“ฮ่า ๆ ๆ ๆ...”เมื่อฉินอวิ๋นฟานพูดจบ หลัวเทียนเป้าก็แหงนหน้าหัวเราะกับท้องฟ้า ที่นี่คือถิ่นของเขา ขอเพียงเขาอยากถอยก็ถอยได้ทุกเมื่อ เขาคิดไม่ตกจริง ๆ ว่าฉินอวิ๋นฟานเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงได้กล้าปากดีอย่างนี้นะฟิ่ว ๆ ๆ...ก็ขณะที่หลัวเทียนเป้ากำลังหัวร่อ จู่ ๆ ก็มีเสียงลูกศรดังมาจากข้างหลัง“อ๊า ๆ ๆ ๆ...”ด้านหลังเกิดเป็นไฟลุกโชน เสียงเหล่าทหารโอดครวญดังมาในพริบตา รอยยิ้มของหลัวเทียนเป้าชะงักฉับพลัน เขาหันไปมอง เห็นเพียงมือหน้าไม้ที่อยู่ไม่ไกลข้างหลังเริ่มโจมตีมาทางพวกเขาอีกครั้ง“นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมข้างหลังถึงมีทหารดักซุ่มของฉินอวิ๋นฟานได้?!”เห็นสถานการณ์ดังนี้ ลางสังหรณ์ร้ายผุดขึ้นมาทันที ครั้นนึกถึงที่ฉินอวิ๋นฟานเพิ่งพูดไปเมื่อครู่ ชั่วขณะ เขาคล้ายตระหนักถึงอะไรบางอย่าง จังหวะที่หลัวเทียนเป้าเตรียมจะส่งสัญญาณ กองทัพด้านหลังจ้าละหวั่นแล้ว“ทุกคนอย่าตื่นตระหนก อย่าลนลาน อย่าแตกแถวเด็ดขาด!”หลัวเทียนเป้ารีบตะโกนขึ้น หวังจะเป็นที่ยึดเหนี่ยวของเหล่าทหารได้ ทว่าทุกอย่างมันสายไปแล้ว กับการโจมตีอย่างบ้าคลั่งของฉินอวิ๋นฟาน และการโจมตีขนาบข้าง นี่แทบจะเป็นการถูกล้อมฆ่าอยู
อารมณ์ของหลัวเทียนเป้าราวกับรถไฟเหาะ ชั่วประเดี๋ยวเดียวก็เจอกับความเปลี่ยนแปลงใหญ่หลายครั้ง จากมั่นใจเต็มเปี่ยมจนถึงขวัญกำลังใจทหารระส่ำระสาย หนีหัวซุกหัวซุน ทำให้เขาไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลย เขาหลัวเทียนเป้าไม่กลัวความพ่ายแพ้ และใช่ว่าจะแพ้ไม่ได้ แต่ในสถานการณ์ที่กำลังแตกต่างกันมากเช่นนี้ แพ้ให้กับเจ้าบัดซบฉินอวิ๋นฟานในรูปแบบย่อยยับเช่นนี้ เขายอมรับไม่ได้จริง ๆ“แม่ทัพหลัว เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว พวกเราได้แต่ไปจากที่นี่ก่อนแล้วค่อยใช้วิธีพิเศษทีหลังเถอะ!”ทัพใหญ่ที่เหลืออยู่สามหมื่นกว่าคนถูกฉินอวิ๋นฟานตีแตกกระเจิง ความเสียหายใหญ่หลวง ไม่มีทางกอบกู้สถานการณ์กลับมาได้ จางหมาจื่อจึงรีบเตือนให้หลัวเทียนเป้ากลับไป มิเช่นนั้นจะจนมุมแล้ว“นั่นสิ แม่ทัพหลัว พวกเรารีบเอาตัวรอดก่อนเถอะ ฉินอวิ๋นฟานโจมตีหนักเกินไป ในยามที่เราไม่มีการป้องกัน เกรงว่าจะมีอันตรายถึงชีวิตนะขอรับ!”“ถูกต้อง แม่ทัพหลัว พวกเรารีบถอนตัวเถอะ ช้าไปเกรงจะไม่ทันแล้วนะขอรับ!”......ผู้ติดตามและหัวหน้าทหารของหลัวเทียนเป้ารีบเกลี้ยกล่อม กลัวว่าหลัวเทียนเป้าจะรั้นขึ้นมา จะสู้กับฉินอวิ๋นฟานให้ตายไปข้าง ถึงตอนนั้นจะยุ่งจร
และเขาก็เตรียมเอเคสี่สิบแปดไว้เพื่อยอดฝีมือนั่นแหละ ครั้งนี้ฉินอวิ๋นฟานใจสั่นอยู่เหมือนกัน เพราะฝีมือของยอดฝีมือเหล่านี้ไม่เท่ากัน พลังของเอเคสี่สิบแปดจะข่มยอดฝีมือเหล่านี้ได้ทั้งหมดหรือไม่ก็ยังไม่ทราบได้“ทำยังไงดี? ไม่งั้น เราก็กลับก่อนเถอะ!”อู่จ้านยังคงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของฉินอวิ๋นฟานที่สุด ยามที่ฉินอวิ๋นฟานมีภัยคุกคามถึงชีวิต ปฏิกิริยาแรกของอู่จ้านก็คือถอย!“ไม่ทันแล้ว!”ทันใดนั้น เซี่ยงเส้าเหยียนส่ายหน้าพูด “พวกเขามาแล้ว มียอดฝีมือมากมาย คราวนี้เกรงว่าเราจะลำบาก!”เมื่อเซี่ยงเส้าเหยียนกล่าวจบ เห็นเพียงป่าทึบตรงหน้านี้เงาคนปรากฏขึ้นมากะทันหันสิบสาย พวกเขาสวมหมวกไม้ไผ่สาน ร่างกายห่อหุ้มด้วยชุดผาวสีดำ ลึกลับอย่างยิ่ง“ฉินอวิ๋นฟาน หนทางสู่สวรรค์เจ้าไม่เดิน ดันบุกเข้าประตูนรก!”หลัวเทียนเป้ายิ้มมุมปาก จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวอยู่ด้านหลังชายชุดดำทั้งหลาย พูดด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม “ข้าละคิดไม่ถึงเลย อยู่ในถิ่นของข้า เจ้ากลับกล้าตามมาไกลขนาดนี้? ข้าก็อยากดูสิว่าวันนี้เจ้าจะตายหรือไม่!”“อ้อ? อย่างนั้นรึ? ข้ากลัวจังเลย!”ฉินอวิ๋นฟานเลิกคิ้ว ประหลาดใจเล็กน้อย อยู่ห่างกันตั้งไกล เข
“รัชทายาท ถึงเราจะมีสุดยอดอาวุธอย่างเอเคสี่สิบแปด แต่ยอดฝีมือที่หลัวเทียนเป้านำมามีมากเกินไป ทันทีที่พวกเขาบ้าแล้วพุ่งมาทางท่าน น่ากลัวว่าเราจะต้านไม่อยู่”เซี่ยงเส้าเหยียนเอ่ยเสียงหนัก “เพื่อความปลอดภัยของท่าน ข้าคิดว่าจะใช้วิธีการที่เป็นประกันที่สุดจะดีกว่า”“ดังนั้น ประเดี๋ยวพวกเราจะพยายามป้องกันเพื่อถอยเป็นหลัก จะเอาเป็นเอาตายกับยอดฝีมือพวกนี้ไม่ได้ ถ้าสถานการณ์เป็นประโยชน์กับเราแล้วค่อยโต้ตอบ หากไม่ ก็หาทางประกันความปลอดภัยให้ท่านหนีไป”ฉินอวิ๋นฟานไม่ปฏิเสธแผนการของเซี่ยงเส้าเหยียน สถานการณ์ในขณะนี้ นี่คือแผนการที่สมกับเหตุผลในปัจจุบันที่สุดแต่ฉินอวิ๋นฟานกลับไม่ทำอย่างนั้น และไม่คิดทำอย่างนั้นด้วย ครั้งนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญในการทดสอบพลังเอเคสี่สิบแปดของเขา ถ้าหนีเอาตัวรอดจะดูไม่ได้เล็กน้อย และไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เขาอยากเห็นด้วย“อาเจ็ดเซี่ยง ถ้าเพื่อความปลอดภัยของข้า ท่านไม่ต้องระวังมากขนาดนี้หรอก”ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วพูด “ท่านก็บอกเองว่าอานุภาพของเอเคสี่สิบแปดพอต่อกรกับยอดฝีมือเขตปรมาจารย์มิใช่หรือ? จากกำลังที่เหนือกว่า พวกเราได้เป็นฝ่ายได้เปรียบ ถ้าเลือกหนีเพราะห่วงในความปลอดภั
ชายชุดดำหน้าเปลี่ยนสีเดี๋ยวนั้น เขาร้องเสียงดัง แต่มันสายไปเสียแล้ว เซี่ยงเส้าเหยียนเร็วเกินไป ไม่ให้เขามีโอกาสหลบสักนิดตูม!!!พู่ ๆ...เซี่ยงเส้าเหยียนส่งแรงมหาศาลออกไป ชายชุดดำราวกับว่าวสายขาด กระเด็นออกไปทันที เขาตกอยู่บนพื้นอย่างจัง กระอักเลือดสดออกมาจากปากสองคำ ลมหายใจรวยริน“จะเป็น จะเป็นไปได้ยังไง? เจ้า เจ้าคือเขตปรมาจารย์เห็น ๆ กลับมีพลังน่ากลัวเช่นนี้?!”ดวงตาของชายชุดดำเต็มไปด้วยครั่นคร้าม เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะแพ้ให้กับบุรุษตรงหน้าในหนึ่งกระบวนท่า? นี่จะต่างกันมากเกินไปแล้ว!“หึ! ไม่ประมาณตน!”ความเผด็จการของเซี่ยงเส้าเหยียนไม่เป็นสองรองใคร ท่วงทำนองฮึกเหิม ไม่ยี่หระต่อความสะเทือนขวัญของชายชุดดำตรงหน้า“อาเจ็ดเซี่ยง สุดยอด สุดยอดจริง ๆ แม้จะเป็นยอดฝีมือในระดับเดียวกัน แต่ท่านกลับเอาชนะได้ด้วยกระบวนท่าเดียว? วันนี้ข้าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว!”ฉินอวิ๋นฟานรู้ว่าเซี่ยงเส้าเหยียนจะชนะ แต่ให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง เซี่ยงเส้าเหยียนกลับชนะได้สบาย ๆ เช่นนี้ หรือว่านี่ก็คือความแตกต่างของรากฐานและพรสวรรค์?“รัชทายาท คนผู้นี้เพิ่งเข้าเขตปรมาจารย์ รากฐานและพรสวรรค์ธรรมด
“อาศัยแค่พวกเจ้า? จะไม่ประมาณตนเกินไปแล้วกระมัง?”กับความจองหองของจางหมาจื่อ เซี่ยงเส้าเหยียนแสยะยิ้ม อาศัยแค่กำลังของเขาคนเดียวไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ และกลุ่มเอเคห้าสิบคนข้างหลังเขาก็ไม่ใช่พวกกินเจ ถ้าพร้อมใจกันจู่โจม นั่นจะเป็นพลังอันแข็งแกร่งยิ่งหากเปิดศึกอย่างเอาเป็นเอาตาย ยอดฝีมือพวกนี้ของหลัวเทียนเป้าก็ใช่ว่าจะได้เปรียบสักเท่าไร“จางหมาจื่อ เปลืองน้ำลายกับพวกมันไปทำไม? ลุยไปพร้อมกันเลย เอาพวกมันให้ตาย!หลัวเทียนเป้าชักจะหงุดหงิดแล้ว หนึ่งคนไม่ไหวก็ลุยมันไปพร้อมกันเลย สมัยนี้แล้ว ใครจะยังต่อสู้ตัวต่อตัวอีก นั่นไม่ปัญญาอ่อนหรือ? ทั้งที่พวกเขารุมพวกคนของฉินอวิ๋นฟานให้ตายเลยก็ได้ ทำไมต้องเรียงหน้าไปตายทีละหนึ่งด้วย?เขาเคยเห็นฝีไม้ลายมือเหล่านี้ของฉินอวิ๋นฟานมาเองกับตา น่ากลัวก็จริง แต่เขามั่นใจกับยอดฝีมือในยุทธภพที่ตัวเองพามามากกว่า“ได้!”จางหมาจื่อหรี่ดวงตาเล็กน้อย ไม่เสียเวลาอีก เขาออกคำสั่งในบัดดล “พี่น้องทั้งหลาย ได้เวลาแสดงฝีมือพวกเจ้าแล้ว จัดการไอ้รัชทายาทสุนัขนั่นซะ! แล้วเสพสุขกับลาภยศสรรเสริญในชีวิตที่เหลือ!”เห็นพวกหลัวเทียนเป้าเริ่มล้อมโจมตี เซี่ยงเส้าเหยีย
แม้ยอดฝีมือเขตปรมาจารย์จะรวดเร็วปราดเปรียว มีประสาทสัมผัสน่าทึ่ง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีอย่าบ้าระห่ำ จึงมีคนไม่น้อยที่ได้รับบาดเจ็บ ความตื่นตระหนกครั่นคร้ามแผ่ขยายอยู่ในดวงตาความกดดันของพลังโจมตีเร็วแรงที่มาอย่างกะทันหันนี้ทำให้ยอดฝีมือในยุทธภพหัวใจร่วงไปถึงตาตุ่ม เวลานี้มีหลาย ๆ คนรู้สึกหวาดกลัว แววตาวูบไหว ประหวั่นพรั่นพรึงอย่างหนัก“บ้าเอ๊ย!”เมื่อเห็นสภาพอนาถนี้ จางหมาจื่อทึ่งไม่น้อย เขาพูดอย่างยากจะเชื่อ “เป็นไปได้ยังไง ของนี่จะมีพลังทำลายล้างน่ากลัวเช่นนี้เลยหรือ? ยอดฝีมือเขตปรมาจารย์ถูกสะกดหมดเลย?”“เชี่ย! ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?!”หลัวเทียนเป้าที่อยู่อีกทางลูกตาแทบจะถลนออกมา นี่คือไม้ตายสุดท้ายของเขาแล้วนะ ถ้านี่ยังกำจัดฉินอวิ๋นฟานไม่ได้ เช่นนั้นก็เกรงว่าต้องจบเห่แล้วจริง ๆ!“คุณชายสี่หลัว มิน่าฉินอวิ๋นฟานถึงกล้าตามท่านมาถึงที่นี่ ดูท่าอาวุธลึกลับในมือของเขาจะไม่ธรรมดาจริง ๆ การโจมตีชุดแรกของเรากลับถูกการยิงเป็นห่าของเขาโจมตีจนต้องถอยแล้ว”ยอดฝีมือเขตปรมาจารย์ข้างหลัวเทียนเป้าคนหนึ่งพูดอย่างชั่วร้าย“นั่นสิ สุดท้ายข้าก็ประมาทไอ้บัดซบฉินอวิ๋นฟานนั่น เป็นโรคจิตจริง
เมื่อจางหมาจื่อพูดออกมา จิตใจของหลัวเทียนเป้าเต็มไปด้วยความฉงน เห็นจางหมาจื่อมั่นใจเช่นนี้ เขาจึงถามด้วยความอยากรู้ “หมายความว่ายังไง?”จางหมาจื่อพูดด้วยใจหน้ามากเล่ห์ “แม่ทัพหลัว พวกเราสามารถถอยเพื่อรุกได้นี่ ยังไงเสีย สถานการณ์ในตอนนี้ก็ไม่เป็นมิตรกับเราเลย ถ้าอยากล่อฉินอวิ๋นฟานออกมาจากพื้นที่ปลอดภัย พวกเราก็ได้แต่ทำอย่างนี้แล้ว”“ถอยเพื่อรุก?”หลัวเทียนเป้าขมวดคิ้วพูด “ความหมายของเจ้าคือเราถอยก่อน แล้วล่อฉินอวิ๋นฟานออกมา ส่วนคนของฮั่วจื้อจวิน ความจริงดักซุ่มอยู่ข้างหลังแล้ว?”“ถูกต้อง! ตอนที่เราจะออกเดินทาง ฮั่วจื้อจวินได้บอกกับข้าเอาไว้ บอกว่าคนของเขาจะดักซุ่มอยู่ที่ทางแยกผาขาด ถ้าพวกเราสู้ฉินอวิ๋นฟานไม่ได้ ก็พยายามล่อฉินอวิ๋นฟานไปตรงนั้นขอรับ”จางหมาจื่อยิ้มชั่วร้าย “ตอนแรกข้าก็ไม่ได้ใส่ใจ นึกไม่ถึงว่าแผนนี้ของฮั่วจื้อจวินจะได้ผลวิเศษในเวลาสำคัญ การโจมตีของยอดฝีมือเขตปรมาจารย์จะมีโอกาสสำเร็จสูง”“ถึงฉินอวิ๋นฟานจะมีลูกไม้เยอะแค่ไหน แล้วจะทำอะไรได้? ถ้ายอดฝีมือเขตปรมาจารย์ประเคนหมัดเข้าให้ ฉินอวิ๋นฟานก็เดี้ยงแล้ว! และต่อให้เขาดวงแข็งแล้วจะยังไง? ข้าง ๆ ยังมีหน้าผาอีก ถ้าตกลงไป
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน
“ได้!”ถังเจิ้นไห่พูดหน้าขรึม “ประการที่สองของความผิดร้ายแรงสามประการ รัชทายาทร่วมกันสร้างถนนกับแคว้นต่าง ๆ เรื่องนี้อึกทึกครึกโครมไปทั่ว ทันทีที่สร้างถนนที่กว้างยิ่งขึ้น การคมนาคมจะสะดวก คืออยากให้แคว้นรอบข้างรุกรานต้าเฉียนเราสะดวกยิ่งขึ้นหรือ? การกระทำเช่นนี้มิใช่แผนการล่มชาติแล้วมันคืออะไร?!”ซี้ด...เมื่อทุกคนได้ฟังต่างสูดลมเย็นเข้าปาก เกิดความสงสัยอย่างหนักกับจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟาน ด้านหนึ่งมอบธัญพืช ด้านหนึ่งสร้างถนนกับทุกแคว้น จุดประสงค์จะชัดเจนเกินไปแล้วกระมัง?“ต่อ ประการที่สามเล่า!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มเรียบ เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะไปไกลขนาดไหน ช่างเป็นคนที่มีขอบเขตความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์โดยแท้ การกำหนดอนาคตของบ้านเมือง เป็นเช่นนี้ดังคาดหากให้พวกเฮ่อชินอ๋องเรืองอำนาจจริง ต้าเฉียนมิต้องจบเห่หรือ? ให้สวะพวกนี้ดูแลบ้านเมือง บ้านเมืองนั้นยังจะมีความหวังอะไร?พวกเขานอกจากจะมีความชั่วร้ายอยู่เต็มอก มีความคิดดำมืดอยู่เต็มสมอง ยังจะทำอันใดได้อีก?“หึ!”ถังเจิ้นไห่แค่นเสียงแล้วจึงเอ่ย “ประการที่สาม รัชทายาทร่วมมือกับแคว้นต่าง ๆ กีดกันต้าเยียน สังหารบุตรชายคนที่สี่ข
“อ้อ? ความผิดร้ายแรงสามประการของฟานเอ๋อร์? ไหนลองว่ามาดูสิ!”ไท่ซั่งหวงตั้งสมาธิ นึกสนใจขึ้นมาทันที อย่างลับ ๆ เขาให้ความสนใจกับพฤติกรรมของฟานเอ๋อร์มาก ไม่เคยได้ยินความผิดร้ายแรงสามประการอันใด เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะพูดอะไรความผิดร้ายแรงสามประการเสมือนระเบิดลูกใหญ่ ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมา ยามนี้สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างรวมศูนย์อยู่ที่ตัวของถังเจิ้นไห่“ประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการ ได้ยินว่ารัชทายาททำเมล็ดพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ขึ้นมา สามารถให้ผลผลิตสูงมาก เดิมนี่คือโอกาสดีที่สุดที่ต้าเฉียนเราจะแจ้งเกิด คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทกลับมอบเมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูงให้กับแคว้นต่าง ๆ รอบข้าง ช่วยให้พวกเขามั่งคั่งมากขึ้น”ถังเจิ้นไห่กล่าวเสียงหนัก “ขอถามทุกท่านในที่นี้ พฤติกรรมเช่นนี้ของรัชทายาทคือกำลังช่วยเหลือศัตรูน่ากลัวของเราหรือไม่? พฤติกรรมเช่นนี้ของเขา คือการขายชาติหรือไม่?!”ตูม...ครั้นถังเจิ้นไห่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา บรรดาขุนนางต่างอึกทึกครึกโครม คนทั้งโลกต่างรู้เรื่องที่เมืองจัวเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์แทบทุกคน และเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานลงนามสัญญากับแคว้นต่าง ๆ ก็รู
“อื่ม! ดี!”ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนัก “เช่นนั้นข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการ แต่งตั้งหวังอันสือเป็นหัวหน้าสำนักศึกษาหลวง เจี่ยงฝานฝานเป็นรองหัวหน้า การรับตำแหน่งนี้มีผลอย่างเป็นทางการ หัวหน้าขันทีเฉา ร่างราชโองการเดี๋ยวนี้ ประกาศต่อใต้หล้า!”เมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง ใจที่กระวนกระวายของฉินอวิ๋นฟานก็สงบ เขามองจางเต้าหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง!ทว่าคนอื่น ๆ กลับมีความรู้สึกที่แปลกออกไป หลังจากหวังอันสือได้ขึ้นตำแหน่ง ทำให้พวกเขาตระหนักว่าสถานการณ์ในราชสำนักกำลังหลุดจากการควบคุมอย่างช้า ๆ ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะครองราชสำนัก“เอาละ เรื่องสำนักศึกษาหลวงก็สิ้นสุดแล้ว แต่จะละเลยผลงานการไปเมืองอู่โจวของฟานเอ๋อร์ครั้งนี้ไม่ได้”ไท่ซั่งหวงกล่าวเสียงเข้ม “ฟานเอ๋อร์ไม่เพียงแต่ทำคำสัญญาเมื่อครึ่งปีก่อนสำเร็จ ยิ่งทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนเราพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ท้องพระคลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ พสกนิกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกคนต่างเห็นความยอดเยี่ยมของฟานเอ๋อร์”“ฟานเอ๋อร์ ว่ามาเถอะ เจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัล? ขอเพียงสมเหตุสมผล ข้าจะให้เจ้าดังปรารถนา!”ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกดีใจมากที่
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว