“เหอะ? ฉินอวิ๋นฟานช่างบ้าบิ่นนัก พาทหารสามพันคนก็กล้าคุยโตอย่างนี้แล้ว? เขารู้หรือไม่ว่าอักษรคำว่า ‘ตาย’ สะกดยังไง? หรือว่า... เขาไม่รู้ว่าฉินอวิ๋นฮุยเกือบถูกข้าฆ่าตายอยู่ในป่าลึกแล้ว?”หลัวเทียนเป้าที่รู้ข่าวรู้สึกดูถูกกับความผยองของฉินอวิ๋นฟานมาก ฉินอวิ๋นฮุยนำกำลังพลห้าหมื่นนาย อยู่ต่อหน้าเขายังไม่นับเป็นอะไร เจ้าฉินอวิ๋นฟานนำทหารมาแค่สามพันก็คิดจะกวาดล้างพวกโจร? นี่อย่างกับคนบ้านอนละเมอ!“ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ทำเรื่องที่ไม่มั่นใจเสมอ แม่ทัพหลัวระวังหน่อยเป็นดี!”เพื่อสังเกตฉินอวิ๋นฟาน เพื่อให้อยู่ใกล้กับฉินอวิ๋นฟานอีกหน่อย เยียนอวี่เฉินไม่เคยไปจากเมืองหานกู่ การที่หลัวเทียนเป้าดูถูกฉินอวิ๋นฟานทำให้นางเกิดลางสังหรณ์ร้ายขึ้นมาทันที แต่นางก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าคืออะไร“ฮ่า ๆ ๆ องค์หญิงสาม ท่านคิดมากไปแล้ว!”หลัวเทียนเป้าแหงนหน้าหัวเราะกับท้องฟ้าทันที ก่อนจะพูดขึ้นว่า “สถานการณ์บนเขากับข้างนอกต่างกันสิ้นเชิง เมื่อทหารทำศึกต้าเฉียนพวกนั้นก้าวเข้าป่าแล้วจะปรับตัวไม่ได้ ยากจะวางแผนการรบที่เหมาะสม”“ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ พวกเรามีสายข่าวจากองค์ชายใหญ่ต้าเฉียนฉินอวิ๋นคัง ร่วมมือทั้งในและนอก
จางหมาจื่อกล่าว “แต่ก็ไม่รู้ว่าฉินอวิ๋นฟานจะมีลูกไม้อื่นอีกหรือไม่ ถ้าไม่มี เช่นนั้นจะจัดการเขาง่ายดังพลิกฝ่ามือ”“ไม่ ฉินอวิ๋นฟานกล้าพาคนสามพันมาทลายรังโจร เขาย่อมไม่เอาชีวิตตัวเองมาล้อเล่น ยังไงเสียเขาก็มียักษ์ใหญ่อย่างตระกูลเซี่ยงสนับสนุนอยู่”หลัวเทียนเป้ายกมุมปากเล็กน้อย “ดังนั้นข้าเตรียมจะให้งานหินกับฉินอวิ๋นฟาน ให้มันรู้ว่าความผยองของมันต้องจ่ายด้วยราคาแพงขนาดไหน ให้มันรู้ว่าฝีมือของข้าหลัวเทียนเป้า มิใช่สิ่งที่มันจะรับได้!”“อ้อ? แม่ทัพหลัวเตรียมอะไรไว้หรือ?”เห็นหลัวเทียนเป้าจริงจังเช่นนี้ จางหมาจื่อสูดลมเย็นเข้าปากอย่างอดใจไม่อยู่“เพื่อกำจัดฉินอวิ๋นฟาน ข้าทุ่มเทมาก ขอร้องพี่ใหญ่อยู่นานจึงได้ตัวยอดฝีมือเขตปรมาจารย์มาสิบคน และยอดฝีมือเขตยุทธ์แท้มาห้าสิบคน ข้าก็อยากดูสิว่าฉินอวิ๋นฟานมันจะหนังเหนียวหรือไม่!”หลัวเทียนเป้าพูดลอดไรฟัน “ครั้งนี้ ข้าต้องการเทหมดหน้าตัก ต้องให้มันทิ้งชีวิตอยู่ในป่าให้ได้”ซี้ด...เมื่อได้ยินว่าหลัวเทียนเป้าหายอดฝีมือเขตปรมาจารย์มาสิบคน จางหมาจื่อพลังขนพองสยองเกล้า ยอดฝีมือเขตยุทธ์แท้ยังดี แต่ยอดฝีมือเขตปรมาจารย์จัดว่าเป็นตัวตนดังขนหงส์เขากิเล
ฉินอวิ๋นฟานสร้างแรงกดดันหนักหน่วงให้กับฉินอวิ๋นคัง ถ้าฉินอวิ๋นฟานกำเกลือหลวงอยู่ในมือได้ทั้งหมด จะบั่นทอนกำลังของตระกูลเริ่นไปมาก ส่งผลต่อการชิงบัลลังก์ของเขาอย่างยิ่งดังนั้นในภาวะที่ไม่รู้ว่าฉินอวิ๋นฟานจะมาไม้ไหน ฉินอวิ๋นคังตัดสินใจจะลองเสี่ยงดูสักครั้ง ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำให้ฉินอวิ๋นฟานตายอยู่ในป่าให้ได้!มีเพียงเช่นนี้ ตระกูลเริ่นจึงจะสามารถควบคุมเกลือหลวงต่อ และเขาก็คือผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียวในการเดินทางมาเมืองอู่โจวครั้งนี้ ห่างจากบัลลังก์ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดอีกเพียงหนึ่งก้าว“เอ่อ องค์ชายใหญ่ ต้องทำถึงขั้นนี้จริงหรือ?”จังหวะที่ได้ยินฉินอวิ๋นคังจะใช้กำลังระดับนี้ในการสังหารฉินอวิ๋นฟาน ฮั่วจื้อจวินหนังตากระตุกรัว ๆ นี่คือเรื่องต้องห้ามของราชวงศ์เชียวนะ!อีกอย่าง เริ่นอู่และเริ่นปินคือยอดฝีมือที่ตระกูลเริ่นบ่มเพาะมาอย่างเข้มงวด รับผิดชอบความปลอดภัยของฉินอวิ๋นคังเท่านั้น ไม่นึกว่าองค์ชายใหญ่จะสั่งให้พวกเขาไปฆ่าฉินอวิ๋นฟาน?“เจ้าคิดว่าข้ายังมีทางให้หันหลังกลับหรือ?”ฉินอวิ๋นคังสองตาชั่วร้าย “ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็มีแต่ต้องเดินไปให้ถึงที่สุด ทุ่มเททุกอย่าง เสี่ยงดูสักตั้ง
เวลาดังกระสวย พริบตาเดียวก็ผ่านไปแล้วสามวัน เช้ามาฉินอวิ๋นฟานพาเหล่าทหารที่ผ่านการฝึกฝนอย่างมีระเบียบแบบแผนปรากฏตัวอยู่บนท้องถนน ประดาทัพออกเดินทางอย่างอึกทึกครึกโครม!“เสี่ยวฟาน เจ้าจะพาทหารไปทลายรังโจรแค่นี้จริงหรือ?”ก็ขณะที่ฉินอวิ๋นฟานกำลังเตรียมตัวออกเดินทาง เหลียงจื่อฝูเดินออกมาและพูดอย่างกังวลใจถึงนางจะโกรธฉินอวิ๋นฟานอยู่นานเพราะคำพูดหนึ่งของเขา ความรู้สึกที่ถูกคนแฉความลับมันกระอักกระอ่วนใจดังกินแมลงวัน แต่ยังดีที่ฉินอวิ๋นฟานคือญาติสนิทที่สุดของนาง เป็นคนที่คู่ควรแก่การเชื่อใจ ดังนั้นการงอนหลานชายสุดท้ายจึงเป็นนางที่ทำไม่ถูกการขึ้นเขาปราบโจรอันตรายแค่ไหนนางย่อมรู้ดีที่สุด ดังนั้นในตอนที่ฉินอวิ๋นฟานจะเอาตัวเข้าเสี่ยง นางจึงอดกังวลใจไม่ได้“เสด็จน้าสิบสาม ท่านกำลังห่วงข้าสินะ?”ได้รับความห่วงใยจากเสด็จน้าสิบสาม ฉินอวิ๋นฟานอบอุ่นใจนัก เขายิ้มแห้งและพูด “แหะ ๆ ทหารอยู่ที่ความสามารถ มิใช่จำนวน ทหารสามพันคนนี้ของข้าคือสุดยอดของสุดยอด พอจัดการกับกองโจรบนเขาแล้ว เสด็จน้าสิบสาม ท่านวางใจเถอะ”เหลียงจื่อฝูขมวดคิ้วพูด “เหอะ ทหารห้าหมื่นคนของฉินอวิ๋นฮุยก็สุดยอดเหมือนกัน ก็ยังม้วนเส
“เสี่ยวฟาน เมื่อครู่สายสืบมารายงาน ตรงจุดประมาณหกลี้ข้างหน้ามีกับดักหินกลิ้งและมือธนู บอกให้พวกเราระวัง”เพิ่งมาถึงทางขึ้นเขา อู่จ้านได้รับการรายงานจากสายสืบ เพื่อรวบรวมข่าวสารที่แน่ชัด ฉินอวิ๋นฟานจงใจหาเสื้อผ้าท้องถิ่นหลายชุด ให้พวกเขาขึ้นเขารวบรวมข้อมูลล่วงหน้าสามวัน เครื่องแต่งกายเช่นนี้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ต่อให้พวกโจรเดินผ่านหน้าพวกเขาไปก็ไม่แน่ว่าจะเห็น ดังนั้นจึงลดความยากในการรวบรวมข้อมูลได้มาก“อื่ม ข้ารู้แล้ว!”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “คนของพวกเรามีไม่มาก เพื่อประหยัดแรง ขี่ม้าเข้าไปเถอะ ช้ายังไงก็น่าจะเร็วกว่าการเดินเท้ามาก!”“รับทราบ!”ฉินอวิ๋นฟานออกคำสั่ง ทหารสามพันคนขี่ม้างามยกพลเข้าไปในป่าของภูเขา ในจุดไกล ๆ มีดวงตาหลายคู่กำลังจ้องพวกเขาเขม็ง จังหวะที่ฉินอวิ๋นฟานขึ้นเขา พวกเขาหายตัวไปอย่างเงียบเชียบ!ไม่นาน พวกเขาก็ปรากฏตัวอยู่ในถ้ำลึกลับแห่งหนึ่ง หลัวเทียนเป้า ฮั่วจื้อจวิน จางหมาจื่อและคนอื่น ๆ อยู่ครบองค์ ชายชุดดำผู้นั้นค้อมตัวกำหมัดพูด “แม่ทัพหลัว ฉินอวิ๋นฟานพาทหารมาแค่สามพันคนจริง ๆ ขอรับ พวกเขาขี่ม้าขึ้นเขาแล้ว!”“อ้อ? ฉินอวิ๋นฟานเอาทหารมาแค่สาม
พู่ ๆ...ลูกศรเร็วยิ่ง ไม่ให้โอกาสพวกเขาทันตอบสนอง จังหวะที่ลูกศรทะลุหัวใจของพวกเขา พวกเขากลับไร้ความรู้สึกแม้แต่น้อย วินาทีนี่พวกเขารู้สึก มันก็สายไปเสียแล้ว เลือดสดพุ่งปรู๊ดออกมาจากหน้าอกกลิ่นอายแห่งความตายรุนแรงมากขึ้นทุกที กระทั่งหมดลมหายใจ พวกเขาก็ยังไม่รู้ตัว!“เฮ้ย! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”ร้องหัวหน้าร้องอุทานขึ้นมาเดี๋ยวนั้น โจรคนอื่น ๆ แตกรัง ก็ในตอนที่พวกเขาไม่รู้จะทำอย่างไรดี กลางอากาศมีเสียงลูกศรดังมาอีกฟิ้ว ๆ ๆ...เอื๊อก ๆ ๆ...ชั่วพริบตาเดียว โจรถูกลอบสังหารอีกยี่สิบคน พวกโจรขวัญผวาโดยสิ้นเชิงแล้ว แค่ชั่วเดี๋ยวเดียวก็ถูกยิงไปสี่สิบคนแล้ว!“มีอาวุธลับ! มีอาวุธลับ! รีบหลบเร็ว!!”วิกฤตการณ์นี้ จู่ ๆ ก็มีคนตะโกนขึ้นมา หมู่โจรสูญเสียความสามารถในการพิจารณาโดยสมบูรณ์ และไม่มีใครนึกถึงเลยว่าเป็นการโจมตีจากทหารต้าเฉียนที่อยู่ต้นไม้ไกล ๆ นั่นแหละเพราะพวกเขาไม่ได้อยู่ในระยะการยิงของธนู ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าการโจมตีจะมาจากทหารพวกนี้!“ไม่ถูก ไม่ถูก! พวกเจ้าดูบนต้นไม้สิ ของในมือทหารต้าเฉียนยี่สิบคนนั่น ใช่ที่กำลังยิงใส่พวกเราหรือเปล่า?”ในตอนนี้เอง จู่ ๆ รองหัวหน้าก็ส
“รองหัวหน้า สภาพการณ์มันไม่ดีเลยนะขอรับ อาวุธลับของต้าเฉียนร้ายนัก ตามความเห็นของข้า พวกเราหนีเอาตัวรอดเถอะ”“นั่นสิ รองหัวหน้า มีเขาเขียวไม่กลัวฟืนหมด นี่มันผ่านไปนานแค่ไหนเอง? พี่น้องเราตายจนแทบไม่เหลือแล้ว ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเรามิต้องตายกันหมดหรือ?!”“ไม่รู้ว่าในมือของทหารต้าเฉียนมันคืออาวุธปีศาจอะไรกันแน่ น่ากลัวจริง ๆ ไกลขนาดนี้ก็ยังทะลุหัวใจคนได้ ขนลุกขนพองไปหมดแล้ว แถมเรายังโต้ตอบไม่ได้อีก หนีเอาตัวรอดก่อนเถอะ!”......หลังจากลูกสมุนถูกสังหารไปทีละคน คนที่เหลือขวัญหนีดีฝ่อ พวกเขารู้ว่ารองหัวหน้ามีความแค้นสุมทรวง แต่จะเอาชีวิตของพี่น้องมาเล่นไม่ได้ มันเป็นราคาที่สูงเกินไปเห็นศพพี่น้องพวกเขาเกลื่อนกลาดไปทั่ว ทั้งยังมีคนถูกลอบสังหารไม่หยุด เสียงโหยหวนดังระงม กลิ่นคาวเลือดฉุนคละคลุ้ง สีหน้ารองหัวหน้าเปลี่ยนผัน ภายใต้การคุกคามของกลิ่นอายแห่งความตาย เขาเริ่มหวั่นไหวแล้ว“งั้น งั้นจะทำยังไงดี? หรือไม่ เราก็ลองหนีกันก่อน?”รองหัวหน้าที่สงบใจได้แล้วตระหนักถึงวิธีการน่ากลัวของฉินอวิ๋นฟานได้สักที เขามีชีวิตเตรียมกับดักให้ฉินอวิ๋นฟาน แต่เกรงว่าจะไม่มีชีวิตทำอันตรายใด ๆ ต่อฉินอวิ๋
ยามนี้ ฉินอวิ๋นฟานมีจิตใจฮึกเหิม ท่วงทำนองมิมีผู้ใดเทียบเทียม เนื้อตัวบนล่างเต็มไปด้วยเจตนารบ นี่คือสงครามขนาดใหญ่ครั้งแรกนับจากเขาทะลุมิติมา และเป็นศึกสำคัญในการทดสอบเทคโนโลยีสมัยใหม่ของเขาด้วย ฉินอวิ๋นฟานจึงตื่นเต้นมาก“โอ้ว ๆ ๆ...”เหล่าทหารมีขวัญกำลังใจดียิ่ง เจตนารบพลุ่งพล่าน เดินทางเข้าส่วนลึกของป่าต่อตามคำสั่งของฉินอวิ๋นฟาน!......“เจ้าว่าอะไรนะ??? กับดักแรกถูกฉินอวิ๋นฟานตีแตกง่าย ๆ เลยหรือ? แถมยังฆ่าคนของเราหมดด้วย? มีแต่พวกเจ้าสามคนที่หนีรอดมาได้?”ทันทีที่รู้ข่าว หลัวเทียนเป้าเด้งลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ฉับพลัน สีหน้าไม่อยากจะเชื่อ แววตาเปลี่ยนอารมณ์“ขอรับ แม่ทัพหลัว ไม่รู้ว่าฉินอวิ๋นฟานไปเอาอาวุธลับมาจากไหน อานุภาพน่ากลัวสุด ๆ ไปเลย พลังทำลายล้างน่าทึ่ง ระยะยิงไกลกว่าธนูตั้งเยอะ คนของพวกเราอย่างกับเป้ามีชีวิตที่รอถูกพวกมันยิงตาย โต้ตอบไม่ได้เลยขอรับ!”รองหัวหน้าที่หนีรอดกลับมายังใจสั่นไม่หาย หน้าซีดถึงขีดสุด คุกเข่าสั่นพั่บ ๆ อยู่ตรงหน้าหลัวเทียนเป้าและคนอื่น ๆ ความสิ้นหวังอัดแน่นอยู่ในหัวใจ“น้องรอง เจ้าไม่ได้ล้อเล่นกับข้านะ? ใต้ฟ้านี้จะมีของพรรค์นี้ได้ยังไง?”เห็นชั
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน
“ได้!”ถังเจิ้นไห่พูดหน้าขรึม “ประการที่สองของความผิดร้ายแรงสามประการ รัชทายาทร่วมกันสร้างถนนกับแคว้นต่าง ๆ เรื่องนี้อึกทึกครึกโครมไปทั่ว ทันทีที่สร้างถนนที่กว้างยิ่งขึ้น การคมนาคมจะสะดวก คืออยากให้แคว้นรอบข้างรุกรานต้าเฉียนเราสะดวกยิ่งขึ้นหรือ? การกระทำเช่นนี้มิใช่แผนการล่มชาติแล้วมันคืออะไร?!”ซี้ด...เมื่อทุกคนได้ฟังต่างสูดลมเย็นเข้าปาก เกิดความสงสัยอย่างหนักกับจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟาน ด้านหนึ่งมอบธัญพืช ด้านหนึ่งสร้างถนนกับทุกแคว้น จุดประสงค์จะชัดเจนเกินไปแล้วกระมัง?“ต่อ ประการที่สามเล่า!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มเรียบ เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะไปไกลขนาดไหน ช่างเป็นคนที่มีขอบเขตความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์โดยแท้ การกำหนดอนาคตของบ้านเมือง เป็นเช่นนี้ดังคาดหากให้พวกเฮ่อชินอ๋องเรืองอำนาจจริง ต้าเฉียนมิต้องจบเห่หรือ? ให้สวะพวกนี้ดูแลบ้านเมือง บ้านเมืองนั้นยังจะมีความหวังอะไร?พวกเขานอกจากจะมีความชั่วร้ายอยู่เต็มอก มีความคิดดำมืดอยู่เต็มสมอง ยังจะทำอันใดได้อีก?“หึ!”ถังเจิ้นไห่แค่นเสียงแล้วจึงเอ่ย “ประการที่สาม รัชทายาทร่วมมือกับแคว้นต่าง ๆ กีดกันต้าเยียน สังหารบุตรชายคนที่สี่ข
“อ้อ? ความผิดร้ายแรงสามประการของฟานเอ๋อร์? ไหนลองว่ามาดูสิ!”ไท่ซั่งหวงตั้งสมาธิ นึกสนใจขึ้นมาทันที อย่างลับ ๆ เขาให้ความสนใจกับพฤติกรรมของฟานเอ๋อร์มาก ไม่เคยได้ยินความผิดร้ายแรงสามประการอันใด เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะพูดอะไรความผิดร้ายแรงสามประการเสมือนระเบิดลูกใหญ่ ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมา ยามนี้สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างรวมศูนย์อยู่ที่ตัวของถังเจิ้นไห่“ประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการ ได้ยินว่ารัชทายาททำเมล็ดพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ขึ้นมา สามารถให้ผลผลิตสูงมาก เดิมนี่คือโอกาสดีที่สุดที่ต้าเฉียนเราจะแจ้งเกิด คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทกลับมอบเมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูงให้กับแคว้นต่าง ๆ รอบข้าง ช่วยให้พวกเขามั่งคั่งมากขึ้น”ถังเจิ้นไห่กล่าวเสียงหนัก “ขอถามทุกท่านในที่นี้ พฤติกรรมเช่นนี้ของรัชทายาทคือกำลังช่วยเหลือศัตรูน่ากลัวของเราหรือไม่? พฤติกรรมเช่นนี้ของเขา คือการขายชาติหรือไม่?!”ตูม...ครั้นถังเจิ้นไห่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา บรรดาขุนนางต่างอึกทึกครึกโครม คนทั้งโลกต่างรู้เรื่องที่เมืองจัวเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์แทบทุกคน และเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานลงนามสัญญากับแคว้นต่าง ๆ ก็รู
“อื่ม! ดี!”ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนัก “เช่นนั้นข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการ แต่งตั้งหวังอันสือเป็นหัวหน้าสำนักศึกษาหลวง เจี่ยงฝานฝานเป็นรองหัวหน้า การรับตำแหน่งนี้มีผลอย่างเป็นทางการ หัวหน้าขันทีเฉา ร่างราชโองการเดี๋ยวนี้ ประกาศต่อใต้หล้า!”เมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง ใจที่กระวนกระวายของฉินอวิ๋นฟานก็สงบ เขามองจางเต้าหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง!ทว่าคนอื่น ๆ กลับมีความรู้สึกที่แปลกออกไป หลังจากหวังอันสือได้ขึ้นตำแหน่ง ทำให้พวกเขาตระหนักว่าสถานการณ์ในราชสำนักกำลังหลุดจากการควบคุมอย่างช้า ๆ ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะครองราชสำนัก“เอาละ เรื่องสำนักศึกษาหลวงก็สิ้นสุดแล้ว แต่จะละเลยผลงานการไปเมืองอู่โจวของฟานเอ๋อร์ครั้งนี้ไม่ได้”ไท่ซั่งหวงกล่าวเสียงเข้ม “ฟานเอ๋อร์ไม่เพียงแต่ทำคำสัญญาเมื่อครึ่งปีก่อนสำเร็จ ยิ่งทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนเราพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ท้องพระคลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ พสกนิกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกคนต่างเห็นความยอดเยี่ยมของฟานเอ๋อร์”“ฟานเอ๋อร์ ว่ามาเถอะ เจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัล? ขอเพียงสมเหตุสมผล ข้าจะให้เจ้าดังปรารถนา!”ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกดีใจมากที่
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว