ยังไม่ทันที่จะได้สนทนากันต่อ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับหมอและพยาบาลเดินเข้ามาในห้อง ก่อนที่หมอจะขอให้ญาติคนไข้ออกไปรอด้านนอกก่อนเพื่อทำการตรวจ
“คนไข้รู้ตัวไหมครับ ว่ามาที่นี่ด้วยอาการยังไงบ้าง”
“จำได้ว่า ปวดท้องมากค่ะแล้วก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย”
“เมื่อคืนคนไข้ตกเลือดมาก”
“ตกเลือด หมายความว่ายังไงคะ”
“คนไข้รู้ไหมครับว่าตัวเองตั้งครรภ์”
“ตั้งครรภ์เหรอคะ”
รินรดาทวนคำเสียงเบาหวิว แทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“ครับ หลังจากที่หมอตรวจเพิ่มเติม พบว่าคนไข้ตั้งครรภ์ แต่...หมอเสียใจด้วยนะครับ เด็กไม่อยู่แล้ว คนไข้ต้องนอนพักดูอาการอยู่ที่นี่อีกสัก 2-3 วันนะครับ ถึงจะกลับบ้านได้ แล้วคนไข้อยากให้หมอบอกญาติให้ไหมครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยว...บอกเองค่ะ ขอบคุณนะคะ”
เธอตอบน้ำเสียงแผ่วก่อนที่หมอและพยาบาลจะเดินออกไป
‘ตั้งครรภ์’
‘เด็กไม่อย
“ฉันยังไม่พร้อมที่จะคุยอะไรกับเขาตอนนี้ ฉันขอร้องล่ะค่ะ พี่เจตต์ อร อย่าเอาเรื่องวันนี้ไปบอกพี่ต้นเลยนะคะ ฉันขอร้อง...ให้ทุกคนเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับนะคะ”คำตอบของรินรดาทำให้กนกอรรู้สึกขัดใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้จำต้องรับคำ“ก็ได้...ฉันจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใคร ความลับของแก ฉันจะปิดให้สนิท”“ส่วนพี่ ระรินไม่ต้องเป็นห่วง พี่ไม่เอาไปบอกใครแน่นอน”“ขอบคุณมากนะคะพี่เจตต์ อร”พลันสายตากนกอรมองดูนาฬิกาในห้องพักคนไข้ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าถึงเวลาเข้าเรียน เธอจึงรีบขอตัวไปมหาวิทยาลัยพร้อมกับเจตต์ แต่ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกไปจากห้อง รินรดากลับเรียกขึ้น“พี่เจตต์คะ เรื่องครั้งนี้ขอบคุณมากนะคะ ถ้าไม่ได้พี่เจตต์ช่วยไว้ ระรินคงแย่”“ใช่ น้าเองก็ต้องขอบคุณเจตต์มากนะลูก หากไม่ได้เจตต์ ไม่รู้เลยว่าหลานน้าจะเป็นยังไงบ้าง”“ไม่เป็นไรครับ น้าอ้อย น้องระริน สำหรับน้องระริน ถ้ามีปัญหาหรือเรื่องอะไรบอกพี่ได้เสมอ พี่ยินดีช่วยครับ” เขาบอกยิ้ม ๆ ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปพร้อม
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา หลังจากรินรดาออกจากโรงพยาบาล เธอกลับมาเรียนและสอนพิเศษตามปกติ โดยมีกนกอรและเจตต์คอยสลับกันอยู่ดูแลเป็นเพื่อน คอยระแวดระวังสรวิชญ์หากเขาจะเข้ามาใกล้รินรดา ถึงขนาดที่กนกอรหอบเสื้อผ้าใส่กระเป๋ามานอนค้างเป็นเพื่อนรินรดาที่หอพัก จนอีกฝ่ายร้องโอดครวญออกมาด้วยความเกรงใจ “พี่เจตต์ อร ทั้งสองคนไม่ต้องทำแบบนี้หรอก ระรินหายแล้ว ดูแลตัวเองได้ ส่วนอรไม่ต้องมานอนเป็นเพื่อนฉันหรอก นี่ห้องฉันเอง ฉันอยู่คนเดียวได้สบายมาก” “พี่รู้ว่าระรินดูแลตัวเองได้ แต่พี่เป็นห่วง หากไอ้ต้นบุกเข้ามาหา น้องจะเป็นอันตรายน่ะสิ” “ใช่แก พี่เจตต์พูดถูก” กนกอรเห็นด้วย โดยไม่ได้สังเกตเห็นรินรดาที่หน้าเจื่อนไป เมื่อชื่อของคนที่เธอพยายามจะลืมถูกพูดขึ้นมาอีกค
“เออ...ไอ้ต้น รถมึงไปไหนวะ เมื่อกี้กูขึ้นมาไม่เห็นรถมึงจอดอยู่เลย” จู่ ๆ เอกวิทย์ก็โพล่งถามขึ้นมาไม่มีปี่มีขลุ่ย เรียกสติของสรวิชญ์กลับคืนมาพร้อมตอบกลับอย่างหัวเสีย“กูไม่มีรถแล้ว”“หมายความว่ายังไงวะ ไม่มีรถแล้ว”“บ้านกูล้มละลาย เขามายึดรถกูไปแล้ว”“อะไรนะ มึงโกหกหรือเปล่าเนี่ยไอ้ต้น”“เรื่องแบบนี้โกหกได้ด้วยเหรอวะ” เขาพูดพลางกระดกขวดเหล้าในมือต่ออย่างไม่สนใจ ขณะที่ ชนิศาหน้าซีดเผือดเมื่อรับรู้จากปากเขา แต่ยังไม่ทันที่คนทั้งสามจะทำสิ่งใดต่อ ก็มีผู้ชายท่าทางน่ากลัวกลุ่มหนึ่งเปิดประตูเข้ามาในห้องอย่างอุกอาจ “พวกมึงออกไปให้หมดเดี๋ยวนี้ ที่นี่ถูกยึดแล้ว” “นี่มันเรื่องอะไรกัน” สรวิชญ์ตะโกนใส่หน้าด้วยความไม่พอใจ&nbs
“เออก็ได้ กูจะบอกให้เอาบุญ ไอ้เด็กนี่ไม่ใช่ลูกมึง ทำไม...กูแค่อยากให้เด็กมีพ่อ กูผิดด้วยเหรอ”“แต่มันต้องไม่ใช่กู มึงทำลายชีวิตกู”“โธ่...ไอ้ต้น อย่าหลงตัวเองหน่อยเลยว่าดีเลิศประเสริฐศรี มึงตอนนี้ มันก็แย่ไม่ต่างจากพวกกู หรอกวะ บ้านก็ล้มละลาย เหลือแต่ตัว เสียเวลาชะมัด รู้งี้กูไปจับผู้ชายคนอื่นที่รวยกว่านี้เสียก็ดี”เมื่อชนิศาเห็นว่าแผนที่เธออุตส่าห์ตั้งใจมาตลอดกลับถูกจับได้ เธอถึงกับชี้หน้าด่าอย่างเหลืออดและรีบออกไปจากห้องโดยไม่สนใจชายหนุ่มทั้งสองอีกเลย“ไหนเงินกูล่ะ ค่าจ้างกูล่ะ”เอกวิทย์ทวงไล่หลัง แต่ก็สูญเปล่า เงินค่าจ้างที่เขาควรจะได้ หายวับไปกับตัวต้นเรื่องที่เดินทิ้งไปอย่างไม่ไยดี ครั้นพอเขาหันมาเห็นสรวิชญ์ที่กำลังจ้องมองหน้าเขาด้วยความเจ็บช้ำใจ ชายหนุ่มถึงกับเสียงอ่อนลง“ต้นกูขอโทษจริง ๆ กูไม่คิดว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้”“ไอ้เอก...” สรวิชญ์พูดเพียงแค่นั้น แล้วหมัดหนัก ๆ ของเขาจะซัดเข้าไปที่ใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างจัง ก่อนจะผลุนผลันออกจากห้องไปด้วยความหงุดหงิด
สรวิชญ์ทรุดตัวนั่งกับพื้นก่อนจะร่ำไห้ออกมา ทำเอาคนทั้งสามมองภาพนั้นอย่างสะเทือนใจ ใครจะไปคาดคิดว่าเพื่อนรักอย่างสรวิชญ์และเอกวิทย์จะแตกหักกันได้เพียงเพราะเงินและผู้หญิงเพียงคนเดียว รินรดาขยับจะเข้าไปหาสรวิชญ์ด้วยความสงสาร หากกนกอรรั้งไว้พร้อมพูดเตือนสติ “ระริน แกอย่าลืมสิที่แกต้องแท้งลูกก็เพราะผู้ชายคนนี้ แกจะใจอ่อนเพราะฟังคำพูดแค่ไม่กี่คำได้ยังไง” “อะไรนะ! แท้งลูก...แท้งลูกเหรอ หมายความว่ายังไง” สรวิชญ์อุทานด้วยความแปลกใจ พลางจ้องมองหน้ารินรดาและกนกอรอย่างคาดคั้น ทำให้กนกอรที่เผลอหลุดปากพูดออกไปถึงกับรีบตีปากตัวเอง “ระริน ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”&nbs
หลังจากรินรดาและสรวิชญ์ปรับความเข้าใจกันได้ ทั้งสองกลับมาคบหาและอยู่ด้วยกันอีกครั้ง วันหนึ่งชายหนุ่มกลับมาถึงหอในคืนหนึ่ง เขาเดินเข้าไปสวมกอดหญิงสาวคนรักด้วยความคิดถึง“ระรินครับ วันนี้พี่มีของขวัญให้หนูด้วยนะ”“ของขวัญเนื่องในโอกาสอะไรเหรอคะ”“ในโอกาสที่หนูยกโทษให้พี่ไงครับ ของขวัญแทนความรักและคำขอบคุณจากพี่” เขาพูดพร้อมปลดกระดุมเสื้อออก เผยให้เห็นรอยสักรูป ร. ที่หน้าอกด้านซ้าย“พี่ต้นไปสักมาเหรอคะ ร.เรือ หมายความว่ายังไงเหรอคะพี่”“พี่ให้ช่างสักรูป ร.เรือ แทนชื่อของน้องระริน รินรดา เพื่อจะสลักชื่อหนูไว้กลางใจของพี่ตลอดไป หนูจะได้มั่นใจว่า พี่จะรักและซื่อสัตย์กับหนูเพียงคนเดียว นี่คือของขวัญแทนคำมั่นสัญญาที่พี่อยากมอบให้คนที่พี่รักที่สุดครับ”“พี่ต้น...ขอบคุณมากนะคะ ระรินชอบมากเลยค่ะ”รินรดาโผเข้ากอดเขาด้วยความตื้นตันใจกับของขวัญชิ้นนี้ที่เขาตั้งใจมอบให้“พรุ่งนี้หนูพาพี่ไปหาน้าอ้อยนะ พี่อยากทำให้ถูกต้อง พี่อยากขอขมาน้าอ้อยกับเรื่องท
รินรดาและสรวิชญ์ก็ช่วยกันประคับประคองความรัก คอยให้กำลังใจซึ่งกันและกัน จนความบอบช้ำทางใจของหญิงสาวค่อย ๆ หายดี สำหรับรินรดา การทำงานและหาเงินควบคู่ไปด้วยกัน เป็นเรื่องปกติที่เธอทำมาตลอด เธอจึงไม่ได้รู้สึกหนักหนาอะไร ตรงกันข้ามกับสรวิชญ์ เขาเคยชินกับการเรียนเพียงอย่างเดียว และมีเงินมากพอที่จะใช้จ่ายในสิ่งที่ต้องการแต่หลังจากเกิดวิกฤติทางการเงินของครอบครัวครั้งใหญ่ เขาต้องใช้เงินที่ครอบครัวโอนมาให้ในแต่ละเดือนด้วยความประหยัด แม้จะมีรายได้เสริมจากการที่เขาคอยช่วยรินรดาสอนพิเศษ หากเขากลับรู้สึกว่า เงินที่ได้น้อยนิด ไม่คุ้มค่ากับการทำงานเหน็ดเหนื่อยแบบนี้ “พี่ต้น ทำไมสีหน้าเคร่งเครียดอย่างนั้นล่ะคะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” “พี่เหนื่อยน่ะ ไหนจะต้องเรียนต้องไปสอบ ไหนจะต้องสอนพิเศษ เงินที่ได้ก็น้อย ไม่คุ้มกับที่ปากเปียกปากแฉะ หนูเก่งมาก ๆ เลย ทำได้ยังไงเนี่ย ทั้งเรีย
“ค่ะ หนูจะคอยดู” แล้วสรวิชญ์ก็พยายามไปแคสนักแสดงหรือเป็นนายแบบที่เขาบอกไว้ เพียงเพราะอยากจะมีรายได้เป็นกอบเป็นกำแบบง่าย ๆ แต่ความพยายามของเขาก็ต้องหมดลง เมื่อเขาถูกปฏิเสธกลับมาหลายต่อหลายครั้ง “นี่หนูรู้ไหม พี่หล่อออกขนาดนี้ พวกนั้นตาต่ำมากที่ไม่ให้พี่เป็นพระเอก หาว่าพี่แสดงไม่ได้เรื่องบ้างล่ะ ตัวแข็งทื่อบ้างล่ะ ดีแต่หน้าตาหล่อ พี่ว่า...พวกนั้นมันต้องอิจฉาพี่มากกว่า ดูสิคนที่ได้ไปหน้าตาหล่อสู้พี่ไม่ได้สักคน”เขาบ่นให้รินรดาฟังในคืนหนึ่ง หลังพลาดบทพระเอกที่เขาหมายมั่นปั้นมือว่าความหล่อของตัวเองจะเข้าตากรรมการแต่แล้วก็ต้องกินแห้วกลับมา “พี่ต้นคะ พลาดครั้งนี้ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่คะ ลองใหม่อีกก็ได้นี่นา อีกอย่างทำไมพี่ต้นไม่ลองแคสบทตัวประกอบดูก่อนล่ะคะ หรือไม่ก็ไปเรียนการแสดงพี่จะได้เก่งขึ้นไงคะ”&nb
“ผมอยู่คนเดียวครับ ภรรยาผมเสียชีวิตไปแล้วครับ” “ตายแล้ว น้าขอโทษนะ น้าไม่ได้ตั้งใจจะละลาบละล้วง” “ไม่เป็นไรครับ เรื่องมันก็เกิดขึ้นมาปีกว่าแล้วล่ะครับ เธอป่วยตาย ตอนนี้ผมเลยอยู่คนเดียว บ้านเลยมีสภาพอย่างที่เห็นน่ะครับ” เขายิ้มเก้อ เมื่อมองสภาพสวนในยามนี้มีแต่สีน้ำตาลของต้นไม้และใบไม้ที่แห้งตายคาต้น ขณะที่หญ้าเริ่มยาวขึ้นรก “ชีวิตคนมันก็อย่างนี้แหละ ไม่จากเป็นก็จากตายเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ เอาเถอะ ๆ กินข้าวต้มให้อร่อยนะ เดี๋ยวน้าไปดูยัยหนูก่อน” “ขอบคุณครับน้าอ้อย” พรพรรณเดินจากไปแล้ว ขณะที่เจตต์เหมือนคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ชีวิตของคนเราไม่แน่นอน คนตายก็ตายไป แต่ต
รินรดาตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวไปสอนพิเศษที่สถาบัน ขณะที่น้ำฟ้ายังคงหลับสนิทอยู่บนที่นอนเหมือนเดิม ทันทีที่รินรดาเดินลงมาชั้นล่าง กลิ่นหอมของข้าวต้มก็โชยมาแตะจมูกทำให้เธอเดินตามกลิ่นด้วยความหิว “ข้าวต้มทรงเครื่องเหรอคะน้าอ้อย” “ใช่แล้วจ้ะ ข้าวต้มทรงเครื่องโบราณน่ะ” “เห็นข้าวต้มแบบนี้แล้วนึกถึงแม่เลยนะคะ เมื่อก่อนแม่ทำข้าวต้มแบบนี้ขายทุกวัน หนูก็จะได้กินข้าวต้มนี้ก่อนไปโรงเรียนทุกเช้า ระรินโชคดีจังเลยค่ะที่น้าอ้อยมาอยู่ด้วย ขืนน้าอ้อยทำให้กินแบบนี้ทุกวัน หนูได้น้ำหนักขึ้นแน่เลยค่ะ” “จ้าทำเป็นปากหวาน นี่สูตรของแม่เรานั่นแหละ เป็นยังไงบ้าง อร่อยไหม” พรพรรณถามขึ้นเมื่อเห็นรินรดาตักข้าวต้มเข้าปาก “โอ๊ย
“ส่วนระริน เขาคือความผิดพลาดที่พี่ต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่ความรักเลยครับ ถ้ายี่หวายังไม่เชื่อพี่อีก จะให้พี่ไปสาบานที่ไหนก็ได้ พี่ยอมทุกอย่าง ขอเพียงอย่างเดียว ขอให้ยี่หวาอภัยให้พี่เถอะนะครับ พี่อยู่ไม่ได้จริง ๆ ถ้าพี่ไม่มียี่หวา ให้พี่ตายเสียดีกว่าที่จะต้องมีชีวิตอยู่อย่างเดียวดาย” เขากอดขากวินนาถสะอื้นไห้ออกมาดัง ๆ น้ำตาไหลอาบแก้ม ขณะที่ภายในใจ สรวิชญ์ได้แต่ภาวนาให้อีกฝ่ายเห็นน้ำตาแล้วใจอ่อนลง ทว่าเมื่อเขายังเห็นแววตาของอีกฝ่ายที่ยังดูแข็งกร้าว ชายหนุ่มจึงงัดไม้ตายสุดท้ายออกมา “ถ้าสิ่งที่พี่พูดออกไป ยี่หวายังไม่ให้อภัยพี่อีก พี่ก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว พี่ยอมตายเสียตอนนี้ดีกว่าอยู่คนเดียว” สรวิชญ์ถลาวิ่งไปที่ระเบียงคอนโด ก่อนจะเหยียบขึ้นไปที่รั้วอันแรกริมระเบียง หากจังหวะที่เขากำลังก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของกวินนาถก็ดังมาจากด้านหลัง 
เสียงโหวกเหวกโวยวายของคนบนท้องถนนด่าทอไม่ขาดสาย หากเขาก็ทู่ซี้ยืนขวางอยู่อย่างนั้นไม่มีทีท่าว่าจะหนีไปไหน จนมีบางคนเลือดร้อนเปิดประตูลงมาด่าเขาใกล้ ๆ และพยายามลากเขาออกไปข้างถนน แต่สรวิชญ์ก็ขืนตัวเองไว้ จนเกิดการชกต่อยเกิดขึ้น ผลัวะ!ชายหนุ่มพลาดท่าทำให้ตัวเองโดนอีกฝ่ายซัดเข้าที่ใบหน้าอย่างจังจนเขาเสียหลักล้มไปกองที่พื้นถนนหน้าแท็กซี่ของหญิงสาว แต่ยังไม่ทันที่เขาจะโดนต่อยซ้ำเข้าอีกครั้ง เสียงแหลมของยี่หวาก็ขัดขึ้นด้วยความไม่พอใจ “ไม่ต้องต่อยแล้ว เดี๋ยวพวกเราไปเอง” เธอรีบเดินไปห้ามชายคนนั้นไว้ได้ทัน ก่อนที่เขาจะซัดหมัดเข้าไปที่สรวิชญ์ ขณะที่กวินนาถรีบเดินตรงเข้าไปประคองชายหนุ่มให้ลุกขึ้นยืน แล้วกลับไปที่รถเก๋งของเขาที่กำลังจอดขวางทางจราจรในตอนนี้ ทำให้การจราจรกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง “ขอบคุณนะที่รัก”&nbs
ขณะที่รินรดากำลังร้องไห้กอดเสื้อของสามี จู่ ๆ ประตูห้องนอนของเธอก็เปิดออก ก่อนร่างเล็กของน้ำฟ้าจะโผล่เข้ามาพร้อมตุ๊กตาหมีตัวโปรดในมือ ด้วยความตกใจที่เห็นลูกน้อยเข้ามาหาเธอแทนที่จะนอนหลับอยู่บนเตียง หญิงสาวจึงรีบปาดน้ำตา แล้วรีบเดินไปหาหนูน้อยทันที “น้ำฟ้า ทำไมหนูยังไม่นอนล่ะลูก”เธอพยายามพูดให้เป็นปกติ แต่ดูเหมือนว่าน้ำเสียงของเธอจะสั่นเครืออย่างห้ามไม่อยู่ แม้แต่น้ำตาเจ้ากรรมที่พยายามสะกดกลั้นไว้ก็ไหลออกมาต่อหน้าลูกสาวจนได้ น้ำฟ้าเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาที่เปื้อนแก้มของผู้เป็นแม่ ดวงตากลมโตจ้องมองด้วยความสงสัยก่อนจะถามขึ้น “แม่จ๋า แม่ร้องไห้ทำไมเหรอจ๊ะ” “น้ำฟ้าลูก...” “แม่จ๋า อย่าร้องไห้เลยนะจ๊ะ โอ๋ ๆ”
‘วันสำคัญของลูกทั้งที พี่ต้นจะไม่กลับมาบ้านเหรอ’ ทว่าห้วงความคิดของเธอก็มีเสียงเรียกของพรพรรณดังมา“ระรินมัวยืนทำอะไรอยู่ จะเป่าเค้กแล้วลูก”ทันทีที่เธอเดินไปถึงโต๊ะกินข้าว เทียนสามเล่ม ถูกจุดไว้บนเค้กเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่เสียงร้องเพลง Happy birthday ของพรพรรณจะดังขึ้นเป็นคนแรก ตามด้วยผู้ใหญ่ทั้งสามคนร้องเพลงดังพร้อมเสียงปรบมือ“เป่าเค้กสิลูก”“ค่ะแม่”น้ำฟ้ารวบรวมแรงเป่าพรวดเดียวจนเทียนทั้งสามเล่มดับในทันที ก่อนที่รินรดาจะกระวีกระวาดจัดการตัดแบ่งเค้กให้คนทั้งสี่กินพร้อมหน้าพร้อมตากันบรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยความสนุกสนานครื้นเครง แม้รินรดาจะพยายามยิ้มและหัวเราะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่าพรพรรณรู้ดีว่าต้องมีอะไรบางอย่างถึงทำให้คนที่เคยยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เป็นนิจกลับทิ้งร่องรอยแดงบวมช้ำไว้ที่ดวงตาคู่งามรอยยิ้มที่ฝืนแสดงออกว่ามีความสุข ไม่อาจหลบพ้นสายตาคมกริบของคนช่างสังเกตอย่างเจตต์ไปได้เช่นกัน คืนวันนั้นเจตต์กลับบ้านไปด้วยด้วยอารมณ์หลากหลาย ดีใจที่ได้กลับมาเจอหน้ารินรดาอีกครั้ง เสียใ
รินรดาขับรถกลับไปบ้านท่ามกลางสายฝนที่ตกหนักราวกับช่วยซ้ำเติมความเจ็บปวดในหัวใจเธอ โดยมีลูกสาวตัวน้อยที่ร้องไห้จนเหนื่อยอ่อนและผล็อยหลับไปในเบาะนั่งคาร์ซีทเคียงข้างเธอ เมื่อหันไปมองลูกรักที่กำลังนั่งหลับอยู่ข้าง ๆ ได้เห็นคราบน้ำตาบนใบหน้าอันน่าเอ็นดู ก่อนที่ริมฝีปากเล็ก ๆ จะละเมอเอื้อนเอ่ยออกมา“พ่อจ๋า...อย่าทิ้งหนู”คำนั้นทำให้คนเป็นแม่ยอกแสยงในอกราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นบีบรัดหัวใจจนหายใจไม่ออกขึ้นมาอย่างฉับพลัน จนต้องแตะเบรกค่อย ๆ เลื่อนรถไปจอดลงตรงหน้าบ้านข้าง ๆ ก่อนจะถึงหน้าบ้านของเธอหญิงสาวกัดริมฝีปากแน่นจนห้อเลือดเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นด้วยความเจ็บปวดทรมาน ไม่อยากให้เสียงของตนทำให้ลูกรักต้องตื่นขึ้นและพบกับความผิดหวังเจ็บปวดหากต้องเจ็บ เธอขอรับความเจ็บนั้นไว้เองทั้งหมดดีกว่ารินรดาซบใบหน้าลงกับพวงมาลัยรถและปลดปล่อยน้ำตาให้รินไหลออกมาเงียบ ๆ ร่างกายสั่นสะท้าน หัวใจหนาวเหน็บราวกับถูกฝนห่าใหญ่ซัดกระหน่ำ“คุณครับ เป็นอะไรหรือเปล่า” จู่ ๆ ก็มีเส
“พ...พี่ต้น! ไหนบอกว่าติดประชุมไงคะ แล้วผู้หญิงคนนี้ใครกัน”สรวิชญ์ถึงกับไปไม่เป็น ไม่คิดว่าจะมาเจอภรรยาและลูกสาวที่ห้างแห่งนี้ เพราะปกติรินรดาจะยุ่งมากจนแทบไม่มีเวลามาเดินเล่นซื้อของในห้าง เขามองผู้หญิงทั้งสองคนสลับไปมาก่อนที่สายตาจะมาหยุดอยู่ที่ลูกสาวที่ยังกอดขาไม่ปล่อยด้วยความลังเล“เอ่อ คือพี่...”น้ำฟ้ากางแขนออกให้สรวิชญ์พลางร้องขึ้น“พ่อจ๋า อุ้มหนูหน่อย อุ้ม...”ชายหนุ่มถึงกับหายใจไม่ทั่วปอด มือกำลังขยับไป แต่ทว่าพอหางตาแลเห็นสายตาของกวินนาถที่มองมาเขม็งอย่างจับผิด มือที่ยื่นไปหมายจะอุ้มลูกน้อยเหมือนอย่างเคยจึงตกลงข้างตัว กลับยืนนิ่งทำเฉยชาเหมือนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ชายหนุ่มอยากเอาตัวเองออกจากสถานการณ์อิหลักอิเหลื่อนี่เหลือเกินแต่เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรใครจะไปคิดว่าระยะเวลากว่าสามปี กับความลับที่เขาพยายามปกปิดมานาน ต้องมาแตกในวันนี้เพียงเพราะเกิดเหตุการณ์รถไฟชนกันโดยไม่คาดฝัน คนหนึ่งคือรินรดา คู่ชีวิตที่เขารักและร่วมสร้างครอบครัวกระทั่งมีลูกด้วยกันขณะที่อีกคน ‘กวินนาถ&
เย็นวันเสาร์หลังจากที่รินรดาสอนพิเศษเสร็จ เธอเดินออกมาจากห้องเรียน พร้อมเด็กนักเรียนที่รีบกรูแย่งกันออกไปจากห้อง ทันทีที่เธอเดินกลับในห้องทำงาน เธอก็เห็นเด็กหญิงตัวเล็กกำลังหัวร่อต่อกระซิกกับกนกอรเพื่อนรัก ความเหนื่อยที่สอนเด็กมาทั้งวันก็พลันหายเป็นปลิดทิ้ง ก่อนจะรีบตรงเข้าไปกอดลูกสาวด้วยความคิดถึง “น้ำฟ้า หิวหรือยังคะลูก” เด็กหญิงส่ายหน้าขณะกำลังเล่นกับตุ๊กตาสีชมพูในมือที่เพิ่งได้รับมาเป็นของขวัญวันเกิดจากกนกอร “จะหิวได้ยังไงคะ เมื่อกี้เพิ่งกินไอศกรีมกับน้าอรไปเอง ใช่ไหมคะ” “ค่ะ”“ขอบใจมากนะอร ช่วยดูแลลูกให้” “ขอบใจอะไรกันล่ะ เรื่องแค่น