Share

บทที่ 481

Author: ไห่ตงชิง
คำพูดของหลี่เฉินเหมือนกับการตบหน้าเข้าอย่างจัง และการตบนี้ก็ตบด้วยถุงมือที่เต็มไปด้วยหนามเหล็ก

หลี่อิ๋นหู่ไม่เพียงแต่รู้สึกเจ็บปวดเท่านั้น แต่ความเจ็บปวดนี้ยังแทรกซึมเข้าไปในร่างกายของเขาโดยตรง และกระทบต่อจิตวิญญาณของเขาด้วย

ร่างกายของเขาสั่นเทิ้ม ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะความโกรธหรือว่าความกลัว

แม้จะนอนอยู่บนพื้นและถูกหลี่เฉินเหยียบเอาไว้ แต่ดวงตาของเขาก็ดุร้ายราวกับงูพิษ แต่ปากกลับกล่าวคำพูดที่อ่อนแรงออกมา

“ฝ่าบาท กระหม่อมไม่รู้จริงๆว่าฝ่าบาทหมายถึงอะไร”

หลี่เฉินชักเท้ากลับมา แล้วนั่งยองๆ คว้าศีรษะของหลี่อิ๋นหู่เพื่อให้เงยหน้าขึ้นสบตาตัวเอง

“ฟังไม่เข้าใจหรือ?”

หลี่เฉินพูดอย่างเฉยเมย “ไม่สำคัญหรอกว่าเจ้าจะเข้าใจหรือไม่ เพราะข้าไม่ได้คาดหวังว่าเจ้าจะยอมรับอยู่แล้ว แต่หลายสิ่งหลายอย่างก็ไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานหรอก ถูกต้องไหม?”

“การหาหลักฐานเป็นเรื่องของกรมยุติธรรมและศาลต้าหลี่ แต่สิ่งที่ข้าอยากจะทำก็คือ กำจัดคนที่ข้าคิดว่าน่าสงสัย”

ประโยคนี้ทำให้รูม่านตาของหลี่อิ๋นหู่พลันหดลง

ใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบเลือดและท่าทางน่าสมเพชของเขา เวลานี้ก็ปรากฏความหวาดกลัวขึ้นมาลึกๆ

นับตั้งแ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 482

    หลี่เฉินหรี่ตาลงและพูดอย่างช้าๆ ว่า “ในเมื่อฮองเฮากล่าวเช่นนี้...” หลังจากได้ยินคำพูดครึ่งประโยคนี้ หลี่อิ๋นหู่ก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อยอย่างน้อยก็สามารถรักษาชีวิตไว้ได้ตอนนี้ถ้าหลี่เฉินยืนกรานที่จะฆ่าเขา ถึงแม้ว่าจะมีการต่อต้านจากเหล่าขุนนางในราชสำนัก และผู้คนในใต้หล้าก็จะตำหนิองค์รัชทายาทว่าฆ่าพี่น้อง แต่นี่ก็ไม่ใช่การฆ่าโดยไร้เหตุผล มีนักฆ่าอยู่ตรงหน้าเขา และหน่วยบูรพาก็เป็นสุนัขรับใช้ของตำหนักบูรพา จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะรวบรวมหลักฐานบางอย่างเพื่อปิดปากผู้คนสิ่งที่สำคัญที่สุดคือนอกเหนือจากราคาเหล่านี้แล้ว หลี่เฉินไม่จำเป็นต้องจ่ายอะไรอีกเพื่อฆ่าเขา ท้ายที่สุดเขายังอ่อนแอเกินไป!หากเขามีอำนาจอยู่ในมือ หลี่เฉินจะฆ่าเขาก็ต้องกลัวว่าจะขว้างหนูไปกระทบของมีค่าที่อยู่ข้างๆ มีหรือจะลงเอยเช่นนี้ได้!?หลี่อิ๋นหู่กำหมัดแน่นและก้มศีรษะลง ซ่อนความไม่พอใจและความเกลียดชังเอาไว้ภายใต้ความอ่อนน้อมถ่อมตนของเขา เขาไม่กล้าที่จะหย่อนยาน เพราะเขาเชื่อว่าหลี่เฉินมีวิธีที่จะทำให้ชีวิตของเขาเลวร้ายยิ่งกว่าความตายอย่างแน่นอนแน่นอนว่าหลี่เฉินไม่ได้ปล่อยให้เขารอนานเกินไป“เมื่อปีที่แล้ว ข้า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 483

    หากประโยคก่อนหน้านี่ที่หลี่เฉินพูด ได้สร้างความมึนงงให้กับหลี่อิ๋นหู่เช่นนั้นเมื่อได้ฟังหลี่เฉินพูดจบแล้ว ร่างกายของหลี่อิ๋นหู่ก็สั่นสะท้านอย่างเห็นได้ชัดเขาตะโกนในใจว่าองค์รัชทายาทรู้ดีว่าเขาสมรู้ร่วมคิดกับสำนักบัวขาวและการปล่อยให้เขาเป็นผู้ควบคุมการประหาร ก็เท่ากับการเป็นฆ่าคนโดยไม่เห็นเลือด!ทุกคนในใต้หล้ารู้ดีว่าสำนักบัวขาวเป็นกลุ่มคนวิกลจริตที่ต้องการจะแก้แค้นอย่างบ้าคลั่งหากเขาเป็นผู้นำในการประหารชีวิตสาวกของสำนักบัวขาวครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เขากับสำนักบัวขาวก็อยู่ร่วมกันไม่ได้อีกแล้วอะไรที่เรียกว่าอุบายอันชั่วร้าย? นี่ไงที่เรียกว่าอุบายอันชั่วร้าย! อะไรที่เรียกว่าฆ่าคนโดยไม่เห็นเลือด?นี่ไงที่เรียกว่าฆ่าคนโดยไม่เห็นเลือด!รูม่านตาของหลี่อิ๋นหู่หดแคบลง เขาคิดหามาตรการตอบโต้อย่างบ้าคลั่งเขารู้ดีว่าสำนักบัวขาวเต็มไปด้วยคนบ้า และไม่ควรจะไปยั่วยุแม้ว่าเขาจะร่วมมือกับอีกฝ่ายมาก่อน แต่ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกเสียใจในภายหลังอย่างยิ่ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าคนที่ดำเนินการประหารสาวกของคนเหล่านั้นก็คือเขา เกรงว่าคงพวกนั้นคงจะตามล้างแค้นเขาอ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 484

    หลี่อิ๋นหู่ที่เพิ่งประสบกับความสยองขวัญและเกือบจะเอาตัวไม่รอด ถูกจ้าวชิงหลานโจมตีด้วยวาจาซ้ำอีกครั้ง ทำให้ตอนนี้เขารู้สึกเหนื่อยล้ามาก“เขาพูดไม่ผิด แม้เขาจะให้โอกาสเจ้า แต่เจ้าก็ไม่สามารถใช้มันได้” จ้าวชิงหลานเยาะเย้ยและพูดอย่างเย็นชา “ไสหัวไป!” หลี่อิ๋นหู่ไม่สามารถพูดอะไรได้ ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นจากพื้นด้วยความยากลำบากและกำลังจะจากไป “ยังมีอีกอย่าง”จู่ๆ จ้าวชิงหลานก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง“องค์รัชทายาทพูดถูก เจ้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอ๋อง สถานที่สำคัญอย่างวังหลัง ไม่สามารถเข้ามาได้ง่ายๆ ในอนาคต หากข้าไม่ได้เรียกให้เข้าเฝ้า เจ้าก็ห้ามก้าวเข้ามาในวังหลังแม้แต่ก้าวเดียว เข้าใจหรือไม่?”หลี่อิ๋นหู่รู้สึกหนาวในใจ แต่ก็ยังฝืนตอบไปว่า “ลูกเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ” จ้าวชิงหลานไม่พูดอะไรอีกหลี่อิ๋นหู่จึงหมุนตัวเดินออกจากตำหนักเฟิ่งสี่ไปอย่างเงียบๆ หลังจากที่หลี่อิ๋นหู่จากไปแล้ว จู่ๆ จ้าวชิงหลานก็ลืมตาขึ้น และกัดฟันพูดว่า “เข้ามา”นางกำนัลคนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามาทันที นี่คือสาวใช้ที่จ้าวชิงหลานนำมาจากบ้านของนางเอง เป็นคนสนิทในหมู่คนสนิทของนาง และเชื่อถือได้อย

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 485

    สีหน้าของซูเจิ้นถิงก็เคร่งขรึมไม่แพ้กัน เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ดังนั้นสิ่งที่เราต้องพิจารณาในตอนนี้ก็คือเราควรจะซ่อนข่าวนี้หรือไม่?”“ซ่อนไม่ได้หรอก”หลี่เฉินส่ายหน้า จ้องมองไปยังทิศทางของพระที่นั่งไท่เหอ และกล่าวเสียงเย็นว่า “ด้วยกองทัพขนาดใหญ่เช่นนี้ การจะแทรกสายสืบเข้าไปในกองทัพสักคนสองคนก็เป็นเรื่องง่าย ความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ ไม่มีทางจะปกปิดได้”ซูเจิ้นถิงพูดด้วยความโกรธว่า “ผิงเป่ยยังเด็กเกินไป จึงตกหลุมพรางของศัตรู”“ฝ่าบาท เมื่อไม่สามารถปกปิดการรบครั้งนี้ได้ เช่นนั้นเราก็ควรจะแก้ไขสถานการณ์”ซูเจิ้นถิงประสานมือและกล่าวกับหลี่เฉินว่า “ฝ่าบาทโปรดทรงมีรับสั่งให้เปลี่ยนจอมทัพเพื่อนำทัพในครั้งนี้ จากนั้นก็จับกุมซูผิงเป่ยส่งกลับมารับโทษที่เมืองหลวง!”หลี่เฉินโบกมือแล้วพูดว่า “การเปลี่ยนผู้บังคับบัญชาในระหว่างการรบถือเป็นเรื่องต้องห้ามในหมู่นักยุทธศาสตร์ทางทหาร ท่านแม่ทัพจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร? หรือเป็นเพราะซูผิงเป่ยเป็นลูกชายของท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพจึงจำใจต้องหลีกเลี่ยงความสงสัย แต่ท่านแม่ทัพไม่ต้องคิดมากไป ข้ามีแผนของข้าอยู่แล้ว”“ข้าจะส่งสาสน์ของข้าไปให้ซ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 486

    “เหตุใดถึงเพิ่งพูด?” หลี่เฉินขมวดคิ้วถามซูเจิ้นถิงยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดว่า “กระหม่อมกังวลว่าหากพูดไปแล้ว จะเหมือนเป็นการแก้ตัวแทนผิงเป่ย”“มันเกี่ยวข้องกับกิจทางทหาร ข้าจะตัดสินเองว่ามันเป็นเพราะความลับรั่วไหลหรือไม่ ท่านแม่ทัพกำลังสับสน” หลี่เฉินกล่าว ซูเจิ้นถิงประสาบมือกล่าว “กระหม่อมเลินเล่อ”หลังจากเดินเอามือไพล่หลังไปมาสองรอบ หลี่เฉินก็ถามว่า “ที่ว่ารั่วไหลนั้น เป็นเพียงการคาดเดา หรือว่ามีหลักฐานจริง?”ซูเจิ้นถิงตอบว่า “เป็นเพียงการคาดเดาไม่มีหลักฐาน แต่คนสนิทของกระหม่อมอยู่กับกระหม่อมมานานกว่าสิบปี สองพ่อลูกคู่นี้ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง และถูกสอนโดยกระหม่อมและบิดาผู้ล่วงลับของกระหม่อม พวกเขาไม่ใช่คนไร้ความสามารถ กระหม่อมคิดว่ารายงานลับฉบับนี้ไม่ได้กล่าวอ้างลอยๆ คงจะมีข้อสงสัยอยู่บ้าง”“มันมีบางอย่างผิดปรกติเกี่ยวกับการรบในครั้งนี้ แผนการรบทั้งหมดนี้ถูกจัดทำขึ้นเพียงไม่กี่วันก่อนที่ผิงเป่ยจะเริ่มสงคราม หากศัตรูเห็นข้อบกพร่อง ก็ไม่มีเหตุผลที่จะคาดเดาได้อย่างแม่นยำเช่นนี้”“ตามรายงาน ดูเหมือนว่ากองทัพตงอิ๋งจะคำนวณทิศทางการเดินทัพของเราอย่างได้สมบูรณ์ ไม่เพียงแต่จะทำลายถนนท

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 487

    “ข้ากำลังมีปัญหา”หลี่อิ๋นหู่กัดฟัน ในขณะนี้เขาเลิกเสแสร้งแล้ว ใบหน้าและดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ลึกซึ้งที่สุด“จู่ๆ องค์รัชทายาทก็ไปปรากฏตัวที่นั่นระหว่างการลอบสังหาร เป็นเพราะเขาที่ทำให้แผนการทั้งหมดล้มเหลว การลอบสังหารในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ล้มเหลวเท่านั้น แต่ข้าก็ยังถูกลากไปเกี่ยวข้องอีกด้วย”“พรุ่งนี้ ข้าจะต้องไปลานด้านข้างตำหนักบูรพา และเริ่มสอนพวกเด็กๆ ที่ยังไม่หย่านมเรียนหนังสือ!”ชายชรามองสภาพที่โกรธเกรี้ยวของหลี่อิ๋นหู่ ก็พูดอย่างช้าๆ ว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องโกรธ นี่อาจจะไม่ใช่เรื่องที่เลวร้าย”ดวงตาของหลี่อิ๋นหู่ฉายแววลึกซึ้ง และถามว่า “ที่เจ้าพูดหมายความว่าอย่างไร?”ชายชราประสานมือกล่าว “มีเรื่องมากมายเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ และเกือบจะทั้งหมดนี้ก็ไม่ดีต่อตัวพระองค์ ท่านอ๋องตกลงไปใจกลางวังน้ำวน และทุกการเคลื่อนไหวของพระองค์ก็จะดึงดูดความสนใจของคนอื่นๆ เป็นพิเศษ เห็นได้ชัดว่ามันขัดกับความอดทนอดกลั้นและการเก็บตัวเงียบของท่านอ๋องมานานกว่าสิบปี”“ตอนนี้องค์รัชทายาทได้ขังท่านอ๋องไว้ในตำหนักบูรพา ที่จริงแล้วมันก็ทำให้ท่านอ๋องมีโอกาสที่จะทำให้ตัวเองเก็บตัวเงียบได้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 488

    หลงไหวอวี้ที่ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขานั้น เหมือนกับเมื่อก่อนทุกประการ แต่ความรู้สึกที่เขามอบให้กับผู้คนเปลี่ยนไปแล้วหลงไหวอวี้ในอดีต เป็นชายหนุ่มผู้มั่งคั่งที่มีความสามารถและความสง่างาม ส่วนหลงไหวอวี้ในปัจจุบันก็ยังคงสง่างาม แต่ซ่อนความเฉียบแหลมทั้งหมดเอาไว้ประกายในดวงตาที่ส่องสว่างไม่ใช่ความทะเยอทะยานที่อยากจะมีชื่อเสียงกึกก้องไปทั่วหล้า แต่ลึกล้ำ น่ารังเกียจ และชั่วร้ายรูปลักษณ์นี้ดูคุ้นเคยสำหรับหลี่อิ๋นหู่มากเพราะทุกครั้งที่ส่องกระจก เขาจะมองเห็นสิ่งนี้บนตัวเขาเอง “หลงไหวอวี้ เจ้ายังกล้าปรากฏตัวต่อหน้าข้าอีกหรือ?”หลี่อิ๋นหู่พูดอย่างใจเย็น “เจ้าไม่กลัวข้าตะโกนเรียกคนมาจับเจ้ารึ?”หลงไหวอวี้ยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “การจับกุมกระหม่อมไม่เป็นประโยชน์ใดๆ สำหรับท่านอ๋อง และท่านอ๋องก็ไม่ชอบทำในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ดังนั้นกระหม่อมก็เลยมา” “ครั้งที่แล้วเจ้าหนีไปได้อย่างไร?” หลี่อิ๋นหู่ถาม หลงไหวอวี้พูดอย่างสงบ “ท่านอาจารย์ช่วยข้าหลบหนี”“เจ้ามีท่านอาจารย์ด้วยหรือ?”หลี่อิ๋นหู่รู้สึกว่ายิ่งถามมากเท่าไร ก็ยิ่งมีความสงสัยในหัวมากขึ้นเท่านั้น “ท่านอ๋อง”หลงไหวอวี้ขัดจั

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 489

    หลงไหวอวี้กล่าวอย่างมั่นใจ “ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในเรื่องนี้ก็คือ สำนักบัวขาวนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะยุ่ง ดังนั้นอย่าไปยุ่งกับมัน แม้ว่าท่านต้องการเป็นผู้คุมการประหาร แต่ก็ต้องมีนักโทษที่จะประหารจึงจะสามารถทำได้”“หากนักโทษที่ต้องถูกตัดศีรษะหนีไป แล้วผู้คุมการประหารจะตัดหัวใครล่ะ?” ทันทีที่เขาพูดแบบนี้ สีหน้าของหลี่อิ๋นหู่ก็ตื่นเต้นขึ้นมาหลงไหวอวี้ไม่หยุดและพูดต่อทันทีว่า “หากมีการปล้นคุกในตอนนี้ ทุกคนจะคิดว่าเป็นฝีมือของสำนักบัวขาวเอง และพวกเขาก็ไม่สามารถออกมาอธิบายได้ เรื่องนี้ก็สามารถแก้ไขได้แล้วหรือไม่?” หลี่อิ๋นหู่ตาเป็นประกาย “แผนการนี้ไม่เลว!”หลังจากได้รับการอนุมัติแล้ว หลงไหวอวี้ก็ยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “เพียงแต่ว่าบุคคลที่ต้องจัดการเรื่องนี้นั้นจะต้องเชื่อถือได้ และมีตัวตนที่ขาวสะอาด มิเช่นนั้นก็จะมีเบาะแสหลงเหลือ และกลายเป็นว่าเป็นคนโง่ที่อวดฉลาด” “ข้าเข้าใจแล้ว”หลี่อิ๋นหู่โบกมือแล้วหัวเราะกับหลงไหวอวี้และพูดว่า “ไม่เลว ไม่เลวเลยจริงๆ ด้วยความช่วยเหลือของพวกเจ้าสองศิษย์อาจารย์ ข้าก็สามารถบรรลุเป้าหมายใหญ่ได้”หลงไหวอวี้ถอยหลังเล็กน้อย คำนับหลี่อิ๋นหู่แล้วกล่าว

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1063

    ตามคำอธิบายและเรื่องราวของฮ่องเต้ต้าสิง หลี่เฉินก็เริ่มมองเห็นถึงเบื้องลึกในจิตใจที่แท้จริงของฮ่องเต้พระองค์นี้ สิ่งที่พระองค์ต้องการ คือการสืบทอดราชบัลลังก์โดยไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงรากฐานของบ้านเมือง และขุนนางชั่วอย่างจ้าวเสวียนจี ก็คือประกันภัยอีกชั้นหนึ่งที่พระองค์วางไว้ ตราบใดที่จ้าวเสวียนจียังอยู่ เขาก็จะกระหายอำนาจ และต้องพยายามลดบทบาทของฮ่องเต้แน่นอน แต่การลดบทบาทของฮ่องเต้หาใช่ปัญหาไม่ ขอเพียงฮ่องเต้ยังคงดำรงอยู่ อ๋องแห่งแคว้นย่อมไม่อาจก่อหวอด สถานการณ์ก็จะยังดำเนินต่อไปได้ กล่าวได้ว่า ฮ่องเต้ต้าสิงได้วางหมากไว้สองทาง ทางแรก คือหวังว่าจะมีบุตรผู้หนึ่งสามารถเติบโตขึ้นมาเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ มีสติปัญญาและความสามารถลึกซึ้ง กอบกู้สถานการณ์ได้ แต่เรื่องนี้ยากเกินไป อย่างน้อยในขณะวางแผน ฮ่องเต้ต้าสิงเองก็มองไม่เห็นความหวัง ดังนั้นพระองค์จึงเตรียมทางที่สอง ผลักดันให้เกิดขุนนางชั่วคนหนึ่ง เพื่อรักษาความมั่นคงของการถ่ายโอนอำนาจ แม้ฮ่องเต้จะเป็นเพียงหุ่นเชิด ตราบใดที่ยังเป็นบุตรของฮ่องเต้ต้าสิง แผ่นดินก็จะไม่ล่มสลาย ส่วนอำนาจนั้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1062

    “เขาวางแผนมาอย่างยาวนาน บัดนี้ลูกกับเขาก็ถึงคราวแตกหัก ต่อให้มิใช่จ้าวเสวียนจี ลูกก็ไม่อาจอยู่อย่างสงบได้อีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” หลี่เฉินเงยหน้าขึ้นอย่างกล้าหาญ จ้องสบสายพระเนตรของฮ่องเต้เบื้องหน้า แม้พระวรกายจะซูบผอมดั่งน้ำมันหมดไส้เทียนใกล้มอด แต่ก็ยังเปี่ยมด้วยพลังสุดท้าย แล้วกล่าวสิ่งที่อยู่ในใจออกไป ฮ่องเต้ต้าสิงทรงฟังด้วยรอยยิ้ม รอจนหลี่เฉินพูดจบจึงเอ่ยว่า “ข้ากล่าวไปแล้ว เขา มิใช่สิ่งที่ควรกังวล” “เจ้าจะฆ่าเขาก็ได้ แต่ไม่ใช่เวลานี้” หลี่เฉินขมวดคิ้ว สีหน้างุนงงยิ่งนัก ฮ่องเต้ต้าสิงทอดถอนใจเบาๆ แล้วตรัสว่า “สามารถเดินมาถึงจุดนี้ เจ้าก็เกินกว่าความคาดหวังเดิมของข้าไปมาก แม้แต่อีกหลายการจัดวางที่ข้าวางไว้แต่แรก ข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าจะได้ใช้จริง แต่ก้าวแล้วก้าวเล่า เจ้าก็ผ่านมาได้ทั้งหมด” “เจ้าควรรู้ว่า บางแผนที่ข้าวางไว้นั้น เริ่มตั้งแต่เมื่อครานานมาแล้ว” หลี่เฉินนึกถึงพี่น้องสกุลอู๋ จึงพยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อทรงวางแผนอย่างลึกซึ้ง ลูกนับถือยิ่งนัก” “รอจนเจ้าได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ เจ้าก็จะเข้าใจเอง” ฮ่องเต้ต้าสิงตรัสเสียงเรียบ “ข้าวางแผนไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เจ้าคิดว่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1061

    จ้าวหรุ่ยเงยหน้าขึ้น แม้ใบหน้ายังคงซีดเซียวอ่อนแรง แต่กลับมีสีเลือดระเรื่อขึ้นเล็กน้อย “ฝ่าบาท รีบเสด็จเข้าไปเถิด” จ้าวหรุ่ยกล่าวจบ ก็หลีกทางไปด้านข้าง หลี่เฉินจับมือของจ้าวหรุ่ยแน่น แล้วจึงก้าวเข้าไปภายใน จ้าวเสวียนจีตามเข้าไปติดๆ นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวเสวียนจีสนทนากับจ้าวหรุ่ยหลังจากจ้าวหรุ่ยทรยศ “เจ้าคุกเข่าจนฮ่องเต้ทรงฟื้นคืนหรือ?” จ้าวเสวียนจีกล่าวเสียงเรียบ จ้าวหรุ่ยก้มหน้า ไม่กล้ามองจ้าวเสวียนจี เอ่ยเสียงแผ่วเบา “ฮ่องเต้ทรงมีฟ้าคุ้มครองเพคะ” “ข้าไม่คาดคิดเลยจริงๆ” จ้าวเสวียนจีทิ้งประโยคหนึ่งอย่างมีนัย แล้วจึงติดตามหลี่เฉินเข้าไป จ้าวหรุ่ยเม้มริมฝีปาก ก้มหน้าถอยออกจากประตูตำหนักบรรทม ภายในตำหนักเฉียนชิง หลี่เฉินเห็นฮ่องเต้ต้าสิง...ทรงยืนขึ้นแล้ว พระองค์ทรงสวมเสื้อชั้นในสีเหลืองอ่อนที่เพิ่งผลัดเปลี่ยนใหม่ ซึ่งอาจนับเป็นชุดนอนหรือชุดชั้นในก็ได้ หลี่เฉินไม่รู้สึกแปลกตากับฉลองพระองค์ชุดนี้นัก ขณะฮ่องเต้ต้าสิงบรรทมบนเตียง ก็ทรงสวมเช่นนี้ แต่หลังจากเขาข้ามมิติมา ก็เป็นครั้งแรกที่เห็นฮ่องเต้ทรงมีสติและยืนอยู่ “อย่างไรหรือ เห็นข้าแล้ว ถึงกับลืมคำ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1060

    ประโยคเดียวว่าฮ่องเต้ทรงฟื้นแล้วสร้างแรงสะเทือนใจแก่ทุกผู้คนยิ่งกว่าเสียงฟ้าร้องเหนือศีรษะแม้กระทั่งทหารที่ไล่ตามขันทีน้อยมาแต่แรกยังถึงกับตื่นตะลึงถ้อยคำของขันทีน้อยยังไม่ทันจบประโยค เงาร่างสายหนึ่งพลันแวบขึ้นตรงหน้าเขา ซานเป่าได้คว้าตัวเขาไว้แล้ว“เจ้าว่าอะไรนะ?!”ขันทีน้อยผู้นั้นเป็นเพียงขันทีระดับต่ำสุด เคยเห็นซานเป่าจากที่ไกลๆ เท่านั้น หากแต่ความแตกต่างระหว่างฐานะของทั้งสองทำให้เขาไม่เคยมีสิทธิแม้แต่จะกล่าวคำกับซานเป่ายังไม่ทันตั้งสติจากแรงกดดันของซานเป่า ซูเจิ้นถิงและเหล่าขุนนางใหญ่น้อยก็พากันล้อมเขาไว้หมดแล้ว“บ่าว...บ่าวกล่าวว่า...ฮ่อง...ฮ่องเต้ทรงฟื้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ขันทีน้อยตัวสั่นระริก พูดติดขัดแทบจับใจความไม่ได้ โชคยังดีที่เขายังจำหน้าที่ของตนเองได้“ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่ง ขอให้องค์รัชทายาทและสำนักราชเลขาเข้าเฝ้าทันที”ซานเป่ากับซูเจิ้นถิงสบตากัน แล้วก็ตัดสินใจได้ทันควัน“ไม่ได้!”จางปี้อู่ตะโกนลั่น “ใครจะรู้ว่านั่นไม่ใช่ราชโองการปลอมล่ะ!”“เจ้าบังอาจแอบอ้างหาบรรพบุรุษงั้นรึ!”ซูเจิ้นถิงสบถกลับด้วยความโกรธ แล้วซัดหมัดหนักเข้าที่ใบหน้าของจางปี้อู่อย่างจังจางปี้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1059

    “จ้าวเสวียนจี เจ้าทำเรื่องมากมาย วางแผนมานักหนา ท้ายที่สุดแล้วก็เพื่อสิ่งใดกันแน่”หลี่เฉินชี้ไปยังบัลลังก์มังกร ถามว่า “เพื่อจะได้ขึ้นนั่งบนนั้นหรือ”จ้าวเสวียนจีมองตามนิ้วของหลี่เฉินไปยังบัลลังก์มังกร กล่าวอย่างราบเรียบว่า “มิใช่ หากกระหม่อมประสงค์จะขึ้นนั่งบัลลังก์ กระหม่อมสามารถลงมือได้ตั้งแต่เมื่อปีกลายแล้ว แม้แต่ก่อนหน้านั้น กระหม่อมก็ยังมีโอกาสดีกว่านี้อีกมาก จะต้องรอให้ฝ่าบาททรงมีอำนาจมั่นคงก่อนแล้วจึงลงมือไปเพื่ออันใดกันเล่า”“หรือมิใช่เพราะเจ้าคิดว่าควบคุมตัวข้าได้ยาก จึงต้องเสี่ยงเอาดาบเข้าวัดอย่างนั้นหรือ” หลี่เฉินหัวเราะเย็นชาจ้าวเสวียนจีถอนหายใจเบาๆ สีหน้ากลับแฝงด้วยความหดหู่ยิ่งนัก กล่าวว่า “ฝ่าบาท พระองค์มิใช่กระหม่อม ย่อมไม่รู้ความลำบากของกระหม่อม”“บัลลังก์นั้น นั่งแล้วสบายหรือ ไม่เลย”จ้าวเสวียนจีหันหน้ากลับมามองหลี่เฉิน กล่าวว่า “กระหม่อมแทบจะเฝ้าดูฮ่องเต้ขึ้นครองบัลลังก์กับตาตนเอง ตลอดหลายปีมานี้ ในท้ายที่สุด ฮ่องเต้ได้อะไรกลับมาบ้าง”“กระหม่อมชราภาพแล้ว ไม่รู้ว่ายังจะมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่ปี อีกทั้งบุตรหลานของกระหม่อมก็สูญสิ้นไร้ร่องรอย หากกระหม่อมขึ้นไปนั่ง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1058

    หลี่เฉินหันขวับกลับมาเผชิญหน้าจ้าวเสวียนจี ดวงตาเย็นเยียบดั่งน้ำแข็งจ้าวเสวียนจีเงยหน้าขึ้น ยืนตัวตรง มาดอ่อนน้อมเมื่อครู่พลันสลาย เหลือเพียงท่วงท่าท้าทายอย่างเปิดเผยหลี่เฉินเอ่ยเรียบเย็น “ข้าเพิ่งรู้ว่า...ขุนนางอาวุโส สูงไม่น้อยเลยทีเดียว”จ้าวเสวียนจีตอบ “กระหม่อม...แค่เคยชินกับการโค้งก้มเท่านั้น แต่ครั้งนี้...กระหม่อมไม่อยากก้มอีกแล้ว”เขายกมือชี้ออกไปทางประตูพระที่นั่งไท่เหอ ก่อนกล่าวว่า “ทหารมีดดาบชั้นยอดจำนวนสามพันนาย บัดนี้อยู่ภายนอกพระที่นั่งไท่เหอเรียบร้อยแล้ว”“กระหม่อมรู้ดีว่า ฝ่าบาทมีปืนไฟ และอาวุธที่ระเบิดเทพต้าฉินทรงพลังยิ่ง หากให้เวลาพัฒนา คงกลายเป็นอาวุธสังหารอันน่าสะพรึงกลัวในอนาคต แต่เวลานี้ ฝ่าบาทมีน้อยเกินไป อีกทั้งในค่ำคืนที่ฝนตกหนักเช่นนี้ อานุภาพของอาวุธไฟก็จะลดลงจนเหลือน้อยนิด”“ที่สำคัญที่สุดก็คือ... ทหารทั้งสามพันนายของกระหม่อม ล้วนเป็นยอดฝีมือระดับแนวหน้าแห่งยุทธภพ สามารถกวาดล้างกองทัพปกติหนึ่งหมื่นนายได้ภายในเวลาอันสั้น”จ้าวเสวียนจีหัวเราะเบาๆ ราวกับได้พลิกไพ่ลับที่เตรียมไว้มาเนิ่นนาน มีความภูมิใจอย่างปิดไม่มิด “ที่สำคัญที่สุดคือ… ทหารสามพันนี้ มิใ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1057

    คำพูดของจ้าวเสวียนจี ได้เผยให้เห็นสถานการณ์ที่น่าอึดอัดที่สุดของหลี่เฉินอย่างหมดเปลือก ไม่มีแม้แต่นิดเดียวที่หลงเหลือให้ปิดบังหลี่เฉินในตอนนี้ แม้จะเป็นองค์รัชทายาท แม้จะทำหน้าที่สำเร็จราชการแทนพระองค์ แต่สิทธิอำนาจในมือของเขา โดยรากแท้แล้วยังคงเป็นสิ่งที่ฮ่องเต้ประทานให้ตราบใดที่หลี่เฉินยังไม่ขึ้นครองราชย์ ไม่ได้สวมชุดมังกร เช่นนั้นเขาก็ไม่อาจครอบครองราชอำนาจแท้จริงได้เลยต่อบรรดาข้าราชการท้องถิ่นแล้ว พวกเขายอมรับแค่สิ่งเดียว...ราชโองการ ยอมรับแค่บุคคลเดียว...ฮ่องเต้นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพายุการเมืองในครั้งนี้ ถึงเรียกได้เพียงว่า "พายุการเมือง" มิใช่การชิงราชสมบัติในสายตาของปวงชนแผ่นดิน สิ่งที่พวกเขาเห็น ก็แค่ความขัดแย้งระหว่างองค์รัชทายาทกับฝ่ายสำนักราชเลขาที่รุนแรงจนถึงขั้นยกทัพใส่กัน มิใช่การกบฏแย่งชิงราชบัลลังก์ของสำนักราชเลขาสองสิ่งนี้...แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงหากหลี่เฉินคือฮ่องเต้จริงๆ การกระทำของจ้าวเสวียนจีทั้งหมดนี้ ก็จะกลายเป็นการชิงบัลลังก์อย่างชัดเจน และจะก่อให้เกิดความโกลาหลไปทั่วทั้งแผ่นดิน ขุนนางในทุกหัวระแหงที่ยังมีความจงรักภักดีและสำนึกในคุณธรรม ย่อมต้องลุ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1056

    “ด้านนอกลมฝนรุนแรง ฝ่าบาททรงเปียกโชกทั้งตัว ดูก็รู้ว่าเส้นทางที่ก้าวเข้ามา ไม่ได้ราบรื่นเลยแม้แต่น้อย”จ้าวเสวียนจีมองหลี่เฉินด้วยแววตาสงบนิ่ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ใบหน้าแลดูใจดีอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ“ลมฝนหนักเช่นนี้ มีใครเล่าจะก้าวเดินได้อย่างสบาย?”หลี่เฉินพลิกมือปิดประตูพระที่นั่ง ลมฝนภายนอกถูกสกัดไว้ทันที ความสงบและอบอุ่นจึงกลับคืนสู่ท้องพระโรงอีกครั้ง“หากเพียงต้องการมุมหนึ่งอันสงบสุข ก็แค่ปิดประตูเท่านั้น ความสงบก็จะอยู่กับเราแล้วไม่ใช่หรือ?”จ้าวเสวียนจีกล่าว “ดี ฝ่าบาทตรัสได้ถูกต้องอย่างยิ่ง”หลี่เฉินย่างเท้าเข้าสู่พระที่นั่งไท่เหอด้วยฝีเท้าหนักแน่น หยุดยืนอยู่เบื้องล่างบัลลังก์ หันไปมองเก้าอี้มังกรแล้วเอ่ยกับจ้าวเสวียนจีข้างกาย “เก้าอี้ตัวนี้ ช่างเย้ายวนใจนักใช่หรือไม่?”จ้าวเสวียนจีก็มองไปยังเก้าอี้มังกรร่วมกับหลี่เฉินเขาไม่ได้ตอบคำถามของหลี่เฉิน กลับกล่าวเพียงว่า “ฝ่าบาท ถอยเถิด”หลี่เฉินหัวเราะเบาๆ ไม่ขยับสายตา ไม่ตอบคำใด“กระหม่อมให้คำมั่น ว่าจะปกป้องฝ่าบาทให้ปลอดภัยไปตลอดชีวิต คำมั่นของกระหม่อมนี้ ฝ่าบาทเชื่อถือได้แน่นอน”หลี่เฉินพยักหน้า “ฟังดูจริงใจดี”

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1055

    หลี่เฉินหันไปมองซูจิ่นพ่าที่อยู่ข้างกาย ยิ้มอ่อนเอ่ยว่า “เจ้าทำให้ข้ารู้สึกประหลาดใจมาก”ซูจิ่นพ่าไม่ได้ตอบ เพียงยอบกายทำความเคารพแบบสตรีผู้สูงศักดิ์อย่างอ่อนช้อยหลี่เฉินหลุดหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันไปกล่าวกับซูเจิ้นถิงว่า “แม่ทัพซู ลูกหลานตระกูลแม่ทัพเสือเจ้าฝีมือ เจ้าช่างมีบุตรีที่ดีนัก”ซูเจิ้นถิงก่อนหน้านี้อยู่หน้าประตูวัง เมื่อเขามาถึงพอดีกับที่ซูจิ่นพ่ากำลังตำหนีขุนนางพวกนั้น ด้วยสัญชาตญาณจึงไม่ได้รีบเข้าไป และการรอเพียงครู่เดียวนี้ ก็ทำให้เขาได้เห็นฝีมือกับสติปัญญาของบุตรสาวตัวเองอย่างชัดเจน นับว่ายอดเยี่ยมอย่างแท้จริง“ฝ่าบาทตรัสเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ซูเจิ้นถิงยกมือขึ้นคารวะ แล้วหันไปมองจางปี้อู่และขุนนางฝ่ายสำนักราชเลขาที่ใบหน้านิ่งสงบ จากนั้นกล่าวว่า “ฝ่าบาท ที่นี่ขอให้เป็นหน้าที่ของกระหม่อมกับท่านอาจารย์เถิดพ่ะย่ะค่ะ”ทหารย่อมต่อสู้กับทหาร แม่ทัพย่อมรับมือแม่ทัพบุคคลที่หลี่เฉินตั้งใจจะรับมือมาตลอด ไม่ใช่จางปี้อู่ และไม่ใช่ขุนนางทั้งหลายที่อยู่เบื้องหลังเขาเหล่านั้นแต่คือ...จ้าวเสวียนจี“ดี”หลี่เฉินพยักหน้าเบาๆ แล้วหมุนกาย มุ่งหน้าเข้าสู่พระที่นั่งไท่เหอในขณะที่หลี

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status