สายตาแกมบังคับ...จ้องตาของคัมซาไม่กระพริบ ทำให้เธอรู้สึกปั่นป่วนใจ เขาคงจับไต๋เธอได้แน่ๆ เลย
“คุณฟ้า วันนี้คัมอยากเป็นกำลังใจให้คุณค่ะ” คัมซาโพล่งออกไปโดยไม่ไตร่ตรองให้ดีก่อน คำพูดนี้แทงใจดำมากๆ คนส่วนใหญ่ไม่ชอบให้ใครวิพากษ์วิจารณ์เสื้อผ้า หน้าผม หุ่น น้ำหนัก สีผิว นานาประการที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง
“มันเกี่ยวกันรึ...ผมอยากรู้ภาพปริศนานั้น...” คัมซาอึดอัดใจจนหลบสายตาที่เขาพยายามคาดคั้นไม่เลิกรา
‘นายคนนี้ก็แปลก ตอนเจอกันครั้งนั้น ดูเย็นชา และในงานปาร์ตี้นั้นด้วย หน้าเรียบเฉย...ไร้ความรู้สึกเหมือนกระดาษซีดขาวบนสีหน้าของเขา’
“ค่ะ แล้วคุณคิดว่ามันเกี่ยวกับที่คัมพูดตะกี้นี้ไหมล่ะ” คัมซาก็พูดกวนๆ จะลองดูสีหน้าเย็นชาของเขาว่า จะเปลี่ยนไปไหม
‘ได้ผลแฮะ...นายหน้าเฉยขมวดคิ้ว คิดหาคำพูดแล้วก็สวนกลับ’
“ผมว่าคุณนี่...เป็นคนพูดจา..วกวน จนผม งง...”
“คุณอยากจะรู้ไปทำไม รึว่าอยากสืบหาความจริง” คัมซาก็อยากแหย่ให้เขาพูด
‘ความเป็นกันเอง จะเกิดจากตรงพูดวกวนของเรานี่แหละ...น้า ...อย่างน้อยก็จะทำให้พี่เดียวหัวหน้าเธอ บรรลุเป้าสำหรับปีนี้’ คัมซาคิดเลยไปถึงยอดขายที่ต้องช่วยหัวหน้าสำหรับปีนี้ คัมซามั่นอกมั่นใจมากว่า ออร์เดอร์นี้ไม่พลาดแน่นอน
“ผมอยากรู้... มันวนเวียนอยู่ในสมองหลายปี” เขาพึมพำแทบไม่ได้ยินวลีถัดไป คัมซาเข้าใจว่า เขาคงมีความหลังหรืออะไรบางอย่างเกี่ยวกับปริศนาในภาพนี้
“คัมว่า คุณมองเห็นอยู่แล้วล่ะ แต่อยากถามใช่ไหมล่ะ” คัมซาก็ยังไม่วายต่อล้อต่อเถียง จนโรซ่าเพื่อนสาวแอบมองีอยู่บ่อยครั้ง ทั้งที่ก็วิ่งมาหยุดถามว่า จะวิ่งกันต่อหรือว่าจะยังคุยกัน
“คุณฟ้า วิ่งต่อเถอะ หยุดเดินบ้าง วิ่งเหยาะๆ บ้าง การวิ่งเหยาะแบบโซน 2 จะไม่ต้องออกแรงวิ่งเยอะ ช่วยทำให้ไม่เหนื่อยเร็ว วิ่งได้เรื่อยๆ ช่วยเผาผลาญแคลลอรี่ได้เยอะเลย” คัมซาพูดให้กำลังใจเขาไป ต้องใช้เวลานานอยู่ที่จะทำให้หุ่นเริ่มฟิตและอยู่ตัว
‘หน้าตารึก็ดูดี หล่อได้ใจสาวๆ เลย ถ้าลดน้ำหนักและดูแลเรื่องการสร้างกล้ามเนื้อ…’ คัมซาจะสลับวิ่งบ้างเข้าฟิตเนสบ้าง ถ้าวิ่งน้ำหนักลดแล้ว แต่กล้ามเนื้อไม่ฟิตจะทำให้ผิวหนังไม่เฟิร์มอยู่ตัว ผิวหนังจะเหี่ยว’
‘…จะทำยังไงให้นายคนนี้ รู้สึกว่าการออกกำลังกายเหมือนเรากินข้าว...’ โรซ่าเคยพูดอยู่ประโยคหนึ่งว่า “ฟ้าเค้า ไม่ชอบออกกำลังกาย ออกจะขี้เกียจ ไม่น่าเชื่อนะ” คัมซาสงสัยเหมือนกัน คนรุ่นเราๆ จะนิยมตามเทรนพวกเซเลปคนดัง เลยแปลกใจเหมือนกับเพื่อนสาวของเขา
“คุณฟ้า น่าจะคุณหนูหน่อยๆ” คัมซาเปรยๆ ไปงั้น ไม่จริงจังเท่าไหร่
“โห...ใช่เลย ถูกใจเรามากคำนี้” คัมซามองว่า ลูกคนรวยมักจะถูกตามใจ โลกสวยและไม่อยากทำอะไร...ก็ไม่ทำ ไม่มีใครว่า
‘อย่างคืนนั้นงานปาร์ตี้ นายคนนี้ก็จะไม่ทำอะไรตามเกมส์ที่พิธีกรขอร้อง จริงๆ เจ้าภาพในงานต้องการให้ทุกคนได้รู้จักกัน เดินไปหาชื่อที่เป็นคู่ก็ได้ถามกัน สำหรับคัมซาถือว่าเป็นปาร์ตี้ที่สร้างสรรค์มากๆ แต่นายนี่มาแปลกกลับจะไม่ทำซะงั้น แต่ก็ถือว่าให้เกียรติเจ้าภาพของงาน เท่าที่ทราบ...ฟ้าประทานได้รับคำเชิญมางานกับโรซ่า เพราะคุณพ่อของแอนนี่เป็นที่ปรึกษาของบริษัทของเขานั่นเอง คัมซาก็รู้จากน้องสาวเธอ อันยองบอกว่า คุณแม่ของเขารู้จักนายอำเภอพ่อของแอนนี่มานานแล้ว เพราะเป็นเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย และเมื่อลูกชายของเธอขึ้นมาเปิดโครงการคอนโดที่นี่ จึงได้แนะนำฝากฝังไว้’
“โรซ คัมว่า ต้องให้คุณฟ้าไปเข้าฟิตเนสบ้าง...สลับกับชวนกันไปวิ่ง” คัมซาเสนอให้โรซ่าลองดู
“ไม่อยากพูดมาก...เค้าเป็นคนแปลกๆ คัมเห็นไหมล่ะ...” คัมซาก็ไม่เข้าใจว่า สองคนนี้เป็นคู่รักกันยังไง ฝ่ายหนึ่งออกจะไม่ค่อยพูด อีกฝ่ายพูดเก่ง ประมาณว่ามืออาชีพ ถ้าจีบผู้ชายล่ะก็ โรซ่าคนนี้เด็ดขาดที่สุด
“...ก็เป็นแฟนกันไม่ใช่หรือ...” คัมซาก็ตรงประเด็นไม่อ้อมค้อม
“ไม่รู้สินะ...พ่อแม่ของเราอยากให้พวกเราแต่งงานกัน ก็ดูๆ กันอยู่...แต่โรซชอบเค้า”
คัมซาก็มองเห็นอยู่แล้ว ระหว่างพัก โรซ่าก็จัดแจงเอาขวดน้ำเปล่าที่ซื้อใส่กระเป๋าผ้า ออกมาบริการชายหนุ่ม และก็ได้ยินเสียงกระเซ้ากระซี้ คัมซาก็ไม่อยากสนใจหรอก แต่สายตาก็อดชำเลืองไปมองไม่ได้
“แล้วคุณฟ้า เค้ามีใจด้วยไหมล่ะ” คัมซาก็อยากรู้เหมือนกัน
“บางทีก็ดูเหมือนไม่สนใจ บางทีก็ดูสนใจเรา” โรซ่าก็คงจะไม่รู้ใจเพื่อนชายของเธอคนนี้แน่ๆ
“คัมเชื่ออย่างหนึ่งว่า ฟ้าลิขิตให้เราคู่กัน ยังไงก็ไม่หลุดไปจากกัน...” คัมซา พูดไปก็วนกลับไปคิดถึงคืนวันนั้นอีกจนได้
“โห...เหมือนแม่เราพูดเลย” ทำไมโรซ่าอยากคุยเรื่องนี้กับคัมซา
‘ดีล่ะ อย่างน้อยเราก็มีพวกหนึ่งคน คือแม่สาวลูกครึ่งนางนี้ เธอคงอยากหาคนระบายความในใจ’
“โรซ...แค่นี้เถอะวันนี้...” ได้ยินเขาเดินมาเรียกโรซ่า ดูท่าทางเหงื่อออกซะขนาดนั้น คนอ้วนก็อย่างนี้ ขนาดผอมอย่างคัมซา วิ่งไปได้ 15 นาทีก็เหงื่อท่วมแล้ว
‘แค่หันมาพยักหน้าให้เรา ไม่พูดอะไรสักคำ’ คัมซาเห็นเขาเหลือบมองตอนที่เธอออกวิ่งต่อ
“รู้ไหมพี่เดียว คัมซาอยากหัวเราะ” คัมซาเอ่ยต่อหน้าพี่เดียว ก็ทนไม่ได้อยากนินทาเล็กๆ
“ทำไมเหรอ..สงสัยลูกค้าที่คอนโด ว่ามา...” พี่เดียวรอคำตอบ อยากรู้ความคืบหน้า สิ่งหนึ่งที่ชื่นชอบคัมซา ก็ตรงที่บางครั้งเธอก็ดูร่าเริง ขี้เล่น แต่ถ้าเธอเคร่งขรึมซีเรียส ดูเป็นคนที่เข้าใจยากอยู่เหมือนกัน
“CEO ของคอนโด ชื่อนายฟ้าประทานนั้น มาวิ่งกับแฟนสาว ซักคัมอยู่นั่นล่ะ ...เรื่องของเรื่อง เขาอยากรู้ภาพปริศนาที่คัมสนใจ”
“แปลก...ดี อย่างน้อย เขาต้องมีอะไรสักอย่าง...” คัมซาดูสนุกกับเรื่องนี้ มันเหมือนหลอกล่อให้ใครบางคนติดกับดักที่วางไว้ ราวกับว่าตอนนี้เธอเป็นต่อ
“วันหน้า...พี่จะไปออกกำลังกายด้วย...อย่าลืมชวนล่ะ” พี่เดียวอยากจีบคัมซาอยู่แล้ว ก็เลยอาศัยเรื่องนี้ทุ่นแรง อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าคัมซาไม่มีใคร สาวน้อยเป็นคนที่น่าสนใจกว่าทุกคนในชอป
“ภาพปริศนาที่ซ่อนในนั้นมัน...มีอะไรที่สานต่อ...เขาสนใจเรามั๊ง” พี่เดียวหยอกคัมซาตรงๆ จนเธอก็รู้สึกอายใจเต้น...
“พี่เดียวขา...คัมว่าเขาอยากลองเชิงคัมล่ะไม่ว่า...” คัมซาอยากจะเลี่ยงไม่พูดเรื่องนี้มากกว่า
“ยิมใหม่นี้...สะอาดดีนะ...” พี่เดียวพูดขณะที่ผลักประตูเข้าไป คัมซาใส่เสื้อหลวมๆ ดูน่ารักดี เสื้อตัวใหญ่กับกางเกงเลคกิ้ง ทำให้เธอยิ่งดูเพรียวบาง
“เจ้าของเป็นลูกค้าคัมเอง...” คัมซาทักทายและแนะนำให้พี่เดียวรู้จักกับเจ้าของยิม คุณสมิตเป็นคนจีนรุ่นใหม่ที่เข้ามาทำกิจการหลังจากจบการศึกษาที่บ้านเรา ชอบเมืองไทยแต่งงานกับผู้หญิงที่เป็นคนพื้นเพที่นี่ มีความสุขกับกิจการนี้ รักการออกกำลังกาย มาดูแลลูกค้าด้วยตนเองทุกวัน
ยิมแห่งนี้เพดานสูง โล่ง กว้าง มีลู่วิ่งไฟฟ้าเรียงกันเกือบ 20 เครื่อง อุปกรณ์สำหรับยกน้ำหนัก อุปกรณ์เล่นกล้าม ม้านั่งสำหรับออกกำลังกายท่อนบน ท่อนแขน ท่อนล่าง มีครบครัน
“ค่าสมาชิกไม่แพง...พี่เดียวน่าจะเป็นสมาชิก...จะได้มาออกกำลังกายทุกวัน” การเข้ายิมเป็นเทรนสำหรับคนรุ่นใหม่ คัมซาชวนหัวหน้าเธอ และการทำงานในออฟฟิศทำให้มนุษย์เงินเดือนปัจจุบัน มีโรคภัยไข้เจ็บจากชีวิตการทำงานในห้องสี่เหลี่ยม ไม่มีหน้าต่าง เปิดไฟทั้งวัน หากเดินเข้ามานั่งอยู่ในห้องแล้ว ทั้งวันไม่ได้เห็นแสงแดด
“เอ้า...มาที่นี่เหมือนกันรึครับ คุณรสริน” ได้ยินเสียงพี่เดียวทักทาย ที่แท้ก็คือโรซ่านั่นเอง
‘มาคนเดียวรึไง ไม่เห็นนายหน้าขาวที่เป็นหัวหน้าเธอ... ท่าจะไม่ชอบเข้ายิม’ คัมซาคิดถึงหน้านายคนที่ทำให้เธอรู้สึกมีชีวิตชีวา และใจยังคิดวนเวียนถึงงานปาร์ตี้คืนนั้นอยู่ทุกครา ถ้าได้เห็นหน้าหรือได้ยินชื่อเขา
“ค่ะ...เอ้อ...คุณมากับคัม” โรซ่า หรือ รสริน ที่พี่เดียวเรียกเธออย่างเป็นทางการ มองมาที่คัมซาพอดี และเธอก็ออกตัวว่ามาคนเดียว นายใหญ่เธอไม่มาด้วย
‘คงงานยุ่งจนไม่มีเวลามาออกกำลังกาย….เราก็บอกไปแล้วนะว่า การมีกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออก จะทำให้ชีวิตยืนยาว สารแห่งความสุขทำงาน เราก็จะสดชื่นกระปรี้กระเปร่า perky ทั้งวัน’ คัมซาคนรุ่นใหม่ สาวน้อยออฟฟิศวัยหวาน หน้าตาสดใส แต่งหน้าอ่อนๆ ก็สวยปิ๊งให้หนุ่มๆ แถวที่ทำงานใจละลายได้เลย
“คัมคะ...ฟ้าน่ะ เขายังอยากรู้เรื่องภาพปริศนานั้นอีก...” คัมซานึกอยู่แล้วว่า โรซ่าก็ฉงนอยู่ว่าทำไมอยากรู้มากมายขนาดนั้น
“ก็บอกโรซไปแล้วนะ แต่อย่าไปสนใจเลย...ไม่มีอะไร” คัมซาคิดว่า เขาคงบ้าหรือเป็นคนประหลาด ถามแต่เรื่องนี้ไม่เลิกไม่รา หรือว่าต้องมีอะไรเกี่ยวพันกับเขากันนะ...
“จริงๆ โรซก็อยากรู้เหมือนกัน สำคัญอะไรกัน...แต่ก่อนไม่เห็นพูดถึงเลย เรามองไม่ออก คิดว่าเอาภาพอะไรมาแขวนตรงนั้นด้วยซ้ำ” โรซ่าอยากสืบสาวว่า เพื่อนชายที่หมายมั่นจะอยู่กันในวันข้างหน้า ทำไมให้รู้สึกแปลกๆ
‘ภาพปริศนาที่ซ่อนในนั้น คงจะเป็นอะไรสักอย่าง...ที่เขายังคิดหมกมุ่นถึง...’ คัมซาก็อยากรู้ขึ้นมาเหมือนกัน ออกจะพิลึกที่เธอถูกถามแบบคาดคั้นจริงจัง
เพลงแนวฟอล์คในฟิตเนสของคุณสมิต...คัมซ่าชอบมาก...เพลงฝรั่งยุค 70-80 กล่อมเบาๆ I love you….too much to ever start liking you So don’t expect me to be your friend….เธอจำได้ว่า...น่าจะเป็นเพลงยุคพ่อ ซึ่งเป็นคอเพลงรุ่นนี้ ชอบเปิดฟังประจำ วันนี้อากาศค่อนข้างร้อน ไม่อยากอยู่กลางแดด หลังจากเธอบึ่งมอเตอร์ไซค์ไปพบลูกค้าสาวที่ออฟฟิศในเมือง ตกลงปิดการขายสำหรับลูกค้ารายนี้ ทำให้คัมซามีความสุขที่ปิดยอดเดือนนี้ได้พอดี เลยมาเข้าฟิตเนส ยิมวันนี้คนเยอะอยู่ เธอคิดว่า...คงอากาศร้อนอบอ้าว ทำให้ลูกค้าอยากออกกำลังกายในห้องแอร์มากกว่าออกไปวิ่งตามสวนสาธารณะวันนี้เธออยู่บนลู่วิ่ง เสื้อผ้าสำหรับวันที่ร้อนจัด...ดูจะเปิดเผยผิวสีเหลืองนวลเกือบสีน้ำผึ้งจางๆ ให้ดูสวย จนฝรั่งสาวทอมข้างๆ มองและแอบยิ้มหันมาที่เธอ... คัมซาตั้งความเร็วไม่มากนักประมาณ 3.0-3.5 และตั้งเวลาไว้ 45 นาที ความชันพอประมาณที่ 3 วันนี้จะอยู่ที่นี่นานหน่อย ไม่ได้เข้ายิมมา 2 วันล่ะ เธอโทรบอกอันยองน้องสาวคนดีที่เจ้ากี้เจ้าการว่า ไม่กินข้าวบ้าน ให้เธอกินข้าวที่บ้านกับพ่อแม่ไปคนเดียว อันยองก
คัมซาได้ยินเสียงลอดจากประตูห้องทำงานของประธานกรรมการบริหาร หรือ CEO ที่ทุกคนในบริษัทของฟ้าประทานเรียก ทำให้เธอต้องชะงักอยู่หน้าประตู ก่อนตัดสินใจไม่เคาะประตูเพื่อขออนุญาตเข้าพบ CEO ซึ่งตอนนี้กลายมาเป็นหัวหน้าอีกคนหนึ่งของเธอ ‘ขออนุญาตแอบฟัง...หน่อยเถอะ เอ...เสียงที่ลอดออกมาต้องเป็นเสียงผู้หญิงคนหนึ่งที่เราเองก็ไม่รู้จัก ดูเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ น้ำเสียง...สั่งผู้ชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นฟ้า บอสใหญ่ของที่นี่...” “จ้างใครมาใหม่รึ...เห็นทางฝ่ายบุคคลบอกว่า มาช่วยขายเครื่องฟอกอากาศ...ทำไมไม่ให้เธอไปประจำที่ไซด์งาน ...ได้ยินโรซบอกว่า อาทิตย์ที่ผ่าน...มาเสนอขายเครื่องให้เรา...” “ครับ...ผมอยากให้เธอช่วยให้คำแนะนำเครื่องฟอกอากาศให้ลูกค้า ช่วยเราโปรโมทโครงการ จะปิดการขายได้ง่ายขึ้น...” บอสใหญ่ชี้แจงกลับไป “เห็นว่า...เมื่อวันก่อนก็ไปเจอเธอ หรือว่านัดกันไปเจอ..” เสียงผู้หญิงคาดคั้นเอาเรื่อง จนคัมซารู้สึกใจไม่ดี เหมือนเรื่องที่เธอเจอเขาที่ยิมและไปกินข้าวเย็นคืนนั้น ไม่ใช่ความลับอีกต่อไป ‘เราจะทำงานที่นี่ไปได้นานไหมนี่...คำพูดของพี่เดียวเมื่อวานยังวนเวียนอยู่...’ “นายฟ้าประทาน...มีลับลมคมในรึเป
“คัม...ช่วยดูเอกสารนี่ให้โรซด้วย...” โรซ่าออกคำสั่งให้คัมซาดูเอกสารโฆษณาชิ้นที่ คู่แข่งมีของแถมเป็น premium เปรียบเทียบว่าการส่งเสริมการขายที่กำลังจัดโปรโมชั่นของคู่แข่งนั้นเทียบกับคอนโด Sky Bless ของฟ้าประทานได้หรือไม่ คัมซาเริ่มวิตกเรื่องการมาทำหน้าที่เสมือนเป็นเลขาของโรซ่า และประสานงานกับคุณสมมาดที่ไซด์จะทำให้เธอนั้นรู้สึกว่า การทำงานออกจะดูไม่มีระบบเท่าไหร่ เพราะงานด้านส่งเสริมการขายเป็นงานที่เหมาะสมและถนัดมากกว่างานเลขา ซึ่งเป็นงานจุกจิก ไม่ค่อยเป็นชิ้นไปอันสักเท่าไหร่ ลักษณะงานเลขาต้องเป็นคนเอาใจและรู้ใจนาย คอยสอดส่องดูแลความเรียบร้อยของทุกคน บางครั้งคัมซาเรียกว่า งานสอดแนม เพราะคำนี้ในภาษาอังกฤษ ก็มาจากคำในภาษาลาตินว่า secretum แปลว่าความลับ เธอก็ไม่ใช่คนที่ชอบเก็บความลับต่างๆ ของใครๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอฉงนอยู่ในใจ ทำไมต้องเป็นเธอที่มาทำงานที่นี่ พี่เดียวซุปที่ชอปน่าจะเหมาะสมและรู้เรื่องเครื่องฟอกอากาศดีกว่า เธอเพิ่งเริ่มงานยังไม่ถึงปีแค่ 9 เดือนเท่านั้น ‘เราต้องล้วงความลับเรื่องนี้ให้ได้...ต้องมีอะไรสักอย่างซ่อนเร้น’ คัมซาได้แต่คิดและนึกเดาไม่ออกเหมือนกันว่า เขามีอะไรอยู
คัมซาเข้างานที่คอนโดสองวัน แต่ก็ไม่ได้กำหนดตายตัวว่าจะเข้าวันไหน อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ถูกเรียกเข้าพบ...ใครคนหนึ่ง ซึ่งทุกคนในเครือบริษัทฟ้าประทานพร จำกัด เรียกว่า... ‘คุณนายแม่’ วันนี้เธอต้องมาเผชิญหน้ากับนายตัวจริงของบริษัทแห่งนี้เข้าให้แล้ว ‘ไม่ชอบแบบนี้เลย ทำไมโลกมันถึงวิปริตให้ต้องมาเจอการบริหารแบบธุรกิจครอบครัว...เฮ้อ’ คัมซาถอนหายใจดัง จนพนักงานที่มาเชิญเธอไปพบคุณแม่ฟ้าดาหวัน แอบยิ้มเข้าให้ คงคิดว่า คัมซาต้องเจอดีอะไรแน่ๆ “คุณนายแม่...เชิญให้ไปพบที่ห้องบอสค่ะ” คัมซาหวั่นใจว่า แม่ของฟ้าประทานต้องมีอะไรพูดกับเธอส่วนตัว ไม่ก็พูดคุยกันสามคนเลย แต่เธอเห็นโรซ่ายังอยู่ในห้องทำงาน ไม่ได้ยินเสียงเดินออกมา คงแค่พบกับเธอเท่านั้น...เท่าที่คาดเดาเธอกำลังจะก้าวออกจากโต๊ะ เพื่อเดินขึ้นไปชั้นสอง ก็ได้ยินเสียงประตูห้องของโรซ่าแง้มออกมา และพบสายตาของเจ้าของห้องมองมาพอดี “คัม... เข้ามาช่วยดูโฆษณาชิ้นนี้หน่อยนะ” โรซ่าพูดแบบเรียบๆ เหมือนไม่ทราบว่า คุณนายแม่ได้เข้ามาที่ออฟฟิศวันนี้ “ขอเวลาสักครู่นะคะ จะไปที่ห้องบอสค่ะ” คัมซาตอบไปตรงๆ แต่ก็เลี่ยงไม่พูดว่าใครเชิญไปพบ “รอ...นะ พอดีมีเรื่องหนึ่งด้วย
คัมซาเข้างานที่ชอปด้วยใจที่ยุ่งเหยิงกว่าวันไหน เข้าใจถึงแก่นของคำคำนี้ งานหัวยุ่งหัวฟู มันเป็นยังไง ที่แท้อย่างนี้นี่เอง ไหน..งานที่ชอปก็ต้องวางแผนส่งเสริมการขาย รวมทั้งนัดพบลูกค้าเอง แล้วยังต้องมาทำหน้าที่ช่วย PR ที่คอนโดของนายฟ้าประทานนี้อีก ยังไม่พอ...เธอถูกบังคับให้เป็นเหมือนที่ปรึกษาส่วนตัว...เรื่องควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย มีโอแถมตามมา...คัมซาถอนหายใจเบาๆ ‘โห...ต้องมาออกกำลังกายและไปนั่งกินข้าวกับเขาทุกครั้งหลังเลิกงานจากออฟฟิศ...บอสใหญ่แห่งบริษัทฟ้าประทานพร...อะไรกันนักหนา’ “วันนี้ไปพบลูกค้าด้วยกันกับพี่นะ...มีเรื่องคุย” พี่เดียวทำหน้ายิ้มๆ มองมายังคัมซา... เหมือนมีเลศนัยอะไรบางอย่าง “ค่ะ” คัมซาอยากทำงานนอกชอป ไปพบลูกค้ามากกว่า จิตใจจะได้ไม่วนเวียนกับเรื่องบ้าๆ ที่อยู่ในใจมาหลายวัน“เที่ยง...พี่เลี้ยงข้าว” พี่เดียวพูดก่อนเข้าไปพบลูกค้าด้วยกัน วันนี้พี่เดียวดูน่ารักไม่น้อยสำหรับคัมซา อย่างน้อยเธอได้กินข้าวมื้อนี้จากหัวหน้า ทุกคนในชอปต่างซุบซิบว่าพี่เดียวเลี้ยงข้าวคนยากมาก ถ้าไม่อารมณ์ดีหรือไม่ก็คอมมิชชั่นออก พี่ชายแสนดีที่คัมซาชอบบอกทุกคนว่า ‘เขาเป็นพี่ชายที่น่ารัก’ ...ใช่จะเล
คัมซารู้สึกเซ็งยังไงไม่รู้ที่จู่ๆ ฟ้าประทานก็เขียนอีเมล์กลับมาขอ ID Line จากเธอ เขาอ้างว่าสะดวกในการติดต่อมากกว่าการส่งอีเมล์“วันนี้...คัมขี้เกียจมากเลยนะคะ” คัมซาเขียนอีเมล์กลับไป เพราะไม่อยากให้ ID Line เธอจะละเอียดเรื่องการเพิ่มคนโน้นคนนี้เข้ามาใน Line ส่วนตัว ทุกวันนี้มากจนหลายข้อความไม่เคยเปิดอ่านนอกจากลบทิ้ง“ผม...ต้องการช่องทางติดต่อที่สะดวกและเร็วที่สุด” ฟ้าประทานส่งอีเมล์กลับมาทันที คัมซาเห็นการแจ้งเตือนจากในมือถือ ‘ลำบากใจ...และรู้สึกหดหู่ยังไงไม่รู้...’ คัมซาไม่มีเรี่ยวแรงที่จะทำอะไร เธอได้แต่ครุ่นคิดคำพูดประโยคนั้น“ฉัน...ไม่ได้ปล่อยให้เธอทำหน้าที่นี้นานหรอกนะ...” คัมซาได้รับข้อความจากไลน์ของโรซ ในวันรุ่งขึ้นหลังจากที่นายหน้าขาวมาพบเธอที่บ้าน‘ไม่เข้าใจว่า เคลียร์กันภาษาอะไร...ฉันก็ยังถูกรังควานอยู่ดี’ คัมซาอยากลาออกจากบริษัทและเตรียมตัวไปเรียนต่อ เธอคิดว่าน่าจะเป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุด“คัม...เข้าใจว่าคุณฟ้าเคลียร์กับคุณโรซแล้ว” คัมซาไม่ลดรา เธอไม่ใช่ฝ่ายผิด จะมารังควานเธอไม่หยุดหย่อน ก็ไม่แฟร์สักเท่าไหร่“เคลียร์แล้ว... ฉันให้เวลาเธอแค่สามเดือน...” ข้อความตอบกลับมาแบบ
ผ่านไปราวหนึ่งเดือนครึ่ง ผลงานของคัมซาที่รับทำหน้าที่นี้ ซึ่งเธอเรียกแบบขำๆ ว่า ‘นางผู้พิทักษ์หนุ่มอ้วน’ ทำให้ฟ้าประทานน้ำหนักลด..ลงมาได้ถึง 8 กก. เกินเป้าหมายถึง 1 กก. ถือว่าเธอสร้างผลงานชิ้นโบว์แดงให้กับตนเองอย่างชื่นใจ และยังชื่นชมความมีวินัยทั้งใจสู้ของเขามากมาย จนมีข้อความในไลน์มาถึงเธอเมื่อคืนวานว่า เขาจะมารับเธอเย็นนี้ที่บ้าน 5 โมงเย็น ซึ่งตั้งแต่วันนั้นที่เขามารับเธอไปทำบุญวันเกิด เขาก็ไม่ได้ให้เธอต้องทำหน้าที่เป็นผู้ติดตามบ่อยนัก ส่วนมากทุกครั้งเธอจะขับมอเตอร์ไซค์ไปเจอเขาที่ยิมบ้างหรือไม่ก็ที่อุทยานบ้าง ระยะหลังฟ้าประทานจะมีงานยุ่งมากจนแทบไม่มีเวลาได้พูดคุยกับเธอ เขาไม่เคยส่งข้อความอะไร นอกจากส่งเอกสารที่เป็นตารางเพื่อให้เขากรอกกลับมา ซึ่งคัมซาเรียกว่า ‘ทำการบ้าน’ เธอรู้สึกสบายใจมากกับการที่เขาไม่เข้ามาวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวของเธอเกือบสองเดือนเขากดกระดิ่งที่ประตูรั้ว แม่เหมือนกุลีกุจอมากกว่าคัมซาเสียอีก ออกไปเปิดประตูด้านข้างให้เขาเดินเข้ามา“วันนี้ผมจะมาส่งดึกหน่อยนะครับ ประมาณ 4 ทุ่มครึ่งถึง 5 ทุ่ม” คัมซาได้ยินเขาเอ่ยประโยคแบบเดิมๆ นี้กับแม่ เธอเข้าใจเลยว่าเหมือนเป็นประโยค
ต้นเดือนที่สามกับภารกิจของ ‘นางผู้พิทักษ์หนุ่มอ้วน’ ประสบผลสำเร็จอย่างงดงาม เมื่อคัมซาได้รับคำชมมากมายจากเขา ซึ่งเธอเคยให้ฉายาว่า ‘นายหน้าเรียบ...เฉยเมยเหมือนกระดาษ A’ น้ำหนักของเขาลดลงมาเหลือ 75 กก. แม้จะยังไม่ถึงเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 69-72 กก. ก็ตาม แต่ในวันนี้เขาดูมีความสุขกับหุ่นที่ดูเฟิร์ม มีกล้ามเนื้อ เขาหล่อขึ้นผิดไปจากเดิม...แปลงร่างกลายเป็นหนุ่มรูปงามภายในระยะเวลาอันสั้น เหมือนดังนิยาย...เจ้าชายหมูอ้วน Piggy Prince คัมซาก็เลยนึกตั้งชื่อให้เขาอีกชื่อหนึ่ง นอกจาก... ‘นายหน้าขาวเรียบ...เฉยเมยเหมือนกระดาษ A4’“ผมดูกระจกทุกวัน ขอบคุณมากนะครับ” ฟ้าประทานส่งสติ๊กเกอร์น่ารักมีเสียงคำพูด ขอบคุณอยู่ในนั้นมาที่ Line ของคัมซาเมื่อคืนก่อน“ยินดีด้วยที่สามารถมาได้ขนาดนี้...นะคะ” คัมซาตอบกลับไปสั้นๆ พร้อมส่งสติ๊กเกอร์เป็นรูปแสดงความยินดี“ผมมีงานวิ่ง VIP สำหรับผู้บริหาร อยากให้คุณเข้าร่วม...นะครับ” ฟ้าประทานเขียนสั้นๆ แล้วส่งข้อความประชาสัมพันธ์เป็นรายละเอียดให้ และแจ้งคัมซาว่าทางบริษัทของเขาจะดำเนินการจองและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด คัมซาอยากเข้าร่วมงานนี้ ด้วยเหตุผลประการเดียวคือ ต้อ
งานวิวาห์ของฟ้าประทานและคัมซาจัดขึ้นท่ามกลางสวนสวยหน้าหอคำหลวงของอุทยานหลวงราชพฤกษ์ บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยกลิ่นอายของสไตล์การตกแต่งแบบล้านนา ซุ้มที่เป็นเต้นท์สีขาวตกแต่งด้วยโคมและตุงประดับพลิ้วไหวไปตามลม...มองเห็นแต่ไกลจากอีกฟาก เหมือนพิธีของเหล่าทวยเทพ ณ แดนสวรรค์ฟ้าประทานต้องการจำกัดจำนวนแขกของทั้งสองฝ่าย เขาเคยทำผิดพลาดมาแล้วและไม่ต้องการให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำสอง คัมซาและฟ้าประทานอยู่ในชุดแบบล้านนาประยุกต์สีเหลืองทองช่วงเช้าที่เป็นพิธีหมั้น ส่วนช่วงค่ำเป็นชุดสากลผ้าไหมสีขาวทั้งเขาและเธอก่อนงานเลี้ยงช่วงค่ำ มีการฉายวีดิทัศน์นำเสนอความเป็นมาของเขาและเธอ คัมซาปลื้มใจว่า เขาช่างเป็นคนละเมียดละไมอย่างไม่น่าเชื่อ ตัดต่อภาพของอุทยานแห่งนี้ที่เขาและเธอพบกันตั้งแต่วันนั้น ...วันที่เขายังมีหุ่นอวบอ้วนจนบัดนี้กลายร่างเป็นหนุ่มหุ่นเพรียวลมสมกับหัวใจที่เด็ดเดี่ยวของเขา คัมซาแปลกใจที่เขาเก็บภาพเธอวันนั้นตรงสิงโตหินคู่หน้าศาลาว่าการ “Council House” ถึงบางอ้อ...ก็วันนี้นี่เอง เขานำมาโชว์หลายต่อหลายภาพ ที่คัมซาถูกแอบถ่ายที่นั่น และยังมีแอบอัดตอนเธออธิบายเรื่องตำนานรักของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 ตั
ตอนอยู่ในรถกับหนุ่มคนนี้ คัมซารู้สึกประหลาดๆ ว่า เธอคุยกับฟ้าประทาน เธอแอบหยิกมือตลอดว่า ฝันไปหรือเปล่า ยังอยู่ในโลกใบนี้...อยู่นะ ไม่ใช่อยู่ในมิติไหน“คุณรู้ไหม...ผมอึดอัดขนาดไหนที่เห็นคุณที่นั่น” คัมซามองหน้าเขา...ตกใจที่เขาพูดภาษาไทยได้“เอ้า...คุณพูดภาษาไทย...ด้าย” คัมซาลืมตัวโพล่งออกไป จะดีใจหรือตกใจกันแน่ เธอยังไม่เข้าใจตนเอง“ใช่...ผมนี่แหละคนไทย” เธอนึก ‘เฮ้ย...มันยังไงกัน ใส่หน้ากากมาไหมเนี่ย ให้ฉันสงสัยอยู่ได้’“แล้วยังไงกันล่ะคะ...ไอ crazy head จะบ้าตายแล้วนะคะ สับสน confused เรื่องคุณ” คัมซาก็ยังพูดภาษาอังกฤษไปด้วย เธอคิด ‘ชีวิตนี้ตลกสิ้นดีมาเจอเรื่องประหลาดได้ขนาดนี้’“ผมคิดถึงคุณตลอด...นะ Kumsa” เขาใช้ภาษาอังกฤษปนไทย น่ารักไปอีกแบบ จากไม่เจอกันสองปีกว่า ดูเขาเปลี่ยนไปเหมือนกัน“ผมรอดตายจากระเบิดที่ฟิลิปปินส์ครั้งนั้น นักธุรกิจที่ผมไปพบ เขาช่วยผมไว้” แววตาเขาเศร้ามาก คงอยากระบายอะไรต่างๆ นานา“ผมไม่รู้สึกตัวเป็นเดือน แล้วหน้าผมพังไม่มีชิ้นดี... ไมเคิลช่วยติดต่อคุณคิม พ่อของยูจิน เรื่องผ่าตัดใบหน้าผมใหม่” คัมซาฟังเรื่องของเขาเหมือนนิยายแอ็คชั่นที่เคยดู ....พระเอกผ่าตัดเปลี
เย็นวันรุ่งขึ้นเธอรอให้แดดร่มกว่านี้ ก่อนเริ่มวิ่ง...เลยขอวอร์มอัพสมองเล่นสักหน่อย...เธอหอบเอาเล่มวิทยานิพนธ์ร่างเดิมก่อนแก้ไขมาอ่านดูอีกครั้ง ที่เธอจ้างให้คนคนหนึ่งช่วยแก้ไขภาษาอังกฤษให้ โดยโปรเฟสเซอร์ของเธอเป็นคนจัดการ เธอคิดว่า... ‘จ้างก็ไม่น่าใช่เพราะไม่ได้จ่ายค่าตอบแทน’ “ผมขอดู...ได้ไหมครับ” คัมซาได้ยินเสียงพูดขึ้นข้างหลังเธอ หันไปก็เจอเขามายืนเก้ๆ กังๆ แอบมองเธออยู่ “เชิญค่ะ...นั่งตรงข้ามนี้ดีกว่านะคะ” คัมซาชี้ให้เขานั่งตรงกันข้ามเธอ แล้วเดินไปสั่งน้ำดื่มมาให้เขา“ผม...ว่าวิทยานิพนธ์ของคุณดีมากๆ เลย” คัมซาสงสัยว่าเขารู้ได้ยังไง“รู้ได้ยังไงคะ...ยังไม่ได้อ่านเลย...เนี่ยนะ” คัมซาทำหน้าไม่เข้าใจ หรือว่าเขาเป็นผู้วิเศษตาทิพย์สามารถเห็นตัวหนังสือในเล่มนี้ทั้งหมด“ก็ผม...เป็น reader อ่านให้คุณ...ดร.สมิธเป็นคนมอบเล่มนี้ให้ผมเอง” คัมซานึกในใจ อะไรมันจะแปลกได้ขนาดนั้น แล้วที่ไม่คิดเงินนี่ก็เป็นเขาแน่นอน “แล้วจะมาตามเก็บเงินถึงนี่...ใช่ไหมคะ...” เธอทำหน้าเหว๋อ...มีตัว ‘ง’ อยู่เต็มหน้าผาก เห็นแววตาเขาที่เหมือนจะยิ้มได้...สบตาเธอพอดี ยิ่งทำให้คัมซา... งง ...หนักเข้าไปอีก ‘ช่างเหมือนแววต
หลังจากคัมซาบินกลับมาได้ไม่นาน เธออยากกลับมารำลึกถึงความหลัง ณ ที่แห่งนั้นที่เธอเคยพบใครคนหนึ่ง ที่ทำให้ชีวิตเธอต้องเข้าไปผูกพันกับเขาด้วยเรื่องสุขภาพ การออกกำลังกายและการควบคุมอาหาร มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายเกี่ยวกับเขาที่เข้ามาอยู่ในใจเธอ คิดถึง...กังวลใจ...เสมอ อยากเห็นหน้าเขา ไม่ว่าเขาจะจากเธอไปแล้วหรือว่าหายสาบสูญไปจากโลกนี้ เธอก็ยังอยากได้เห็นหน้าเขา...แม้ในฝันก็ตาม ถึงเขาจะไม่ใยดีกับเธอ ถึงเขาจะไม่เห็นเธออยู่ในสายตา ถึงเขาจะไม่แคร์เธอก็ตาม คัมซาบอกกับใจว่า ‘ฉันยังมีนายอยู่ในหัวใจของฉันเสมอ ไม่เคยลืมวันนั้นเลย’ เธอนึกถึงวันแรกที่เจอฟ้าประทานหกล้มหน้าคะมำ...ที่อุทยานแห่งนี้ ‘หนุ่มอ้วนหน้าอวบขาวจั๊ว...เรียบเฉยเมยเหมือนกระดาษ A4’ เหตุการณ์ต่างๆ ที่ชักนำให้เธอเข้าไปพัวพันกับชีวิตของเขา จนติดกับดักรัก...สลัดอย่างไรก็ไม่หลุด..ฉุดกระชากอย่างไรก็ไม่ออกไปจากใจได้คัมซาพักวิ่งไปนานสองปีกว่า เพราะอยู่ที่แคมปัสหมกมุ่นกับตำราจนเธอรู้สึกว่าตัวโตกว่าหัว น้ำหนักเธอขึ้นมาเกือบ 4 กก. จะกลับมาฟิตหุ่นให้เฟิร์มเหมือนเดิม กลับมาสู่โหมดเดิมที่เห็นแสงแดดแผดเผาเกือบตลอดทั้งปี ทำให้มีชีวิตชีวาขึ้นกว่าต
พอถึงโรงแรมหลังจากเช็คอินแล้ว ต่างคนต่างเข้าพักห้องตนเองด้วยความเหน็ดเหนื่อย ไมเคิลนัดเจอที่ลอบบี้ 9 โมงเช้า หลังจากกินข้าวที่โรงแรมแล้วจะเดินไปชมหอไอเฟลซึ่งไม่ไกลจากโรงแรม “หอไอเฟล...นี่สร้างในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม น่าจะเป็นงาน World Expo ที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ เพื่อให้โลกเห็นถึงความยิ่งใหญ่ของประเทศนี้....Right?” ไมเคิลมองคัมซาที่กำลังตั้งใจฟังเขาอยู่ แต่พี่เดียวเหมือนไม่สนใจฟัง เดินแยกไปถ่ายรูปคนเดียว จนคัมซาเองรู้สึกไม่สบายใจ“Kumsa...ยูเดินตามไปช่วยถ่ายรูปให้เดียวเถอะ...ผมจะไปซื้อตั๋วขึ้นไปชมข้างบน” ไมเคิลไปจัดการซื้อตั๋วให้ทุกคน คัมซาสังเกตเห็นว่าเขาก็รู้สึกไม่สบายใจเหมือนกัน“พี่เดียวคะ...คัมช่วยถ่ายรูปให้นะคะ” คัมซาสงสารพี่เดียวขึ้นมาจับใจ เขากลายเป็นคนเซื่องซึมอย่างไม่น่าเชื่อ เธอเองไม่รู้จะทำยังไงดี ถ้าพูดอะไรกระทบไมเคิล เธออาจเสียเพื่อนที่ดีอย่างเขาไปชั่วชีวิตเลยก็ได้“จากที่นี่...เราจะไปไหนกันต่อ...รึ..คัม” พี่เดียวถามแบบเนือยๆ “ไม่รู้เหมือนกันค่ะ...” คัมซาตอบแบบสิ้นคิด เพราะไมเคิลทำตัวเป็นผู้จัดการโปรแกรมทั้งหมด และเขาจะเปลี่ยนโปรแกรมได้ตามความเหมาะสมของเวลาอีกด้วย ทำให้
จากที่ซัลลิสเบอรี่ ไมเคิลขับรถเลยไปถึงบริสโตล เป็นเมืองท่าทางตอนใต้ใกล้มหาสมุทรแอตแลนติค วันนี้ค่อนข้างมีแสงแดดและอบอุ่นไม่ขมุกขมัวหมอกปกคลุม Hazy เหมือนที่ลอนดอน ตอนที่ไมเคิลขับรถข้ามสะพานแขวนคลิฟตัน เขาก็พูดว่า ข้ามแม่น้ำสายโรแมนติก ...เมืองนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเอวอน เขาพาเราไปชมท่าเรือซึ่งเป็นที่ขนถ่ายสินค้ามาแต่โบราณ ไปดูเรือกลไฟเก่าแก่ที่ทอดสมอให้นักท่องเที่ยวได้โพสต์ท่าถ่ายรูป“เมืองนี้สวยงามน่าอยู่นะ...คัม” พี่เดียวพูดตอนที่ลงเดินไปท่าเรือกัน วิวสองข้างทางใบไม้เปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง ‘นี่แหละคือความงดงามของยุโรป’ คัมซาพูดกับตนเองเบาๆ“ออกจากที่นี่ไม่ไกล...ผมจะไปแวะ St. Nicolas Market ตลาดเซนต์นิโคลัส” คัมซามองนาฬิกาเห็นว่าใกล้เที่ยง ไมเคิลคงพาทุกคนไปแวะกินข้าวเที่ยงด้วยเลย วันนี้มีผักผลไม้มาวางขายสดๆ ซึ่งแต่ละร้านผักผลไม้สีสวยมาก และมีร้านดอกไม้เรียงรายสลับกันไปด้วย“ผมจะแวะร้านอาหารที่นี่ด้วยเลย...นะครับ” คัมซาเห็นเขาเดินนำหน้าไปเพื่อหาร้านอาหารที่น่าจะราคาไม่สูงนัก “เดียว...คุณลองนี้สิ...ซอมเมอร์เซตไซเดอร์” คัมซาได้ยินไมเคิลบอกว่ามันคือน้ำผลไม้หมักแอลกอฮอล์ต่ำ ที่เรียกว่า
คัมซาแจ้งกำหนดการส่งข้อความไปในไลน์ของพี่เดียว ว่าให้มาถึงกลางเดือนตุลาคมเธอจะนั่งรถโค้ชล่วงหน้าไปหาที่พักที่ลอนดอนก่อน เพราะว่าพี่เดียวไม่เคยมาอังกฤษเลย เขาเป็นเหมือนพี่ชาย ซึ่งเธอก็อดกังวลแทนไม่ได้“พี่เดียวขา คัม...ขอเช็คว่าพี่เดียวขอวีซ่าอังกฤษและเชงเก้นแล้วนะคะ” คัมซาเขียนถามไปก่อนหน้านี้หลายสัปดาห์แล้ว“ครับ...ผม ก็เราจะไปปารีสด้วยไม่ใช่รึ” พี่เดียวย้ำว่าต้องเข้า...ฝรั่งเศส“ค่า...นึกว่าลืมล่ะ...ไม่เห็นพูดถึง” คัมซาอยากให้เขาได้ตรวจดูให้แน่ใจ เพราะสองประเทศนี้ต้องขอวีซ่าแยกกันคัมซาไปยืนรอรับพี่เดียวที่สนามบินฮีทโธรว์ และจะพาเขาขึ้นรถไฟใต้ดินแบบเฟริ์สคลาส ลงสถานีแพดดิ้งตัน ซึ่งเธอจองโรงแรมแถวนี้ไว้ เพราะเดินทางไปเที่ยวที่ต่างๆ สะดวกและมีร้านอาหารอยู่ใกล้ๆ เธอเห็นพี่เดียวโผล่หน้าออกมาตรงจุดนัดพบของสนามบิน เห็นผู้ชายอีกคนเดินลากกระเป๋าออกมาแต่หันหลังให้เธออยู่ กำลังใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปเข้าไปข้างใน“เอ้า...Hi…ไมเคิล ทำไมมากับพี่เดียวรึคะ” คัมซาถามอย่างแปลกใจ “ผมก็อยากมาเที่ยวถิ่นเก่า my old place บ้างสิครับ” ไมเคิลทำตาหวานเยิ้มให้คัมซา เธอคิดว่าต้องรับศึกหนักระหว่างสองหนุ่มนี้...ส
พอมาถึงปราสาทนอตติงแฮม...ซึ่งขณะเดินพาทุกคนเข้าชมภายใน คัมซาได้เล่าถึงความเป็นมาในอดีตของปราสาทหิน ซึ่งมีความสูงมากเพราะในยุคกลางใช้เป็นป้อมปราการป้องกันข้าศึกและเป็นตำหนักที่ประทับของกษัตริย์ด้วย สร้างขึ้นในยุคแรกของพวกนอร์แมนโดยพระเจ้าวิลเลี่ยมที่หนึ่ง ต่อมาพระเจ้าเฮนรี่ที่ 2 ได้สั่งให้เปลี่ยนโครงสร้างจากเดิมที่เป็นไม้มาเป็นหินเพื่อความแข็งแรงในการป้องกันข้าศึกหนุ่มเกาหลีนายนี้ไม่ค่อยซักถามเท่าไหร่ น่าจะไม่สนใจประวัติความเป็นมาของปราสาทนี้ สถานที่แห่งหนึ่งที่เขาสนใจถ่ายรูปและถามเธอหลายคำถามคือ ป่าเชอร์วูด เป็นสถานที่ที่หลายคนชอบมาถ่ายรูปกับจอมโจรอันเป็นตำนานเล่าขานมาอย่างยาวนาน “เราจะออกจากที่นี่ แล้วไปหมู่บ้าน Enwinstowe เอนวินสโตว์ ที่ป่าเชอร์วูด นอกเมืองไกลจากนี่ประมาณ...” คัมซาถามคนขับรถว่ากี่ไมล์ “ค่ะ 17 ไมล์...” คัมซาไม่หันหลังไป กลัวว่าจะถูกนายฟรานซ์มองแบบตำหนิว่าเธอไม่หาข้อมูลมาก่อน“คุณ...รู้จักโรบินฮู๊ดไหมครับ” คุณคิมถามคัมซา...เธอรู้สึกเป็นมิตรกับผู้ใหญ่คนนี้มากกว่าหนุ่มหน้าขาวหลานชายของเขา“อ๋อ...ค่ะ พอรู้จักบ้างเพราะเป็น local story” คัมซาคิดว่ามันเป็นเรื่องเล่าตำนาน
ระหว่างที่อยู่ในรถลิมูซีน คัมซาอธิบายประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น เมืองนี้อยู่ในมณฑลนอตติงแฮมเชียร์ และอยู่ในเขตปกครองของมิดแลนด์ตะวันออก ประชากรที่นี่ประมาณ 2 แสนกว่าคน ค่าครองชีพของเมืองนี้น่าจะถูกที่สุด และคนเอเชียนิยมมาเรียนหนังสือที่นี่มากที่สุด มีแม่น้ำเทรนต์ Trent River เป็นแม่น้ำประจำเมืองนี้ ซึ่งรถก็จะผ่านสะพานข้ามแม่น้ำนี้ด้วย สำหรับโปรแกรมวันนี้มี 4 แห่ง คือ ปราสาทนอตติงแฮม ป่าเชอร์วูดซึ่งมีตำนานของโรบินฮู๊ด มหาวิหารเซาธ์เวลส์ และบ้านเกิดของ D.H.Lawrence ซึ่งเป็นนักเขียนนิยายเจ้าของผลงานที่โด่งดังรู้จักกันดี คือ เรื่องชู้รักเลดี้แชตเตอเลย์ Lady Chatterley’s Lover คัมซาพูดเร็วรัว กลัวว่าจะถูกซัก ซึ่งเธออาจจะไม่มีข้อมูลรายละเอียดให้ ‘ฉัน...ใหม่มากเลย และรู้สถานที่แต่ละแห่งก็น้อยมาก จะไปชมพร้อมกับพวกคุณนั่นแหล่ะ เป็นครั้งแรก... เหมือนกัน’ เธอตื่นเต้นใจสั่น...เคยทำงานมาก่อนก็จริง แต่ครั้งนี้คัมซาก็ไม่เข้าใจตัวเองว่า ทำไมความรู้สึกมันถึงเป็นแบบนี้...“Is tomorrow’s visit to U of N? พรุ่งนี้ไปมหาวิทยาลัยนอตติงแฮมใช่ไหม...” เสียงของฟรานซ์แทรกขึ้นมาขณะคัมซาอธิบายโปรแกรมยังไม่จบ“ใช่