“ตอนนี้คนที่คุณต้องฟังคือผมคนเดียว มิสเมย์!”
เอเดรียนยื่นคำขาดและมันทำให้เดือนลดาแทบจะหมดกำลังใจเลยทีเดียว หญิงสาวนึกอย่างเจ็บแค้น เธอไม่น่าพาตัวเองมาเจอกับคนใจหินและหยาบกระด้างยิ่งกว่าหินผาอย่างเอเดรียน สมิธเลยแม้แต่น้อย
ในที่สุดเดือนลดาก็ต้องตัดสินใจ หากเธอไม่สามารถปฏิเสธข้อเสนอซึ่งสำหรับเธอมันก็คือการบังคับเธอก็ต้องจำยอมรับสภาพที่ตัวเองต้องตกเป็น ผู้หญิงของเขา อย่างไม่อาจเลี่ยง ร่างบางขยับนั่งตัวตรงและกล่าวออกมาโดยไม่ยอมมองหน้าเขา
“จริง ๆ แล้วตอนนี้ฉันต้องการแค่...เสื้อผ้าสักสองสามชุด เพราะฉัน...ไม่ได้เอาเสื้อผ้าติดตัวมาเลย”
“ไม่จำเป็นต้องออกไปหาเสื้อผ้าที่ไหนหรอก ผมมีคนจัดหามันให้คุณ ตอนที่คุณไปถึงฮาเร็มของผมแล้ว”
เดือนลดานิ่วหน้า “ฮาเร็ม...นะ...นี่หมายความว่าฉันต้องไปอยู่กับผู้หญิงหลาย ๆ คนอย่างพวกสุลต่านอย่างนั้นหรือ”
เอเดรียนทำสีหน้าถมึงทึง เขาล้วงมือไว้ในกระเป๋าทั้งสองขณะมองเธออย่างพินิจพิจารณา
“คุณไม่จำเป็นต้องถามอะไรผมมากหรอกมิสเมย์ ผมจะให้คนของผมพาคุณไปที่นั่น ที่อยู่ที่ผมสามารถตัดขาดตัวเองจากโลกภายนอกได้โดยสิ้นเชิง”
“บ้านของคุณอย่างนั้นหรือคะ?”
หญิงสาวพยายามถามแต่เธอก็ไม่ได้รับคำตอบกลับมานอกจากท่าทีราวกับเจ้านายของเขา เดือนลดากระวนกระวายใจ เขาเรียกที่อยู่นั่นว่า ฮาเร็ม อาจเป็นคอนโดส่วนตัวในลาสเวกัสนี่และมีผู้หญิงในคอลเล็คชั่นของเขาหลายคนรวมตัวอยู่ด้วยกัน ผลัดเปลี่ยนกันให้ความสุขแก่ เจ้านาย
ทว่าก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเอเดรียนเป็นผู้ชายหน้าตาดีมากคนหนึ่ง ไม่ใช่แค่หล่อเหลาบาดจิตจนทำให้เธอเผลอลอบมองเขาหลายหนแต่เขายังเป็นผู้ทรงอิทธิพลในลาสเวกัสอีกด้วย
บทที่ 5
คนที่พาเดือนลดาไปยังที่ซึ่งเอเดรียนบอกไว้คือ โบ บอดี้การ์ดร่างสูงใหญ่คนสนิทของ เจ้านาย ซึ่งนับแต่นี้เธอต้องเป็นหนึ่งในผู้หญิงของเขาและอยู่ในสถานที่ที่เขาจัดไว้ให้
แต่สิ่งหนึ่งที่หญิงสาวคาดเดาผิดคือสถานที่นั้นกลับไม่ได้อยู่ภายในอาณาบริเวณของนครลาสเวกัส ไม่ใช่คอนโดมิเนียม ห้องชุดหรือคฤหาสน์หลังใหญ่อย่างที่เธอคิดไว้
การเดินทางไปยัง ที่นั่น ต้องนั่งเครื่องบินเล็กซึ่งเป็นเครื่องบินส่วนตัวของ สมิธ ไฮเอนด์ โดยมีโบคอยให้การดูแลและอำนวยความสะดวกให้เธอตลอดระยะเวลาของการเดินทางอันน่าตื่นใจในยามค่ำคืน
ถึงจะรู้สึกหดหู่แต่เดือนลดาก็พบว่าการเดินทางออกไปยังพื้นที่อันกว้างใหญ่นอกกรุงลาสเวกัสซึ่งเป็นทะเลทรายยามราตรีนั้นเป็นประสบการณ์อันน่าตื่นเต้น
เครื่องบินเล็กทะยานออกจากรันเวย์ของสนามบินเล็กผ่านภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยหุบเขาและทะเลทรายไปยังทางใต้ของลาสเวกัสกระทั่งถึงสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งมีลักษณะคล้ายโอเอซิสขนาดใหญ่อยู่ในทะเลทรายและมีคฤหาสน์อันโอ่อ่าตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลางพื้นที่ล้อมรอบด้วยต้นปาล์มและต้นไม้มากมายวึ่งเธอเห็นจากแสงไฟสปอร์ตไลต์ที่สาดส่องในค่ำคืนที่พระจันทร์เต็มดวง
เมื่อเครื่องบินร่อนลงจอดใกล้กับบริเวณที่เธอเห็นจากมุมสูงเดือนลดาก็เห็นว่ามันเป็นอาณาบริเวณอันกว้างขวางของงสถานที่ที่เธอไม่อาจเรียกมันว่า บ้าน เพราะคฤหาสน์หลังนั้นที่เธอเห็นจากบนเครื่องบินใหญ่โตมากจนเรียกได้ว่าเป็นวังขนาดย่อมได้เลยทีเดียว
“เชิญทางนี้ครับ มิสเมย์”
โบเชื้อเชิญหญิงสาวให้เดินตามเขาเข้าไปตามทางเดินปูด้วยหินและมีต้นปาล์มขนาดใหญ่วางเรียงรายไปตลอดทางเดินที่ตรงเข้าไปยังยังคฤหาสน์หลังนั้น
เดือนลดาเริ่มมโนนึกในจินตภาพของเธอว่าคฤหาสน์หลังนี้คงเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจและไว้รับแขกคนสำคัญของเจ้าของคาสิโนใหญ่ติดอันดับในลาสเวกัสอย่างเอเดรียน สมิธ
และภายในนั้นคงเต็มไปด้วยผู้หญิงแต่งกายแบบนุ่งน้อยห่มน้อยหรือไม่ก็อาจไม่นุ่งอะไรเลยรอคอยให้เจ้านายแห่งฮาเร็มกลับมาและคอยปรนเปรอความสุขเท่าที่เขาต้องการ
“นี่เป็นห้องของคุณครับมิสเมย์ เสื้อผ้าของคุณถูกจัดเตรียมไว้แล้ว เชิญตามสบายนะครับ อีกประมาณสี่ชั่วโมงคุณสมิธจะมาถึงที่นี่”
โบรายงานความเป็นไปซึ่งเดือนลดารู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ค่อนข้างรักษาเวลาอย่างยิ่งยวด
“อีกสี่ชั่วโมงหรือคะ?” เธอทวนคำพูดของอีกฝ่าย
“ครับ...อีกสี่ชั่วโมงซึ่งก็ใกล้เวลารุ่งเช้าพอดี คุณสมิธบอกว่าให้คุณเปลี่ยนชุดที่เราได้จัดเตรียมไว้ให้และคุณสามารถเดินไปรอบ ๆ คฤหาสน์ของคุณสมิธได้ตามใจ ที่ที่เขาชอบอยู่คือสระน้ำด้านหลังของคฤหาสน์หลังนี้ครับ”
“เอ้อ...โบ...ถามอะไรอีกอย่างได้ไหมคะ?” หญิงสาวรีบเอ่ยขณะที่โบกำลังจะหันหลังกลับ
“ครับ...มีอะไรหรือครับมิสเมย์”
“ฉันแค่สงสัยเท่านั้นค่ะ ว่าที่นี่...ยังมีใครอยู่อีกบ้างหรือเปล่าคะ นอกจากเจ้านายของคุณ”
หญิงสาวมาได้รับคำตอบอีกตามเคยเพราะโบได้แต่ยิ้มให้เธอก่อนที่เขาจะเดินจากไป เดือนลดาถึงกับถอนหายใจและเข้าไปในห้องที่บอดี้การ์ดของเอเดรียนบอกว่าเขาจัดไว้ให้เธอแล้ว
เธอมองไปรอบ ๆ คฤหาสน์ซึ่งได้รับการออกแบบอย่างตะวันออกอันเงียบชียบ มันเงียบผิดปกติแต่หญิงสาวก็อดคิดไม่ได้ว่าผู้หญิงในฮาเร็มแห่งนี้อาจรวมตัวกันอยู่ที่ใดสักแห่งในคฤหาสน์หลังใหญ่
เมื่อรถแท็กซี่จอดลงสนิท ร่างบอบบางในชุดกระโปรงป้ายสีครีมจึงก้าวลงมาและมองไปยังตึกสูงด้านหน้าซึ่งเป็นโรงแรมอันหรูหราตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่ถูกขนานนามว่า Sin City เรียกว่าเมืองแห่งบาป หรือลาสเวกัสนั่นเอง อากาศอันร้อนระอุกลางพื้นที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นทะเลทรายเย็นตัวลงในยามย่ำค่ำ โรงแรมอันหรูหราตั้งตระหง่านท่ามกลางแสงสปอร์ตไลต์ที่สาดส่องไปทั่ว เดือนลดาลอบถอนหายใจเล็กน้อยขณะยื่นค่าแท็กซี่ให้คนขับก่อนจะเดินตรงเข้าไปยังโรงแรมขนาดใหญ่สุดอลังการที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนแต่งกายราวกับมาร่วมเลี้ยงฉลองงานกลางคืน หญิงสาวเหลือบมองป้ายของโรงแรม Smith’s Hiend พลางนึกถึงคำพูดของ ฮอลลี่ ซึ่งเป็นแม่บุญธรรมที่ชุบเลี้ยงเธอมาแต่เล็กในการสนทนาอันเคร่งเครียดก่อนเดินทางมายังลาสเวกัสว่า “มินนี่...แกต้องช่วยแม่จัดการกับเรื่องนี้นะรู้มั้ย” “เรื่องอะไรคะแม่?” “ก็เรื่องที่แกจะเดินทางไปลาสเวกัสน่ะสิ! แกรู้มั้ยว่ามันสำคัญกับฉันมาก โดยเฉพาะเวลาที่แกไปถึงโรงแรมสมิธ ไฮเอนด์ แกต้องไปพบเจ้าของโรงแรมให้ได้เลยรู้มั้ย” “หนูไม่รู้จักเขานี่คะแม่”
โบ...ซึ่งเป็นบอดี้การ์ดชาวอเมริกันรูปร่างสูงใหญ่แต่หน้าตาดีมองร่างบอบบางในชุดกระโปรงป้ายและถือสายสะพายกระเป๋าไว้แน่น เขามองเธอคล้ายเคลือบแคลง ใบหน้าถมึงทึงของเขาทำให้หญิงสาวชักเริ่มประหม่า “ถ้าอย่างนั้นตามผมมาทางนี้ ผมมีเวลาให้คุณแค่สิบนาที เพราะตอนนี้คุณสมิธกำลังอยู่ในช่วงพักที่ห้องส่วนตัวของเขา” พอเขาพูดเช่นนั้นเดือนลดาก็มีสีหน้าแช่มชื่นขึ้นมาเล็กน้อย เธอมาที่นี่ด้วยความหวัง และช่างเป็นโอกาสอันดีที่เธอมาได้จังหวะพบกับเจ้าหนี้ของแม่บุญธรรม บอดี้การ์ดร่างใหญ่พาเธอขึ้นไปยังชั้นบนของโรงแรมซึ่งสำหรับเดือนลดาแล้วมันมีขนาดใหญ่และหรูหรามากจนหญิงสาวอดคิดไม่ได้ว่าเธอต้องทำงานสักกี่เดือนจึงจะพอจ่ายค่าห้องพักแค่เพียงคืนเดียว “ถึงแล้วครับ คุณสมิธอยู่ด้านใน อย่าลืมว่าคุณมีเวลาแค่สิบนาทีเท่านั้นนะครับ คุณเมย์” “ค่ะ...ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวคิดว่าแค่สิบนาทีก็เหลือเฟือแล้วแค่ให้เธอได้พบกับเจ้าของโรงแรมใหญ่ติดอันดับของลาสเวกัสซึ่งมันอาจเป็นเรื่องไม่ง่ายเลยหากมาผิดจังหวะและเวลา โบไม่ได้ติดตามเดือนลดาเข้าไปในห้องพ
“ถ้าผมสงสารลูกหนี้ของผมทุกคนกิจการคาสิโนก็คงเจ๊งกันพอดี ฟังนะมิสเมย์ แม่ของคุณเป็นหนี้เรามากถึงสิบล้านดอลล่าห์ และที่ผมรู้มาก็คือฮอลลี่แม่ของคุณเจ้าเล่ห์ไม่ใช่เล่น”“เจ้าเล่ห์?” หญิงสาวเลิกคิ้ว เอเดรียนยกยิ้มมุมปาก แววตาของเขาสะท้อนประกายคมกริบราวกับใบมีด และสิ่งที่เธอเห็นมันแฝงความหยามเหยียดอย่างไม่น่าให้อภัย“ปกติคาสิโนของเราจะไม่ปล่อยลูกหนี้กู้เงินในจำนวนสูงมากขนาดนี้ แต่แม่ของคุณมีกลเม็ดเด็ดพรายที่ทำให้ผู้จัดการคาสิโน่ยอมปล่อยกู้ให้”เขาหยุดคำพูดไปชั่วครู่และเหยียดยิ้มร้ายที่กลบความมีเสน่ห์น่าหลงใหลไปสิ้น“ฮอลลี่เสนอตัวนอนกับผู้จัดการของผม จนเขายินยอมปล่อยกู้ให้แม่ของคุณถึงสิบล้านดอลล่าห์ ทีนี้รู้รึยังว่าแม่ของคุณน่ะร้ายกาจขนาดไหน!”บทที่ 3 พอเขาพูดจบเดือนลดาก็หน้าชามือเย็นชืดและพูดอะไรแทบไม่ออก เรียวปากอิ่มสีชมพูเรื่อซีดลงเล็กน้อยและเผยอออกอย่างลืมตัว มันสั่นระริกจนอีกฝ่ายหัวเราะหึในลำคอ เขามองเธออย่างกับจะกินเลือดเนื้อ แววตาหยามเหยียดจนหญิงสาวแทบจะแทรกแผ่นดินหนี ทว่าพอตั้งสติได้เธอก็รีบโต้กลับ “แต่ประเด็นใหญ่ที่เราคุยกันก็คือหนี้ที่แม่ฉันต้องใช้คืนคุณนะคะ”
ฉาด!!! เสียงฝ่ามือกระแทกเข้ากับใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มอย่างเร็วและแรงหลังจากที่หญิงสาวผละออกจากอ้อมอกของเขาและทำสีหน้าชิงชังรังเกียจ เอเดรียนลูบใบหน้าของเขาที่เปลี่ยนเป็นสีเข้มจัด อารมณ์ของชายหนุ่มเหมือนถูกน้ำมันราดลงในไฟที่คุโชน “ฉันไม่ยอมรับข้อเสนอบ้า ๆ ของคุณ เอเดรียน ไม่มีทาง! ฉันไม่ได้เป็นผู้หญิงขายตัวอย่างที่คุณคิด”“ผู้หญิงขายตัวบางคนไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นโสเภณี ทั้งที่การกระทำของตัวเองมันก็ไม่ต่างอะไรจากผู้หญิงขายตัวเลยสักนิด ผมไม่เชื่อหรอกว่าที่คุณตั้งใจมาที่นี่ก็เพื่อจะขอลดหย่อนหนี้ให้แม่ของคุณ อย่างน้อยผู้หญิงหน้าเงินอย่างพวกคุณก็ต้องหวังอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับไปบ้าง ถ้าไม่ใช่เงินก็อาจจะเป็นความพอใจที่คุณเคยชิน”“เอเดรียน!”เดือนลดาเงื้อมือขึ้นหวังฟาดซ้ำลงบนใบหน้าของเขาเป็นหนที่สองแต่ครั้งนี้เอเดรียนจับทิศทางถูก เขาคว้ามือเรียวบางเอาไว้ได้และบิดเต็มแรง“โอ๊ย! ปล่อยฉัน”“ผมไม่ยอมให้คุณตบผมเป็นหนที่สองหรอกนะมิสเมย์ และนี่ก็เป็นบทเรียนสั่งสอนผู้หญิงอวดดีอย่างคุณ!”“อื๊อ!”บทที่ 4 เดือนลดาอ้าปากแต่ไม่ทันได้ร้องออกมาเสียงแหลมเล็กก็ถูกกลืนหายเข้
“ตอนนี้คนที่คุณต้องฟังคือผมคนเดียว มิสเมย์!” เอเดรียนยื่นคำขาดและมันทำให้เดือนลดาแทบจะหมดกำลังใจเลยทีเดียว หญิงสาวนึกอย่างเจ็บแค้น เธอไม่น่าพาตัวเองมาเจอกับคนใจหินและหยาบกระด้างยิ่งกว่าหินผาอย่างเอเดรียน สมิธเลยแม้แต่น้อย ในที่สุดเดือนลดาก็ต้องตัดสินใจ หากเธอไม่สามารถปฏิเสธข้อเสนอซึ่งสำหรับเธอมันก็คือการบังคับเธอก็ต้องจำยอมรับสภาพที่ตัวเองต้องตกเป็น ผู้หญิงของเขา อย่างไม่อาจเลี่ยง ร่างบางขยับนั่งตัวตรงและกล่าวออกมาโดยไม่ยอมมองหน้าเขา “จริง ๆ แล้วตอนนี้ฉันต้องการแค่...เสื้อผ้าสักสองสามชุด เพราะฉัน...ไม่ได้เอาเสื้อผ้าติดตัวมาเลย” “ไม่จำเป็นต้องออกไปหาเสื้อผ้าที่ไหนหรอก ผมมีคนจัดหามันให้คุณ ตอนที่คุณไปถึงฮาเร็มของผมแล้ว” เดือนลดานิ่วหน้า “ฮาเร็ม...นะ...นี่หมายความว่าฉันต้องไปอยู่กับผู้หญิงหลาย ๆ คนอย่างพวกสุลต่านอย่างนั้นหรือ” เอเดรียนทำสีหน้าถมึงทึง เขาล้วงมือไว้ในกระเป๋าทั้งสองขณะมองเธออย่างพินิจพิจารณา “คุณไม่จำเป็นต้องถามอะไรผมมากหรอกมิสเมย์ ผมจะให้คนของผมพาคุณไปที่นั่น ที่อยู่ที่ผมสามารถต
ฉาด!!! เสียงฝ่ามือกระแทกเข้ากับใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มอย่างเร็วและแรงหลังจากที่หญิงสาวผละออกจากอ้อมอกของเขาและทำสีหน้าชิงชังรังเกียจ เอเดรียนลูบใบหน้าของเขาที่เปลี่ยนเป็นสีเข้มจัด อารมณ์ของชายหนุ่มเหมือนถูกน้ำมันราดลงในไฟที่คุโชน “ฉันไม่ยอมรับข้อเสนอบ้า ๆ ของคุณ เอเดรียน ไม่มีทาง! ฉันไม่ได้เป็นผู้หญิงขายตัวอย่างที่คุณคิด”“ผู้หญิงขายตัวบางคนไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นโสเภณี ทั้งที่การกระทำของตัวเองมันก็ไม่ต่างอะไรจากผู้หญิงขายตัวเลยสักนิด ผมไม่เชื่อหรอกว่าที่คุณตั้งใจมาที่นี่ก็เพื่อจะขอลดหย่อนหนี้ให้แม่ของคุณ อย่างน้อยผู้หญิงหน้าเงินอย่างพวกคุณก็ต้องหวังอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับไปบ้าง ถ้าไม่ใช่เงินก็อาจจะเป็นความพอใจที่คุณเคยชิน”“เอเดรียน!”เดือนลดาเงื้อมือขึ้นหวังฟาดซ้ำลงบนใบหน้าของเขาเป็นหนที่สองแต่ครั้งนี้เอเดรียนจับทิศทางถูก เขาคว้ามือเรียวบางเอาไว้ได้และบิดเต็มแรง“โอ๊ย! ปล่อยฉัน”“ผมไม่ยอมให้คุณตบผมเป็นหนที่สองหรอกนะมิสเมย์ และนี่ก็เป็นบทเรียนสั่งสอนผู้หญิงอวดดีอย่างคุณ!”“อื๊อ!”บทที่ 4 เดือนลดาอ้าปากแต่ไม่ทันได้ร้องออกมาเสียงแหลมเล็กก็ถูกกลืนหายเข้
“ถ้าผมสงสารลูกหนี้ของผมทุกคนกิจการคาสิโนก็คงเจ๊งกันพอดี ฟังนะมิสเมย์ แม่ของคุณเป็นหนี้เรามากถึงสิบล้านดอลล่าห์ และที่ผมรู้มาก็คือฮอลลี่แม่ของคุณเจ้าเล่ห์ไม่ใช่เล่น”“เจ้าเล่ห์?” หญิงสาวเลิกคิ้ว เอเดรียนยกยิ้มมุมปาก แววตาของเขาสะท้อนประกายคมกริบราวกับใบมีด และสิ่งที่เธอเห็นมันแฝงความหยามเหยียดอย่างไม่น่าให้อภัย“ปกติคาสิโนของเราจะไม่ปล่อยลูกหนี้กู้เงินในจำนวนสูงมากขนาดนี้ แต่แม่ของคุณมีกลเม็ดเด็ดพรายที่ทำให้ผู้จัดการคาสิโน่ยอมปล่อยกู้ให้”เขาหยุดคำพูดไปชั่วครู่และเหยียดยิ้มร้ายที่กลบความมีเสน่ห์น่าหลงใหลไปสิ้น“ฮอลลี่เสนอตัวนอนกับผู้จัดการของผม จนเขายินยอมปล่อยกู้ให้แม่ของคุณถึงสิบล้านดอลล่าห์ ทีนี้รู้รึยังว่าแม่ของคุณน่ะร้ายกาจขนาดไหน!”บทที่ 3 พอเขาพูดจบเดือนลดาก็หน้าชามือเย็นชืดและพูดอะไรแทบไม่ออก เรียวปากอิ่มสีชมพูเรื่อซีดลงเล็กน้อยและเผยอออกอย่างลืมตัว มันสั่นระริกจนอีกฝ่ายหัวเราะหึในลำคอ เขามองเธออย่างกับจะกินเลือดเนื้อ แววตาหยามเหยียดจนหญิงสาวแทบจะแทรกแผ่นดินหนี ทว่าพอตั้งสติได้เธอก็รีบโต้กลับ “แต่ประเด็นใหญ่ที่เราคุยกันก็คือหนี้ที่แม่ฉันต้องใช้คืนคุณนะคะ”
โบ...ซึ่งเป็นบอดี้การ์ดชาวอเมริกันรูปร่างสูงใหญ่แต่หน้าตาดีมองร่างบอบบางในชุดกระโปรงป้ายและถือสายสะพายกระเป๋าไว้แน่น เขามองเธอคล้ายเคลือบแคลง ใบหน้าถมึงทึงของเขาทำให้หญิงสาวชักเริ่มประหม่า “ถ้าอย่างนั้นตามผมมาทางนี้ ผมมีเวลาให้คุณแค่สิบนาที เพราะตอนนี้คุณสมิธกำลังอยู่ในช่วงพักที่ห้องส่วนตัวของเขา” พอเขาพูดเช่นนั้นเดือนลดาก็มีสีหน้าแช่มชื่นขึ้นมาเล็กน้อย เธอมาที่นี่ด้วยความหวัง และช่างเป็นโอกาสอันดีที่เธอมาได้จังหวะพบกับเจ้าหนี้ของแม่บุญธรรม บอดี้การ์ดร่างใหญ่พาเธอขึ้นไปยังชั้นบนของโรงแรมซึ่งสำหรับเดือนลดาแล้วมันมีขนาดใหญ่และหรูหรามากจนหญิงสาวอดคิดไม่ได้ว่าเธอต้องทำงานสักกี่เดือนจึงจะพอจ่ายค่าห้องพักแค่เพียงคืนเดียว “ถึงแล้วครับ คุณสมิธอยู่ด้านใน อย่าลืมว่าคุณมีเวลาแค่สิบนาทีเท่านั้นนะครับ คุณเมย์” “ค่ะ...ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวคิดว่าแค่สิบนาทีก็เหลือเฟือแล้วแค่ให้เธอได้พบกับเจ้าของโรงแรมใหญ่ติดอันดับของลาสเวกัสซึ่งมันอาจเป็นเรื่องไม่ง่ายเลยหากมาผิดจังหวะและเวลา โบไม่ได้ติดตามเดือนลดาเข้าไปในห้องพ
เมื่อรถแท็กซี่จอดลงสนิท ร่างบอบบางในชุดกระโปรงป้ายสีครีมจึงก้าวลงมาและมองไปยังตึกสูงด้านหน้าซึ่งเป็นโรงแรมอันหรูหราตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่ถูกขนานนามว่า Sin City เรียกว่าเมืองแห่งบาป หรือลาสเวกัสนั่นเอง อากาศอันร้อนระอุกลางพื้นที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นทะเลทรายเย็นตัวลงในยามย่ำค่ำ โรงแรมอันหรูหราตั้งตระหง่านท่ามกลางแสงสปอร์ตไลต์ที่สาดส่องไปทั่ว เดือนลดาลอบถอนหายใจเล็กน้อยขณะยื่นค่าแท็กซี่ให้คนขับก่อนจะเดินตรงเข้าไปยังโรงแรมขนาดใหญ่สุดอลังการที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนแต่งกายราวกับมาร่วมเลี้ยงฉลองงานกลางคืน หญิงสาวเหลือบมองป้ายของโรงแรม Smith’s Hiend พลางนึกถึงคำพูดของ ฮอลลี่ ซึ่งเป็นแม่บุญธรรมที่ชุบเลี้ยงเธอมาแต่เล็กในการสนทนาอันเคร่งเครียดก่อนเดินทางมายังลาสเวกัสว่า “มินนี่...แกต้องช่วยแม่จัดการกับเรื่องนี้นะรู้มั้ย” “เรื่องอะไรคะแม่?” “ก็เรื่องที่แกจะเดินทางไปลาสเวกัสน่ะสิ! แกรู้มั้ยว่ามันสำคัญกับฉันมาก โดยเฉพาะเวลาที่แกไปถึงโรงแรมสมิธ ไฮเอนด์ แกต้องไปพบเจ้าของโรงแรมให้ได้เลยรู้มั้ย” “หนูไม่รู้จักเขานี่คะแม่”