ความรู้สึกที่ตกอยู่ในอันตรายอันแรงกล้า ทำให้หลี่เฉินรู้สึกเหมือนกับว่าเขาตกลงไปในถ้ำงู ทั่วทั้งตัวถูกปกคลุมไปด้วยงูพิษที่เย็นชา และพยายามจะกัดเขาซึ่งถ้าหากโดนกัด เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน จากหางตาของเขา เขามองเห็นฝ่ามือทั้งสองของสตรีศักดิ์สิทธิ์กำลังส่งเสียงครั่นครื้นดุจฟ้าร้อง ฝ่ามือแรกกระแทกใส่ที่ด้านหลังของหลี่อิ๋นหู่ทันใดนั้นใบหน้าของหลี่อิ๋นหู่ก็พลันซีดเผือด เขากระอักเลือดออกมาทางปาก ในขณะที่ร่างกายก็กระเด็นออกไปเหมือนว่าวขาดสายป่าน โจมตีได้ดี โจมตีถึงตายได้ยิ่งดี! นี่เป็นแวบแรกที่หลี่เฉินคิด ในขณะที่เขาคิดว่าฝ่ามือที่สองนั้นจะฟาดใส่ร่างกายของเขาแต่สิ่งที่แปลกก็คือฝ่ามือนี้ไม่ได้โจมตีเขา แต่มุ่งเป้าไปที่จ้าวชิงหลานซึ่งยืนตัวแข็งทื่ออยู่ข้างๆ เขา!ในเสี้ยววินาที หลี่เฉินไม่มีเวลามาใคร่ครวญว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงต้องการจะฆ่าจ้าวชิงหลาน แต่ด้วยสัญชาตญาณทั้งหมด เขาจึงคว้าแขนของจ้าวชิงหลานแล้วดึงนางเข้ามาในอ้อมแขนของเขา และกอดนางไว้แน่นแม้จะล่าช้าไปเล็กน้อย แต่พลังฝ่ามือนั่นก็ฟาดใส่หลี่เฉินและจ้าวชิงหลาน ส่งพวกเขาทั้งสองคนกระเด็นออกไปพร้อมกัน หลี่เฉินรู้สึกว่าไหล่ข
แต่ลึกลงไปในใจของหลี่เฉิน เขายังคงมีข้อสงสัยสองฝ่ามือของสตรีศักดิ์สิทธิ์ ฝ่ามือแรกฟาดไปที่หลี่อิ๋นหู่ ฝ่ามือสองฟาดไปที่จ้าวชิงหลาน ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ใช่เป้าหมายในการลอบสังหารนาง เหตุผลที่เขาได้รับบาดเจ็บก็เพราะช่วยจ้าวชิงหลานไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะหลบพ้นสิ่งนี้ทำให้ดวงตาของหลี่เฉินมืดลง และครุ่นคิดถึงจุดประสงค์ของสตรีศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้เองคำพูดของซานเป่าก็ขัดจังหวะความคิดของหลี่เฉิน“บ่าวจะส่งผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดไปตามล่า บ่าวบังอาจถามฝ่าบาทว่าต้องการใช้กฎอัยการศึกหรือไม่” “ไม่ต้อง”หลี่เฉินหายใจออกมาและพูดว่า “คราวนี้แตกต่างจากครั้งที่แล้ว คราวนี้มีเพียงสตรีศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น หากนางต้องการจะหนี ผู้เชี่ยวชาญธรรมดาก็ไม่สามารถหานางเจอ ส่งไปไล่ล่าก็เหมือนส่งไปตายเปล่า” ซานเป่ากัดฟันแล้วพูดว่า “ต้องโทษบ่าวที่ไม่มีทักษะแยกร่าง มิฉะนั้นบ่าวจะไล่ล่านางด้วยตัวเอง”“แล้วหลี่อิ๋นหู่ล่ะ?” หลี่เฉินถามอย่างเย็นชา “ทูลฝ่าบาท ตอนนี้จ้าวอ๋องหมดสติอยู่พ่ะย่ะค่ะ” ซานเป่าตอบ “จับตาดูเขาให้ดี เมื่อเขาตื่นแล้ว ให้ส่งเขาไปที่ตำหนักบูรพาในทันที” หลี่เฉินพูดอย่างเฉยเมย “ข้ามีข้อสง
“ว่าอย่างไร? ยังจะงงอะไรอีก?”หลี่เฉินขมวดคิ้วเมื่อเห็นสีหน้าแปลกๆ ของผู้คนรอบตัวเขาเมื่อประโยคนี้หลุดออกมา ทุกคนก็รีบก้มหน้าลงและหันหน้าหนีราวกับว่าพวกเขาไม่สมควรมองท้ายที่สุดแล้ว กฎเกณฑ์ถูกกำหนดโดยมนุษย์ และมนุษย์ก็ปฏิบัติตาม แต่ถ้าหากองค์รัชทายาททรงคิดว่าไม่ปัญหา แล้วพวกเขาจะกล้าพูดอะไรอีก? องค์รัชทายาทที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา มีสถานะอยู่เหนือกฎเกณฑ์อย่างเห็นได้ชัดหมอหลวงเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง เขาจับชีพจรของหลี่เฉินก่อน จากนั้นจึงเลิกเสื้อผ้าของหลี่เฉินขึ้นเพื่อตรวจดูบาดแผล หลังจากตรวจดูอย่างละเอียดแล้ว เขาก็ประสานมือกล่าวว่า “ฝ่าบาท พระโลหิตของพระองค์กำลังเดือดพล่าน แต่ด้วยสวรรค์คุ้มครอง พระองค์ยังทรงเยาว์วัยและพระพลานามัยแข็งแรง ควรได้รับการดูแลอย่างระมัดระวังจากผู้เชี่ยวชาญอย่างพวกเรา อาการบาดเจ็บในครั้งนี้เป็นเพียงอาการบาดเจ็บทางกาย แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อรากฐาน ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็หายดีแล้ว”“เพียงแต่...ฝ่าบาททรงมีสถานะสูงศักดิ์ เมื่อพิจารณาจากอาการบาดเจ็บของฮองเฮาแล้ว ถือเป็นโชคดีจริงๆ ที่เลี่ยงจุดสำคัญมาได้ หากขยับลงกว่านี้อีกเล็กน้อย กระหม่อมก็ไม่กล้าจะคิด ดังนั้นกระ
คำพูดของหลี่เฉิน ทำให้จิตใจที่วุ่นวายของจ้าวชิงหลานระเบิดออกราวกับฟ้าร้อง ราวกับว่าหลายสิ่งหลายอย่างสว่างไสวด้วยสายฟ้าแลบทันใดนั้นสายตาหางหงส์ของนางก็พลันเย็นชา และปลดปล่อยจิตสังหารออกมา“เข้าใจแล้วใช่ไหม?”เมื่อเห็นท่าทางของจ้าวชิงหลาน หลี่เฉินก็รู้ว่าอีกฝ่ายเข้าใจเขาอย่างชัดเจน“นักฆ่าไม่ลอบสังหารข้าหรือจ้าวเสวียนจี แต่เป็นเจ้า เพราะตอนนี้มีเพียงสองอย่างเท่านั้น ที่สามารถพลิกโต๊ะตำหนักบูรพาและสำนักราชเลขาได้อย่างสมบูรณ์ อย่างแรกคือเสด็จพ่อทรงสวรรคต และข้าก็ขึ้นครองบัลลังก์ ซึ่งนั่นหมายความว่าจ้าวเสวียนจีจะไม่มีโอกาสเลย และเขาก็ทำได้เพียงเคลื่อนไหวอย่างสิ้นหวังเท่านั้น”“อย่างที่สองคือฮองเฮาสิ้นพระชนม์กะทันหัน หากเจ้าตาย ผู้ต้องสงสัยที่ใหญ่ที่สุดก็คือข้า ไม่ว่าจะมาจากความรู้สึกส่วนตัวหรือโอกาสในอนาคต บิดาของเจ้าจะทำทุกอย่างเพื่อโค่นล้มข้า และแย่งชิงบัลลังก์”คำพูดที่น่าตกตะลึงหลุดออกมาจากปากของหลี่เฉินทีละประโยค แต่การแสดงออกของหลี่เฉินกลับสงบมาก ราวกับว่าเขากำลังพูดถึงบางสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับเขา“สถานการณ์ปัจจุบัน สำนักราชเลขากับตำหนักบูรพาต่างฝ่ายต่างสูสีกัน เมื่อโต๊ะถูกพล
“หลี่เฉิน!”จ้าวชิงหลานต้องการต่อสู้ และต้องการจะผลักหลี่เฉินผู้ชั่วร้ายออกไป แต่ด้วยอาการบาดเจ็บของนางแค่ขยับตัวนิดเดียวก็ปวดไปทั่วตัวแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการออกแรงเลยทันใดนั้นนางก็รู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อยไม่มีใครอยู่รอบๆ และผู้คนข้างนอกก็ไม่กล้าเข้ามาหากหลี่เฉินเกิดบ้าขึ้นมา และคิดจะทำอะไรนางที่นี่ ตัวนางเองก็คงจะไม่มีเรี่ยวแรงต่อต้าน “หากเจ้าทำอะไรข้า ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่!”“ฟังดูคุกคามดี”น้ำเสียงของหลี่เฉินติดจะดูเหยียดหยามคล้ายกับพวกจอมยุทธ์ในยุทธภพพวกนั้นเขาเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า “แต่ใช้ไม่ได้ผลกับข้า”“มันจะทำให้เจ้ารู้สึกดีขึ้นบ้างไหม หากข้าบอกว่าข้าไม่คิดจะทำอะไรเลย?”“เมื่อครู่ข้าช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้ แต่เจ้าก็ยังคงมีทัศนคติกับข้าเช่นนี้”“ในเมื่อเจ้าบอกว่าความสัมพันธ์ของพวกเราสองคนเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว แล้วทำไมข้าถึงไม่ทำอะไรให้มันถูกต้องไปเลยล่ะ?”“อย่างน้อย ข้าก็ยังสามารถมีความสุขได้นี่ ใช่หรือไม่?”ขณะที่หลี่เฉินกำลังพูด เขาก็ยกมือข้างที่ว่างขึ้นมา แล้วใช้หลังมือลูบใบหน้าที่นุ่มนวลและเรียบเนียนของจ้าวชิงหลานเบาๆสัมผัสอันละเอียดอ่อน ทำให้หลี่เฉิน
เมื่อผู้ชายถึงขั้นอันธพาลแล้ว อย่าคาดหวังว่ามารยาททางโลกจะมีผลกับเขายิ่งไปกว่านั้น ตัวตนของผู้ชายคนนี้ก็สามารถก้าวข้ามมารยาททางโลกได้ไกลกว่าคนอื่นได้จ้าวชิงหลานซึ่งสูญเสียความสามารถในการต้านทาน ก็ใกล้จะหมดหวังเต็มทีด้วยสัญชาตญาณของผู้หญิง นางรู้สึกได้ถึงความเป็นสัตว์ป่าที่แฝงอยู่ในเสียงหอบหายใจที่เริ่มหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ของชายคนนี้ นั่นคือแรงกระตุ้นโดยสัญชาตญาณทางชีววิทยาของผู้ชายนางกลัวกลัวแล้วจริงๆและในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญนี้ ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องที่น่าสังเวชอย่างยิ่งดังมาจากด้านนอกประตู“พวกเจ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ! ข้าสมควรตาย ข้าอยากจะขอขมาเสด็จแม่ต่อหน้าแล้วค่อยตาย!”เสียงร้องอย่างกะทันหันและน่าสังเวชนี้ ได้ทำลายบรรยากาศในตำหนักเฟิ่งสี่โดยสิ้นเชิงดวงตาของหลี่เฉินเต็มไปด้วยจิตสังหาร ตอนนี้เขาแทบอยากจะสั่งให้ซานเป่าฆ่าไอ้สุนัขหลี่อิ๋นหู่ตัวนี้ซะแต่สำหรับจ้าวชิงหลานแล้ว นางรู้สึกขอบคุณกับการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของหลี่อิ๋นหู่ในเวลานี้มิฉะนั้น ความบริสุทธิ์ของนางคงจะถูกทำลายด้วยมือหมาป่าของหลี่เฉิน “ให้เขาเข้ามา!”จ้าวชิงหลานใช้พลังทั้งหมดของนางเพื่อ
คำพูดของหลี่เฉินเหมือนกับการตบหน้าเข้าอย่างจัง และการตบนี้ก็ตบด้วยถุงมือที่เต็มไปด้วยหนามเหล็ก หลี่อิ๋นหู่ไม่เพียงแต่รู้สึกเจ็บปวดเท่านั้น แต่ความเจ็บปวดนี้ยังแทรกซึมเข้าไปในร่างกายของเขาโดยตรง และกระทบต่อจิตวิญญาณของเขาด้วย ร่างกายของเขาสั่นเทิ้ม ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะความโกรธหรือว่าความกลัวแม้จะนอนอยู่บนพื้นและถูกหลี่เฉินเหยียบเอาไว้ แต่ดวงตาของเขาก็ดุร้ายราวกับงูพิษ แต่ปากกลับกล่าวคำพูดที่อ่อนแรงออกมา “ฝ่าบาท กระหม่อมไม่รู้จริงๆว่าฝ่าบาทหมายถึงอะไร”หลี่เฉินชักเท้ากลับมา แล้วนั่งยองๆ คว้าศีรษะของหลี่อิ๋นหู่เพื่อให้เงยหน้าขึ้นสบตาตัวเอง “ฟังไม่เข้าใจหรือ?”หลี่เฉินพูดอย่างเฉยเมย “ไม่สำคัญหรอกว่าเจ้าจะเข้าใจหรือไม่ เพราะข้าไม่ได้คาดหวังว่าเจ้าจะยอมรับอยู่แล้ว แต่หลายสิ่งหลายอย่างก็ไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานหรอก ถูกต้องไหม?”“การหาหลักฐานเป็นเรื่องของกรมยุติธรรมและศาลต้าหลี่ แต่สิ่งที่ข้าอยากจะทำก็คือ กำจัดคนที่ข้าคิดว่าน่าสงสัย”ประโยคนี้ทำให้รูม่านตาของหลี่อิ๋นหู่พลันหดลง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบเลือดและท่าทางน่าสมเพชของเขา เวลานี้ก็ปรากฏความหวาดกลัวขึ้นมาลึกๆ นับตั้งแ
หลี่เฉินหรี่ตาลงและพูดอย่างช้าๆ ว่า “ในเมื่อฮองเฮากล่าวเช่นนี้...” หลังจากได้ยินคำพูดครึ่งประโยคนี้ หลี่อิ๋นหู่ก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อยอย่างน้อยก็สามารถรักษาชีวิตไว้ได้ตอนนี้ถ้าหลี่เฉินยืนกรานที่จะฆ่าเขา ถึงแม้ว่าจะมีการต่อต้านจากเหล่าขุนนางในราชสำนัก และผู้คนในใต้หล้าก็จะตำหนิองค์รัชทายาทว่าฆ่าพี่น้อง แต่นี่ก็ไม่ใช่การฆ่าโดยไร้เหตุผล มีนักฆ่าอยู่ตรงหน้าเขา และหน่วยบูรพาก็เป็นสุนัขรับใช้ของตำหนักบูรพา จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะรวบรวมหลักฐานบางอย่างเพื่อปิดปากผู้คนสิ่งที่สำคัญที่สุดคือนอกเหนือจากราคาเหล่านี้แล้ว หลี่เฉินไม่จำเป็นต้องจ่ายอะไรอีกเพื่อฆ่าเขา ท้ายที่สุดเขายังอ่อนแอเกินไป!หากเขามีอำนาจอยู่ในมือ หลี่เฉินจะฆ่าเขาก็ต้องกลัวว่าจะขว้างหนูไปกระทบของมีค่าที่อยู่ข้างๆ มีหรือจะลงเอยเช่นนี้ได้!?หลี่อิ๋นหู่กำหมัดแน่นและก้มศีรษะลง ซ่อนความไม่พอใจและความเกลียดชังเอาไว้ภายใต้ความอ่อนน้อมถ่อมตนของเขา เขาไม่กล้าที่จะหย่อนยาน เพราะเขาเชื่อว่าหลี่เฉินมีวิธีที่จะทำให้ชีวิตของเขาเลวร้ายยิ่งกว่าความตายอย่างแน่นอนแน่นอนว่าหลี่เฉินไม่ได้ปล่อยให้เขารอนานเกินไป“เมื่อปีที่แล้ว ข้า