื่อนเข้าไปที่บ้าน เมื่อเข้าไปถึง เพียงฤดีก็รีบเข้าไปปัดกวาดพื้นตรงส่วนของห้องนอนที่เธอตั้งใจว่าจะนอนที่ห้องนั้น ก่อนจะหยิบจอบ เสียม พลั่วและอุปกรณ์สำหรับทำการเกษตรสี่ห้าชิ้นลงมาจากรถ เอาพลั่วไปแซะรังปลวกกองโตสี่ห้ากองออกไปจากห้องโถงของบ้าน ปัดกวาดเรียบร้อยก็เอาไม้ถูพื้นมาถู โดยมีนภาธรคอยช่วย “ทำแค่นี้ก่อนเถอะ ไว้เข้ามาอยู่แล้วค่อยไปทำความสะอาดห้องอื่น ๆ แค่นี้ก็น่าจะอยู่ได้แล้ว” เพียงฤดีว่า เพราะเห็นว่าเพื่อนรักคงจะเหนื่อยไม่น้อยแล้ว “อือ พรุ่งนี้ฉันค่อยพาแกไปซื้อที่นอนหมอนมุ้งก็แล้วกัน เรากลับรีสอร์ตกันเถอะ ฉันอยากอาบน้ำจะแย่แล้ว อ้อ ฉันลืมไป ห้องน้ำอยู่ด้านหลังติดกับครัวน่ะ เมื่อกี้ฉันเข้าไปเปิดดูแล้ว สภาพเละเทะ แต่น้ำยังไหล ไฟยังสว่าง โถนั่งยอง ๆ แบบสมัยก่อนนะ แกก็ทนใช้ไปก่อนก็แล้วกัน” ผู้เป็นเพื่อนว่า “ไม่เป็นไรหรอก ไว้พรุ่งนี้ฉันค่อยมาทำความสะอาดห้องน้ำกับห้องครัว มีพื้นที่ให้ใช้งานได้ก่อนแค่นี้ก็ดีมากแล้ว ฉันถือว่าโชคดีแล้วละที่ไม่ต้องไปเช่าบ้านอยู่ไกล ๆ” ว่าพลางเดินออกจากบ้านเพราะใกล้มืดเต็มที “แล
“งั้นเป้นายไปตระเวนดูสวนกับพี่ก่อน ว่าจะเริ่มวางแผนยังไงดี พี่ออกแบบไว้คร่าว ๆ แล้วละ ว่าจะสร้างรีสอร์ตยังไง บ้านแต่ละหลังจะสร้างตรงไหน เราเดินไปคุยไปก็แล้วกัน ฤดีจะไปเดินเล่นกับพี่ไหมครับ” บอกกับปรัชญาก่อนจะหันมาชวนหญิงสาวไปด้วยกัน“เอ่อ พี่คีรินไปกับพี่เป้เถอะค่ะ เดี๋ยวฤดีจะเตรียมเอกสารจดทะเบียนบริษัทให้เสร็จ พรุ่งนี้จะได้ไปจดทะเบียนให้เรียบร้อยค่ะ”“จ้ะ แต่ถ้าทำเสร็จแล้วก็ตามมานะครับ พี่พกโทรศัพท์ไปด้วย มีอะไรก็โทร. หานะ พี่เดินอยู่แถว ๆ ในไร่เรานี่แหละ ไม่ไปไหนไกลหรอก” บอกราวกับจะห่างกันนาน“ค่ะ เดี๋ยวถ้าฤดีทำเสร็จเร็วจะตามไปค่ะ”“พี่ขอบคุณมากนะครับ วันนี้ฤดีน่ารักที่สุด ช่วยงานพี่ได้ดีมาก ๆ”ว่าพลางดึงร่างเล็กมาซบอก มองตาหวานฉ่ำบอกว่า“พี่รักฤดีนะ รักมากด้วย”“เอ่อ พี่คีรินคะ” หญิงสาวปรามแก้มแดงเรื่อ ที่เขาแสดงออกและบอกรักเธอต่อหน้าปรัชญาอย่างไม่นึกเขินอายสักนิด“หืม มีอะไร” เขาเลิกคิ้วถาม“ไปเถอะค่ะ พี่เป้รออยู่ เรื่องนี้เดี๋ยวค่อยบอกก็ได้” เธออ้อมแอ้มตอบ พลางดันตัวเขาออกห่าง ชายหนุ่มมองท่าทางเขินอายนั้นแล้วยิ้มอย่
“กูก็ห้าหมื่นแล้วกัน แหะ ๆ แอบเมียมาลงทุน ขืนเอาเงินออกจากบัญชีทีละเยอะเดี๋ยวเมียด่า” ณัฐพลว่า“ผมก็สักห้าหมื่นเท่าบุ๋มแล้วกันพี่ พอดีกำลังจะจัดงานแต่ง รถก็ต้องผ่อน ต้องใช้เงินเยอะ กลัวพลาด” นับหนึ่งยิ้มเก้อ ๆ“แล้วมึงล่ะไอ้เป้ มีสองร้อยก็ลงสองร้อยได้ อ้ำอึ้งอะไรอยู่ สองร้อยมึงได้ตั้งยี่สิบหุ้นนะมึง หุ้นละสิบบาท” ณัฐพลหันไปยังปรัชญา“แหมพี่ จะเร่งทำไม ผมคำนวณอยู่”“คำนวณอะไร กลัวไม่มีค่าเหล้าหรือไง”“ผมจริงจังมากพี่เรื่องนี้ ผมลงแสนห้าแล้วกันจะได้ครบ” ปรัชญาว่า“เฮ้ย มึงเอาเงินจากไหนมาตั้งแสนห้าวะ” ณัฐพลตาโต“ยืมเงินพอร์ตเกษียณมานิดหน่อยน่ะพี่ เดี๋ยวค่อยหาเงินไปคืน แต่งานนี้ผมตั้งใจจริง ๆ นะพี่ จะอยู่ช่วยพี่คีทำงานที่นี่เลย สองแรงช่วยกันเราต้องรอดใช่ไหมพี่ บอกตรง ๆ ผมไม่อยากอยู่เคว้งคว้างแบบไม่มีงานทำ เลยเอาเงินมาลงทุนทำกับพี่คีดีกว่า โอกาสรอดมีสูงกว่าทำคนเดียว” ปรัชญาว่า“พอร์ตเกษียณอะไรของมึงวะ” ณัฐพลถามอึ้ง ๆ“อ้าว ก็ผมเก็บเงินใส่บัญชีไว้ใช้ตอนแก่เป็นพอร์ตเกษียณไง บางส่วนก็เอาไปลงทุนหุ้นบ้างไรบ้าง บางส่วนก็เก็บไ
๑๖หุ้นส่วน ในห้องประชุมบรรยากาศการประชุมมีความจริงจัง ไม่ใช่การพูดคุยสนุกสนานเหมือนกับวันแรกที่มาถึง เพียงฤดีเห็นการทำงานของทุกคน ที่พูดคุยเรื่องงานที่คีรินเพิ่งจะรับมา โดยที่คีรินมีการแจกจ่ายงานให้แต่ละคนรับผิดชอบไปตามความถนัดของตน “เอาเป็นว่างานที่ผมรับมาก็ไม่ได้ยากเกินไปใช่ไหมครับ อันนี้ผมออกแบบไว้ตามนี้ รบกวนพี่เทพกับพี่ณัฐคำนวณโครงสร้างและต้นทุนต่าง ๆ ให้ผมหน่อยนะครับ” “เอาเถอะ อาคารหอประชุมขนาดนี้ พี่ทำมาหลายอาคารแล้ว เดี๋ยวพี่ดูให้ ขอบใจนะที่ส่งงานให้พี่ เดี๋ยวเรื่องสัญญาก็ร่างส่งมาแล้วกัน ตอนนี้บริษัทพี่เริ่มอยู่ตัวแล้ว ถึงเล็ก ๆ แต่ทีมงานคุณภาพแน่นอน” เทพดนัยเอ่ยอย่างมั่นใจ&nb
เขาเริ่มเข้าทำงานที่เดียวกับเทพดนัยตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรี ทำงานไปได้สองปีก็เริ่มเรียนปริญญาโทไปด้วย จนกระทั่งเรียนจบ ก็ได้เทพดนัยคอยช่วยเหลือเรื่องงานมาตลอดเมื่อเทพดนัยซึ่งทำงานมานานจนเงินเดือนสูง เริ่มถูกบีบจากผู้บริหารชุดใหม่ จนทนไหมไหวต้องลาออกจากงาน ไปเริ่มทำธุรกิจกับเพื่อน ส่วนเขากับทีมก็เริ่มระส่ำระสาย จากเคยทำงานร่วมกันมา ก็โดนปรับเปลี่ยนแยกย้ายกันไปหมดตอนนี้บางคนลาออกแล้วไปรับงานฟรีแลนซ์ บางคนก็ยังทำงานบริษัทเดิม และกำลังจะหาทางไปที่อื่น ด้วยความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมานาน พอเขาเรียกให้มาคุยกัน ทุกคนต่างก็รีบมาหาทันทีคีรินส่งทุกคนเข้าห้องพักแล้วจึงลงไปข้างล่าง เห็นเพียงฤดีกำลังขนของที่เธอเก็บล้างเรียบร้อยแล้วเข้ามาเก็บในบ้าน“อ้าว ยังไม่เข้านอนอีก เดี๋ยวพี่เก็บเองก็ได้ ดึกแล้วนะ”“ไม่เป็นไรค่ะ ฤดีช่วยเก็บให้เสร็จเลยดีกว่า จะได้ไม่วางเกะกะไว้ข้างนอก เรามีแขกมาบ้านด้วย ทิ้งไว้ก็ดูไม่สะอาดตา” หญิงสาวว่า“มันหนักนะ เดี๋ยวพี่ถือเอง ของข้างนอกยังมีอีกไหม” เขาดึงถาดที่หญิงสาวใส่จานชามที่ล้างเสร็จแล้วมาถือไว้เอง“ยังต้องเก็บกวาดขวดเบ
“โอ๊ย พี่อย่าเพิ่งโมโห หิวล่ะสิที่ตาลายเนี่ย ได้เบียร์เย็น ๆ สักแก้วคงจะหายตาลายนะพี่ เดี๋ยวไปนั่งตรงโน้นก่อนแล้วกัน ผมจัดที่นั่งอย่างดีพร้อมเบียร์เย็น ๆ ไว้รอรับพี่แล้ว” ว่าแล้วก็ชวนทุกคนไปนั่งตรงโซนครัวเอาท์ดอร์ที่เขาจัดโต๊ะเก้าอี้ไว้พร้อมแล้วซึ่งเขาเพิ่งต่อเติมส่วนที่เป็นที่นั่งเพิ่มจากเดิม มีการมุงหลังคาต่อออกไปจากครัวเดิมที่มีเพียงพื้นที่ครัวไม่มีที่นั่ง แต่ตอนนี้เทพื้นปูนปูกระเบื้องต่อไปเป็นสถานที่ที่สามารถบรรจุคนได้ราวสิบห้าถึงยี่สิบคนทีเดียวเขาบอกว่าเผื่อคนในครอบครัวหรือเพื่อน ๆ หรือนักท่องเที่ยวได้มาจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ ซึ่งคราวนี้ก็ได้ใช้งานแล้ว ส่วนเมื่อก่อนมีเพียงแต่เขาและเพียงฤดีเท่านั้นที่นั่งรับประทานอาหารด้วยกันที่นี่เป็นบางวันเสียงทักทายด้วยน้ำเสียงเป็นกันเองแบบผู้ชายนั้น ทำให้เพียงฤดีที่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ อดยิ้มอย่างขบขันไม่ได้ เธอเพิ่งเห็นความสัมพันธ์และการทักทายกันแบบเพื่อนร่วมงานของคีริน และเพิ่งรู้ว่าเพื่อนร่วมงานทุกคนเรียกเขาสั้น ๆ ว่า ‘คี’ เธอรีบเดินเข้าไปในบ้าน นำน้ำเข้ามาเสิร์ฟทุกคน โดยมีชายหนุ่มที่ชื่อเป้กุลีกุจอลุกขึ้นไปช่วย พอเสิร์ฟน้ำเ
เพียงฤดีจัดเตรียมอาหารและข้าวของหลายอย่างไว้ต้อนรับเพื่อน ๆ ของคีรินที่กำลังจะเดินทางมา เขาพาเธอไปซื้ออาหารทะเลจำนวนมากตั้งแต่เช้า ทั้งเนื้อหมู เนื้อไก่ และปลา จนแทบจะขนขึ้นรถไม่หมดเขาบอกว่าเพื่อน ๆ ทั้งหมดจะมาร่วมงานเป็นทีมเดียวกับเขา คราวนี้จะมาประชุมจัดตั้งบริษัทด้วยกันเป็นครั้งแรก เป็นเพื่อนร่วมงานทีมเดียวกันตั้งแต่อยู่บริษัทเดียวกัน แต่ละคนร่วมงานกันมานานห้าถึงสิบปี รู้ใจกันดี แต่ต่างก็แยกย้ายลาออกจากที่ทำงานเดิมไปรับงานฟรีแลนซ์อย่างที่เขาทำอยู่ บ้างก็ทำธุรกิจของตัวเอง เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะเปิดบริษัทและต้องการคนร่วมทีม ทุกคนจึงจะมาร่วมลงทุนด้วยเพราะตอนนี้เทคโนโลยีการสื่อสารทันสมัย ไม่จำเป็นต้องไปทำงานในออฟฟิศทุกวันเหมือนอย่างแต่ก่อน ทุกคนทำงานเชื่อมโยงกันได้ทางโลกออนไลน์ แม้เขาจะอยู่ไกลจากกรุงเทพฯ มากก็ไม่ใช่ปัญหาในการทำงานร่วมกัน รถยนต์หรูห้าคันกำลังขับเข้ามาที่หน้าบ้าน คีรินยิ้มร่าด้วยท่าทางดีใจ วางมือจากการช่วยเพียงฤดีเตรียมของอยู่ที่เคาน์เตอร์ครัวเอาท์ดอร์หน้าบ้าน แล้วออกไปต้อนรับ&nb
มือเรียวโอบแผ่นหลังของเขาเอาไว้ ความอบอุ่นในตัวเขาทำให้เธอมีความสุขจนไม่รู้ว่าจะอธิบายออกมาอย่างไร เป็นความอบอุ่น อ่อนโยนลึกซึ้ง ที่ทำให้เธอรู้สึกถึงความมั่นคงในหัวใจซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ที่จะมีใครสักคนให้เธอได้พึ่งพิงได้สักที ที่ผ่านมาเธอมีแต่ความโดดเดี่ยว เป็นหลักให้คนอื่นพึ่งพิงมาโดยตลอด“ดีใจจัง พรุ่งนี้พี่จะได้แนะนำได้ถูกสักทีว่าฤดีเป็นแฟนพี่ คิดมาตั้งหลายวันแล้วว่าจะบอกเพื่อนยังไงดีว่าพี่กับเราเป็นอะไรกัน”“ก็บอกว่าเป็นเพื่อนของน้องสาวก็ได้นี่คะ” เธอว่า“บอกแบบนั้น ไอ้พวกนั้นก็ได้มาจีบฤดีล่ะสิ ไม่เอาหรอกพี่หวง กะว่าถ้าวันนี้ฤดียังไม่ยอมเป็นแฟนพี่ พรุ่งนี้พี่ก็จะบอกเพื่อนอยู่ดีว่าพี่จีบฤดีอยู่ พวกนั้นจะได้ไม่ต้องมายุ่ง” เขาบอกแผนการของตัวเอง เพียงฤดียิ้มขบขัน“งั้นวันนี้ก็วางแผนเอาไว้แล้วสิคะ ที่มาทำเป็นขอให้ฤดีนวดให้เนี่ย”“ก็นิดหน่อย แค่วางแผนว่าทำยังไงให้ได้อยู่ใกล้ชิดกันบ้าง จะได้มีโอกาสถาม นึกได้ว่ายังไม่ได้ปลูกต้นไม้คืนที่ตัดไปเลย ก็เลยได้แผนขุดหลุมให้ปวดหลัง แล้วให้มานวดหลังให้ เขาต้องใจอ่อนบ้างแหละ ได้ผลจริง ๆ ด้วย” ว่าพลางหอมแก้มน
๑๕ยอมเป็นแฟนพี่มั้ย เพียงฤดีทรุดนั่งฝั่งตรงข้ามของคีริน แล้วเริ่มลงมือรับประทานอาหาร แม้เป็นอาหารเหลือจากมื้อเช้า แต่คีรินก็กินอย่างเอร็ดอร่อยจนหมดเกลี้ยง เขาบอกให้เธอไปนั่งรอ ส่วนเขาช่วยเก็บจานชามไปล้างให้อย่างเอาใจ แล้วไปนอนบนโซฟาให้เธอนวดหลังให้ “พี่คีรินไม่เปิดทีวีดูหรือคะ” เธอถาม เพราะปกติเขาจะนั่งดูทีวีอยู่ตรงนี้ ถ้านั่งปุ๊บก็จะหยิบรีโมทกดดูทีวีทันที แต่วันนี้กลับมานอนคว่ำหน้าให้เธอนวดอย่างเดียว “ไม่อ่ะ ไม่อยากดู อยากนอนนิ่ง ๆ ให้ฤดีนวดมากกว่า” หญิงสาวจึงได้ลงมือนวดให้เขา คนนอนให้นวดหลับตาพริ้ม ยิ้มอย่างมีความสุข เมื่อมือเล็ก ๆ กดลงบนแผ่นหลัง มันไม่ได้ทำให้เขาถึงกับหายปวดหลัง แต่มือเล็กที่จุ๊กจิ๊กอยู่บนแผ่นหลัง มันให้ความรู้สึกผ่อนคลายจนเขาแทบจะเคลิ้มหลับ กระทั่งหญิงสาวขยับตัว เขาจึงคิดว่าเธอคงจะนวด
๑๔เจ้าของบ้าน คีรินขับรถออกจากที่ว่าการอำเภอ เขาหันมองเพียงฤดีที่ตอนนี้นั่งจ้องทะเบียนบ้านของตัวเองมาครู่ใหญ่แล้ว เปิดหน้าโน้นหน้านี้อ่านแล้วก็ดูซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะหลังจากที่สร้างบ้านเสร็จ เขาก็เอาแบบฟอร์มขออนุญาตสร้างบ้านที่เทศบาลตำบลออกให้ ไปให้ผู้ใหญ่บ้านออกเอกสารเซ็นรับรองให้เรียบร้อย ก่อนจะรีบมาที่ว่าการอำเภอต่อเพราะพอผู้ใหญ่บ้านบอกว่า ถ้าบ้านเสร็จแล้วก็ถ่ายรูปภายนอกภายในบ้านและห้องน้ำพริ๊นต์ใส่กระดาษ แล้วไปออกเล่มทะเบียนบ้านที่อำเภอได้เลยไม่ต้องรอถึงสิบห้าวันก็ได้ เจ้าของบ้านสาวเห่อมาก รีบกลับมาถ่ายรูปแล้วจะปั่นจักรยานไปอำเภอเอง เขาจึงต้องขับรถมาส่ง“เป็นอะไรหรือเรา ดูแล้วดูอีก ดูไม่เสร็จสักที” เขาหันไปถาม“ฤดีดูให้แน่ใจว่าเป็นชื่อฤดีจริง ๆ หรือเปล่า” หญิงสาวตอบ ตาก็มองชื่อเจ้าของบ้านที่อยู่ในสมุดสีน้ำเงินเล่มเล็กนั้นราวกับว่ากำลังฝันไป“ก็เป็นชื่อเราสิ จะเป็นชื่อใครล่ะ หืม” เขายื่นมือมาลูบหัวคนที่นั่งข้าง ๆ ราวเดือ