“โอ้วววว อ๊า...อ๊ะ...อ๊า...ดีอย่างนั่น”หญิงสาวครางกระเส่าด้วยความเสียวซ่าน ใบหน้างามแหงนสะบัดไปมา มือบางกดศีรษะของชายหนุ่มให้แนบเนินสวาทของนาง ยิ่งเมื่อปลายลิ้นระรัวเร็วยังเม็ดสวาท ก้นงอนงามขยับยกขึ้นรับการสัมผัสทำให้หญิงสาวพึงใจยิ่งนักต้วนถงดูดเม้มเม็ดสวาท สลับลากเลียตามร่องกลีบบางยาว ๆ ก่อนจะสอดนิ้วเข้าไปในเส้นทางฉ่ำเยิ้ม“กรี๊ดดด อ๊า...โอ้วววว...ข้าเสียวเหลือเกิน โอ้ววววววววว”อี้ชิวเด้งรับการจู่โจม พร้อมส่งเสียงหวีดร้องด้วยความเสียวซ่าน ชายหนุ่มขยับนิ้วเข้าออกช้า ๆ ก่อนจะเร่งจังหวะให้กระชั้นถี่ขึ้น โดยที่ปากหนายังคงดูดเม้มเม็ดสวาทแรง ๆ ไปพร้อมกันหญิงสาวเพิ่มแรงกดศีรษะของชายหนุ่มให้แนบชิดมากขึ้น ก้นงามได้เด้งสวนรับนิ้วไปพร้อม ๆ กัน ทำให้น้ำหวานไหลออกมาตามการเข้าออกของนิ้วแกร่งมากขึ้นตามไปด้วยชายหนุ่มถอนนิ้วออกจากรูสวาท แล้วขยับลุกขึ้นยืน ก่อนจะปลดสายรัดกางเกงออก เผยให้หญิงสาวเห็นถึงความใหญ่โตของแก่นกายชายหนุ่ม มือหยาบรวบช้อนใบหน้างามให้เงยขึ้น ก่อนจะบดจูบหนัก ๆ อีกครั้ง“ทำให้ข้าสิ”ชายหนุ่มกระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ก่อนจะยืนชิดขอบโต๊ะ หญิงสาวไม่รอช้าขยับลุกนั่ง มือบางจับ
ยามค่ำคืนสองเดือนถัดมา หานชินเดินวนไปมาอยู่หน้าประตูจวน นางเฝ้ารอสามีตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืด จนตอนนี้เลยเวลาเข้านอนมากว่าชั่วยามแล้ว สามีของนางยังไม่มีวี่แววที่จะกลับมา “เรียนฮูหยิน” ฮั่วอันรีบก้าวตรงเข้ามารายงานผู้เป็นนาย ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ยิ่งเห็นแววตามีคำถามจากนายสาว ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัดยิ่งนัก “ว่ามา” “ตอนนี้ท่านแม่ทัพยังคงอยู่ในค่ายลับขององค์ชายรองขอรับ” “ไปเตรียมม้า วันนี้ข้าควรไปพบพี่ชายสักหน่อย” “แต่ว่า...” “เดี๋ยวนี้คำสั่งของข้า ไร้ความหมายแล้วเช่นนั้นรึ” “มิได้ขอรับ” ชายหนุ่มรีบปฏิเสธในทันที หานชินรีบกลับไปที่เรือนของตนเอง ก่อนจะกลับมาในชุดแปลกตาสำหรับทุกคนในจวน ชายหนุ่มรูปงามทั้งหมดของนาง ก้าวตามผู้เป็นนายในชุดแบบเดียวกันทั้งหมด “แม่นมจำไว้ไม่ว่าผู้ใดห้าเข้าออกจวน จนกว่าข้ากับท่านแม่ทัพจะกลับมา แม้แต่แมลงสักตัวก็อย่าให้เล็ดลอดออกไปได้” “เจ้าค่ะ” ในยามนี้ไม่มีคำทัดทานใดจากแม่นม หญิงสูงวัยดูแตกต่างจากปกติมากทีเดียว หัวหน้าพ่อบ้านได้แต่นิ่งเงียบ เขาเองไม่รู้จะห้ามนายหญิงของบ้านได้อย่างไรในตอนนี้ หานชินมองไปที่ชายชราอย่างเข้าใจ แน่นอนว่าด้วยตำแหน่งของเขา หากเกิดสิ
“วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าไร้โอกาสร้องขอชีวิต หานชิน” เจี่ยฉินคำรามก้อง เมื่อกระบี่ในมือของหานชินทำให้ร่างกายของเขามีบาดแผล “หายใจต่อให้ได้ก่อน ค่อยพูดคำนั้นกับข้าพี่ชาย” ฉึก! เจี่ยฉินดวงตาเบิกกว้าง ความรวดเร็วเมื่อครู่ เขามิเคยพบเจอมาก่อน ชายหนุ่มมองตามกระบี่ยาวไปยังเจ้าของมัน ด้วยสายตาคลั่งแค้น หานชินมีหน้าที่อะไรกันในแน่ในวังหลวง หรือว่านางจะเป็น... “อึก...ปีศาจ ละ...หลวง คือเจ้า” ชายหนุ่มนึกถึงคำของราชครูจ้านชิ่น ที่เคยเล่าให้เขาฟัง ว่ามีหน่วยองครักษ์ลับของฮ่องเต้ในทุกรุ่น ที่เรียกขานตนเองว่าปีศาจหลวง เป็นกลุ่มคนที่ไม่เคยมีผู้ใดพบเห็นหรือรู้จักตัวตนอันแท้จริง ทุกคนที่ทำหน้าที่นี่จะใช้ชีวิตหรือทำหน้าที่เช่นคนทั่ว ๆ ไป ทว่ายามฮ่องเต้เรียกใช้งาน พวกเขาจะไม่มีคำว่าผิดพลาดแม้แต่คนเดียว “จุ๊ ๆ อย่าพูดในสิ่งที่เจ้าคิดออกมาทั้งหมดเจี่ยฉิน และไม่ต้องขอบคุณข้าที่ส่งเจ้าไปพบกับบริวารทั้งหลายของเจ้า” “ร้ายกาจเกินไปแล้ว ฮ่า ๆ ฮ่องเต้ผู้เที่ยงธรรมช่างมากด้วยเล่ห์กลยิ่งนัก ทรงซ่อนอาวุธร้ายเอาไว้ได้อย่างแนบเนียน สมแล้วที่เขาครองบัลลังก์มาได้จนถึงทุกวันนี้” “เกิดใหม่แล้วเรียนรู้ที่จะเป็นคนอย่าง
ครึ่งเดือนต่อมา “ฮ่า ๆ มันคือเรื่องจริงเช่นนั้นรึ ที่ต้วนถงกับหลิวอี้ชิวจะแต่งงานกัน เกิดอะไรขึ้นไยพวกเขาถึงยอมแต่ง ข้าก็ว่าตั้งแต่วันนั้นก็ไม่เห็นพวกเขาอีกเลย” ฮั่วอันกับต้านหลี่ สบตากันแล้วคลี่ยิ้มอย่างมีความนัย เรื่องที่พวกเขาตั้งใจจะรายงานผู้เป็นนายในวันนั้น เป็นอันต้องตัดทิ้งไป เมื่อท่านแม่ทัพมิยอมปล่อยให้นายหญิงของพวกเขาห่างกาย แม้ยามออกฝึกทหารก็หนีบผู้เป็นนายติดตามมไปด้วย “คือว่าเรื่องมันเป็นอย่างนี้ขอรับ....” หานชินตั้งอกตั้งใจฟัง ก่อนจะอ้าปากค้างจนแม่นมของนางต้องเอามือแตะที่ค้างเล็ก เพื่อให้หญิงสาวงับปากให้เรียบร้อย ทางด้านแม่นมเองทำได้เพียงเอามือลุบอกตนเอง เมื่อสองหนุ่มพูดเสียจนเห็นภาพตามเลยทีเดียว จะโทษทั้งคู่ก็ไม่ได้ในเมื่อคนช่างซักนั่งจ้ออยู่คือนายหญิงของนางเองอย่างไรเล่า “สรุปคือนางไม่คิดมาเป็นเมียน้อยสามีข้าแล้ว แต่ไปเป็นเมียของญาติห่าง ๆ ของตนเอง อืม ! แปลกดีนะที่คุณหนูสกุลสูงเยี่ยงนั้น จะเสพสมกับบุรุษทั้งที่ยังมิได้ออกเรือน” “ไม่เห็นจะแปลกเลยขอรับ มีคุณหนูหลายบ้านมักลักลอบทำเช่นนี้อยู่มากมายขอรับ” “รู้ดีสม
จวนสกุลชาง ณ เรือนหลิว“อ๊า! อื้อ! อ่า!”เสียงครางกระเส่าดังลอดออกมาจากห้องนอน คล้ายต้องการแข่งกับเสียงแมลงกลางคืนเลยก็ว่าได้ ภายในห้องนอนอันกว้างขวาง บนเตียงขนดใหญ่กลางห้องได้มีร่างอวบอิ่มกำลังขยับโยกอยู่บนกลางลำตัวของชายหนุ่ม เพี๊ยะ! จังหวะขับเคลื่อนเร็วขึ้นอีก มือฝ่ามือหยาบกร้าน ตีลงบนแก้มก้นจนเป็นรอยแดงเด่นชัดตับ ๆ เสียงเนื้อกระทบกัน ยิ่งสร้างความรัญจวนให้แก่สองร่างเปล่าเปลือย หญิงสาวขยับยกสะโพกขึ้นสูง ก่อนจะกระแทกลงยังท่อนเอ็นแข็งขึงจนสุดลำ“เร็วอีกน้องหญิง อ่า! แรง ๆ เลยคนดี พี่ อ่า! ชอบ”ชายหนุ่มเร่งเร้าภรรยาด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า ด้วยความเสียวซ่านจนเขาแทบจะปลดปล่อยออกมาเสียให้ได้ในตอนนี้“อ๊า...มะ...ไม่ โอว์ อ๊า...”ชายหนุ่มแทบผวาตามร่าง ที่ได้ขยับถอยออกจากเอ็นอุ่น ก่อนที่ชายหนุ่มจะครางออกมาด้วยเสียงดังอีกครั้ง เมื่อมือนุ่มกำรอบท่อนเอ็น แล้วใช้ปากดูดกลืนเข้าไปจนครึ่งลำในคราเดียว ก่อนที่หญิงสาวจะรูดขึ้นมาจนถึงปลายท่อนอีกครั้งมือหยาบกดศีรษะของหญิงสาวลง พร้อมยกสะโพกดันท่อนเอ็นลำใหญ่เข้าไปในปากอุ่นร้อนด้วยความเสียวซ่าน ยิ่งเมื่อหญิงสาวห่อปากรูดขึ้นลงแรง ๆลิ้นเล็กกวัดรอบท่อนเอ็นท
ก่อนฟ้าสางในห้าวันถัดมา หลิวเชียงเชียงจำต้องตื่นมาตั้งแต่ฟ้ามิทันสาง เพื่อเตรียมตัวเดินทางออกไปนอกกำแพงเมืองหลวง เพื่อร่วมดื่มชายามบ่ายกับเหล่าสตรีชั้นสูง ณ ป่าท้อ ซึ่งมีเพียงราชวงศ์และบรรดาขุนนางใหญ่กับครอบรัวเท่านั้น ที่สามารถเข้าไปชื่นชมดอกท้อบานได้ หญิงสาวใช้เวลาไม่นาน ก็ออกมายืนรอแม่สามีอยู่หน้าจวน นับว่าโชคดีอยู่ไม่น้อย ที่แม่สามีมิชอบมาวุ่นวายกับนาง หรืออาจเป็นเพราะชางฮูหยินมิใช่มารดาแท้ ๆ ของท่านแม่ทัพชางหลิ่วด้วยกระมัง จึงทำให้รู้ยำเกรงต่อผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน “ข้ากวนเจ้าแล้ววันนี้” ชางฮูหยินเอ่ยกับลูกสะใภ้ ก่อนจะก้าวลงบันไดมาหยุดยืนต่อหน้าหญิงสาว รอยยิ้มของชางฮูหยินเรียกยิ่งทำให้ดูอ่อนเยาว์ลงหลายส่วน หากจะว่าไปแล้วแม่สามีกับสามีของนาง มีวัยที่ห่างกันเพียงสิบปีเท่านั้นสตรีวัยเพียงสามกว่า ถือว่ายังสาวอยู่มาก ทว่าต้องกลายเป็นหม้ายเมื่อสามีที่อายุมากกว่าเกือบสามสิบปีสิ้นอายุขัย ปล่อยทิ้งบุตรชายวัยหนุ่มกับแม่เลี้ยงวัยสาว ให้ดูแลกันมานานหลายปี “มิเป็นเช่นนั้นเลยเจ้าค่ะ ข้ายินดียิ่งนักที่ได้ออกนอกจวนบ้าง” “เช่
แม่ทัพหนุ่มขบกรามแน่น เมื่อรูเล็กแคบกำลังรัดรึงท่อนเอ็นของเขากระชั้นถี่ขึ้น ยิ่งทำให้ทุกการเคลื่อนเข้าออกเสียวซ่านไปตลอดทั้งร่าง อ๊า! ชายหนุ่มได้เปล่งเสียงครางต่ำออกมาด้วยความกระสันเสียว เมื่อเขากำลังจะถึงจุดหมายแล้ว “ท่านพี่...” หญิงสาวเรียกสามีด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เมื่อนางไม่อาจทนต่อไปได้แล้ว ร่างงามกระตุกถี่ ๆ ทว่าไม่อาจเปล่งเสียงครางออกมาได้มากเท่าใดนัก ก่อนที่แม่ทัพหนุ่มจะกระตุกเกร็งมิต่างกัน ชางหลิ่วแช่ท่อนเอ็นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอดถอนออกมาอย่างอิดออด หลิวเชียงถึงกับแข่งขาอ่อน นางไม่คิดมาก่อนว่าสามีจะมาที่นี่ ทั้งยังอาจหาญกระทำเยี่ยงนี้ในสวนท้อ ที่กำลังมีงานเลี้ยงน้ำชาอยู่อีกด้าน แม่ทัพหนุมช่วยภรรยาจัดการกับเสื้อผ้า และตรวจดูความเรียบร้อยของนาง ก่อนจะลอบยิ้มอย่างพอใจกับรสสวาทอันน่าตื่นเต้นนี้ เพราะมันเป็นครั้งแรกของเขาเช่นกันที่ทำ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย แม่ทัพหนุ่มได้จูงมือภรรยากลับไปส่งยังส่วนงานเลี้ยงน้ำชา โดยที่ตัวเขาทำเพียงกระซิบบอกนาง ว่าคืนนี้จะไปหาที่เรือน ใบหน้างามแดงระเรื่อ เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้
“เจ้าไม่เป็นไรนะ เช่นนั้นเรากลับกันเถอะ”ชางฮูหยินบีบมือลูกสะใภ้เบา ๆ อย่างให้กำลังใจ ก่อนจะเอ่ยชวนหลิวเชียงเชียงกลับจวน“เชียงเชียงต้องขออภัยทุกท่านด้วยนะเจ้าคะ ที่ทำให้งานเลี้ยงวันนี้แปดเปื้อน”“ฮูหยินน้อยมิได้กระทำเสียหน่อย หากไม่รังเกียจเชิญท่านทั้งสองอยู่ร่วมดื่มชาต่อได้หรือไม่เล่า”ท่านหญิงอุ้ยเหนียงเอ่ยชวน ทำให้ชางฮูหยินและหลิวเชียงเชียงที่จะปฏิเสธ ทั้งคู่จึงอยู่ร่วมงานเลี้ยงจนเสร็จสิ้น โดยหลังจากกลับมาถึงจวน นางก็ได้รับรายงานว่าหลิวฮูหยินถูกสั่งลงทัณฑ์ ที่ใส่ความนางนี่คงเป็นฝีมือของสามีที่จัดการให้นางไม่อยากให้มารดาต้องทนทุกข์กับเรื่องพวกนี้อีก จึงเลือกที่จะไม่เอ่ยถึงความลับของมารดาเลี้ยง ที่มีต่อน้องชายของบิดา และถ้านางคาดเดาไม่ผิด หลิวอี้เฟยคงเป็นลูกของท่านอานางนั่นเองหากนางไม่ระวังตัว มีหวังคนที่ดื่มยาพิษต้องเป็นนางเอง ส่งอันใดมานางก็แค่ส่งคืนเท่านั้น ส่วนผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือกำไรที่นางควรจะได้รับ หญิงสาวเลือกที่จะปล่อยให้สามีเป็นคนจัดการกับมารดาเลี้ยงที่ราวีนางไม่เลิกเสีย ส่วนหน้าที่ของนางคือสร้างจุดยืนไว้ให้ตนเองให้ได้นานที่สุดยามค่ำคืน ณ เรือนหลิว เสียงฝีเ
“ทำไม! ท่านคิดจะร้องขอชีวิตจากข้าเช่นนั้นรึ”แววตาไหวระริกด้วยความตื่นเต้นพลันฉายชัดให้เห็น เรียวปากบางคลี่ยิ้มกว้าง“ไม่จำเป็น เพราะข้ารู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้”แม่ทัพหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เหมือนกับสถานการณ์ที่กำลังตกเป็นรองของเขา มิใช่สิ่งที่เหนือความคาดหมาย“ยโสยิ่งนัก ไป๋เจี้ยนถง ข้าเองก็อยากรู้นัก ว่าท่านจะผยองเช่นนี้ได้อีกนานแค่ไหน”เมื่อได้ยินคำปฏิเสธอย่างไรเยื่อใย ความขุ่นเคืองพลันบังเกิดขึ้นมาภายในใจของหญิงสาว ประหนึ่งภูเขาไฟที่พร้อมจะปะทุก็มิปาน“สิ่งที่ถูกต้องเท่านั้นที่ข้ามองอยู่เสมอ เจ้าอยากทำร้ายข้านั้นมิใช่สิ่งที่เหนือความคาดหมาย แต่การที่เจ้าขายแผ่นดินบ้านเกิด นี่ต่างหากที่ทำให้ข้าไม่อาจลดตัวร้องขอสิ่งใดจากคนเช่นเจ้า”“เก็บคำพูดอันสวยงามของท่านแม่ทัพ ไปรอตอบคำถามของฝ่าบาทในยมโลกจะดีกว่านะ เพราะข้าสนแค่คนที่ข้ารักเท่านั้น ผู้อื่นหาได้อยู่ในสายตาข้าไม่”แม้คำพูดจะยังถากถางชายหนุ่ม ทว่าความรู้สึกบางอย่างเตือนให้นางระวังตัวจากบุรุษผู้นี้ คนเช่นไป๋เจี้ยนถงเช่นนั้นรึจะพลาดพลั้งได้โดยง่าย เขากรำศึกมาตั้งแต่อายุสิบห้าย่อมยากที่จะถูกลวงได้โดยง่าย‘หรือว่า....’ “ขนาดนี
สามเดือนต่อมา “ท่านลุง เหตุใดท่านพี่ยังมิกลับมาอีกเล่า” เพ่ยเพ่ยเอ่ยถามพ่อบ้าน “เรียนฮูหยิน ข้าน้อยได้ส่งคนไปดูที่ค่ายทหารแล้วขอรับ” “ท่านลุงมีสิ่งใดที่ยังมิได้บอกข้าอยู่หรือไม่” เพ่ยเพ่ยจ้องพ่อบ้านด้วยสายตาคาดคั้น นางอาจเป็นเพียงท่านหญิงผู้บอบบางในสาตาผู้อื่น แต่นั่นมันชูเพ่ยเพ่ยที่ตายไปแล้ว มิใช่นางคนปัจจุบัน “ข้าน้อยคิดว่าฮูหยิน เอ่อ...กลับไปพักสักหน่อยเถอะนะขอรับ นี่ก็ดึกมากแล้ว” “จะให้ข้าหาคำตอบเอง หรือจะบอกข้ามา” ชายชราได้แต่อ้ำอึ้ง เมื่อถูกนายหญิงบีบคั้นทั้งคำพูดและสายตา เวลานี้ท่านหญิงชูดูจะมิใช่สตรีอ่อนหวานไร้เดียงสาเช่นทุกวัน แต่เป็นอีกคนที่เขาเองเหมือนจะมิรู้จักเลยก็ว่าได้ “เอ่อ...” “สามีข้าหายไปสองวัน คิดว่าจะปิดข้าอีกนานแค่ไหนกัน” “เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อนขอรับ....” ในที่สุดพ่อบ้านชราก็ไม่อาจที่จะปิดบัง ความจริงกับผู้เป็นนายหญิงได้อีก การหายตัวไปของท่านแม่ทัพ นับเป็นความสั่นคลอนภายในกองทัพ หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป “ท่านล
ชายหนุ่มพยายามข่มความต้องการเอาไว้ หากทำเช่นใจต้องการในตอนนี้ อาจเป็นครั้งแรกที่มิน่าประทับใจเท่าใดนัก ชายหนุ่มพรมจูบไปตามผิวเนียนละเอียดอย่างเชื่องช้ามือหนาลูบไล้ขึ้นลงตามท่อนขาเรียวงาม ก่อนจะมาหยุดยังเนินเนื้อที่ปกคลุมไปด้วยปุยขนบาง ๆ ทำให้ความต้องการแล่นพล่านไปทั่วกายอีกครั้ง ท่อนเอ็นเจ็บร้าวเรียกร้องการปลดปล่อยนิ้วแกร่งค่อย ๆ กรีดลงตามร่องภายใต้ปุยขนสีดำ เพียงปลายนิ้วสัมผัสกับติ่งเล็กด้านใน ร่างบางถึงกับสะดุ้งเฮือกด้วยความเสียวซ่าน มือบางที่สอดอยู่ภายใต้กลุ่มผมหนาของสามี เผลอขยุ้มอย่างแรง“พี่จะทำให้ครั้งแรกของเราเป็นที่จดจำ และจะเป็นเช่นนี้จนชั่วชีวิตสามีภรรยาของเรา”ชายหนุ่มเอ่ยเบา ๆ โดยที่เขาทำเพียงช้อนสายตาขึ้นมองภรรยา ก่อนจะพรมจูบสลับตวัดปลายลิ้นเลียไปทั่วหน้าท้องแบนราบ“อ่า ท่านพี่ข้าเสียวยิ่ง...อ่า”เพ่ยเพ่ยครางออกมาเมื่อนิ้วของสามีขยับเคลื่อนไหวมิหยุด หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงขาดห่วง เมื่อความเสียวกระสันกำลังครอบครองกายนางแม่ทัพหนุ่มเลื่อนใบหน้าลงต่ำ ก่อนจะใช้มือแยกขาเรียวออกกว้าง ปลายลิ้นสากลากลงตามร่องสวาทอย่างเชื่องช้า ยิ่งเวลานี้กลีบบางแยกออกเผยให้เห็นเม็ดสวาทสีแดง ควา
“เจี้ยนถง” “ที่เจ้าแสดงอาการหึงหวงข้า เพียงเพราะอยากชนะเพ่ยเพ่ยก็เท่านั้น หาได้คิดอย่างที่เจ้าเพียรบอกตนเองเลยแม้แต่น้อย” “ฮ่า ๆ ใช่แล้วจะทำไม นางมารน้อยนั่น ร้ายกาจกว่าที่ท่านรู้เสียอีกเจี้ยนถง” “ข้าเหมือนลาโง่เช่นนั้นรึ ข้าแค่พอใจในนางมารน้อยของข้าที่นางเป็นเช่นนั้น และเจ้าล้ำเส้นแตะต้องนาง” อี้ชิวถึงกับใบหน้าซีดเผือด เมื่อได้ยินความจริงจากปากของชายหนุ่ม เช่นนั้นแสดงว่าตลอดเวลาที่นางอยู่กับชูเพ่ยเพ่ย ชายหนุ่มเห็นมันอยู่โดยตลอด และนางมารน้อยนั่นก็ต้องรู้อยู่แล้วเช่นกัน “ช่างสมกันยิ่งนัก” “นี่คงเป็นความจริงใจเดียว ที่เจ้ากล่าวออกมาสินะ ข้าขอบคุณก็แล้วกันที่เจ้ามองเห็นมันแล้ว” “ท่านมันไร้หัวใจ เจี้ยนถง” “หึ ๆ หากข้าเป็นเช่นเจ้าว่ามาจริง เจ้าไม่คงอยู่ที่นี่กระมังแม่นางอี้ชิว แต่เพราะข้ามีหัวใจ เจ้าจึงมิสมควรได้รับการอภัย ที่แตะต้องหัวใจของข้า” “ฮ่า ๆ มีตรงไหนที่ข้าพ่ายแก่นางมารน้อยจอมเจ้าเล่ห์กัน” อี้ชิวอยากจะกรีดร้องออกมาให้สุดเสียงเหลือเกิน ทว่านางกลับทำได้เพียงหัวเร
เพี๊ยะ ๆ เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้างามดังให้ได้ยินชัดเจน อี้ชิวรู้ตัวอีกทีใบหน้าของนางได้สะบัดไปมาหลายรอบ เลือดสีแดงไหลออกมาจากมุมปาก หญิงสาวกำหมัดแน่นด้วยความเคียดแค้น นางเป็นผู้ฝึกยุทธ์มีหรือจะไม่รู้ว่าแรงของฝ่ามือที่กระทบใบหน้าของตนเองนั้น แฝงไปด้วยพลังยุทธ์ “เจ้าท้าทายข้า เช่นนั้นวันนี้เป็นข้าที่จะลงมือสั่งสอนเจ้าสักหน่อย” เอ่ยจบร่างงามได้พุ่งเข้าหาคนที่ยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้า ปึก! เพียงฝ่ามือเดียวเพ่ยเพ่ยเซถอยไปไกล พรึ่บ! ก่อนที่ร่างของหญิงสาวจะล้มลงถึงพื้นดิน กลับมีท่อนแขนแกร่งเข้ามารับเอาไว้ทันเสียก่อน “ท่านพี่ อึก!” เพ่ยเพ่ยกระอึกเลือดสีแดงออกมาคำใหญ่ ทำให้แม่ทัพหนุ่มถึงกลับร้อนใจ เมื่อเห็นอาการของภรรยา ชายหนุ่มช้อนอุ้มร่างหญิงสาวขึ้นสู่อ้อมแขน ก่อนจะหันไปมองคนที่ลงมือต่อภรรยาของเขา “หากนางเป็นอันใดไป ชีวิตเจ้าจะไม่เหลือแม้แต่ชื่อให้ผู้คนได้กล่าวถึง” “แต่นางลงมือต่อข้าก่อนนะเจ้าคะท่านแม่ทัพ” “เพ่ยเพ่ย ไร้วรยุทธ์ไหนเลยจะลงมือต่อเจ้าได้รุนแรง เพียงฝ่ามือบาง ๆ ของนาง รึจะเจ็บปวดถึงชีวิตเช่นที่เจ้าทำต่อน
เส้นทางสู่วัดชิงอัน ฮี่ ๆ ม้าที่กำลังวิ่งมาเต็มกำลังจำต้องหยุดลง อาการแตกตื่นของม้ามิได้ทำให้ทุกคนตกใจ เท่ากับที่มีร่างของใครอีกคนนอนนิ่งอยู่กลางถนนขวางทางอยู่ แท่ทัพหนุ่มโน้มกายปลอบใจอาชาคู่ใจ เมื่อม้าทุกตัวสงบลง ทหารคนสนิทได้วิ่งลงไปยังร่างที่แน่นิ่งอยู่บนพื้น ก่อนจะวิ่งกลับมาหาผู้เป็นนาย “เรียนท่านแท่ทัพ นางยังมีลมหายใจอยู่ขอรับ” “พาไปยังอารมด้วยเลยก็แล้วกัน ที่นั่นมีไต้ซือถงอยู่คงพอจะรักษานางได้” “ขอรับท่านแม่ทัพ” ชายหนุ่มเร่งกลับไปยังร่างที่แน่นิ่งอยู่ ก่อนจะช้อนอุ้มร่างบางขึ้นสู่อ้อมแขน ในขณะที่ม้าของแม่ทัพหนุ่มก้าวผ่าน ชายหนุ่มมองเห็นใบหน้างามนั้นอย่างชัดเจน ก่อนจะกระตุ้นม้าให้วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่แม้แต่จะสนใจหญิงสาวในอ้อมแขนของคนสนิท ‘มองเมินข้าเกินไปแล้วนะ เจี้ยนถง’ หญิงสาวขบเคี้ยวเขี้ยวฟันอยู่ภายในใจ นางไม่คิดเลยว่าการกลับมาครั้งนี้ จะไม่อยู่ในสายตาของแม่ทัพหนุ่มเลย ‘เจ้านำพาหัวใจข้าไปเมื่อครั้งในอดีต เมื่อมันตายไปแล้วก็นับว่าผ่านพ้น เวลานี้ใจของข้าได้กำเนิดใหม่
“สมควรที่จะเป็นเช่นนี้ เจ้าเล่นเดินไปทั่วเมือง” ชายหนุ่มประคองภรรยาไปนั่ง ทุกการกระทำของสองสามีภรรยา ทำให้ร่างระหงที่เพิ่งก้าวพ้นประตูเข้ามาหยุดชะงักไปชั่วขณะ ต่างจากเพ่ยเพ่ยที่กำลังยิ้มกริ่มด้วยความพอใจ ‘ชั้นเชิงของเจ้าที่ใช้นับว่าชาญฉลาด แต่ยังอ่อนหัดหากเทียบกับโลกที่ข้าจากมาอี้ชิว’ เพ่ยเพ่ยยังคงแสร้งออเซาะสามี ด้วยนิสัยของความเป็นเด็กที่ทำให้แม่ทัพหนุ่มยากที่จะปฏิเสธได้ ชายหนุ่มย่อกายลงตรงหน้าของภรรยา ก่อนจะนวดที่น่องเรียวงาม เพ่ยเพ่ยยิ้มกว้างอย่างผู้ชนะ พร้อมชำเลืองมองไปยังหญิงสาวผู้มาใหม่ นางไม่ได้เรียกร้องสิ่งใดจากสามีเลยนับตั้งแต่แต่งงาน ทว่านางจงใจทำให้ทุกช่วงเวลาอันเอื่อยเฉื่อยระหว่างนางกับเขา ให้ทุกครรลองสายตาของเขามีเพียงนาง โดยที่เขาไม่รู้ตัว แล้วเช่นนี้จะมีสตรีใดเล่าจะมาช่วงชิงสายตาของเขาไปจากนางได้ ‘ชีวิตอีกโลกข้ามัวแต่เก็บงำความรู้สึก มาชีวิตนี้ข้าจะไม่ยินยอมเสียโอกาสอีกเป็นอันขาด’ “คราวหลังห้ามทำเช่นนี้อีกรู้หรือไม่” “เจ้าค่ะ ข้าจะมิดื้อรั้นกับท่านพี่” เพ่ยเพ่ยตอบรับคำของสาม
“วันนี้เจ้าสมควรถูกลงโทษ” “ข้ายินดีรับ” เอ่ยจบชายหนุ่มได้ประทับจูบอีกครั้ง มือหนาเคล้นคลึงก้นงอนงาม โดยที่ท่อนเอ็นของเขาในเวลานี้อยู่ในกำมือบอบบาง ที่ล้วงเข้าไปในกางเกงของเขา “อ่า อื้อ อี้ชิว อ่า” ชายหนุ่มถึงกับขาสั่นเทา เมื่อมือนุ่มขยับเคลื่อนรูดไปตามท่อนเอ็นที่กำลังแข็งชูชันด้วยความเสียวซ่านจากการถูกปลุกเร้า หลังจากถอนริมฝีปากออกได้เพียงครู่เดียว กางเกงของเขาได้หลุดร่วงลงไปกองอยู่แทบเท้า โดยที่ร่างระหงนั่งลงคุกเข่าอยู่ตรงหน้า ปลายลิ้นเล็กตวัดผ่านปลายท่อนเอ็น ที่กำลังบานออกจนเผยให้เห็นรูเล็ก ๆ ที่มีน้ำใส ๆ ไหลเยิ้มออกมา หญิงสาวระรัวปลายลิ้นยังรู สลับดูดส่วนปลายแรง ๆ เพียงครู่เดียวท่อนเอ็นกว่าครึ่งลำ ได้อยู่ในปากอุ่นร้อนของหญิงสาว มือบางรูดขึ้นลงพร้อมกับห่อปากดูดรั้งท่อนเอ็นเอาไว้แน่นชายหนุ่มใช้สองมือจับศีรษะงามเอาไว้แน่น พร้อมทั้งขยับสะโพกเด้งสวนรับแรงดูดกลืนนั้นด้วยความเสียวซ่าน เสียงลมหายใจเสมือนม้าศึกของชายหนุ่ม ทำให้หญิงสาวเพิ่มแรงดูดดึงท่อนเอ็นให้มากขึ้นชายหนุ่มไม่อาจทานทนต่อแรงกระตุ้นได้อีกต่อไป ชายหนุ่มถ
ทุกคนค้อมศีรษะให้แก่หญิงสาว ที่เวลานี้ยืนขึ้นค้อมหัวให้แก่ทุกคนอย่างนอบน้อม เพ่ยเพ่ยยังใจเย็นรั้งรอสามีอยู่เช่นเดิม ร่างสูงก้าวออกมายังหน้ากระโจมเป็นคนสุดท้าย คิ้วเข้มขมวดเป็นปม ซึ่งน้อยคนนักจะได้เห็นการแสดงสีหน้าเช่นนี้ของแม่ทัพหนุ่ม “ท่านพี่ เพ่ยเพ่ยขออภัยเจ้าค่ะ ที่ดื้อรั้นรั้งรอท่านพี่อยู่ตรงนี้” น้ำเสียงดูเหมือนกำลังสำนึกผิด ทว่ารอยยิ้มและแววตานั้นหาได้เป็นเช่นคำพูดไม่ “เจ้ามีสิ่งใดเร่งด่วนเช่นนั้นรึ จึงได้มาหาข้าถึงที่นี่” แม่ทัพหนุ่มแสร้งไม่เห็นแววตาไหวระริกของภรรยา ทว่าเขากลับเอ่ยถามนางด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หญิงสาวไม่ได้ตอบคำถามของสามี ทำเพียงมองไปยังตะกร้าที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะหันกลับไปส่งยิ้มละมุนให้แก่สามี แววตาที่เคยสดใส เวลานี้สลดลงเล็กน้อย ด้วยความกริ่งเกรงในสายตาของผู้เป็นสามี “เจ้าไม่เห็นต้องลำบากเช่นนี้เลย ไปเถอะที่นี่คงมิเหมาะให้กินอาหารสักเท่าใดนัก”ชายหนุ่มก้าวเข้ามาคว้าตะกร้าอาหาร ก่อนจะเดินนำไปยังทิศทางด้านหลังค่ายทหาร ร่างบางก้มหน้าน้อย ๆ เดินตามสามีไปเงียบ ๆ เพ่ยเพ่ยเบิกตากว้างเมื่อเห็นทิวท