Share

บทที่ 820

Author: ไห่ตงชิง
"ด่านเย่ว์หยาของพวกเจ้า มีสักกี่คนที่ไว้วางใจได้บ้าง?"

หลี่เฉินทบทวนคำพูดนี้ซ้ำไปมา ก่อนหัวเราะเย็น

คำพูดนี้ หากออกมาจากปากคนอื่น เขาอาจไม่ใส่ใจ

แต่เมื่อเซียวเทียนหนาน ซึ่งเป็นขุนนางระดับสูงของแคว้นเหลียวกล่าวออกมาโดยตรง นั่นหมายความว่าด่านเย่ว์หยามีปัญหายิ่งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย

เขาก้มมองเหอคุนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นพระที่นั่งซีเจิ้ง ก่อนเอ่ยว่า "ดี เจ้าทำงานได้ดีมาก เซียวเทียนหนานยังมีประโยชน์ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาตัดสะพาน"

สายลับที่มีประสิทธิภาพเพียงคนเดียว สามารถสร้างความได้เปรียบมากกว่ากองทัพนับพัน

ดูตัวอย่างจากจ้าวเสวียนจี

เพียงจ้าวเสวียนจีคนเดียวก็ทำให้โชคชะตาของจักรวรรดิต้าฉินถดถอยไปไม่ต่ำกว่าห้าสิบปี

แม้เซียวเทียนหนานจะไม่สามารถเทียบชั้นกับจ้าวเสวียนจีได้ในแง่ของอิทธิพลหรือฝีมือในแคว้นเหลียว แต่โอกาสในการวางสายลับเช่นนี้ถือว่าหาได้ยากอย่างยิ่ง

ดังนั้น บุคคลนี้ต้องเก็บไว้ เพื่อใช้ล่อปลาตัวใหญ่

เหอคุนยิ้มด้วยความยินดี เมื่อได้ยินคำชมจากหลี่เฉิน ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงประจบ "ทุกสิ่งล้วนเกิดจากพระปรีชาสามารถขององค์ชาย…"

"คำประจบสอพลอเช่นนี้ ข้าไม่อยากฟัง"

หลี่เฉินโบกมือ กล่าว
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 821

    “ในใต้หล้านี้ อ๋องแห่งแคว้นที่มีมากมาย แต่ในบรรดานั้น ผู้ที่ทรงอำนาจที่สุดหาใช่ใครอื่นไม่ หนึ่งคือเหวินอ๋องแห่งเจียงหนาน ผู้ที่ร่ำรวยมหาศาล ครอบครองดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ และอีกหนึ่งคือหนิงอ๋อง ซึ่งครอบครองดินแดนกันฉ่าน อันใกล้ด่านเย่ว์หยา มีทัพเสินอู่เว่ยเต็มกำลังสองหมื่นหกพันนายประจำการ”“ทัพเสินอู่เว่ยนี้ เป็นผลงานที่จักรพรรดิองค์ก่อนทุ่มเทพระทัยสร้างขึ้นมา ราชสำนักเองก็ลงทุนไปมหาศาล กล่าวได้ว่าเป็นทัพรบพิเศษที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบห้าสิบปีของแคว้นต้าฉิน”“เมื่อครั้งจักรพรรดิทรงใช้สิทธิ์ควบคุมทัพเสินอู่เว่ยเป็นข้อแลกเปลี่ยน ให้หนิงอ๋องไปยังดินแดนกันฉ่านที่แร้นแค้น ในเวลานั้นผู้คนต่างสงสัยว่าเหตุใดพระองค์ถึงยอมปล่อยกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดออกไป แต่บัดนี้เมื่อมองย้อนกลับไป เห็นได้ชัดว่า ฟ้าดินลิขิตไว้แล้ว แม้หนิงอ๋องจะมีอำนาจ แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน เขากลับกลายเป็นกำลังสำคัญที่ราชสำนักต้องพึ่งพา และเขาเองก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะต้องทุ่มเททุกสิ่งเพื่อต่อสู้กับกองทัพแคว้นเหลียว”หลี่เฉินพยักหน้า กล่าวต่อว่า “ข้าจำเรื่องนั้นได้อยู่บ้าง หนิงอ๋องนั้นกล้าหาญ เมื่อถึงวัยก็ถูกจักรพรรดิองค์ก่อ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 822

    หลี่เฉินยกถ้วยชาขึ้นจิบ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าคิดถึงหนิงอ๋อง?”ซานเป่ายิ้มพลางกล่าวว่า “องค์ชายทรงเฉลียวฉลาด ปัญหาเช่นนี้จะมีหรือที่พระองค์จะมองไม่ออก? เกรงว่าในวันที่มีการหารือในราชสำนัก พระองค์คงวางแผนการในแต่ละก้าวไว้อย่างชัดเจนแล้ว เย่ลู่เสินเสวียนจะเก่งกาจเพียงใด มีอะไรที่ฟ้าประทานมาในวันเกิดของเขาก็ตาม แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าองค์ชาย กลับไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวลเลย”“ประจบสอพลอ”หลี่เฉินหัวเราะดุเบาๆ ก่อนกล่าวต่อ “คนที่ไม่ฉลาดจะพูดอะไรก็พูดตามใจ ไม่ดูสถานการณ์หรือคู่สนทนา สุดท้ายคำพูดเหล่านั้นก็นำภัยมาสู่ตนเอง”“คนที่ฉลาดจะรู้จักอ่านสถานการณ์ มองออกแต่ไม่พูดออกมา เพื่อปกป้องตัวเองไว้ก่อน”“แต่คนที่ฉลาดกว่านั้น จะรู้ว่าควรพูดอะไรเมื่อใด บางครั้งพูดในสิ่งที่ดูเหมือนไม่ควรพูด แต่กลับได้ผลดีอย่างไม่น่าเชื่อ เหอคุนเป็นเพียงขุนนางระดับล่าง แต่กล้าพูดถึงการใช้ประโยชน์จากหนิงอ๋อง หากเรื่องนี้แพร่ออกไป คงไม่มีอ๋องแห่งแคว้นใดปล่อยให้เขามีชีวิตรอดได้”ซานเป่าเอ่ยด้วยเสียงเบา “หน้าที่ของคนเป็นข้ารับใช้ ย่อมต้องช่วยรับมือกับคมดาบและศรลอบแทนนายของตน”หลี่เฉินไ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 823

    “พาคนนั้นเข้ามา”หลี่เฉินเบื่อหน่ายที่จะต่อความยาวกับซานเป่า การที่ซานเป่าฉลาดก็ถือเป็นเรื่องดี เพราะยิ่งคนฉลาดก็ยิ่งรู้ว่าควรทำอะไรในเวลาไหนสำหรับซานเป่า เขารู้ดีว่าหากวันหนึ่งหลี่เฉินขึ้นครองบัลลังก์ วันนั้นก็จะเป็นวันเกษียณตัวเองของเขาเช่นกันเช่นนี้จึงช่วยให้หลี่เฉินไม่ต้องเสียแรงมากมายในการวางแผนไม่นานนัก คนผู้หนึ่งถูกนำเข้ามาใน พระที่นั่งสีเจิ้งชายผู้นั้นดูเหมือนคนธรรมดาแห่งแคว้นต้าฉิน ไม่ว่าจะเป็นบุคลิกหรือหน้าตา หากไม่มีใครบอกมาก่อน คงไม่มีใครคิดว่าชายธรรมดาผู้นี้คือหัวหน้าข่าวกรองของแคว้นจินในเมืองหลวงของต้าฉิน“เจ้าชื่ออะไร?” หลี่เฉินถามชายผู้แสดงท่าทางอ่อนน้อมตรงหน้า“องค์ชายทรงหมายถึงนามที่ต้าฉินหรือชื่อที่แคว้นจินพ่ะย่ะค่ะ?” ชายผู้นั้นตอบกลับอย่างสุภาพหลี่เฉินกล่าวอย่างเรียบๆ “ชื่อที่แคว้นจินของเจ้า”“ข้านามว่า กัวเอ่อร์เจียอ๋าวฉิน สังกัดกองธงเหลืองขอบของแคว้นจิน”หลี่เฉินพยักหน้าช้าๆ “กองธงเหลืองขอบ เช่นนั้นย่อมเป็นสาขาของ กองธงเหลืองแท้ ไม่แปลกที่เจ้าจะได้รับมอบหมายให้ดูแลงานสำคัญเช่นนี้ อีกทั้งเจ้ายังแซ่กัวเอ่อร์เจีย ซึ่งเป็นหนึ่งในเก้าแซ่ใหญ่ของกองธงเ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 824

    คำพูดของหลี่เฉินครั้งนี้ มิใช่คำพูดในฐานะองค์รัชทายาทแห่งต้าฉินที่กล่าวกับหัวหน้าข่าวกรองของศัตรู หากแต่เป็นการสั่งสอนราวกับกำลังพูดกับคนใต้บังคับบัญชากัวเอ่อร์เจียอ๋าวฉินถึงกับตกตะลึงเขามองหลี่เฉินด้วยสายตาสับสน ทั้งตกใจและไม่เข้าใจ“เป็นไปไม่ได้!” กัวเอ่อร์เจียอ๋าวฉินโพล่งออกมา“เป็นไปไม่ได้?” หลี่เฉินหัวเราะเยาะเบาๆ “ไม่กี่วันก่อน เย่ลู่กู่จ้านฉี อ๋องเก้าแห่งแคว้นเหลียวมาเยือน เจ้ารู้เรื่องหรือไม่?”กัวเอ่อร์เจียอ๋าวฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “ในฐานะผู้ทำข่าวกรอง ข้าย่อมรู้ล่วงหน้าอยู่แล้ว”หลี่เฉินยิ้มเย็น ก่อนจะกล่าวถามต่อ “เช่นนั้น เมื่อไม่กี่วันก่อน เย่ลู่เสินเสวียน องค์รัชทายาทแห่งแคว้นเหลียวมาเยือน เจ้ารู้หรือไม่?”กัวเอ่อร์เจียอ๋าวฉินอุทานด้วยความตกใจ “ที่แท้การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เมื่อวันก่อน เป็นเพราะเขามาเองหรือ? เป็นไปได้อย่างไร! เราคิดว่าเป็นขุนนางชั้นสูงของแคว้นเหลียว แต่เขาเป็นองค์รัชทายาทแห่งแคว้นเหลียว เหตุใดจึงกล้ามาที่เมืองหลวงของต้าฉิน? หรือเขาไม่เกรงกลัวว่าต้าฉินจะฆ่าเขา?”“ด้วยตำแหน่งองค์รัชทายาทแห่งแคว้นเหลียว มันคุ้มค่าที่ต้าฉินจะเสี่ยง”หลี่เ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 825

    หลี่เฉินไม่ได้คาดหวังว่ากัวเอ่อร์เจียอ๋าวฉินจะสามารถพูดคุยเรื่องใหญ่ขนาดนี้กับเขาได้หากไม่ใช่เพื่อให้แคว้นจินเชื่อในความจริงใจของต้าฉินและเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น เขาคงไม่ต้องเสียเวลาเจอกัวเอ่อร์เจียอ๋าวฉิน เพราะพูดตามตรง อีกฝ่ายมีตำแหน่งไม่พอถ้าแคว้นจินต้องการส่งคนมาเจรจา คนๆ นั้นอย่างน้อยต้องเป็นขุนนางอันดับหนึ่งหรือสองของราชสำนักหรือกองทัพตอนนี้ เมื่อข้อมูลถูกส่งต่อ หลี่เฉินก็ถือว่าบรรลุเป้าหมายแล้ว“ไม่เป็นไร แต่เวลาที่ข้าสามารถให้พวกเจ้าได้มันมีไม่มากนัก หากสถานการณ์เริ่มสับสนวุ่นวาย ข้าอาจต้องละทิ้งแผนนี้ หรือ…อาจจะร่วมมือกับแคว้นเหลียวแทน”การร่วมมือกับแคว้นเหลียวเป็นสิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้ แต่หลี่เฉินรู้เรื่องนี้ดี และแคว้นจินก็ไม่รู้ในสายตาของแคว้นจิน ตอนนี้แคว้นเหลียวกำลังใช้ผลประโยชน์ล่อใจต้าฉินเพื่อร่วมกันโจมตีแคว้นจินแคว้นจินจะไม่วิตกกังวลได้อย่างไรเมื่อเกิดความกังวล พวกเขาอาจยอมสละผลประโยชน์มหาศาลเพื่อรักษาความเป็นพันธมิตรกับต้าฉิน หรืออย่างน้อยก็เพื่อไม่ให้ต้าฉินร่วมมือกับแคว้นเหลียวแคว้นจินไม่สามารถรับมือกับการถูกโจมตีจากสองแคว้นพร้อมกันได้กัวเอ่อร์เจีย

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 826

    บรรดานักศึกษากลุ่มนี้ ล้วนเป็นผู้ที่สนิทสนมกับโหวอวี้ซูในเมืองหลวงส่วนใหญ่ไม่มีสิทธิ์เข้าสอบคัดเลือกในพระราชฐาน เพราะโควตาสอบมีจำกัดแต่ก็ไม่ได้ขัดขวางพวกเขาจากการพยายามสร้างความสัมพันธ์เพราะผู้ที่ได้เข้าสอบคัดเลือก เมื่อสอบผ่านก็จะกลายเป็นขุนนางติดตัวตำแหน่ง การผูกมิตรไว้ล่วงหน้า ถือเป็นการสร้างเครือข่ายสำคัญในอนาคตอย่างโหวอวี้ซู ผู้ที่มีชาติกำเนิดดี แถมยังเป็นศิษย์ของถานไถจิ้งจือ ปราชญ์ผู้เลื่องชื่อในยุคนี้ โอกาสที่เขาจะเข้าสู่ราชสำนักในปีนี้สูงมาก เขาจึงกลายเป็นเป้าหมายของการประจบประแจง“ท่านอาจารย์ไม่ได้กล่าวอะไร”โหวอวี้ซูพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “ข้าเห็นว่ามันสมเหตุสมผลอยู่แล้ว พวกเราศึกษาหาความรู้มาหลายปี คำตอบทั้งหมดก็อยู่ในหัวใจของเรา จะไปพึ่งพาวิธีอ้อมค้อมเหล่านั้นไปทำไม บางทีท่านอาจารย์อาจต้องการเตือนข้าให้เดินทางตรง ไม่หลงไปตามทางลัด”คำพูดของโหวอวี้ซูดึงดูดเสียงชมเชยจากนักศึกษากลุ่มนั้นแต่ในคำชมเหล่านั้น กลับมีเสียงหนึ่งฟังดูขัดหูนัก“ไม่แน่เสมอไป ลองดูสวีจวินโหลวสิ ปีนี้เขาไม่มีสิทธิ์สอบคัดเลือกในพระราชฐาน แต่ก็ยังอาศัยเส้นสายของลุงจนได้รับสิทธิ์มา”พูดจบ คนกล่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 827

    โหวอวี้ซูมีสีหน้าเย็นชา พลางหัวเราะเย็นออกมา “ไม่คิดเลยว่าคนที่อาศัยบารมีญาติผู้ใหญ่จนได้เข้าสอบคัดเลือกในพระราชฐานอย่างเจ้า จะกล้าพูดจาเหน็บแนมข้าเสียอีก มีเวลาว่างขนาดนี้ ไยไม่กลับไปทบทวนตำราเรียนให้ดี พรุ่งนี้จะได้ไม่ขายหน้าให้ลุงของเจ้า รองเสนาบดีกรมครัวเรือนฝ่ายซ้าย ต้องอับอายจนเงยหน้าไม่ขึ้น”สีหน้าของสวีจวินโหลวแข็งทื่อไปทันทีเขาอยากสอบผ่านเพื่อเข้าสู่ราชการ แต่สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดคือการที่คนอื่นพูดถึงข้อเสียของเขาเพราะสิทธิ์สอบคัดเลือกในพระราชฐานครั้งนี้ของเขา ก็ได้มาจากความช่วยเหลือของลุงของเขา สวีฉังชิงจริงๆรายชื่อผู้เข้าสอบครั้งนี้ถูกประกาศไปทั่ว แต่จู่ๆ ชื่อของเขาก็ถูกเพิ่มเข้าไป ทำให้แทบจะไม่มีใครไม่รู้ถึงเบื้องหลังนี้สวีจวินโหลวสูดลมหายใจเข้า ก่อนพูดด้วยเสียงเย็น “เจ้ามายืนพูดอะไรที่นี่ ไร้ประโยชน์ทั้งนั้น พรุ่งนี้เจอกันในสนามสอบ เรามาวัดกันให้เห็นชัดเจนเถิด!”โหวอวี้ซูหัวเราะลั่น “แค่เจ้า คนที่พึ่งพาญาติผู้ใหญ่จนได้เข้าสอบ ยังกล้าพูดเช่นนี้กับข้าอีกหรือ? หากข้าแพ้เจ้า โหวอวี้ซูคนนี้จะถอดเสื้อวิ่งรอบเมืองหลวงเลย! แต่หากเจ้าแพ้ ข้าก็ไม่ต้องการให้เจ้าทำแบบนั้น ข

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 828

    เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องราวที่ผ่านมา โหวอวี้ซูพบว่า ทุกครั้งที่เขามุ่งมั่นแสดงความจริงใจ กลับถูกซูจิ่นพ่าปฏิเสธด้วยความเย็นชาครั้งก่อนเขายังปลอบใจตัวเองว่าความพยายามย่อมเอาชนะทุกสิ่งได้ แต่ในตอนนี้ เมื่อเห็นซูจิ่นพ่ากำลังจะเข้าสู่ตำหนักบูรพาในฐานะพระชายาองค์รัชทายาท โหวอวี้ซูไม่อาจอดทนอีกต่อไป“คุณหนูซู!”โหวอวี้ซูตะโกนเสียงดังขึ้นอย่างกะทันหัน ดวงตาของเขาจ้องไปยังรถม้าอย่างแน่วแน่ ม่านไข่มุกที่พลิ้วไหวดูราวกับเขาสามารถมองทะลุเข้าไปยังรถม้าและเห็นนางได้“เจ้ากำลังจะกลายเป็นพระชายาองค์รัชทายาทใช่หรือไม่?”คำพูดนี้ทำให้นักศึกษาที่เฝ้ามองอยู่รอบข้างเผยสีหน้าประหลาดใจทันทีทุกคนสามารถจับน้ำเสียงตำหนิติเตียนในคำพูดของเขาได้อย่างชัดเจนคำถามคือ โหวอวี้ซูมีสิทธิ์อะไรที่จะมาตำหนิซูจิ่นพ่า?ซูจิ่นพ่าก็รับรู้ถึงน้ำเสียงนั้น นางตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและแข็งกระด้างกว่าเดิม “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า ขอให้เจ้าหลีกทางด้วย!”โหวอวี้ซูยิ่งโกรธมากขึ้น เขารู้สึกว่าสายตาของผู้คนรอบข้างที่มองเขานั้นเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยและดูแคลน สิ่งนี้ทำร้ายความภาคภูมิใจของเขาอย่างรุนแรง ด้วยความรู

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1063

    ตามคำอธิบายและเรื่องราวของฮ่องเต้ต้าสิง หลี่เฉินก็เริ่มมองเห็นถึงเบื้องลึกในจิตใจที่แท้จริงของฮ่องเต้พระองค์นี้ สิ่งที่พระองค์ต้องการ คือการสืบทอดราชบัลลังก์โดยไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงรากฐานของบ้านเมือง และขุนนางชั่วอย่างจ้าวเสวียนจี ก็คือประกันภัยอีกชั้นหนึ่งที่พระองค์วางไว้ ตราบใดที่จ้าวเสวียนจียังอยู่ เขาก็จะกระหายอำนาจ และต้องพยายามลดบทบาทของฮ่องเต้แน่นอน แต่การลดบทบาทของฮ่องเต้หาใช่ปัญหาไม่ ขอเพียงฮ่องเต้ยังคงดำรงอยู่ อ๋องแห่งแคว้นย่อมไม่อาจก่อหวอด สถานการณ์ก็จะยังดำเนินต่อไปได้ กล่าวได้ว่า ฮ่องเต้ต้าสิงได้วางหมากไว้สองทาง ทางแรก คือหวังว่าจะมีบุตรผู้หนึ่งสามารถเติบโตขึ้นมาเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ มีสติปัญญาและความสามารถลึกซึ้ง กอบกู้สถานการณ์ได้ แต่เรื่องนี้ยากเกินไป อย่างน้อยในขณะวางแผน ฮ่องเต้ต้าสิงเองก็มองไม่เห็นความหวัง ดังนั้นพระองค์จึงเตรียมทางที่สอง ผลักดันให้เกิดขุนนางชั่วคนหนึ่ง เพื่อรักษาความมั่นคงของการถ่ายโอนอำนาจ แม้ฮ่องเต้จะเป็นเพียงหุ่นเชิด ตราบใดที่ยังเป็นบุตรของฮ่องเต้ต้าสิง แผ่นดินก็จะไม่ล่มสลาย ส่วนอำนาจนั้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1062

    “เขาวางแผนมาอย่างยาวนาน บัดนี้ลูกกับเขาก็ถึงคราวแตกหัก ต่อให้มิใช่จ้าวเสวียนจี ลูกก็ไม่อาจอยู่อย่างสงบได้อีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” หลี่เฉินเงยหน้าขึ้นอย่างกล้าหาญ จ้องสบสายพระเนตรของฮ่องเต้เบื้องหน้า แม้พระวรกายจะซูบผอมดั่งน้ำมันหมดไส้เทียนใกล้มอด แต่ก็ยังเปี่ยมด้วยพลังสุดท้าย แล้วกล่าวสิ่งที่อยู่ในใจออกไป ฮ่องเต้ต้าสิงทรงฟังด้วยรอยยิ้ม รอจนหลี่เฉินพูดจบจึงเอ่ยว่า “ข้ากล่าวไปแล้ว เขา มิใช่สิ่งที่ควรกังวล” “เจ้าจะฆ่าเขาก็ได้ แต่ไม่ใช่เวลานี้” หลี่เฉินขมวดคิ้ว สีหน้างุนงงยิ่งนัก ฮ่องเต้ต้าสิงทอดถอนใจเบาๆ แล้วตรัสว่า “สามารถเดินมาถึงจุดนี้ เจ้าก็เกินกว่าความคาดหวังเดิมของข้าไปมาก แม้แต่อีกหลายการจัดวางที่ข้าวางไว้แต่แรก ข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าจะได้ใช้จริง แต่ก้าวแล้วก้าวเล่า เจ้าก็ผ่านมาได้ทั้งหมด” “เจ้าควรรู้ว่า บางแผนที่ข้าวางไว้นั้น เริ่มตั้งแต่เมื่อครานานมาแล้ว” หลี่เฉินนึกถึงพี่น้องสกุลอู๋ จึงพยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อทรงวางแผนอย่างลึกซึ้ง ลูกนับถือยิ่งนัก” “รอจนเจ้าได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ เจ้าก็จะเข้าใจเอง” ฮ่องเต้ต้าสิงตรัสเสียงเรียบ “ข้าวางแผนไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เจ้าคิดว่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1061

    จ้าวหรุ่ยเงยหน้าขึ้น แม้ใบหน้ายังคงซีดเซียวอ่อนแรง แต่กลับมีสีเลือดระเรื่อขึ้นเล็กน้อย “ฝ่าบาท รีบเสด็จเข้าไปเถิด” จ้าวหรุ่ยกล่าวจบ ก็หลีกทางไปด้านข้าง หลี่เฉินจับมือของจ้าวหรุ่ยแน่น แล้วจึงก้าวเข้าไปภายใน จ้าวเสวียนจีตามเข้าไปติดๆ นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวเสวียนจีสนทนากับจ้าวหรุ่ยหลังจากจ้าวหรุ่ยทรยศ “เจ้าคุกเข่าจนฮ่องเต้ทรงฟื้นคืนหรือ?” จ้าวเสวียนจีกล่าวเสียงเรียบ จ้าวหรุ่ยก้มหน้า ไม่กล้ามองจ้าวเสวียนจี เอ่ยเสียงแผ่วเบา “ฮ่องเต้ทรงมีฟ้าคุ้มครองเพคะ” “ข้าไม่คาดคิดเลยจริงๆ” จ้าวเสวียนจีทิ้งประโยคหนึ่งอย่างมีนัย แล้วจึงติดตามหลี่เฉินเข้าไป จ้าวหรุ่ยเม้มริมฝีปาก ก้มหน้าถอยออกจากประตูตำหนักบรรทม ภายในตำหนักเฉียนชิง หลี่เฉินเห็นฮ่องเต้ต้าสิง...ทรงยืนขึ้นแล้ว พระองค์ทรงสวมเสื้อชั้นในสีเหลืองอ่อนที่เพิ่งผลัดเปลี่ยนใหม่ ซึ่งอาจนับเป็นชุดนอนหรือชุดชั้นในก็ได้ หลี่เฉินไม่รู้สึกแปลกตากับฉลองพระองค์ชุดนี้นัก ขณะฮ่องเต้ต้าสิงบรรทมบนเตียง ก็ทรงสวมเช่นนี้ แต่หลังจากเขาข้ามมิติมา ก็เป็นครั้งแรกที่เห็นฮ่องเต้ทรงมีสติและยืนอยู่ “อย่างไรหรือ เห็นข้าแล้ว ถึงกับลืมคำ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1060

    ประโยคเดียวว่าฮ่องเต้ทรงฟื้นแล้วสร้างแรงสะเทือนใจแก่ทุกผู้คนยิ่งกว่าเสียงฟ้าร้องเหนือศีรษะแม้กระทั่งทหารที่ไล่ตามขันทีน้อยมาแต่แรกยังถึงกับตื่นตะลึงถ้อยคำของขันทีน้อยยังไม่ทันจบประโยค เงาร่างสายหนึ่งพลันแวบขึ้นตรงหน้าเขา ซานเป่าได้คว้าตัวเขาไว้แล้ว“เจ้าว่าอะไรนะ?!”ขันทีน้อยผู้นั้นเป็นเพียงขันทีระดับต่ำสุด เคยเห็นซานเป่าจากที่ไกลๆ เท่านั้น หากแต่ความแตกต่างระหว่างฐานะของทั้งสองทำให้เขาไม่เคยมีสิทธิแม้แต่จะกล่าวคำกับซานเป่ายังไม่ทันตั้งสติจากแรงกดดันของซานเป่า ซูเจิ้นถิงและเหล่าขุนนางใหญ่น้อยก็พากันล้อมเขาไว้หมดแล้ว“บ่าว...บ่าวกล่าวว่า...ฮ่อง...ฮ่องเต้ทรงฟื้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ขันทีน้อยตัวสั่นระริก พูดติดขัดแทบจับใจความไม่ได้ โชคยังดีที่เขายังจำหน้าที่ของตนเองได้“ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่ง ขอให้องค์รัชทายาทและสำนักราชเลขาเข้าเฝ้าทันที”ซานเป่ากับซูเจิ้นถิงสบตากัน แล้วก็ตัดสินใจได้ทันควัน“ไม่ได้!”จางปี้อู่ตะโกนลั่น “ใครจะรู้ว่านั่นไม่ใช่ราชโองการปลอมล่ะ!”“เจ้าบังอาจแอบอ้างหาบรรพบุรุษงั้นรึ!”ซูเจิ้นถิงสบถกลับด้วยความโกรธ แล้วซัดหมัดหนักเข้าที่ใบหน้าของจางปี้อู่อย่างจังจางปี้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1059

    “จ้าวเสวียนจี เจ้าทำเรื่องมากมาย วางแผนมานักหนา ท้ายที่สุดแล้วก็เพื่อสิ่งใดกันแน่”หลี่เฉินชี้ไปยังบัลลังก์มังกร ถามว่า “เพื่อจะได้ขึ้นนั่งบนนั้นหรือ”จ้าวเสวียนจีมองตามนิ้วของหลี่เฉินไปยังบัลลังก์มังกร กล่าวอย่างราบเรียบว่า “มิใช่ หากกระหม่อมประสงค์จะขึ้นนั่งบัลลังก์ กระหม่อมสามารถลงมือได้ตั้งแต่เมื่อปีกลายแล้ว แม้แต่ก่อนหน้านั้น กระหม่อมก็ยังมีโอกาสดีกว่านี้อีกมาก จะต้องรอให้ฝ่าบาททรงมีอำนาจมั่นคงก่อนแล้วจึงลงมือไปเพื่ออันใดกันเล่า”“หรือมิใช่เพราะเจ้าคิดว่าควบคุมตัวข้าได้ยาก จึงต้องเสี่ยงเอาดาบเข้าวัดอย่างนั้นหรือ” หลี่เฉินหัวเราะเย็นชาจ้าวเสวียนจีถอนหายใจเบาๆ สีหน้ากลับแฝงด้วยความหดหู่ยิ่งนัก กล่าวว่า “ฝ่าบาท พระองค์มิใช่กระหม่อม ย่อมไม่รู้ความลำบากของกระหม่อม”“บัลลังก์นั้น นั่งแล้วสบายหรือ ไม่เลย”จ้าวเสวียนจีหันหน้ากลับมามองหลี่เฉิน กล่าวว่า “กระหม่อมแทบจะเฝ้าดูฮ่องเต้ขึ้นครองบัลลังก์กับตาตนเอง ตลอดหลายปีมานี้ ในท้ายที่สุด ฮ่องเต้ได้อะไรกลับมาบ้าง”“กระหม่อมชราภาพแล้ว ไม่รู้ว่ายังจะมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่ปี อีกทั้งบุตรหลานของกระหม่อมก็สูญสิ้นไร้ร่องรอย หากกระหม่อมขึ้นไปนั่ง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1058

    หลี่เฉินหันขวับกลับมาเผชิญหน้าจ้าวเสวียนจี ดวงตาเย็นเยียบดั่งน้ำแข็งจ้าวเสวียนจีเงยหน้าขึ้น ยืนตัวตรง มาดอ่อนน้อมเมื่อครู่พลันสลาย เหลือเพียงท่วงท่าท้าทายอย่างเปิดเผยหลี่เฉินเอ่ยเรียบเย็น “ข้าเพิ่งรู้ว่า...ขุนนางอาวุโส สูงไม่น้อยเลยทีเดียว”จ้าวเสวียนจีตอบ “กระหม่อม...แค่เคยชินกับการโค้งก้มเท่านั้น แต่ครั้งนี้...กระหม่อมไม่อยากก้มอีกแล้ว”เขายกมือชี้ออกไปทางประตูพระที่นั่งไท่เหอ ก่อนกล่าวว่า “ทหารมีดดาบชั้นยอดจำนวนสามพันนาย บัดนี้อยู่ภายนอกพระที่นั่งไท่เหอเรียบร้อยแล้ว”“กระหม่อมรู้ดีว่า ฝ่าบาทมีปืนไฟ และอาวุธที่ระเบิดเทพต้าฉินทรงพลังยิ่ง หากให้เวลาพัฒนา คงกลายเป็นอาวุธสังหารอันน่าสะพรึงกลัวในอนาคต แต่เวลานี้ ฝ่าบาทมีน้อยเกินไป อีกทั้งในค่ำคืนที่ฝนตกหนักเช่นนี้ อานุภาพของอาวุธไฟก็จะลดลงจนเหลือน้อยนิด”“ที่สำคัญที่สุดก็คือ... ทหารทั้งสามพันนายของกระหม่อม ล้วนเป็นยอดฝีมือระดับแนวหน้าแห่งยุทธภพ สามารถกวาดล้างกองทัพปกติหนึ่งหมื่นนายได้ภายในเวลาอันสั้น”จ้าวเสวียนจีหัวเราะเบาๆ ราวกับได้พลิกไพ่ลับที่เตรียมไว้มาเนิ่นนาน มีความภูมิใจอย่างปิดไม่มิด “ที่สำคัญที่สุดคือ… ทหารสามพันนี้ มิใ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1057

    คำพูดของจ้าวเสวียนจี ได้เผยให้เห็นสถานการณ์ที่น่าอึดอัดที่สุดของหลี่เฉินอย่างหมดเปลือก ไม่มีแม้แต่นิดเดียวที่หลงเหลือให้ปิดบังหลี่เฉินในตอนนี้ แม้จะเป็นองค์รัชทายาท แม้จะทำหน้าที่สำเร็จราชการแทนพระองค์ แต่สิทธิอำนาจในมือของเขา โดยรากแท้แล้วยังคงเป็นสิ่งที่ฮ่องเต้ประทานให้ตราบใดที่หลี่เฉินยังไม่ขึ้นครองราชย์ ไม่ได้สวมชุดมังกร เช่นนั้นเขาก็ไม่อาจครอบครองราชอำนาจแท้จริงได้เลยต่อบรรดาข้าราชการท้องถิ่นแล้ว พวกเขายอมรับแค่สิ่งเดียว...ราชโองการ ยอมรับแค่บุคคลเดียว...ฮ่องเต้นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพายุการเมืองในครั้งนี้ ถึงเรียกได้เพียงว่า "พายุการเมือง" มิใช่การชิงราชสมบัติในสายตาของปวงชนแผ่นดิน สิ่งที่พวกเขาเห็น ก็แค่ความขัดแย้งระหว่างองค์รัชทายาทกับฝ่ายสำนักราชเลขาที่รุนแรงจนถึงขั้นยกทัพใส่กัน มิใช่การกบฏแย่งชิงราชบัลลังก์ของสำนักราชเลขาสองสิ่งนี้...แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงหากหลี่เฉินคือฮ่องเต้จริงๆ การกระทำของจ้าวเสวียนจีทั้งหมดนี้ ก็จะกลายเป็นการชิงบัลลังก์อย่างชัดเจน และจะก่อให้เกิดความโกลาหลไปทั่วทั้งแผ่นดิน ขุนนางในทุกหัวระแหงที่ยังมีความจงรักภักดีและสำนึกในคุณธรรม ย่อมต้องลุ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1056

    “ด้านนอกลมฝนรุนแรง ฝ่าบาททรงเปียกโชกทั้งตัว ดูก็รู้ว่าเส้นทางที่ก้าวเข้ามา ไม่ได้ราบรื่นเลยแม้แต่น้อย”จ้าวเสวียนจีมองหลี่เฉินด้วยแววตาสงบนิ่ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ใบหน้าแลดูใจดีอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ“ลมฝนหนักเช่นนี้ มีใครเล่าจะก้าวเดินได้อย่างสบาย?”หลี่เฉินพลิกมือปิดประตูพระที่นั่ง ลมฝนภายนอกถูกสกัดไว้ทันที ความสงบและอบอุ่นจึงกลับคืนสู่ท้องพระโรงอีกครั้ง“หากเพียงต้องการมุมหนึ่งอันสงบสุข ก็แค่ปิดประตูเท่านั้น ความสงบก็จะอยู่กับเราแล้วไม่ใช่หรือ?”จ้าวเสวียนจีกล่าว “ดี ฝ่าบาทตรัสได้ถูกต้องอย่างยิ่ง”หลี่เฉินย่างเท้าเข้าสู่พระที่นั่งไท่เหอด้วยฝีเท้าหนักแน่น หยุดยืนอยู่เบื้องล่างบัลลังก์ หันไปมองเก้าอี้มังกรแล้วเอ่ยกับจ้าวเสวียนจีข้างกาย “เก้าอี้ตัวนี้ ช่างเย้ายวนใจนักใช่หรือไม่?”จ้าวเสวียนจีก็มองไปยังเก้าอี้มังกรร่วมกับหลี่เฉินเขาไม่ได้ตอบคำถามของหลี่เฉิน กลับกล่าวเพียงว่า “ฝ่าบาท ถอยเถิด”หลี่เฉินหัวเราะเบาๆ ไม่ขยับสายตา ไม่ตอบคำใด“กระหม่อมให้คำมั่น ว่าจะปกป้องฝ่าบาทให้ปลอดภัยไปตลอดชีวิต คำมั่นของกระหม่อมนี้ ฝ่าบาทเชื่อถือได้แน่นอน”หลี่เฉินพยักหน้า “ฟังดูจริงใจดี”

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1055

    หลี่เฉินหันไปมองซูจิ่นพ่าที่อยู่ข้างกาย ยิ้มอ่อนเอ่ยว่า “เจ้าทำให้ข้ารู้สึกประหลาดใจมาก”ซูจิ่นพ่าไม่ได้ตอบ เพียงยอบกายทำความเคารพแบบสตรีผู้สูงศักดิ์อย่างอ่อนช้อยหลี่เฉินหลุดหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันไปกล่าวกับซูเจิ้นถิงว่า “แม่ทัพซู ลูกหลานตระกูลแม่ทัพเสือเจ้าฝีมือ เจ้าช่างมีบุตรีที่ดีนัก”ซูเจิ้นถิงก่อนหน้านี้อยู่หน้าประตูวัง เมื่อเขามาถึงพอดีกับที่ซูจิ่นพ่ากำลังตำหนีขุนนางพวกนั้น ด้วยสัญชาตญาณจึงไม่ได้รีบเข้าไป และการรอเพียงครู่เดียวนี้ ก็ทำให้เขาได้เห็นฝีมือกับสติปัญญาของบุตรสาวตัวเองอย่างชัดเจน นับว่ายอดเยี่ยมอย่างแท้จริง“ฝ่าบาทตรัสเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ซูเจิ้นถิงยกมือขึ้นคารวะ แล้วหันไปมองจางปี้อู่และขุนนางฝ่ายสำนักราชเลขาที่ใบหน้านิ่งสงบ จากนั้นกล่าวว่า “ฝ่าบาท ที่นี่ขอให้เป็นหน้าที่ของกระหม่อมกับท่านอาจารย์เถิดพ่ะย่ะค่ะ”ทหารย่อมต่อสู้กับทหาร แม่ทัพย่อมรับมือแม่ทัพบุคคลที่หลี่เฉินตั้งใจจะรับมือมาตลอด ไม่ใช่จางปี้อู่ และไม่ใช่ขุนนางทั้งหลายที่อยู่เบื้องหลังเขาเหล่านั้นแต่คือ...จ้าวเสวียนจี“ดี”หลี่เฉินพยักหน้าเบาๆ แล้วหมุนกาย มุ่งหน้าเข้าสู่พระที่นั่งไท่เหอในขณะที่หลี

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status