“เออ...ไอ้ต้น รถมึงไปไหนวะ เมื่อกี้กูขึ้นมาไม่เห็นรถมึงจอดอยู่เลย”
จู่ ๆ เอกวิทย์ก็โพล่งถามขึ้นมาไม่มีปี่มีขลุ่ย เรียกสติของสรวิชญ์กลับคืนมาพร้อมตอบกลับอย่างหัวเสีย
“กูไม่มีรถแล้ว”
“หมายความว่ายังไงวะ ไม่มีรถแล้ว”
“บ้านกูล้มละลาย เขามายึดรถกูไปแล้ว”
“อะไรนะ มึงโกหกหรือเปล่าเนี่ยไอ้ต้น”
“เรื่องแบบนี้โกหกได้ด้วยเหรอวะ” เขาพูดพลางกระดกขวดเหล้าในมือต่ออย่างไม่สนใจ ขณะที่ ชนิศาหน้าซีดเผือดเมื่อรับรู้จากปากเขา
แต่ยังไม่ทันที่คนทั้งสามจะทำสิ่งใดต่อ ก็มีผู้ชายท่าทางน่ากลัวกลุ่มหนึ่งเปิดประตูเข้ามาในห้องอย่างอุกอาจ
“พวกมึงออกไปให้หมดเดี๋ยวนี้ ที่นี่ถูกยึดแล้ว”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน” สรวิชญ์ตะโกนใส่หน้าด้วยความไม่พอใจ
&nbs
“เออก็ได้ กูจะบอกให้เอาบุญ ไอ้เด็กนี่ไม่ใช่ลูกมึง ทำไม...กูแค่อยากให้เด็กมีพ่อ กูผิดด้วยเหรอ”“แต่มันต้องไม่ใช่กู มึงทำลายชีวิตกู”“โธ่...ไอ้ต้น อย่าหลงตัวเองหน่อยเลยว่าดีเลิศประเสริฐศรี มึงตอนนี้ มันก็แย่ไม่ต่างจากพวกกู หรอกวะ บ้านก็ล้มละลาย เหลือแต่ตัว เสียเวลาชะมัด รู้งี้กูไปจับผู้ชายคนอื่นที่รวยกว่านี้เสียก็ดี”เมื่อชนิศาเห็นว่าแผนที่เธออุตส่าห์ตั้งใจมาตลอดกลับถูกจับได้ เธอถึงกับชี้หน้าด่าอย่างเหลืออดและรีบออกไปจากห้องโดยไม่สนใจชายหนุ่มทั้งสองอีกเลย“ไหนเงินกูล่ะ ค่าจ้างกูล่ะ”เอกวิทย์ทวงไล่หลัง แต่ก็สูญเปล่า เงินค่าจ้างที่เขาควรจะได้ หายวับไปกับตัวต้นเรื่องที่เดินทิ้งไปอย่างไม่ไยดี ครั้นพอเขาหันมาเห็นสรวิชญ์ที่กำลังจ้องมองหน้าเขาด้วยความเจ็บช้ำใจ ชายหนุ่มถึงกับเสียงอ่อนลง“ต้นกูขอโทษจริง ๆ กูไม่คิดว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้”“ไอ้เอก...” สรวิชญ์พูดเพียงแค่นั้น แล้วหมัดหนัก ๆ ของเขาจะซัดเข้าไปที่ใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างจัง ก่อนจะผลุนผลันออกจากห้องไปด้วยความหงุดหงิด
สรวิชญ์ทรุดตัวนั่งกับพื้นก่อนจะร่ำไห้ออกมา ทำเอาคนทั้งสามมองภาพนั้นอย่างสะเทือนใจ ใครจะไปคาดคิดว่าเพื่อนรักอย่างสรวิชญ์และเอกวิทย์จะแตกหักกันได้เพียงเพราะเงินและผู้หญิงเพียงคนเดียว รินรดาขยับจะเข้าไปหาสรวิชญ์ด้วยความสงสาร หากกนกอรรั้งไว้พร้อมพูดเตือนสติ “ระริน แกอย่าลืมสิที่แกต้องแท้งลูกก็เพราะผู้ชายคนนี้ แกจะใจอ่อนเพราะฟังคำพูดแค่ไม่กี่คำได้ยังไง” “อะไรนะ! แท้งลูก...แท้งลูกเหรอ หมายความว่ายังไง” สรวิชญ์อุทานด้วยความแปลกใจ พลางจ้องมองหน้ารินรดาและกนกอรอย่างคาดคั้น ทำให้กนกอรที่เผลอหลุดปากพูดออกไปถึงกับรีบตีปากตัวเอง “ระริน ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”&nbs
หลังจากรินรดาและสรวิชญ์ปรับความเข้าใจกันได้ ทั้งสองกลับมาคบหาและอยู่ด้วยกันอีกครั้ง วันหนึ่งชายหนุ่มกลับมาถึงหอในคืนหนึ่ง เขาเดินเข้าไปสวมกอดหญิงสาวคนรักด้วยความคิดถึง“ระรินครับ วันนี้พี่มีของขวัญให้หนูด้วยนะ”“ของขวัญเนื่องในโอกาสอะไรเหรอคะ”“ในโอกาสที่หนูยกโทษให้พี่ไงครับ ของขวัญแทนความรักและคำขอบคุณจากพี่” เขาพูดพร้อมปลดกระดุมเสื้อออก เผยให้เห็นรอยสักรูป ร. ที่หน้าอกด้านซ้าย“พี่ต้นไปสักมาเหรอคะ ร.เรือ หมายความว่ายังไงเหรอคะพี่”“พี่ให้ช่างสักรูป ร.เรือ แทนชื่อของน้องระริน รินรดา เพื่อจะสลักชื่อหนูไว้กลางใจของพี่ตลอดไป หนูจะได้มั่นใจว่า พี่จะรักและซื่อสัตย์กับหนูเพียงคนเดียว นี่คือของขวัญแทนคำมั่นสัญญาที่พี่อยากมอบให้คนที่พี่รักที่สุดครับ”“พี่ต้น...ขอบคุณมากนะคะ ระรินชอบมากเลยค่ะ”รินรดาโผเข้ากอดเขาด้วยความตื้นตันใจกับของขวัญชิ้นนี้ที่เขาตั้งใจมอบให้“พรุ่งนี้หนูพาพี่ไปหาน้าอ้อยนะ พี่อยากทำให้ถูกต้อง พี่อยากขอขมาน้าอ้อยกับเรื่องท
รินรดาและสรวิชญ์ก็ช่วยกันประคับประคองความรัก คอยให้กำลังใจซึ่งกันและกัน จนความบอบช้ำทางใจของหญิงสาวค่อย ๆ หายดี สำหรับรินรดา การทำงานและหาเงินควบคู่ไปด้วยกัน เป็นเรื่องปกติที่เธอทำมาตลอด เธอจึงไม่ได้รู้สึกหนักหนาอะไร ตรงกันข้ามกับสรวิชญ์ เขาเคยชินกับการเรียนเพียงอย่างเดียว และมีเงินมากพอที่จะใช้จ่ายในสิ่งที่ต้องการแต่หลังจากเกิดวิกฤติทางการเงินของครอบครัวครั้งใหญ่ เขาต้องใช้เงินที่ครอบครัวโอนมาให้ในแต่ละเดือนด้วยความประหยัด แม้จะมีรายได้เสริมจากการที่เขาคอยช่วยรินรดาสอนพิเศษ หากเขากลับรู้สึกว่า เงินที่ได้น้อยนิด ไม่คุ้มค่ากับการทำงานเหน็ดเหนื่อยแบบนี้ “พี่ต้น ทำไมสีหน้าเคร่งเครียดอย่างนั้นล่ะคะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” “พี่เหนื่อยน่ะ ไหนจะต้องเรียนต้องไปสอบ ไหนจะต้องสอนพิเศษ เงินที่ได้ก็น้อย ไม่คุ้มกับที่ปากเปียกปากแฉะ หนูเก่งมาก ๆ เลย ทำได้ยังไงเนี่ย ทั้งเรีย
“ค่ะ หนูจะคอยดู” แล้วสรวิชญ์ก็พยายามไปแคสนักแสดงหรือเป็นนายแบบที่เขาบอกไว้ เพียงเพราะอยากจะมีรายได้เป็นกอบเป็นกำแบบง่าย ๆ แต่ความพยายามของเขาก็ต้องหมดลง เมื่อเขาถูกปฏิเสธกลับมาหลายต่อหลายครั้ง “นี่หนูรู้ไหม พี่หล่อออกขนาดนี้ พวกนั้นตาต่ำมากที่ไม่ให้พี่เป็นพระเอก หาว่าพี่แสดงไม่ได้เรื่องบ้างล่ะ ตัวแข็งทื่อบ้างล่ะ ดีแต่หน้าตาหล่อ พี่ว่า...พวกนั้นมันต้องอิจฉาพี่มากกว่า ดูสิคนที่ได้ไปหน้าตาหล่อสู้พี่ไม่ได้สักคน”เขาบ่นให้รินรดาฟังในคืนหนึ่ง หลังพลาดบทพระเอกที่เขาหมายมั่นปั้นมือว่าความหล่อของตัวเองจะเข้าตากรรมการแต่แล้วก็ต้องกินแห้วกลับมา “พี่ต้นคะ พลาดครั้งนี้ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่คะ ลองใหม่อีกก็ได้นี่นา อีกอย่างทำไมพี่ต้นไม่ลองแคสบทตัวประกอบดูก่อนล่ะคะ หรือไม่ก็ไปเรียนการแสดงพี่จะได้เก่งขึ้นไงคะ”&nb
หลังจากทำงานพิเศษกับอำนาจ สรวิชญ์ก็เรียนบ้างโดดบ้าง แต่ก็ยังอุตส่าห์เรียนจนจบได้ กอปรกับการช่วยเหลือจากรินรดาที่ช่วยทำโพรเจกต์ให้เขาจนสำเร็จ แม้ในช่วงเวลานั้นเขาจะยุ่งกับการทำงานพิเศษมาก จนทำให้กลับห้องไม่ตรงเวลาก็ตามโดยสรวิชญ์ให้เหตุผลกับรินรดาว่า ตัวเองเจอคนรู้จักใจดี ให้ยืมเงินจำนวนหนึ่งไปลงทุนเล่นหุ้นและร่วมลงทุนให้ เพราะฉะนั้นในเมื่อมีโอกาสเข้ามาแบบนี้ เขาต้องหมั่นไปอบรมเรียนรู้หาข้อมูลต่าง ๆ เพิ่มเติม ตลอดจนมีนัดปรึกษาหารือเรื่องการลงทุนบ่อย ๆ เพื่อรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น แม้ช่วงแรก ๆ รินรดาจะเป็นห่วงการทำงานพิเศษของสรวิชญ์ที่ดูแปลก ๆ แต่พอเขายื่นเงินจำนวนหนึ่งให้ เธอก็เบาใจ เพราะอย่างน้อย ๆ เขาก็สามารถหาเงินมาช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัวได้ทั้งสองคนช่วยกันประคองความรัก จนกระทั่งรินรดาเรียนจบ สรวิชญ์จึงตัดสินใจพารินรดาไปแนะนำให้พ่อแม่รู้จักในฐานะภรรยาตามคำที่เขาเคยรับปากไว้ แม้ทั้งสองจะไม่ชอบการอยู่ก่อนแต่งของพวกเขานัก แต่ก็ขัดชาย
เย็นวันเสาร์หลังจากที่รินรดาสอนพิเศษเสร็จ เธอเดินออกมาจากห้องเรียน พร้อมเด็กนักเรียนที่รีบกรูแย่งกันออกไปจากห้อง ทันทีที่เธอเดินกลับในห้องทำงาน เธอก็เห็นเด็กหญิงตัวเล็กกำลังหัวร่อต่อกระซิกกับกนกอรเพื่อนรัก ความเหนื่อยที่สอนเด็กมาทั้งวันก็พลันหายเป็นปลิดทิ้ง ก่อนจะรีบตรงเข้าไปกอดลูกสาวด้วยความคิดถึง “น้ำฟ้า หิวหรือยังคะลูก” เด็กหญิงส่ายหน้าขณะกำลังเล่นกับตุ๊กตาสีชมพูในมือที่เพิ่งได้รับมาเป็นของขวัญวันเกิดจากกนกอร “จะหิวได้ยังไงคะ เมื่อกี้เพิ่งกินไอศกรีมกับน้าอรไปเอง ใช่ไหมคะ” “ค่ะ”“ขอบใจมากนะอร ช่วยดูแลลูกให้” “ขอบใจอะไรกันล่ะ เรื่องแค่น
“พ...พี่ต้น! ไหนบอกว่าติดประชุมไงคะ แล้วผู้หญิงคนนี้ใครกัน”สรวิชญ์ถึงกับไปไม่เป็น ไม่คิดว่าจะมาเจอภรรยาและลูกสาวที่ห้างแห่งนี้ เพราะปกติรินรดาจะยุ่งมากจนแทบไม่มีเวลามาเดินเล่นซื้อของในห้าง เขามองผู้หญิงทั้งสองคนสลับไปมาก่อนที่สายตาจะมาหยุดอยู่ที่ลูกสาวที่ยังกอดขาไม่ปล่อยด้วยความลังเล“เอ่อ คือพี่...”น้ำฟ้ากางแขนออกให้สรวิชญ์พลางร้องขึ้น“พ่อจ๋า อุ้มหนูหน่อย อุ้ม...”ชายหนุ่มถึงกับหายใจไม่ทั่วปอด มือกำลังขยับไป แต่ทว่าพอหางตาแลเห็นสายตาของกวินนาถที่มองมาเขม็งอย่างจับผิด มือที่ยื่นไปหมายจะอุ้มลูกน้อยเหมือนอย่างเคยจึงตกลงข้างตัว กลับยืนนิ่งทำเฉยชาเหมือนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ชายหนุ่มอยากเอาตัวเองออกจากสถานการณ์อิหลักอิเหลื่อนี่เหลือเกินแต่เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรใครจะไปคิดว่าระยะเวลากว่าสามปี กับความลับที่เขาพยายามปกปิดมานาน ต้องมาแตกในวันนี้เพียงเพราะเกิดเหตุการณ์รถไฟชนกันโดยไม่คาดฝัน คนหนึ่งคือรินรดา คู่ชีวิตที่เขารักและร่วมสร้างครอบครัวกระทั่งมีลูกด้วยกันขณะที่อีกคน ‘กวินนาถ&
“สั่นเหรอครับ พี่ไม่เห็นรู้สึกเลยแฮะ” “นี่ไงคะ มือพี่เจตต์สั่นจริง ๆ ด้วย”หญิงสาวจับมือเขาไว้พลางชูขึ้นทำให้อีกฝ่ายมองมือเจ้ากรรมที่ดันสั่นระริกด้วยความประหม่าใบหน้าแดงก่ำ “พี่ว่า พี่คงเขินน้องระรินมากกว่าน่ะครับ” “เขินระรินเนี่ยนะคะ” “น้องระรินแต่งตัวสวยแบบนี้ จะไม่ให้พี่ตื่นเต้นได้ยังไงกันครับ อีกอย่างน้องระรินรู้ตัวไหมครับ วันนี้พอน้องระรินยิ้มให้พี่ทีไร หัวใจของพี่ก็สั่นไหวเหมือนจะควบคุมไม่อยู่ทุกที” “พี่เจตต์...”ยังไม่ทันที่รินรดาจะทันได้พูดสิ่งใด ประตูลิฟต์ก็เปิดออก ก่อนจะมีป้ายบอกทางไปยังชั้นดาดฟ้าของโรงแรม ทันทีที่รินรดามองขึ้นไปด้านบน เธอเ
“แหม! พูดมาตั้งนาน หรือว่า...น้าอ้อยมีหนุ่มมาจีบเหรอคะ ถึงได้พูดเรื่องเนื้อคู่แบบนี้”รินรดาหัวเราะคิกคักชอบใจ ทำให้อีกฝ่ายบ่นอุบ “โอ๊ย! ทำมาเป็นพูด ชาตินี้น้าไม่เอาผัวเด็ดขาด แค่เห็นชีวิตของพี่ปราง และชีวิตของระริน น้าก็เข็ดขยาดแทนแล้ว กลัวตัวเองจะเลือกผัวผิดไปเจอผู้ชายเฮงซวยเข้าน่ะสิ แต่จะว่าไปเจตต์คงจะเป็นเนื้อคู่ของระรินล่ะมั้ง ดูสิ ขนาดแคล้วคลาดจากกันไปแล้ว ก็มีเหตุให้วนกลับมาอยู่บ้านติดกัน จนมาคบกันแบบนี้ และเขาก็บังเอิญเข้ามาช่วงที่ระรินเดือดร้อนทุกครั้งเลยสิ ถ้าแบบนี้ไม่ใช้เนื้อคู่ แล้วจะเรียกว่าอะไรล่ะ” “หวังว่าจะไม่ใช่คู่เวรคู่กรรมอีกนะคะ”“โอ๊ย อย่างเจตต์นี่ไม่ใช่คู่เวรคู่กรรมหรอก น่าจะเป็นคู่สร้างคู่สมหรือคู่แท้มากกว่าล่ะมั้ง”สองสาวพูดคุยหัวเราะกันสนุกนาน จนพรพรรณเหมือนนึกบางอย่างขึ้นมาได้ เธอจึงเอ่ยขึ้น“เออ...น้าลืมเล่าให้เราฟัง วันก่อนน้าได้รับข่าวพ่อของเราจากเพื่
หลังจากที่เดินทางมาถึงจังหวัดกระบี่ เจตต์ก็พาทุกคนไปเช็กอินที่โรงแรมซึ่งได้จองไว้ โดยเขาได้จองหนึ่งห้องเตียงคู่ พร้อมเตียงเสริมให้รินรดา พรพรรณและน้ำฟ้าพักอยู่ด้วยกัน ส่วนตัวเองพักอยู่อีกห้องข้าง ๆเขาพาทั้งสามคนไปทำบุญที่วัดในจังหวัดกระบี่ เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับสรวิชญ์ หลังจากทำบุญเรียบร้อยแล้ว น้ำฟ้าจับมือรินรดาสลับกับจับมือของเจตต์แล้วหัวเราะคิกคัก ก่อนที่เขาจะพาทุกคนขึ้นรถตู้และพาไปรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารริมชายหาดซึ่งเขาจองไว้ก่อนหน้าบรรยากาศบนโต๊ะอาหารอบอวลไปด้วยความสุขและความสนุกสนานครื้นเครง เสียงหยอกล้อหัวร่อต่อกระซิกท่ามกลางคนที่รักทำให้ความทุกข์ในใจของรินรดาค่อย ๆ จางหายไป ก่อนที่เจตต์จะพาทั้งสามคนไปเดินเล่นที่ชายหาดเจตต์วิ่งเล่นหยอกล้อกับน้ำฟ้า เด็กน้อยหัวเราะคิกคักชอบอกชอบใจก่อนที่เจตต์จะให้หนูน้อยขึ้นขี่คอพาวิ่งไปตามชายหาด และจบลงที่พากันเล่นก่อปราสาททราย โดยมีรินรดากับพรพรรณนั่งเฝ้ามองดูคนทั้งสองด้วยความสุขและอิ่มเอมใจ“ระริน เจตต์เป็นคนดีมากเลยนะ เข้ากับยัยหนูของเราได้ดี ผู้ชายแบบนี้หายากนะที่จะยอมรับเร
ทางด้านรินรดา หลังจากสรวิชญ์จากไปแล้ว เจตต์ก็เก็บกวาดขยะที่เกลื่อนถนนไว้ในถังขยะตามเดิม พอหันมาเห็นรินรดากำลังยืนพิงรถของตัวเองเหนื่อยหอบ มือของเธอยังถือสายยางที่น้ำยังคงไหลรินไม่ขาดสาย เขาก็พอเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวพลางเอื้อมมื้อไปจับสายยางก่อนจะไปปิดน้ำและเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย“ระรินต้องรีบไปประชุมค่ะ”“น้องระรินจะไปประชุมในสภาพแบบนี้เหรอครับ”“คือ...”“เดี๋ยวพี่โทรบอกน้องอรให้นะครับ น้องอรน่าจะเข้าใจ พี่ว่าน้องระรินเข้าไปนั่งพักในบ้านก่อนดีกว่าครับ”เจตต์ใช้เวลาไม่นานโทรบอกกนกอร ก่อนจะพารินรดาเข้าไปนั่งพักในบ้านของเธอ“แล้วนี่น้าอ้อยไม่อยู่เหรอครับ”“เห็นเมื่อเช้าน้าอ้อยบอกว่าจะไปทำธุระที่ห้างน่ะค่ะ น้ำฟ้าก็ไปโรงเรียน โชคดีแล้วล่ะค่ะ จะได้ไม่ต้องมาเจอพี่ต้น ระรินอยากให้ลูกจำพ่อในแบบที่ดี ไม่ใช่แบบที่เราเห็นเมื่อกี้นี้เลยค่ะพี่เจตต์”“พี่เข้าใจครับ”เจตต์มองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาลึกซึ้ง ภายนอกเธอดูเข้มแข็งเสมอ หากเขากลับรู้สึกว่า ภายในจิตใจกลับอ่อนแอจนเขาอย
“เงินแค่นี้ กูไม่พอใช้หรอก มึงได้เงินไปตั้งสิบล้าน มึงเอามาแบ่งกูเดี๋ยวนี้ กูจะเอาส่วนแบ่งจากเงินนั่น”“ไม่มี ถึงมีกูก็ไม่ให้”สรวิชญ์ถลาเข้ามากระชากกระเป๋าถือในมือของเธอ ขณะที่อีกฝ่ายพยายามยื้อยุดฉุดกระชากไม่ยอมแพ้ ก่อนที่กระเป๋าจะหลุดจากมือกระเด็นไปอีกทาง สรวิชญ์รีบพุ่งตัวไปยังกระเป๋าของรินรดา แต่ยังไม่ทันที่เขาจะถึง ร่างสูงของสรวิชญ์ก็ถูกถีบโดยแรงก่อนจะกระเด็นกลิ้งไปบนพื้นถนน และเจตต์ก็ก้มเก็บกระเป๋าส่งคืนให้กับรินรดา“น้องระรินเป็นยังไงบ้างครับ”เจตต์รีบเข้ามาโอบประคองร่างบางที่กำลังสั่นเทาด้วยความตกใจปนโกรธจัด“ระรินไม่เป็นไรค่ะพี่เจตต์ นั่นพี่ต้นค่ะ”เจตต์หันไปมองร่างสกปรกที่พยายามประคองตัวเองลุกขึ้นมายืนอย่างทุลักทุเล เขาเพ่งมองอย่างไม่เชื่อสายตาเพราะสรวิชญ์ในตอนนี้ไม่หลงเหลือภาพความหล่อสมัยเป็นเดือนมหาลัยเหมือนในอดีตเลยสักนิด“นี่มึงจริง ๆ เหรอวะไอ้ต้น”“เออ เป็นกูแล้วยังไง มึงคงจะนึกสมเพชกูมากสินะที่มาเจอกูในสภาพแบบนี้”“ตอนแรกกูรู้ข่าวมึงกูก็ยังนึกสงสาร แต่พอเห็นมึงมาทำแบบนี้กับน้องระริน กูบอกตรง ๆ กูสงสารมึงไม
เที่ยงวันหนึ่งขณะที่รินรดารีบกลับมาที่บ้านเพราะลืมเอกสารสำคัญสำหรับงานประชุมในช่วงบ่าย จังหวะที่ขับรถมาถึงบ้าน เธอก็พลันเห็นผู้ชายคนหนึ่งแต่งตัวมอซอกำลังเกาะรั้วบ้านของเธอมองลอดเข้าไปด้านในรินรดาเพ่งมองเขาด้วยความแปลกใจปนหวาดระแวง ก่อนจะลงรถไปถาม“คุณมาหาใครเหรอคะ” เสียงทักของเธอทำให้เขาชะงักหันมาพร้อมกับถลาเข้ามาใกล้ ทำให้หญิงสาวรีบถอยกรูดด้วยความตกใจ“ระริน นี่พี่เอง พี่ต้นไง ระรินจำพี่ไม่ได้เหรอ”ใบหน้ามอมแมม ผมเผ้ารกรุงรัง กลิ่นตัวโชยหึ่งเหมือนคนไม่ได้อาบน้ำมาหลายวัน ทำให้รินรดาต้องเขม่นมองด้วยความแปลกใจ“นี่พี่ต้นจริง ๆ เหรอคะ”“ใช่ นี่พี่เอง”เขาใช้มือปัดผมบังหน้าออกก่อนจะส่งยิ้มหวานให้ หากสำหรับรินรดา หญิงสาวใช้เวลาพักใหญ่จึงแน่ใจว่าคนตรงหน้าเป็นสรวิชญ์ รอยยิ้มของเขาในตอนนี้ดูแสยะยิ้มมากกว่าจะหวานพิมพ์ใจเหมือนเมื่อก่อน เธอรีบถอยห่างด้วยความตกใจเพราะไม่คิดฝันว่าจะเจอเขาอีกในสภาพเช่นนี้“พี่ต้น...มาทำไมคะ”“พี่มาขอโทษหนู ระริน...พี่คิดถึงหนูมาก พี่ผิดไปแล้วให้อภัยพี่เถอะนะ พี่ขอโทษจริง ๆ อีนังนั่นม
เย็นวันรุ่งขึ้นหลังจากที่เจตต์ไปรับน้ำฟ้าที่โรงเรียนเสร็จแล้ว เขาก็ไปรับรินรดาตามที่นัดหมาย ก่อนจะพาสองแม่ลูกไปเที่ยวที่ห้างสรรพสินค้าเด็กน้อยจูงมือคนทั้งสองไปยังโซนของเล่นตามที่ตัวเองชอบโดยมีเจตต์คอยดูแลไม่ห่าง ก่อนจะเหนื่อยหอบไปนั่งกินไอศกรีมเจ้าโปรดที่หนูน้อยชอบเป็นพิเศษ เขาสั่งไอศกรีมสามถ้วยตามที่แต่ละคนต้องการระหว่างที่กำลังรอไอศกรีมมาเสิร์ฟ รินรดาก็ขอตัวไปห้องน้ำ โดยฝากน้ำฟ้าไว้กับเจตต์หลังจากที่รินรดาทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำเสร็จ เธอเห็นผู้หญิงคนหนึ่งใบหน้าคุ้นตาสวมแว่นสีดำ อันใหญ่ แต่พอเธอขยับจะเดินออกจากห้องน้ำ เสียงแผ่วเบาก็ดังมาจากด้านหลัง“คุณระรินใช่ไหมคะ” เสียงเรียกทำให้รินรดาชะงักก่อนจะหันมามองอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจ“คุณคือ...”รินรดาพยายามเพ่งมองใบหน้าซูบหมองคล้ำแต่พยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก จนอีกฝ่ายต้องแนะนำตัว“ฉันยี่หวาเองค่ะ ฉันคงเปลี่ยนไปมากจนคุณจำไม่ได้สินะคะ”พออีกฝ่ายถอดแว่นกันแดดออก รินรดาถึงกับชะงักไปอึดใจ“นี
หนึ่งปีผ่านไป รินรดาใช้เงินสิบล้านที่ได้มาจากการหย่ากับสรวิชญ์ ส่วนหนึ่งจ่ายค่าบ้านและรถจนหมดหนี้สิน แล้วยังเหลือเงินจำนวนหนึ่ง เธอแบ่งเงินออกเป็นสามส่วน ส่วนหนึ่งสำหรับค่าเล่าเรียนของน้ำฟ้าในอนาคต อีกส่วนหนึ่งสำหรับร่วมลงทุนในสถาบันกนกรดา และอีกก้อนหนึ่งสำหรับเงินเก็บสำรองไว้เผื่อฉุกเฉินหญิงสาวตั้งใจทำงานเพื่อลูก โดยมีน้าสาวคอยอยู่ช่วยดูแลน้ำฟ้าอีกแรง ขณะที่เจตต์คอยช่วยเป็นกำลังใจ และเข้ามาร่วมหุ้นลงทุนกิจการสอนพิเศษจนสามารถขยายสาขาออกไปตามต่างจังหวัดได้เป็นผลสำเร็จตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาความรักของเจตต์และรินรดางอกงามขึ้นเรื่อย ๆ เต็มไปด้วยความเข้าใจและความผูกพันระหว่างกัน แม้แต่ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายก็ยอมรับในความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่เสียงออดหน้าประตูรั้วดังขึ้นในคืนหนึ่ง ก่อนที่พรพรรณจะไปเปิดประตู ทันทีที่เธอเห็นเจตต์ เธอขยับจะทักขึ้นด้วยความดีใจ หากอีกฝ่ายกลับทำมือจุ๊ปากแล้วพูดกระซิบขึ้น“น้าอ้อยอย่าเพิ่งเรียกครับ ผมอยากเซอร์ไพรส์”พรพรรณอมยิ้มพยักหน้าก่อนจะปิดประตูรั้ว เมื่อชายหนุ่มหอบของพะรุงพะรังเดินเข้ามาใน
สรวิชญ์ปาธนบัตรใบละร้อยบาทสองใบไปที่ใบหน้าของอีกฝ่าย ก่อนที่ตัวเองจะรีบผลุนผลันเดินออกไปจากห้อง โดยมีเสียงกรีดร้องของกวินนาถดังตามหลังมาด้วยความไม่พอใจเขาไม่คิดเลยว่าการได้มาใช้ชีวิตอยู่กับกวินนาถจริง ๆ แทนที่ความรักจะสดใส กลับกลายเป็นความทุกข์ยิ่งกว่าเก่า อนาคตที่หวังว่าจะได้เป็นเขยเศรษฐีสุขสบายอยู่บนกองเงินกองทอง ดูท่าจะไม่มีวันเกิดขึ้น ชั่วขณะหนึ่งเขาก็นึกถึงใบหน้าหวานของเมียเก่าขึ้นมา ความรู้สึกผิดจู่โจมเข้ามาในหัวใจ แต่เขาก็ไม่หน้าด้านพอจะกลับไปหา ชายหนุ่มทำได้เพียงกอดพวงมาลัยรถร่ำไห้ระบายความทุกข์ออกมาสรวิชญ์ขับรถไปเรื่อย ๆ จนไปจอดอยู่หน้าบ้านของรินรดา ในเวลาสี่ทุ่มกว่า เขาเห็นไฟในบ้านมืดสนิทก็พอรู้ว่าอีกฝ่ายพาลูกเข้านอนเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มได้แต่เฝ้ามองบ้านหลังเดิมที่เขาเคยอยู่กับรินรดาและลูกด้วยความคิดถึงเรื่องราวแต่หนหลังชั่วระยะเวลาไม่นาน เขาเห็นไฟในห้องทำงานของเธอเปิดขึ้น ก่อนจะเห็นเงาร่างของรินรดาเดินมาที่โต๊ะทำงานของตัวเอง และนั่งลงทำงานเหมือนเช่นทุกครั้ง“ระริน...พี่ขอโทษ”สรวิชญ์ทำได้แต่มองจากในรถบนถนนหน้าบ้าน โดยที่เขาไม่ก