Share

บทที่ 994

Author: ไห่ตงชิง
"ใช่"

หลี่เฉินไม่ได้ปิดบังหรือบ่ายเบี่ยง แต่ตอบรับตรงๆ

"เจ้าได้ยินข่าวลือบางอย่างมาแล้ว?"

กงฮุยอวี่กล่าว "เป็นข่าวจากฝ่ายในของข้า"

"มีหลายคนพูดว่าครั้งนี้ท่านจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้"

หลี่เฉินหัวเราะเบาๆ "ดูเหมือนว่าผู้คนภายนอกจะรู้เรื่องในเมืองหลวงดีทีเดียว มีใครเปิดโต๊ะพนันไว้หรือยัง?"

กงฮุยอวี่ขมวดคิ้ว "เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ท่านไม่กังวลบ้างหรือ?"

"กังวลไปแล้วได้อะไร"

หลี่เฉินยืดตัวแล้วกล่าวอย่างไม่แยแส "ต่อให้กังวลมากแค่ไหน มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรอยู่ดี คนที่จะแพ้ อย่างไรก็ชนะไม่ได้ ส่วนคนที่ชนะ ต่อให้พยายามจะแพ้ ก็แพ้ยากอยู่ดี"

"สายของข้าพบว่ามีคนจำนวนมากทยอยเข้ามาในเมืองหลวงเป็นระลอกๆ ตอนนี้ เมืองหลวงกลายเป็นเขตหวงห้ามของยุทธภพไปแล้ว ไม่มีสำนักไหนอยากถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้อง แม้แต่พวกยอดฝีมือพเนจรก็พากันหนีออกไปหมด"

กงฮุยอวี่มองหลี่เฉินด้วยแววตาเป็นประกาย "ท่านมั่นใจแค่ไหน?"

"ไม่มั่นใจ"

หลี่เฉินตอบตามตรง "ในเมื่อพวกเขากล้าก่อกบฏ ก็หมายความว่าพวกเขาเตรียมตัวมานานกว่าข้าแน่นอน ข้าไม่รู้เลยว่าพวกเขามีไพ่ตายอะไรบ้าง จะเตรียมแผนมาขนาดไหน สิ่งที่ข้าทำได้คือรับมือไปตามสถานการณ์"

กงฮุยอวี่พึ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 995

    "ปัญหาของตนเอง ก็ควรจัดการเอง ต่อให้ไปคร่ำครวญให้ผู้อื่นฟังก็ไร้ประโยชน์ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น แล้วจะนำข่าวร้ายกลับมาเพื่ออะไร"หลี่เฉินตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะหันไปมองกงฮุยอวี่แล้วหัวเราะเบาๆ "เจ้าหึงรึ?"หึง?กงฮุยอวี่ไม่เข้าใจว่าหึงหมายถึงอะไรแต่ด้วยนิสัยของนาง แน่นอนว่านางไม่มีทางถามออกไป นางเพียงเหลือบมองหลี่เฉินด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะก้มหน้ากลับไปอ่านหนังสือของตนเองเหลืออีกเพียงหนึ่งวันก็จะถึงพิธีอภิเษกสมรสของตำหนักบูรพาไม่เพียงแค่ตำหนักบูรพา แม้แต่ทั่วทั้งพระราชวังหลวง ต่างเร่งเตรียมการสำหรับงานมหามงคลในวันพรุ่งนี้ตั้งแต่การตกแต่ง พิธีกรรม ความปลอดภัย ทุกกระบวนการถูกดูแลโดยกรมพิธีการและสำนักคุมประพฤติเนื่องจากการอภิเษกครั้งนี้ มีเจตนาเพื่อเป็นการเสริมมงคลให้กับต้าสิงฮ่องเต้ งานนี้จึงไม่ใช่เพียงเรื่องใหญ่ของตำหนักบูรพา แต่ยังเป็นเหตุการณ์สำคัญของทั้งเมืองหลวงทางการได้ส่งคนมากวาดล้างทำความสะอาดและตกแต่งถนนหนทางในเมืองหลวงล่วงหน้าหลายวัน ขณะที่ภายในพระราชวังหลวงเองก็ถูกปรับปรุงใหม่แทบทั้งหมด สิ่งที่ควรเปลี่ยนใหม่ก็เปลี่ยน สิ่งที่ควรซ่อมแซมก็เร่งซ่อม แม้แต่เหล่านางกำน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 996

    ไม่นานนัก ซูเจิ้นถิงเดินเข้ามาพร้อมกับแม่ทัพชราผู้หนึ่งที่มีท่าทีแข็งแกร่งและทรงอำนาจแม่ทัพผู้นี้แม้จะมีเส้นผมและเคราที่ขาวโพลน รูปร่างไม่สูงใหญ่หรือกำยำ แต่กิริยาท่าทางกลับสง่างามยิ่งนัก เดินเหินราวกับพยัคฆ์และมังกรที่ทรงพลัง ดวงตาคู่นั้นแม้จะชราภาพแต่ยังคงเฉียบคมดั่งเหยี่ยว ทำให้ผู้คนไม่อาจดูแคลนเขาได้"กระหม่อม ขอคารวะองค์ชาย""กระหม่อม หูซื่อฟาน ขอคารวะองค์รัชทายาท"เมื่อเปรียบเทียบกับซูเจิ้นถิงที่ดูผ่อนคลาย หูซื่อฟานซึ่งได้พบกับหลี่เฉินเป็นครั้งแรกกลับระมัดระวังและปฏิบัติตามมารยาทอย่างเคร่งครัดเขาประสานมือคำนับ พร้อมคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ขณะที่พิธีกรรมทุกอย่างถูกปฏิบัติอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีจุดบกพร่องแม้แต่น้อย"โปรดอภัยให้กระหม่อมที่ยังอยู่ในเครื่องแบบนักรบ จึงไม่อาจถวายคำนับเต็มพิธีได้"หลี่เฉินเดินเข้ามาประคองแขนของหูซื่อฟานให้ลุกขึ้น ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม "กฎของราชวงศ์เราระบุไว้ว่านายทหารในชุดเกราะสามารถถวายคำนับเพียงครึ่งเดียวได้ ท่านแม่ทัพช่างถ่อมตัวเกินไปแล้ว"สายตาของหลี่เฉินจับจ้องไปยังหูซื่อฟาน พลางกล่าวด้วยความชื่นชม "ท่านแม่ทัพได้นำทัพเหลียวตงต้านภัยหน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 997

    หลังจากหลี่เฉินให้คนยกเก้าอี้มา เขาก็เชื้อเชิญซูเจิ้นถิงและหูซื่อฟานให้นั่งลง ก่อนจะเข้าสู่หัวข้อสำคัญโดยตรง "แม่ทัพหู ท่านทราบสถานการณ์ของราชสำนักในปัจจุบันแล้วหรือไม่?"คำถามนี้เป็นการเปิดฉากสู่ประเด็นหลักทันทีหูซื่อฟานตั้งสติ ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น "กระหม่อมอยู่ชายแดนมาเนิ่นนาน ไม่ค่อยไวต่อสถานการณ์ในราชสำนัก แต่แม่ทัพซูได้วิเคราะห์และอธิบายให้กระหม่อมฟังอย่างชัดเจนแล้ว กระหม่อมทราบดีว่าขณะนี้สถานการณ์ของพระองค์อันตรายถึงขีดสุด""ดังนั้น กระหม่อมขอเป็นตัวแทนของเหล่าทหารเหลียวตงนับหมื่น ขอสาบานว่ากองทัพเหลียวตงจะจงรักภักดีต่อองค์ชาย ขอเพียงรับพระบัญชาเท่านั้น"หลี่เฉินเหลือบมองซูเจิ้นถิงเล็กน้อย ก่อนจะยกย่องในใจเห็นได้ชัดว่า ซูเจิ้นถิงได้เตรียมการทุกอย่างไว้แล้ว หลี่เฉินแทบไม่ต้องออกแรงใดๆ เลยซูเจิ้นถิงกล่าวเสริมขึ้น "ตามพระบัญชาขององค์ชาย กองทัพเหลียวตงจำนวนสี่หมื่นนายได้เดินทัพเร่งด่วนเข้าสู่พื้นที่นครบาล ขณะนี้กำลังเคลื่อนพลปิดกั้นเส้นทางจากตงซานและหนานเหอ ไม่ให้มีกองกำลังฝ่ายตรงข้ามเข้ามายังกรุง หากจำเป็น ในวันเดียว กระหม่อมสามารถจัดทัพสองหมื่นนายเข้าสู่พระนครได้ทั

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 998

    หลี่เฉินต้องยอมรับว่า เรื่องที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านนั้น ย่อมต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นคนตัดสินใจเช่นในกรณีนี้ เขาถูกซูเจิ้นถิงเตือนให้คิดรอบคอบขึ้นแม้แต่ผู้มีปัญญาย่อมมีข้อผิดพลาด นี่คือคำกล่าวที่สะท้อนสถานการณ์ได้อย่างดีอย่างไรก็ตาม คำพูดของเขาได้กล่าวออกไปแล้ว หากกลับคำทันทีจะทำให้เสียความน่าเชื่อถือ และนั่นอาจทำให้เขาสูญเสียการควบคุมหูซื่อฟานแต่นี่เป็นจุดที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถของหูซื่อฟานในฐานะแม่ทัพผู้มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกฝนโดยตรงจากจอมพลผู้ยิ่งใหญ่ หูซื่อฟานย่อมเข้าใจสถานการณ์นี้เป็นอย่างดี เขาจึงรีบกล่าวขึ้น "องค์ชาย กระหม่อมคิดว่า แทนที่จะฝ่าเส้นทางหลักให้เกิดปัญหา มิสู้เปลี่ยนเส้นทาง ใช้ทางรองและเส้นทางภูเขาเป็นหลัก เช่นนี้จะช่วยลดโอกาสปะทะกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นหรือกองกำลังอื่น หากเกิดการตรวจพบจริงๆ กระหม่อมจะให้กองทัพแยกเป็นหน่วยย่อย เดินทัพเร่งด่วน พอพวกนั้นตามมา ก็จะไม่พบอะไร"หลี่เฉินพอใจในไหวพริบของหูซื่อฟานเขามองไปที่แผนที่ทหารก่อนกล่าวว่า "แผนของท่าน ข้าเข้าใจดี แต่ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากเช่นนั้น""ซีซานกับหนานเหอ ข้าไม่กังวล ซีซานไม่ต้องไป

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 999

    คำพูดของหูซื่อฟาน เป็นสิ่งที่หลี่เฉินอยากได้ยินที่สุดในเวลานี้เขาตบไหล่ของหูซื่อฟานอย่างหนักแน่น พร้อมกล่าวว่า "แม่ทัพหู ความจงรักภักดีของท่านและกองทัพเหลียวตง ข้าเห็นได้ชัดแล้ว หลังจากทุกอย่างจบลง ข้าจะจัดงานเลี้ยงฉลองให้ท่าน"หูซื่อฟานหัวเราะเสียงดัง แม้อายุจะมากแล้ว แต่ก็ยังเต็มไปด้วยความฮึกเหิมเขาค้อมศีรษะให้หลี่เฉิน ก่อนหมุนตัวเดินจากไปอย่างองอาจหลี่เฉินมองแผ่นหลังของหูซื่อฟาน แล้วหันไปพูดกับซูเจิ้นถิงว่า "ใครบอกว่าจักรวรรดิไม่มีแม่ทัพเก่งๆ หากข้ามีแม่ทัพหูเพิ่มอีกสักสองสามคน แผ่นดินนี้คงสงบสุขแน่นอน""เสียดาย ที่พวกเขาต่างแก่ชราแล้ว"ซูเจิ้นถิงถอนหายใจเบา ๆ ก่อนกล่าวว่า "ดังนั้นองค์ชายต้องค้นหาคนเก่งคนใหม่ เพื่อสืบทอดภารกิจของแผ่นดิน"หลี่เฉินหัวเราะเสียงดัง "วันนี้ข้าไม่ทำงานแล้ว! มา ดื่มสักสองสามจอกเป็นเพื่อนข้าเถอะ!"พรุ่งนี้จะเป็นวันอภิเษกสมรส จากสัญญาณต่างๆ ที่ได้รับ คาดว่าจ้าวเสวียนจีคงลงมือในวันนั้นแน่นอนหลี่เฉินเตรียมการทุกอย่างไว้หมดแล้วมนุษย์ทำหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุด ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับฟ้าดังนั้น วันนี้เขาตั้งใจจะพักผ่อน ปล่อยวางจากราชกิจที่ไม่มีวัน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1000

    "ใบพีชอ่อนเรียวแหลม ใบหลิวแผ่กิ่งปกคลุมท้องฟ้า ที่ตรงนั้น ท่านอากงผู้ทรงปัญญา"ริมแม่น้ำฉินหวาย ณ เมืองจินหลิง ชายชราผู้หนึ่งนั่งเอนกายอยู่บนเก้าอี้ไม้ไผ่เก่า ๆ เขาสวมเสื้อคลุมกันฝนตัวเก่า มือข้างหนึ่งจับคันเบ็ดตกปลา ส่วนอีกข้างหนึ่งก็ตบเบา ๆ ไปที่พนักเก้าอี้พลางฮัมเพลงด้วยอารมณ์ดีบริเวณรอบตัวเขาไม่มีผู้คน แต่ในเงามืดกลับเต็มไปด้วยเงาทหารองครักษ์ หากไม่มีคำสั่งจากเขา ก็ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้ไม่นาน เงาร่างหนึ่งเดินผ่านด่านคุ้มกันอันแน่นหนามาหยุดยืนอยู่ด้านหลังของชายชราผู้นั้น ท่ามกลางสายตาจับจ้องของเหล่าผู้คุ้มกัน คนผู้นั้นคือ ต้วนจิ่นเจียงเขาไม่ได้เอ่ยรบกวน ปล่อยให้เพลงจบลงก่อนเหวินอ๋องค่อยๆ หยุดการปรบมือตามจังหวะลง ก่อนจะหยิบกาน้ำชาที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมาจิบ แล้วเอ่ยถามขึ้นพร้อมรอยยิ้ม "ข้าร้องเพลงนี้เป็นอย่างไรบ้าง?""เปล่งเสียงชัดเจน จังหวะพริ้วไหว นับเป็นเพลงที่ไพเราะยิ่ง" ต้วนจิ่นเจียงยิ้มตอบเหวินอ๋องหัวเราะเบาๆ "ครั้งแรกที่ข้าได้ยินเพลงนี้ เป็นตอนที่เสด็จพ่อพาข้าไปภูเขาจิ่งซานเพื่อประกอบพิธีบวงสรวง ข้าเห็นเสด็จพ่อชอบ จึงพยายามฝึกฝนอย่างลับๆ อยู่หลายเดือน ตั้งใจจะร้องถ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1001

    มณฑลหนานเหอสิงในจวนข้าหลวงประจำมณฑล โจวผิงอันยืนอยู่ตรงกลางห้องโถง ขณะที่มองไปยังศาลาว่าการซึ่งแลดูว่างเปล่ากว่าตอนที่เขาเพิ่งมาถึงมากนัก เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ท่านทั้งหลาย ขอบคุณที่ทุกท่านมา เพราะเหตุใดข้าจึงเร่งให้ทุกท่านมารวมตัวกันจากจวนและที่ว่าการของแต่ละคนเช่นนี้ นั่นก็เพราะข้าเพิ่งมารับตำแหน่งได้ไม่นาน เพียงแค่เดือนเศษ งานราชการมากมายยังไม่ได้สะสางให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ดังนั้นข้าจึงต้องการให้พวกท่านช่วยข้าจัดการงานบริหารของมณฑลหนานเหอให้เข้าที่เข้าทาง”“แน่นอนว่า ยังมีขุนนางบางคนที่อ้างว่าตนเองไม่สามารถมาได้ ข้าเองก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผล ดังนั้นข้าจึงให้พวกเขาอยู่ในที่ที่พวกเขาอยากอยู่ไปตลอดกาล โดยไม่มีวันย้ายไปที่อื่นอีก”“เพื่อไม่ให้พวกเขาต้องโดดเดี่ยว ข้าได้ส่งครอบครัวของพวกเขาไปอยู่ด้วยกันทั้งหมด”“เพราะครอบครัวก็ควรอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันไม่ใช่หรือ?”โจวผิงอันหัวเราะเบาๆ สีหน้าของเขาดูใจดี ทว่าแววตาของเขากวาดมองบรรดาขุนนางที่อยู่ในห้องโถงอย่างถ้วนทั่ว จากนั้นเขาก็กล่าวต่ออย่างอารี “แน่นอนว่า ท่านทั้งหลายต่างก็มีงานยุ่ง มีมิตรสหายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคหบดี เจ้า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1002

    สามวันภายในศาลาว่าการ เกิดเสียงกระซิบกระซาบขึ้นอย่างแผ่วเบานับตั้งแต่ที่จ้าวอ๋องหลี่อิ๋นหู่ที่ถูกปลดออกประกาศศึกฉบับที่สอง ใครๆ ก็รู้ว่าราชวงศ์ต้าฉินกำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ความขัดแย้งระหว่างจ้าวอ๋ององค์ชายแปด และองค์รัชทายาทได้เดินมาถึงจุดที่ไม่มีทางประนีประนอมอีกต่อไปและเนื่องจากมณฑลหนานเหอสิงอยู่ใกล้พื้นที่นครบาล มีขุนนางมากมายที่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับผลประโยชน์ในเมืองหลวงอย่างลึกซึ้ง ทุกคนล้วนไม่อยากพลาดโอกาสในครั้งนี้ทว่าการถูกกักตัวไว้เป็นเวลาสามวันนี้ ราวกับเป็นการปิดตายเส้นทางของพวกเขาในขณะเดียวกัน ก็ทำให้พวกเขาเข้าใจได้ทันทีว่าการเปลี่ยนแปลงอำนาจกำลังจะเกิดขึ้นภายในสามวันนี้ทุกคนต่างรู้ว่าโจวผิงอันถูกส่งตัวมาจากกรมยุติธรรม ให้มาคุมมณฑลหนานเหอสิง โดยที่ตำหนักบูรพาถึงกับยอมเสียสละครั้งใหญ่เพื่อปลดขุนนางคนเก่าที่เคยครองตำแหน่งนี้มาก่อน ซึ่งหมายความว่าโจวผิงอันเป็นขุนนางในเครือข่ายของตำหนักบูรพาโดยสมบูรณ์การที่เขาใช้วิธีการนี้เพื่อปิดกั้นทุกอย่าง ทำให้ขุนนางเหล่านี้รู้สึกอึดอัดอย่างถึงที่สุดโจวผิงอันย่อมรู้ดีว่าพวกเขากำลังคิดอะไร แต่เขาก็หาได้ใส่ใจ

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1055

    หลี่เฉินหันไปมองซูจิ่นพ่าที่อยู่ข้างกาย ยิ้มอ่อนเอ่ยว่า “เจ้าทำให้ข้ารู้สึกประหลาดใจมาก”ซูจิ่นพ่าไม่ได้ตอบ เพียงยอบกายทำความเคารพแบบสตรีผู้สูงศักดิ์อย่างอ่อนช้อยหลี่เฉินหลุดหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันไปกล่าวกับซูเจิ้นถิงว่า “แม่ทัพซู ลูกหลานตระกูลแม่ทัพเสือเจ้าฝีมือ เจ้าช่างมีบุตรีที่ดีนัก”ซูเจิ้นถิงก่อนหน้านี้อยู่หน้าประตูวัง เมื่อเขามาถึงพอดีกับที่ซูจิ่นพ่ากำลังตำหนีขุนนางพวกนั้น ด้วยสัญชาตญาณจึงไม่ได้รีบเข้าไป และการรอเพียงครู่เดียวนี้ ก็ทำให้เขาได้เห็นฝีมือกับสติปัญญาของบุตรสาวตัวเองอย่างชัดเจน นับว่ายอดเยี่ยมอย่างแท้จริง“ฝ่าบาทตรัสเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ซูเจิ้นถิงยกมือขึ้นคารวะ แล้วหันไปมองจางปี้อู่และขุนนางฝ่ายสำนักราชเลขาที่ใบหน้านิ่งสงบ จากนั้นกล่าวว่า “ฝ่าบาท ที่นี่ขอให้เป็นหน้าที่ของกระหม่อมกับท่านอาจารย์เถิดพ่ะย่ะค่ะ”ทหารย่อมต่อสู้กับทหาร แม่ทัพย่อมรับมือแม่ทัพบุคคลที่หลี่เฉินตั้งใจจะรับมือมาตลอด ไม่ใช่จางปี้อู่ และไม่ใช่ขุนนางทั้งหลายที่อยู่เบื้องหลังเขาเหล่านั้นแต่คือ...จ้าวเสวียนจี“ดี”หลี่เฉินพยักหน้าเบาๆ แล้วหมุนกาย มุ่งหน้าเข้าสู่พระที่นั่งไท่เหอในขณะที่หลี

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1054

    ซูเจิ้นถิง ถานไถจิ้งจือ และสวีฉังชิง…เหล่าขุนนางสังกัดฝ่ายตำหนักบูรพาทยอยกันเดินเข้ามาอย่างเป็นระเบียบแม้แต่เหอคุน สวีจวินโหลว ฟู่หมิ่นชิง และโจวเฉิงหลงก็ปรากฏตัวพร้อมหน้าเมื่อเทียบกับเหล่าขุนนางสายสำนักราชเลขาที่มาถึงก่อน ตำหนักบูรพาดูด้อยกว่าทั้งในแง่จำนวน อายุ และตำแหน่งที่ครองอยู่แต่สิ่งเหล่านี้ เมื่อต้องอยู่ภายใต้การนำของซูเจิ้นถิงและถานไถจิ้งจือ กลับดูไม่มีความหมายอันใดอีกสองคนนี้ ได้ยกระดับทั้งฝ่ายขึ้นมาโดยพลันหลายคนในฝ่ายสำนักราชเลขา เมื่อเห็นถานไถจิ้งจือปรากฏตัว สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันทีพวกเขารู้ว่าถานไถจิ้งจือมีความใกล้ชิดกับตำหนักบูรพาอยู่บ้าง ทว่าที่ผ่านมาท่านผู้นี้ไม่เคยแสดงจุดยืน ไม่เคยแทรกแซงเรื่องการเมือง และไม่ข้องแวะกิจการบ้านเมืองใดๆแต่เวลานี้ ขณะที่สถานการณ์มาถึงจุดแตกหัก บุคคลผู้มีชื่อเสียงระดับบรมครูปรากฏตัวเคียงข้างซูเจิ้นถิง นั่นก็เท่ากับว่าเขาได้แสดงจุดยืนและท่าทีของตนอย่างชัดเจนแล้ว“ฝ่าบาท กระหม่อมมาช้าไป”ถานไถจิ้งจือคารวะหลี่เฉิน“ท่านอาจารย์กล่าวเกินไปแล้ว”หลี่เฉินเอ่ยอย่างอ่อนโยน “ที่ท่านมาได้ ก็เป็นเรื่องน่ายินดีแล้ว”“สายฝนแม้จะหนักหน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1053

    “นี่มันเรื่องอะไร?”ซูจิ่นพ่ากดดันต่อทันที “หากเจ้ามีเหตุผล ก็กล่าวมาเถิด ให้คนทั้งใต้หล้าได้ยินให้ชัดว่า องค์รัชทายาทนั้น ‘โง่งม’ อย่างไร?”เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เสียงของซูจิ่นพ่าพลันเย็นเยียบลง “หากเจ้าพูดออกมาไม่ได้ เช่นนั้นก็คือการใส่ร้าย ใส่ร้ายองค์รัชทายาทผู้ครองแผ่นดิน ถือเป็นอาชญากรรม ต้องประหาร!”คำว่า “ต้องประหาร” สิ้นสุดลงในวินาทีใด อำนาจและบารมีอันยิ่งใหญ่ก็ปกคลุมรอบทิศจนขุนนางผู้นั้นถึงกับทรุดตัวนั่งตูมลงกลางพื้นซึ่งชุ่มไปด้วยน้ำฝนเขาถึงกับหวาดกลัวจนหมดสติเมื่อร่างล้มลง มือทั้งสองย่อมต้องยันพื้นไว้โดยสัญชาตญาณ ทว่าเมื่อฝ่ามือเขายื่นออกไป กลับสัมผัสกับพื้นของทางเสด็จในพระราชวัง หน้าพระที่นั่งไท่เหอ มีทางเดินอยู่สามสายสายหนึ่งคือ “ทางสามัญ” สำหรับขุนนางเดินใช้สายหนึ่งคือ “ทางอ๋อง” สำหรับเจ้านาย ราชนิกูลและเชื้อพระวงศ์และอีกสายคือ “ทางจักรพรรดิ” หรือเรียกว่า “ทางเสด็จ” เป็นทางที่มีเพียงฮ่องเต้และองค์รัชทายาทเท่านั้นที่สามารถเดินผ่านได้ตามกฎหมาย แบ่งทางเดินแต่ละสายตามสถานะผู้เดินอย่างเคร่งครัด หากผู้ต่ำศักดิ์ละเมิด ย่อมถือว่าเป็นการล่วงละเมิดเบื้องสูง มีโทษฐานก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1052

    เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นโดยไร้สัญญาณเตือน ทำให้ทุกคนในที่นั้นแลเห็นใบหน้าของหลี่เฉินอย่างชัดเจน ภายใต้สายฝนที่เทกระหน่ำและหลี่เฉินเองก็สามารถมองเห็นสีหน้าของเหล่าขุนนางได้ถนัดตาในสีหน้าพวกเหล่าขุนนาง บ้างจริงจัง บ้างเงียบงัน บ้างหวาดหวั่น ทว่ามากที่สุด...คือความเย็นชาไร้ซึ่งอารมณ์พวกเขาราวกับแน่ใจว่า คืนนี้องค์รัชทายาทจะต้องถูกบีบให้สละตำแหน่งอย่างแน่นอนเสียงตะโกนขอให้องค์รัชทายาทสละราชบัลลังก์ดังระงม ประหนึ่งคลื่นมหึมาที่ถาโถมกดทับอยู่บนร่างของหลี่เฉินซูจิ่นพ่าหันไปมองด้านข้างของหลี่เฉิน ใบหน้าของเขาเรียบเฉยไร้อารมณ์ แต่ด้วยความใกล้ชิด นางรู้ดีว่าร่างกายของบุรุษข้างกายกำลังสั่นไหวเล็กน้อยนั่นมิใช่ความหวาดกลัว แต่เป็นความโกรธในห้วงเวลานี้ ซูจิ่นพ่ารู้สึกเลือดลมพลุ่งพล่านจุกแน่นอยู่ในลำคอ ไม่อาจกลืนกลับไปได้อีกนางจำต้องกล่าวบางสิ่งออกมา“หยาบช้า!”เสียงตำหนิของซูจิ่นพ่าดังใสชัดเจน ในค่ำคืนอันเปียกชื้นอึมครึมนั้น เสียงของนางมิได้ละมุนดังเช่นทุกครั้ง ทว่าหนักแน่นเด็ดเดี่ยวอย่างน่าครั่นคร้ามดั่งเสียงขานแรกของนกฟีนิกซ์วัยเยาว์ แม้ยังไม่เติบโตเต็มที่ แต่ก็เผยแววสง่างามของสตรีผ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1051

    สายฝนเทกระหน่ำ ในห้วงฟ้าดินนั้น นอกจากเสียงเม็ดฝนกระทบพื้นอันอึกทึกแล้ว กลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาอีกเลยทันใดนั้น เสียงขานราชาศัพท์กังวานลั่นไปทั่วสะพานจินสุ่ย“ฮองเฮาเสด็จ!”“องค์รัชทายาทเสด็จ!”“พระชายาองค์รัชทายาทเสด็จ!”เสียงขานรับเสด็จทั้งสามดังขึ้นติดกัน ทำให้เหล่าขุนนางหลายสิบคนเริ่มเคลื่อนไหวเล็กน้อย ทว่าจางปี้อู่ซึ่งยืนอยู่แถวหน้าสุดกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นว่า “สงบปากสงบคำ”เพียงคำเดียว ทุกคนก็เงียบลงทันทีในเวลาไม่นาน ร่างสองร่างก็ปรากฏตัวเคียงข้างกันที่หน้าสะพานจินสุ่ยชุดแต่งงานสีแดงฉาน ภายใต้ม่านฝนและรัตติกาล กลับยิ่งสะดุดตาพร้อมกับการปรากฏตัวของพวกเขา คือเสียงฝีเท้าของเหล่าองครักษ์ที่เรียงรายอย่างเป็นระเบียบองครักษ์อวี่หลินเดินเข้าสู่ลานพิธีพวกเขากระจายตัวรายล้อมกำแพงแดงโดยรอบลานสะพานจินสุ่ย จนล้อมพื้นที่โดยรอบไว้ทั้งหมดเหล่าขุนนางเพียงแต่ยืนมองนิ่งๆ ไม่มีใครขัดขืน ไม่มีผู้ใดกล่าวคำหนึ่งคำราวกับรู้ดีว่า...ทหารเหล่านี้ ไร้ความหมายซานเป่าอยากจะกางร่มให้หลี่เฉินกับซูจิ่นพ่า ทว่าหลี่เฉินโบกมือ แล้วหยิบร่มไปกางเหนือศีรษะของซูจิ่นพ่า ส่วนตนกลับปล่อยให้ร่า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1050

    “ข้าเข้าใจแล้ว…เข้าใจหมดทุกอย่างแล้ว”หลี่อิ๋นหู่ระเบิดเสียงหัวเราะลั่น“ไม่แปลกใจเลย ไม่ว่าอย่างไร ข้าทำสิ่งใด เจ้าก็ล่วงรู้หมด ที่แท้เป็นเช่นนี้! เป็นเช่นนี้เอง!”หลี่เฉินมองหลี่อิ๋นหู่ที่หัวเราะจนหอบหายใจแทบไม่ทัน สีหน้าไร้อารมณ์เขาหันหลัง เดินตรงเข้าไปในศาลบูรพกษัตริย์ซานเป่ากลับไม่ได้หันตาม แต่เดินตรงไปทางหลี่อิ๋นหู่ด้านหลังหลี่เฉิน เสียงหัวเราะของหลี่อิ๋นหู่ยังไม่จางหาย เขาหัวเราะพลางตะโกนลั่น “หลี่เฉิน เจ้าอย่าได้ลำพองใจ เจ้ารู้หรือไม่ว่าจ้าวเสวียนจีร้ายกาจเพียงใด! เจ้ารู้หรือไม่ว่าแผ่นดินนี้มีคนอีกมากมายที่ปรารถนาให้เจ้าตาย! ข้าเป็นแค่หุ่นเชิดก็จริง แต่ข้าก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้น!”“หากเจ้าฆ่าข้า คนพวกนั้นจะไม่อาจอยู่นิ่งได้ อาณาจักรที่เจ้าครอง จะไม่มีวันมั่นคงแน่นอน!”ฝีเท้าหลี่เฉินไม่หยุด ยังคงเดินไปข้างหน้า คำพูดของหลี่อิ๋นหู่ไม่มีผลใดๆ กับเขาเลยในเวลาเดียวกัน เสียงตวาดกร้าวของโจวสิงเจี่ยก็ดังขึ้น“เจ้าจะทำอะไร!”ไม่มีผู้ใดตอบต่อมาคือเสียงฟึ่บ! ของคลื่นลมที่ระเบิดออก ตามด้วยเสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองของโจวสิงเจี่ยถัดจากนั้น เสียงหัวเราะของหลี่อิ๋นหู่ก็เงียบห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1049

    หลี่อิ๋นหู่รู้ดีว่าหลี่เฉินจะต้องฆ่าตนทว่าเมื่อความตายมาปรากฏอยู่ตรงหน้าอย่างแท้จริง เขากลับหวาดกลัวขึ้นมาม่านตาหดแน่น ลำคอหลี่อิ๋นหู่แห้งผากจนลิ้นแทบขยับไม่ไหว“จ้าวเสวียนจีบางทีอาจกำลังรอให้เจ้าฆ่าข้าก็เป็นได้!” หลี่อิ๋นหู่พลันเอ่ยขึ้นมา“ไม่ผิด”หลี่เฉินยืนยันคำพูดของหลี่อิ๋นหู่อีกครั้ง“ความผิดของเจ้า คือเข่นฆ่าพี่น้องร่วมสายเลือด หากข้าฆ่าเจ้า เช่นนั้นข้าก็จะมีความผิดเดียวกับเจ้าอย่างเต็มประตู”“จ้าวเสวียนจีจะใช้ข้อหานี้ ประกาศไปทั่วแคว้น ทำให้ข้าเสื่อมเสียชื่อเสียง”หลี่อิ๋นหู่ราวกับคว้าได้หนึ่งในเส้นเชือกแห่งความหวัง จึงรีบกล่าวด้วยความร้อนรนว่า “เพราะฉะนั้นเจ้าก็ยิ่งห้ามหลงกลเขา!”“ข้าไม่กลัว”หลี่เฉินยิ้มอย่างอ่อนโยน “หลุมที่เจ้าก้าวลงไปแล้วต้องตาย ข้าเดินผ่านไป กลับสามารถถมให้ราบได้”สีหน้าหลี่อิ๋นหู่ชะงักนิ่งเขารู้สึกได้ว่าเส้นเชือกแห่งความหวังนั้น ค่อยๆ เลือนหายไป“อย่าฆ่าข้า!”หลี่อิ๋นหู่พลันทรุดตัวคุกเข่าลง สองเข่าติดพื้น ค่อยๆ คลานเข้าไปหาเขาหลี่เฉินไม่ได้พูดอะไร ไม่แม้แต่จะหลบหลีกปล่อยให้อีกฝ่ายคลานเข้ามาใกล้ พอเขาเอื้อมมือจะกอดขาหลี่เฉิน หลี่เฉินจึ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1048

    การระเบิดของระเบิดเทพต้าฉินทั้งสี่ระลอก ทำให้ผู้คนล้มตายไปหลายพันคน ทำลายขวัญกำลังใจของทัพกบฏจนราบคาบ ยังผลให้หลี่อิ๋นหู่ตื่นจากความฝันอันแสนหวานควันดินปืนยังลอยฟุ้งอยู่ทั่ว เปลวเพลิงที่ระเบิดทิ้งไว้ยังคงลุกไหม้ ธงรบที่ขาดวิ่นไหวระริกในสายลมยามโพล้เพล้ เสียงเปลวไฟแตกดังเปรี๊ยะๆ กับเสียงคร่ำครวญของบาดเจ็บที่ยังไม่สิ้นลมหายใจ ดังอยู่ไม่ขาดสายหลี่เฉินออกคำสั่ง ให้ทหารที่ยังมีแรงเหลือออกไปกวาดล้างสนามรบ“ฝ่าบาท พวกกบฏที่ยังรอดชีวิตอยู่ จะทรงให้ประหารหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”ซานเป่าใช้ความเคยชินในฐานะจางกงแห่งตงฉ่าง เห็นว่าศัตรูก็ต้องฆ่าให้สิ้นซาก จึงเอ่ยถาม“หากผู้ใดพอมีหวังรอดชีวิต ก็ให้รักษาไว้”หลี่เฉินปรายตามองซานเป่า เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “พวกเขาเลือกจุดยืนทางการเมืองไม่ได้ เรื่องนั้นเป็นของผู้ใหญ่ข้างบน ทหารเหล่านี้ ก็แค่สู้เพื่อค่าจ้างหนึ่งมื้อเท่านั้น ตั้งแต่ตำแหน่งแม่ทัพร้อยคนขึ้นไป ฆ่าให้หมด”การตัดสินใจที่ใหญ่ปล่อยเล็กเช่นนี้ แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และความใจกว้างของผู้เป็นกษัตริย์ซานเป่าค้อมกายรับคำ “ฝ่าบาททรงเปี่ยมด้วยเมตตา บ่าวขอรับพระโอวาทไว้”เมื่อซานเป่านำรับสั่งไ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1047

    มนุษย์ ย่อมหวาดกลัวต่อภัยอันไม่อาจหยั่งรู้ได้นี่คือสันดานดิบของมนุษย์ เป็นสัญชาตญาณที่เปลี่ยนแปลงมิได้ก่อนหน้านี้ เว้นแต่บุคคลส่วนน้อยอย่างหลี่เฉิน ก็แทบไม่มีผู้ใดเคยเห็นระเบิดเทพต้าฉินมาก่อนเลยเพราะฉะนั้น เมื่อมันแสดงโฉมหน้าดุร้ายในฐานะอาวุธสงครามออกมาเป็นครั้งแรกต่อหน้าฝูงชน ทุกผู้คน รวมทั้งทหารองครักษ์ที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่ร้อยนาย ต่างก็พากันตื่นตะลึงจนตาแตกเสียงระเบิดที่ดังกึกก้อง อานุภาพของมันรุนแรงจนชวนให้ผู้คนคิดว่าหรือจะเป็นเทพพิโรธที่ฟ้าดินบันดาลลงมาแม้แต่หลี่เฉินเอง ก็เพิ่งเคยเห็นผลของระเบิดเทพต้าฉินในสนามรบจริงเป็นครั้งแรกเช่นกันเขารู้สึกพึงใจอย่างยิ่งต่ออานุภาพของระเบิดเทพต้าฉิน ทว่าในใจกลับเจ็บราวกับมีเลือดซึมออกมาเหตุใดน่ะหรือ ก็เพราะทุกเสียงระเบิดนั้น ล้วนแปลเป็นเงินทั้งสิ้นตามต้นทุนในปัจจุบัน ระเบิดระเบิดเทพต้าฉินหนึ่งลูกมีค่าใช้จ่ายราวสองร้อยตำลึงเงินแท้จริงแล้ว ปืนใหญ่หนึ่งนัดเท่ากับทองคำหมื่นตำลึงยิ่งไปกว่านั้น คนที่สามารถสร้างมันได้ ในต้าฉินเวลานี้ก็มีเพียงซ่งอิงซิงคนเดียวเท่านั้น แม้เขาจะพยายามฝึกฝนผู้อื่นอยู่ แต่ของสิ่งนี้กลับต้องใช้พรสวรรค์ อ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status