“โอ้วววว อ๊า...อ๊ะ...อ๊า...ดีอย่างนั่น”หญิงสาวครางกระเส่าด้วยความเสียวซ่าน ใบหน้างามแหงนสะบัดไปมา มือบางกดศีรษะของชายหนุ่มให้แนบเนินสวาทของนาง ยิ่งเมื่อปลายลิ้นระรัวเร็วยังเม็ดสวาท ก้นงอนงามขยับยกขึ้นรับการสัมผัสทำให้หญิงสาวพึงใจยิ่งนักต้วนถงดูดเม้มเม็ดสวาท สลับลากเลียตามร่องกลีบบางยาว ๆ ก่อนจะสอดนิ้วเข้าไปในเส้นทางฉ่ำเยิ้ม“กรี๊ดดด อ๊า...โอ้วววว...ข้าเสียวเหลือเกิน โอ้ววววววววว”อี้ชิวเด้งรับการจู่โจม พร้อมส่งเสียงหวีดร้องด้วยความเสียวซ่าน ชายหนุ่มขยับนิ้วเข้าออกช้า ๆ ก่อนจะเร่งจังหวะให้กระชั้นถี่ขึ้น โดยที่ปากหนายังคงดูดเม้มเม็ดสวาทแรง ๆ ไปพร้อมกันหญิงสาวเพิ่มแรงกดศีรษะของชายหนุ่มให้แนบชิดมากขึ้น ก้นงามได้เด้งสวนรับนิ้วไปพร้อม ๆ กัน ทำให้น้ำหวานไหลออกมาตามการเข้าออกของนิ้วแกร่งมากขึ้นตามไปด้วยชายหนุ่มถอนนิ้วออกจากรูสวาท แล้วขยับลุกขึ้นยืน ก่อนจะปลดสายรัดกางเกงออก เผยให้หญิงสาวเห็นถึงความใหญ่โตของแก่นกายชายหนุ่ม มือหยาบรวบช้อนใบหน้างามให้เงยขึ้น ก่อนจะบดจูบหนัก ๆ อีกครั้ง“ทำให้ข้าสิ”ชายหนุ่มกระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ก่อนจะยืนชิดขอบโต๊ะ หญิงสาวไม่รอช้าขยับลุกนั่ง มือบางจับ
ยามค่ำคืนสองเดือนถัดมา หานชินเดินวนไปมาอยู่หน้าประตูจวน นางเฝ้ารอสามีตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืด จนตอนนี้เลยเวลาเข้านอนมากว่าชั่วยามแล้ว สามีของนางยังไม่มีวี่แววที่จะกลับมา “เรียนฮูหยิน” ฮั่วอันรีบก้าวตรงเข้ามารายงานผู้เป็นนาย ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ยิ่งเห็นแววตามีคำถามจากนายสาว ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัดยิ่งนัก “ว่ามา” “ตอนนี้ท่านแม่ทัพยังคงอยู่ในค่ายลับขององค์ชายรองขอรับ” “ไปเตรียมม้า วันนี้ข้าควรไปพบพี่ชายสักหน่อย” “แต่ว่า...” “เดี๋ยวนี้คำสั่งของข้า ไร้ความหมายแล้วเช่นนั้นรึ” “มิได้ขอรับ” ชายหนุ่มรีบปฏิเสธในทันที หานชินรีบกลับไปที่เรือนของตนเอง ก่อนจะกลับมาในชุดแปลกตาสำหรับทุกคนในจวน ชายหนุ่มรูปงามทั้งหมดของนาง ก้าวตามผู้เป็นนายในชุดแบบเดียวกันทั้งหมด “แม่นมจำไว้ไม่ว่าผู้ใดห้าเข้าออกจวน จนกว่าข้ากับท่านแม่ทัพจะกลับมา แม้แต่แมลงสักตัวก็อย่าให้เล็ดลอดออกไปได้” “เจ้าค่ะ” ในยามนี้ไม่มีคำทัดทานใดจากแม่นม หญิงสูงวัยดูแตกต่างจากปกติมากทีเดียว หัวหน้าพ่อบ้านได้แต่นิ่งเงียบ เขาเองไม่รู้จะห้ามนายหญิงของบ้านได้อย่างไรในตอนนี้ หานชินมองไปที่ชายชราอย่างเข้าใจ แน่นอนว่าด้วยตำแหน่งของเขา หากเกิดสิ
“วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าไร้โอกาสร้องขอชีวิต หานชิน” เจี่ยฉินคำรามก้อง เมื่อกระบี่ในมือของหานชินทำให้ร่างกายของเขามีบาดแผล “หายใจต่อให้ได้ก่อน ค่อยพูดคำนั้นกับข้าพี่ชาย” ฉึก! เจี่ยฉินดวงตาเบิกกว้าง ความรวดเร็วเมื่อครู่ เขามิเคยพบเจอมาก่อน ชายหนุ่มมองตามกระบี่ยาวไปยังเจ้าของมัน ด้วยสายตาคลั่งแค้น หานชินมีหน้าที่อะไรกันในแน่ในวังหลวง หรือว่านางจะเป็น... “อึก...ปีศาจ ละ...หลวง คือเจ้า” ชายหนุ่มนึกถึงคำของราชครูจ้านชิ่น ที่เคยเล่าให้เขาฟัง ว่ามีหน่วยองครักษ์ลับของฮ่องเต้ในทุกรุ่น ที่เรียกขานตนเองว่าปีศาจหลวง เป็นกลุ่มคนที่ไม่เคยมีผู้ใดพบเห็นหรือรู้จักตัวตนอันแท้จริง ทุกคนที่ทำหน้าที่นี่จะใช้ชีวิตหรือทำหน้าที่เช่นคนทั่ว ๆ ไป ทว่ายามฮ่องเต้เรียกใช้งาน พวกเขาจะไม่มีคำว่าผิดพลาดแม้แต่คนเดียว “จุ๊ ๆ อย่าพูดในสิ่งที่เจ้าคิดออกมาทั้งหมดเจี่ยฉิน และไม่ต้องขอบคุณข้าที่ส่งเจ้าไปพบกับบริวารทั้งหลายของเจ้า” “ร้ายกาจเกินไปแล้ว ฮ่า ๆ ฮ่องเต้ผู้เที่ยงธรรมช่างมากด้วยเล่ห์กลยิ่งนัก ทรงซ่อนอาวุธร้ายเอาไว้ได้อย่างแนบเนียน สมแล้วที่เขาครองบัลลังก์มาได้จนถึงทุกวันนี้” “เกิดใหม่แล้วเรียนรู้ที่จะเป็นคนอย่าง
ครึ่งเดือนต่อมา “ฮ่า ๆ มันคือเรื่องจริงเช่นนั้นรึ ที่ต้วนถงกับหลิวอี้ชิวจะแต่งงานกัน เกิดอะไรขึ้นไยพวกเขาถึงยอมแต่ง ข้าก็ว่าตั้งแต่วันนั้นก็ไม่เห็นพวกเขาอีกเลย” ฮั่วอันกับต้านหลี่ สบตากันแล้วคลี่ยิ้มอย่างมีความนัย เรื่องที่พวกเขาตั้งใจจะรายงานผู้เป็นนายในวันนั้น เป็นอันต้องตัดทิ้งไป เมื่อท่านแม่ทัพมิยอมปล่อยให้นายหญิงของพวกเขาห่างกาย แม้ยามออกฝึกทหารก็หนีบผู้เป็นนายติดตามมไปด้วย “คือว่าเรื่องมันเป็นอย่างนี้ขอรับ....” หานชินตั้งอกตั้งใจฟัง ก่อนจะอ้าปากค้างจนแม่นมของนางต้องเอามือแตะที่ค้างเล็ก เพื่อให้หญิงสาวงับปากให้เรียบร้อย ทางด้านแม่นมเองทำได้เพียงเอามือลุบอกตนเอง เมื่อสองหนุ่มพูดเสียจนเห็นภาพตามเลยทีเดียว จะโทษทั้งคู่ก็ไม่ได้ในเมื่อคนช่างซักนั่งจ้ออยู่คือนายหญิงของนางเองอย่างไรเล่า “สรุปคือนางไม่คิดมาเป็นเมียน้อยสามีข้าแล้ว แต่ไปเป็นเมียของญาติห่าง ๆ ของตนเอง อืม ! แปลกดีนะที่คุณหนูสกุลสูงเยี่ยงนั้น จะเสพสมกับบุรุษทั้งที่ยังมิได้ออกเรือน” “ไม่เห็นจะแปลกเลยขอรับ มีคุณหนูหลายบ้านมักลักลอบทำเช่นนี้อยู่มากมายขอรับ” “รู้ดีสม
จวนสกุลชาง ณ เรือนหลิว“อ๊า! อื้อ! อ่า!”เสียงครางกระเส่าดังลอดออกมาจากห้องนอน คล้ายต้องการแข่งกับเสียงแมลงกลางคืนเลยก็ว่าได้ ภายในห้องนอนอันกว้างขวาง บนเตียงขนดใหญ่กลางห้องได้มีร่างอวบอิ่มกำลังขยับโยกอยู่บนกลางลำตัวของชายหนุ่ม เพี๊ยะ! จังหวะขับเคลื่อนเร็วขึ้นอีก มือฝ่ามือหยาบกร้าน ตีลงบนแก้มก้นจนเป็นรอยแดงเด่นชัดตับ ๆ เสียงเนื้อกระทบกัน ยิ่งสร้างความรัญจวนให้แก่สองร่างเปล่าเปลือย หญิงสาวขยับยกสะโพกขึ้นสูง ก่อนจะกระแทกลงยังท่อนเอ็นแข็งขึงจนสุดลำ“เร็วอีกน้องหญิง อ่า! แรง ๆ เลยคนดี พี่ อ่า! ชอบ”ชายหนุ่มเร่งเร้าภรรยาด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า ด้วยความเสียวซ่านจนเขาแทบจะปลดปล่อยออกมาเสียให้ได้ในตอนนี้“อ๊า...มะ...ไม่ โอว์ อ๊า...”ชายหนุ่มแทบผวาตามร่าง ที่ได้ขยับถอยออกจากเอ็นอุ่น ก่อนที่ชายหนุ่มจะครางออกมาด้วยเสียงดังอีกครั้ง เมื่อมือนุ่มกำรอบท่อนเอ็น แล้วใช้ปากดูดกลืนเข้าไปจนครึ่งลำในคราเดียว ก่อนที่หญิงสาวจะรูดขึ้นมาจนถึงปลายท่อนอีกครั้งมือหยาบกดศีรษะของหญิงสาวลง พร้อมยกสะโพกดันท่อนเอ็นลำใหญ่เข้าไปในปากอุ่นร้อนด้วยความเสียวซ่าน ยิ่งเมื่อหญิงสาวห่อปากรูดขึ้นลงแรง ๆลิ้นเล็กกวัดรอบท่อนเอ็นท
ก่อนฟ้าสางในห้าวันถัดมา หลิวเชียงเชียงจำต้องตื่นมาตั้งแต่ฟ้ามิทันสาง เพื่อเตรียมตัวเดินทางออกไปนอกกำแพงเมืองหลวง เพื่อร่วมดื่มชายามบ่ายกับเหล่าสตรีชั้นสูง ณ ป่าท้อ ซึ่งมีเพียงราชวงศ์และบรรดาขุนนางใหญ่กับครอบรัวเท่านั้น ที่สามารถเข้าไปชื่นชมดอกท้อบานได้ หญิงสาวใช้เวลาไม่นาน ก็ออกมายืนรอแม่สามีอยู่หน้าจวน นับว่าโชคดีอยู่ไม่น้อย ที่แม่สามีมิชอบมาวุ่นวายกับนาง หรืออาจเป็นเพราะชางฮูหยินมิใช่มารดาแท้ ๆ ของท่านแม่ทัพชางหลิ่วด้วยกระมัง จึงทำให้รู้ยำเกรงต่อผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน “ข้ากวนเจ้าแล้ววันนี้” ชางฮูหยินเอ่ยกับลูกสะใภ้ ก่อนจะก้าวลงบันไดมาหยุดยืนต่อหน้าหญิงสาว รอยยิ้มของชางฮูหยินเรียกยิ่งทำให้ดูอ่อนเยาว์ลงหลายส่วน หากจะว่าไปแล้วแม่สามีกับสามีของนาง มีวัยที่ห่างกันเพียงสิบปีเท่านั้นสตรีวัยเพียงสามกว่า ถือว่ายังสาวอยู่มาก ทว่าต้องกลายเป็นหม้ายเมื่อสามีที่อายุมากกว่าเกือบสามสิบปีสิ้นอายุขัย ปล่อยทิ้งบุตรชายวัยหนุ่มกับแม่เลี้ยงวัยสาว ให้ดูแลกันมานานหลายปี “มิเป็นเช่นนั้นเลยเจ้าค่ะ ข้ายินดียิ่งนักที่ได้ออกนอกจวนบ้าง” “เช่
แม่ทัพหนุ่มขบกรามแน่น เมื่อรูเล็กแคบกำลังรัดรึงท่อนเอ็นของเขากระชั้นถี่ขึ้น ยิ่งทำให้ทุกการเคลื่อนเข้าออกเสียวซ่านไปตลอดทั้งร่าง อ๊า! ชายหนุ่มได้เปล่งเสียงครางต่ำออกมาด้วยความกระสันเสียว เมื่อเขากำลังจะถึงจุดหมายแล้ว “ท่านพี่...” หญิงสาวเรียกสามีด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เมื่อนางไม่อาจทนต่อไปได้แล้ว ร่างงามกระตุกถี่ ๆ ทว่าไม่อาจเปล่งเสียงครางออกมาได้มากเท่าใดนัก ก่อนที่แม่ทัพหนุ่มจะกระตุกเกร็งมิต่างกัน ชางหลิ่วแช่ท่อนเอ็นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอดถอนออกมาอย่างอิดออด หลิวเชียงถึงกับแข่งขาอ่อน นางไม่คิดมาก่อนว่าสามีจะมาที่นี่ ทั้งยังอาจหาญกระทำเยี่ยงนี้ในสวนท้อ ที่กำลังมีงานเลี้ยงน้ำชาอยู่อีกด้าน แม่ทัพหนุมช่วยภรรยาจัดการกับเสื้อผ้า และตรวจดูความเรียบร้อยของนาง ก่อนจะลอบยิ้มอย่างพอใจกับรสสวาทอันน่าตื่นเต้นนี้ เพราะมันเป็นครั้งแรกของเขาเช่นกันที่ทำ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย แม่ทัพหนุ่มได้จูงมือภรรยากลับไปส่งยังส่วนงานเลี้ยงน้ำชา โดยที่ตัวเขาทำเพียงกระซิบบอกนาง ว่าคืนนี้จะไปหาที่เรือน ใบหน้างามแดงระเรื่อ เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้
“เจ้าไม่เป็นไรนะ เช่นนั้นเรากลับกันเถอะ”ชางฮูหยินบีบมือลูกสะใภ้เบา ๆ อย่างให้กำลังใจ ก่อนจะเอ่ยชวนหลิวเชียงเชียงกลับจวน“เชียงเชียงต้องขออภัยทุกท่านด้วยนะเจ้าคะ ที่ทำให้งานเลี้ยงวันนี้แปดเปื้อน”“ฮูหยินน้อยมิได้กระทำเสียหน่อย หากไม่รังเกียจเชิญท่านทั้งสองอยู่ร่วมดื่มชาต่อได้หรือไม่เล่า”ท่านหญิงอุ้ยเหนียงเอ่ยชวน ทำให้ชางฮูหยินและหลิวเชียงเชียงที่จะปฏิเสธ ทั้งคู่จึงอยู่ร่วมงานเลี้ยงจนเสร็จสิ้น โดยหลังจากกลับมาถึงจวน นางก็ได้รับรายงานว่าหลิวฮูหยินถูกสั่งลงทัณฑ์ ที่ใส่ความนางนี่คงเป็นฝีมือของสามีที่จัดการให้นางไม่อยากให้มารดาต้องทนทุกข์กับเรื่องพวกนี้อีก จึงเลือกที่จะไม่เอ่ยถึงความลับของมารดาเลี้ยง ที่มีต่อน้องชายของบิดา และถ้านางคาดเดาไม่ผิด หลิวอี้เฟยคงเป็นลูกของท่านอานางนั่นเองหากนางไม่ระวังตัว มีหวังคนที่ดื่มยาพิษต้องเป็นนางเอง ส่งอันใดมานางก็แค่ส่งคืนเท่านั้น ส่วนผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือกำไรที่นางควรจะได้รับ หญิงสาวเลือกที่จะปล่อยให้สามีเป็นคนจัดการกับมารดาเลี้ยงที่ราวีนางไม่เลิกเสีย ส่วนหน้าที่ของนางคือสร้างจุดยืนไว้ให้ตนเองให้ได้นานที่สุดยามค่ำคืน ณ เรือนหลิว เสียงฝีเ
สามเดือนต่อมา หลังจากการสืบสวนของศาล ผลสรุปของคดี ฉีชางพร้อมด้วยมารดาเลี้ยงของเขา ได้รับโทษประหาร ส่วนฮั่วเยว่อิงและมารดารวมถึงเฉินป๋อหยาถูกส่งไปใช้แรงงานในเหมือง ในฐานะนักโทษเป็นเวลาสิบปี ทางด้านเด็กน้อยเสี่ยวเป่า ฮั่วเสารับดูแลในฐานะลูก โดยทุกคนได้รับคำสั่งไม่ให้พูดเรื่องชาติกำเนิดแท้จริงกับเด็กน้อย เฉินห้าวหนานยืนมองเป้าหมาย ที่กำลังนั่งเหม่ออยู่ไม่ไกล เขาหอบลูกติดตามหญิงสาวมาจนถึงชายแดนตะวันออก ทว่าทางสำนักคุ้มภัยบอกแก่เขาว่านางอยู่ที่นี่ หลังจากทำการเจรจากับท่านตาและท่านยายของหญิงสาวเป็นที่เรียบร้อย เขาจึงได้มาหานางที่นี่ ชายหนุ่มวางบุตรชายเอาไว้บนพื้นหญ้า ก่อนจะทำให้เจ้าก้อนแป้งส่งเสียงร้องงอแง ฮั่วเหลียนชินหันหาที่มาของเสียงร้อง ที่นางคุ้นเคยในทันที ก่อนที่นางจะเดินตามเสียงนั้นเสมือนต้องมนต์ แม้ในใจจะคิดว่านางคงกำลงคิดถึงหลานชายจนหูแว่ว “ห้าวหยาง!” ร่างบางวิ่งเข้าอุ้มหลานชายขึ้นสู่อ้อมแขนในทันที หญิงสาวกดจมูกลงบนแก้มอวบอ้วนด้วยความคิดถึง “เจ้ามาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไรกัน บิดาเจ้ารังแกเช่นนั้นรึ หลี
“ท่านแม่! ข้าเป็นลูกของท่านพ่อใช่หรือไม่ ข้ามิใช่ลูกเขาใช่ไหมขอรับ” เฉินป๋อหยาเอ่ยถามมารดา ด้วยน้ำเสียงแหบแห้งกว่าปกติหลายเท่านัก มารดาบอกแก่เขาว่าตนเป็นลูกของนางอย่างแท้จริง แต่เฉินห้าวหนานเป็นลูกชายของน้องสาว ที่แต่งมาเป็นอนุของบิดา ทว่าตอนนี้ไยทุกอย่างมันกลับกลายเป็นเขา ที่มิใช่สายเลือดสกุลเฉินไปได้ “แม่ขอโทษป๋อหยา’ ไม่ต้องมีคำอธิบายใด ๆ อีกแล้ว ทุกอย่างกระจ่างชัดจนชายหนุ่มทนรับมันต่อไปไม่ได้ ร่างสูงก้าวช้า ๆ ตรงไปยังประตูห้องจัดเลี้ยง เขาไม่ใช่คนสกุลเฉิน แต่เป็นลุกพ่อบ้านจวนสกุลฮั่ว หนำซ้ำคนผู้นั้นยังเป็นคนอยู่เบื้องหลังการตายของใครอีกหลายคน มารดาของเขาคือฆาตกรสังหารน้องสาวตนเอง เพื่อช่วงชิงลูกของนางมาเป็นของตนเอง ทุกอย่างมันร้ายแรงเกินกว่าที่เขาจะทนรับมันได้ ทว่าเพียงก้าวพ้นประตู เฉินป๋อหยาก็ถูกทหารรวบตัวเอาไว้ เพราะมีส่วนร่วมในการลอบสังหารฮูหยินในท่านแม่ทัพเฉินห้าวหนาน เฉินป๋อหยาไม่มีท่าทีขัดขืนใด ๆ ชายหนุ่มเหม่อลอยจนน่าตกใจ ก่อนที่เขาจะหันกลับเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง มารดาถูกคุมตัวนั่งเคียงข้างบิดาที่เขาเพิ่งรู้จัก อีกข้า
“หยุดนะห้าวหนาน วันนี้เป็นวันดีของน้องชาย เจ้าจะเอาเรื่องไร้สาระเช่นนี้ มาเล่าเพื่อสิ่งใดกัน” “อย่าได้ร้อนตัวสิขอรับท่านแม่ อย่างไรก็ฟังให้จบเสียก่อนจะดีกว่า” “นั่นสิ! เฉินฮูหยินให้หลานชายข้าเล่าต่อให้จบเถิด” ท่านเจ้ากรมการคลัง ได้พูดแทรกขึ้น เพราะเขาเองก็อยากจะฟังเรื่องนี้ให้จบ เพื่อความแน่ใจว่าสิ่งที่เขาเคยได้ยินมานั้น มันมิใช่สิ่งที่คิดไปเอง ซึ่งแขกในงานต่างแสดงความต้องการ เช่นเดียวกันกับท่านเจ้ากรม “เช่นนั้นต่อเลยนะขอรับ ในวันที่น้องสาวของนางคลอดบุตรชาย ตัวนางเองก็คลอดบุตรชายเช่นกัน อ่อ! ในตอนนั้น นางเลือกที่จะพาน้องสาวกลับไปคลอดยังบ้านเกิดมารดา อีกทั้งสามีที่เป็นแม่ทัพก็มิอาจปลีกตัวติดตามไปได้ ข่าวดีและร้ายได้เกิดขึ้นในวันเดียวกัน นั่นคือท่านแม่ทัพได้บุตรชายสองคน ทว่าเพียงสองชั่วยามภรรยาและลูกชายอีกคนได้สิ้นใจลงอย่างน่าอนาถ” “แล้วมันยังไง ก็แค่เมียเอกกับเมียน้อยคลอดลูกพร้อมกัน ส่วนเรื่องคลอดลูกแล้วตกเลือดจนตายก็นับเป็นเรื่องที่มีให้เห็นอยู่ไม่น้อย เด็กไม่แข็งแรงจะสิ้นใจก็ไม่แปลก” “แปลกตรงที่แท้จริงเมียเอกมิได
ตลอดสามวันที่เขาปล่อยข่าวว่าออกนอกเมืองไป มันทำให้เขาได้รู้เห็นเรื่องในบ้าน จนเรียกว่าเจ็บจนแทบจะกระอักเลือดเลยก็ว่าได้ “สัญญากับข้า อย่าได้แหวกหญ้าให้งูตื่น เพียงเพราะโทสะของท่าน” “ข้าสัญญา เจ้าก็ต้องรับปากข้า ว่าจะไม่เอาตนเองมาเสี่ยงเช่นนี้อีก เข้าใจหรือไม่” “เราเป็นอะไรกันเช่นนั้นรึ จึงต้องทำตามคำขอของท่าน ซึ่งมันมิใช่ส่วนรวมเช่นคำขอของข้าเลยสักนิด” “เจ้ากับลูกเป็นทุกสิ่งของข้า” “อย่าได้หมิ่นเกียรติข้าเกินไปนัก รู้ตนเองบ้างว่าท่านกับข้าเป็นใคร” “เพราะรู้ข้าถึงกล้ายอมรับมัน” “…” ฮั่วเหลียนชินมิอาจเอ่ยสิ่งใดตอบโต้ชายหนุ่มได้ นางทำเพียงก้าวเคียงข้าเขาไปเงียบ ๆ เพราะคร้านจะโต้แย้ง “ความรู้สึกมิใช่เงินตราก็ซื้อหาได้ ข้าคิดเช่นไรก็พูดออกไปเช่นนั้นมิได้โป้ปด ทุกอย่างสุดแท้แต่เจ้าจะมองเห็นเหลียนชิน” เฉินห้าวหนานเอ่ยขึ้นเบา ๆ พร้อมกระชับร่างบางให้แนบกายมากขึ้น ด้วยเกรงว่าเขาจะมิได้ชิดใกล้นางเช่นนี้อีก หลังจากกลับมาถึงจวน เฉินฮูหยินได้รีบมาที่เรือนของลูกสะใภ้ พร
“หึ ๆ ไม่นึกว่าวันนี้จะได้ยลโฉมคุณหนูใหญ่สกุลฮั่ว” เสียงจากด้านหลังหินก้อนใหญ่กลางสวน ไม่ได้ทำให้หญิงสาวทั้งสามรู้สึกตื่นเต้นเลยสักนิด ยิ่งอีกฝ่ายเรียกนางได้อย่างถูกต้อง นั่นแสดงว่าจิ้งจอกพิการทั้งสอง รนรานกลับไปหานายเก่าแล้ว และหากนางเดาไม่ผิดทั้งสองคนไร้ลมหายไปแล้วเช่นกัน “รวดเร็วทันใจดีแท้ หึ ๆ” หญิงสาวเอ่ยเบา ๆ กับสาวใช้ทั้งสอง ก่อนจะมองไปยังคนที่เผยตัวออกมาอย่างใจเย็น ทว่าเขายังคงปิดบังใบหน้าตนเองเอาไว้ “ไยต้องบิดบังใบหน้าด้วยเล่า ช่างไร้มารยาทในการพบเจอยิ่งนัก” “ไม่นึกเลยว่าเด็กขี้โรคเมื่อวันวาน จะกลายเป็นหญิงงามในวันนี้” “ขอบคุณที่ชม แต่ข้าก็ยังแปลกใจอยู่ดี ว่าเหตุใดกันเจ้าจึงมารอพบข้าที่นี่ อย่าบอกนะว่าเป็นเรื่องบังเอิญ มันย่อมไม่มีทางเป็นเช่นนั้นไปได้ เพราะความบังเอิญนี้มันเหมาะเจาะจนเกินไป” ฮั่วเหลียนชินกระชับอ้อมแขนรัดร่างอ้วนให้แน่นขึ้น นางสัมผัสได้ถึงไอสังหารที่อีกฝ่าย ตั้งใจปลดปล่อยออกมาเพื่อกดดันนาง อีกอย่างคือกำลังประเมินฝีมือของนางไปในตัว “จะกล่าวเช่นนั้นก็ย่อมได้ น่าเสียดา
สามวันถัดมา เฉินฮูหยินได้ให้สาวใช้มาแจ้งแก่ฮั่วเหลียนชิน ว่าจะพานางกับลูกไปไหว้พระ เพื่อขอพรให้กับครอบครัว หญิงสาวได้ตอบรับคำเชิญของแม่สามี หญิงสาวยกยิ้มร้าย เมื่อกล้าท้าทายนางก็พร้อมท้าชนเช่นกัน “บาดแผลของนายหญิง ยังไม่หายดีนะเจ้าคะ” “บาดแผลหนักกว่านี้พวกเราก็ผ่านกันมาแล้ว หากให้ผู้อื่นรู้ว่าข้าบาดเจ็บย่อมต้องเป็นสงสัยของทุกคน แค่เขารู้คนเดียวข้าก็หนักใจอยู่ไม่น้อย” ฮั่วเหลียนชินรู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ เพราะถึงแม้ตอนนี้นางไม่รู้ว่าจะวางใจเฉินห้าวหนานได้มากแค่ไหน แม้เขาจะพูดกับนางอย่างตรงไปตรงมา ถึงความรู้สึกที่มีต่อน้องสาวของนาง ‘แม้ข้ามิได้รักนาง แต่ข้าก็มิคิดที่จะให้นางกับลูกตาย ห้าวหยางคือลูกชายของข้า ไยข้าจะชิงชังเขาได้เล่า แต่ข้าไม่นึกว่าการเดินทางของนาง จะเป็นการจากไปมิหวนคืนเช่นนี้’ “จิ้งจอกถูกปล่อยแล้วใช่หรือไม่” “เจ้าค่ะ ตอนนี้ท่านพี่ฉงอานกำลังจับตาดูอยู่เจ้าค่ะ” “ดี! มองอยู่เงียบ ๆ รอให้สาวถึงปลาตัวใหญ่ ค่อยลงมือในคราเดียว” “สาวใช้จากเรือนหลีหยา มาป้วนเปี้ยนบ่อยยิ่งนักเจ
ตอนสาย ณ เรือนเหลียนฮวา หลี่เยี่ยน กำลังยืนเผชิญหน้าอยู่กับมารดาของท่านแม่ทัพ ที่อยู่ ๆ วันนี้ต้องการพบลูกสะใภ้ ทั้งที่ทุกครั้งหากต้องการพบกับฮูหยินของนาง เฉินฮูหยินจะให้สาวใช้มาเชิญนายหญิงของนางไปพบ “เหลียนฮวาไปที่ใด นี่ก็สายมากแล้ว ไยนายเจ้ายังไม่ตื่นอีกเล่า” “เอ่อ…” “ท่านแม่มีสิ่งใดหรือขอรับ วันนี้จึงได้มารบเร้าอยากเจอสะใภ้ถึงเรือนเล่าขอรับ” เฉินฮูหยินถึงกับตัวชาไปทั้งร่าง ก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ หญิงสูงวัยคลี่ยิ้มกว้างส่งให้บุตรชาย “แม่แค่อยากชวนฮวาเอ๋อร์ออกไปดื่มชา กับบรรดาฮูหยินยังเหลาชีเหลียงเท่านั้นเอง” “เมื่อคืนนางแทบมิได้นอน ข้าเลยสั่งให้นางพักต่ออีกสักหน่อยขอรับ” “เจ้าค้างที่นี่เช่นนั้นรึ” “ข้าย้ายมาอยู่กับลูกเมียนานแล้วขอรับ เพียงแต่มิได้บอกผู้ใด เพราะนี่ถือเป็นเรื่องปกติของสามีภรรยามิใช่หรือขอรับ ข้าไม่นึกว่าท่านแม่อยากทราบเลยมิได้บอกขอรับ” “เช่นนั้นแม่กลับก่อนดีกว่า หากแม่รู้ว่าเจ้าอยู่ด้วยจะไม่มากวนใจพวกเจ้าผัวเมียเลย แม่ยิ่งอยากได้หลานเพิ่มอีกส
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” เฉินห้าวหนานประคองร่างบางให้แนบกาย ก่อนจะมองไปยังกลุ่มคนสวมหน้ากาก ที่ยืนหันหลังให้แก่เขาและคนในอ้อมแขน จะมีเพียงแค่ชายหนุ่มที่เข้าช่วยเขาและนางในคราแรก ที่ยืนมองเขามิวางตา “ไม่ว่าท่านจะรูเห็นสิ่งใดในวันนี้ จงลืมมันเสีย” หญิงสาวขยับผละออกห่างอกแกร่ง หญิงสาวเดินไปหาคนสนิท หมับ! ทว่าก่อนที่มือของฉงอานจะทันได้แตะต้องตัวผู้เป็นนาย แม่ทัพหนุ่มได้คว้าร่างบางนั้นกลับมาชิดกายอีกครั้ง ก่อนจะช้อนอุ้มนางขึ้นสู่อ้อมแขน “ข้าจะไม่ยินยอมให้บุรุษใดแตะต้องเจ้า” ร่างสูงก้าวออกจากตรอกเล็ก ตรงไปยังทิศทางออก โดยไม่สนใจว่าคนสวมหน้ากากทั้งหมดจะมองเขาเช่นไร ฮั่วเหลียนชินไร้เรี่ยวแรงที่จะขัดขืน หญิงสาวจำต้องซบใบหน้ากับอกกว้างของชายหนุ่ม ก่อนที่ดวงตาคู่งามจะปิดลง “ท่านแม่ทัพ! โปรดตามข้าน้อยมาทางนี้เถอะขอรับ เราจะให้ผู้ใดรู้ว่านายหญิงบาดเจ็บไม่ได้เป็นอันขาด” เฉินห้าวหนานไม่เอ่ยสิ่งใด ร่างสูงก้าวตามชายผู้นั้นไปอย่างเร่งร้อน เสียงลมหายใจของคนในอ้อมแขน ดูจะเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย เขากลัวเหลือเกินว่าลุกธนูนี้จะมียา
“เครื่องหอมนี้ข้ามิรู้ชื่อ แต่ข้ามีตัวอย่างนำมาให้ นายหญิงของข้าปรารถนาจะมีในครอบครอง” “วางลงตรงกล่องซ้ายมือ แล้วรอข้าสักครู่” ชายหนุ่มทำตามที่คนด้านในบอกทุกอย่าง ฮั่วเหลียนชินยังคงใจเย็นอยู่เช่นเดิม นางรู้กฎของคนค้าขายในเงามืดดี ทั้งเจ้าเล่ห์และคดโกง หมับ! ฟึ่บ! มือบางคว้าคอเสื้อของคนสนิทได้ทัน ก่อนทั้งคู่จะเบี่ยงกายหลบลูกดอก ที่พุ่งออกมาจากประตู แน่นอนว่ามันต้องอาบไปด้วยยาพิษ ฮั่วเหลียนชินไม่คิดที่จะบุ่มบ่ามเข้าไป หญิงสาวก้าวไปยังคบไฟที่ปักอยู่เสาเรือน ก่อนจะใช้วิชาตัวเบาขึ้นไปยืนอยู่บนหลังคา เมื่อให้เปิดประตูดี ๆ ไม่ทำ นางก็แค่เชิญคนด้านในอย่างเป็นมิตร เพียงครู่เดียวคนสนิทของหญิงสาวได้ขึ้นมายืนเคียงข้างผู้เป็นนาย โดยในมือมีขวดน้ำเต้าที่บรรจุเหล้าป่าเอาไว้ แน่นอนว่ามันคือหนึ่งในอาวุธที่นางชื่นชอบ ชายหนุ่มเปิดกระเบื้องออกอย่างเบามือ เมื่อแน่ใจว่าด้านล่างคือห้องเครื่องหอม ที่ไวต่อไฟในมือของผู้เป็นนาย เพล้ง! ฟรึ่บ! เพียงพริบตาไฟได้ลุกขึ้นลามไปที่เครื่องหอมและตัวบ้าน สองนายบ่าวยืนมองเปลวเพลิงค่อย ๆ ลุกลามไปเรื่อย ๆ