“เจียงเจ๋อเหยียน จะใช่หรือไม่ใช่ฉันที่ทำ คุณลองไปตรวจสอบดูสักหน่อยเดี๋ยวก็รู้เอง แล้วก็ฝากคำพูดไปบอกซ่งซานด้วยนะว่า มีเวลาแอบมาทำเรื่องก่อกวนคนอื่นแบบนี้ ไม่สู้เอาเวลาไปพัฒนาความสามารถของตัวเองไม่ดีกว่าเหรอ”ฉันกดวางสายทันทีแล้วบล็อกเบอร์โทรศัพท์ของเจียงเจ๋อเหยียนนิ่งไปสักพัก ฉันก็เปิดหน้าต่างแชทระหว่างฉันกับเจียงเจ๋อเหยียนขึ้นมาอีกครั้ง แล้วลบประวัติการสนทนาของฉันกับเขาทิ้งไปเพราะมันกินพื้นที่ค่อนข้างมาก แถมทำให้โทรศัพท์ช้า ฉันมองประวัติการสนทนาระหว่างพวกเราที่บันทึกเอาไว้ตั้งแต่ที่รู้จักกันจนถึงช่วงรักกันปานจะกลืนกินทั้งสิบกว่าปีค่อย ๆ ว่างเปล่าลงด้วยอาการสงบนิ่งความรู้สึกหลากหลายรสชาติผสมปนเปอยู่ภายในใจฉันยัดโทรศัพท์เข้าไปในกระเป๋าเสื้อ แล้วแย้มยิ้มสบาย ๆ ออกมาเพื่อปลอบประโลมคุณยายกับคุณลุงที่ดวงตาฉายแววเป็นห่วงพอกลับมาแล้วฉันถึงได้เห็นว่า คุณลุงได้เก็บกวาดห้องห้องหนึ่งอย่างสะอาดเอี่ยมอ่องไว้นานแล้ว“ซุ่ยซุ่ย ลองดูนะว่าเราชอบไหม ลุงก็ไม่รู้ว่าพวกผู้หญิงเขาชอบอะไร นี่ก็ซื้อมาตามใจเรื่อยไป”คุณลุงลูบศีรษะด้วยความเขินอายเล็กน้อยทว่าฉันกลับเห็นว่าทั้งห้องล้วนตกแต่งด้วยส
ขอบตาของเขาแดงเรื่อ น้ำเสียงแหบแห้ง“ซุ่ยซุ่ย ทำไมเธอถึงต้องบล็อกฉันด้วย?”ความคิดของฉันล่องลอยไปยังวันนั้นที่ฉันลบประวัติการสนทนาที่เกี่ยวข้องกับเขาทั้งหมด พร้อมกับบล็อกเขาไปด้วย“เจียงเจ๋อเหยียน ฉันบอกว่าพวกเราหย่ากันแล้ว แล้วฉันก็ลาออกจากบริษัทของคุณแล้วด้วย คุณตามหาฉันแบบนี้มันหมายความว่ายังไง?”พอได้ยินคำพูดไม่กี่คำนี้ เขาก็กลืนน้ำลายจนลูกกระเดือกขยับไปมา ราวกับว่ากำลังระงับอารมณ์ของตัวเองไว้“ที่พวกเราหย่ามันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันเข้าใจเธอผิดไปถึงได้หุนหันเซ็นชื่อลงบนหนังสือหย่า”“ส่วนเรื่องโครงการฉันก็ตรวจสอบแล้ว ฉันขอโทษนะที่ตอนแรกใส่ความเธอ ฉันไม่น่าบุ่มบ่ามชี้หน้าว่าเธอเป็นคนทำ ตอนนี้ฉันรู้ตัวว่าผิดไปแล้ว เธอจะให้โอกาสฉันอีกครั้งได้ไหม?”ฉันมองเขาด้วยสายตาดูแคลนเล็กน้อยตั้งแต่วันที่เซ็นหนังสือสัญญาเรื่องหย่าจนกระทั่งพ้นสามสิบวันไปแล้วการหย่าถึงจะเสร็จสิ้น ก็ถือว่ามีโอกาสให้เขาเลือกถึงสองครั้งเขาไม่รู้เลยว่าเหตุผลที่ฉันหย่าไม่ได้เป็นเพราะเขาใส่ความฉัน มันเป็นเพียงฟางเส้นสุดท้ายที่ยึดความรักทั้งเจ็ดปีและชีวิตการแต่งงานทั้งห้าปีของเราสองคนเอาไว้เท่านั้นหลัก ๆ ก็คื
เธอเอาแต่พูดถึงเรื่องต่าง ๆ ที่เจียงเจ๋อเหยียนทำให้เธอ ราวกับว่าต้องการพิสูจน์ว่าความรักของเขานั้นเป็นเรื่องจริงเจียงเจ๋อเหยียนสะบัดมือของซ่งซานที่อยากจะลากเขากลับไปให้ได้ออก “พอแล้ว ซ่งซาน เลิกยุ่งกับฉันได้แล้ว ที่ฉันดีกับเธอ ทำเรื่องพวกนั้นให้เธอ ก็เป็นเพราะเธอเหมือนเสิ่นซุ่ยตอนที่ฉันเพิ่งรู้จักเท่านั้น”เจียงเจ๋อเหยียนหันมาพูดกับฉันอีกว่า “เสิ่นซุ่ย ตอนแรกเธอใสซื่อบริสุทธิ์มาก ต่อมาฉันก็ค่อย ๆ ชินกับการที่ต้องอยู่กับเธอ จะทำยังไงระหว่างพวกเรามันก็มีความรู้สึกสดใหม่ขึ้นมาไม่ได้อีก แล้วตอนนั้นซ่งซานก็เข้ามาในชีวิตของฉัน ฉันเลยหักห้ามตัวเองไม่ได้แบบนี้”“แต่ฉันปล่อยความรู้สึกของฉันกับเธอที่มีให้กันมาตลอดหลายปีนี้ไม่ได้ ถ้าเธอกลับไปกับฉัน พวกเราเริ่มต้นกันใหม่ดีไหม?”ฉันนึกไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าเจียงเจ๋อเหยียนจะหน้าด้านไม่รู้จักอายขนาดนี้เห็นตัวฉันในอดีตจากตัวของเธอเนี่ยนะ แถมยังพูดออกมาได้หน้าตาเฉยไร้ยางอายอีกซ่งซานยืนเหม่อลอยอยู่กับที่ เธอเช็ดน้ำตาแล้วสติก็ค่อย ๆ กลับมา“แล้วลูกล่ะคะ ถ้าประธานไม่สนใจลูก ฉันจะกระโดดลงไปตอนนี้เลย”ซ่งซานวิ่งไปบนสะพานใหญ่แล้วมองลงไปยังแม่น้ำเชี่ย
“ทำอะไรกัน! แล้วไอ้หมอนี่เป็นใคร?”ฉันนึกไม่ถึงเลยว่าเจียงเจ๋อเหยียนจะยังทำตัวเป็นวิญญาณตามติดไม่ยอมเลิกราแบบนี้ฉันที่มีอาการเมาเล็กน้อยถึงกับได้สติขึ้นมาทันที“พวกเราไม่มีอะไรต้องคุยกัน” ฉันลากเผยจือด้วยต้องการจะไปจากตรงนี้ ทว่าเขากลับเอ่ยขอร้องอ้อนวอนฉันไม่ยอมเลิกรา“ฉันจัดการเรื่องของทางซ่งซานเรียบร้อยแล้ว ซุ่ยซุ่ย เธอให้โอกาสฉันครั้งสุดท้ายเถอะนะ”“ช่วงที่ผ่านมานี้ ไม่มีเธอคอยอยู่ข้าง ๆ หัวใจฉันมันเหมือนกับมีบางอย่างขาดหายไป ฉันนึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะสำคัญกับฉันขนาดนี้ ซุ่ยซุ่ย”เขาเอาแต่พูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าฉันตัดบทเขา “เจียงเจ๋อเหยียน ตอนนี้ฉันมีแค่ความรังเกียจให้คุณ คุณอย่าได้โผล่หน้ามาให้ฉันเห็นอีกเลย”“เธอคิดว่าไอ้หมอนี่มันจริงใจกับเธองั้นเหรอ?”เขาตะโกนใส่แผ่นหลังของฉันว่า “เธอเคยผ่านการหย่ามาแล้ว มันจะไม่สนใจเลยได้ยังไง?”มือของเผยจือจับตัวฉันไว้แน่น เขาจ้องตาฉันพลางพูดด้วยความจริงจังเป็นอย่างยิ่ง “ฉันไม่สนใจ ซุ่ยซุ่ย”“หลายปีมานี้ ฉันรอคอยเธอมาตลอด น่าเสียดายที่ไม่กี่ปีก่อนฉันได้ข่าวว่าเธอแต่งงานไปแล้ว ฉันเลยนึกว่าระหว่างพวกเราจะไม่มีวาสนากันอีก ครั้งนี้คุณลุงของเธอบอ
“ยอดไปเลย ซุ่ยซุ่ย นี่มันก็นานหลายปีแล้ว ในที่สุดหนูก็ยอมกลับมา ลุงดีใจมากเลยนะ”ชายวัยกลางคนที่อยู่อีกฟากของโทรศัพท์พูดเสียงดังวินาทีหลังจากวางสาย เจียงเจ๋อเหยียนก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับกลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงแปลกหน้าแสบจมูกชะมัด กลิ่นก็หวานเลี่ยนอีก“เธอคุยโทรศัพท์กับใครน่ะ?”เขาไม่ได้ใส่ใจหรอก เพราะตอนที่พูดกับฉัน สายตาของเขากลับเอาแต่จับจ้องอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์ ไม่เสมองมาทางฉันแม้แต่น้อยตอนที่ฉันกำลังคิดจะตอบเขา โทรศัพท์ของเขาก็แผดเสียงดังลั่น น้ำเสียงหวานหยดย้อยของหญิงสาวดังลอดออกมา “ประธานเจียง ขอบคุณนะคะที่เมื่อสองวันก่อนส่งยาแก้หวัดมาให้ ถ้าไม่ได้คุณ ฉันจะต้องยิ่งเป็นหวัดหนักแน่ ๆ เลยค่ะ ถ้าขาดคุณไปแล้วฉันจะทำยังไง!”ดูเหมือนว่าเจียงเจ๋อเหยียนจะรู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไร จึงลดเสียงลงเขาหุบปากลงด้วยความเหนื่อยหน่าย เดิมทีพวกเราคิดจะหย่ากันอยู่ไม่ใช่เหรอ?ฉันเก็บข้าวของอย่างเงียบเชียบ แล้วอุ่นนมร้อน ๆ ไว้ให้ตัวเองสักแก้วตามปกติเจียงเจ๋อเหยียนเพิ่งจะพูดจาพะเน้าพะนอกับอีกฝั่งของโทรศัพท์เสร็จ กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์การเงินประจำวันอยู่บนโซฟา ดูเหมือนว่าจะคลำหาแก้ว
ฉันผลักบานประตูเข้าไป เจียงเจ๋อเหยียนดูเหมือนจะตะลึงไปเล็กน้อยตอนที่เห็นฉัน เขาขมวดคิ้วมุ่น“เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง อย่าบอกนะว่าเธอสะกดรอยตามฉันมา?” เขาซักถามฉันชูนาฬิกาข้อมือขึ้นมาบอกใบ้ “นายส่งข้อความมาหาฉันนี่”ซ่งซานทำปากจู๋พลางรั้งแขนของเขาไว้ด้วยท่าทางออดอ้อน “ประธานเจียง ฉันแค่ล้อเล่นให้พี่เสิ่นซุ่ยซื้อนมเปรี้ยวมาให้เอง ประธานคงไม่ว่าฉันใช่ไหมคะ”คิ้วที่ขมวดมุ่นของเจียงเจ๋อเหยียนถึงได้คลายออกที่แปลกก็คือ ในใจของฉันไร้คลื่นอารมณ์ใด ๆ ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดอย่างที่เคยเป็นเมื่อก่อนกับการที่เจียงเจ๋อเหยียนไม่ห้ามปรามอะไรกับการหยอกให้คนอื่นเป็นตัวตลกของซ่งซาน ฉันทำเพียงแค่หยักหน้าด้วยท่าทีเรียบเฉย บอกเป็นนัยว่าฉันเข้าใจแล้วเท่านั้นทว่าเจียงเจ๋อเหยียนกลับอยากจะอธิบายกับฉันอย่างหาได้ยาก “เสิ่นซุ่ย ซ่งซานก็แค่มาร่วมปาร์ตี้เล็ก ๆ กับฉันเท่านั้น...”ฉันยื่นนมเปรี้ยวให้เขาเป็นการตัดบทการแก้ตัวของเขาเจียงเจ๋อเหยียนดื่มเหล้า จึงไม่สามารถขับรถได้เขาจัดการเรื่องของซ่งซานเรียบร้อยแล้ว ก็กลับไปพร้อมกับฉันรถที่เรียกมาอยู่ฝั่งตรงข้ามตอนที่ฉันเดินไปข้างหน้า จู่ ๆ เจียงเจ๋อเหยียนก็เ
“หา? บอสไม่ได้แต่งงานกับพี่เสิ่นซุ่ยไปแล้วหรอกเหรอ?”“เบา ๆ หน่อยสิ เสิ่นซุ่ยยังอยู่ที่นี่นะ!”“เสิ่นซุ่ย พวกเราแค่พูดล้อเล่นน่ะ เธอไม่ต้องเก็บไปคิดมากนะ”แค่ดูจากพุดดิ้งมะม่วงหน้าส้มโอกับเค้กช็อกโกแลตที่เหมือนกันหมด ฉันก็รู้แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนั้นแน่สงสารที่ซ่งซานลดความอ้วนซึ่งไม่ดีต่อสุขภาพ เลยเลี้ยงของว่างยามบ่ายให้คนทั้งบริษัทเสียเลยอยากลิ้มลองของกินที่เป็นพยานรักของพวกเขาจริง ๆน่าเสียดายที่ฉันแพ้มะม่วง แล้วก็ไม่ได้ชอบพวกของที่ทำจากช็อกโกแลตมากนักตอนที่เจียงเจ๋อเหยียนตามจีบฉัน ก็เล่นใหญ่แบบนี้ ด้วยกลัวว่าฉันจะเอาแต่ทำงานแล้วกินข้าวไม่ตรงเวลา เลยใช้ข้ออ้างเรื่องรายงานการทำงานดึงตัวฉันไว้ให้กินข้าวกับเขาแล้วตอนที่ฉันไม่สบายแต่ยังคงมาทำงานต่อ เขาก็แอบใส่ยาลงในเค้กแล้วตั้งใจเอามาหลอกให้ฉันกิน เพื่อจะได้เห็นฉันทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเพราะขมยาห้องทำงานที่เคยอึมครึมดูสดชื่นมีชีวิตชีวาเพราะได้เจอกับความรักของพวกเราน่าเสียดาย ตอนนี้ความตื่นเต้นและน้ำใจแบบนั้นได้เปลี่ยนไปมอบให้คนอื่นแล้วฉันไม่มีเวลาให้คิดมาก เพราะงานที่อยู่ในมือตอนนี้มันออกจะซับซ้อนไม่น้อยฉันถึงขั้นต้องทำโอ
วันพรุ่งนี้เป็นระยะปรับสภาพจิตใจหลังยื่นเรื่องหย่าวันสุดท้าย พอพ้นวันพรุ่งนี้ไป ฉันก็จะไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องใด ๆ กับเจียงเจ๋อเหยียนอีกแล้วอย่างแท้จริงฉันรดน้ำให้ดอกไม้ที่ฉันเลี้ยงไว้บนระเบียงวินาทีถัดมา แหวนบนนิ้วกลางก็ร่วงหล่นลงไปจากระเบียงฉันโน้มตัวลงไปเก็บทันทีตามสัญชาตญาณ“ทำอะไรของเธอ!” เจียงเจ๋อเหยียนรั้งแขนของฉันไวแล้วลากไปด้านหน้า“เธอไม่รู้หรือไงว่าทำแบบนี้มันอันตรายแค่ไหน?!”ดวงตาของเขาฉายความห่วงใยและความร้อนรนมาให้ฉันดูเหมือนว่าเขายังเป็นห่วงฉันอยู่“แหวนหล่นน่ะ”แหวนวงนั้นเป็นแหวนที่เขาตั้งใจทำมันให้ฉันเองกับมือ แล้วก็เป็นสไตล์ที่ฉันชอบ เลยใส่มันเอาไว้ตลอดจนถึงตอนนี้ พอมันร่วงลงไปจากระเบียงฉันถึงได้โถมตัวพุ่งเข้าไปเก็บแบบนั้นเจียงเจ๋อเหยียนถอนหายใจ “ก็แค่แหวนวงหนึ่งเท่านั้นเอง ฉันซื้อให้ใหม่อีกวงก็ได้ เธอไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เลย”ก็แค่แหวนวงหนึ่ง ฉันมองไปบนนิ้วกลางของเขา มันว่างเปล่า เหมือนว่าเขาจะถอดมันออกไปนานแล้ว“พรุ่งนี้เป็นวันครบรอบวันแต่งงานของเรา ฉันจะมารับเธอนะ แล้วพวกเราค่อยไปพร้อมกัน”ไม่ได้ฉลองวันครบรอบวันแต่งงานจริง ๆ จัง ๆ มานานแค่ไหนแ
“ทำอะไรกัน! แล้วไอ้หมอนี่เป็นใคร?”ฉันนึกไม่ถึงเลยว่าเจียงเจ๋อเหยียนจะยังทำตัวเป็นวิญญาณตามติดไม่ยอมเลิกราแบบนี้ฉันที่มีอาการเมาเล็กน้อยถึงกับได้สติขึ้นมาทันที“พวกเราไม่มีอะไรต้องคุยกัน” ฉันลากเผยจือด้วยต้องการจะไปจากตรงนี้ ทว่าเขากลับเอ่ยขอร้องอ้อนวอนฉันไม่ยอมเลิกรา“ฉันจัดการเรื่องของทางซ่งซานเรียบร้อยแล้ว ซุ่ยซุ่ย เธอให้โอกาสฉันครั้งสุดท้ายเถอะนะ”“ช่วงที่ผ่านมานี้ ไม่มีเธอคอยอยู่ข้าง ๆ หัวใจฉันมันเหมือนกับมีบางอย่างขาดหายไป ฉันนึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะสำคัญกับฉันขนาดนี้ ซุ่ยซุ่ย”เขาเอาแต่พูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าฉันตัดบทเขา “เจียงเจ๋อเหยียน ตอนนี้ฉันมีแค่ความรังเกียจให้คุณ คุณอย่าได้โผล่หน้ามาให้ฉันเห็นอีกเลย”“เธอคิดว่าไอ้หมอนี่มันจริงใจกับเธองั้นเหรอ?”เขาตะโกนใส่แผ่นหลังของฉันว่า “เธอเคยผ่านการหย่ามาแล้ว มันจะไม่สนใจเลยได้ยังไง?”มือของเผยจือจับตัวฉันไว้แน่น เขาจ้องตาฉันพลางพูดด้วยความจริงจังเป็นอย่างยิ่ง “ฉันไม่สนใจ ซุ่ยซุ่ย”“หลายปีมานี้ ฉันรอคอยเธอมาตลอด น่าเสียดายที่ไม่กี่ปีก่อนฉันได้ข่าวว่าเธอแต่งงานไปแล้ว ฉันเลยนึกว่าระหว่างพวกเราจะไม่มีวาสนากันอีก ครั้งนี้คุณลุงของเธอบอ
เธอเอาแต่พูดถึงเรื่องต่าง ๆ ที่เจียงเจ๋อเหยียนทำให้เธอ ราวกับว่าต้องการพิสูจน์ว่าความรักของเขานั้นเป็นเรื่องจริงเจียงเจ๋อเหยียนสะบัดมือของซ่งซานที่อยากจะลากเขากลับไปให้ได้ออก “พอแล้ว ซ่งซาน เลิกยุ่งกับฉันได้แล้ว ที่ฉันดีกับเธอ ทำเรื่องพวกนั้นให้เธอ ก็เป็นเพราะเธอเหมือนเสิ่นซุ่ยตอนที่ฉันเพิ่งรู้จักเท่านั้น”เจียงเจ๋อเหยียนหันมาพูดกับฉันอีกว่า “เสิ่นซุ่ย ตอนแรกเธอใสซื่อบริสุทธิ์มาก ต่อมาฉันก็ค่อย ๆ ชินกับการที่ต้องอยู่กับเธอ จะทำยังไงระหว่างพวกเรามันก็มีความรู้สึกสดใหม่ขึ้นมาไม่ได้อีก แล้วตอนนั้นซ่งซานก็เข้ามาในชีวิตของฉัน ฉันเลยหักห้ามตัวเองไม่ได้แบบนี้”“แต่ฉันปล่อยความรู้สึกของฉันกับเธอที่มีให้กันมาตลอดหลายปีนี้ไม่ได้ ถ้าเธอกลับไปกับฉัน พวกเราเริ่มต้นกันใหม่ดีไหม?”ฉันนึกไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าเจียงเจ๋อเหยียนจะหน้าด้านไม่รู้จักอายขนาดนี้เห็นตัวฉันในอดีตจากตัวของเธอเนี่ยนะ แถมยังพูดออกมาได้หน้าตาเฉยไร้ยางอายอีกซ่งซานยืนเหม่อลอยอยู่กับที่ เธอเช็ดน้ำตาแล้วสติก็ค่อย ๆ กลับมา“แล้วลูกล่ะคะ ถ้าประธานไม่สนใจลูก ฉันจะกระโดดลงไปตอนนี้เลย”ซ่งซานวิ่งไปบนสะพานใหญ่แล้วมองลงไปยังแม่น้ำเชี่ย
ขอบตาของเขาแดงเรื่อ น้ำเสียงแหบแห้ง“ซุ่ยซุ่ย ทำไมเธอถึงต้องบล็อกฉันด้วย?”ความคิดของฉันล่องลอยไปยังวันนั้นที่ฉันลบประวัติการสนทนาที่เกี่ยวข้องกับเขาทั้งหมด พร้อมกับบล็อกเขาไปด้วย“เจียงเจ๋อเหยียน ฉันบอกว่าพวกเราหย่ากันแล้ว แล้วฉันก็ลาออกจากบริษัทของคุณแล้วด้วย คุณตามหาฉันแบบนี้มันหมายความว่ายังไง?”พอได้ยินคำพูดไม่กี่คำนี้ เขาก็กลืนน้ำลายจนลูกกระเดือกขยับไปมา ราวกับว่ากำลังระงับอารมณ์ของตัวเองไว้“ที่พวกเราหย่ามันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันเข้าใจเธอผิดไปถึงได้หุนหันเซ็นชื่อลงบนหนังสือหย่า”“ส่วนเรื่องโครงการฉันก็ตรวจสอบแล้ว ฉันขอโทษนะที่ตอนแรกใส่ความเธอ ฉันไม่น่าบุ่มบ่ามชี้หน้าว่าเธอเป็นคนทำ ตอนนี้ฉันรู้ตัวว่าผิดไปแล้ว เธอจะให้โอกาสฉันอีกครั้งได้ไหม?”ฉันมองเขาด้วยสายตาดูแคลนเล็กน้อยตั้งแต่วันที่เซ็นหนังสือสัญญาเรื่องหย่าจนกระทั่งพ้นสามสิบวันไปแล้วการหย่าถึงจะเสร็จสิ้น ก็ถือว่ามีโอกาสให้เขาเลือกถึงสองครั้งเขาไม่รู้เลยว่าเหตุผลที่ฉันหย่าไม่ได้เป็นเพราะเขาใส่ความฉัน มันเป็นเพียงฟางเส้นสุดท้ายที่ยึดความรักทั้งเจ็ดปีและชีวิตการแต่งงานทั้งห้าปีของเราสองคนเอาไว้เท่านั้นหลัก ๆ ก็คื
“เจียงเจ๋อเหยียน จะใช่หรือไม่ใช่ฉันที่ทำ คุณลองไปตรวจสอบดูสักหน่อยเดี๋ยวก็รู้เอง แล้วก็ฝากคำพูดไปบอกซ่งซานด้วยนะว่า มีเวลาแอบมาทำเรื่องก่อกวนคนอื่นแบบนี้ ไม่สู้เอาเวลาไปพัฒนาความสามารถของตัวเองไม่ดีกว่าเหรอ”ฉันกดวางสายทันทีแล้วบล็อกเบอร์โทรศัพท์ของเจียงเจ๋อเหยียนนิ่งไปสักพัก ฉันก็เปิดหน้าต่างแชทระหว่างฉันกับเจียงเจ๋อเหยียนขึ้นมาอีกครั้ง แล้วลบประวัติการสนทนาของฉันกับเขาทิ้งไปเพราะมันกินพื้นที่ค่อนข้างมาก แถมทำให้โทรศัพท์ช้า ฉันมองประวัติการสนทนาระหว่างพวกเราที่บันทึกเอาไว้ตั้งแต่ที่รู้จักกันจนถึงช่วงรักกันปานจะกลืนกินทั้งสิบกว่าปีค่อย ๆ ว่างเปล่าลงด้วยอาการสงบนิ่งความรู้สึกหลากหลายรสชาติผสมปนเปอยู่ภายในใจฉันยัดโทรศัพท์เข้าไปในกระเป๋าเสื้อ แล้วแย้มยิ้มสบาย ๆ ออกมาเพื่อปลอบประโลมคุณยายกับคุณลุงที่ดวงตาฉายแววเป็นห่วงพอกลับมาแล้วฉันถึงได้เห็นว่า คุณลุงได้เก็บกวาดห้องห้องหนึ่งอย่างสะอาดเอี่ยมอ่องไว้นานแล้ว“ซุ่ยซุ่ย ลองดูนะว่าเราชอบไหม ลุงก็ไม่รู้ว่าพวกผู้หญิงเขาชอบอะไร นี่ก็ซื้อมาตามใจเรื่อยไป”คุณลุงลูบศีรษะด้วยความเขินอายเล็กน้อยทว่าฉันกลับเห็นว่าทั้งห้องล้วนตกแต่งด้วยส
เมืองทั้งเมืองค่อย ๆ เล็กลงเรื่อย ๆ เมื่อมองผ่านบานหน้าต่างเครื่องบินในที่สุด ฉันก็รู้สึกถึงการได้จากไปเสียทีฉันกำลังคิดว่าพอเจียงเจ๋อเหยียนรู้ว่าฉันจากไปแล้วเขาจะทำสีหน้าแบบไหน จะตะลึงหรือเปล่า? หรือจะคิดว่าในที่สุดก็สลัดฉันออกไปได้เสียทีในความทรวงจำ พวกเราเป็นคู่รักที่สนิทกันมาก ๆ เป็นเพื่อนร่วมงานที่รู้จักกันดี เป็นคู่รักตัวอย่างที่ตัวติดกันทั้งวันจนเป็นที่น่าอิจฉาของคนอื่นเขารู้ว่าพ่อแม่ฉันจากโลกนี้ไปเร็ว ตอนนั้นเขากอดฉันไว้แล้วบอกว่า “ฉันจะดูแลเธอให้ดี ต่อไปฉันจะเป็นครอบครัวของเธอเอง”ทว่าทำไมต่อมาถึงได้เปลี่ยนเป็น ‘พ่อแม่ของเธอตายหมดแล้ว เธอไม่มีทางหย่ากับฉันหรอก’ กันนะ?ทำไมความสงสารและเห็นใจที่มีให้ฉัน ถึงเปลี่ยนเป็นเหตุผลที่ทำให้เขามั่นใจว่าฉันไม่มีทางไปจากเขากันนะฉันคิดจนปวดหัว ไม่อยากคิดถึงมันอีกแล้วบนอินเทอร์เน็ตมีคำกล่าวไว้ว่า หากความสัมพันธ์ทำให้คุณต้องทุกข์ตรม วิธีที่ดีที่สุดก็คือจบมันเสียฉันหลับตาลง รอคอยให้เครื่องบินนำพาฉันไปอีกประเทศหนึ่งเครื่องบินร่อนลงจอด ฉันลากกระเป๋าเดินทางมุ่งไปข้างหน้าทว่ากลับได้ยินและเห็นคุณลุงกำลังชูป้ายและตะโกนเรียกเสียงดั
วันพรุ่งนี้เป็นระยะปรับสภาพจิตใจหลังยื่นเรื่องหย่าวันสุดท้าย พอพ้นวันพรุ่งนี้ไป ฉันก็จะไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องใด ๆ กับเจียงเจ๋อเหยียนอีกแล้วอย่างแท้จริงฉันรดน้ำให้ดอกไม้ที่ฉันเลี้ยงไว้บนระเบียงวินาทีถัดมา แหวนบนนิ้วกลางก็ร่วงหล่นลงไปจากระเบียงฉันโน้มตัวลงไปเก็บทันทีตามสัญชาตญาณ“ทำอะไรของเธอ!” เจียงเจ๋อเหยียนรั้งแขนของฉันไวแล้วลากไปด้านหน้า“เธอไม่รู้หรือไงว่าทำแบบนี้มันอันตรายแค่ไหน?!”ดวงตาของเขาฉายความห่วงใยและความร้อนรนมาให้ฉันดูเหมือนว่าเขายังเป็นห่วงฉันอยู่“แหวนหล่นน่ะ”แหวนวงนั้นเป็นแหวนที่เขาตั้งใจทำมันให้ฉันเองกับมือ แล้วก็เป็นสไตล์ที่ฉันชอบ เลยใส่มันเอาไว้ตลอดจนถึงตอนนี้ พอมันร่วงลงไปจากระเบียงฉันถึงได้โถมตัวพุ่งเข้าไปเก็บแบบนั้นเจียงเจ๋อเหยียนถอนหายใจ “ก็แค่แหวนวงหนึ่งเท่านั้นเอง ฉันซื้อให้ใหม่อีกวงก็ได้ เธอไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เลย”ก็แค่แหวนวงหนึ่ง ฉันมองไปบนนิ้วกลางของเขา มันว่างเปล่า เหมือนว่าเขาจะถอดมันออกไปนานแล้ว“พรุ่งนี้เป็นวันครบรอบวันแต่งงานของเรา ฉันจะมารับเธอนะ แล้วพวกเราค่อยไปพร้อมกัน”ไม่ได้ฉลองวันครบรอบวันแต่งงานจริง ๆ จัง ๆ มานานแค่ไหนแ
“หา? บอสไม่ได้แต่งงานกับพี่เสิ่นซุ่ยไปแล้วหรอกเหรอ?”“เบา ๆ หน่อยสิ เสิ่นซุ่ยยังอยู่ที่นี่นะ!”“เสิ่นซุ่ย พวกเราแค่พูดล้อเล่นน่ะ เธอไม่ต้องเก็บไปคิดมากนะ”แค่ดูจากพุดดิ้งมะม่วงหน้าส้มโอกับเค้กช็อกโกแลตที่เหมือนกันหมด ฉันก็รู้แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนั้นแน่สงสารที่ซ่งซานลดความอ้วนซึ่งไม่ดีต่อสุขภาพ เลยเลี้ยงของว่างยามบ่ายให้คนทั้งบริษัทเสียเลยอยากลิ้มลองของกินที่เป็นพยานรักของพวกเขาจริง ๆน่าเสียดายที่ฉันแพ้มะม่วง แล้วก็ไม่ได้ชอบพวกของที่ทำจากช็อกโกแลตมากนักตอนที่เจียงเจ๋อเหยียนตามจีบฉัน ก็เล่นใหญ่แบบนี้ ด้วยกลัวว่าฉันจะเอาแต่ทำงานแล้วกินข้าวไม่ตรงเวลา เลยใช้ข้ออ้างเรื่องรายงานการทำงานดึงตัวฉันไว้ให้กินข้าวกับเขาแล้วตอนที่ฉันไม่สบายแต่ยังคงมาทำงานต่อ เขาก็แอบใส่ยาลงในเค้กแล้วตั้งใจเอามาหลอกให้ฉันกิน เพื่อจะได้เห็นฉันทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเพราะขมยาห้องทำงานที่เคยอึมครึมดูสดชื่นมีชีวิตชีวาเพราะได้เจอกับความรักของพวกเราน่าเสียดาย ตอนนี้ความตื่นเต้นและน้ำใจแบบนั้นได้เปลี่ยนไปมอบให้คนอื่นแล้วฉันไม่มีเวลาให้คิดมาก เพราะงานที่อยู่ในมือตอนนี้มันออกจะซับซ้อนไม่น้อยฉันถึงขั้นต้องทำโอ
ฉันผลักบานประตูเข้าไป เจียงเจ๋อเหยียนดูเหมือนจะตะลึงไปเล็กน้อยตอนที่เห็นฉัน เขาขมวดคิ้วมุ่น“เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง อย่าบอกนะว่าเธอสะกดรอยตามฉันมา?” เขาซักถามฉันชูนาฬิกาข้อมือขึ้นมาบอกใบ้ “นายส่งข้อความมาหาฉันนี่”ซ่งซานทำปากจู๋พลางรั้งแขนของเขาไว้ด้วยท่าทางออดอ้อน “ประธานเจียง ฉันแค่ล้อเล่นให้พี่เสิ่นซุ่ยซื้อนมเปรี้ยวมาให้เอง ประธานคงไม่ว่าฉันใช่ไหมคะ”คิ้วที่ขมวดมุ่นของเจียงเจ๋อเหยียนถึงได้คลายออกที่แปลกก็คือ ในใจของฉันไร้คลื่นอารมณ์ใด ๆ ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดอย่างที่เคยเป็นเมื่อก่อนกับการที่เจียงเจ๋อเหยียนไม่ห้ามปรามอะไรกับการหยอกให้คนอื่นเป็นตัวตลกของซ่งซาน ฉันทำเพียงแค่หยักหน้าด้วยท่าทีเรียบเฉย บอกเป็นนัยว่าฉันเข้าใจแล้วเท่านั้นทว่าเจียงเจ๋อเหยียนกลับอยากจะอธิบายกับฉันอย่างหาได้ยาก “เสิ่นซุ่ย ซ่งซานก็แค่มาร่วมปาร์ตี้เล็ก ๆ กับฉันเท่านั้น...”ฉันยื่นนมเปรี้ยวให้เขาเป็นการตัดบทการแก้ตัวของเขาเจียงเจ๋อเหยียนดื่มเหล้า จึงไม่สามารถขับรถได้เขาจัดการเรื่องของซ่งซานเรียบร้อยแล้ว ก็กลับไปพร้อมกับฉันรถที่เรียกมาอยู่ฝั่งตรงข้ามตอนที่ฉันเดินไปข้างหน้า จู่ ๆ เจียงเจ๋อเหยียนก็เ
“ยอดไปเลย ซุ่ยซุ่ย นี่มันก็นานหลายปีแล้ว ในที่สุดหนูก็ยอมกลับมา ลุงดีใจมากเลยนะ”ชายวัยกลางคนที่อยู่อีกฟากของโทรศัพท์พูดเสียงดังวินาทีหลังจากวางสาย เจียงเจ๋อเหยียนก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับกลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงแปลกหน้าแสบจมูกชะมัด กลิ่นก็หวานเลี่ยนอีก“เธอคุยโทรศัพท์กับใครน่ะ?”เขาไม่ได้ใส่ใจหรอก เพราะตอนที่พูดกับฉัน สายตาของเขากลับเอาแต่จับจ้องอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์ ไม่เสมองมาทางฉันแม้แต่น้อยตอนที่ฉันกำลังคิดจะตอบเขา โทรศัพท์ของเขาก็แผดเสียงดังลั่น น้ำเสียงหวานหยดย้อยของหญิงสาวดังลอดออกมา “ประธานเจียง ขอบคุณนะคะที่เมื่อสองวันก่อนส่งยาแก้หวัดมาให้ ถ้าไม่ได้คุณ ฉันจะต้องยิ่งเป็นหวัดหนักแน่ ๆ เลยค่ะ ถ้าขาดคุณไปแล้วฉันจะทำยังไง!”ดูเหมือนว่าเจียงเจ๋อเหยียนจะรู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไร จึงลดเสียงลงเขาหุบปากลงด้วยความเหนื่อยหน่าย เดิมทีพวกเราคิดจะหย่ากันอยู่ไม่ใช่เหรอ?ฉันเก็บข้าวของอย่างเงียบเชียบ แล้วอุ่นนมร้อน ๆ ไว้ให้ตัวเองสักแก้วตามปกติเจียงเจ๋อเหยียนเพิ่งจะพูดจาพะเน้าพะนอกับอีกฝั่งของโทรศัพท์เสร็จ กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์การเงินประจำวันอยู่บนโซฟา ดูเหมือนว่าจะคลำหาแก้ว