หายนะ! บอกได้คำเดียวว่านี่มันหายนะชัด ๆ !
น้ำตาลได้แต่ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก ภูริวัฒน์เหมือนสวมวิญญาณผีบ้า ประเคนหมัดใส่ชายหนุ่มอีกคนหลุน ๆ ทางด้านชานนท์แม้จะเพลี่ยงพล้ำในตอนแรก แต่พอตั้งตัวได้ก็ซัดกลับไปไม่ยิ่งหย่อนไม่กว่ากัน
“พี่ภู!”
เมื่อได้สติน้ำตาลรีบพาตัวเองเข้าไปแทรกกลาง เธอกางแขนออกหันหน้าไปทางสามี
“หยุดได้แล้วค่ะ!” เธอสั่ง มองหน้าภูริวัฒน์ที่โมโหจนเลือดขึ้นหน้า และรู้สึกว่าเขาไม่ได้โมโหแค่ชานนท์คนเดียว เธอไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน เขาสุภาพอ่อนโยนเสมอ ไม่เคยมีเรื่องชกต่อยกับใคร
“พี่ภูเข้าไปรอตาลในบ้านก่อนนะคะ” เธอส่งสายตาขอร้อง
“ตาล” เขาทำท่าไม่ยอม
“ตาลขอร้อง” เธอบอกอีกครั้ง
สามีหนุ่มลังเล จ้องผู้ชายอีกคนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แล้วจึงเดินเข้าไปในบ้าน แต่ก็ไม่วายส่งสายตาอาฆาตใส่ชานนท์ที่จ้องเขากลับเช่นกัน
“พี่ภูอย่าเป็นแบบนี้สิคะ”“พี่เป็นอะไร”“นนท์เขาไปประชุมที่กรุงเทพฯ เพิ่งจะกลับมาเมื่อวาน ตาลไม่ได้เจอเขาเลยจนกระทั่งวันนี้ ตาลกำลังจะบอกเขาเรื่องของเรา แต่พี่ดันโผล่มาซะก่อน” เธอพยายามอธิบายภูริวัฒน์ส่ายหน้าผิดหวัง “ตาลยังทำแบบนี้อยู่อีกเหรอ”“ตาลทำอะไรคะ”“ปิดบังพี่”“ตาลขอโทษ ตาลไม่รู้นี่ว่าต้องรายงานพี่ทุกเรื่องที่ตาลทำ”“ตาลรู้ว่าพี่ไม่ได้ความแบบนั้น ตาลต้องคิดได้สิ ถ้าตาลบอกให้พี่รู้ เรื่องแบบนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น”“ถ้าพี่บอกว่าพี่จะมาเรื่องนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นเหมือนกัน“พี่แค่อยากทำตัวโรแมนติกแบบคนอื่นเขาบ้าง อยากมาเซอร์ไพรส์ตาล แต่…” เขาส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง “กลายเป็นว่าพี่เป็นฝ่ายผิดซะเอง”น้ำตาลสะอึก รู้ว่าตัวเองทำกับเขาไม่ถูก มันไม่แฟร์กับเขาที่ไปกล่าวโทษเขาทั้งหมด
ภูริทัตเดินเข้ามาในโรงพยาบาลที่ปกติไม่ค่อยได้มาเท่าไหร่ เพราะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา แต่วันนี้ไม่ใช่ วันนี้เขามีภารกิจที่สำคัญมาก คือหาตัวพี่ชายให้พบ แล้วจับมาเขกกะโหลกสักทีภายในห้องรอมีบรรดาพ่อแม่กับเด็ก ๆ ที่บ้างกำลังส่งเสียงร้องจ้า บ้างกำลังเล่นของเล่น เขาไม่สนใจ เดินตรงไปยังพนักงานต้อนรับ แล้วแจ้งความประสงค์ทันที“สวัสดีครับ ผมมาพบหมอภู”“ขอโทษค่ะ ตอนนี้คุณหมอไม่อยู่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณได้นัดไว้ก่อนรึเปล่าคะ”“ผมชื่อภูริทัต เป็นน้องชายเขา ผมต้องการเจอเขา วันนี้เขาได้เข้ามารึยังครับ”“วันนี้คุณหมอยังไม่เข้ามาเลยค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ”“ทัต”ภูริทัตหันหลังกลับไปมองตามเสียงเรียก ธรรมมิกากำลังเดินตรงมาหาเขา“สวัสดีมิกา”คุณหมอสาวยิ้มให้เขา “มีอะไรให้ช่วยรึเปล่า”“ผมกำลังหาพี่ภูอ
ภูริทัตเคาะประตูหน้าห้อง สักพักประตูก็เปิดออก สภาพของภูริวัฒน์ที่เดินมาเปิดประตูดูแทบไม่ได้ เขาสวมกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดสีขาว ขอบใต้ตาคล้ำเป็นวง ผมเผ้ายุ่งเหยิง“ทัต นายมาได้ไง แล้วรู้ได้ไงว่าพี่อยู่ที่นี่” ภูริวัฒน์ตะลึงไปพักหนึ่งเมื่อเห็นน้องชายภูริทัตไม่สนใจที่จะตอบ“แม่เป็นห่วงพี่มากจนเกือบจะไปแจ้งความคนหายแล้วพี่รู้มั้ย” เขาไม่ได้โกหกไปซะทั้งหมด เมื่อเช้าก่อนออกจากบ้านแม่ดูเป็นห่วงและแกล้งทำท่าจะแจ้งความจริง แต่เขาดูออกว่าอย่างหลังเป็นการเล่นละครโอเวอร์ตามประสาแม่“พี่อยากอยู่คนเดียว”ภูริวัฒน์บอกแล้วจะปิดประตูใส่ แต่น้องชายไวกว่า ยันมือไว้ทัน แล้วรีบแทรกตัวเข้าไปในห้อง เมื่อเห็นว่าเปล่าประโยชน์ ภูริวัฒน์จึงปิดประตู เดินไปเปิดตู้เย็น หยิบเบียร์มาหนึ่งกระป๋อง แล้วค่อยไปนั่งที่โซฟาภูริทัตไปหยิบเบียร์มาให้ตัวเองบ้าง แล้วกลับมานั่งสำรวจพี่ชาย เขาเห็นภูริวัฒน์อยู่ในสภาพนี้ครั้งสุดท้าย
คืนนี้เป็นคืนงามพรอมสำหรับนักเรียนที่กำลังจะจบชั้นม.6 น้ำหวานในชุดเดรสสายเดี่ยวสีแดงดูสวยและเจิดจรัสมาก แค่เห็นน้ำตาลก็อยากร้องไห้ ในที่สุดน้องน้อยของเธอก็โตเป็นผู้ใหญ่ เธออยากให้แม่ยังอยู่กับพวกเธอตอนนี้จริง ๆ แม่จะต้องดีใจและภูมิใจมาก เธอพยายามไม่นึกถึงว่าหลังจากนี้น้องสาวกำลังจะไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียในอีกไม่กี่เดือน เธอดีใจที่น้องได้ทุน แต่ตัวเธอเองยังไม่ได้เตรียมใจ“พี่ตาลร้องให้ทำไม” น้ำหวานถามแล้วหยิบกระดาษทิชชู่ยื่นให้“พี่ขอโทษ” น้ำตาลรับกระดาษทิชชู่มาซับน้ำตา พยายามกลั้นสะอื้นไปด้วย “พี่แค่…น้องสาวพี่โตแล้ว”คนเป็นน้องหัวเราะแล้วแกล้งพูด “พี่ตาลเพิ่งรู้เหรอ”น้ำตาลยิ้ม ยังมีหยดน้ำตาที่หางตา “พี่อยากให้แม่ยังอยู่กับพวกเราจัง แม่จะต้องดีใจและภูมิใจในตัวหวานมาก”“โธ่พี่ตาล…พอได้แล้วค่ะ อย่างเพิ่งทำซึ้ง เดี๋ยวหวานก็ร้องไห้ตามหรอก”“ก็ได้ ๆ ไม่ร้องแล้ว”
น้ำตาลมาถึงกรุงเทพฯ ในตอนสายของวันรุ่งขึ้น เธอตั้งใจมาแค่วันเดียวจึงจองตั๋วกลับไว้ตอนกลางคืน การมาครั้งนี้ของเธอก็เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาสำคัญ ซึ่งแน่นอนว่าคือแม่ของเขา แผนการของเธอนั้นง่าย ๆ ไม่มีอะไรมาก คือการพูดคุยกับหล่อนอย่างตรงไปตรงมา และมันต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก แต่เธอต้องทำ ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อลูกของเธอเธอนัดเจอแม่เขาที่ร้านอาหาร ซึ่งภูริทัตเป็นคนจัดการเรื่องนี้ให้ เพราะรู้ว่าหล่อนจะระมัดระวังตัวและรักษาภาพลักษณ์เวลาอยู่นอกบ้าน อย่างน้อยเธอจะได้ใช้จุดนี้ควบคุมหล่อนได้เมื่อมาถึงร้านอาหารที่นัดไว้ น้ำตาลเดินเข้าไป มองไปรอบ ๆ แล้วก็เห็นเป้าหมายนั่งอยู่ที่โต๊ะทางด้านขวามือ เธอเดินตรงเข้าไปโดยไม่รอช้า แม่ของภูริวัฒน์ไม่ได้สังเกตเห็นเธอตั้งแต่แรก จนกระทั่งเธอไปหยุดยืนข้างโต๊ะนั่นแหละถึงหันหน้ามา สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ ผู้หญิงตรงหน้าในวัยหกสิบต้น ๆ แต่ยังแต่งตัวกระชากวัยด้วยชุดกระโปรงสีดำ ทับด้วยเสื้อแขนระบายสีเหลือง เธอไม่เห็นว่าหล่อนใส่รองเท้าอะไร แต่กล้าพนันได้เลยว่าต้องเป็นรองเท
อีกฝ่ายไม่เอ่ยอะไรน้ำตาลเลยพูดต่อ“ตาลว่าถึงเวลาแล้วค่ะที่เราสองคนจะต้องคุยกันจริงจังซะที จะได้เคลียร์กันให้จบ ๆ ตาลรู้ว่าคุณเกลียดตาล แต่ไม่รู้ว่าทำไม”“แล้วการที่เธอทิ้งลูกชายฉันไปโดยไม่บอกกล่าวเป็นเหตุผลได้มั้ยล่ะ”น้ำตาลยิ้มหยัน “คุณเกลียดตาลก่อนหน้านั้นอีก ตั้งแต่แรกเลย ตาลไม่โง่นะคะ อย่ามาดูถูกตาล”หล่อนจ้องน้ำตาลเขม็ง “เธอเกิดนึกสนใจอะไรขึ้นมา ทำไมจู่ ๆ ถึงได้มาถามเรื่องนี้”“ตาลแค่คิดอะไรบางอย่างได้ก็แค่นั้น”“อ้อเหรอ อะไรล่ะ”“คุณกับตาลยังไงก็อยู่ร่วมกันไม่ได้ มันเป็นความต้องการของพี่ภูที่อยากให้แม่กับเมียอยู่ร่วมกัน แต่เขาไม่เข้าใจว่ามันเป็นไปไม่ได้”“แล้วไง เธอเลยมาขอร้องฉันเพราะรู้ว่าจะเสียภูไปงั้นสิ” แม่สามีกระหยิ่มใจ แต่น้ำตาลยิ่งเห็นแล้วยิ่งรังเกียจน้ำตาลยิ้มให้ เป็นยิ้มการค้าที่ไม่ได้อ
หลังออกจากร้านอาหารที่นัดกับแม่สามีไว้ น้ำตาลเดินมาตามถนนเรื่อย ๆ เธอไม่ได้รู้สึกหิวมากแม้ว่าจะใกล้เที่ยงแล้วเพราะเธอกินแซนด์วิชมาแล้วขณะอยู่บนเครื่องบิน เธอเดินผ่านร้านก๋วยเตี๋ยวเลยตัดสินใจแวะ ตลอดทางยังคิดถึงบทสนทนาระหว่างเธอกับแม่สามีที่หล่อนบอกว่าลูกชายหล่อนต้องเลือกหล่อนอยู่แล้ว ทั้งยังบอกว่าคนที่เหมาะสมกับภูริวัฒน์คือธรรมิกา ยังคงเป็นเช่นเดิมอยู่อย่างนั้นสินะ ถึงจะบอกว่าไม่ใส่ใจ แต่มันก็ยากที่จะไม่ให้คำพูดหล่อนทำร้ายเธอ เมื่อก่อนเธอพยายามขบคิดว่าเธอไปทำอะไรไว้หล่อนถึงเกลียดเธอได้ขนาดนี้ แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าไม่ใช่เป็นเพราะเธอ แต่เป็นเพราะฝ่ายนั้นต่างหากขณะที่กำลังกินมื้อกลางวันอยู่ น้ำตาลก็คิดจะโทรหาภูริวัฒน์เพื่อบอกว่าเธออยู่ไหน ประมาณว่าเธอจะเซอร์ไพรส์เขา แต่ก็อีกนั่นแหละ เธอกับเขาไม่ได้พูดกันมาเป็นอาทิตย์แล้ว บางทีมันอาจไม่ใช่เซอร์ไพรส์ก็ได้ แล้วเรื่องเซอร์ไพรส์หนหลังของทั้งคู่ก็จบลงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ และคนที่ผิดเต็ม ๆ เลยคือเธอที่โมโหใส่เขาน้ำตาลถอนใจ หยิบโทรศัพท์มือถือ เปิดรายชื่อผู้ติดต่
ญาติของภูริวัฒน์นิสัยดีทุกคน และก็สนิทกัน ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับภูริวัฒน์ที่จู่ ๆ ภรรยาก็หายไป“เอ่อ ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะ…” เขารีบบอกเมื่อเห็นน้ำตาลเงียบ“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกับพี่ภูมีเรื่องที่ไม่เข้าใจกัน แต่เรากำลังแก้ปัญหากันอยู่” น้ำตาลบอกอย่างตรงไปตรงมา“ผมดีใจด้วยนะครับ อ้อ คุณน่าจะมาที่บ้านเราในช่วงสงกรานต์นี้นะครับ พี่ทัตมาทุกปี ส่วนพี่ภู รายนั้นถ้าไม่ติดงานก็นาน ๆ มาที”“ค่ะ” น้ำตาลยิ้มให้ เธอไม่คิดปฏิเสธเพราะเห็นความจริงใจของคนเชิญ“ตอบตกลงแล้วห้ามเบี้ยวนะครับ ผมจะไปประกาศในไลน์กลุ่มครอบครัว”น้ำตาลหัวเราะ ขณะเดียวกันภูริวัฒน์ก็เดินออกจากห้องตรวจมาพอดี เขาหยุดคุยกับนางพยาบาลก่อนที่จะสังเกตเห็นเธอ การได้ประสานสายตากับชายหนุ่มเพียงเสี้ยววินาทีกลับทำให้น้ำตาลรู้สึกประหม่าแต่ก็ยิ้มบาง ๆ ให้ สีหน้าของเขาดูประหลาดใจไม่น้อย เขายิ้มกว้างให้เธอแล้วรีบเดินตรงมา
สองปีต่อมาภูริวัฒน์นอนตะแคงข้าง มองผู้หญิงสองคนที่เขารักที่สุดในโลก คนหนึ่งคือภรรยาที่กำลังนอนคว่ำหน้าหมดแรง เนื่องจากเหนื่อยจากการเลี้ยงลูก และอีกหนึ่ง แน่นอนว่าเป็นนางฟ้าตัวน้อยของเขา น้องดาหวัน ซึ่งกำลังหลับปุ๋ยอยู่ระหว่างพ่อและแม่ ในมือกอดขวดนมไว้หลวม ๆ เขาอดใจไม่ไหวยื่นนิ้วออกไปเกลี่ยแพขนตางอนหนาของเจ้าตุ๊กตาตัวน้อย ไม่ได้อยากทำให้ตื่น แต่ทนต่อความน่ารักไม่ไหวจริง ๆไม่มีคำไหนมาบรรยายความรักของเขาที่มีต่อเธอได้เลย ตอนนี้ชีวิตเขากำลังอยู่ในช่วงเวลาอิ่มเอมอย่างที่สุด มีทั้งภรรยาที่รัก และลูกสาวที่น่ารัก นอกจากนี้ แม่เขาก็เปิดใจรับน้ำตาลมากขึ้น หลังจากเกิดเรื่องราวในคืนนั้น แม่กับน้ำตาลแม้จะไม่ได้สนิทกันมากแต่ก็ไม่ได้ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้แบบเมื่อก่อน เขารู้สึกขอบคุณแม่ที่ยอมละทิฐิตัวเองลงไปได้บ้างไม่กี่นาทีถัดมา น้ำตาลรู้สึกตัวตื่นขึ้น เธอหยีตาก่อนที่จะค่อย ๆ ลืมตา“พี่ภูตื่นแล้วเหรอคะ” ถามพร้อมบิดขี้เกียจ
อายุครรภ์ของน้ำตาลล่วงเข้าสู่สัปดาห์ที่ยี่สิบสอง หน้าท้องของเธอตอนนี้นูนขึ้นมาจนสามารถเห็นได้ชัดขึ้นแล้ว และสิ่งที่น่ายินดีคือเธอรู้เพศของลูกแล้ว เธอกับภูริวัฒน์กำลังจะมีลูกสาว ตอนนี้เธอรับรู้การเคลื่อนไหวของแกบ่อยขึ้น น้ำตาลจำได้ว่าครั้งแรกเธอกลัวมาก เธอรู้สึกแปลก ๆ เหมือนมีอะไรขยับในท้อง ด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าลูกจะเป็นอันตรายจึงตื่นตระหนก“พี่ภูคะ!” เธอตะโกนเรียกสามีเสียงดังภูริวัฒน์รีบมาหาเธอทันทีโดยที่พันผ้าขนหนูไว้รอบเอวเท่านั้น ผมมีน้ำหยดติ๋ง ๆ หน้าตาเขาตื่นตกใจ “เกิดอะไรขึ้นตาล”“ตาลไม่รู้”เธอมองหน้าเขา แล้วยกมือวางที่หน้าท้อง “ตาลรู้สึกแปลก ๆ ข้างใน”สามีหนุ่มนั่งลงหน้าภรรยา เขาวางมือลงบนหน้าท้องเธอ ทั้งคู่เฝ้ารอจนกระทั่งความรู้สึกแบบเมื่อครู่เกิดขึ้นอีกครั้ง“พี่ภู” น้ำตาลบอกให้เขารู้รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา
คุณหมอขยับเครื่องมือไปตามหน้าท้องของน้ำตาลเพื่อหาจังหวะการเต้นของหัวใจของทารกในท้อง เธอรู้สึกตื่นเต้นและกังวลไปหมด รู้ว่าไม่มีอะไรต้องกังวลมากแต่ก็อดไม่ได้ ส่วนภูริวัฒน์ยืนอยู่ด้านข้าง จับมือเธอไว้ขณะที่สายตาจับจ้องที่หน้าจอสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่ในที่สุดก็ปรากฏภาพทารกที่กำลังเจริญเติบโตในครรภ์ ซึ่งหมอบอกว่าอายุประมาณเก้าสัปดาห์ น้ำตาลแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เมื่อได้เห็นภาพเจ้าตัวเล็กครั้งแรก ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเหลือเชื่อสำหรับเธอมาก เมื่อคุณหมอขยับเครื่องมือ ก็เกิดเสียงดังตุบ ๆ ๆ คุณหมอสาวยิ้มให้“นี่เสียงหัวใจค่ะ” เธอบอกภูริวัฒน์มองหน้าภรรยาพร้อมกับบีบมือ ต่างคนต่างเข้าใจความรู้สึกที่เกิดขึ้นในขณะนี้ดี มันตื่นเต้นตื้นตันเกินกว่าจะสามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ พอตรวจเสร็จคุณหมอสั่งปรินต์รูปอัลตราซาวด์เจ้าตัวเล็กให้ จากนั้นพยาบาลก็นำมาให้พร้อมกับทำความสะอาดหน้าท้องคนไข้ เสร็จแล้วภูริวัฒน์ก็ช่วยพยุงภรรยาขึ้นจากเตียง“ทั้งแม่และเด็กแข็งแรงดีค่ะ” คุณหมอบอก
น้ำตาลยืนเอามือยันกับผนัง ชะโงกหน้าเหนือชักโครกและรอ แต่ไม่มีอะไรสักอย่าง เธอเป็นแบบนี้มาได้สักพักแล้ว รู้สึกอยากอาเจียน เธอเลยรีบมาที่ห้องน้ำ แต่พอมาถึง โก่งคออาเจียนกลับมีแต่น้ำลายเหนียว ๆ ทำเอาเธอเหนื่อยและเพลียมาก เธออยากให้อาการนี้หายไปสักที สุดท้ายเธอตัดสินใจนั่งลงที่พื้น รู้ว่าถ้ากลับไปนอนพัก อย่างไรเดี๋ยวก็ต้องกลับมาอีก แต่เมื่อนั่งรอไปได้สักพัก ไม่มีทีท่าว่าจะอาเจียนต่อจึงลุกกลับไปนอน แต่เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงดังขึ้น เธอนึกแปลกใจเพราะว่าตอนนี้ใกล้จะตีสี่เข้าไปแล้ว ใครจะโทรมาเวลานี้ เธอควานมือไปหยิบมือถือขึ้นมาดู หัวใจเธอเต้นแรงทันทีเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ เพียงแค่เห็นก็รู้สึกอบอุ่นใจ อาจเป็นเพราะช่วงนี้เธอมีอารมณ์อ่อนไหวมากเป็นพิเศษ“พี่ภู”“ตาล พี่ปลุกตาลรึเปล่า” รู้ว่าเวลานี้เป็นเวลานอนแต่ทนคิดถึงไม่ไหว ทั้งยังตื่นเต้นที่กำลังจะได้เจอ“เปล่าค่ะ” เธอตอบเสียงเหนื่อยจนคนฟังจับได้“ตาลไม่ได้นอนอยู่เหรอ เป็น
สองสัปดาห์ผ่านไปที่น้ำตาลภรรยาสุดรักกลับไปหลังจากที่เธอมาหาเขาพร้อมกับข่าวดี ภูริวัฒน์ยังคิดว่าตัวเองฝันไปที่กำลังจะมีลูก เขารู้สึกถึงช่วงเวลาสุดพิเศษ มีความสุข ยิ้มได้ทั้งวัน จนคนรอบข้างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เขายังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร แต่แน่นอนว่าเขาจะต้องบอกน้องชายกับแม่เร็ว ๆ นี้ตอนนี้เขากำลังคิดถึงเรื่องสำคัญบางอย่าง เขากับน้ำตาลอยู่ไกลกันคนละจังหวัด เขาเป็นห่วงเธอกับลูก อยากเจอ อยากไปหา ไปดูแล เพราะเธออยู่ในช่วงที่อารมณ์อ่อนไหวและต้องการการดูแลอย่างระมัดระวังที่สุด ผลสอบชิงทุนของน้ำหวานประกาศแล้ว สรุปว่าเธอได้รับทุนสมใจ จึงต้องเตรียมตัวเพื่อที่จะจัดการเอกสารต่าง ๆ เพื่อที่จะได้เดินทางไปเรียนที่ออสเตรเลียในอีกสี่เดือน เขาไม่อยากให้น้ำตาลอยู่ตัวคนเดียวในช่วงเวลานี้ เพราะเธอยืนกรานว่าจะไม่ย้ายมาอยู่กับเขาก่อนที่น้องจะเดินทาง“พี่ภูไม่ต้องมาหรอกค่ะ ตาลอยู่ได้” เสียงภรรยาตอบกลับเมื่อเขาบอกว่าจะไปอยู่กับเธอ“พี่อยากไปอยู่ใกล้ ๆ ตาลกับลูก”“แ
อาการดีใจของคนที่กำลังจะเป็นพ่อทำให้น้ำตาลน้ำตารื้น เธอรักเขา รักผู้ชายคนนี้ ผลลัพธ์ต่างจากที่เธอคาดเอาไว้มาก“ค่ะ เรากำลังจะเป็นพ่อแม่คน” น้ำตาลหัวเราะกับท่าทางดีใจเกินเหตุของเขาภูริวัฒน์ลุกขึ้นยืน ยกมือขึ้นเสยผมแล้วเดินกลับไปกลับมา“พี่จะทำยังไงดีตาล พี่ไม่ยากแยกจากตาลเลย ให้พี่กลับไปพร้อมกับตาลได้มั้ย…”“เดี๋ยวก่อนค่ะพี่ภู” น้ำตาลรีบขัด “ใจเย็นแล้วนั่งลงก่อนค่ะ พี่เดินไปเดินมาแบบนี้ตาลเวียนหัวนะ”เขาหันกลับมาแล้วคุกเข่าตรงหน้าเธอ ใบหน้าหล่อเหลายิ้มกว้าง“ตาลไม่รู้หรอกว่าพี่ดีใจขนาดไหน ตาลทำให้พี่เป็นผู้ชายที่กำลังมีความสุขที่สุดในโลกรู้มั้ย พี่อยากให้ตาลรู้จริง ๆ ว่าตอนนี้พี่รู้สึกยังไง” น้ำเสียงชายหนุ่มตื่นเต้นดีใจพูดย้ำไปย้ำมาน้ำตาลยิ้ม ยื่นมือออกไปแนบแก้มเขา “ตาลรู้ค่ะ ตาลดีใจที่ข่าวนี้ทำให้พี่มีความสุข”“ตาล พี่รักตาล”เขา
สุดท้ายน้ำตาลก็ผล็อยหลับในห้องทำงานของภูริวัฒน์จนได้ การนั่งหลับทำให้เธอเมื่อยตัวและปวดคอ แต่ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นหลังจากได้หลับสักงีบ การตั้งครรภ์ทำให้เธอเหนื่อยง่ายและอ่อนเพลียกว่าปกติ หวังว่าจะไม่เป็นแบบนี้จนกระทั่งคลอดหรอกนะ เธอลุกขึ้น เดินไปหยุดที่ริมหน้าต่าง สักพักประตูห้องก็ถูกผลักเข้ามา เธอหันไปมอง ปรากฏว่าไม่ใช่คนที่เธอคิด หญิงสาวร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อกาวน์สีขาวกำลังเดินเข้ามา ทำไมเวลาที่เธออยู่ที่นี้ถึงต้องเจอหล่อนแบบนี้ทุกครั้งเธอไม่ได้กินหญ้านะที่ดูไม่ออกว่าคุณหมอสาวคิดอะไรกับสามีตัวเองอยู่ คงลุ้นให้เธอกับเขาเลิกกันแล้วตัวเองจะเข้ามาเสียบละสิ“ตาล ได้ยินว่าเธออยู่ที่นี่ เป็นไงบ้างล่ะ” คุณหมอสาวทัก“สวัสดีค่ะ ตาลสบายดี แล้วคุณล่ะคะ” น้ำตาลถามกลับตามมารยาท“ก็ดี แต่วันนี้ยุ่งทั้งวัน แต่ก็ใกล้จะเสร็จแล้ว”“อ้อค่ะ ตาลเห็นแล้วค่ะ”น้ำตาลไม่ได้เกลียดธรรมิกา เพราะหล่อนไม่เคยทำอะไรไ
ญาติของภูริวัฒน์นิสัยดีทุกคน และก็สนิทกัน ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับภูริวัฒน์ที่จู่ ๆ ภรรยาก็หายไป“เอ่อ ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะ…” เขารีบบอกเมื่อเห็นน้ำตาลเงียบ“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกับพี่ภูมีเรื่องที่ไม่เข้าใจกัน แต่เรากำลังแก้ปัญหากันอยู่” น้ำตาลบอกอย่างตรงไปตรงมา“ผมดีใจด้วยนะครับ อ้อ คุณน่าจะมาที่บ้านเราในช่วงสงกรานต์นี้นะครับ พี่ทัตมาทุกปี ส่วนพี่ภู รายนั้นถ้าไม่ติดงานก็นาน ๆ มาที”“ค่ะ” น้ำตาลยิ้มให้ เธอไม่คิดปฏิเสธเพราะเห็นความจริงใจของคนเชิญ“ตอบตกลงแล้วห้ามเบี้ยวนะครับ ผมจะไปประกาศในไลน์กลุ่มครอบครัว”น้ำตาลหัวเราะ ขณะเดียวกันภูริวัฒน์ก็เดินออกจากห้องตรวจมาพอดี เขาหยุดคุยกับนางพยาบาลก่อนที่จะสังเกตเห็นเธอ การได้ประสานสายตากับชายหนุ่มเพียงเสี้ยววินาทีกลับทำให้น้ำตาลรู้สึกประหม่าแต่ก็ยิ้มบาง ๆ ให้ สีหน้าของเขาดูประหลาดใจไม่น้อย เขายิ้มกว้างให้เธอแล้วรีบเดินตรงมา
หลังออกจากร้านอาหารที่นัดกับแม่สามีไว้ น้ำตาลเดินมาตามถนนเรื่อย ๆ เธอไม่ได้รู้สึกหิวมากแม้ว่าจะใกล้เที่ยงแล้วเพราะเธอกินแซนด์วิชมาแล้วขณะอยู่บนเครื่องบิน เธอเดินผ่านร้านก๋วยเตี๋ยวเลยตัดสินใจแวะ ตลอดทางยังคิดถึงบทสนทนาระหว่างเธอกับแม่สามีที่หล่อนบอกว่าลูกชายหล่อนต้องเลือกหล่อนอยู่แล้ว ทั้งยังบอกว่าคนที่เหมาะสมกับภูริวัฒน์คือธรรมิกา ยังคงเป็นเช่นเดิมอยู่อย่างนั้นสินะ ถึงจะบอกว่าไม่ใส่ใจ แต่มันก็ยากที่จะไม่ให้คำพูดหล่อนทำร้ายเธอ เมื่อก่อนเธอพยายามขบคิดว่าเธอไปทำอะไรไว้หล่อนถึงเกลียดเธอได้ขนาดนี้ แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าไม่ใช่เป็นเพราะเธอ แต่เป็นเพราะฝ่ายนั้นต่างหากขณะที่กำลังกินมื้อกลางวันอยู่ น้ำตาลก็คิดจะโทรหาภูริวัฒน์เพื่อบอกว่าเธออยู่ไหน ประมาณว่าเธอจะเซอร์ไพรส์เขา แต่ก็อีกนั่นแหละ เธอกับเขาไม่ได้พูดกันมาเป็นอาทิตย์แล้ว บางทีมันอาจไม่ใช่เซอร์ไพรส์ก็ได้ แล้วเรื่องเซอร์ไพรส์หนหลังของทั้งคู่ก็จบลงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ และคนที่ผิดเต็ม ๆ เลยคือเธอที่โมโหใส่เขาน้ำตาลถอนใจ หยิบโทรศัพท์มือถือ เปิดรายชื่อผู้ติดต่