ฉาด!!! เสียงฝ่ามือกระแทกเข้ากับใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มอย่างเร็วและแรงหลังจากที่หญิงสาวผละออกจากอ้อมอกของเขาและทำสีหน้าชิงชังรังเกียจ เอเดรียนลูบใบหน้าของเขาที่เปลี่ยนเป็นสีเข้มจัด อารมณ์ของชายหนุ่มเหมือนถูกน้ำมันราดลงในไฟที่คุโชน
“ฉันไม่ยอมรับข้อเสนอบ้า ๆ ของคุณ เอเดรียน ไม่มีทาง! ฉันไม่ได้เป็นผู้หญิงขายตัวอย่างที่คุณคิด”
“ผู้หญิงขายตัวบางคนไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นโสเภณี ทั้งที่การกระทำของตัวเองมันก็ไม่ต่างอะไรจากผู้หญิงขายตัวเลยสักนิด ผมไม่เชื่อหรอกว่าที่คุณตั้งใจมาที่นี่ก็เพื่อจะขอลดหย่อนหนี้ให้แม่ของคุณ อย่างน้อยผู้หญิงหน้าเงินอย่างพวกคุณก็ต้องหวังอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับไปบ้าง ถ้าไม่ใช่เงินก็อาจจะเป็นความพอใจที่คุณเคยชิน”
“เอเดรียน!”
เดือนลดาเงื้อมือขึ้นหวังฟาดซ้ำลงบนใบหน้าของเขาเป็นหนที่สองแต่ครั้งนี้เอเดรียนจับทิศทางถูก เขาคว้ามือเรียวบางเอาไว้ได้และบิดเต็มแรง
“โอ๊ย! ปล่อยฉัน”
“ผมไม่ยอมให้คุณตบผมเป็นหนที่สองหรอกนะมิสเมย์ และนี่ก็เป็นบทเรียนสั่งสอนผู้หญิงอวดดีอย่างคุณ!”
“อื๊อ!”
บทที่ 4
เดือนลดาอ้าปากแต่ไม่ทันได้ร้องออกมาเสียงแหลมเล็กก็ถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอของชายหนุ่มเมื่อเขาประกบปิดปากของเธอด้วยปากของเขา หญิงสาวชาไปหมดทั้งตัวเพราะไม่คิดว่าเจ้าของสมิธ ไฮเอนด์จะแสดงความกักขฬะกับเธอถึงขนาดนี้
หญิงสาวร้องไม่ออก ขนาดจะส่งเสียงผ่านลำคอก็ยังทำไม่ได้ เอเดรียนบดขยี้ริมฝีปากของเขาบนกลีบปากนุ่มจนเป็นรอยบวมเจ่อ เท่านั้นยังไม่พอเขายังกอดรัดเธอไว้ด้วยความโมโหที่ถูกตบหน้าฉาดใหญ่เสียอีกด้วย
“ปล่อย! เอเดรียน ฉันจะกลับบ้าน!”
หญิงสาวร้องตะโกนเมื่อเขาปล่อยให้ปากของเธอเป็นอิสระแต่ยังกอดรัดร่างเล็กที่พยายามดินสุดกำลังเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
“ตอนแรกผมคิดว่าจะให้คุณตัดสินใจเอง แต่ตอนนี้ผมว่าผมตัดสินใจให้คุณซะเลยจะดีกว่า มิสเมย์!”
ชายหนุ่มขบกรามเสียงดังกรอดก่อนจะทิ้งร่างเล็กบางให้นั่งลงบนเก้าอี้ตัวใหญ่ เขาลูบแก้มตัวเองอีกครั้งและลูบปากที่ยังเหลือร่องรอยของลิปกลอสหลังจูบแบบไม่บันยะบันยังให้เดือนลดาตกใจลนลาน
“คุณต้องเป็นผู้หญิงของผม แลกกับหนี้ท่วมหัวของแม่คุณ หรือถ้าหากคุณจะปฏิเสธ ผมจะเรียกทนายให้พาตำรวจไปลากคอแม่คุณเข้าตารางซะคืนนี้เลย!”
เสียงของเขากร้าวแข็งและดูเหมือนมันเกิดจากอารมณ์โกรธเคืองที่ปะทุออกมาเหมือนภูเขาไฟระเบิด เดือนลดาอยากจะร้องไห้ เธอไม่อาจตัดสินใจอะไรได้อีกแล้วหรือนี่
“คุณไม่มีสิทธิ์บังคับฉันนะคะ เอเดรียน”
“ผมมีสิทธิ์เต็มที่เลยล่ะมิสเมย์ และคุณฟังผมให้ดี” เขาว่าแล้วโน้มตัวลงไปที่เก้าอี้ซึ่งหญิงสาวนั่งห่อไหล่ด้วยความเกรงกลัว ชายหนุ่มค้ำมือทั้งสองบนที่เท้าแขน ใบหน้าของเขาเครียดเข้มจนเดือนลดาแทบไม่อยากจะมอง
“คุณต้องเป็นผู้หญิงของผม แต่ไม่ต้องกลัวไปหรอกนะว่าคุณต้องอยู่ที่นี่ตลอดชีวิต ก็แค่เอาตัวชดใช้หนี้ให้แม่ของคุณเดือนเดียวเท่านั้น ผมไม่ให้คุณอยู่ที่นี่นานหรอก เพราะผมแน่ใจว่าคนอย่างคุณก็ไม่ได้ต่างอะไรจากฮอลลี่ พวกที่ชอบทำตัวเป็นโสเภณีในบ่อนก็เป็นอย่างนี้ทุกคน!”
ยิ่งเขาพูดก็เหมือนเหล็กแหลมทิ่มแทงลงบนความรู้สึกของหญิงสาว เดือนลดากัดปากตัวเองแน่นเพื่อไม่ให้เสียงสะอื้นลอดออกไปให้คนใจร้ายอย่างเอเดรียนได้ยิน เธอต้องเข้มแข็ง ถ้าความทุกข์ทรมานคือการได้ตอบแทนผู้มีพระคุณเธอก็คงต้องเลือกมันอยู่ดี
“ได้...ฉันจะอยู่ที่นี่” เธอกัดฟันพูด “แต่คุณต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับฉันว่าแค่เดือนเดียวเท่านั้นที่ฉันต้องเป็นผู้หญิงของคุณ”
เอเดรียนเหยียดยิ้มกับชัยชนะของเขา “คุณฉลาดนี่ มิสเมย์ สายเลือดแม่ของคุณนี่มันแรงจริง ๆ แต่คุณก็ต้องจำไว้ด้วยเหมือนกันว่าคุณอยู่กับผมในฐานะผู้หญิงของผมเท่านั้น”
นางบำเรอต่างหาก...แค่เอเดรียนไม่เรียกเธอว่าอย่างนั้นก็เท่านั้นเอง หญิงสาวที่ตอนนี้อยู่อย่างคนไร้ทางสู้เม้มปากเข้าหากันแน่น เธอกำลังจะเก็บกลั้นน้ำตาที่รื้นขึ้นมาไม่ไหว ชายหนุ่มยืดตัวขึ้นยืนหลังตรงและมองเธอด้วยสายตาหยามเหยียด
“ถ้าคุณทำให้ผมพอใจ บางที...ผมอาจจะยกหนี้ทั้งหมดให้แม่ของคุณก็ได้”
“ฉันคงต้องขอบคุณในความกรุณาของคุณใช่มั้ยคะ คุณสมิธ”
เขายักไหล่ราวกับไม่ยี่หระ “ผมไม่ต้องการคำขอบคุณ เพราะผมไม่ต้องการให้คุณมองว่าผมตั้งใจจจะช่วยเหลือ แม่ของคุณต่างหากที่ก่อเรื่องยุ่งยากขึ้นมาเองและคุณก็เป็นคนที่ต้องเข้ามาช่วยแก้ปัญหา”
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอกลับไปคุยกับแม่ของฉันที่แอตแลนต้า”
“ไม่จำเป็น!” เขาเริ่มเกรี้ยวกราดอีกครั้ง “ผมว่าฮอลลี่ไม่ได้สนใจหรอกว่าลูกสาวของตัวเองจะต้องมาอยู่ที่ลาสเวกัสกี่วัน”
“แต่ฉันอยากจะพูดอะไรกับแม่ของฉันบ้าง”
“ตอนนี้คนที่คุณต้องฟังคือผมคนเดียว มิสเมย์!” เอเดรียนยื่นคำขาดและมันทำให้เดือนลดาแทบจะหมดกำลังใจเลยทีเดียว หญิงสาวนึกอย่างเจ็บแค้น เธอไม่น่าพาตัวเองมาเจอกับคนใจหินและหยาบกระด้างยิ่งกว่าหินผาอย่างเอเดรียน สมิธเลยแม้แต่น้อย ในที่สุดเดือนลดาก็ต้องตัดสินใจ หากเธอไม่สามารถปฏิเสธข้อเสนอซึ่งสำหรับเธอมันก็คือการบังคับเธอก็ต้องจำยอมรับสภาพที่ตัวเองต้องตกเป็น ผู้หญิงของเขา อย่างไม่อาจเลี่ยง ร่างบางขยับนั่งตัวตรงและกล่าวออกมาโดยไม่ยอมมองหน้าเขา “จริง ๆ แล้วตอนนี้ฉันต้องการแค่...เสื้อผ้าสักสองสามชุด เพราะฉัน...ไม่ได้เอาเสื้อผ้าติดตัวมาเลย” “ไม่จำเป็นต้องออกไปหาเสื้อผ้าที่ไหนหรอก ผมมีคนจัดหามันให้คุณ ตอนที่คุณไปถึงฮาเร็มของผมแล้ว” เดือนลดานิ่วหน้า “ฮาเร็ม...นะ...นี่หมายความว่าฉันต้องไปอยู่กับผู้หญิงหลาย ๆ คนอย่างพวกสุลต่านอย่างนั้นหรือ” เอเดรียนทำสีหน้าถมึงทึง เขาล้วงมือไว้ในกระเป๋าทั้งสองขณะมองเธออย่างพินิจพิจารณา “คุณไม่จำเป็นต้องถามอะไรผมมากหรอกมิสเมย์ ผมจะให้คนของผมพาคุณไปที่นั่น ที่อยู่ที่ผมสามารถต
เมื่อรถแท็กซี่จอดลงสนิท ร่างบอบบางในชุดกระโปรงป้ายสีครีมจึงก้าวลงมาและมองไปยังตึกสูงด้านหน้าซึ่งเป็นโรงแรมอันหรูหราตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่ถูกขนานนามว่า Sin City เรียกว่าเมืองแห่งบาป หรือลาสเวกัสนั่นเอง อากาศอันร้อนระอุกลางพื้นที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นทะเลทรายเย็นตัวลงในยามย่ำค่ำ โรงแรมอันหรูหราตั้งตระหง่านท่ามกลางแสงสปอร์ตไลต์ที่สาดส่องไปทั่ว เดือนลดาลอบถอนหายใจเล็กน้อยขณะยื่นค่าแท็กซี่ให้คนขับก่อนจะเดินตรงเข้าไปยังโรงแรมขนาดใหญ่สุดอลังการที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนแต่งกายราวกับมาร่วมเลี้ยงฉลองงานกลางคืน หญิงสาวเหลือบมองป้ายของโรงแรม Smith’s Hiend พลางนึกถึงคำพูดของ ฮอลลี่ ซึ่งเป็นแม่บุญธรรมที่ชุบเลี้ยงเธอมาแต่เล็กในการสนทนาอันเคร่งเครียดก่อนเดินทางมายังลาสเวกัสว่า “มินนี่...แกต้องช่วยแม่จัดการกับเรื่องนี้นะรู้มั้ย” “เรื่องอะไรคะแม่?” “ก็เรื่องที่แกจะเดินทางไปลาสเวกัสน่ะสิ! แกรู้มั้ยว่ามันสำคัญกับฉันมาก โดยเฉพาะเวลาที่แกไปถึงโรงแรมสมิธ ไฮเอนด์ แกต้องไปพบเจ้าของโรงแรมให้ได้เลยรู้มั้ย” “หนูไม่รู้จักเขานี่คะแม่”
โบ...ซึ่งเป็นบอดี้การ์ดชาวอเมริกันรูปร่างสูงใหญ่แต่หน้าตาดีมองร่างบอบบางในชุดกระโปรงป้ายและถือสายสะพายกระเป๋าไว้แน่น เขามองเธอคล้ายเคลือบแคลง ใบหน้าถมึงทึงของเขาทำให้หญิงสาวชักเริ่มประหม่า “ถ้าอย่างนั้นตามผมมาทางนี้ ผมมีเวลาให้คุณแค่สิบนาที เพราะตอนนี้คุณสมิธกำลังอยู่ในช่วงพักที่ห้องส่วนตัวของเขา” พอเขาพูดเช่นนั้นเดือนลดาก็มีสีหน้าแช่มชื่นขึ้นมาเล็กน้อย เธอมาที่นี่ด้วยความหวัง และช่างเป็นโอกาสอันดีที่เธอมาได้จังหวะพบกับเจ้าหนี้ของแม่บุญธรรม บอดี้การ์ดร่างใหญ่พาเธอขึ้นไปยังชั้นบนของโรงแรมซึ่งสำหรับเดือนลดาแล้วมันมีขนาดใหญ่และหรูหรามากจนหญิงสาวอดคิดไม่ได้ว่าเธอต้องทำงานสักกี่เดือนจึงจะพอจ่ายค่าห้องพักแค่เพียงคืนเดียว “ถึงแล้วครับ คุณสมิธอยู่ด้านใน อย่าลืมว่าคุณมีเวลาแค่สิบนาทีเท่านั้นนะครับ คุณเมย์” “ค่ะ...ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวคิดว่าแค่สิบนาทีก็เหลือเฟือแล้วแค่ให้เธอได้พบกับเจ้าของโรงแรมใหญ่ติดอันดับของลาสเวกัสซึ่งมันอาจเป็นเรื่องไม่ง่ายเลยหากมาผิดจังหวะและเวลา โบไม่ได้ติดตามเดือนลดาเข้าไปในห้องพ
“ถ้าผมสงสารลูกหนี้ของผมทุกคนกิจการคาสิโนก็คงเจ๊งกันพอดี ฟังนะมิสเมย์ แม่ของคุณเป็นหนี้เรามากถึงสิบล้านดอลล่าห์ และที่ผมรู้มาก็คือฮอลลี่แม่ของคุณเจ้าเล่ห์ไม่ใช่เล่น”“เจ้าเล่ห์?” หญิงสาวเลิกคิ้ว เอเดรียนยกยิ้มมุมปาก แววตาของเขาสะท้อนประกายคมกริบราวกับใบมีด และสิ่งที่เธอเห็นมันแฝงความหยามเหยียดอย่างไม่น่าให้อภัย“ปกติคาสิโนของเราจะไม่ปล่อยลูกหนี้กู้เงินในจำนวนสูงมากขนาดนี้ แต่แม่ของคุณมีกลเม็ดเด็ดพรายที่ทำให้ผู้จัดการคาสิโน่ยอมปล่อยกู้ให้”เขาหยุดคำพูดไปชั่วครู่และเหยียดยิ้มร้ายที่กลบความมีเสน่ห์น่าหลงใหลไปสิ้น“ฮอลลี่เสนอตัวนอนกับผู้จัดการของผม จนเขายินยอมปล่อยกู้ให้แม่ของคุณถึงสิบล้านดอลล่าห์ ทีนี้รู้รึยังว่าแม่ของคุณน่ะร้ายกาจขนาดไหน!”บทที่ 3 พอเขาพูดจบเดือนลดาก็หน้าชามือเย็นชืดและพูดอะไรแทบไม่ออก เรียวปากอิ่มสีชมพูเรื่อซีดลงเล็กน้อยและเผยอออกอย่างลืมตัว มันสั่นระริกจนอีกฝ่ายหัวเราะหึในลำคอ เขามองเธออย่างกับจะกินเลือดเนื้อ แววตาหยามเหยียดจนหญิงสาวแทบจะแทรกแผ่นดินหนี ทว่าพอตั้งสติได้เธอก็รีบโต้กลับ “แต่ประเด็นใหญ่ที่เราคุยกันก็คือหนี้ที่แม่ฉันต้องใช้คืนคุณนะคะ”
“ตอนนี้คนที่คุณต้องฟังคือผมคนเดียว มิสเมย์!” เอเดรียนยื่นคำขาดและมันทำให้เดือนลดาแทบจะหมดกำลังใจเลยทีเดียว หญิงสาวนึกอย่างเจ็บแค้น เธอไม่น่าพาตัวเองมาเจอกับคนใจหินและหยาบกระด้างยิ่งกว่าหินผาอย่างเอเดรียน สมิธเลยแม้แต่น้อย ในที่สุดเดือนลดาก็ต้องตัดสินใจ หากเธอไม่สามารถปฏิเสธข้อเสนอซึ่งสำหรับเธอมันก็คือการบังคับเธอก็ต้องจำยอมรับสภาพที่ตัวเองต้องตกเป็น ผู้หญิงของเขา อย่างไม่อาจเลี่ยง ร่างบางขยับนั่งตัวตรงและกล่าวออกมาโดยไม่ยอมมองหน้าเขา “จริง ๆ แล้วตอนนี้ฉันต้องการแค่...เสื้อผ้าสักสองสามชุด เพราะฉัน...ไม่ได้เอาเสื้อผ้าติดตัวมาเลย” “ไม่จำเป็นต้องออกไปหาเสื้อผ้าที่ไหนหรอก ผมมีคนจัดหามันให้คุณ ตอนที่คุณไปถึงฮาเร็มของผมแล้ว” เดือนลดานิ่วหน้า “ฮาเร็ม...นะ...นี่หมายความว่าฉันต้องไปอยู่กับผู้หญิงหลาย ๆ คนอย่างพวกสุลต่านอย่างนั้นหรือ” เอเดรียนทำสีหน้าถมึงทึง เขาล้วงมือไว้ในกระเป๋าทั้งสองขณะมองเธออย่างพินิจพิจารณา “คุณไม่จำเป็นต้องถามอะไรผมมากหรอกมิสเมย์ ผมจะให้คนของผมพาคุณไปที่นั่น ที่อยู่ที่ผมสามารถต
ฉาด!!! เสียงฝ่ามือกระแทกเข้ากับใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มอย่างเร็วและแรงหลังจากที่หญิงสาวผละออกจากอ้อมอกของเขาและทำสีหน้าชิงชังรังเกียจ เอเดรียนลูบใบหน้าของเขาที่เปลี่ยนเป็นสีเข้มจัด อารมณ์ของชายหนุ่มเหมือนถูกน้ำมันราดลงในไฟที่คุโชน “ฉันไม่ยอมรับข้อเสนอบ้า ๆ ของคุณ เอเดรียน ไม่มีทาง! ฉันไม่ได้เป็นผู้หญิงขายตัวอย่างที่คุณคิด”“ผู้หญิงขายตัวบางคนไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นโสเภณี ทั้งที่การกระทำของตัวเองมันก็ไม่ต่างอะไรจากผู้หญิงขายตัวเลยสักนิด ผมไม่เชื่อหรอกว่าที่คุณตั้งใจมาที่นี่ก็เพื่อจะขอลดหย่อนหนี้ให้แม่ของคุณ อย่างน้อยผู้หญิงหน้าเงินอย่างพวกคุณก็ต้องหวังอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับไปบ้าง ถ้าไม่ใช่เงินก็อาจจะเป็นความพอใจที่คุณเคยชิน”“เอเดรียน!”เดือนลดาเงื้อมือขึ้นหวังฟาดซ้ำลงบนใบหน้าของเขาเป็นหนที่สองแต่ครั้งนี้เอเดรียนจับทิศทางถูก เขาคว้ามือเรียวบางเอาไว้ได้และบิดเต็มแรง“โอ๊ย! ปล่อยฉัน”“ผมไม่ยอมให้คุณตบผมเป็นหนที่สองหรอกนะมิสเมย์ และนี่ก็เป็นบทเรียนสั่งสอนผู้หญิงอวดดีอย่างคุณ!”“อื๊อ!”บทที่ 4 เดือนลดาอ้าปากแต่ไม่ทันได้ร้องออกมาเสียงแหลมเล็กก็ถูกกลืนหายเข้
“ถ้าผมสงสารลูกหนี้ของผมทุกคนกิจการคาสิโนก็คงเจ๊งกันพอดี ฟังนะมิสเมย์ แม่ของคุณเป็นหนี้เรามากถึงสิบล้านดอลล่าห์ และที่ผมรู้มาก็คือฮอลลี่แม่ของคุณเจ้าเล่ห์ไม่ใช่เล่น”“เจ้าเล่ห์?” หญิงสาวเลิกคิ้ว เอเดรียนยกยิ้มมุมปาก แววตาของเขาสะท้อนประกายคมกริบราวกับใบมีด และสิ่งที่เธอเห็นมันแฝงความหยามเหยียดอย่างไม่น่าให้อภัย“ปกติคาสิโนของเราจะไม่ปล่อยลูกหนี้กู้เงินในจำนวนสูงมากขนาดนี้ แต่แม่ของคุณมีกลเม็ดเด็ดพรายที่ทำให้ผู้จัดการคาสิโน่ยอมปล่อยกู้ให้”เขาหยุดคำพูดไปชั่วครู่และเหยียดยิ้มร้ายที่กลบความมีเสน่ห์น่าหลงใหลไปสิ้น“ฮอลลี่เสนอตัวนอนกับผู้จัดการของผม จนเขายินยอมปล่อยกู้ให้แม่ของคุณถึงสิบล้านดอลล่าห์ ทีนี้รู้รึยังว่าแม่ของคุณน่ะร้ายกาจขนาดไหน!”บทที่ 3 พอเขาพูดจบเดือนลดาก็หน้าชามือเย็นชืดและพูดอะไรแทบไม่ออก เรียวปากอิ่มสีชมพูเรื่อซีดลงเล็กน้อยและเผยอออกอย่างลืมตัว มันสั่นระริกจนอีกฝ่ายหัวเราะหึในลำคอ เขามองเธออย่างกับจะกินเลือดเนื้อ แววตาหยามเหยียดจนหญิงสาวแทบจะแทรกแผ่นดินหนี ทว่าพอตั้งสติได้เธอก็รีบโต้กลับ “แต่ประเด็นใหญ่ที่เราคุยกันก็คือหนี้ที่แม่ฉันต้องใช้คืนคุณนะคะ”
โบ...ซึ่งเป็นบอดี้การ์ดชาวอเมริกันรูปร่างสูงใหญ่แต่หน้าตาดีมองร่างบอบบางในชุดกระโปรงป้ายและถือสายสะพายกระเป๋าไว้แน่น เขามองเธอคล้ายเคลือบแคลง ใบหน้าถมึงทึงของเขาทำให้หญิงสาวชักเริ่มประหม่า “ถ้าอย่างนั้นตามผมมาทางนี้ ผมมีเวลาให้คุณแค่สิบนาที เพราะตอนนี้คุณสมิธกำลังอยู่ในช่วงพักที่ห้องส่วนตัวของเขา” พอเขาพูดเช่นนั้นเดือนลดาก็มีสีหน้าแช่มชื่นขึ้นมาเล็กน้อย เธอมาที่นี่ด้วยความหวัง และช่างเป็นโอกาสอันดีที่เธอมาได้จังหวะพบกับเจ้าหนี้ของแม่บุญธรรม บอดี้การ์ดร่างใหญ่พาเธอขึ้นไปยังชั้นบนของโรงแรมซึ่งสำหรับเดือนลดาแล้วมันมีขนาดใหญ่และหรูหรามากจนหญิงสาวอดคิดไม่ได้ว่าเธอต้องทำงานสักกี่เดือนจึงจะพอจ่ายค่าห้องพักแค่เพียงคืนเดียว “ถึงแล้วครับ คุณสมิธอยู่ด้านใน อย่าลืมว่าคุณมีเวลาแค่สิบนาทีเท่านั้นนะครับ คุณเมย์” “ค่ะ...ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวคิดว่าแค่สิบนาทีก็เหลือเฟือแล้วแค่ให้เธอได้พบกับเจ้าของโรงแรมใหญ่ติดอันดับของลาสเวกัสซึ่งมันอาจเป็นเรื่องไม่ง่ายเลยหากมาผิดจังหวะและเวลา โบไม่ได้ติดตามเดือนลดาเข้าไปในห้องพ
เมื่อรถแท็กซี่จอดลงสนิท ร่างบอบบางในชุดกระโปรงป้ายสีครีมจึงก้าวลงมาและมองไปยังตึกสูงด้านหน้าซึ่งเป็นโรงแรมอันหรูหราตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่ถูกขนานนามว่า Sin City เรียกว่าเมืองแห่งบาป หรือลาสเวกัสนั่นเอง อากาศอันร้อนระอุกลางพื้นที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นทะเลทรายเย็นตัวลงในยามย่ำค่ำ โรงแรมอันหรูหราตั้งตระหง่านท่ามกลางแสงสปอร์ตไลต์ที่สาดส่องไปทั่ว เดือนลดาลอบถอนหายใจเล็กน้อยขณะยื่นค่าแท็กซี่ให้คนขับก่อนจะเดินตรงเข้าไปยังโรงแรมขนาดใหญ่สุดอลังการที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนแต่งกายราวกับมาร่วมเลี้ยงฉลองงานกลางคืน หญิงสาวเหลือบมองป้ายของโรงแรม Smith’s Hiend พลางนึกถึงคำพูดของ ฮอลลี่ ซึ่งเป็นแม่บุญธรรมที่ชุบเลี้ยงเธอมาแต่เล็กในการสนทนาอันเคร่งเครียดก่อนเดินทางมายังลาสเวกัสว่า “มินนี่...แกต้องช่วยแม่จัดการกับเรื่องนี้นะรู้มั้ย” “เรื่องอะไรคะแม่?” “ก็เรื่องที่แกจะเดินทางไปลาสเวกัสน่ะสิ! แกรู้มั้ยว่ามันสำคัญกับฉันมาก โดยเฉพาะเวลาที่แกไปถึงโรงแรมสมิธ ไฮเอนด์ แกต้องไปพบเจ้าของโรงแรมให้ได้เลยรู้มั้ย” “หนูไม่รู้จักเขานี่คะแม่”