“ท่านพี่ ให้เรียกข้าเช่นภรรยาบ้านอื่นเขาทำกัน สนทนาส่วนตัวมิจำเป็นต้องมีพิธีให้วุ่นวาย” เฟยเทียนเอ่ยกับภรรยาเสียงเรียบ โดยที่ความสนใจทั้งหมดของชายหนุ่ม ยังอยู่ที่ถ้วยชาในมือนั้นเอง “เจ้าค่ะ ท่านพี่” จื่อลู่ถิงไม่คิดจะดื้อรั้นกับเรื่องเพียงเล็กน้อยนี้ สำหรับนาแล้ว ต่อให้สามีมิรักใคร่ ทว่าฐานะที่เขามอบแก่นาง ก็ยังคงเป็นประโยชน์สำหรับตัวนางอยู่นั้นเอง “นั่งลงก่อนเถอะ ข้ามีเรื่องจะคุยด้วยสักหน่อย” เฟยเทียนควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติ ชายหนุ่มพยายามอย่างที่สุด ในการข่มกลั้นอารมณ์พลุ่งพล่าน ที่พร้อมปะทุออกมาหากเขารั้งอยู่กับนางนานกว่านี้ “เรื่องใดกันเจ้าคะ” “ข้าได้รับพระบัญชาให้เดินทางไปยังชายแดนตะวันออก เพื่อเป็นตัวแทนร่วมงานแต่งของอ๋องน้อยจางเสิ่น เจ้าต้องเดินทางไปกับข้าด้วย” ชายหนุ่มบอกถึงจุดประสงค์ ที่เขามาพบนางถึงเรือน ซึ่งตามความเป็นจริงแล้ว เขามิจำเป็นต้องมาด้วยตนเองก็ย่อมได้ แต่ด้วยเป็นพระบัญชาจากฮ่องเต้ ให้ทุกอย่างสมพระเกียรติในฐานะตัวแทนของพระองค์ เขาจึงไม่อาจละเลยให้ภรรยาจัดเตรียมทุกอย่าง โดยไร้เขาเป็นผู้ควบคุม “เจ้าค่ะ ข้าจะรีบจัดเตรียมข้าวของในการเดินทาง มิให้ขาดต
จื่อลู่ถิงยิ้มกว้าง เมื่อเห็นน้ำตกเล็ก ๆ หญิงสาวถอดชุดคลุมออก ก่อนจะก้าวตามโขดหินไปยังเป้าหมายที่ต้องการ โดยมีผู้เป็นสามีคอยจับตามองทุกฝีก้าว “ระวังหน่อยถิงเอ๋อร์ หินมันลื่น” “ว๊าย!” ยังมิทันสิ้นคำ เสียงหวีดร้องก็ดังขึ้น เมื่อเท้าเปล่าเปลือยของหญิงสาวเกิดลื่นตะไคร่น้ำที่เกาะอยู่บนโขดหิน พรึ่บ! ก่อนที่จะบางจะตกลงไปในน้ำ เอวคอดก็ถูกรวบเอาไว้ได้เสียก่อน “ยังมิทันไร เจ้าก็ขัดคำสามีเสียแล้ว” ชายหนุ่มแสร้งดุหญิงสาวเบา ๆ อย่างไม่จริงจังนัก “มิได้เจ้าค่ะ มันเป็นอุบัติเหตุต่างหากล่ะเจ้าค่ะ” จื่อลู่ถิงตอบเสียงอู้อี้อยู่กับอกของสามี หญิงสาวรู้สึกเคลิบเคลิ้มไปกับกลิ่นกายหอมละมุนของสามีโดยมิรู้ตัว นางมั่นใจว่าเขาขี่ม้ามาตลอดทั้งวัน เหตุใดบนกายกลับไร้กลิ่นเหงื่อเล่า “มาเถอะ ข้าจะพาเจ้าลงเล่นน้ำเอง” “เอ่อ...ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” ร่างสูงไม่ได้ใส่ใจคำปฏิเสธของภรรยา กลับช้อนอุ้มร่างเย้ายวนนั้นก้าวลงในน้ำแทน เพียงกายสัมผัสน้ำ เฟยเทียนรู้สึกแข็งทื่อไปชั่วขณะ เมื่อความรู้สึกบางอย่างแล่นเขามาให้หัว
“อื้อ อ่า”หญิงสาวส่งเสียงคราง พร้อมยกก้นรับกับลิ้นร้ายของสามี ที่กำลังตวัดโลมเลียทั่วเนินสวาทของนาง ทำให้ตลอดทั้งร่างสั่นสะท้านด้วยความเสียวซ่าน เฟยเทียนดูดเม้มยังเม็ดสวาทสีหวานของภรรยา เพื่อสร้างความหฤหรรษ์ให้แก่นาง เพียงความหวานที่สัมผัสปลายลิ้น เขาแทบจะควบคุมความกระสันอยากในกายเอาไว้มิได้ แต่ทว่าชายหนุ่มจำต้องข่มกลั้นเอาไว้เสียก่อน เพราะเจ้าของร่างอวบอิ่ม ที่กำลังเด้งรับปลายลิ้นของเขาอยู่ในตอนนี้ ยังไม่พร้อมให้เขาจู่โจมด้วยอาวุธประจำกาย “โอ้ววว ท่านพี่ อ่า...” ร่างบางสั่นสะท้านไปทั้งกาย เมื่อถูกปลายลิ้นของสามีรุกล้ำเข้าไปยังเส้นทางสวาทของนาง รูเล็กแคบชื้นไปด้วยน้ำหวานที่เริ่มไหลเยิ้มออกมา สัมผัสกับปลายลิ้นของชายหนุ่ม “เร็วอีกเจ้าค่ะท่านพี่ ข้าต้องการมากเหลือเกิน อ่า” เมื่อได้ยินคำเร่งเร้าของภรรยา เฟยเทียนมิคิดขัดใจ ชายหนุ่มดูดเม้มยังเม็ดสวาทของภรรยาแรงขึ้น ตามความต้องการของนาง “อ๊า ท่านพี่ ข้าจะไม่ไหวแล้วนะเจ้าคะ” หญิงสาวเอ่ยเร่งเร้าสามีมากขึ้น เมื่อร่างเย้ายวนสั่นสะท้านไปด้วยความเสียวซ่าน จื่อลู่ถ
“ไยต้องสน หากมันผู้ใดล่วงล้ำเข้ามา พี่จะสังหารมันทิ้งเสีย โทษฐานที่เห็นเรือนร่างงามของเจ้า” เอ่ยจบเฟยเทียนกดจูบยังซอกคอหอมกรุ่นของภรรยา ก่อนจะถอดถอนท่อนเอ็นออกจากร่องสวาท แต่ทว่าชายหนุ่มยังมิได้ปล่อยร่างอวบอิ่มออกจากอ้อมแขนอย่างที่ควรจะเป็น “อาบน้ำกัน” จื่อลู่ถิงรู้สึกแสบเล็กน้อย เมื่อนั่งลงในน้ำอีกครั้งหลังจากถูกสามีจับกินกลางลำธาร หญิงสาวพยายามที่จะระงับความร้อนรุ่ม ที่ดูเหมือนกำลังถูกก่อกวนด้วยมือหยาบกร้านของสามี ที่ลูบไล้ไปทั่วกาย ก่อนจะหยุดยังเนินสวาทของนางอีกครั้ง “ท่านพี่อย่าเร่งร้อนสิเจ้าค่ะ คืนนี้ข้ามิหนีหายไปที่ใดสักหน่อย” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงยั่วเย้ากับอกของสามี เฟยเทียนเชยคางของภรรยาขึ้น ก่อนจะกดจูบลงไปอย่างอ่อนหวาน จื่อลู่ถิงตอบรับจูบนั้นอย่างเต็มใจมิแพ้กัน มันมิใช่สิ่งผิดอันใดกับเรื่องของนางและสามี ความสัมพันธ์นี้ย่อมเป็นธรรมชาติของชายหญิง สองร่างต่างแลกรสจูบอันเร้าร้อนให้แก่กันจนความมืดกลืนกินไปรอบบริเวณ ทำให้สองสามีภรรยาจำต้องกลับไปยังที่พัก หลังมื้อค่ำทุกอย่างดูปกติ หาได้มีสิ่งใดผิด
“อ๊ะ อ่า แรงอีกเจ้าค่ะ ท่านพี่”เอวสอบกระแทกท่อนเอ็นเข้าสู่รู้สวาทของภรรยา ตามคำเรียกร้องของนาง ทั้งรุนแรงและเน้นหนัก เพื่อสนองตอบอารมณ์คุกรุ่นของเขาและนาง“ช่างคับแน่นอะไรอย่างนี้”เฟยเทียนพูดด้วยน้ำเสียงแหบพล่า เมื่อท่อนเอ็นของเขาถูกบีบรัดจากรูเล็กของภรรยา“อ่า ท่านพี่ข้า อ่า”ถ้อยคำของหญิงสาวถูกกลบด้วยแรงกระแทกจนสิ้น ความเสียวซ่านที่เกิดขึ้นนั้นแล่นไปทั่วกาย มือบางกำผ้าปูที่นอนแน่น เมื่อสามีกระแทกท่อนเอ็น เข้าสู่ตัวนางอย่างเน้นหนักตามคำร้อง“เจ้าชื่นชอบแบบใด พี่จะสนองต่อเจ้าเอง อ่า”เฟยเทียนบอกภรรยาด้วยน้ำเสียงกระเส่า ความเสียวซ่านแล่นพล่านไปทั่วกาย ชายหนุ่มเลื่อนมือรวบจับขาเรียวงามลงจากบ่า ก่อนจะถอดถอนท่อนเอ็นออกมาจากร่างภรรยา“หันหลังให้พี่เด็กดี”ชายหนุ่มบอกภรรยาด้วยน้ำเสียงแหบพล่า ก่อนจะเข้าประชิดก้นงอนงามของหญิงสาว เมื่อนางทำตามที่เขาต้องการ ร่างอวบอิ่มโก่งโค้งรอการเติมเต็มจากสามี“อะ อ่า”เพียงท่อนเอ็นสัมผัสยังร่องสวาท จื่อลู่ถิงถึงกับสั่นไปทั้งกาย เพี๊ยะ! มือหยาบตบลงยังก้นงาม พร้อมกับกระแทกท่อนเอ็นเข้าภายในรูสวาทจนสุดลำ เสียงเนื้อกะทบกันดังประสานกับเสียงครางกระเส่าของทั้งคู่
“เช่นนั้น เรากลับกันเถอะเจ้าค่ะ” จื่อลู่ถิงรู้สึกใบหน้าผ่าวร้อน เมื่อสบเข้ากับสายตาของสามี “ได้” เฟยเทียนเดินไปพูดคุยบางอย่างเจ้าบ้าน ก่อนจะกล่าวอวยพรให้เจ้าบ่าวของค่ำคืน จื่อลู่ถิงย่อกายทำความเคารพผู้อาวุโสกว่า เพื่ออำลาเจ้าบ้านและแขกในงาน เฟยเทียนโอบร่างงามของภรรยาเร่งออกจากงานเลี้ยงไปเสีย เขาไม่ชื่นชอบบุรุษในงานนี้สักเท่าใดจวนรับรอง ณ เรือนพักจิ้นอ๋องกับพระชายา สองร่างกำลังผลัดกันถอดเสื้อผ้าบนกายออกอย่างเร่งรีบ ริมฝีปากของดูดดึงกันอย่างหิวกระหายในกามอารมณ์ โดยไมรู้เลยว่าทุกอย่างตกอยู่ในสายตาของอีกสองชีวิต ที่มิได้ตั้งใจจะเข้ามาอยู่ภายในห้องนี้ ทว่าด้วยมีเหตุที่ต้องเข้ามาดูความเรียบร้อยในห้องของผู้เป็นนาย แต่ทั้งคู่ไม่คิดเลยว่าเจ้านายทั้งสอง จะกลับมาเร็วถึงเพียงนี้ ครั้นพอจะออกมาหาผู้เป็นนาย ก็ไม่อาจทำได้เหม่ยเหม่ยและองครักษ์หนุ่ม จำต้องถอยฉากกลับเข้าไปด้านในเช่นเดิม เมื่อสองร่างของผู้เป็นนายแสดงบทรักตั้งแต่ประตูห้องยังไม่ทันปิดลงดีด้วยซ้ำไป เหม่ยเหม่ยถึงกับใบหน้าแดงเห่อร้อนไปจนถึงลำคอ นางยังมิทันได้ต้องมือบุรุษใดมาก่อน อี
“อ่า ไยข้าถึงเหมือนกำลังลอยเช่นนี้เล่า พี่จิ้งเถาข้าร้อนยิ่งนัก อ่า”หญิงสาวเบียดกายเข้าหาร่างหนา ด้วยความรู้สึกเสียวซ่านจากการถูกเล้าโลมด้วยปลายลิ้น และฝ่ามือหยาบกร้านของชายหนุ่ม หญิงสาวหวีดร้องขึ้นอีกครั้ง เมื่อชายหนุ่มสอดนิ้วเข้าไปในรูสวาทของนางก้นงอนงามยกขึ้นสูงในตอนที่ชายหนุ่ม กำลังเคลื่อนนิ้วออกจากเส้นทางสวาท ก่อนที่มันจะถูกดันกลับเข้าไปอีกครั้งจนสุดปลายนิ้ว จากการเคลื่อนไหวที่เนิบช้า เปลี่ยนเป็นกระชั้นถี่ขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับเสียงครวญครางของหญิงจิ้นเถาคำรามอยู่ในลำคอ เมื่อเส้นผมของเขาถูกรวบดึงจากมือบอบบางของหญิงสาว ชายหนุ่มรู้สึกพึงพอใจกับความไม่ประสาของนาง ที่ไม่รู้เอาเสียเลยว่าการทำเช่นนี้ เป็นสิ่งกระตุ้นความกระสันอยากของบุรุษให้มีมากขึ้นเหม่ยเหม่ยเบียดกายเข้าแนบชิดคนเหนือร่าง มือบางสอดเข้าไปในกลุ่มผมดกดำ นางขยุ้มแน่นมันแน่นตามความคุกรุ่นของรสสวาท ที่ชายหนุ่มกำลังมอบมันแก่นางชายหนุ่มลากปลายลิ้นลงต่ำ พร้อมกับรั้งชุดที่ยังมีติดกายของหญิงสาวออกไปอยู่ที่ปลายเท้า ก่อนจะตวัดลิ้นวนยังหน้าท้องแบนราบของหญิงสาว ชายหนุ่มลากปลายลิ้นหยอกเย้าสะดือเล็ก ที่กำลังกระเพื่อมไหวตามลมหายใจของค
“อ่า เหม่ยเหม่ย ไยเจ้าทำให้ข้าทรมานได้ถึงเพียงนี้” ชายหนุ่มพูดเสียงกระเส่า เมื่อท่อนเอ็นของเขาถูกบีบรัดจนเขาแทบจะทานทนไม่ไหวอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อหญิงสาวเด้งรับรับการเคลื่อนไหวของเขา เสมือนเป็นการเร่งเร้าให้เข้าสู่การปลดปล่อย “ได้โปรด เร็วเข้าข้า...อ่า” หญิงสาวแทบจะหวีดร้องออกมา เมื่อร่างอวบสั่นสะท้านไปทั้งกาย ก่อนที่หญิงสาวจะกระตุกเกร็ง ช่องสวาทได้บีบรัดท่อนเอ็นของชายหนุ่มถี่ ๆ ทำให้ชายหนุ่มเร่งเร้าจังหวะโหมกระแทกเข้าสู่ร่างงามถี่ ๆ “อ่า” ชายหนุ่มกระแทกท่อนเอ็นจนสุดลำก่อนจะเกร็งค้าง เพียงครู่เดียวความอุ่นซ่าน ได้ถูกฉีดพ่นเข้าไปภายในกายของเหม่ยเหม่ย ชายหนุ่มโน้มกายลงประทับจูบอ่อนโยนอีกครั้ง ก่อนจะถอดถอนท่อนเอ็นออกจากกายของหญิงสาว “ข้าจะมิทำให้เจ้าถูกผู้อื่นตำหนิได้” ชายหนุ่มรวบกอดร่างอวบของหญิงสาวเข้าแนบอก ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นคลุมกายเขาและนาง พร้อมเอ่ยปลอบประโลมคนในอ้อมแขน เพียงไม่นานทุกอย่างก็พลันเงียบลง เมื่อเสียงลมหายใจของทั้งคู่สม่ำเสมอจากความเหนื่อยล้าในบทรักที่เพิ่งผ่านพ้นไปสามวันต่อมาพระชายาจื่อลู่
“ทำไม! ท่านคิดจะร้องขอชีวิตจากข้าเช่นนั้นรึ”แววตาไหวระริกด้วยความตื่นเต้นพลันฉายชัดให้เห็น เรียวปากบางคลี่ยิ้มกว้าง“ไม่จำเป็น เพราะข้ารู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้”แม่ทัพหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เหมือนกับสถานการณ์ที่กำลังตกเป็นรองของเขา มิใช่สิ่งที่เหนือความคาดหมาย“ยโสยิ่งนัก ไป๋เจี้ยนถง ข้าเองก็อยากรู้นัก ว่าท่านจะผยองเช่นนี้ได้อีกนานแค่ไหน”เมื่อได้ยินคำปฏิเสธอย่างไรเยื่อใย ความขุ่นเคืองพลันบังเกิดขึ้นมาภายในใจของหญิงสาว ประหนึ่งภูเขาไฟที่พร้อมจะปะทุก็มิปาน“สิ่งที่ถูกต้องเท่านั้นที่ข้ามองอยู่เสมอ เจ้าอยากทำร้ายข้านั้นมิใช่สิ่งที่เหนือความคาดหมาย แต่การที่เจ้าขายแผ่นดินบ้านเกิด นี่ต่างหากที่ทำให้ข้าไม่อาจลดตัวร้องขอสิ่งใดจากคนเช่นเจ้า”“เก็บคำพูดอันสวยงามของท่านแม่ทัพ ไปรอตอบคำถามของฝ่าบาทในยมโลกจะดีกว่านะ เพราะข้าสนแค่คนที่ข้ารักเท่านั้น ผู้อื่นหาได้อยู่ในสายตาข้าไม่”แม้คำพูดจะยังถากถางชายหนุ่ม ทว่าความรู้สึกบางอย่างเตือนให้นางระวังตัวจากบุรุษผู้นี้ คนเช่นไป๋เจี้ยนถงเช่นนั้นรึจะพลาดพลั้งได้โดยง่าย เขากรำศึกมาตั้งแต่อายุสิบห้าย่อมยากที่จะถูกลวงได้โดยง่าย‘หรือว่า....’ “ขนาดนี
สามเดือนต่อมา “ท่านลุง เหตุใดท่านพี่ยังมิกลับมาอีกเล่า” เพ่ยเพ่ยเอ่ยถามพ่อบ้าน “เรียนฮูหยิน ข้าน้อยได้ส่งคนไปดูที่ค่ายทหารแล้วขอรับ” “ท่านลุงมีสิ่งใดที่ยังมิได้บอกข้าอยู่หรือไม่” เพ่ยเพ่ยจ้องพ่อบ้านด้วยสายตาคาดคั้น นางอาจเป็นเพียงท่านหญิงผู้บอบบางในสาตาผู้อื่น แต่นั่นมันชูเพ่ยเพ่ยที่ตายไปแล้ว มิใช่นางคนปัจจุบัน “ข้าน้อยคิดว่าฮูหยิน เอ่อ...กลับไปพักสักหน่อยเถอะนะขอรับ นี่ก็ดึกมากแล้ว” “จะให้ข้าหาคำตอบเอง หรือจะบอกข้ามา” ชายชราได้แต่อ้ำอึ้ง เมื่อถูกนายหญิงบีบคั้นทั้งคำพูดและสายตา เวลานี้ท่านหญิงชูดูจะมิใช่สตรีอ่อนหวานไร้เดียงสาเช่นทุกวัน แต่เป็นอีกคนที่เขาเองเหมือนจะมิรู้จักเลยก็ว่าได้ “เอ่อ...” “สามีข้าหายไปสองวัน คิดว่าจะปิดข้าอีกนานแค่ไหนกัน” “เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อนขอรับ....” ในที่สุดพ่อบ้านชราก็ไม่อาจที่จะปิดบัง ความจริงกับผู้เป็นนายหญิงได้อีก การหายตัวไปของท่านแม่ทัพ นับเป็นความสั่นคลอนภายในกองทัพ หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป “ท่านล
ชายหนุ่มพยายามข่มความต้องการเอาไว้ หากทำเช่นใจต้องการในตอนนี้ อาจเป็นครั้งแรกที่มิน่าประทับใจเท่าใดนัก ชายหนุ่มพรมจูบไปตามผิวเนียนละเอียดอย่างเชื่องช้ามือหนาลูบไล้ขึ้นลงตามท่อนขาเรียวงาม ก่อนจะมาหยุดยังเนินเนื้อที่ปกคลุมไปด้วยปุยขนบาง ๆ ทำให้ความต้องการแล่นพล่านไปทั่วกายอีกครั้ง ท่อนเอ็นเจ็บร้าวเรียกร้องการปลดปล่อยนิ้วแกร่งค่อย ๆ กรีดลงตามร่องภายใต้ปุยขนสีดำ เพียงปลายนิ้วสัมผัสกับติ่งเล็กด้านใน ร่างบางถึงกับสะดุ้งเฮือกด้วยความเสียวซ่าน มือบางที่สอดอยู่ภายใต้กลุ่มผมหนาของสามี เผลอขยุ้มอย่างแรง“พี่จะทำให้ครั้งแรกของเราเป็นที่จดจำ และจะเป็นเช่นนี้จนชั่วชีวิตสามีภรรยาของเรา”ชายหนุ่มเอ่ยเบา ๆ โดยที่เขาทำเพียงช้อนสายตาขึ้นมองภรรยา ก่อนจะพรมจูบสลับตวัดปลายลิ้นเลียไปทั่วหน้าท้องแบนราบ“อ่า ท่านพี่ข้าเสียวยิ่ง...อ่า”เพ่ยเพ่ยครางออกมาเมื่อนิ้วของสามีขยับเคลื่อนไหวมิหยุด หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงขาดห่วง เมื่อความเสียวกระสันกำลังครอบครองกายนางแม่ทัพหนุ่มเลื่อนใบหน้าลงต่ำ ก่อนจะใช้มือแยกขาเรียวออกกว้าง ปลายลิ้นสากลากลงตามร่องสวาทอย่างเชื่องช้า ยิ่งเวลานี้กลีบบางแยกออกเผยให้เห็นเม็ดสวาทสีแดง ควา
“เจี้ยนถง” “ที่เจ้าแสดงอาการหึงหวงข้า เพียงเพราะอยากชนะเพ่ยเพ่ยก็เท่านั้น หาได้คิดอย่างที่เจ้าเพียรบอกตนเองเลยแม้แต่น้อย” “ฮ่า ๆ ใช่แล้วจะทำไม นางมารน้อยนั่น ร้ายกาจกว่าที่ท่านรู้เสียอีกเจี้ยนถง” “ข้าเหมือนลาโง่เช่นนั้นรึ ข้าแค่พอใจในนางมารน้อยของข้าที่นางเป็นเช่นนั้น และเจ้าล้ำเส้นแตะต้องนาง” อี้ชิวถึงกับใบหน้าซีดเผือด เมื่อได้ยินความจริงจากปากของชายหนุ่ม เช่นนั้นแสดงว่าตลอดเวลาที่นางอยู่กับชูเพ่ยเพ่ย ชายหนุ่มเห็นมันอยู่โดยตลอด และนางมารน้อยนั่นก็ต้องรู้อยู่แล้วเช่นกัน “ช่างสมกันยิ่งนัก” “นี่คงเป็นความจริงใจเดียว ที่เจ้ากล่าวออกมาสินะ ข้าขอบคุณก็แล้วกันที่เจ้ามองเห็นมันแล้ว” “ท่านมันไร้หัวใจ เจี้ยนถง” “หึ ๆ หากข้าเป็นเช่นเจ้าว่ามาจริง เจ้าไม่คงอยู่ที่นี่กระมังแม่นางอี้ชิว แต่เพราะข้ามีหัวใจ เจ้าจึงมิสมควรได้รับการอภัย ที่แตะต้องหัวใจของข้า” “ฮ่า ๆ มีตรงไหนที่ข้าพ่ายแก่นางมารน้อยจอมเจ้าเล่ห์กัน” อี้ชิวอยากจะกรีดร้องออกมาให้สุดเสียงเหลือเกิน ทว่านางกลับทำได้เพียงหัวเร
เพี๊ยะ ๆ เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้างามดังให้ได้ยินชัดเจน อี้ชิวรู้ตัวอีกทีใบหน้าของนางได้สะบัดไปมาหลายรอบ เลือดสีแดงไหลออกมาจากมุมปาก หญิงสาวกำหมัดแน่นด้วยความเคียดแค้น นางเป็นผู้ฝึกยุทธ์มีหรือจะไม่รู้ว่าแรงของฝ่ามือที่กระทบใบหน้าของตนเองนั้น แฝงไปด้วยพลังยุทธ์ “เจ้าท้าทายข้า เช่นนั้นวันนี้เป็นข้าที่จะลงมือสั่งสอนเจ้าสักหน่อย” เอ่ยจบร่างงามได้พุ่งเข้าหาคนที่ยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้า ปึก! เพียงฝ่ามือเดียวเพ่ยเพ่ยเซถอยไปไกล พรึ่บ! ก่อนที่ร่างของหญิงสาวจะล้มลงถึงพื้นดิน กลับมีท่อนแขนแกร่งเข้ามารับเอาไว้ทันเสียก่อน “ท่านพี่ อึก!” เพ่ยเพ่ยกระอึกเลือดสีแดงออกมาคำใหญ่ ทำให้แม่ทัพหนุ่มถึงกลับร้อนใจ เมื่อเห็นอาการของภรรยา ชายหนุ่มช้อนอุ้มร่างหญิงสาวขึ้นสู่อ้อมแขน ก่อนจะหันไปมองคนที่ลงมือต่อภรรยาของเขา “หากนางเป็นอันใดไป ชีวิตเจ้าจะไม่เหลือแม้แต่ชื่อให้ผู้คนได้กล่าวถึง” “แต่นางลงมือต่อข้าก่อนนะเจ้าคะท่านแม่ทัพ” “เพ่ยเพ่ย ไร้วรยุทธ์ไหนเลยจะลงมือต่อเจ้าได้รุนแรง เพียงฝ่ามือบาง ๆ ของนาง รึจะเจ็บปวดถึงชีวิตเช่นที่เจ้าทำต่อน
เส้นทางสู่วัดชิงอัน ฮี่ ๆ ม้าที่กำลังวิ่งมาเต็มกำลังจำต้องหยุดลง อาการแตกตื่นของม้ามิได้ทำให้ทุกคนตกใจ เท่ากับที่มีร่างของใครอีกคนนอนนิ่งอยู่กลางถนนขวางทางอยู่ แท่ทัพหนุ่มโน้มกายปลอบใจอาชาคู่ใจ เมื่อม้าทุกตัวสงบลง ทหารคนสนิทได้วิ่งลงไปยังร่างที่แน่นิ่งอยู่บนพื้น ก่อนจะวิ่งกลับมาหาผู้เป็นนาย “เรียนท่านแท่ทัพ นางยังมีลมหายใจอยู่ขอรับ” “พาไปยังอารมด้วยเลยก็แล้วกัน ที่นั่นมีไต้ซือถงอยู่คงพอจะรักษานางได้” “ขอรับท่านแม่ทัพ” ชายหนุ่มเร่งกลับไปยังร่างที่แน่นิ่งอยู่ ก่อนจะช้อนอุ้มร่างบางขึ้นสู่อ้อมแขน ในขณะที่ม้าของแม่ทัพหนุ่มก้าวผ่าน ชายหนุ่มมองเห็นใบหน้างามนั้นอย่างชัดเจน ก่อนจะกระตุ้นม้าให้วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่แม้แต่จะสนใจหญิงสาวในอ้อมแขนของคนสนิท ‘มองเมินข้าเกินไปแล้วนะ เจี้ยนถง’ หญิงสาวขบเคี้ยวเขี้ยวฟันอยู่ภายในใจ นางไม่คิดเลยว่าการกลับมาครั้งนี้ จะไม่อยู่ในสายตาของแม่ทัพหนุ่มเลย ‘เจ้านำพาหัวใจข้าไปเมื่อครั้งในอดีต เมื่อมันตายไปแล้วก็นับว่าผ่านพ้น เวลานี้ใจของข้าได้กำเนิดใหม่
“สมควรที่จะเป็นเช่นนี้ เจ้าเล่นเดินไปทั่วเมือง” ชายหนุ่มประคองภรรยาไปนั่ง ทุกการกระทำของสองสามีภรรยา ทำให้ร่างระหงที่เพิ่งก้าวพ้นประตูเข้ามาหยุดชะงักไปชั่วขณะ ต่างจากเพ่ยเพ่ยที่กำลังยิ้มกริ่มด้วยความพอใจ ‘ชั้นเชิงของเจ้าที่ใช้นับว่าชาญฉลาด แต่ยังอ่อนหัดหากเทียบกับโลกที่ข้าจากมาอี้ชิว’ เพ่ยเพ่ยยังคงแสร้งออเซาะสามี ด้วยนิสัยของความเป็นเด็กที่ทำให้แม่ทัพหนุ่มยากที่จะปฏิเสธได้ ชายหนุ่มย่อกายลงตรงหน้าของภรรยา ก่อนจะนวดที่น่องเรียวงาม เพ่ยเพ่ยยิ้มกว้างอย่างผู้ชนะ พร้อมชำเลืองมองไปยังหญิงสาวผู้มาใหม่ นางไม่ได้เรียกร้องสิ่งใดจากสามีเลยนับตั้งแต่แต่งงาน ทว่านางจงใจทำให้ทุกช่วงเวลาอันเอื่อยเฉื่อยระหว่างนางกับเขา ให้ทุกครรลองสายตาของเขามีเพียงนาง โดยที่เขาไม่รู้ตัว แล้วเช่นนี้จะมีสตรีใดเล่าจะมาช่วงชิงสายตาของเขาไปจากนางได้ ‘ชีวิตอีกโลกข้ามัวแต่เก็บงำความรู้สึก มาชีวิตนี้ข้าจะไม่ยินยอมเสียโอกาสอีกเป็นอันขาด’ “คราวหลังห้ามทำเช่นนี้อีกรู้หรือไม่” “เจ้าค่ะ ข้าจะมิดื้อรั้นกับท่านพี่” เพ่ยเพ่ยตอบรับคำของสาม
“วันนี้เจ้าสมควรถูกลงโทษ” “ข้ายินดีรับ” เอ่ยจบชายหนุ่มได้ประทับจูบอีกครั้ง มือหนาเคล้นคลึงก้นงอนงาม โดยที่ท่อนเอ็นของเขาในเวลานี้อยู่ในกำมือบอบบาง ที่ล้วงเข้าไปในกางเกงของเขา “อ่า อื้อ อี้ชิว อ่า” ชายหนุ่มถึงกับขาสั่นเทา เมื่อมือนุ่มขยับเคลื่อนรูดไปตามท่อนเอ็นที่กำลังแข็งชูชันด้วยความเสียวซ่านจากการถูกปลุกเร้า หลังจากถอนริมฝีปากออกได้เพียงครู่เดียว กางเกงของเขาได้หลุดร่วงลงไปกองอยู่แทบเท้า โดยที่ร่างระหงนั่งลงคุกเข่าอยู่ตรงหน้า ปลายลิ้นเล็กตวัดผ่านปลายท่อนเอ็น ที่กำลังบานออกจนเผยให้เห็นรูเล็ก ๆ ที่มีน้ำใส ๆ ไหลเยิ้มออกมา หญิงสาวระรัวปลายลิ้นยังรู สลับดูดส่วนปลายแรง ๆ เพียงครู่เดียวท่อนเอ็นกว่าครึ่งลำ ได้อยู่ในปากอุ่นร้อนของหญิงสาว มือบางรูดขึ้นลงพร้อมกับห่อปากดูดรั้งท่อนเอ็นเอาไว้แน่นชายหนุ่มใช้สองมือจับศีรษะงามเอาไว้แน่น พร้อมทั้งขยับสะโพกเด้งสวนรับแรงดูดกลืนนั้นด้วยความเสียวซ่าน เสียงลมหายใจเสมือนม้าศึกของชายหนุ่ม ทำให้หญิงสาวเพิ่มแรงดูดดึงท่อนเอ็นให้มากขึ้นชายหนุ่มไม่อาจทานทนต่อแรงกระตุ้นได้อีกต่อไป ชายหนุ่มถ
ทุกคนค้อมศีรษะให้แก่หญิงสาว ที่เวลานี้ยืนขึ้นค้อมหัวให้แก่ทุกคนอย่างนอบน้อม เพ่ยเพ่ยยังใจเย็นรั้งรอสามีอยู่เช่นเดิม ร่างสูงก้าวออกมายังหน้ากระโจมเป็นคนสุดท้าย คิ้วเข้มขมวดเป็นปม ซึ่งน้อยคนนักจะได้เห็นการแสดงสีหน้าเช่นนี้ของแม่ทัพหนุ่ม “ท่านพี่ เพ่ยเพ่ยขออภัยเจ้าค่ะ ที่ดื้อรั้นรั้งรอท่านพี่อยู่ตรงนี้” น้ำเสียงดูเหมือนกำลังสำนึกผิด ทว่ารอยยิ้มและแววตานั้นหาได้เป็นเช่นคำพูดไม่ “เจ้ามีสิ่งใดเร่งด่วนเช่นนั้นรึ จึงได้มาหาข้าถึงที่นี่” แม่ทัพหนุ่มแสร้งไม่เห็นแววตาไหวระริกของภรรยา ทว่าเขากลับเอ่ยถามนางด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หญิงสาวไม่ได้ตอบคำถามของสามี ทำเพียงมองไปยังตะกร้าที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะหันกลับไปส่งยิ้มละมุนให้แก่สามี แววตาที่เคยสดใส เวลานี้สลดลงเล็กน้อย ด้วยความกริ่งเกรงในสายตาของผู้เป็นสามี “เจ้าไม่เห็นต้องลำบากเช่นนี้เลย ไปเถอะที่นี่คงมิเหมาะให้กินอาหารสักเท่าใดนัก”ชายหนุ่มก้าวเข้ามาคว้าตะกร้าอาหาร ก่อนจะเดินนำไปยังทิศทางด้านหลังค่ายทหาร ร่างบางก้มหน้าน้อย ๆ เดินตามสามีไปเงียบ ๆ เพ่ยเพ่ยเบิกตากว้างเมื่อเห็นทิวท