“ไม่ ไม่ ไม่ใช่ขอรับ ข้าน้อยหรือจะกล้า”เหลียงชิงรีบตอบ “เป็นข้าน้อยที่ก่อนหน้านี้ตัดสินใจผิดไปจึงทำให้เกิดผลลัพธ์ในเวลานี้ ขอเพียงรัชทายาทต้าเฉียนมอบโอกาสความร่วมมือนี้ให้กับเรา ข้าน้อยต้องหวงแหนแน่นอน จะไม่คิดเป็นอื่นอีกขอรับ!”“ความผิดบางอย่าง เมื่อทำแล้วก็คือไม่มีโอกาสหันหลังอีก!”เหลียงจื่อฝูเอ่ยถามเสียงเย็น “เพื่อคลายความโกรธหลานชายของข้า เพื่อให้ได้เกลือละเอียดของต้าเฉียน เหลียงชิง ครั้งนี้ได้แต่เสียสละเจ้าแล้ว”เหลียงจื่อฝูผู้งดงามประหนึ่งเซียนสวรรค์เห็นชวนให้ประทับใจคน บุรุษยลหนึ่งครามิอาจห้ามใจ ไม่นึกว่าจะจะเป็นคนจิตใจอสรพิษร้ายโหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้“ฮะ?! องค์ องค์หญิงสิบสาม ท่านจะฆ่าข้าไม่ได้นะ ไม่ได้ ข้าคือเสาหลักของสมาคมการค้าต้าเหลียงนะ!”ครั้นเหลียงชิงได้ยินว่าเหลียงจื่อฝูจะสังหารตน ตกใจจนหมดแรงอ่อนยวบกองอยู่กับพื้นฉับพลัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง เพราะการตัดสินใจเดียวถึงกับเอาชีวิตของเขา?“เกิดใหม่ชาติหน้าก็เดินระวังหน่อย ดูให้ดีว่าใครต่างหากที่เป็นนายของเจ้า!”เหลียงจื่อฝูแววตาเย็นยะเยียบถึงขีดสุด ราวกับมือสังหารหญิงผู้เย็นชา ปร
“บ้าเอ๊ย บัดซบ...”ในจวนเจ้าเมืองหานกู่ ครั้งได้ฟังการรายงานของซือหม่าหนานพ่อลูก หลัวเทียนเป้าเพลิงโทสะพวยพุ่ง แหงนหน้าแผดเสียงคำรามกับฟ้า แผนการรัดกุมเช่นนี้กลับถูกฉินอวิ๋นฟานทำลายได้โดยง่าย?แต่เรื่องที่ทำให้เขากระอักเลือดยิ่งกว่าคือ จู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็ดันทำเกลือละเอียดขึ้นมา นี่มันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ทำให้พันธมิตรทางการค้าของต้าเยียนเขาพังพินาศในพริบตา เพิ่งเริ่มขึ้นสังเวียนก็แพ้ไม่เป็นท่าเยียนอวี่เฉินอีกทางขมวดคิ้วมุ่น นางนึกว่าตัวเองเก่งกล้าสามารถสติปัญญาเหนือคนแล้ว เพื่อทดสอบความสามารถกับฉินอวิ๋นฟาน เพื่อให้ได้ตัวฉินอวิ๋นฟาน นางคิดอยู่นานกว่าจะได้แผนการสมบูรณ์แบบ จากนั้นที่คุมเมืองจัวด้วยตัวเอง ก็เพราะอยากดูสิว่าฉินอวิ๋นฟานจะทำอย่างไรได้แต่การกระทำสายฟ้าแลบของฉินอวิ๋นฟานทำให้นางทึ่งอีกครั้ง ทำให้นางคิดจนหัวร้างข้างแตกอย่างไรก็คิดไม่ถึง ฉินอวิ๋นฟานกลับปฏิรูปก้อนเกลือ เกินคาด!หากเอ่ยในมุมขององค์หญิงต้าเยียน ยิ่งฉินอวิ๋นฟานโดดเด่น ยิ่งเรืองอำนาจ นางก็ยิ่งมีอันตราย การมีศัตรูเช่นเขาคือเสี้ยนหนามในอกหนำซ้ำด้วยฝีมือและปฏิภาณของฉินอวิ๋นฟาน เกรงว่านางจะดำเนินตามแผนยาก ทั้งยัง
“ถูกต้อง ความหมายของข้าก็คือเร่งดำเนินแผนสองให้เร็วที่สุด กำจัดอิทธิพลพวกฉินอวิ๋นฟานโดยด่วน ยึดอำนาจควบคุมเมืองอู่โจวกลับมาให้เร็ว”หลัวเทียนเป้าเอ่ย“จะดำเนินแผนสองเร็วเช่นนี้เลยหรือ?”เยียนอวี่เฉินพูดอย่างประดักประเดิดเล็กน้อย“เร็วหรือ?”หลัวเทียนเป้าถามอย่างงุนงง “นี่เพิ่งจะกี่วันเมืองอู่โจวก็ตกอยู่ในมือของฉินอวิ๋นฟานโดยสมบูรณ์แล้ว ขืนรอต่อไปจะเป็นผลเสียอย่างใหญ่หลวงกับเรา ถึงเวลาต่อให้ได้เมืองอู่โจวกลับมาอีกครั้งก็เกรงจะคุมยาก”“เอ่อ ให้ข้าคิดดูอีกสักหน่อยเถอะ!”เยียนอวี่เฉินคิ้วมัดปมแน่น ในใจขัดขืนอย่างหนัก ทันทีที่ดำเนินแผนสองจะต้องเกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงแน่ นางห่วงความปลอดภัยของฉินอวิ๋นฟานมาก อย่างไรเสียก็เป็นแผนการที่นางควบคุม นางทำใจไม่ได้เลยทว่าตอนนี้เอง เซี่ยมู่ไป๋เข้าใจความคิดของเยียนอวี่เฉินอย่างถ่องแท้แล้ว เขาส่ายหน้าพูดด้วยใบหน้าอมทุกข์ “องค์หญิงสาม ทุกอย่างต้องเห็นส่วนรวมเป็นสำคัญ ฉินอวิ๋นฟานผู้นี้คือมารร้ายตัวฉกาจ เก็บเขาไว้จะกลายเป็นภัยไม่สิ้นสุด”“อีกสามเดือน ต่อให้ฉินอวิ๋นฟานไปสู่ขอที่ต้าเยียนจริง เราก็รับรองไม่ได้มิใช่หรือว่าเขาจะทำตามแผนของท่านทั้งหม
“องค์ชายใหญ่ หนนี้พวกเราลำบากแล้ว”ในจวนองค์ชายใหญ่ หวังจื้อกล่าวด้วยใบหน้ากังวล“นั่นสิ องค์ชายใหญ่ เรื่องเกลือหลวงครั้งนี้ถูกเราทำเละแล้ว เบื้องบนต้องพิโรธหนักมากแน่”บรรดาคนสนิทขององค์ชายใหญ่ก็มีสีหน้ากังวลเหมือนกัน ต่างพูดสมทบองค์ชายใหญ่นั่งอยู่บนตำแหน่งหลัก ใบหน้าอึมครึมจนน่ากลัว การแก้ปัญหาจากต้นตอของฉินอวิ๋นฟานทำให้เขาไม่ทันตั้งตัว กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทีแรกนึกว่าจำกัดเกลือหลวงจะทำให้พันธมิตรของสมาคมการค้าต้าเยียนกดฉินอวิ๋นฟานลงได้ ไม่นึกว่านอกจากจะโค่นฉินอวิ๋นฟานไม่ได้ ยังเสียสิทธิในการควบคุมเกลือหลวงอีก คราวนี้เป็นเรื่องใหญ่แล้วจริง ๆฉินอวิ๋นคังพูดด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “ท่านกุนซือ เรื่องนี้ท่านมีความเห็นว่ายังไง?”หวังจื้อได้แต่ส่ายหน้าพูดด้วยความจนใจ “สุดท้ายกลายเป็นพวกเราตกหลุมพราง ที่ก้อนเกลือสีเหลืองขาดตลาดช่วงหนึ่ง เป็นไปได้มากว่าจะเป็นฝีมือของฉินอวิ๋นฟาน จงใจหลอกล่อให้พวกเราติดกับ”“นี่ นี่เป็นไปไม่ได้กระมัง? สามเดือนมานี้ก้อนเกลือสีเหลืองขาดแคลนจริงอยู่ แต่เป็นไปไม่ได้ว่าฉินอวิ๋นฟานจะใช้เวลาสามเดือนเต็ม ๆ ในการวางแผนเพื่อให้เราติดกับ? เช่นนั้นถ้าเราไม่ติดกับ เขาม
หวังจื้อหัวเราะแห้ง “ถ้าท่านเป็นคนที่อยู่นอกเกม ท่านจะทำยังไง? จะกินเกลือละเอียดที่ดีกว่าพร้อมกดคู่ต่อสู้ตัวฉกาจลง หรือจะกินก้อนเกลือสีขาวต่อ สนับสนุนคู่ต่อสู้ของท่านอย่างเต็มกำลัง?”“วิธีการของฉินอวิ๋นฟานน่ากลัวยิ่งนัก แต่ขั้วอิทธิพลของเขายังไม่ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างจริง ๆ หากจะกล่าวในมุมของการชิงบัลลังก์ ท่านกับองค์ชายรองยังคงมีอิทธิพลมากที่สุด ดังนั้นจากสถานการณ์ในปัจจุบัน พวกท่านสองคนต่างหากจึงจะเป็นศัตรูตัวฉกาจ”เมื่อหวังจื้อวิเคราะห์ หัวใจฉินอวิ๋นคังพลันตกสู่ก้นเหว ใบหน้าเต็มไปด้วยความสิ้นหวังถ้านี่คือหลุมพรางที่ฉินอวิ๋นฟานจัดวางเอาไว้เมื่อสามเดือนก่อน เช่นนั้นคนผู้นี้จะน่ากลัวยิ่งนัก วางแผนเงียบเชียบไม่ทำให้คนสังเกตรู้ ใช้รูปแบบต้มกบด้วยน้ำอุ่น รอให้เขาติดเบ็ด ค่อยโต้ตอบอย่างรุนแรงในตอนท้ายสุดกว่าพวกเขาจะรู้ตัว ทุกอย่างก็สายไปหมดแล้ว และความจริงก็คือเช่นนี้ ทันทีที่ตระกูลเริ่นสูญเสียอำนาจในการควบคุมเกลือหลวง อิทธิพลของเขาจะต้องถูกบั่นทอนอย่างหนัก เรียกได้ว่าไม่เป็นผลดีต่อการชิงบัลลังก์อย่างยิ่ง“สิบกว่าปีมานี้เจ้าเจ็ดซ่อนตัวเก่งจริงนะ ไม่นึกว่าเขาจะมีฝีมือและแผนการร้ายกา
“ได้ขอรับ”ฉินอวิ๋นคังตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว หวังจื้อจึงไม่พูดอะไรมากอีก หมุนตัวเดินออกจากห้องไปเสีย แต่ในตอนที่เขาเดินถึงประตู จู่ ๆ ก็หยุดฝีเท้าลง หันไปมองทางห้องโถงใหญ่พลางส่ายหน้าพึมพำ “ต้าเฉียน เกรงจะลุกเป็นไฟแล้ว”เป็นเวลาเดียวกัน ข่าวของเมืองอู่โจวไม่เพียงแต่ส่งไปถึงต้าเฉียน ยังส่งไปถึงแคว้นต่าง ๆ ทั่วโลกด้วย ฉินอวิ๋นฟานกลายเป็นบุรุษที่สายตาของคนทั่วโลกกำลังจับตามองจวนตระกูลเริ่นน้องห้า เรื่องที่ข้ากำชับเจ้าเมื่อก่อนหน้านี้ สุดท้ายเจ้าก็ห้ามใจไม่อยู่ ข้าผิดหวังกับเจ้าจริง ๆ!บนตำแหน่งหลักของตระกูลเริ่น หลังจากท่านผู้เฒ่าเริ่นทราบข่าวเมืองอู่โจวก็เรียกเปิดประชุมตระกูลทันที ผู้นำระดับสูงทั้งหลายของตระกูลเริ่นต่างกลับตระกูลเริ่นโดยด่วนท่านผู้เฒ่าเริ่นผิดหวังกับการลงมือลับ ๆ ของน้องห้าเริ่นจื้อคุนอย่างมาก เนื่องจากการแก้แค้นส่วนตัวจึงทำให้ตระกูลเริ่นสูญเสียอำนาจเด็ดขาดด้านเกลือหลวงไปโดยสมบูรณ์“พี่ใหญ่ ข้า ข้าก็ไม่รู้ว่ามันจะเลยเถิดไปถึงขั้นนี้นี่”ยามนี้ ความสิ้นหวังแผ่ซ่านไปทั่วใบหน้าของเริ่นจื้อคุน ขุนนางใหญ่ระดับสองผู้สูงส่งของต้าเฉียน ผู้บังคับการเกลือหลวงกำลังคุกเข่าอย
“ท่านผู้เฒ่า เกิดเรื่องอะไรถึงกับเรียกพวกเรากลับมาหารือเร่งด่วนเช่นนี้?”ยามนี้ท่านผู้เฒ่าเหอท่าทางกระปรี้กระเปร่า ทั้งคนมีพลังเต็มเปี่ยม สองมือกุมไม้เท้ายืนอยู่หน้าตำแหน่งหลัก เขาตอบคำถามด้วยเสียงทรงพลังกังวาน “เกิดเรื่องอะไร? เกิดเรื่องจริง ๆ นั่นแหละ แต่มันเป็นเรื่องดียิ่ง!”“เรื่องดี?”ครั้นผู้นำตระกูลระดับสูงได้ยินต่างมีใบหน้าสับสน เรื่องดีที่ทำให้ท่านผู้เฒ่าเบิกบานเช่นนี้ได้ จะต้องเป็นเรื่องดียิ่งใหญ่ของตระกูลแน่“ฮ่า ๆ ๆ ก็องค์ชายใหญ่โง่เง่าเต่าตุ่นกับท่านห้าตระกูลเริ่นเริ่นจื้อคุนนั่นดันทำเรื่องเหลวไหลสิ้นดีนะสิ พวกเขากลับจำกัดการส่งเกลือไปเมืองจัว คราวนี้ดีเลย บีบจนฉินอวิ๋นฟานเข้าตาจนกระทั่งทำเกลือละเอียดขึ้นมา”ท่านผู้เฒ่าเหอหัวเราะอย่างปลอดโปร่ง“เกลือละเอียด? นั่นมันอะไร? หรือว่ายังจะดีกว่าก้อนเกลือสีขาวอีกหรือ?”ผู้นำระดับสูงของตระกูลเหอต่างถามด้วยความสงสัย“ไม่ใช่แค่ดีนะสิ! มันคือฟ้ากับเหว!”ท่านผู้เฒ่าเหอเอ่ย “เกลือละเอียดที่ฉินอวิ๋นฟานทำขึ้นครั้งนี้ เรียกได้ว่าเป็นเกลือบริโภครูปแบบใหม่ ด้านทักษะการแปรรูป เรียกได้ว่าคุณภาพก้าวกระโดด อีกอย่าง จะต้องเปลี่ยนแปลงเกล
ครั้นผู้นำระดับสูงของตระกูลเหอได้ฟังพลันเลือดร้อนพลุ่งพล่าน ถ้าสามารถตัดอำนาจของตระกูลเริ่นด้วยเรื่องนี้ได้ เช่นนั้นโอกาสขึ้นครองราชย์ขององค์ชายรองมิเพิ่มขึ้นมากหรือ?โบราณกล่าว หนึ่งคนได้รับไก่สุนัขขึ้นสวรรค์ มันก็คือหลักการนี้นั่นแหละ หากองค์ชายรองสามารถขึ้นครองราชย์ได้ พวกเขาก็จะกลายเป็นขุนนางผู้มีผลงานยิ่งใหญ่แห่งราชวงศ์ต้าเฉียน จะต้องได้รับเกียรติยศและอภิสิทธิ์สูงสุดแน่ ทั้งมันยังจะสืบไปชั่วลูกชั่วหลาน“ท่านผู้นำตระกูล เป็นพวกเราที่ตื้นเขิน ถ้าองค์ชายใหญ่ถูกบั่นทอนอิทธิพล องค์ชายรองก็จะเข้าใกล้บัลลังก์นั้นมากขึ้น”ผู้นำระดับสูงคนหนึ่งของตระกูลเริ่นพูดด้วยความตื่นเต้น“ถูกต้อง อีกอย่าง พวกเราจะได้ประโยชน์จากการเป็นตัวแทนจำหน่ายเกลือหลวงของฉินอวิ๋นฟานด้วย นี่มิใช่ได้ทั้งขึ้นทั้งล่องหรือ?”ท่านผู้เฒ่าเหอเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้น พวกเจ้าจงฟังข้าให้ดี ที่ข้าเรียกพวกเจ้ากลับมาก็เพื่อให้พวกเจ้าไปเดินเรื่องนี้อย่างเต็มกำลัง ทุกตระกูลจะต้องเปลี่ยนก้อนเกลือสีขาวให้เป็นเกลือละเอียดทั้งหมด!”“ระหว่างการดำเนินงาน พวกเจ้าจะต้องทำตามนโยบายเกลือหลวงรูปแบบใหม่ของฉินอวิ๋นฟานทั้งหมด! รักษาท่าทีดี
ในที่สุดเหมิงฉาก็รับไม่ไหว ร้องตะโกนคำที่แทบจะเป็นความอัปยศนั้นการแข่งขันทางบู๊นี้ก็ปิดฉากลงท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทุกคน...เรื่องหักเหจากการคาดหมายของทุกคนเหลียงจ้านอิงและเหลียงเทียนจื้อต่างคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้จะล้วงปืนสั้นออกมาพลิกสถานการณ์ในการแข่งขันด้านบู๊นี้กระทั่งว่าเหลียงเทียนจื้อไม่มีโอกาสจะได้ออกโรงเลย...เช่นละครอย่างไรอย่างนั้น เนื่องจากเหมิงฉากลัวสุดขีดจึงยกมือยอมแพ้ดังนั้นเหลียงเทียนอี้จึงคว้าชัยชนะการแข่งขันรอบนี้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่เปลืองแรงภาพมหัศจรรย์เกิดให้แบบไม่มีการเปลี่ยนแปลงลุ้นระทึกและไม่มีเลือดร้อนพลุ่งพล่านที่ใครคาดหวัง!ถึงขั้นว่าลวงตามากแต่ผลลัพธ์เป็นของจริงแท้แน่นอน เหลียงเทียนอี้ชนะแล้ว......“ดูท่าครั้งนี้ฟานเอ๋อร์จะช่วยข้าได้มากอีกแล้ว”เหลียงเทียนอี้กลับมาถึงด้านในก็คืนปืนสั้นให้ฉินอวิ๋นฟานและพรูลมหนัก ๆ“เหอะ ๆ เสด็จน้าชมเกินไปแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของท่านทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ มิได้กล่าวอะไรอีกถ้าจะบอกว่าเขาทำอะไรเพื่อเหลียงเทียนอี้ นั่นก็แค่บอกเขาว่าความจริงการแข่งขันนี้สามาร
การกระทำของเหลียงเทียนอี้ทำให้ทุกคนในนั้นตกตะลึงแม้แต่เหลียงจ้านอิงที่อยู่บนปะรำก็ยังหยุดการดื่มน้ำชาไม่ได้ มองไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ“เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”เหลียงเทียนจื้อมองเหลียงเทียนอี้ที่ปราศจากเครื่องป้องกันใด ๆ ด้านข้าง ใบหน้าแปลกใจนี่คือการแข่งขันบู๊นะ คือสถานที่ตีรันฟันแทง ถ้าไม่ระวังอาจต้องคมศาสตราได้จริง ๆ ศีรษะย้ายที่อยู่ หากไม่ใช่เพราะมั่นใจกับฝีมือของตัวเองมาก กอปรกับวางแผนร่วมกับทางซยงหนูดีแล้วเขาคงต้องสวมชุดเกราะหนักมารับมือกับการแข่งขันด้านบู๊วันนี้เหมือนกันทว่าการกระทำเช่นนี้ของเหลียงเทียนอี้ต่างจากการรนหาที่ตายอย่างไร?ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลก เหลียงเทียนจื้อหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย...ทั้งที่เขาควรดีใจกับเวลานี้ ถ้าเหลียงเทียนอี้เกิดอุบัติเหตุในการแข่งขันรอบนี้ เช่นนั้นบัลลังก์ต้องเป็นของเขาแน่แล้วแต่ใจกับกระวนกระวาย อย่างไรก็ไม่เป็นสุข“หรือว่าเขาแอบวางแผนอะไร?”ทันใดนั้นเหมิงฉาเริ่มบุกโจมตีก่อนแล้วร่างสูงใหญ่นั้นหวดขวานใหญ่หนักร้อยชั่งพลางเข้าใกล้เหลียงเทียนอี้อย่างต่อเนื่องภายใต้แสงสุริยา คมมีดนั้นน่ากลัวเช่นนี้ ราวกับแค่ถากเถือเบา ๆ ก็เฉือนศีรษ
“ข้าเอง!”ทันใดนั้นเหลียงเทียนอี้ก็ก้าวออกมาช้า ๆโง่อย่างที่คิด...เหลียงเทียนจื้อยืนยิ้มเยาะอยู่ในใจข้างหลังเขารู้นิสัยของพี่ชายดี และรู้ว่าเหลียงเทียนอี้เป็นคนดื้อรั้นมากเมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็มักจะดาหน้าออกไปทันทีแม้เผชิญหน้ากับพันขุนศึกหมื่นอาชาก็ยังปราศจากความกลัวเกรง พลีตนจนตัวตาย...แต่พฤติกรรมวู่วามเช่นนี้ กลัวแต่ต้องจบอย่างอนาถในท้ายที่สุด“ฮ่า ๆ ๆ รัชทายาทกล้าหาญดังคาด!” เหมิงฉาหัวเราะเสียงดัง “ปกติยังนึกว่าท่านเป็นแต่สะบัดพู่กันขีดเขียน วันนี้ข้าอยากลองดูสิว่าฝีมือดาบกระบี่ของท่านจะล้ำลึกหรือไม่?”เพิ่งกล่าวจบ เหมิงฉาก็กวัดแกว่งขวานใหญ่พลางเดินประชิดไปทางเหลียงเทียนอี้ทีละก้าวรูปร่างใหญ่นั้น ร่างกายแข็งแรงนั้น แค่ยืนอยู่ก็สร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็นแล้วทำให้หลาย ๆ คนเห็นแล้วอดเกิดใจกลัวอย่างหนึ่งขึ้นมาไม่ได้“อุ๊ย ท่านพี่จะเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังไง?”เหลียงจื่อฝูที่อยู่บนปะรำหน้าทุกข์ร้อน สองมือบีบผ้าเช็ดหน้าแน่น สีหน้าซีดไปเล็กน้อยนางจ้องเหลียงเทียนอี้กลางลานฝึกซ้อม“ท่านพี่ไม่มีความสามารถด้านนี้เท่าไร ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหมิงฉา!”ผู้เป็นน้องสาว
เหลียงเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าราบเรียบ มองอารมณ์ไม่ออกแต่ในใจเขารู้ดี การต่อสู้ครั้งนี้ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการตั้งแต่เหมิงฉาเริ่มพูดแล้วนี่คือการหยามหน้า คือการหยามเหยียดอย่างชัดเจนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย“เป็นยังไง? องค์ชายสาม?”เหมิงฉาเมินเหลียงเทียนอี้ที่อยู่อีกทางหนึ่ง แล้วใช้สายตาท้าทายมองไปทางเหลียงเทียนจื้อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ได้ยินว่าฝีมือการใช้ดาบกระบี่ขององค์ชายสามค่อนข้างร้ายกาจ วันนี้ข้าขอท้าทายสักหน่อยเถิด”“มิเป็นไร” เหลียงเทียนจื้อฉีกยิ้ม ใบหน้าเปื้อนไปด้วยความกระหยิ่มใจจากนั้นก็ชักกระบี่ล้ำค่าคู่กายออกมาจากตรงเอวช้า ๆการต่อสู้ครั้งนี้ คือของเขาเท่านั้น!และเป็นเขาได้เท่านั้น!เขาต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเขาเหลียงเทียนจื้อต่างหากที่เป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดคนนั้น คือคนที่สามารถเอาชนะซยงหนูได้อย่างแท้จริง!......“ดูท่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามแผนนะ”เหลียงจ้านอิงดื่มน้ำชาสบายใจเฉิบอยู่บนปะรำมองผลสะท้อนกลับอย่างอบอุ่นของเหล่าผู้ชม จิตใจยิ่งฮึกเหิมตื่นเต้นไม่พูดไม่ได้เลย ถ้อยคำนั้นของเหมิงฉาทำให้เกิดผลดีเยี่ยม สามารถชักจูงอารมณ์ของทุกคนได้ในพริบตาเขาเช
ตกลงไว้แต่แรกว่าเป็นการแข่งขันรูปแบบปิด และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร นอกจากราชวงศ์จะมิมีผู้ใดล่วงรู้ทว่าตอนนี้กลับแข่งขันในลานกว้างต่อหน้าธารกำนัล?หากท่านพี่แพ้มิต้องเป็นที่หัวเราะไปทั่วหรือ?“นี่ก็คือผลลัพธ์ที่ทางเหลียงชินอ๋องต้องการกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานนั่งลงด้านข้าง ยิ้มพูดอย่างเฉยชา “ในฐานะที่เป็นละครฉายซ้ำของวันนี้ พวกเขาแค่ต้องการให้ทุกคนได้เห็นความประดักประเดิดของเสด็จน้าเท่านั้น”แต่แพ้จากการต่อสู้เช่นนั้นผลลัพธ์ต้องเทข้างแน่โอรสสวรรค์ของต้าเหลียงที่กล่าวขานกลับแพ้ให้กับคนป่าเถื่อน ทั้งความสามารถยังมิสู้องค์ชายสามเหลียงเทียนจื้อขอเพียงมีการพูดประเภทนี้ต่อไป ไม่นานอัตราการสนับสนุนเหลียงเทียนจื้อก็จะพุ่งสูงลูกไม้พรรค์นี้ช่างโหดเหี้ยมนัก“น่ารังเกียจจริง ๆ...” คิ้วงามเหลียงจื่อฝูย่นยู่เล็กน้อย อดกระตุกมุมปากไม่ได้ “ไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้”“เมื่อวานท่านพี่ชนะการแข่งขันด้านบุ๋นกับซยงหนูในท้องพระโรง พวกเขาไม่เห็นจะพูดกันเลย เลวทรามจริง ๆ!”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะอย่างไม่ออกความเห็นเขากลับไม่ใส่ใจว่าเมื่อวานจะชนะหรือแพ้ วันนี้ต่างหากที่เป็นส่วนสำค
สำหรับเหลียงเทียนอี้ การแข่งขันในวันนี้ค่อนข้างน่าตกใจแต่ยังดีที่สุดท้ายเขาสามารถคลี่คลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้พวกซยงหนูหน้าบึ้งตึง โจมตีจนพวกเขารับมือไม่ทันดูท่าปกติว่างเว้นจากการงานอ่านหนังสือให้มากจะมีประโยชน์...หลังประชุมเช้า เหลียงเทียนอี้ก็อดรนทนไม่ไหวบอกข่าวดีกับฉินอวิ๋นฟาน อยากแบ่งปันความสุขและความเปรมปรีดิ์ของตนแต่พอได้ยินฉินอวิ๋นฟานตอบกลับ เขาจึงตระหนักว่าเรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายธรรมดาอย่างที่เขาคิดอย่างนั้น“การแข่งขันทางบู๊ในวันพรุ่งนี้จึงจะเป็นส่วนสำคัญอย่างแท้จริง”คำพูดราบเรียบประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานทำให้ความยินดีปรีดาของเหลียงเทียนอี้ในแต่เดิมสูญสิ้น สีหน้าอึมครึมมากขึ้นเรื่อย ๆ“ข้าย่อมรู้ดี...แต่ปกติ คนที่จะชนะในการแข่งขันทางบู๊คงจะเป็นน้องสาม”เกี่ยวกับจุดนี้แทบไม่มีอะไรให้ลุ้นเพราะเหลียงเทียนจื้อร่ำเรียนกับเหลียงจ้านอิงแต่เล็ก อีกทั้งยังเคยเข้าสนามรบฟาดฟันกับศัตรู ด้านประสบการณ์การรบ จึงมีความคล่องมากกว่าเป็นธรรมดาเช่นนี้ หากคิดจะชิงคะแนนหนึ่งมาจากมือของเหลียงเทียนจื้อ คาดว่าต้องยากเป็นพิเศษเมื่อเห็นเหลียงเทียนอี้มีท่าทางปราศจากใจฮึดสู้ ฉินอวิ
“พันทุบหมื่นเจาะจึงได้แผ่นดิน ไฟโหมเผาไหม้เป็นอาจิณ ร่างแหลกกายเหลวมิหวั่น คงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ในโลกา”ฝุ่นหินหนึ่งบททำให้หลิ่วเหวินเซี่ยมั่นใจมากขึ้นไม่น้อยครั้งนี้เขาไม่ออมมืออีก ทั้งยังท่องออกมาจนจบ ไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้กับเหลียงเทียนอี้เช่นเดียวกัน เขาทำนอกเหนือแผนเดิม ไม่คิดสนใจความรู้สึกของเหลียงเทียนจื้ออีก“นี่ นี่มันกลอนอะไร?”เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ด้านหลังเหงื่อตก ในหัวถึงขั้นว่าไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับกลอนบทนี้แน่นอน ด้วยความทึ่มทื่อของเขาจะต่อกลอนได้อย่างไร ได้แต่เกาหลังศีรษะยิก ๆทว่าเหลียงเทียนอี้ยังใจเย็นเหมือนเดิม เพียงครู่เดียวก็ตอบ“หวงคะนึงความทุกข์เข็ญในการสอบ บัดนี้ไฟสงครามสงบผ่านพ้นสี่ปี”“บ้างเมืองไหวเอนดังกิ่งหลิว ใครเล่ามิใช่ผิวน้ำฝนซัดสาด”“หวงข่งทานปราชัยพรั่นพรึงถึงวันนี้ หลิงติงหยางอ้างว้างถอนหายใจ”“นับแต่โบราณใครบ้างมิดับสูญ เหลือใจรักชาติในพงศาวดาร”ครั้นกล่าวออกมาก็ได้รีบเสียงปรบมือดังสนั่นขุนนางบุ๋นบู๊ที่ชมละครฉากเด็ดในแต่เดิม ยามนี้ยอมสยบกับความสามารถทางวรรณกรรมของเหลียงเทียนอี้แล้วไม่ว่าจะเป็นกลอนในสมัยใด เหลียงเทียนอี้ก็เหมือน
ชั่วขณะ ท้องพระโรงเงียบกริบ สายตาของทุกคนรวมศูนย์อยู่กับตัวของเหลียงเทียนอี้แทบทั้งหมดในดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความยินดีหลังจากหลิ่วเหวินเซี่ยร่ายกลอนท่อนแรกออกมา เหลียงเทียนอี้กลับสามารถตอบสนองทันควันพร้อมต่อท่อนหลังความเร็วเช่นนี้เรียกว่าเร็วยิ่ง!“อวิ๋นเฉ่าสาทรฤดูมีเขียวแห่งวสันต์ของกวีราชวงศ์ซ่ง คือยอดบทกวีโดยแท้!”เหลียงเทียนอี้พยักหน้าอย่างสง่างาม ใบหน้าประดับรอยยิ้มมั่นใจงานนี้ทำให้เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ข้างล่างหน้าตึงฉับพลันเหลียงจ้านอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งหนักกว่า สายตาที่มองมาราวกับมีไฟพุ่งออกมาได้“บ้าเอ๊ย...ถูกชิงตัดหน้าไปก่อน!”เหลียงเทียนจื้อกัดฟันกรอด ในใจกรุ่นโกรธไม่หยุดทั้งที่เขาทำการบ้านมาล่วงหน้า ไม่ว่าหลิ่วเหวินเซี่ยจะท่องกลอนบทใดเขาก็เตรียมเอาไว้หมดแล้วแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับเร็วสู้เหลียงเทียนอี้ไม่ได้!และไม่รู้ว่าตัวเองโง่เขลาหรือเหลียงเทียนอี้เก่งจริงกันแน่!“รัชทายาททรงภูมิแท้ ข้าน้อยเลื่อมใส!”หลิ่วเหวินเซี่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าคงเดิมทว่าในใจกลับไม่พอใจเล็กน้อยแล้วคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้ผู้นี้จะมีฝีมือ เขาจงใจเลือกบทกวี
การกระทำเช่นนี้คือการแสดงความยโสหยิ่งผยองของซยงหนูอย่างมิต้องสงสัย“เหมิงฉา คารวะรัชทายาท”“หลิ่วเหวินเซี่ย คารวะรัชทายาท”คนอื่น ๆ ก็ทักทายตามด้วยเหมือนกัน เมื่อนั้นเหลียงเทียนอี้จึงรู้ฐานะของพวกเขาดูแล้วหนึ่งคนในนั้นก็คือบุตรชายของเหมิงเก๋อเอ่อร์ หรือก็คือคนที่มาท้าทายเขาในครั้งนี้อย่างที่เหลียงจ้านอิงบอก การมาครั้งนี้ของเหมิงเก๋อเอ่อร์ก็เพื่อหยั่งเชิงเขาโดยอ้างเหตุผลเยี่ยมเยือนฮ่องเต้ต้าเหลียง ดังนั้นเรื่องที่เริ่มสนทนาในท้องพระโรงจึงเกี่ยวกับสุขภาพของฮ่องเต้ต้าเหลียงแทบจะทั้งหมดทว่าทุกคนในที่นั้นต่างรู้ดี จุดประสงค์ของผู้นิยมสุรามิได้อยู่ที่สุรานี่อย่างไร ครั้นเปลี่ยนเรื่อง เหมิงเก๋อเอ่อร์ก็กล่าวถึงการแข่งขันเลย“ได้ยินว่ารัชทายาทและองค์ชายสามเก่งทั้งบุ๋นแล้วบู๊มานาน คืออัจฉริยะของต้าเหลียง การมาเยือนต้าเหลียงครั้งนี้ นอกจากจะเยี่ยมฮ่องเต้ต้าเหลียงสหายเก่าท่านนี้ ก็อยากให้บุตรชายได้ประมือกับรัชทายาทและองค์ชายสักหน่อย”เหมิงเก๋อเอ่อร์สีหน้าขึงขัง ในที่สุดก็เข้าประเด็นชั่วขณะ ทุกคนในท้องพระโรงหัวใจจะหลุดออกมาอยู่แล้ว ต่างสังเกตสีหน้าเหลียงเทียนอี้อย่างแนบเนียนทว่าเ