พอมาถึงปราสาทนอตติงแฮม...ซึ่งขณะเดินพาทุกคนเข้าชมภายใน คัมซาได้เล่าถึงความเป็นมาในอดีตของปราสาทหิน ซึ่งมีความสูงมากเพราะในยุคกลางใช้เป็นป้อมปราการป้องกันข้าศึกและเป็นตำหนักที่ประทับของกษัตริย์ด้วย สร้างขึ้นในยุคแรกของพวกนอร์แมนโดยพระเจ้าวิลเลี่ยมที่หนึ่ง ต่อมาพระเจ้าเฮนรี่ที่ 2 ได้สั่งให้เปลี่ยนโครงสร้างจากเดิมที่เป็นไม้มาเป็นหินเพื่อความแข็งแรงในการป้องกันข้าศึกหนุ่มเกาหลีนายนี้ไม่ค่อยซักถามเท่าไหร่ น่าจะไม่สนใจประวัติความเป็นมาของปราสาทนี้ สถานที่แห่งหนึ่งที่เขาสนใจถ่ายรูปและถามเธอหลายคำถามคือ ป่าเชอร์วูด เป็นสถานที่ที่หลายคนชอบมาถ่ายรูปกับจอมโจรอันเป็นตำนานเล่าขานมาอย่างยาวนาน “เราจะออกจากที่นี่ แล้วไปหมู่บ้าน Enwinstowe เอนวินสโตว์ ที่ป่าเชอร์วูด นอกเมืองไกลจากนี่ประมาณ...” คัมซาถามคนขับรถว่ากี่ไมล์ “ค่ะ 17 ไมล์...” คัมซาไม่หันหลังไป กลัวว่าจะถูกนายฟรานซ์มองแบบตำหนิว่าเธอไม่หาข้อมูลมาก่อน“คุณ...รู้จักโรบินฮู๊ดไหมครับ” คุณคิมถามคัมซา...เธอรู้สึกเป็นมิตรกับผู้ใหญ่คนนี้มากกว่าหนุ่มหน้าขาวหลานชายของเขา“อ๋อ...ค่ะ พอรู้จักบ้างเพราะเป็น local story” คัมซาคิดว่ามันเป็นเรื่องเล่าตำนาน
คัมซาแจ้งกำหนดการส่งข้อความไปในไลน์ของพี่เดียว ว่าให้มาถึงกลางเดือนตุลาคมเธอจะนั่งรถโค้ชล่วงหน้าไปหาที่พักที่ลอนดอนก่อน เพราะว่าพี่เดียวไม่เคยมาอังกฤษเลย เขาเป็นเหมือนพี่ชาย ซึ่งเธอก็อดกังวลแทนไม่ได้“พี่เดียวขา คัม...ขอเช็คว่าพี่เดียวขอวีซ่าอังกฤษและเชงเก้นแล้วนะคะ” คัมซาเขียนถามไปก่อนหน้านี้หลายสัปดาห์แล้ว“ครับ...ผม ก็เราจะไปปารีสด้วยไม่ใช่รึ” พี่เดียวย้ำว่าต้องเข้า...ฝรั่งเศส“ค่า...นึกว่าลืมล่ะ...ไม่เห็นพูดถึง” คัมซาอยากให้เขาได้ตรวจดูให้แน่ใจ เพราะสองประเทศนี้ต้องขอวีซ่าแยกกันคัมซาไปยืนรอรับพี่เดียวที่สนามบินฮีทโธรว์ และจะพาเขาขึ้นรถไฟใต้ดินแบบเฟริ์สคลาส ลงสถานีแพดดิ้งตัน ซึ่งเธอจองโรงแรมแถวนี้ไว้ เพราะเดินทางไปเที่ยวที่ต่างๆ สะดวกและมีร้านอาหารอยู่ใกล้ๆ เธอเห็นพี่เดียวโผล่หน้าออกมาตรงจุดนัดพบของสนามบิน เห็นผู้ชายอีกคนเดินลากกระเป๋าออกมาแต่หันหลังให้เธออยู่ กำลังใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปเข้าไปข้างใน“เอ้า...Hi…ไมเคิล ทำไมมากับพี่เดียวรึคะ” คัมซาถามอย่างแปลกใจ “ผมก็อยากมาเที่ยวถิ่นเก่า my old place บ้างสิครับ” ไมเคิลทำตาหวานเยิ้มให้คัมซา เธอคิดว่าต้องรับศึกหนักระหว่างสองหนุ่มนี้...ส
จากที่ซัลลิสเบอรี่ ไมเคิลขับรถเลยไปถึงบริสโตล เป็นเมืองท่าทางตอนใต้ใกล้มหาสมุทรแอตแลนติค วันนี้ค่อนข้างมีแสงแดดและอบอุ่นไม่ขมุกขมัวหมอกปกคลุม Hazy เหมือนที่ลอนดอน ตอนที่ไมเคิลขับรถข้ามสะพานแขวนคลิฟตัน เขาก็พูดว่า ข้ามแม่น้ำสายโรแมนติก ...เมืองนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเอวอน เขาพาเราไปชมท่าเรือซึ่งเป็นที่ขนถ่ายสินค้ามาแต่โบราณ ไปดูเรือกลไฟเก่าแก่ที่ทอดสมอให้นักท่องเที่ยวได้โพสต์ท่าถ่ายรูป“เมืองนี้สวยงามน่าอยู่นะ...คัม” พี่เดียวพูดตอนที่ลงเดินไปท่าเรือกัน วิวสองข้างทางใบไม้เปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง ‘นี่แหละคือความงดงามของยุโรป’ คัมซาพูดกับตนเองเบาๆ“ออกจากที่นี่ไม่ไกล...ผมจะไปแวะ St. Nicolas Market ตลาดเซนต์นิโคลัส” คัมซามองนาฬิกาเห็นว่าใกล้เที่ยง ไมเคิลคงพาทุกคนไปแวะกินข้าวเที่ยงด้วยเลย วันนี้มีผักผลไม้มาวางขายสดๆ ซึ่งแต่ละร้านผักผลไม้สีสวยมาก และมีร้านดอกไม้เรียงรายสลับกันไปด้วย“ผมจะแวะร้านอาหารที่นี่ด้วยเลย...นะครับ” คัมซาเห็นเขาเดินนำหน้าไปเพื่อหาร้านอาหารที่น่าจะราคาไม่สูงนัก “เดียว...คุณลองนี้สิ...ซอมเมอร์เซตไซเดอร์” คัมซาได้ยินไมเคิลบอกว่ามันคือน้ำผลไม้หมักแอลกอฮอล์ต่ำ ที่เรียกว่า
พอถึงโรงแรมหลังจากเช็คอินแล้ว ต่างคนต่างเข้าพักห้องตนเองด้วยความเหน็ดเหนื่อย ไมเคิลนัดเจอที่ลอบบี้ 9 โมงเช้า หลังจากกินข้าวที่โรงแรมแล้วจะเดินไปชมหอไอเฟลซึ่งไม่ไกลจากโรงแรม “หอไอเฟล...นี่สร้างในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม น่าจะเป็นงาน World Expo ที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ เพื่อให้โลกเห็นถึงความยิ่งใหญ่ของประเทศนี้....Right?” ไมเคิลมองคัมซาที่กำลังตั้งใจฟังเขาอยู่ แต่พี่เดียวเหมือนไม่สนใจฟัง เดินแยกไปถ่ายรูปคนเดียว จนคัมซาเองรู้สึกไม่สบายใจ“Kumsa...ยูเดินตามไปช่วยถ่ายรูปให้เดียวเถอะ...ผมจะไปซื้อตั๋วขึ้นไปชมข้างบน” ไมเคิลไปจัดการซื้อตั๋วให้ทุกคน คัมซาสังเกตเห็นว่าเขาก็รู้สึกไม่สบายใจเหมือนกัน“พี่เดียวคะ...คัมช่วยถ่ายรูปให้นะคะ” คัมซาสงสารพี่เดียวขึ้นมาจับใจ เขากลายเป็นคนเซื่องซึมอย่างไม่น่าเชื่อ เธอเองไม่รู้จะทำยังไงดี ถ้าพูดอะไรกระทบไมเคิล เธออาจเสียเพื่อนที่ดีอย่างเขาไปชั่วชีวิตเลยก็ได้“จากที่นี่...เราจะไปไหนกันต่อ...รึ..คัม” พี่เดียวถามแบบเนือยๆ “ไม่รู้เหมือนกันค่ะ...” คัมซาตอบแบบสิ้นคิด เพราะไมเคิลทำตัวเป็นผู้จัดการโปรแกรมทั้งหมด และเขาจะเปลี่ยนโปรแกรมได้ตามความเหมาะสมของเวลาอีกด้วย ทำให้
หลังจากคัมซาบินกลับมาได้ไม่นาน เธออยากกลับมารำลึกถึงความหลัง ณ ที่แห่งนั้นที่เธอเคยพบใครคนหนึ่ง ที่ทำให้ชีวิตเธอต้องเข้าไปผูกพันกับเขาด้วยเรื่องสุขภาพ การออกกำลังกายและการควบคุมอาหาร มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายเกี่ยวกับเขาที่เข้ามาอยู่ในใจเธอ คิดถึง...กังวลใจ...เสมอ อยากเห็นหน้าเขา ไม่ว่าเขาจะจากเธอไปแล้วหรือว่าหายสาบสูญไปจากโลกนี้ เธอก็ยังอยากได้เห็นหน้าเขา...แม้ในฝันก็ตาม ถึงเขาจะไม่ใยดีกับเธอ ถึงเขาจะไม่เห็นเธออยู่ในสายตา ถึงเขาจะไม่แคร์เธอก็ตาม คัมซาบอกกับใจว่า ‘ฉันยังมีนายอยู่ในหัวใจของฉันเสมอ ไม่เคยลืมวันนั้นเลย’ เธอนึกถึงวันแรกที่เจอฟ้าประทานหกล้มหน้าคะมำ...ที่อุทยานแห่งนี้ ‘หนุ่มอ้วนหน้าอวบขาวจั๊ว...เรียบเฉยเมยเหมือนกระดาษ A4’ เหตุการณ์ต่างๆ ที่ชักนำให้เธอเข้าไปพัวพันกับชีวิตของเขา จนติดกับดักรัก...สลัดอย่างไรก็ไม่หลุด..ฉุดกระชากอย่างไรก็ไม่ออกไปจากใจได้คัมซาพักวิ่งไปนานสองปีกว่า เพราะอยู่ที่แคมปัสหมกมุ่นกับตำราจนเธอรู้สึกว่าตัวโตกว่าหัว น้ำหนักเธอขึ้นมาเกือบ 4 กก. จะกลับมาฟิตหุ่นให้เฟิร์มเหมือนเดิม กลับมาสู่โหมดเดิมที่เห็นแสงแดดแผดเผาเกือบตลอดทั้งปี ทำให้มีชีวิตชีวาขึ้นกว่าต
เย็นวันรุ่งขึ้นเธอรอให้แดดร่มกว่านี้ ก่อนเริ่มวิ่ง...เลยขอวอร์มอัพสมองเล่นสักหน่อย...เธอหอบเอาเล่มวิทยานิพนธ์ร่างเดิมก่อนแก้ไขมาอ่านดูอีกครั้ง ที่เธอจ้างให้คนคนหนึ่งช่วยแก้ไขภาษาอังกฤษให้ โดยโปรเฟสเซอร์ของเธอเป็นคนจัดการ เธอคิดว่า... ‘จ้างก็ไม่น่าใช่เพราะไม่ได้จ่ายค่าตอบแทน’ “ผมขอดู...ได้ไหมครับ” คัมซาได้ยินเสียงพูดขึ้นข้างหลังเธอ หันไปก็เจอเขามายืนเก้ๆ กังๆ แอบมองเธออยู่ “เชิญค่ะ...นั่งตรงข้ามนี้ดีกว่านะคะ” คัมซาชี้ให้เขานั่งตรงกันข้ามเธอ แล้วเดินไปสั่งน้ำดื่มมาให้เขา“ผม...ว่าวิทยานิพนธ์ของคุณดีมากๆ เลย” คัมซาสงสัยว่าเขารู้ได้ยังไง“รู้ได้ยังไงคะ...ยังไม่ได้อ่านเลย...เนี่ยนะ” คัมซาทำหน้าไม่เข้าใจ หรือว่าเขาเป็นผู้วิเศษตาทิพย์สามารถเห็นตัวหนังสือในเล่มนี้ทั้งหมด“ก็ผม...เป็น reader อ่านให้คุณ...ดร.สมิธเป็นคนมอบเล่มนี้ให้ผมเอง” คัมซานึกในใจ อะไรมันจะแปลกได้ขนาดนั้น แล้วที่ไม่คิดเงินนี่ก็เป็นเขาแน่นอน “แล้วจะมาตามเก็บเงินถึงนี่...ใช่ไหมคะ...” เธอทำหน้าเหว๋อ...มีตัว ‘ง’ อยู่เต็มหน้าผาก เห็นแววตาเขาที่เหมือนจะยิ้มได้...สบตาเธอพอดี ยิ่งทำให้คัมซา... งง ...หนักเข้าไปอีก ‘ช่างเหมือนแววต
ตอนอยู่ในรถกับหนุ่มคนนี้ คัมซารู้สึกประหลาดๆ ว่า เธอคุยกับฟ้าประทาน เธอแอบหยิกมือตลอดว่า ฝันไปหรือเปล่า ยังอยู่ในโลกใบนี้...อยู่นะ ไม่ใช่อยู่ในมิติไหน“คุณรู้ไหม...ผมอึดอัดขนาดไหนที่เห็นคุณที่นั่น” คัมซามองหน้าเขา...ตกใจที่เขาพูดภาษาไทยได้“เอ้า...คุณพูดภาษาไทย...ด้าย” คัมซาลืมตัวโพล่งออกไป จะดีใจหรือตกใจกันแน่ เธอยังไม่เข้าใจตนเอง“ใช่...ผมนี่แหละคนไทย” เธอนึก ‘เฮ้ย...มันยังไงกัน ใส่หน้ากากมาไหมเนี่ย ให้ฉันสงสัยอยู่ได้’“แล้วยังไงกันล่ะคะ...ไอ crazy head จะบ้าตายแล้วนะคะ สับสน confused เรื่องคุณ” คัมซาก็ยังพูดภาษาอังกฤษไปด้วย เธอคิด ‘ชีวิตนี้ตลกสิ้นดีมาเจอเรื่องประหลาดได้ขนาดนี้’“ผมคิดถึงคุณตลอด...นะ Kumsa” เขาใช้ภาษาอังกฤษปนไทย น่ารักไปอีกแบบ จากไม่เจอกันสองปีกว่า ดูเขาเปลี่ยนไปเหมือนกัน“ผมรอดตายจากระเบิดที่ฟิลิปปินส์ครั้งนั้น นักธุรกิจที่ผมไปพบ เขาช่วยผมไว้” แววตาเขาเศร้ามาก คงอยากระบายอะไรต่างๆ นานา“ผมไม่รู้สึกตัวเป็นเดือน แล้วหน้าผมพังไม่มีชิ้นดี... ไมเคิลช่วยติดต่อคุณคิม พ่อของยูจิน เรื่องผ่าตัดใบหน้าผมใหม่” คัมซาฟังเรื่องของเขาเหมือนนิยายแอ็คชั่นที่เคยดู ....พระเอกผ่าตัดเปลี
งานวิวาห์ของฟ้าประทานและคัมซาจัดขึ้นท่ามกลางสวนสวยหน้าหอคำหลวงของอุทยานหลวงราชพฤกษ์ บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยกลิ่นอายของสไตล์การตกแต่งแบบล้านนา ซุ้มที่เป็นเต้นท์สีขาวตกแต่งด้วยโคมและตุงประดับพลิ้วไหวไปตามลม...มองเห็นแต่ไกลจากอีกฟาก เหมือนพิธีของเหล่าทวยเทพ ณ แดนสวรรค์ฟ้าประทานต้องการจำกัดจำนวนแขกของทั้งสองฝ่าย เขาเคยทำผิดพลาดมาแล้วและไม่ต้องการให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำสอง คัมซาและฟ้าประทานอยู่ในชุดแบบล้านนาประยุกต์สีเหลืองทองช่วงเช้าที่เป็นพิธีหมั้น ส่วนช่วงค่ำเป็นชุดสากลผ้าไหมสีขาวทั้งเขาและเธอก่อนงานเลี้ยงช่วงค่ำ มีการฉายวีดิทัศน์นำเสนอความเป็นมาของเขาและเธอ คัมซาปลื้มใจว่า เขาช่างเป็นคนละเมียดละไมอย่างไม่น่าเชื่อ ตัดต่อภาพของอุทยานแห่งนี้ที่เขาและเธอพบกันตั้งแต่วันนั้น ...วันที่เขายังมีหุ่นอวบอ้วนจนบัดนี้กลายร่างเป็นหนุ่มหุ่นเพรียวลมสมกับหัวใจที่เด็ดเดี่ยวของเขา คัมซาแปลกใจที่เขาเก็บภาพเธอวันนั้นตรงสิงโตหินคู่หน้าศาลาว่าการ “Council House” ถึงบางอ้อ...ก็วันนี้นี่เอง เขานำมาโชว์หลายต่อหลายภาพ ที่คัมซาถูกแอบถ่ายที่นั่น และยังมีแอบอัดตอนเธออธิบายเรื่องตำนานรักของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 ตั
งานวิวาห์ของฟ้าประทานและคัมซาจัดขึ้นท่ามกลางสวนสวยหน้าหอคำหลวงของอุทยานหลวงราชพฤกษ์ บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยกลิ่นอายของสไตล์การตกแต่งแบบล้านนา ซุ้มที่เป็นเต้นท์สีขาวตกแต่งด้วยโคมและตุงประดับพลิ้วไหวไปตามลม...มองเห็นแต่ไกลจากอีกฟาก เหมือนพิธีของเหล่าทวยเทพ ณ แดนสวรรค์ฟ้าประทานต้องการจำกัดจำนวนแขกของทั้งสองฝ่าย เขาเคยทำผิดพลาดมาแล้วและไม่ต้องการให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำสอง คัมซาและฟ้าประทานอยู่ในชุดแบบล้านนาประยุกต์สีเหลืองทองช่วงเช้าที่เป็นพิธีหมั้น ส่วนช่วงค่ำเป็นชุดสากลผ้าไหมสีขาวทั้งเขาและเธอก่อนงานเลี้ยงช่วงค่ำ มีการฉายวีดิทัศน์นำเสนอความเป็นมาของเขาและเธอ คัมซาปลื้มใจว่า เขาช่างเป็นคนละเมียดละไมอย่างไม่น่าเชื่อ ตัดต่อภาพของอุทยานแห่งนี้ที่เขาและเธอพบกันตั้งแต่วันนั้น ...วันที่เขายังมีหุ่นอวบอ้วนจนบัดนี้กลายร่างเป็นหนุ่มหุ่นเพรียวลมสมกับหัวใจที่เด็ดเดี่ยวของเขา คัมซาแปลกใจที่เขาเก็บภาพเธอวันนั้นตรงสิงโตหินคู่หน้าศาลาว่าการ “Council House” ถึงบางอ้อ...ก็วันนี้นี่เอง เขานำมาโชว์หลายต่อหลายภาพ ที่คัมซาถูกแอบถ่ายที่นั่น และยังมีแอบอัดตอนเธออธิบายเรื่องตำนานรักของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 ตั
ตอนอยู่ในรถกับหนุ่มคนนี้ คัมซารู้สึกประหลาดๆ ว่า เธอคุยกับฟ้าประทาน เธอแอบหยิกมือตลอดว่า ฝันไปหรือเปล่า ยังอยู่ในโลกใบนี้...อยู่นะ ไม่ใช่อยู่ในมิติไหน“คุณรู้ไหม...ผมอึดอัดขนาดไหนที่เห็นคุณที่นั่น” คัมซามองหน้าเขา...ตกใจที่เขาพูดภาษาไทยได้“เอ้า...คุณพูดภาษาไทย...ด้าย” คัมซาลืมตัวโพล่งออกไป จะดีใจหรือตกใจกันแน่ เธอยังไม่เข้าใจตนเอง“ใช่...ผมนี่แหละคนไทย” เธอนึก ‘เฮ้ย...มันยังไงกัน ใส่หน้ากากมาไหมเนี่ย ให้ฉันสงสัยอยู่ได้’“แล้วยังไงกันล่ะคะ...ไอ crazy head จะบ้าตายแล้วนะคะ สับสน confused เรื่องคุณ” คัมซาก็ยังพูดภาษาอังกฤษไปด้วย เธอคิด ‘ชีวิตนี้ตลกสิ้นดีมาเจอเรื่องประหลาดได้ขนาดนี้’“ผมคิดถึงคุณตลอด...นะ Kumsa” เขาใช้ภาษาอังกฤษปนไทย น่ารักไปอีกแบบ จากไม่เจอกันสองปีกว่า ดูเขาเปลี่ยนไปเหมือนกัน“ผมรอดตายจากระเบิดที่ฟิลิปปินส์ครั้งนั้น นักธุรกิจที่ผมไปพบ เขาช่วยผมไว้” แววตาเขาเศร้ามาก คงอยากระบายอะไรต่างๆ นานา“ผมไม่รู้สึกตัวเป็นเดือน แล้วหน้าผมพังไม่มีชิ้นดี... ไมเคิลช่วยติดต่อคุณคิม พ่อของยูจิน เรื่องผ่าตัดใบหน้าผมใหม่” คัมซาฟังเรื่องของเขาเหมือนนิยายแอ็คชั่นที่เคยดู ....พระเอกผ่าตัดเปลี
เย็นวันรุ่งขึ้นเธอรอให้แดดร่มกว่านี้ ก่อนเริ่มวิ่ง...เลยขอวอร์มอัพสมองเล่นสักหน่อย...เธอหอบเอาเล่มวิทยานิพนธ์ร่างเดิมก่อนแก้ไขมาอ่านดูอีกครั้ง ที่เธอจ้างให้คนคนหนึ่งช่วยแก้ไขภาษาอังกฤษให้ โดยโปรเฟสเซอร์ของเธอเป็นคนจัดการ เธอคิดว่า... ‘จ้างก็ไม่น่าใช่เพราะไม่ได้จ่ายค่าตอบแทน’ “ผมขอดู...ได้ไหมครับ” คัมซาได้ยินเสียงพูดขึ้นข้างหลังเธอ หันไปก็เจอเขามายืนเก้ๆ กังๆ แอบมองเธออยู่ “เชิญค่ะ...นั่งตรงข้ามนี้ดีกว่านะคะ” คัมซาชี้ให้เขานั่งตรงกันข้ามเธอ แล้วเดินไปสั่งน้ำดื่มมาให้เขา“ผม...ว่าวิทยานิพนธ์ของคุณดีมากๆ เลย” คัมซาสงสัยว่าเขารู้ได้ยังไง“รู้ได้ยังไงคะ...ยังไม่ได้อ่านเลย...เนี่ยนะ” คัมซาทำหน้าไม่เข้าใจ หรือว่าเขาเป็นผู้วิเศษตาทิพย์สามารถเห็นตัวหนังสือในเล่มนี้ทั้งหมด“ก็ผม...เป็น reader อ่านให้คุณ...ดร.สมิธเป็นคนมอบเล่มนี้ให้ผมเอง” คัมซานึกในใจ อะไรมันจะแปลกได้ขนาดนั้น แล้วที่ไม่คิดเงินนี่ก็เป็นเขาแน่นอน “แล้วจะมาตามเก็บเงินถึงนี่...ใช่ไหมคะ...” เธอทำหน้าเหว๋อ...มีตัว ‘ง’ อยู่เต็มหน้าผาก เห็นแววตาเขาที่เหมือนจะยิ้มได้...สบตาเธอพอดี ยิ่งทำให้คัมซา... งง ...หนักเข้าไปอีก ‘ช่างเหมือนแววต
หลังจากคัมซาบินกลับมาได้ไม่นาน เธออยากกลับมารำลึกถึงความหลัง ณ ที่แห่งนั้นที่เธอเคยพบใครคนหนึ่ง ที่ทำให้ชีวิตเธอต้องเข้าไปผูกพันกับเขาด้วยเรื่องสุขภาพ การออกกำลังกายและการควบคุมอาหาร มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายเกี่ยวกับเขาที่เข้ามาอยู่ในใจเธอ คิดถึง...กังวลใจ...เสมอ อยากเห็นหน้าเขา ไม่ว่าเขาจะจากเธอไปแล้วหรือว่าหายสาบสูญไปจากโลกนี้ เธอก็ยังอยากได้เห็นหน้าเขา...แม้ในฝันก็ตาม ถึงเขาจะไม่ใยดีกับเธอ ถึงเขาจะไม่เห็นเธออยู่ในสายตา ถึงเขาจะไม่แคร์เธอก็ตาม คัมซาบอกกับใจว่า ‘ฉันยังมีนายอยู่ในหัวใจของฉันเสมอ ไม่เคยลืมวันนั้นเลย’ เธอนึกถึงวันแรกที่เจอฟ้าประทานหกล้มหน้าคะมำ...ที่อุทยานแห่งนี้ ‘หนุ่มอ้วนหน้าอวบขาวจั๊ว...เรียบเฉยเมยเหมือนกระดาษ A4’ เหตุการณ์ต่างๆ ที่ชักนำให้เธอเข้าไปพัวพันกับชีวิตของเขา จนติดกับดักรัก...สลัดอย่างไรก็ไม่หลุด..ฉุดกระชากอย่างไรก็ไม่ออกไปจากใจได้คัมซาพักวิ่งไปนานสองปีกว่า เพราะอยู่ที่แคมปัสหมกมุ่นกับตำราจนเธอรู้สึกว่าตัวโตกว่าหัว น้ำหนักเธอขึ้นมาเกือบ 4 กก. จะกลับมาฟิตหุ่นให้เฟิร์มเหมือนเดิม กลับมาสู่โหมดเดิมที่เห็นแสงแดดแผดเผาเกือบตลอดทั้งปี ทำให้มีชีวิตชีวาขึ้นกว่าต
พอถึงโรงแรมหลังจากเช็คอินแล้ว ต่างคนต่างเข้าพักห้องตนเองด้วยความเหน็ดเหนื่อย ไมเคิลนัดเจอที่ลอบบี้ 9 โมงเช้า หลังจากกินข้าวที่โรงแรมแล้วจะเดินไปชมหอไอเฟลซึ่งไม่ไกลจากโรงแรม “หอไอเฟล...นี่สร้างในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม น่าจะเป็นงาน World Expo ที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ เพื่อให้โลกเห็นถึงความยิ่งใหญ่ของประเทศนี้....Right?” ไมเคิลมองคัมซาที่กำลังตั้งใจฟังเขาอยู่ แต่พี่เดียวเหมือนไม่สนใจฟัง เดินแยกไปถ่ายรูปคนเดียว จนคัมซาเองรู้สึกไม่สบายใจ“Kumsa...ยูเดินตามไปช่วยถ่ายรูปให้เดียวเถอะ...ผมจะไปซื้อตั๋วขึ้นไปชมข้างบน” ไมเคิลไปจัดการซื้อตั๋วให้ทุกคน คัมซาสังเกตเห็นว่าเขาก็รู้สึกไม่สบายใจเหมือนกัน“พี่เดียวคะ...คัมช่วยถ่ายรูปให้นะคะ” คัมซาสงสารพี่เดียวขึ้นมาจับใจ เขากลายเป็นคนเซื่องซึมอย่างไม่น่าเชื่อ เธอเองไม่รู้จะทำยังไงดี ถ้าพูดอะไรกระทบไมเคิล เธออาจเสียเพื่อนที่ดีอย่างเขาไปชั่วชีวิตเลยก็ได้“จากที่นี่...เราจะไปไหนกันต่อ...รึ..คัม” พี่เดียวถามแบบเนือยๆ “ไม่รู้เหมือนกันค่ะ...” คัมซาตอบแบบสิ้นคิด เพราะไมเคิลทำตัวเป็นผู้จัดการโปรแกรมทั้งหมด และเขาจะเปลี่ยนโปรแกรมได้ตามความเหมาะสมของเวลาอีกด้วย ทำให้
จากที่ซัลลิสเบอรี่ ไมเคิลขับรถเลยไปถึงบริสโตล เป็นเมืองท่าทางตอนใต้ใกล้มหาสมุทรแอตแลนติค วันนี้ค่อนข้างมีแสงแดดและอบอุ่นไม่ขมุกขมัวหมอกปกคลุม Hazy เหมือนที่ลอนดอน ตอนที่ไมเคิลขับรถข้ามสะพานแขวนคลิฟตัน เขาก็พูดว่า ข้ามแม่น้ำสายโรแมนติก ...เมืองนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเอวอน เขาพาเราไปชมท่าเรือซึ่งเป็นที่ขนถ่ายสินค้ามาแต่โบราณ ไปดูเรือกลไฟเก่าแก่ที่ทอดสมอให้นักท่องเที่ยวได้โพสต์ท่าถ่ายรูป“เมืองนี้สวยงามน่าอยู่นะ...คัม” พี่เดียวพูดตอนที่ลงเดินไปท่าเรือกัน วิวสองข้างทางใบไม้เปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง ‘นี่แหละคือความงดงามของยุโรป’ คัมซาพูดกับตนเองเบาๆ“ออกจากที่นี่ไม่ไกล...ผมจะไปแวะ St. Nicolas Market ตลาดเซนต์นิโคลัส” คัมซามองนาฬิกาเห็นว่าใกล้เที่ยง ไมเคิลคงพาทุกคนไปแวะกินข้าวเที่ยงด้วยเลย วันนี้มีผักผลไม้มาวางขายสดๆ ซึ่งแต่ละร้านผักผลไม้สีสวยมาก และมีร้านดอกไม้เรียงรายสลับกันไปด้วย“ผมจะแวะร้านอาหารที่นี่ด้วยเลย...นะครับ” คัมซาเห็นเขาเดินนำหน้าไปเพื่อหาร้านอาหารที่น่าจะราคาไม่สูงนัก “เดียว...คุณลองนี้สิ...ซอมเมอร์เซตไซเดอร์” คัมซาได้ยินไมเคิลบอกว่ามันคือน้ำผลไม้หมักแอลกอฮอล์ต่ำ ที่เรียกว่า
คัมซาแจ้งกำหนดการส่งข้อความไปในไลน์ของพี่เดียว ว่าให้มาถึงกลางเดือนตุลาคมเธอจะนั่งรถโค้ชล่วงหน้าไปหาที่พักที่ลอนดอนก่อน เพราะว่าพี่เดียวไม่เคยมาอังกฤษเลย เขาเป็นเหมือนพี่ชาย ซึ่งเธอก็อดกังวลแทนไม่ได้“พี่เดียวขา คัม...ขอเช็คว่าพี่เดียวขอวีซ่าอังกฤษและเชงเก้นแล้วนะคะ” คัมซาเขียนถามไปก่อนหน้านี้หลายสัปดาห์แล้ว“ครับ...ผม ก็เราจะไปปารีสด้วยไม่ใช่รึ” พี่เดียวย้ำว่าต้องเข้า...ฝรั่งเศส“ค่า...นึกว่าลืมล่ะ...ไม่เห็นพูดถึง” คัมซาอยากให้เขาได้ตรวจดูให้แน่ใจ เพราะสองประเทศนี้ต้องขอวีซ่าแยกกันคัมซาไปยืนรอรับพี่เดียวที่สนามบินฮีทโธรว์ และจะพาเขาขึ้นรถไฟใต้ดินแบบเฟริ์สคลาส ลงสถานีแพดดิ้งตัน ซึ่งเธอจองโรงแรมแถวนี้ไว้ เพราะเดินทางไปเที่ยวที่ต่างๆ สะดวกและมีร้านอาหารอยู่ใกล้ๆ เธอเห็นพี่เดียวโผล่หน้าออกมาตรงจุดนัดพบของสนามบิน เห็นผู้ชายอีกคนเดินลากกระเป๋าออกมาแต่หันหลังให้เธออยู่ กำลังใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปเข้าไปข้างใน“เอ้า...Hi…ไมเคิล ทำไมมากับพี่เดียวรึคะ” คัมซาถามอย่างแปลกใจ “ผมก็อยากมาเที่ยวถิ่นเก่า my old place บ้างสิครับ” ไมเคิลทำตาหวานเยิ้มให้คัมซา เธอคิดว่าต้องรับศึกหนักระหว่างสองหนุ่มนี้...ส
พอมาถึงปราสาทนอตติงแฮม...ซึ่งขณะเดินพาทุกคนเข้าชมภายใน คัมซาได้เล่าถึงความเป็นมาในอดีตของปราสาทหิน ซึ่งมีความสูงมากเพราะในยุคกลางใช้เป็นป้อมปราการป้องกันข้าศึกและเป็นตำหนักที่ประทับของกษัตริย์ด้วย สร้างขึ้นในยุคแรกของพวกนอร์แมนโดยพระเจ้าวิลเลี่ยมที่หนึ่ง ต่อมาพระเจ้าเฮนรี่ที่ 2 ได้สั่งให้เปลี่ยนโครงสร้างจากเดิมที่เป็นไม้มาเป็นหินเพื่อความแข็งแรงในการป้องกันข้าศึกหนุ่มเกาหลีนายนี้ไม่ค่อยซักถามเท่าไหร่ น่าจะไม่สนใจประวัติความเป็นมาของปราสาทนี้ สถานที่แห่งหนึ่งที่เขาสนใจถ่ายรูปและถามเธอหลายคำถามคือ ป่าเชอร์วูด เป็นสถานที่ที่หลายคนชอบมาถ่ายรูปกับจอมโจรอันเป็นตำนานเล่าขานมาอย่างยาวนาน “เราจะออกจากที่นี่ แล้วไปหมู่บ้าน Enwinstowe เอนวินสโตว์ ที่ป่าเชอร์วูด นอกเมืองไกลจากนี่ประมาณ...” คัมซาถามคนขับรถว่ากี่ไมล์ “ค่ะ 17 ไมล์...” คัมซาไม่หันหลังไป กลัวว่าจะถูกนายฟรานซ์มองแบบตำหนิว่าเธอไม่หาข้อมูลมาก่อน“คุณ...รู้จักโรบินฮู๊ดไหมครับ” คุณคิมถามคัมซา...เธอรู้สึกเป็นมิตรกับผู้ใหญ่คนนี้มากกว่าหนุ่มหน้าขาวหลานชายของเขา“อ๋อ...ค่ะ พอรู้จักบ้างเพราะเป็น local story” คัมซาคิดว่ามันเป็นเรื่องเล่าตำนาน
ระหว่างที่อยู่ในรถลิมูซีน คัมซาอธิบายประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น เมืองนี้อยู่ในมณฑลนอตติงแฮมเชียร์ และอยู่ในเขตปกครองของมิดแลนด์ตะวันออก ประชากรที่นี่ประมาณ 2 แสนกว่าคน ค่าครองชีพของเมืองนี้น่าจะถูกที่สุด และคนเอเชียนิยมมาเรียนหนังสือที่นี่มากที่สุด มีแม่น้ำเทรนต์ Trent River เป็นแม่น้ำประจำเมืองนี้ ซึ่งรถก็จะผ่านสะพานข้ามแม่น้ำนี้ด้วย สำหรับโปรแกรมวันนี้มี 4 แห่ง คือ ปราสาทนอตติงแฮม ป่าเชอร์วูดซึ่งมีตำนานของโรบินฮู๊ด มหาวิหารเซาธ์เวลส์ และบ้านเกิดของ D.H.Lawrence ซึ่งเป็นนักเขียนนิยายเจ้าของผลงานที่โด่งดังรู้จักกันดี คือ เรื่องชู้รักเลดี้แชตเตอเลย์ Lady Chatterley’s Lover คัมซาพูดเร็วรัว กลัวว่าจะถูกซัก ซึ่งเธออาจจะไม่มีข้อมูลรายละเอียดให้ ‘ฉัน...ใหม่มากเลย และรู้สถานที่แต่ละแห่งก็น้อยมาก จะไปชมพร้อมกับพวกคุณนั่นแหล่ะ เป็นครั้งแรก... เหมือนกัน’ เธอตื่นเต้นใจสั่น...เคยทำงานมาก่อนก็จริง แต่ครั้งนี้คัมซาก็ไม่เข้าใจตัวเองว่า ทำไมความรู้สึกมันถึงเป็นแบบนี้...“Is tomorrow’s visit to U of N? พรุ่งนี้ไปมหาวิทยาลัยนอตติงแฮมใช่ไหม...” เสียงของฟรานซ์แทรกขึ้นมาขณะคัมซาอธิบายโปรแกรมยังไม่จบ“ใช่