จักรวรรดิต้าฉิน ห้องบรรทมในตำหนักบูรพาขององค์รัชทายาท“ฝ่าบาท หม่อมฉันมีไฝที่หน้าอก ท่านอยากดูไหม?”หลี่เฉินลืมตาโพลงขึ้นมา และหอบหายใจอย่างหนักราวกับปลาขาดน้ำ เขาจ้องมองเสาแกะสลักลายมังกรรอบๆ ด้วยความประหลาดใจ การตกแต่งห้องแบบโบราณและวิจิตรตระการตา บวกกับมีสาวงามที่น่าทึ่งนั่งอยู่ข้างเตียง เขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆวิญญาณของฉัน ทะลุมิติมาเหรอ!?“ฝ่าบาท ท่านทรงเป็นอะไรไป?”ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เขาสวยกว่าดาราหญิงทุกคนในชาติก่อนของเขากำลังส่งเสียงเรียก ทำให้ความคิดของหลี่เฉินกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง ฉับพลันความทรงจำก็หลั่งไหลเข้ามาในจิตใจของหลี่เฉิน ทำให้เขาเปล่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดหลังหายใจเข้าอย่างหนัก หลี่เฉินก็เข้าใจขึ้นมาชาตินี้ เขาไม่ใช่มนุษย์เงินเดือนที่ถือว่าทำงานหามรุ่งหามค่ำเป็นพรอีกต่อไป แต่เป็นรัชทายาทแห่งจักรวรรดิต้าฉิน ว่าที่ฮ่องเต้ ทายาทที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงคนเดียวในจักรวรรดิต้าฉินอันยิ่งใหญ่!ชาตินี้ เขาไม่ใช่ผู้ชายจนๆ อีกต่อไป แต่เป็นผู้มีอำนาจและสถานะ ควบคุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้าไว้ในมือ!“ฉัน...ข้าอยากเห็น แน่นอนอยากเห็นสิ”หลี่เฉิ
เฉินจื้อกัดฟันด้วยความโกรธ ร่างกายของเขาสั่นเทิ้มไปทั่วร่าง มือที่จับบนด้ามดาบเกร็งแน่นจนเส้นเอ็นปูด เผยให้เห็นถึงความโกรธสุดขีด“ไม่กล้า? ไม่กล้าก็ไสหัวไป! ถอยไปด้านหลังให้ข้าห้าก้าว ลงไปจากขั้นบันได ถ้ากล้าเหยียบขั้นบันไดขึ้นมาหนึ่งก้าว สังหารไร้ปรานี!”หลี่เฉินมองสีหน้าอึมครึมของเฉินจื้อ ที่ค่อยๆ ถอยหลังไปอย่างช้าๆ ด้วยความอับอาย เมื่อถอยลงจากขั้นบันไดขั้นสุดท้ายจึงหยุด หลี่เฉินหัวเราะเสียงเย็น ก่อนจะหันหัวเดินเข้าไปด้านในเมื่อจ้องมองไปที่แผ่นหลังของหลี่เฉิน ความเกลียดชังที่พลุ่งพล่านอยู่ในอกของเฉินจื้อก็แทบจะทำให้เขาคลุ้มคลั่ง“หลี่เฉิน เจ้ารอข้าก่อนเถอะ เมื่อแผนการของฮองเฮากับใต้เท้าราชเลขาธิการบรรลุผล ข้าจะทำให้เจ้าตายไร้ที่ฝัง!”เมื่อกลับเข้ามาด้านใน หลี่เฉินก็เห็นฮองเฮาจ้าวชิงหลานกำลังปลอบใจจ้าวหรุ่ยที่กำลังร้องไห้อยู่อ้อมแขนของนางอย่างระมัดระวัง แม้ว่าจ้าวชิงหลานจะไม่เคยถูกแตะต้อง แต่เมื่อเห็นท่าทางของจ้าวหรุ่ยตอนนี้ และยังรอยเลือดบนแท่นบรรทมจึงพอจะทราบว่าเกิดอะไรขึ้นในฐานะผู้หญิงด้วยกัน นางย่อมเข้าใจหัวอกผู้หญิงด้วยกัน“องค์รัชทายาท ท่านบังอาจไปแล้วนะ!”เมื่อเห็นห
เสียงร้องแผ่วเบานี้กระตุ้นความตื่นตัวของเฉินจื้อที่อยู่ข้างนอกทันที“ฮองเฮาทรงเกิดอะไรขึ้นพ่ะย่ะค่ะ?”จ้าวชิงหลานมองหลี่เฉินที่มองนางด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจ นางแอบกัดฟันด้วยความเกลียดชัง และนำความไม่พอใจทั้งหมดไประบายใส่เฉินจื้อ“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า ไม่ต้องถามมาก”เมื่อเฉินจื้อถูกตำหนิ เขาก็ยิ่งรู้สึกอับอายมากยิ่งขึ้นเมื่อไม่มีที่ระบายความโกรธ เขาจึงหันกลับมาด่าขันทีที่กำลังขับรถม้า “ขับรถม้าให้ดีๆ หน่อย หากทำให้ฮองเฮาตกใจอีกครั้ง ข้าจะแล่เนื้อเจ้าซะ!”ภายในเกี้ยวหงส์ ตู้นั้นสั่นเล็กน้อย ราวกับกรงสัตว์ก็ไม่ปาน ทำให้จ้าวชิงหลานนึกอยากจะหนีก็หนีไม่ได้จ้าวชิงหลานนั่งบนต้นขาของหลี่เฉิน ราวกับนั่งอยู่บนเข็มก็ไม่ปานนางคิดจะลุกขึ้น แต่ทุกครั้งที่ทำตามความตั้งใจ หลี่เฉินก็จะดึงนางกลับมา และบังคับให้นั่งลงอย่างแน่วแน่“เจ้า เจ้าไม่กลัวข้าจะสังหารเจ้ารึ!?”เมื่อมองไปที่ปากแดงฟันขาวนั่น จ้าวชิงหลานก็แอบกัดฟันแน่น หลี่เฉินพูดด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายว่า “ฮองเฮายอมแพ้หรือไม่?”ในขณะที่พูดก็ฉวยโอกาสที่จ้าวชิงหลานไม่ทันสังเกต ใช้มือใหญ่ของเขาคลำไปตามระหว่างเอวและหน้าท้อง ท้องน้อยที่แบนราบ เ
หัวใจของหลี่เฉินหนักอึ้ง เขารู้ว่า ฮ่องเต้กำลังทดสอบตัวเองผลงานของเจ้าของร่างเดิมนั้นไม่ค่อยดีนัก จนถึงขั้นที่ว่าแม้แต่วินาทีสุดท้ายของฮ่องเต้ พระองค์ก็ยังไม่กล้าที่จะมอบภาระของประเทศไว้บนบ่าของเขาตอนนี้อาจกล่าวได้ว่า การกระทำของเขานั้นจะเป็นตัวกำหนดชะตากรรมของเขาในท้ายที่สุด“ความยากในการบริหารแผ่นดิน เกิดจากปัญหาภายในและภายนอก”หลี่เฉินผสมผสานความทรงจำจากเจ้าของร่างเดิม เข้ากับความรู้ทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการขึ้นและลงของราชวงศ์ที่เขาอ่านก่อนทะลุมิติมา จากนั้นก็กล่าวว่า “ปัญหาจากภายนอก มาจากพวกคนเถื่อน เฉวี่ยนหรง หนู่เจิน ซยงหนู นอกจากนี้ยังมีพิษร้ายที่เหลือรอดจากอดีตราชวงศ์หยวน ซึ่งต้องการทำลายต้าฉินของพวกเรา”“ปัญหาจากภายใน มาจากการแบ่งแยกของอ๋องศักดินา ซึ่งก็คือพระบรมวงศานุวงศ์ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นท่านอ๋องหรือโหว พวกเขามีอำนาจเก็บภาษีในดินแดนศักดินา และมีอำนาจทางการทหาร มันเป็นเพียงสถานที่นอกกฎหมาย เป็นเขตปกครองตนเอง นับว่าเป็นปัญหาที่ร้ายแรงจริงๆ ”“ยังมีเจ้าหน้าที่ทุจริตออกอาละวาดในท้องถิ่น พวกขุนนางใหญ่จัดตั้งกลุ่มเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว พวกเขาต่อสู้เพื่ออำนาจและ
หลี่เฉินยิ้มอย่างมีความสุขไม่มีใครในใต้หล้านี้ไม่กลัวอำนาจและวิธีการสังหารของหน่วยบูรพา มีเพียงราชวงศ์เท่านั้นที่จะไม่กลัว เพราะอำนาจของพวกเขามาจากฮ่องเต้ และพวกเขา ก็ยังเป็นสุนัขรับใช้ที่ภักดีที่สุดในเงื้อมมือของฮ่องเต้อีกด้วยในฐานะกวางกงของหน่วยบูรพาที่เหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ต่างต้องการสังหาร เขาคงเป็นคนแรกที่เต็มใจเข้ามาพึ่งพาตัวเองกองกำลังนี้จะช่วยเขาได้มากอย่างแน่นอน“ดีมาก”หลี่เฉินโยนดาบในมือไปตรงหน้าขันทีซานเป่าแล้วพูดว่า “เสด็จพ่อเคยมอบดาบให้กับเจ้า แต่ตอนนี้ดาบเล่มนั้นขึ้นสนิมไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้ ข้าจะให้ดาบเล่มนี้แก่เจ้า เจ้าต้องการมันไหม?”ขันทีซานเป่าคุกเข่าอย่างนอบน้อม แล้วหยิบดาบบนพื้นขึ้นมา จับมันไว้แน่นแล้วกล่าวว่า “เมื่อฝ่าบาทมอบราชโองการให้แก่บ่าว ทรงเคยตรัสว่า ต่อไปนี้ บ่าวจะเป็นดาบในมือของพระองค์”เมื่อมองดูประตูวังสุทธาสวรรค์ที่ปิดอยู่ ดูเหมือนว่าฮ่องเต้บนแท่นนอนที่ยืนหยัดหายใจอยู่ จะได้เตรียมการเอาไว้แล้ว“ในบรรดาองค์ชายทั้งหลาย องค์ชายเก้าเป็นบุตรคนสุดท้อง เมื่อหลายปีก่อน ฮองเฮาทรงขอเสด็จพ่อรับเลี้ยงดูองค์ชายเก้า และเชิญหัวหน้าสภาขุนนางมาสั่งสอนเป็นการส่วน
“อย่าอะไร?”จ้าวหรุ่ยในอ้อมแขนดูเหมือนกระต่ายที่หวาดกลัว ดวงตาที่สดใสเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความสับสนจ้าวหรุ่ยไม่รู้ว่า ยิ่งนางกลัวและอยากจะหนีมากเท่าไร เสน่ห์ที่เป็นธรรมชาติซึ่งแฝงอยู่ในกระดูกของนางก็ยิ่งจะโดดเด่นมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งดึงดูดหลี่เฉินมากขึ้นหลี่เฉินจับเอวที่ไม่มีกระดูกของจ้าวหรุ่ย แล้วหัวเราะอย่างชั่วร้ายที่ข้างหูนาง “อย่าอะไร อย่าไม่ทำอะไรสักอย่าง หรือว่าอย่าหยุดกันแน่?”จ้าวหรุ่ยทั้งอับอายทั้งโมโหคำตอบทั้งสองข้อที่หลี่เฉินกล่าวออกมานั้น ไม่มีข้อไหนที่นางอยากจะพูดนางไม่เข้าใจว่าเหตุใดองค์รัชทายาทที่หลงใหลในตัวนางมาโดยตลอด ถึงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ภายในเวลาสั้นๆ ก่อนหน้านี้ นางไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวมากนัก เพียงแค่ส่งยิ้มจางๆ ก็สามารถทำให้องค์รัชทายาทเชื่อฟังคำพูดของนางได้แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าองค์รัชทายาทจะกลายเป็นปีศาจ และเรียกร้องอย่างตะกละตะกลามอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่านางจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม“ฝ่าบาท โปรดปฏิบัติต่อหม่อมฉันอย่างทะนุถนอม” จ้าวหรุ่ยอ้อนวอนเสียงสะอื้นหลี่เฉินหยอกล้อจ้าวหรุ่ย ผิวพรรณของนางขาวเหมือนเครื่องเคลือบ นอกจากนี้ยังแดงก่ำเห
บทสนทนาระหว่างองครักษ์เสื้อแพรและหลี่เฉินที่ด้านนอกนั้นสามารถได้ยินอย่างชัดเจน“ตายแล้ว...เฉินจื้อตายแล้ว”จ้าวหรุ่ยค่อยๆ หลับตาลง แม้ว่าเตียงจะยังอุ่นอยู่ แต่นางกลับรู้สึกเหมือนอยู่ในฤดูหนาวอันหนาวเย็นนางกับเฉินจื้อ แม้จะเป็นเพียงรักข้างเดียวของเฉินจื้อ แต่ก็ยังนับว่าเป็นคนคุ้นเคยของจ้าวหรุ่ย แต่คนเช่นนั้น ถูกทุบตีจนตายอยู่นอกตำหนักจ้าวหรุ่ยกระทั่งรู้สึกว่า เมื่อคืนนี้ หลี่เฉินจงใจฆ่าเฉินจื้อที่ลานกว้างหน้าประตูตำหนัก และทำเรื่องเช่นนั้นกับนางในห้องนางรู้สึกว่าหลี่เฉินในตอนนี้ไม่เพียงแต่ทำให้นางรู้สึกเหมือนเป็นคนแปลกหน้า แต่ยังน่ากลัวอีกด้วย“ไม่ได้การล่ะ ข้าจะต้องหาโอกาสทูลขอความช่วยเหลือจากฮองเฮา เพื่อจัดการองค์รัชทายาท...” จ้าวหรุ่ยกำผ้าห่มแน่น พลางพึมพำกับตัวเององครักษ์เสื้อแพรสองนายเพิ่งจะไป ขันทีซานเป่าก็มาเยือนเขานำรายงานลับมา และมอบให้หลี่เฉินด้วยความเคารพ“องค์รัชทายาท ของที่พระองต์ต้องการอยู่นี่แล้ว”หลี่เฉินหยิบมันขึ้นมาดู แน่นอนว่าเป็นบันทึกชีวิตประจำวันขององค์ชายเก้าตั้งแต่เมื่อคืนนี้ รวมถึงเวลาและสถานที่ที่เขาไป สิ่งที่เขาพูด ทุกอย่างมีรายละเอียดมาก จนองค์
คำพูดของหลี่เฉิน ทำให้หลี่เสวียนหน้าซีดเขารีบตอบไปตามจิตใต้สำนึกว่า “ข้า ข้าไม่ได้กบฏ เสด็จแม่และท่านอาจารย์ตกลงจะให้ข้าดูพวกนั้น พวกเขาบอกว่าข้าควรเรียนรู้กิจการของรัฐล่วงหน้า...”ทันทีที่เขาพูดเช่นนี้ เว่ยเสียนที่กำลังคุกเข่าอยู่ข้างๆ ก็แทบกระอักเลือดออกมาองค์ชายเก้าเหตุใดจึงไร้ความคิดเช่นนี้ คำพูดเช่นนั้นกล่าวออกมาง่ายๆ ได้อย่างไร“เรียนรู้กิจการของรัฐล่วงหน้า?”หลี่เฉินจับจุดอ่อนของหลี่เสวียนได้ น้ำเสียงของเขาสูงขึ้นสองส่วน “เรียนรู้กิจการของรัฐล่วงหน้าเพื่ออะไร? หรือว่าเจ้าอยากให้เสด็จทรงสวรรคต จากนั้นก็เอาตำแหน่งของข้าไป?”ในที่สุดหลี่เสวียนก็รู้ตัวว่าเพิ่งพูดอะไรออกไปเขาหน้าซีด คุกเข่าลงเสียงดังตุบ รีบอธิบายด้วยความตื่นกลัวว่า “พี่รอง ข้า ข้าไม่ได้มีความหมายเช่นนั้น...”เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้น สาวใช้ส่วนตัวของหลี่เสวียนจึงถอยหลังออกไปอย่างเงียบๆ และวิ่งตรงไปที่วังฮองเฮา“จะมีความหมายเช่นนั้นหรือไม่ ข้าจะมาคิดบัญชีกับเจ้าทีหลัง”หลี่เฉินพูดจบ เขาก็หันไปสั่งขันทีซานเป่าว่า “หูหนวกเหรอ? หรือจะให้ข้าลงมือเอง?”ขันทีซานเป่าได้ยินก็รีบลุกขึ้นยืน สั่งองครักษ์
หลี่เฉินยกถ้วยชาขึ้นจิบ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าคิดถึงหนิงอ๋อง?”ซานเป่ายิ้มพลางกล่าวว่า “องค์ชายทรงเฉลียวฉลาด ปัญหาเช่นนี้จะมีหรือที่พระองค์จะมองไม่ออก? เกรงว่าในวันที่มีการหารือในราชสำนัก พระองค์คงวางแผนการในแต่ละก้าวไว้อย่างชัดเจนแล้ว เย่ลู่เสินเสวียนจะเก่งกาจเพียงใด มีอะไรที่ฟ้าประทานมาในวันเกิดของเขาก็ตาม แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าองค์ชาย กลับไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวลเลย”“ประจบสอพลอ”หลี่เฉินหัวเราะดุเบาๆ ก่อนกล่าวต่อ “คนที่ไม่ฉลาดจะพูดอะไรก็พูดตามใจ ไม่ดูสถานการณ์หรือคู่สนทนา สุดท้ายคำพูดเหล่านั้นก็นำภัยมาสู่ตนเอง”“คนที่ฉลาดจะรู้จักอ่านสถานการณ์ มองออกแต่ไม่พูดออกมา เพื่อปกป้องตัวเองไว้ก่อน”“แต่คนที่ฉลาดกว่านั้น จะรู้ว่าควรพูดอะไรเมื่อใด บางครั้งพูดในสิ่งที่ดูเหมือนไม่ควรพูด แต่กลับได้ผลดีอย่างไม่น่าเชื่อ เหอคุนเป็นเพียงขุนนางระดับล่าง แต่กล้าพูดถึงการใช้ประโยชน์จากหนิงอ๋อง หากเรื่องนี้แพร่ออกไป คงไม่มีอ๋องแห่งแคว้นใดปล่อยให้เขามีชีวิตรอดได้”ซานเป่าเอ่ยด้วยเสียงเบา “หน้าที่ของคนเป็นข้ารับใช้ ย่อมต้องช่วยรับมือกับคมดาบและศรลอบแทนนายของตน”หลี่เฉินไ
“ในใต้หล้านี้ อ๋องแห่งแคว้นที่มีมากมาย แต่ในบรรดานั้น ผู้ที่ทรงอำนาจที่สุดหาใช่ใครอื่นไม่ หนึ่งคือเหวินอ๋องแห่งเจียงหนาน ผู้ที่ร่ำรวยมหาศาล ครอบครองดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ และอีกหนึ่งคือหนิงอ๋อง ซึ่งครอบครองดินแดนกันฉ่าน อันใกล้ด่านเย่ว์หยา มีทัพเสินอู่เว่ยเต็มกำลังสองหมื่นหกพันนายประจำการ”“ทัพเสินอู่เว่ยนี้ เป็นผลงานที่จักรพรรดิองค์ก่อนทุ่มเทพระทัยสร้างขึ้นมา ราชสำนักเองก็ลงทุนไปมหาศาล กล่าวได้ว่าเป็นทัพรบพิเศษที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบห้าสิบปีของแคว้นต้าฉิน”“เมื่อครั้งจักรพรรดิทรงใช้สิทธิ์ควบคุมทัพเสินอู่เว่ยเป็นข้อแลกเปลี่ยน ให้หนิงอ๋องไปยังดินแดนกันฉ่านที่แร้นแค้น ในเวลานั้นผู้คนต่างสงสัยว่าเหตุใดพระองค์ถึงยอมปล่อยกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดออกไป แต่บัดนี้เมื่อมองย้อนกลับไป เห็นได้ชัดว่า ฟ้าดินลิขิตไว้แล้ว แม้หนิงอ๋องจะมีอำนาจ แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน เขากลับกลายเป็นกำลังสำคัญที่ราชสำนักต้องพึ่งพา และเขาเองก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะต้องทุ่มเททุกสิ่งเพื่อต่อสู้กับกองทัพแคว้นเหลียว”หลี่เฉินพยักหน้า กล่าวต่อว่า “ข้าจำเรื่องนั้นได้อยู่บ้าง หนิงอ๋องนั้นกล้าหาญ เมื่อถึงวัยก็ถูกจักรพรรดิองค์ก่อ
"ด่านเย่ว์หยาของพวกเจ้า มีสักกี่คนที่ไว้วางใจได้บ้าง?"หลี่เฉินทบทวนคำพูดนี้ซ้ำไปมา ก่อนหัวเราะเย็นคำพูดนี้ หากออกมาจากปากคนอื่น เขาอาจไม่ใส่ใจแต่เมื่อเซียวเทียนหนาน ซึ่งเป็นขุนนางระดับสูงของแคว้นเหลียวกล่าวออกมาโดยตรง นั่นหมายความว่าด่านเย่ว์หยามีปัญหายิ่งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัยเขาก้มมองเหอคุนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นพระที่นั่งซีเจิ้ง ก่อนเอ่ยว่า "ดี เจ้าทำงานได้ดีมาก เซียวเทียนหนานยังมีประโยชน์ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาตัดสะพาน"สายลับที่มีประสิทธิภาพเพียงคนเดียว สามารถสร้างความได้เปรียบมากกว่ากองทัพนับพันดูตัวอย่างจากจ้าวเสวียนจีเพียงจ้าวเสวียนจีคนเดียวก็ทำให้โชคชะตาของจักรวรรดิต้าฉินถดถอยไปไม่ต่ำกว่าห้าสิบปีแม้เซียวเทียนหนานจะไม่สามารถเทียบชั้นกับจ้าวเสวียนจีได้ในแง่ของอิทธิพลหรือฝีมือในแคว้นเหลียว แต่โอกาสในการวางสายลับเช่นนี้ถือว่าหาได้ยากอย่างยิ่งดังนั้น บุคคลนี้ต้องเก็บไว้ เพื่อใช้ล่อปลาตัวใหญ่เหอคุนยิ้มด้วยความยินดี เมื่อได้ยินคำชมจากหลี่เฉิน ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงประจบ "ทุกสิ่งล้วนเกิดจากพระปรีชาสามารถขององค์ชาย…""คำประจบสอพลอเช่นนี้ ข้าไม่อยากฟัง"หลี่เฉินโบกมือ กล่าว
"หรือก็คือ ตอนนี้ข้าไม่มีประโยชน์ต่อพวกเจ้าอีกแล้วสินะ"เซียวเทียนหนานจ้องเหอคุนเขม็ง สังเกตทุกอิริยาบถบนใบหน้าของอีกฝ่าย พร้อมกล่าวต่อ "ถ้าจะฆ่าหรือลงโทษก็เอาเถอะ ข้าขัดขืนไม่ได้อยู่แล้ว"เหอคุนจ้องเซียวเทียนหนานนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งจริงอยู่ หากพิจารณาถึงคุณค่า ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการกำจัดเซียวเทียนหนานแต่หลังจากคิดอยู่ชั่วครู่ ใบหน้าของเหอคุนก็กลับมาพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นตามเดิม"สหายเซียว ทำไมถึงพูดเช่นนั้นเล่า? สหายเซียวช่างใจกว้างนัก บอกข้อมูลสำคัญมากมายให้ผู้แซ่เหอทราบ ผู้แซ่เหอจะเป็นคนไร้สัจจะได้อย่างไร? หรือว่าในสายตาของสหายเซียว ผู้แซ่เหอช่างต่ำช้าและไร้ยางอายถึงเพียงนี้?"เซียวเทียนหนานชะงัก ก่อนถามด้วยความประหลาดใจ "เจ้าไม่ฆ่าข้า?""ผู้แซ่เหอชอบผูกมิตร"ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ เซียวเทียนหนานแทบอยากจะอาเจียนเขาสาบานว่า สองประโยคที่เขาไม่อยากได้ยินที่สุดในชีวิตคือ หนึ่งคือ ภรรยาเจ้าคลอดลูกสาวให้ตน และสองคือ ใครก็ตามที่บอกว่าชอบผูกมิตรนับจากนี้ ถ้าเขาได้ยินอีก เขาจะซัดอีกฝ่ายไม่ยั้ง"ในเมื่อเป็นสหายกัน ผู้แซ่เหอจะฆ่าสหายของตัวเองได้อย่างไร?"เหอคุนกล
เมื่อคำพูดของเหอคุนสิ้นสุดลง เซียวเทียนหนานก็รีบลากเขาไปยังตรอกข้างๆเหอคุนรู้สึกงุนงงไปชั่วขณะเขาเกือบคิดว่าเซียวเทียนหนานคงจะทนแรงกดดันไม่ไหวและต้องการปะทะกับเขาแต่เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เขาไม่รู้อะไรเลยเหอคุนรู้ดีว่างานสำคัญที่สุดของเขาคือการล้วงข้อมูลจากขุนนางแคว้นเหลียว ดังนั้นเขาแทบไม่ได้กลับไปที่ตำหนักบูรพา แต่เลือกดักรออยู่หน้าจุดพักแรมกลัวว่าจะพลาดโอกาสสำคัญเสียงวุ่นวายที่เกิดขึ้นในจุดพักแรมก่อนหน้านี้ เหอคุนก็พอจะทราบเขาคิดจะกลับไปรายงานตำหนักบูรพา แต่เมื่อเห็นองครักษ์เสื้อแพรจำนวนมากตั้งกำแพงป้องกันไว้รอบพื้นที่ เขาก็ไม่ได้เร่งรีบในเมื่อทุกคนรู้กันดีว่าหน่วยบูรพาเป็นเสมือนสุนัขรับใช้ขององค์รัชทายาท เขาจึงแน่ใจว่าไม่องค์รัชทายาทก็หน่วยบูรพาย่อมรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว หรือไม่ก็อาจเป็นฝีมือขององค์รัชทายาทเองเซียวเทียนหนานมองเหอคุนด้วยแววตาแข็งกร้าว ก่อนกัดฟันกล่าวว่า "พวกเจ้าร้ายกาจนัก!""พวกข้าต้องใช้เวลาในการเก็บข้อมูล แต่พวกเจ้ากลับฆ่าสือเซวียนเหว่ยเพื่อส่งคำเตือนถึงข้าใช่หรือไม่!?"หัวใจของเหอคุนกระตุกวูบสือเซวียนเหว่ยตายแล้วอย่างนั้นหรือ?ต้องเพิ่ง
เย่ลู่เสินเสวียนมองเซียวเทียนหนานด้วยสีหน้าเรียบเฉยเขาไม่ได้สงสัยในตัวเซียวเทียนหนาน แต่รู้สึกว่าชายผู้นี้ดูเหมือนจะหวาดกลัวจนเสียสติ และพูดจาไร้สาระไม่หยุด"แจ้งเขาทำไม? ข้ายังต้องขออนุญาตเขาด้วยหรือ...""จำเป็นต้องแจ้งเขาจริงๆ!"แต่ทันทีที่พูดไปได้ครึ่งประโยค เย่ลู่เสินเสวียนก็คิดได้เพราะที่นี่คือดินแดนของต้าฉิน การเดินทางจากเมืองหลวงไปยังด่านเย่ว์หยาต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบถึงสิบห้าวัน เส้นทางที่ยาวนานเช่นนี้ มีโอกาสเกิดเหตุไม่คาดฝันได้ตลอดเวลาที่สำคัญที่สุดคือ เวลาสิบถึงสิบห้าวันนี้ อาจเพียงพอให้หลี่เฉินเสียใจหากหลี่เฉิน ผู้ที่กล้าเสี่ยงทุกอย่างตัดสินใจบ้าระห่ำขึ้นมา และพยายามกักตัวเขาไว้ในต้าฉิน ทุกอย่างจะพังทลายในดินแดนต้าฉิน ผู้เดียวที่สามารถต่อกรกับหลี่เฉินได้อย่างเท่าเทียม ก็คือผู้อาวุโสจ้าวดังนั้น หากได้รับการสนับสนุนจากจ้าวเสวียนจี การเดินทางครั้งนี้จะราบรื่นขึ้นมากเมื่อคิดได้เช่นนี้ เย่ลู่เสินเสวียนมองเซียวเทียนหนานด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปชายไร้ค่านี่ แม้จะเป็นคนของหว่านเหยียนไจ๋เต้า แต่ในช่วงเวลาวิกฤต ก็ยังมีประโยชน์อยู่บ้างอย่างน้อยคำแนะนำนี้ก็ไม่ได้เสียเ
"แคว้นเหลียวไม่เคยถูกหยามเกียรติขนาดนี้ ข้าเองก็เช่นกัน!"เย่ลู่เสินเสวียนกล่าวอย่างเดือดดาล "ความแค้นนี้ต้องชำระ! แต่ไม่ใช่ตอนนี้!"ก่อนเดินทางมาจักรวรรดิต้าฉิน เย่ลู่เสินเสวียนได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับหลี่เฉินจากหลายแหล่งเขารู้ว่าจุดเด่นที่สุดของหลี่เฉิน คือการที่เขาไม่เคยทำตามกฎเกณฑ์ทั่วไปราวกับว่ามุมมองและวิธีการแก้ปัญหาของหลี่เฉิน แตกต่างจากคนธรรมดาโดยสิ้นเชิงคนเช่นนี้ถือว่าน่ากลัวอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อเขายืนอยู่ในตำแหน่งสูงสุดที่สามารถควบคุมจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ได้ ก็ยิ่งทำให้รับมือได้ยากแม้เย่ลู่เสินเสวียนจะประเมินหลี่เฉินไว้สูงแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ การกระทำของหลี่เฉินยังคงเกินกว่าที่เขาคาดคิดคนผู้นี้ช่างกล้าเกินไป เขาทำได้ทุกอย่างจริงๆเมื่อความคิดนี้แวบขึ้นในหัว เย่ลู่เสินเสวียนก็รู้ทันทีว่า เขาไม่อยากอยู่ในเมืองหลวงอีกต่อไปในมุมมองของเขา หากจะล้างแค้นหรือตอบโต้ ต้องรอให้เขาออกจากจักรวรรดิต้าฉิน ผ่านด่านเย่ว์หยา และกลับถึงแคว้นเหลียวเสียก่อน เมื่อถึงแคว้นเหลียว เขาจึงจะสามารถเหยียบต้าฉินและหลี่เฉินไว้ใต้เท้าได้อย่างแท้จริงแต่การปะทะกับหลี่เฉินในเมืองหลวงเป็นเรื่องที่ไร
ในโลกนี้ ยังมีสตรีที่ทำให้ข้าหลงใหลได้ถึงเพียงนี้ด้วยสถานะของเย่ลู่เสินเสวียน เขาสามารถเรียกหญิงใดที่เขาหมายตาให้มาอยู่ต่อหน้า และไล่กลับไปตามใจได้โดยเฉพาะในแคว้นเหลียว ซึ่งมีวัฒนธรรมที่เปรียบสตรีดุจเสื้อผ้าที่สามารถเปลี่ยนใหม่ได้ตามใจชอบแม้แต่ภรรยาของขุนนาง ก็สามารถเรียกให้มาร่วมเตียงด้วยได้ขุนนางเหล่านั้นไม่สามารถปฏิเสธ และยังต้องถือว่าเป็นเกียรตินี่คือกฎของทุ่งหญ้าซึ่งอาศัยหลักการปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งย่อมครอบครองทุกสิ่งในแคว้นเหลียว เรื่องผู้หญิงยิ่งเป็นเช่นนั้นแต่เย่ลู่เสินเสวียนรู้ดีว่า สตรีที่เขาได้เห็นเมื่อครู่ ไม่ใช่ใครที่เขาจะได้มาครอบครองง่ายๆและเพราะเหตุนี้เอง นางจึงมีคุณค่าที่ทำให้เขาใฝ่ฝัน"องค์รัชทายาท"ชายกลางคนเดินกลับมายืนต่อหน้าเย่ลู่เสินเสวียน พร้อมยกมือขึ้นคำนับ น้ำเสียงหนักแน่นบาดแผลบริเวณฝ่ามือของเขาแม้ดูน่าสยดสยอง แต่เขากลับไม่แสดงอาการเจ็บปวดใดๆจากท่าทีที่แสดงออก ชัดเจนว่าเขาแตกต่างจากคนอื่นๆ ไม่ได้แสดงความยำเกรงเย่ลู่เสินเสวียนมากนักเย่ลู่เสินเสวียนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ "เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น?""นักฆ่าหญิงผู้นั้น ฆ่าอ๋อง
แม้เย่ลู่เสินเสวียนจะมีการปกป้อง แต่ขุนนางคนอื่นๆ กลับไม่ได้โชคดีเช่นนั้นมีบางคนถูกแรงระเบิดซัดกระเด็นไปโดยตรง คนหนึ่งศีรษะกระแทกเสา เลือดพุ่งออกจากจมูกและปาก ก่อนร่างจะกระตุกสองครั้งแล้วนิ่งไปอีกสองคนถูกแรงระเบิดเหวี่ยงออกไปนอกหน้าต่าง ร่วงลงบนซากปรักหักพัง ไม่มีเสียงตอบสนองอีกเลยเย่ลู่เสินเสวียนเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงสิ่งแรกที่เขาคิดคือ หลี่เฉินต้องการฆ่าปิดปากเขาบ้าไปแล้วหรือ!? เขากล้าทำได้อย่างไร!?"ความตกใจและความโกรธที่ท่วมท้นทำให้ใบหน้าของเย่ลู่เสินเสวียนบิดเบี้ยว"เกิดอะไรขึ้นกันแน่!?"เย่ลู่เสินเสวียนตะโกนด้วยเสียงต่ำ แม้ฝุ่นควันจะเกาะเต็มตัว แต่เขาไม่สนใจ"องค์รัชทายาท มียอดฝีมือบุกเข้ามา"ชายชราผู้ค้อมตัวเอ่ยคนคนนี้เป็นคนเดียวกับที่ปกป้องเย่ลู่กู่จ้านฉีในวันนั้นมุมปากของเย่ลู่เสินเสวียนกระตุก สายตาเต็มไปด้วยความเย็นชาเขาคิดไม่ออกว่าทำไมไม่ว่ามองจากมุมไหน หลี่เฉินไม่ควรจะลงมือกับเขาในเวลานี้นี่เป็นเหตุผลที่เขากล้าปรากฏตัวในเมืองหลวง และแม้กระทั่งยั่วยุหลี่เฉินด้วยเย่ลู่เสินเสวียนไม่ใช่คนโง่ หากไม่มีความมั่นใจ เขาย่อมไม่เสี่ยงชีวิตเช่นนี้เว้นแ