แชร์

บทที่ 547

ผู้เขียน: ไห่ตงชิง
เมื่อเผชิญหน้ากับขุนนางชราผู้นี้ หลี่เฉินก็สุภาพมาก

“เสนาบดีหูไม่ต้องมากพิธี ทานอาหารเที่ยงมาหรือยัง?”

หูพีมารอที่ตำหนักบูรพาตั้งนานแล้ว แต่เวลานี้ หลี่เฉินกลับตั้งคำถามทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ และไม่ได้เชิญให้หูพีนั่งลง ความหมายนั้นชัดเจนดีอยู่แล้ว

แม้ว่าหูพีจะแก่ แต่ไม่ได้โง่เขลาเบาปัญญา เขารีบตอบกลับไปว่า “ก่อนจะมาก็ทานไปบ้างแล้ว พูดแล้วก็ละอายใจนัก กระหม่อมแก่แล้ว ท้องไส้จึงอ่อนแอ และยังป่วยมาสักระยะหนึ่งแล้ว ดังนั้น หมอจึงแนะนำอาหารเฉพาะให้กระหม่อมทานทุกวัน”

หลี่เฉินพยักหน้า พอใจมากกับไหวพริบของเขา

เขากำลังทานอาหารกับสาวงามกันสองคน แล้วจู่ๆ จะให้เพิ่มตาแก่อายุเจ็ดสิบแปดสิบปีเข้ามาได้อย่างไร

“ถ้าอย่างนั้น ข้าจะไม่เชิญเสนาบดีหูมานั่งทานอาหารเที่ยงด้วยกัน”

หูพีรีบคำนับ “ฝ่าบาทโปรดตามสบาย กระหม่อมรอได้”

“ไม่ต้องรอ ท่านก็อายุมากแล้ว จะให้นั่งรอข้าขณะที่ทานอาหารได้อย่างไร นั่นคงจะน่าเกลียดมาก”

หลี่เฉินกินไปพลางก็ดึงเข้าสู่หัวข้อไปพลาง

“การสอบหน้าพระที่นั่งจะมีขึ้นในอีกไม่กี่วัน ข้ารู้ว่ากรมขุนนางอย่างพวกเจ้ากำลังกังวลเรื่องอะไร”

“แต่วันนี้ ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟังอย่างชัดเจน”

“การ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 548

    หลังจากที่หูพีจากไปแล้ว หลี่เฉินก็วางชามและตะเกียบลง แต่กงฮุยอวี่ที่อยู่ตรงข้ามเขา กลับไม่ค่อยอยากอาหารมากนัก จึงทานอาหารเสร็จตั้งนานแล้ว จะเห็นได้ว่ากงฮุยอวี่อารมณ์ดี แม้แต่ชามซุปที่หลี่เฉินมอบให้ก็ยังทานไปตั้งครึ่งจู่ๆ หลี่เฉินก็ต้องการสำรวจความสามารถทางการเมืองของกงฮุยอวี่ เขาจึงถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยว่า “จริงๆ แล้ว ข้าไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกับเขามากนัก แต่เจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าถึงพูดคำเหล่านั้น?”กงฮุยอวี่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ยืมหูและปากของเขา เพื่อบอกให้คนอื่นฟัง?” หลี่เฉินยกยิ้มขึ้นมาตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่าวิธีการและการตอบสนองที่ผิดปกติของสำนักบัวขาวก่อนหน้านี้ จะต้องเกี่ยวข้องกับกงฮุยอวี่อย่างแน่นอน อาจต้องใช้เวลาในการตรวจสอบความสามารถทางการเมืองของนาง แต่อย่างน้อย ความฉลาดของผู้หญิงคนนี้ก็เป็นรองแค่ซูจิ่นพ่าเท่านั้น“หูพีที่เจ้าเห็นเมื่อครู่คือเสนาบดีกรมขุนนาง เขาเป็นผลผลิตของการต่อสู้และการประนีประนอมระหว่างตำหนักบูรพาและสำนักราชเลขา ข้าไม่จำเป็นต้องอธิบายถึงความสำคัญของกรมขุนนาง แต่กรมนี้ ทั้งตำหนักบูรพาและสำนักราชเลขาต่างต้องการที่จะควบคุมมัน และเห็

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 549

    หลี่เฉินซึ่งมีงานยุ่งไม่ได้สนใจทัศนคติของวั่นเจียวเจียวที่มีต่อกงฮุยอวี่ส่วนวั่นเจียวเจียวดูเหมือนว่ายิ่งมองกงฮุยอวี่ก็ยิ่งรู้สึกไม่รื่นหูรื่นตา แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากองค์รัชทายาทอยู่ตรงหน้านาง นางจึงไม่กล้าแสดงท่าทางที่ไม่ดีออกมา จึงทำได้แค่อดกลั้นเท่านั้น กงฮุยอวี่ก็สังเกตเห็นสายตาที่ไม่เป็นมิตรของวั่นเจียวเจียวที่ส่งมาเป็นครั้งคราว แต่ด้วยนิสัยที่เย็นชาของนาง นางจึงไม่สนใจอีกฝ่ายสำหรับนาง ยกเว้นบางคน ทุกคนก็ไม่ต่างจากก้อนหินที่อยู่ริมถนนไม่ว่าคนอื่นจะชอบหรือเกลียด กงฮุยอวี่ก็ไม่เก็บมาใส่ใจสภาพแวดล้อมอันเงียบสงบดำเนินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งในตอนเย็น มันก็ถูกทำลายด้วยรายงานทหาร “เยี่ยมมาก!”หลี่เฉินตะโกนอย่างตื่นเต้น ทำให้หวันวั่นเจียวเจียวตกใจ แม้แต่กงฮุยอวี่ก็ยังต้องเงยหน้ามองก่อนที่วั่นเจียวเจียวจะถามอย่างสงสัย นางได้ยินหลี่เฉินสั่งว่า “เจียวเจียว ไปบอกให้ห้องเครื่องจัดโต๊ะพร้อมอาหารเลิศรสกับสุราดีๆ สัก คืนนี้ข้าอยากจะดื่มฉลองสักสองจอก”วั่นเจียวเจียวรู้ว่า ในวันธรรมดาหลี่เฉินจะไม่ดื่มสุรา แต่ไม่ได้หมายความว่าหลี่เฉินจะดื่มไม่ได้ วั่นเจียวเจียวสามารถเป็นพยานได

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 550

    ข่าวชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่แนวหน้าไม่อาจปกปิดได้และหลี่เฉินก็ไม่มีเจตนาที่จะซ่อนมันเลยเรื่องดีๆ แบบนี้ หลี่เฉินยังไม่มีเวลาจะได้ประกาศ แล้วจะเริ่มปกปิดมันได้อย่างไรดังนั้นในวันนั้น ข่าวที่ว่าซูผิงเป่ยของต้าฉินเอาชนะกองทัพตงอิ๋ง และจับกุมแม่ทัพใหญ่อย่าง เคียวจิโระ คุซานางิ ทั้งเป็นได้ ก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงในทันที และข่าวนี้ก็แพร่กระจายไปทั่วประเทศในอัตราที่น่าตกใจราชสำนักทั้งบนจรดล่างต่างพากันดีใจอย่างบ้าคลั่งอย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่แสดงออกมาบนผิวเผินไม่รู้ว่ามีขุนนางและประชาชนสักกี่คนที่อดไม่ได้ที่จะร้องไห้เมื่อได้ทราบข่าวนี้ต้าฉินอ่อนแอมาเป็นเวลานานจนผู้คนหวาดกลัวสงคราม เพราะทุกครั้งที่พวกเขาทำสงคราม พวกเขาจะต้องพ่ายแพ้เป็นผลให้ทั้งทหาร ขุนนาง หรือแม้แต่ประชาชนทั่วไปได้สูญเสียจิตวิญญาณของต้าฉินที่ใช้กำลังในการสร้างประเทศเมื่อต้องเผชิญกับความขัดแย้งและสงคราม การแสวงหาสันติภาพจะเป็นกระแสหลักอยู่เสมอเราไม่สามารถเอาชนะเขาได้อยู่ดี ถ้าเราแพ้ เราไม่เพียงแต่ต้องจ่ายเงินเท่านั้น แต่ยังถูกฆ่าด้วย แล้วทำไมจะต้องสู้?การรบในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ชนะการต่อสู้เท่านั้น แต่ยังได

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 551

    คำขอของซูเจิ้นถิงดูเหมือนจะอุกอาจยิ่งนักหากซูผิงเป่ยได้ยินประโยคนี้เข้า เกรงว่าเขาอาจจะตัดความสัมพันธ์พ่อลูกกับซูเจิ้นถิงทันทีแต่หลี่เฉินกลับมองเห็นถึงความคิดและความพยายามอันอุตสาหะเบื้องหลังซูเจิ้นถิง ซูผิงเป่ยยังเด็กเกินไป ตำแหน่งราชการสูงเงินเดือนมาก ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะควบคุมได้ เพราะท้ายที่สุดแล้วตระกูลซูก็เจริญรุ่งเรืองจนเกินไปตอนนี้ตระกูลซูมีตำหนักบูรพาคอยหนุนหลัง และซูเจิ้นถิงก็ได้รับการปฏิบัติเป็นขุนนางใหญ่ท่านหนึ่ง ถ้าหากซูผิงเป่ยจะคิดใช้คุณูปการทางทหารจริงๆ นี่ไม่ได้หมายความว่าจะมีจอมทัพสองคนจากตระกูลซูงั้นหรือ?ไม่ต้องพูดถึงว่าคนในราชสำนักจะคิดอย่างไรเลย ถึงตอนนั้น แม้แต่หลี่เฉินก็ต้องระแวงสำหรับอำนาจรัฐแล้ว สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่พวกขุนนางกังฉินเหล่านั้น เพราะถึงแม้ว่าพวกเขาจะกระโดดโลดเต้นรุนแรงกว่านี้ แต่ด้วยอำนาจทหารในมือ ชั่วชีวิตของนักวิชาการพวกนั้นก็ไม่มีทางโค่นล้มราชบัลลังก์ได้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม หลี่เฉินถึงเอาแต่แบ่งแยกราชสำนัก และต่อกรกับจ้าวเสวียนจีมาโดยตลอด แต่กลับไม่เริ่มลงมือกับอ๋องข้าราชบริพารสักที แม้ว่าหนิงอ๋องจะขยายกรงเล็บของเข

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 552

    ขบวนต้อนรับค่อนข้างหรูหราไม่ว่าจะเป็นขุนนางตำแหน่งใหญ่แค่ไหน ก็ทำได้เพียงยืนอยู่นอกศาลาต้อนรับ ในศาลานั้น มีเพียงหลี่เฉิน วั่นเจียวเจียว และซานเป่าเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นก็ไม่ใครมีคุณสมบัติจะเข้ามาเนื่องจากมีการคำนวณเวลาไว้ล่วงหน้า ไม่นานนักหลังจากที่หลี่เฉินมาถึง รถม้าของถานไถจิ้งจือก็ปรากฏขึ้นบนถนนหลวงเป็นไปตามที่หน่วยบูรพารายงาน รถม้าคันเล็กๆ ที่ถานไถจิ้งจือนั่งอยู่นั้นทรุดโทรมมาก แต่รถม้าขนาดใหญ่หลายสิบคันด้านหลังนั้นกลับมีม้าสูงใหญ่กำยำคอยลากจูง โดยบนรถม้าเหล่านั้นเต็มไปด้วยกล่องต่างๆ ซึ่งไม่ได้บรรจุสิ่งของมีค่าอย่างเงินทองแต่อย่างใด แต่กลับเป็นหนังสือทั้งหมด หลี่เฉินออกมาจากศาลาเพื่อต้อนรับเป็นการส่วนตัว และถานไถจิ้งจือก็ลงจากรถม้าเช่นกัน กษัตริย์ขุนนางต่างเดินมาพบกันคนละครึ่งทาง“กระหม่อมถานไถจิ้งจือ มีความสามารถอะไร ถึงได้รับพระเมตตาจากฝ่าบาทเช่นนี้ กระหม่อมรู้สึกละอายใจจริงๆ”ไม่ว่าจะมาจากใจหรือเสแสร้งก็ตาม แต่ทัศนคติของถานไถจิ้งจือนั้นถ่อมตัวและสุภาพมาก เขาโค้งคำนับก่อน แล้วพูดจาอย่างกระตือรือร้นหลี่เฉินรอจนกระทั่งเขาก้มโค้งได้ครึ่งทาง ก่อนจะยกมือขึ้นมาประคองเ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 553

    ระบบข้าราชการของต้าฉินมีทั้งหมด 18 ระดับ ตั้งแต่ระดับต่ำสุดอย่างขั้น 9 ไปจนถึงระดับสูงสุดอย่างขั้น 1 เหนือพวกเขาขึ้นไป ก็จะเป็นไท่ซือ ไท่ฟู่ ไท่เป่า ซึ่งเรียกโดยรวมว่าซานซือ และยังมีเสี่ยวซือ เสี่ยวฟู่ และเสี่ยวเป่า ซึ่งเรียกว่าซานกูเพียงแต่ว่าไม่ว่าจะเป็นซานซือหรือซานกู แม้จะมีสถานะที่สูงส่งแต่ก็ไม่มีอำนาจ เป็นแค่ตำแหน่งกิตติมศักดิ์ ซึ่งเทียบเท่ากับการเป็นขุนนางระดับสูงสุดนอกจากนี้เพื่อควบคุมอำนาจของขุนนาง ราชสำนักต้าฉินจึงไม่ได้แต่งตั้งตำแหน่งซานซือหรือซานกูให้กับใครมานานกว่าสองร้อยปีแล้วดังนั้นสำหรับในตอนนี้ การเป็นขุนนางขั้นที่หนึ่งและเข้าสู่สำนักราชเลขา ก็จะได้รับการแต่งตั้งเป็นต้าฟู่ ซึ่งนับว่าเป็นตำแหน่งที่ได้รับความเคารพอย่างสูงสุดขุนนางทั่วไป แม้แต่ผู้ที่มาจากการสอบขุนนาง ก็เริ่มต้นจากการเป็นนายอำเภอ โดยมีตำแหน่งต่ำสุดคือขั้นที่ 7 อย่างไรก็ตาม จักรวรรดิต้าฉินนั้นกว้างใหญ่มาก จึงมีเหล่าขุนนางเป็นจำนวนมากทุกคนจะเริ่มต้นจากขั้นที่ 7 ไปจนถึงขั้นที่ 1 ซึ่งระหว่างนั้นก็ยังมีขั้นที่ต้องข้ามอีกสิบสามขั้น ซึ่งคนส่วนใหญ่พยายามตะเกียกตะกายมาทั้งชีวิต ก็ดิ้นรนมาถึงแค่ขั้นที่ 4 ร

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 554

    เสียงตะโกนที่พลุ่งพล่านของคนข้างนอกราวกับระลอกคลื่น คลื่นลูกหลังมักจะสูงกว่าลูกแรกเสมอถานไถจิ้งจือลุกขึ้นยืนโดยไม่รู้ตัว เขาไม่ได้ทักทาย แค่ยืนอยู่นอกรถม้าเท่านั้นเป็นผลให้ผู้คนยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นและไล่ตามรถม้าตอนนี้เอง ซานเป่าก็เข้ามาอย่างเงียบๆ และกระซิบพูดกับหลี่เฉินว่า “ฝ่าบาท มีคนหลายร้อยคนอยู่ข้างนอก พวกเขาทุกคนได้ยินเกี่ยวกับการมาถึงของถานไถจิ้งจือ จึงพากันแห่ตามมา จะให้องครักษ์เสื้อแพรขับไล่ไปหรือไม่?” “ไม่เป็นไร”หลี่เฉินโบกมือ และมองถานไถจิ้งจือซึ่งกำลังทักทายผู้คนที่มาต้อนรับด้วยสายตาลึกล้ำ “นั่นคือสิ่งที่ผู้คนต้องการ นี่เป็นการพิสูจน์ว่าทางเลือกและการลงทุนของข้าถูกต้องแล้ว”เมื่อได้ยินประโยคนี้ ซานเป่าก็ไม่พูดมาก และค่อยๆ ถอยออกไปเพียงแต่ตอนที่หันกลับไปมองถานไถจิ้งจือ เขาก็ส่ายหน้าเบาๆแค่เรื่องนี้เพียงอย่างเดียว เขาก็มองออกว่านักวิชาการเช่น ถานไถจิ้งจือ หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากตำหนักบูรพา คงมีชีวิตอยู่ในราชการได้ไม่นานในสถานการณ์เดียวกันนั้น อย่าว่าแต่สุนัขจิ้งจอกเฒ่าอย่างจ้าวเสวียนจีหรือสัตว์ประหลาดแก่ๆ ในสำนักราชเลขาเลย ต่อให้ลากสวีฉังชิงเข้ามาร่วมด้ว

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 555

    สถานที่ที่หลี่เฉินพาถานไถจิ้งจือมาดูก็ไม่ใช่ที่ไหน มันคือราชบัณฑิตยสถานในอนาคตเมื่อตามหลี่เฉินลงมาจากรถม้า และมองไปยังสถานที่ก่อสร้างที่พลุกพล่านตรงหน้า สีหน้าของถานไถจิ้งจือก็ดูประหลาดใจขึ้นมา“ที่นี่คือราชบัณฑิตยสถานในอนาคต”หลี่เฉินมองสถานที่ก่อสร้างตรงหน้าด้วยความพอใจแล้วพูดว่า “พื้นที่นี้มีขนาด 130 หมู่ ทั้งสถาบันแบ่งออกเป็นพื้นที่เรียน พื้นที่นั่งเล่น และพื้นที่พักผ่อน ไม่เพียงแต่จะมีอาคารไว้อ่านหนังสือและเรียนเท่านั้น แต่ยังมีห้องทำงานให้เหล่าอาจารย์อีกด้วย นอกจากนี้นักเรียนทุกคน อาจารย์ทุกท่าน ต่างมีที่พักแยกต่างหาก” “พื้นที่พักผ่อนหย่อนใจมีหินจำลอง สวนดอกไม้ และมีการขุดสระเป็นแม่น้ำเล็กๆ”“ข้ายังสงวนแผงขายของไว้มากมาย ในอนาคต สถานที่แห่งนี้สามารถรองรับผู้อยู่อาศัยและทำงานได้หลายหมื่นคน เนื่องจากมีผู้คนเป็นจำนวนมาก ย่อมมีการค้าข้ายเป็นเรื่องธรรมดา ฉะนั้นจึงต้องมีร้านอาหารและโรงน้ำชาสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ”“เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จตามพิมพ์เขียวที่ข้าออกแบบแล้ว สถานที่แห่งนี้ก็สามารถขยายไปสู่เขตเมืองหลวงได้”เมื่อหันไปมองถานไถจิ้งจือ หลี่เฉินก็หัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “และ

บทล่าสุด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 974

    หลี่เฉินต้องการถอดถอนอำนาจและตำแหน่งทั้งหมดของหลี่อิ๋นหู่ จำเป็นต้องผ่านสำนักคุมประพฤติเว้นแต่ว่าเขาจะเป็นฮ่องเต้ที่สามารถใช้อำนาจแห่งราชบัลลังก์บังคับบัญชาได้โดยตรง มิฉะนั้น ต่อให้เป็นองค์รัชทายาทผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ก็ยังต้องคำนึงถึงท่าทีของสำนักคุมประพฤติเรื่องของสำนักคุมประพฤติจะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยากง่ายตรงที่หากหาคนที่มีอำนาจตัดสินใจถูกต้อง และมอบผลประโยชน์ที่อีกฝ่ายต้องการ เรื่องนี้ก็สามารถจัดการได้ทันที ยากตรงที่หากสำนักคุมประพฤติยืนกรานขัดขวาง หลี่เฉินก็แทบไม่มีหนทางจัดการกับพวกผู้เฒ่าที่สูงศักดิ์แต่หัวโบราณเหล่านั้น โชคดีที่ครั้งนี้หลี่เฉินเลือกถูกคน หลี่ชางหลานคือกุญแจสำคัญ และผลประโยชน์ที่เสนอให้ก็เป็นสิ่งที่อีกฝ่ายปฏิเสธไม่ได้ดังนั้นโอกาสที่จะได้รับการจัดการเรื่องนี้จึงสูงมากในช่วงเย็นของวัน สำนักคุมประพฤติส่งข่าวมาว่าพวกเขายอมรับบทลงโทษทั้งหมดที่ตำหนักบูรพากำหนดแก่หลี่อิ๋นหู่"องค์ชาย ได้ยินว่าครั้งนี้จงเหรินลิ่งต้องจ่ายไม่น้อย สำนักคุมประพฤติยังมีผู้อาวุโสบางคนที่เห็นว่าการกระทำขององค์ชายเป็นการทำร้ายสายเลือดเดียวกัน เกรงว่าฝ่าบาทอาจไม่พอพระทัย"

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 973

    หลี่เฉินไม่ได้ยืนยันเรียกเขาว่าเสด็จปู่ใหญ่ และก็ไม่ได้เรียกตำแหน่งของเขา แต่เลือกใช้คำว่าผู้อาวุโสหลี่เมื่อปัญหาเรื่องสรรพนามถูกแก้ไขอย่างลงตัว หลี่ชางหลานจึงรับถ้วยชาด้วยสองมือ แล้วยกขึ้นจิบเบาๆหลังจากวางถ้วยชาลง เขากล่าวว่า “ชาดีจริงๆ”หลี่เฉินยิ้มพลางกล่าว “หากผู้อาวุโสหลี่ชอบ ข้าจะให้คนเตรียมไว้ให้ท่านนำกลับไป”หลี่ชางหลานโบกมือ “สุภาพชนไม่แย่งของรักของผู้อื่น ชาดีที่องค์ชายสะสมไว้ ข้าไม่ควรนำไป”“ก็ไม่ได้มีค่าอะไรมาก ก่อนหน้านี้ตอนข้าพระราชทานตำแหน่งท่านอ๋องให้หลี่อิ๋นหู่ เขามอบชานี้มาเป็นของขวัญขอบคุณ”เพียงประโยคเดียว ทำให้มือของหลี่ชางหลานที่กำลังจะยกถ้วยชาขึ้นดื่มค้างอยู่กลางอากาศเมืองหลวงไม่มีความลับ โดยเฉพาะเหตุการณ์วันนี้ที่หลี่อิ๋นหู่ขึ้นไปเดินบนภูเขาจิ่งซานเพื่อขอพร แต่กลับเป็นต้นเหตุทำให้ราษฎรหลายพันคนต้องเสียชีวิตเรื่องนี้ทำให้ทั้งเมืองหลวงปั่นป่วนไปหมดแม้ว่าหลี่ชางหลานจะถูกเรียกตัวมาอย่างเร่งรีบ แต่เขาก็รับรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างองค์รัชทายาทและจ้าวอ๋องได้ขาดสะบั้นลงโดยสิ้นเชิงบัดนี้เมื่อได้ยินชื่อของหลี่อิ๋นหู่จากปากของหลี่เฉิน เขารู้สึกเหมือนมีดเห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 972

    "เมื่อครั้งกระหม่อมกวาดล้างหมู่บ้านเหมียว ก็เป็นเพียงฐานที่มั่นหลักของตระกูลโจวเท่านั้น ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีหญิงสาวจากตระกูลโจวแต่งงานออกไปมากมายจนยากจะนับได้ บุตรหลานของพวกนางหลายคนต่างก็มีอำนาจในมือ หากโจวสิงเจี่ยเปล่งวาจาเรียกหา พวกมันสามารถรวมกำลังคนจำนวนมากได้ในเวลาอันสั้น อย่างน้อยก็สามารถฟื้นฟูหมู่บ้านตระกูลโจวขึ้นมาใหม่ได้อย่างแน่นอน"ซานเป่าอธิบายอย่างละเอียด แต่สีหน้าของหลี่เฉินกลับไร้ความรู้สึกผ่านไปครู่หนึ่ง หลี่เฉินกล่าวว่า "ปัญหาของเหมียวเจียงเป็นเรื่องใหญ่ ไม่อาจลงมือโดยพลการได้ในตอนนี้ แต่โจวสิงเจี่ยและหลี่อิ๋นหู่ร่วมมือกันสังหารราษฎรไปนับพัน รวมถึงหลี่อิ๋นหู่ยังฆ่าองค์ชายเก้า เรื่องเหล่านี้ไม่มีทางปล่อยผ่านไปได้"น้ำเสียงของหลี่เฉินเรียบเฉย "ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ประกาศจับตัวหลี่อิ๋นหู่และโจวสิงเจี่ย หน่วยบูรพาต้องไล่ล่าพวกมันอย่างเต็มกำลัง ผู้ใดพบร่องรอยและรายงานเข้ามาจะได้รับรางวัลใหญ่"ซานเป่าได้ยินดังนั้นก็เอ่ยถาม "แต่ว่าตำแหน่งของจ้าวอ๋อง"การที่ราชสำนักประกาศจับท่านอ๋อง เป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและถือเป็นเรื่องอื้อฉาวของราชวงศ์หลี่เฉินกล่าวเรี

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 971

    ซานเป่ากัดฟันแน่น จำต้องล้มเลิกการไล่ตามหลี่อิ๋นหู่และโจวสิงเจี่ยเขากวาดตามองไปรอบๆ พบว่าฝูงแมลงที่หนาแน่นจนมองแทบไม่เห็นพื้นกำลังเริ่มถอยกลับ ทิ้งไว้เพียงซากศพจำนวนมากนับพันในคลื่นแมลงครั้งนี้ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่โชคดีหรือมีฝีมือพอจะรอดพ้นจากหายนะได้ ส่วนที่เหลือซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ รวมถึงต้าหลี่ซื่อชิง หวังฟู่ย่ง ต่างก็กลายเป็นวิญญาณใต้ฝูงแมลงไปทั้งหมดเมื่อฝูงแมลงสลายไป สิ่งที่เผยออกมาก็คือซากศพที่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น ซากศพเหล่านี้ไม่มีเลือดไหลออกมา แต่เนื้อหนังทั้งหมดถูกแมลงกัดแทะจนขาดวิ่นแทบไม่เหลือชิ้นดีที่โชคร้ายที่สุดคงเป็นหวังฟู่ย่ง ศพของเขาตอนนี้เหลือเพียงโครงกระดูกเท่านั้น แม้แต่เศษเนื้อขนาดฝ่ามือก็ไม่เหลือกลิ่นคาวเลือดและกลิ่นเหม็นของแมลงลอยคลุ้งไปทั่วอากาศ ผสานกับภาพของซากศพที่เกลื่อนกลาดอยู่รอบตัว เป็นภาพที่สร้างแรงกระแทกให้จิตใจอย่างรุนแรง ใบหน้าของซานเป่าดำทะมึนจนแทบจะบีบหยดน้ำออกมาได้เขารู้ดีว่าตัวเองกำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่แล้ว…พระที่นั่งสีเจิ้งหลี่เฉินมองดูซากศพของแมลงสีดำที่วางอยู่ตรงหน้า กับซานเป่าที่คุกเข่าอยู่บนพื้นมานานกว่าครึ่งชั่วยาม ใบห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 970

    ผู้ที่ซุ่มโจมตีมีความชำนาญอย่างยิ่ง ขณะที่เขาจู่โจมออกมาอย่างกะทันหัน ซานเป่าทำได้เพียงบิดร่างหลบเลี่ยงจุดสำคัญ แต่ก็ยังไม่อาจหนีจากฝ่ามือที่พุ่งเข้ากระแทกไหล่ของเขาเสียงกระแทกหนักหน่วงดังขึ้น ท่ามกลางเสียงอุทานของซานเป่า ร่างทั้งสองแยกออกจากกัน ซานเป่าถูกกระแทกจนลอยกระเด็นไปไกลกว่าสิบก้าว เมื่อตกลงสู่พื้นยังต้องถอยหลังอีกสามก้าว แต่ละก้าวหนักแน่นราวขุนเขาถล่ม พื้นดินที่เหยียบย่ำแตกร้าวสะเทือนทันทีที่ซานเป่าตั้งหลักได้ ฝูงแมลงสีดำรอบตัวก็คล้ายได้รับคำสั่ง พวกมันพุ่งโจมตีเข้าใส่เขาอย่างบ้าคลั่งซานเป่าครางเสียงต่ำ พลังภายในพลุ่งพล่านออกจากร่าง ส่งแรงสั่นสะเทือนกระจายออกไป แมลงที่ไต่ขึ้นบนตัวเขาถูกสังหารจนหมดสิ้น ร่วงหล่นลงบนพื้นแต่ก่อนที่เขาจะทันได้หายใจ โลหิตของแมลงที่ถูกฆ่าล่อให้แมลงจำนวนมากยิ่งกว่าถาโถมเข้ามาอีกครั้ง ซานเป่ารู้ว่าสถานการณ์นี้ไม่อาจปล่อยให้ยืดเยื้อ เขากลืนลมหายใจลงคอ พลังลมปราณรวมศูนย์ในปาก ก่อนจะเปล่งเสียงร้องกึกก้องเสียงคำรามแหลมสูงดั่งระเบิดเสียง สร้างคลื่นพลังที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า คลื่นพลังกระจายออกไปทุกทิศทาง แมลงทุกตัวที่อยู่ในรัศมีของคลื่นพลังสั่นสะ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 969

    เมื่อฝูงแมลงสีดำเหล่านี้ปรากฏตัวขึ้น ก็สร้างความหวาดกลัวอย่างรุนแรงในทันทีเพราะผู้คนพบว่า แมลงเหล่านี้ไม่เพียงแต่ไม่กลัวมนุษย์เท่านั้น แต่ยังมองมนุษย์เป็นเป้าหมายโจมตีโดยตรงทันทีที่พวกมันไต่ขึ้นบนร่างของผู้ใด ร่างนั้นจะรู้สึกคันอย่างรุนแรงเกินจะทนไหว และเมื่อพยายามใช้มือเกา ก็จะพบว่าแมลงเหล่านี้สามารถปล่อยของเหลวชนิดหนึ่งออกมา ทำให้ผิวหนังอ่อนแอลงอย่างมาก เพียงเกาเบาๆ ผิวก็ปริแตกกลายเป็นบาดแผลเลือดไหลและเมื่อได้กลิ่นเลือด แมลงพวกนี้ก็ยิ่งคลุ้มคลั่งพวกมันจะแทรกตัวเข้าไปในบาดแผลที่เปิดออก ยิ่งมีมันมากเท่าใด ความคันก็ยิ่งรุนแรงขึ้น จนเจ้าของร่างทนไม่ไหวและเผลอเกาจนแผลขยายกว้างออกไปเรื่อยๆ ชาวบ้านจำนวนมากล้มลงกลางฝูงแมลงสีดำ แมลงเหล่านี้เลื้อยปกคลุมทั่วร่างผู้เคราะห์ร้าย ภายในพริบตาเดียว ทุกเสียงร้องขอความช่วยเหลือก็เงียบหายไป ผู้ที่ล้มลงไปจะถูกแมลงปกคลุมจนมิดร่าง และเพียงไม่กี่อึดใจ ก็ไร้ซึ่งสัญญาณของชีวิตภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้ซานเป่ากัดฟันแน่นด้วยความโกรธจัด"เจียวเจียว หนีไปเร็ว!"ซานเป่าฟาดฝ่ามือออกไป ปลดปล่อยพลังทำลายล้างเปิดเส้นทางออกจากวงล้อมของฝูงแมลง แมลงนับไม่ถ้วนถูก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 968

    “สิ่งใดเล่ายากจะปิดปากที่สุด ก็คือเสียงของปวงประชาที่เล่าขานไปทั่วแผ่นดิน!”“องค์รัชทายาทต้องการกำจัดข้า แต่กลับไม่ต้องการให้ถูกตราหน้าว่าฆ่าพี่น้องร่วมสายโลหิต จึงต้องใช้เล่ห์กลมากมาย เขาคิดว่าข้าไม่รู้หรือ? คิดว่าผู้อื่นล้วนตาบอดกระนั้นหรือ!?”หลี่อิ๋นหู่ที่อยู่ในสภาพคล้ายคนเสียสติ กล่าวถ้อยคำเหล่านี้ออกมา ซานเป่าเพียงกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “จ้าวอ๋อง อย่าได้ทำตัวไร้สาระต่อหน้าฝูงชนไปมากกว่านี้เลย มีประโยชน์อันใด? หากพูดถึงเรื่องฆ่าพี่น้องร่วมสายเลือดแล้ว จะมีผู้ใดเลือดเย็นและเหี้ยมโหดไปมากกว่าท่านที่ลงมือสังหารน้องชายแท้ๆ ของตนเองอีกหรือ?”สิ้นคำ ซานเป่าดูเหมือนไม่ต้องการเสียเวลาอีกต่อไป เขาก้าวเท้าเดินตรงไปหาหลี่อิ๋นหู่ยิ่งเดินยิ่งเร่งฝีเท้า เพียงก้าวไม่กี่ครั้ง ก็เข้ามาอยู่ในระยะไม่ถึงสองจั้งจากหลี่อิ๋นหู่หวังฟู่ย่งเห็นซานเป่าเพิกเฉยต่อความปลอดภัยของตนเอง และคิดจะลงมือจับกุมหลี่อิ๋นหู่ให้ได้ จึงหวาดกลัวจนแทบวิญญาณหลุดจากร่างภายในดวงตาของซานเป่าเต็มไปด้วยประกายคมกล้า เขารู้ดีว่าระยะห่างนี้เพียงพอให้ตนเองจัดการทุกอย่างได้ตามที่ต้องการ“อย่าหวังเลย!”หลี่อิ๋นหู่ตะโกนลั่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 967

    สำหรับหลี่อิ๋นหู่ในยามนี้ เรื่องของแผนการในอนาคตหรือการรักษาสถานการณ์ให้อยู่ในมือ ล้วนไม่สำคัญอีกต่อไปสิ่งที่สำคัญที่สุด คือการเอาชีวิตรอดจากสถานการณ์ตรงหน้าเขารู้ดีว่าหากตนถูกจับตัวไปโดยไม่มีทางขัดขืน สิ่งที่รออยู่เบื้องหน้าคือหายนะอันมิอาจหลีกเลี่ยงถึงตอนนั้น อย่าว่าแต่การแย่งชิงแผ่นดินกับองค์รัชทายาทเลย แม้แต่การมีชีวิตรอดไปจนเห็นแสงอาทิตย์ของวันพรุ่งนี้ก็ยังเป็นสิ่งที่ต้องต่อสู้เพื่อให้ได้มาดังนั้นหลี่อิ๋นหู่จึงตัดสินใจทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาชีวิตของตนเองและขั้นตอนแรก คือการทำให้หวังฟู่ย่งไม่สามารถเดินทางไปยังตำหนักบูรพาได้หวังฟู่ย่งมีสีหน้าลำบากใจ เขาพูดเสียงเบา “จ้าวอ๋อง ข้าน้อยเองก็ไม่อยากไป แต่หากข้าขัดขืนคำสั่งของตำหนักบูรพาตรงๆ เกรงว่าเหล่าหน่วยบูรพาจะมีข้ออ้างในการสังหารข้า ณ ที่นี้ทันที ถึงตอนนั้นเราทั้งสองคงตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากกว่าเดิม”“เช่นนั้นแล้ว จ้าวอ๋องโปรดเดินทางไปกับข้าก่อน แล้วค่อยดูสถานการณ์เป็นขั้นๆ หากแย่ที่สุด อย่างน้อยเราก็สามารถถ่วงเวลาให้ผู้อาวุโสได้เตรียมการรองรับไว้ ผู้อาวุโสไม่มีทางนั่งมองให้จ้าวอ๋องถูกตำหนักบูรพากลืนกินไปแน่”“เจ้าหุบป

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 966

    เพียงแค่เป็นบุคคลสำคัญผู้มีอำนาจ ย่อมต้องมีอย่างน้อยหนึ่งหรือสองคนที่มีสถานะพิเศษอยู่เคียงข้างเช่น ซานเป่าผู้ติดตามข้างกายฮ่องเต้องค์ก่อน หรือวั่นเจียวเจียวที่อยู่เคียงข้างหลี่เฉินในตอนนี้วั่นเจียวเจียว แม้จะมีตำแหน่งเป็นข้าราชสำนักสตรี แต่เมื่อครั้งที่ได้รับเลือกให้ติดตามหลี่เฉิน นางก็ไม่ได้ถูกบรรจุเข้าเป็นขุนนางในราชสำนักต้าฉินกล่าวคือ วั่นเจียวเจียวไม่มีตำแหน่ง ไม่มีฐานะขุนนางในระบบหากจะกล่าวให้ถูกต้อง วั่นเจียวเจียวขึ้นตรงต่อตำหนักบูรพา ได้รับเงินเดือนจากตำหนักบูรพา และหน้าที่ของนางโดยแท้จริงก็คือการรับใช้ข้างกายองค์รัชทายาทแต่เพราะนางอยู่ใกล้ชิดองค์รัชทายาท วันหนึ่งสิบสองชั่วยาม นอกจากเวลานอนแล้ว นางแทบไม่ห่างจากพระองค์เลย ดังนั้น แม้จะไม่มีตำแหน่งเป็นทางการ แต่กลับเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลอย่างมากไม่มีผู้ใดอยากขัดใจคนที่ติดตามองค์รัชทายาทตลอดเวลา เผลอๆ ในช่วงเวลาสำคัญ นางอาจกล่าวเพียงประโยคเดียวก็สามารถกำหนดชะตาชีวิตผู้คนได้ยิ่งไปกว่านั้น หากวั่นเจียวเจียวปรากฏตัวอยู่ที่ใด ก็เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนขององค์รัชทายาท คำพูดของนาง ย่อมศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าผู้ใดวั่นเจียวเจียวม

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status