แชร์

บทที่ 568

ผู้เขียน: ไห่ตงชิง
หลี่อิ๋นหู่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่า เขาจะได้เห็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ในตำหนักบูรพา

ในขณะนั้น หลี่อิ๋นหู่ยังรู้สึกว่าเขากำลังมีอาการประสาทหลอน

จังหวะที่หลี่อิ๋นหู่คิดจะไล่ตามไป เขาก็พลันชะงักเท้าเสียก่อน

เขานึกขึ้นได้ว่า ที่นี่คือตำหนักบูรพา ไม่ใช่อาณาเขตของเขา

ที่นี่ เขาจะต้องระมัดระวังทุกย่างก้าว มิฉะนั้น ถ้าหากองค์รัชทายาทจับหางได้ ตัวเขานั้นคงต้องทุกข์ทรมานอีกครั้งแน่

แต่ความสงสัยเกี่ยวกับการปรากฏตัวของสตรีศักดิ์สิทธิ์ ก็เหมือนมีแมวข่วนอยู่ในใจของเขา

เขาตระหนักได้ว่ามีบางอย่างที่ไม่เข้าใจกำลังเกิดขึ้นในตำหนักบูรพา หรือว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์กำลังวางแผนที่จะทำอะไรบางอย่าง มิฉะนั้น สตรีศักดิ์สิทธิ์คงไม่ปรากฏตัวที่นี่

หลี่อิ๋นหู่ซึ่งกำลังขมวดคิ้ว และอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่ด้านนอกทางเข้าหลักของตำหนักบูรพา จู่ๆ ประตูของตำหนักบูรพาก็ถูกเปิดออกเสียงดังเอี๊ยด

และคนที่ออกมาก็ไม่ใช่ใคร คือถานไถจิ้งจือที่กำลังขมวดคิ้ว

เหตุผลที่ผู้เฒ่าขมวดคิ้วไม่ใช่เรื่องอะไร แต่เป็นเพราะในอีกไม่กี่วันข้าหน้า ตำหนักบูรพากำลังจะรับของขวัญอวยพรจากเหล่าขุนนาง

ถานไถจิ้งจือผู้ซึ่งได้รับความเคารพอย่างสูงและมีน
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 569

    คำพูดสุภาพก่อนหน้านี้เป็นเพียงผิวเผิน แต่คำพูดเกี่ยวกับการเป็นศิษย์นั้นคือเรื่องจริงถานไถจิ้งจือไม่คาดคิดว่าหลี่อิ๋นหู่จะพูดเช่นนี้ไม่ว่าหลี่อิ๋นหู่จะเป็นอย่างไร แต่ก็ยังเป็นท่านอ๋องแห่งต้าฉิน ซึ่งมีสถานะสูงส่งและไม่ว่าชื่อเสียงของถานไถจิ้งจือจะสูงส่งแค่ไหน แต่ในแง่ของสถานะ เขาก็เป็นเพียงคนบ้านนอกคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าตอนนี้จะดำรงตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่หนึ่ง และเป็นมหาอำมาตย์ในสำนักราชเลขา เมื่ออยู่ต่อหน้าราชวงศ์ สุดท้ายแล้วก็เป็นแค่ขุนนางระหว่างพวกเขาทั้งสองคน พูดกันตามตรงแล้ว ก็ยังคงเป็นนายบ่าว ดังนั้นการที่หลี่อิ๋นหู่ลดสถานะของตัวเองเช่นนี้ ก็นับว่าไม่คำนึงถึงสถานะของเขา ในมุมมองของถานไถจิ้งจือนั้น มันค่อนข้างกระตือรือร้นมากเกินไปเขาไม่รู้เกี่ยวกับข้อขัดแย้งระหว่างหลี่อิ๋นหู่และหลี่เฉิน แต่เข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบันดี องค์จักรพรรดิหมดสติ ไม่รู้จะสิ้นพระชมน์ไปตอนไหน ส่วนองค์รัชทายาทแม้จะเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แต่ก็ยังไม่ขึ้นครองบัลลังก์ ดังนั้นการใกล้ชิดกับท่านอ๋องมากเกินไปในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่“ท่านอ๋องมีสถานะสูงศักดิ์ แต่กระหม่อมแก่ชราแ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 570

    หากมีคนบอกว่ามีคนอื่นกำลังสมรู้ร่วมคิดกับหลี่อิ๋นหู่เพื่อผลประโยชน์ หลี่เฉินจะเชื่อแต่พอเป็นถานไถจิ้งจือซึ่งหลี่เฉินเห็นถึงความเป็นนักวิชาการที่แท้จริงในตัวเขา ดังนั้นจึงไม่เชื่อแน่นอนว่าไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่ก็ตามก็ยังจำเป็นต้องสอบสวนต่อไปหลังจากกำชับเรื่องนี้แล้ว เขาก็โยนเรื่องนี้ทิ้งไป เมื่อหลี่เฉินจัดการเรื่องราวต่างๆ เสร็จสิ้น เขาก็ยืนขึ้น และบอกให้วั่นเจียวเจียวเปลี่ยนเสื้อผ้าของตัวเองเป็นเสื้อผ้าธรรมดา“ฝ่าบาทจะเสด็จออกไปข้างนอกหรือเพคะ?”วั่นเจียวเจียวถามอย่างระมัดระวัง ขณะที่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับหลี่เฉินความเป็นจริงแล้วนางต้องการจะถามฝ่าบาทว่าจะพานางไปด้วยหรือไม่ เมื่อไม่มีฝ่าบาทอยู่ที่นี่ ตำหนักบูรพาที่งดงามนั้นก็ดูว่างเปล่าอยู่เสมอ“ข้าจะไปที่จวนแม่ทัพใหญ่” หลี่เฉินพูด “เพคะ”วั่นเจียวเจียวรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยครั้งล่าสุด ตอนที่ฝ่าบาทเสด็จไปจวนแม่ทัพใหญ่ก็ไม่ได้พานางไปด้วย“ถ้าเจ้าเบื่อก็ตามมาด้วยกันสิ”ประโยคถัดไปของหลี่เฉิน ทำให้วั่นเจียวเจียวมีความสุขทันที “ขอบพระทัยเพคะองค์รัชทายาท!” วั่นเจียวเจียวกล่าวด้วยรอยยิ้มหลี่เฉินพูดพร้อมกับหัวเราะ “เมื่อก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 571

    ซูจิ่นพ่ารู้สึกว่าหลี่เฉินพูดเรื่องไร้สาระแต่ในขณะที่จะหักล้าง ก็จำสิ่งที่ซูผิงเป่ยเคยโน้มน้าวตัวเองก่อนหน้านี้ได้...ซูจิ่นพ่ายอมรับอย่างอ่อนแอว่าบางทีซูผิงเป่ยคงไม่คิดว่ามีอะไรผิดปกติกับเรื่องนี้เลยเป็นเพียงการแต่งงานทางการเมือง ดังที่เขาพูดกับนาง จะแต่งกับใครก็ได้ เมื่อถึงตาของผิงเป่ย เขาก็สามารถแต่งกับใครก็ได้เช่นกัน? ถ้าแม้แต่คนที่เกี่ยวข้องยังไม่สนใจ แล้วทำไมตัวเองถึงต้องออกโรงให้เหนื่อยเปล่าด้วยล่ะ?คิดได้ดังนั้น ซูจิ่นพ่าก็รู้สึกเบื่อเล็กน้อย“ช่างเถอะ เรื่องของพวกเขา ข้าไม่สามารถขวางได้ ดังนั้นข้าจะไม่สนใจ”เมื่อได้ยินสิ่งที่ซูจิ่นพ่าพูด หลี่เฉินก็ยิ้มและพูดว่า “ถูกต้อง แทนที่จะคิดถึงเรื่องนั้น ควรคิดว่าจะต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง เพราะอีกไม่นานเจ้าจะต้องแต่งงาน”ซูจิ่นพ่าขมวดคิ้วแล้วพูดด้วยความโกรธว่า “ข้าควรเตรียมตัวอะไร? ข้าจำเป็นต้องเตรียมการอะไร? ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าจัดแจงทุกอย่างแล้วหรือ ข้าก็แค่ต้องแต่งงานกับเจ้าก็พอ”“เจ้าปรารถนาชีวิตอิสระขนาดนั้นเชียวเหรอ?”คำถามที่ไม่มีปี่มีขลุ่ยของหลี่เฉิน ทำให้ซูจิ่นพ่าชะงักจากนั้นนางก็มองดูทิวทัศน์ในสวนด้วยความอ้างว้างและพู

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 572

    “เจ้าเตรียมตัวมาดีมาก มีแผนจะหนีออกจากบ้านนานแล้วหรือยัง?”หลี่เฉินคิดไม่ออกจริงๆ ว่าผู้หญิงจะมีเสื้อผ้าผู้ชายในห้องส่วนตัวได้อย่างไร เมื่อประกอบกับคำพูดและการกระทำก่อนหน้านี้ของซูจิ่นพ่า หลี่เฉินก็เดาได้ทันทีว่าซูจิ่นพ่าอาจจะมีความคิดเช่นนี้มานานแล้ว ซูจิ่นพ่าร้องหึออกมา และยอมรับอย่างเปิดเผยว่า “ถ้าไม่เป็นเพราะสุนัขหน่วยบูรพาของเจ้าเยอะเกินไป ข้าคงหนีไปนานแล้ว!”หลี่เฉินหัวเราะลั่น“มีคนไม่กี่คนในโลกนี้ที่กล้าพูดว่าหน่วยบูรพาเป็นสุนัขต่อหน้าข้า เจ้าคือหนึ่งในนั้น”พวกเขาสองคนไม่ใช่คนที่ชอบยืดเยื้อ เมื่อตัดสินใจลงไปแล้ว ก็เก็บข้าวของจากไปในทันทีเมื่อวั่นเจียวเจียวออกไปเตรียมการ หลี่เฉินก็ไปถึงหน้าประตู เขาไม่สนใจที่จะพูดเรื่องไร้สาระกับซูเจิ้นถิง และลักพาตัวลูกสาวของเขาไปตรงๆสิ่งเดียวที่พวกเขาสองคนนำไปจากจวนแม่ทัพใหญ่ก็คือม้าสองตัวดูเผินๆ พวกเขาไม่ได้นำผู้ติดตามมาเลย แต่ในความมืดมิด กลับมีหน่วยบูรพาคอยปกป้องอยู่ห่างๆหลี่เฉินไม่ได้คนโง่ แม้ว่าจะมาจีบสาว แต่เขาไม่มีทางละเลยความปลอดภัยของตัวเองในโลกนี้มีคนที่อยากให้เขาตายมากกว่าอยากให้เขาอยู่หลังออกจากจวนแม่ทัพใหญ่ ซู

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 573

    ท่ามกลางทุ่งนา มีชาวนาคู่หนึ่งกำลังทำนาอยู่ “ผู้เฒ่าๆ”หลี่เฉินลงจากหลังม้า ยืนอยู่ที่ขอบทุ่ง ชี้ไปที่ต้นกล้ามันเทศในทุ่งนา แล้วแสร้งถามอย่างไร้เดียงสา “ท่านปลูกอะไรในทุ่งนี้?”ชายชราสวมหมวกไม้ไผ่ที่ก้มลงปลูกพืชก็ยืนขึ้น เดินเข้ามาแล้วตอบว่า “ต้นกล้ามันเทศ”ขณะที่เขาพูด เขาก็เม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า “ไม่แปลกหรอก ที่คนหนุ่มสาวไม่รู้จักกัน แม้แต่ข้าก็ไม่รู้จักด้วยซ้ำ นี่เป็นสิ่งที่พวกข้าราชการกำหนด ว่ากันว่าแต่ละครัวเรือนจะต้องปลูกมันเทศในแปลงของตนเพียงสามส่วนเท่านั้น เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว ก็สามารถลดภาษีได้หนึ่งส่วน”หลี่เฉินยิ้มและไม่ออกความเห็น เขารู้ดีอยู่แล้วเกี่ยวกับนโยบายดังกล่าวในความเป็นจริง ถ้าเขาไม่แน่ใจ เจิ้งเป่าหรงคงจะไม่กล้าคิดนโยบายเช่นนี้ออกมา แม้ว่าเขาจะมอบความกล้าหาญให้ก็ตาม“ข้าจำได้ว่าการปลูกมันเทศสามส่วนสามารถลดภาษีได้หนึ่งส่วน แต่ถ้าปลูกครึ่งหมู่ไม่เพียงแต่จะลดภาษีได้สองเท่านั้น แต่ยังลดภาษีต่อหัวได้อีกด้วย ครึ่งหมู่นี้คุ้มค่าที่สุดแล้ว ทำไมถึงไม่ปลูกเพิ่มล่ะ?” หลี่เฉินถามเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ชาวนาชราก็มีความสุข เขายิ้มแล้วพูดว่า “พ่อหนุ่มมาจากทางการหรือ?

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 574

    คำพูดของชาวนาทำให้ซูจิ่นพ่ารู้สึกโกรธมาก ในมุมมองของนาง นี่มันชัดเจนว่าเป็นการสมคบระหว่างหยวนไว้กับทางการ เพื่อเอาเปรียบชาวนากับราชสำนัก แต่ชาวนาที่ถูกเอาเปรียบกลับทำท่าเหมือนได้กำไร และยังมาห้ามปรามตนเองอีกหรือ? แต่หลี่เฉินกลับไม่ปล่อยให้ซูจิ่นพ่าพูดอะไรต่อ เขากล่าวขึ้นว่า “ผู้เฒ่า นี่เป็นน้องสาวของข้า นางยังเด็กและไม่ค่อยเข้าใจอะไรนัก ท่านอย่าไปถือสานางเลย” เมื่อได้ยินหลี่เฉินพูดเช่นนี้ ซูจิ่นพ่าก็ยิ่งโกรธมากขึ้น “เจ้าต่างหากที่ไม่เข้าใจ…” ซูจิ่นพ่าพูดยังไม่ทันจบ ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้น “พวกเจ้าสองคนทำอะไรกันอยู่?” หลี่เฉินหันไปมอง พบว่ามีคุณชายผู้หนึ่งพากลุ่มคนรับใช้เดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร ชาวนาเฒ่าก็เห็นเช่นกัน ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสี และกล่าวเสียงเบาแก่หลี่เฉินว่า “พวกเจ้าจงรีบไปเสีย นั่นคือคุณชายบ้านตระกูลหวัง เขาอารมณ์ไม่ดีนัก” พูดจบ ชาวนาเฒ่าก็ยิ้มประจบประแจงก่อนเดินเข้าไปหา กล่าวกับคุณชายผู้นั้นด้วยท่าทางนอบน้อมว่า “คุณชาย สองคนนี้เป็นเพียงคนผ่านทาง มาถามทางกับข้าสักครู่ และกำลังจะไปแล้ว” คุณชายหวังมองหลี่เฉินด้วยสายตาไม่เป็นมิตร พลางกล่าวว

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 575

    หลี่เฉินลงมือจัดการชายคนหนึ่งไปแล้ว แต่สำหรับพวกคนรับใช้ที่เหลือ เขาไม่คิดจะเปลืองแรงด้วยตัวเอง ทันใดนั้น องครักษ์เสื้อแพรที่ซุ่มอยู่ในเงามืดก็ปรากฏตัวขึ้น พวกคนรับใช้เหล่านี้ที่มักใช้อำนาจข่มเหงประชาชน ยังพอมีฝีมือในระดับต่ำ แต่เมื่อเจอกับองครักษ์เสื้อแพร ผู้มีฝีมือระดับสูง พวกเขาไม่มีทางเทียบได้ ในชั่วพริบตาเดียว พวกคนรับใช้ที่พุ่งเข้ามาล้วนถูกล้มลงทั้งหมด โดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะส่งเสียงร้อง พวกองครักษ์เสื้อแพรปิดปากพวกเขาและลากตัวออกไป ขณะที่คุณชายหวัง ยังคุกเข่าอยู่ตรงหน้าหลี่เฉิน ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ เขาค่อยๆ ฟื้นตัวจากอาการเจ็บปวด หายใจหอบถี่ แต่ความเจ็บปวดและความรู้สึกคลื่นไส้ยังคงทรมานเขาจนแทบทนไม่ไหว เขาเห็นคนรับใช้ของตนถูกพวกที่มีฝีมือร้ายกาจจัดการและลากตัวออกไปทันที สิ่งนี้ทำให้เขา แม้จะโง่เขลา ก็เข้าใจได้ว่าเขาไปล่วงเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกิน แม้ว่าที่นี่จะพ้นเขตเมืองหลวงเข้าสู่เขตทงโจวแล้ว แต่ก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าไม่มีผู้มีอำนาจจากเมืองหลวงออกมาเที่ยวเล่นปลอมตัว ครอบครัวธรรมดา ไม่มีทางมีคนคุ้มกันฝีมือดีแอบซุ่มอยู่รอบตัว คุณชายตระกูลเฉินที่เคยโอหัง ตอนนี้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 576

    ทั่วทั้งจักรวรรดิต้าฉิน ชนชั้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือผู้ใด?ขุนนาง?ราชวงศ์?ไม่ใช่ทั้งสอง แต่เป็นเจ้าของที่ดินผู้ถือครองที่นาจำนวนมหาศาลต่างหาก เจ้าของที่ดินเหล่านี้ แม้กำลังของแต่ละคนจะดูไม่มากนัก ส่วนใหญ่ล้วนเป็นขุนนางท้องถิ่น คอยดูแลหมู่บ้านในพื้นที่เล็กๆ แต่ด้วยเหตุที่พวกเขามีความใกล้ชิดกับรากฐานของสังคม พวกเขาจึงมีอำนาจกำหนดชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในระดับรากฐานได้อย่างแท้จริง หากล่วงเกินชนชั้นเจ้าของที่ดินเหล่านี้ จนเกิดการต่อต้านในวงกว้าง ย่อมนำพาความวุ่นวายไปทั่วทั้งแผ่นดินอย่างแน่นอน ราชสำนักต้าฉิน ไม่อาจทนรับมือกับความปั่นป่วนเช่นนั้นได้เลย ดังนั้น ซูจิ่นพ่าจึงเกรงว่าหลี่เฉินจะใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง แล้วสั่งประหารชนชั้นเจ้าของที่ดินเหล่านั้นโดยไม่คิด “ข้าเป็นคนบุ่มบ่ามเช่นนั้นหรือ?” หลี่เฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เจ้าวางใจเถิด ข้าจะคิดใคร่ครวญอย่างรอบคอบ” หลี่เฉินไม่ใช่คนโง่ สิ่งที่ซูจิ่นพ่ามองเห็น เขาในฐานะผู้ข้ามกาลเวลามายังยุคนี้ ย่อมมองออกเช่นกัน ในยุคของระบบศักดินา ชนชั้นที่ไม่ควรล่วงเกินที่สุด คือเจ้าของที่ดิน เพราะการปกครองในระบบศักดินา จ

บทล่าสุด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 846

    โหวอวี้ซูรู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดตั้งแต่สีหน้าจนถึงจิตใจ เขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและหมดหนทางในเวลานี้ เขาเสียใจอย่างยิ่งว่าเหตุใดจึงทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้แต่ในโลกนี้ไม่มี "ยาแก้เสียใจ" ให้ย้อนกลับได้ เขาทำได้เพียงหวังว่าจะมีชีวิตรอดกลับไปได้ในวันนี้เสียงของหลี่เฉินดังมาถึงเขา"ในเมื่อโหวอวี้ซูเป็นศิษย์ของท่านถานไถ งั้นก็ให้ท่านถานไถจัดการเถอะ"คำพูดเรียบง่ายของหลี่เฉิน ทำให้ถานไถจิ้งจือถอนหายใจเบาๆ ในใจเขารู้ดีว่าความผิดอื่นๆ ของโหวอวี้ซูนั้นล้วนเล็กน้อย สามารถลดหย่อนได้ และไม่น่าถึงขั้นต้องเสียชีวิตแต่ปัญหาใหญ่คือโหวอวี้ซูได้เลือกสร้างความวุ่นวายในสถานการณ์เช่นนี้ ต่อหน้าขุนนางและนักศึกษาทั้งหมด เขากล้าพูดสิ่งที่อาจทำลายความสัมพันธ์ระหว่างตำหนักบูรพาและตระกูลซูซูจิ่นพ่ากำลังจะเข้าสู่ตำหนักบูรพาในฐานะพระชายาองค์รัชทายาทนี่ไม่ใช่แค่เรื่องของความรัก แต่เป็นการแต่งงานทางการเมืองที่สำคัญอย่างยิ่งไม่ว่าจะสำหรับตำหนักบูรพาหรือสำหรับตระกูลแม่ทัพใหญ่อย่างตระกูลซู เรื่องนี้ล้วนมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด!การแต่งงานที่มีผลกระทบต่อทั้งแผ่นดินเช่นนี้ ไม่อาจยอมให้มีจุดด่างพร้อยใด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 845

    ปัจจุบัน หลี่เฉินดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในฐานะองค์รัชทายาทแห่งจักรวรรดิต้าฉินเขาคือผู้ที่อยู่เหนือผู้คนนับหมื่น เป็นผู้ควบคุมจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่นี้อำนาจและบารมีของเขานั้น แม้แต่จ้าวเสวียนจีที่เจ้าเล่ห์ยังรู้สึกยากจะต่อต้าน แล้วโหวอวี้ซูเล่า? เขาเป็นเพียงบุคคลตัวเล็กๆ เท่านั้นเมื่อได้ยินเสียงตวาดจากหลี่เฉิน หัวใจของโหวอวี้ซูแทบกระเด็นออกมาจากอกความตกตะลึงและความสับสนหายไปหมดสิ้น เหลือเพียงความกลัวและหวาดผวาแม้เขาจะเป็นมนุษย์เหมือนกับหลี่เฉิน แต่โหวอวี้ซูกลับรู้สึกว่าตนเองต่างชั้นจากอีกฝ่ายโดยสิ้นเชิงดั่งมังกรในสรวงสวรรค์กำลังยืนต่อหน้ามดตัวเล็กๆ ที่ต่ำต้อยในผืนดินความหวาดกลัวที่ฝังรากลึกในจิตใจทำให้เข่าของโหวอวี้ซูอ่อนจนทรุดลง เขาคุกเข่าต่อหน้าหลี่เฉินทันที"ข้า... ข้า..."เขาพยายามพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับอ้ำอึ้งจนไม่สามารถพูดออกมาได้ หลี่เฉินมองโหวอวี้ซูด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความเบื่อหน่าย"เจ้าอะไรเจ้า?""การที่เจ้าเคยล่วงเกินข้าในอดีต ข้าสามารถมองข้ามได้ เพราะเจ้าไม่รู้ว่าข้าคือใคร คนไม่รู้ย่อมไม่มีความผิด""แต่การที่เจ้าคิดจะละเมิดต่อซูจิ่นพ่า นั่นคือคว

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 844

    โหวอวี้ซูที่พูดทุกอย่างออกไปอย่างรวดเร็ว รู้สึกสะใจและโล่งใจอย่างมากเมื่อคิดถึงว่าสองคนที่เขาเกลียดชังจะต้องเผชิญกับโทสะอันน่าสะพรึงของตำหนักบูรพา โหวอวี้ซูก็ยิ่งรู้สึกพึงพอใจเขารู้ดีว่าไม่มีชายใดในแผ่นดินนี้ที่จะยอมทนให้ว่าที่พระชายาของตนไปพัวพันกับชายอื่นได้ยิ่งไปกว่านั้น คนผู้นั้นคือองค์รัชทายาท ผู้ที่ไม่อาจทนต่อเรื่องเช่นนี้ได้แน่นอนอย่างไรก็ตาม โหวอวี้ซูที่คาดหวังว่าองค์รัชทายาทจะโกรธเกรี้ยวจนฟ้าสะเทือน กลับได้รับเพียงความเงียบเป็นการตอบสนองนี่หมายความว่าองค์รัชทายาทโกรธจนหมดสติแล้วหรือ?ความรู้สึกแปลกประหลาดเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของโหวอวี้ซูขณะที่เขากำลังสับสน เสียงฝีเท้าก็ดังใกล้เข้ามาโหวอวี้ซูรู้สึกได้ทันทีว่าองค์รัชทายาทกำลังเดินเข้ามาใกล้เขาเขากลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว ร่างกายแข็งทื่อ ก้มหน้าลงแน่นจนไม่กล้าสบตากับองค์รัชทายาทเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั่งรองเท้าประดับดิ้นทองคำปรากฏอยู่ตรงหน้าโหวอวี้ซู เขารู้ว่าองค์รัชทายาทกำลังยืนอยู่ต่อหน้าเขา และไม่กล้าหายใจแรงแม้แต่น้อย"เงยหน้าขึ้นมา"เสียงที่สง่างามและคุ้นเคยดังขึ้นข้างหูของโหวอวี้ซูตั้งแต่แรกที่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 843

    หลี่เฉินไม่มีความตั้งใจจะเพิ่มเวลาสอบ เขาลุกขึ้นและเตรียมเดินออกจากสนามสอบเวลา ทุกคนมีเท่ากันโจทย์ ก็เหมือนกันทุกคนในหนึ่งชั่วยาม หากแม้แต่เขียนให้จบยังทำไม่ได้ ย่อมเห็นได้ชัดว่านักศึกษาเหล่านี้ไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะตอบโจทย์ได้สำเร็จในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่มีอะไรน่าคาดหวังอีกแล้วพวกเขาทำได้เพียงรอปีหน้า และเมื่อถึงตอนนั้น สถานการณ์อาจเปลี่ยนไป หลี่เฉินอาจตั้งโจทย์ที่ง่ายกว่านี้นักศึกษากลุ่มที่ไม่สามารถส่งกระดาษคำตอบได้ทันเวลานั้น รวมถึงโหวอวี้ซูบนกระดาษคำตอบของโหวอวี้ซู เขาเขียนได้เพียงครึ่งหน้าเท่านั้น เนื้อหาที่มีอยู่นั้นก็ล้วนเขียนออกมาอย่างฝืนใจเมื่อเห็นว่าองค์รัชทายาทกำลังจะเดินออกไป เส้นทางสู่จุดสูงสุดในอำนาจของโหวอวี้ซูก็แทบจะพังทลายตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มเขาไม่อาจทนรอจนถึงการสอบในปีหน้าได้เพราะใจเขาร้อนรุ่มจนแทบจะระเบิดเมื่อคิดถึงสายตาดูถูกของซูจิ่นพ่า และท่าทีหยิ่งยโสของชายลึกลับที่ไม่แม้แต่จะชายตามองเขา โหวอวี้ซูแทบจะคลั่งภายใต้แรงกดดันอันมหาศาล โหวอวี้ซูปาแปรงพู่กันในมือลงพื้น ก่อนจะลุกขึ้นยืนทันที ช่วงเวลานั้น องครักษ์ที่อยู่ด้านหลังยังไม่ทันต

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 842

    ถ้าเป็นไปได้ ตอนนี้สวีฉังชิงอยากชักดาบออกมาฆ่าหลานชายของตัวเองทันที จากนั้นก็ฆ่าตัวตายต่อหน้าองค์รัชทายาทแม้ว่าชีวิตของเขาและหลานชายจะต้องจบลง แต่ตระกูลสวียังอาจมีโอกาสรอดพ้นจากการถูกทำลายล้างคำพูดประโยคแรกของสวีจวินโหลวหมายความว่าอย่างไร!?เข้าใจง่ายมากนั่นก็คือ มนุษย์ล้วนต้องตาย และแคว้นย่อมมีวันล่มสลาย เหมือนกับการเปลี่ยนแปลงของกลางวันกลางคืน และการผลัดเปลี่ยนฤดูกาล ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นกฎธรรมชาติที่ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้!คำพูดนี้ ไม่ว่ากษัตริย์พระองค์ใดได้ยิน ย่อมถือเป็นการดูหมิ่นอย่างร้ายแรงไม่ใช่แค่ตัดหัวแต่ถึงขั้นล้างโคตรตระกูล!หากเจอกษัตริย์ที่มีอารมณ์ร้อน อาจถึงขั้นสังหารเก้าชั่วโคตรโดยไม่มีใครกล้าเรียกร้องความเป็นธรรมนี่มันการดูหมิ่นที่ร้ายแรงที่สุด!แม้เข่าของสวีฉังชิงจะอ่อนจนแทบทรุดลงไปกับพื้น แต่เขาก็พยายามอดทนไม่คุกเข่าต่อหน้าองค์รัชทายาทเขาแอบเหลือบมองสีหน้าของหลี่เฉิน แต่กลับเห็นว่าองค์รัชทายาทไม่ได้แสดงความโกรธใดๆ แถมยังมีท่าทีสนุกสนาน หยิบลิ้นจี่ที่นางกำนัลยื่นให้เข้าปากด้วยความผ่อนคลายในมุมมองของหลี่เฉิน ประโยคเปิดเรื่องนี้แม้จะดูเหมือนเป็นการดูหมิ่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 841

    เวลาสอบทั้งหมดกำหนดไว้หนึ่งชั่วยาม หรือราวๆ สองชั่วโมงในหน่วยเวลาสมัยใหม่แต่โจทย์ที่ยากลำบากขนาดนี้ กลับมีคนส่งกระดาษคำตอบตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งชั่วยามคนแรกที่ส่งกระดาษคำตอบ ย่อมดึงดูดความสนใจจากทุกคนในทันทีองครักษ์รีบรับกระดาษคำตอบของเขา นำส่งให้เสนาบดีกรมขุนนาง หูพี่ ก่อนที่หูพี่จะหมุนตัวและนำเสนอด้วยความเคารพต่อหลี่เฉินหลี่เฉินหยุดการเขียนนิยายของตน ช้อนตามองนักศึกษาร่างเล็กหน้าตาเรียบๆ คนหนึ่งที่ยืนเก็บของเตรียมตัวออกจากสนามสอบ ก่อนจะรับกระดาษคำตอบมาเมื่อเห็นตัวอักษรบนกระดาษคำตอบเป็นครั้งแรก หลี่เฉินเอ่ยชมออกมาเบาๆ ว่า "ลายมือช่างงดงามยิ่งนัก"ไม่ว่าจะเป็นการสอบจอหงวนในยุคโบราณหรือการสอบระดับชาติในยุคปัจจุบัน การที่มีคะแนนจากความเรียบร้อยของกระดาษคำตอบย่อมมีส่วนสำคัญ และลายมือที่สวยงามย่อมทำให้ผู้ตรวจรู้สึกชื่นชมเพราะอย่างน้อยก็ไม่เหนื่อยเวลาอ่านในยุคโบราณยิ่งเป็นเช่นนั้นนักศึกษาจะใช้เวลาเป็นสิบๆ ปีฝึกฝนลายมือ ถ้าหากพวกเขาไม่มีลายมือที่สวยงาม ก็ย่อมไม่มีทางก้าวมาถึงการสอบจอหงวนรอบสุดท้าย"นักศึกษาจากแคว้นเจียงเจ๋อ ฟู่หมิ่นชิง ตอบคำถามในหัวข้อ 'ปรัชญาแห่งชาติ' ต่อเบ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 840

    มีขุนนางที่กล้ากล่าวความจริงและตักเตือนอย่างตรงไปตรงมา สามารถช่วยกษัตริย์มองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งในตัวเองและนโยบายและยังมีขุนนางที่มีความสามารถเฉพาะด้านสูงมาก งานในส่วนที่เกี่ยวข้อง เมื่อมอบหมายให้พวกเขาแล้วแทบไม่ต้องกังวลนอกจากนี้ ยังมีขุนนางประเภทที่สามารถช่วยกษัตริย์จัดการเรื่องที่กษัตริย์ไม่สะดวกจะลงมือเอง แม้ว่าคนเหล่านี้อาจมีความสามารถระดับปานกลาง หรือแม้แต่มีข้อเสียหลายประการ พวกเขาก็ยังนับเป็นคนสำคัญ เช่น เหอคุนจักรวรรดิที่กว้างใหญ่เกินไป ย่อมต้องการผู้คนที่หลากหลายมาช่วยหลี่เฉินบริหารจัดการ ไม่เช่นนั้น ต่อให้เขาเป็นเทพเซียนก็คงไม่สามารถขับเคลื่อนจักรวรรดิได้ด้วยตัวเองสำหรับสถานการณ์ที่ต้าฉินกำลังเผชิญ หลี่เฉินต้องการคนที่มีสายตากว้างไกลและความสามารถเชิงกลยุทธ์ระดับสูงบุคคลประเภทนี้ โจวผิงอันถือว่าเป็นตัวอย่างหนึ่ง แต่คนอื่นๆ อย่างสวีฉังชิงและกวนจือเหวยเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเท่านั้นคนเหล่านี้ หากใช้อย่างเหมาะสม จะกลายเป็นอาวุธสำคัญ แต่หากใช้ผิดวิธีก็อาจกลายเป็นหายนะ ดูได้จากตัวอย่างของจ้าวเสวียนจีแม้ว่าหลี่เฉินอยากให้จ้าวเสวียนจีตายไปเสียเดี๋ยวนี้ แต่เข

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 839

    "เมื่อข้าอ่านโจทย์การสอบจบแล้ว นักศึกษาทุกคนจึงจะเริ่มเขียนคำตอบได้ เวลาที่กำหนดคือหนึ่งชั่วยาม เมื่อครบเวลา ทุกคนต้องหยุดเขียนและส่งกระดาษคำตอบ อนุญาตให้ส่งก่อนเวลาได้ แต่ห้ามส่งช้ากว่าเวลาที่กำหนด""ต่อไป ข้าจะอ่านโจทย์การสอบ"เมื่อคำกล่าวของหูพี่จบลง ไม่เพียงแต่นักศึกษาทุกคนจะเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ แม้แต่ขุนนางฝ่ายบุ๋นและบู๊ทั้งหมดก็ยังรู้สึกอยากรู้อยากเห็นในอดีต การสอบจอหงวนรอบสุดท้าย โจทย์จะถูกจัดเตรียมโดยสำนักราชเลขา ซึ่งมักเสนอโจทย์หลายชุดให้ฮ่องเต้เลือกหนึ่งชุดเป็นโจทย์สอบแต่ปีนี้ไม่เหมือนปีก่อนสำหรับการสอบครั้งนี้ โจทย์ทั้งหมดถูกตัดสินโดยองค์รัชทายาท โดยไม่มีการเกี่ยวข้องจากสำนักราชเลขาเลยดังนั้น แม้แต่ขุนนางในราชสำนักหรือสำนักราชเลขาก็ยังไม่รู้ว่าโจทย์จะเป็นเช่นไรกระทั่งหูพี่เองก็ไม่ทราบเนื้อหาโจทย์จนกระทั่งซานเป่ามอบซองปิดผนึกให้แก่เขาหลังจากเปิดซองออก หูพี่ก็กลายเป็นบุคคลที่สองรองจากหลี่เฉินที่รู้เนื้อหาโจทย์เมื่อเห็นเนื้อหาโจทย์ เขาก็ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นมองไปที่กลุ่มนักศึกษาด้วยสีหน้าประหลาดใจปนความเห็นใจเขาเข้าใจทันทีว่าทำไมองค์รัชทายาทจึงเลือกให้เขาเ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 838

    "พวกเจ้าทุกคนล้วนเป็นยอดคนที่ถูกคัดเลือกจากนับร้อยในพัน หากมองทั่วแผ่นดินที่มีประชากรนับสิบล้าน พวกเจ้าย่อมเป็นหนึ่งในแสน!"คำกล่าวของหลี่เฉินทำให้เลือดลมของเหล่านักศึกษาเดือดพล่านทุกคนล้วนตระหนักดีว่าหนทางที่ผ่านมานั้นไม่ง่ายเลย บางคนถึงกับต้องขายสมบัติทั้งครอบครัวเพื่อให้สามารถเดินทางมาถึงจุดนี้หากการสอบจอหงวนล้มเหลว พวกเขาส่วนใหญ่อาจต้องจบชีวิตไปพร้อมกับความยากจนและไร้หนทางดังนั้น แม้ว่าการสอบจอหงวนจะไม่ใช่สมรภูมิที่มีคมดาบ แต่ความโหดร้ายของมันก็แทบไม่แตกต่างจากสนามรบเมื่อย้อนระลึกถึงความยากลำบากที่ผ่านมา นักศึกษาทั้งหมดล้วนแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกส่วนเหล่าขุนนางที่อยู่ในบริเวณนั้น ต่างก็รู้สึกสะเทือนใจเช่นกันเพราะในอดีต พวกเขาส่วนใหญ่ก็ล้วนเดินมาบนเส้นทางการสอบจอหงวนเช่นเดียวกันแต่โชคชะตาของพวกเขาดีกว่าคนรุ่นเดียวกันอย่างมาก เพราะในวันนี้ พวกเขาสามารถยืนอยู่หน้าพระที่นั่งไท่เหอ และเข้าร่วมราชสำนักได้เมื่อมองย้อนกลับไป ผู้คนที่ร่วมเดินทางมาด้วยกันในรุ่นเดียวกันนั้น บัดนี้เหลืออยู่ข้างกายน้อยมาก"การสอบจอหงวนเป็นเส้นทางที่ราชสำนักใช้ในการคัดเลือกบุคคลที่มีค

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status