ก่อนฟ้าสางในห้าวันถัดมา หลิวเชียงเชียงจำต้องตื่นมาตั้งแต่ฟ้ามิทันสาง เพื่อเตรียมตัวเดินทางออกไปนอกกำแพงเมืองหลวง เพื่อร่วมดื่มชายามบ่ายกับเหล่าสตรีชั้นสูง ณ ป่าท้อ ซึ่งมีเพียงราชวงศ์และบรรดาขุนนางใหญ่กับครอบรัวเท่านั้น ที่สามารถเข้าไปชื่นชมดอกท้อบานได้ หญิงสาวใช้เวลาไม่นาน ก็ออกมายืนรอแม่สามีอยู่หน้าจวน นับว่าโชคดีอยู่ไม่น้อย ที่แม่สามีมิชอบมาวุ่นวายกับนาง หรืออาจเป็นเพราะชางฮูหยินมิใช่มารดาแท้ ๆ ของท่านแม่ทัพชางหลิ่วด้วยกระมัง จึงทำให้รู้ยำเกรงต่อผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน “ข้ากวนเจ้าแล้ววันนี้” ชางฮูหยินเอ่ยกับลูกสะใภ้ ก่อนจะก้าวลงบันไดมาหยุดยืนต่อหน้าหญิงสาว รอยยิ้มของชางฮูหยินเรียกยิ่งทำให้ดูอ่อนเยาว์ลงหลายส่วน หากจะว่าไปแล้วแม่สามีกับสามีของนาง มีวัยที่ห่างกันเพียงสิบปีเท่านั้นสตรีวัยเพียงสามกว่า ถือว่ายังสาวอยู่มาก ทว่าต้องกลายเป็นหม้ายเมื่อสามีที่อายุมากกว่าเกือบสามสิบปีสิ้นอายุขัย ปล่อยทิ้งบุตรชายวัยหนุ่มกับแม่เลี้ยงวัยสาว ให้ดูแลกันมานานหลายปี “มิเป็นเช่นนั้นเลยเจ้าค่ะ ข้ายินดียิ่งนักที่ได้ออกนอกจวนบ้าง” “เช่
แม่ทัพหนุ่มขบกรามแน่น เมื่อรูเล็กแคบกำลังรัดรึงท่อนเอ็นของเขากระชั้นถี่ขึ้น ยิ่งทำให้ทุกการเคลื่อนเข้าออกเสียวซ่านไปตลอดทั้งร่าง อ๊า! ชายหนุ่มได้เปล่งเสียงครางต่ำออกมาด้วยความกระสันเสียว เมื่อเขากำลังจะถึงจุดหมายแล้ว “ท่านพี่...” หญิงสาวเรียกสามีด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เมื่อนางไม่อาจทนต่อไปได้แล้ว ร่างงามกระตุกถี่ ๆ ทว่าไม่อาจเปล่งเสียงครางออกมาได้มากเท่าใดนัก ก่อนที่แม่ทัพหนุ่มจะกระตุกเกร็งมิต่างกัน ชางหลิ่วแช่ท่อนเอ็นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอดถอนออกมาอย่างอิดออด หลิวเชียงถึงกับแข่งขาอ่อน นางไม่คิดมาก่อนว่าสามีจะมาที่นี่ ทั้งยังอาจหาญกระทำเยี่ยงนี้ในสวนท้อ ที่กำลังมีงานเลี้ยงน้ำชาอยู่อีกด้าน แม่ทัพหนุมช่วยภรรยาจัดการกับเสื้อผ้า และตรวจดูความเรียบร้อยของนาง ก่อนจะลอบยิ้มอย่างพอใจกับรสสวาทอันน่าตื่นเต้นนี้ เพราะมันเป็นครั้งแรกของเขาเช่นกันที่ทำ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย แม่ทัพหนุ่มได้จูงมือภรรยากลับไปส่งยังส่วนงานเลี้ยงน้ำชา โดยที่ตัวเขาทำเพียงกระซิบบอกนาง ว่าคืนนี้จะไปหาที่เรือน ใบหน้างามแดงระเรื่อ เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้
“เจ้าไม่เป็นไรนะ เช่นนั้นเรากลับกันเถอะ”ชางฮูหยินบีบมือลูกสะใภ้เบา ๆ อย่างให้กำลังใจ ก่อนจะเอ่ยชวนหลิวเชียงเชียงกลับจวน“เชียงเชียงต้องขออภัยทุกท่านด้วยนะเจ้าคะ ที่ทำให้งานเลี้ยงวันนี้แปดเปื้อน”“ฮูหยินน้อยมิได้กระทำเสียหน่อย หากไม่รังเกียจเชิญท่านทั้งสองอยู่ร่วมดื่มชาต่อได้หรือไม่เล่า”ท่านหญิงอุ้ยเหนียงเอ่ยชวน ทำให้ชางฮูหยินและหลิวเชียงเชียงที่จะปฏิเสธ ทั้งคู่จึงอยู่ร่วมงานเลี้ยงจนเสร็จสิ้น โดยหลังจากกลับมาถึงจวน นางก็ได้รับรายงานว่าหลิวฮูหยินถูกสั่งลงทัณฑ์ ที่ใส่ความนางนี่คงเป็นฝีมือของสามีที่จัดการให้นางไม่อยากให้มารดาต้องทนทุกข์กับเรื่องพวกนี้อีก จึงเลือกที่จะไม่เอ่ยถึงความลับของมารดาเลี้ยง ที่มีต่อน้องชายของบิดา และถ้านางคาดเดาไม่ผิด หลิวอี้เฟยคงเป็นลูกของท่านอานางนั่นเองหากนางไม่ระวังตัว มีหวังคนที่ดื่มยาพิษต้องเป็นนางเอง ส่งอันใดมานางก็แค่ส่งคืนเท่านั้น ส่วนผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือกำไรที่นางควรจะได้รับ หญิงสาวเลือกที่จะปล่อยให้สามีเป็นคนจัดการกับมารดาเลี้ยงที่ราวีนางไม่เลิกเสีย ส่วนหน้าที่ของนางคือสร้างจุดยืนไว้ให้ตนเองให้ได้นานที่สุดยามค่ำคืน ณ เรือนหลิว เสียงฝีเ
“โอว์...”แม่ทัพหนุ่มใช้สองมือจับศีรษะงามเอาไว้แน่น พร้อมทั้งขยับสะโพกเด้งสวนรับแรงดูดกลืนนั้นด้วยความเสียวซ่าน เสียงลมหายใจเสมือนม้าศึกของแม่ทัพหนุ่ม ทำให้หญิงสาวเพิ่มแรงดูดดึงท่อนเอ็นให้มากขึ้น ตามการขยับของเอวสอบชางหลิ่วคำรามลั่น เมื่อริมฝีปากนุ่มดูดยังส่วนปลายที่กำลังเบ่งบานของเขา สลับตวัดปลายลิ้นเลียวนรอบฐานดอกเห็ดจนเปียกชื้น แม่ทัพหนุ่มไม่อาจทานทนต่อแรงกระตุ้นได้อีกต่อไปเขาได้ถอดถอนท่อนเอ็นออกจากปากอ่อนนุ่ม ก่อนจะดึงร่างอวบให้ลุกขึ้น แล้วช้อนอุ้มพาหญิงสาวกลับไปที่เตียง ก่อนจะวางนางลงอย่างแผ่วเบาสายตาปานจะกลืนกินร่างขาวโพลนที่สะท้อนแสงเทียน ทำให้ใบหน้าคมเข้มก้มลงลากปลายลิ้น ตวัดโลมเลียผิวผ่องนั้นทั่วร่าง ก่อนจะมาหยุดลงยังเนินสวาทที่ไร้ซึ่งสิ่งปกคลุมก่อนจะใช้นิ้วแก่งแหวกลงตามกลีบร่อง เผยให้เห็นเนื้ออ่อนสีแดงด้านใน หญิงสาวผวาเฮือก เมื่อปลายลิ้นของสามีลากผ่านขึ้นลง ตามร่องสวาทที่เริ่มเปียกชื้นด้วยน้ำหวาน“โอว์...อ่า...ท่านพี่ อ่า...”หญิงสาวครางกระเส่า พร้อมเรียกสามีด้วยนำเสียงสั่นพร่า ใบหน้างามสะบัดไปมาบนด้วยความเสียวซ่านไปตลอดทั้งร่าง ยิ่งเมื่อริมฝีปากของเขาดูดเม้มยังติ่งสวาท
หญิงสาวถูกวางลงบนพรมขนสัตว์ผืนใหญ่ ซึ่งเหมือนถูกจัดเตรียมเอาไว้ก่อนหน้าแล้ว ทว่ามันหาใช่สิ่งสำคัญสำหรับนางแล้วในตอนนี้ เพียงแค่แผ่นหลังแตะขนสัตว์หนานุ่ม บุรุษทั้งสองต่างเปลืองอาภรณ์ของตนเองออกจนสิ้น เผยให้เห็นความกำยำผ่านแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา อื้อ! ริมฝีปากอิ่มถูกปิดลงอีกครั้งด้วยหนึ่งในสองบุรุษ ความหนาวเย็นยามค่ำคืน ไม่อาจสะท้านกายอันเร้าร้อนของนางได้เลยในตอนนี้ เสื้อผ้าบนกายมิรู้ว่าถูกกำจัดให้พ้นร่างไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เคราสากของชายหนุ่มอีกคน กำลังครูดไปตามผิวเนียนของนางลงสู่สะดือเล็ก หญิงสาวสะดุกเฮือก เมื่อปลายลิ้นอุ่นกวัดวนรอบสะดือของนาง หญิงสาวใช้เล็บจิกลงบนขนสัตว์หนานุ่ม เมื่อชายหนุ่มลากปลายลิ้นไปจนถึงต้นขา แล้วจูบซับยังซอกขาหนีบที่เปิดอ้าไล่มาจนถึงเนินเนื้อเกลี้ยงเกลา ชายหนุ่มใช้ปลายนิ้วกรีดลงตามกลีบร่องช้า ๆโดยที่ลิ้นสากยังคงเลียวนทั่วเนินสวาท ก่อนจะแทรกลงไปตามร่องฉ่ำแฉะ จนไปถึงร่องก้นแล้วลากวนกลับขึ้นมาจนถึงติ่งกระสัน ชายหนุ่มดูดเม้มเบา ๆ ก่อนจะระรัวลิ้นถี่ ๆ เมื่อหญิงสาวแอ่นสะโพกขึ้นรับปลายลิ้นของเขา“โอว์...เสียวเหลือเกิน อื้อ...”ทว่าน
สามวันถัดมา ในห้องอาบน้ำเรือนชางฮูหยิน ร่างงามที่กำลังว่ายวนในสระอาบน้ำส่วนตัว ได้ให้สาวคนสนิทลงมาขัดตัวให้ แน่นอนว่าชุดเนื้อบางที่สาวใช้สวมอยู่นั้น ขับเน้นทุกสัดส่วนเหลือเกิน ภาพในค่ำคืนนั้นฉายชัดกลับมาในหัวอีกครั้ง บุรุษที่ปรนเปรอให้กันและกันยังเกิดขึ้นได้ แล้วทำไมกับสตรีด้วยกันมันจะเป็นไปมิได้เล่า กลิ่นธูปหอมชนิดพิเศษ ถูกจุดให้ตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้อง สาวใช้วัยแรกแย้ม ที่มีสัดส่วนเต็มไม้เต็มมือ มิคุ้นชินกับกลิ่นธูปตัวใหม่ของผู้เป็นนาย ทำให้หญิงสาวที่กำลังทาน้ำมันเพื่อนวดแผ่นหลังให้แก่นายสาว เริ่มรู้สึกร้อนรุ่ม ทั้งที่ตัวนางแช่อยู่ในน้ำแท้ ๆ “อ๊ะ!” สาวใช้ร้องด้วยความตกใจ เมื่อผู้เป็นนายหันกลับมา จนทำให้มือของนางวางทาบอยู่บนทรวงอกเต่งตึงของนายสาว หมับ! ก่อนที่มือของนางจะถูกจับเอาไว้แน่น และมันยังอยู่บนเต้างามของผู้เป็นนาย “เจ้าเติบโตพอที่จะเรียนรู้ ความเป็นสตรีได้แล้ว” “อ๊ะ..อื้อ...” ยังไม่ทันที่สาวใช้จะได้เอ่ยสิ่งใด เรียวปากอิ่มก็ถูกปิดลง ด้วยริมฝีปากอ่อนนุ่มของผู้เป็นนาย หญิงสาวมิเข้าใจตนเอ
สิบวันถัดมา หลิวเชียงเชียงนั่งมองการสนทนาของสามี และมารดาเลี้ยงของเขา หญิงสาวเลือกที่จะนิ่งเงียบ เพราะมันเป็นสิ่งที่สามีของนางต้องตัดสินใจ “เรื่องในอดีต ข้าจะถือเสียว่าไม่เกี่ยวข้องอันใดกับท่านแม่ ขอแค่ท่านแม่เลือกที่จะชดใช้ในสิ่งที่กระทำ” ชางหลิ่วเอ่ยกับมารดา ด้วยน้ำเสียงไม่อ่อนไม่แข็งจนเกินไป สิ่งที่เขารู้มาไร้ซึ่งหลักฐาน แต่เพื่อความปลอดภัยของภรรยาและทายาทของเขาในภายหน้า การส่งมารดาให้อยู่ไกลถือเป็นเรื่องที่เขาควรเร่งลงมือ “สิ่งใดกันที่ข้าทำ” ชางฮูหยินย้อนถามบุตรชาย แม้นางจะเป็นมารดาเลี้ยงแต่ที่ผ่านมา เป็นนางที่ดูแลชางหลิ่วมาตลอด นางในวัยสาวแรกแย้มต้องแต่งแก่สามีอายุมาก ทั้งยังต้องมาเลี้ยงเด็กที่ห่างจากนางเพียงสิบปี นางควรได้มีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ และได้รับการเติมเต็มจากสามีที่วัยใกล้เคียงกันมิใช่หรือ มาวันนี้ชายหนุ่มที่เรียกนางว่าแม่ กำลังผลักไสนางให้ไปลำบากในที่ห่างไกล “เรื่องบ่าวชายของท่านแม่อย่างไรเล่า” แม่ทัพหนุ่มเลือกที่จะเลี่ยงเอ่ยถึงอดีต เพราะมันมารดาเองใช่จะไร้ความดี การที่นางยอมแ
“อ่า...เร็วอีกคนดี...อ่า”แม่ทัพหนุ่มเร่งเร้าภรรยา ก่อนที่นางจะหยุดการกลืนกิน แล้วเคลื่อนตัวขึ้นนั่งอย่าเหนือท่อนเอ็นแข็งขึง หญิงสาวจ่อปลายท่อนเอ็นที่รูเล็กแคบของนาง แล้วค่อย ๆ กดลงไปเพียงครึ่งลำ ก่อนจะขยับยกขึ้นมาที่ปลายท่อนอีกครั้งอย่างช้า ๆการทำเช่นนี้ของนาง ไม่ต่างอันใดกับการที่นางจงใจทรมานเขา ให้อดกลั้นการปลดปล่อย เสียงหัวเราะในลำคอปนเปไปด้วยเสียงคราง ในทุกครั้งที่หญิงสาวขยับขึ้นลง“โอว์...เชียงเชียง...อ่า...”ชายหนุ่มสะดุกสุดตัว เมื่อภรรยากระแทกกายลงทับท่อนเอ็นของเขาจนหายไปจนมิดด้าม ก่อนที่นางจะเริ่มขยับโยกสะโพกส่ายร่อนไปมา แม่ทัพหนุ่มใช้สองมือกระชับเอวคอดเอาไว้แน่น ก่อนจะเด้งขึ้นสวนรับแรงกระแทกจากภรรยา“อ๊า...แรงอีกเด็กดี อ๊า...อย่างนั่น โอ้วววว”เสียงเนื้อกระทบกันปนเสียงครางกระเส่าของทั้งคู่ ยิ่งเพิ่มความหฤหรรษ์ให้บทรักอันเร้าร้อน หญิงสาวโน้มตัวลงกระซิบบอกสามีให้ลุกนั่ง ชายหนุ่มมิรอช้าทำตามอย่างว่าง่าย สองแขนเรียวโอบรอบลำคอสามีหลวม ๆ ก่อนจะเพิ่มแรงขยับโยก สลับบดเนินเนื้อกับท่อนเอ็นของสามีหญิงสาวกดใบหน้าหล่อเหล่ากับสองเต้างาม ใบหน้าหวานแหงนไปด้านหลังพร้อมเสียงครางมิขาดสาย ยิ่
“ทำไม! ท่านคิดจะร้องขอชีวิตจากข้าเช่นนั้นรึ”แววตาไหวระริกด้วยความตื่นเต้นพลันฉายชัดให้เห็น เรียวปากบางคลี่ยิ้มกว้าง“ไม่จำเป็น เพราะข้ารู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้”แม่ทัพหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เหมือนกับสถานการณ์ที่กำลังตกเป็นรองของเขา มิใช่สิ่งที่เหนือความคาดหมาย“ยโสยิ่งนัก ไป๋เจี้ยนถง ข้าเองก็อยากรู้นัก ว่าท่านจะผยองเช่นนี้ได้อีกนานแค่ไหน”เมื่อได้ยินคำปฏิเสธอย่างไรเยื่อใย ความขุ่นเคืองพลันบังเกิดขึ้นมาภายในใจของหญิงสาว ประหนึ่งภูเขาไฟที่พร้อมจะปะทุก็มิปาน“สิ่งที่ถูกต้องเท่านั้นที่ข้ามองอยู่เสมอ เจ้าอยากทำร้ายข้านั้นมิใช่สิ่งที่เหนือความคาดหมาย แต่การที่เจ้าขายแผ่นดินบ้านเกิด นี่ต่างหากที่ทำให้ข้าไม่อาจลดตัวร้องขอสิ่งใดจากคนเช่นเจ้า”“เก็บคำพูดอันสวยงามของท่านแม่ทัพ ไปรอตอบคำถามของฝ่าบาทในยมโลกจะดีกว่านะ เพราะข้าสนแค่คนที่ข้ารักเท่านั้น ผู้อื่นหาได้อยู่ในสายตาข้าไม่”แม้คำพูดจะยังถากถางชายหนุ่ม ทว่าความรู้สึกบางอย่างเตือนให้นางระวังตัวจากบุรุษผู้นี้ คนเช่นไป๋เจี้ยนถงเช่นนั้นรึจะพลาดพลั้งได้โดยง่าย เขากรำศึกมาตั้งแต่อายุสิบห้าย่อมยากที่จะถูกลวงได้โดยง่าย‘หรือว่า....’ “ขนาดนี
สามเดือนต่อมา “ท่านลุง เหตุใดท่านพี่ยังมิกลับมาอีกเล่า” เพ่ยเพ่ยเอ่ยถามพ่อบ้าน “เรียนฮูหยิน ข้าน้อยได้ส่งคนไปดูที่ค่ายทหารแล้วขอรับ” “ท่านลุงมีสิ่งใดที่ยังมิได้บอกข้าอยู่หรือไม่” เพ่ยเพ่ยจ้องพ่อบ้านด้วยสายตาคาดคั้น นางอาจเป็นเพียงท่านหญิงผู้บอบบางในสาตาผู้อื่น แต่นั่นมันชูเพ่ยเพ่ยที่ตายไปแล้ว มิใช่นางคนปัจจุบัน “ข้าน้อยคิดว่าฮูหยิน เอ่อ...กลับไปพักสักหน่อยเถอะนะขอรับ นี่ก็ดึกมากแล้ว” “จะให้ข้าหาคำตอบเอง หรือจะบอกข้ามา” ชายชราได้แต่อ้ำอึ้ง เมื่อถูกนายหญิงบีบคั้นทั้งคำพูดและสายตา เวลานี้ท่านหญิงชูดูจะมิใช่สตรีอ่อนหวานไร้เดียงสาเช่นทุกวัน แต่เป็นอีกคนที่เขาเองเหมือนจะมิรู้จักเลยก็ว่าได้ “เอ่อ...” “สามีข้าหายไปสองวัน คิดว่าจะปิดข้าอีกนานแค่ไหนกัน” “เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อนขอรับ....” ในที่สุดพ่อบ้านชราก็ไม่อาจที่จะปิดบัง ความจริงกับผู้เป็นนายหญิงได้อีก การหายตัวไปของท่านแม่ทัพ นับเป็นความสั่นคลอนภายในกองทัพ หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป “ท่านล
ชายหนุ่มพยายามข่มความต้องการเอาไว้ หากทำเช่นใจต้องการในตอนนี้ อาจเป็นครั้งแรกที่มิน่าประทับใจเท่าใดนัก ชายหนุ่มพรมจูบไปตามผิวเนียนละเอียดอย่างเชื่องช้ามือหนาลูบไล้ขึ้นลงตามท่อนขาเรียวงาม ก่อนจะมาหยุดยังเนินเนื้อที่ปกคลุมไปด้วยปุยขนบาง ๆ ทำให้ความต้องการแล่นพล่านไปทั่วกายอีกครั้ง ท่อนเอ็นเจ็บร้าวเรียกร้องการปลดปล่อยนิ้วแกร่งค่อย ๆ กรีดลงตามร่องภายใต้ปุยขนสีดำ เพียงปลายนิ้วสัมผัสกับติ่งเล็กด้านใน ร่างบางถึงกับสะดุ้งเฮือกด้วยความเสียวซ่าน มือบางที่สอดอยู่ภายใต้กลุ่มผมหนาของสามี เผลอขยุ้มอย่างแรง“พี่จะทำให้ครั้งแรกของเราเป็นที่จดจำ และจะเป็นเช่นนี้จนชั่วชีวิตสามีภรรยาของเรา”ชายหนุ่มเอ่ยเบา ๆ โดยที่เขาทำเพียงช้อนสายตาขึ้นมองภรรยา ก่อนจะพรมจูบสลับตวัดปลายลิ้นเลียไปทั่วหน้าท้องแบนราบ“อ่า ท่านพี่ข้าเสียวยิ่ง...อ่า”เพ่ยเพ่ยครางออกมาเมื่อนิ้วของสามีขยับเคลื่อนไหวมิหยุด หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงขาดห่วง เมื่อความเสียวกระสันกำลังครอบครองกายนางแม่ทัพหนุ่มเลื่อนใบหน้าลงต่ำ ก่อนจะใช้มือแยกขาเรียวออกกว้าง ปลายลิ้นสากลากลงตามร่องสวาทอย่างเชื่องช้า ยิ่งเวลานี้กลีบบางแยกออกเผยให้เห็นเม็ดสวาทสีแดง ควา
“เจี้ยนถง” “ที่เจ้าแสดงอาการหึงหวงข้า เพียงเพราะอยากชนะเพ่ยเพ่ยก็เท่านั้น หาได้คิดอย่างที่เจ้าเพียรบอกตนเองเลยแม้แต่น้อย” “ฮ่า ๆ ใช่แล้วจะทำไม นางมารน้อยนั่น ร้ายกาจกว่าที่ท่านรู้เสียอีกเจี้ยนถง” “ข้าเหมือนลาโง่เช่นนั้นรึ ข้าแค่พอใจในนางมารน้อยของข้าที่นางเป็นเช่นนั้น และเจ้าล้ำเส้นแตะต้องนาง” อี้ชิวถึงกับใบหน้าซีดเผือด เมื่อได้ยินความจริงจากปากของชายหนุ่ม เช่นนั้นแสดงว่าตลอดเวลาที่นางอยู่กับชูเพ่ยเพ่ย ชายหนุ่มเห็นมันอยู่โดยตลอด และนางมารน้อยนั่นก็ต้องรู้อยู่แล้วเช่นกัน “ช่างสมกันยิ่งนัก” “นี่คงเป็นความจริงใจเดียว ที่เจ้ากล่าวออกมาสินะ ข้าขอบคุณก็แล้วกันที่เจ้ามองเห็นมันแล้ว” “ท่านมันไร้หัวใจ เจี้ยนถง” “หึ ๆ หากข้าเป็นเช่นเจ้าว่ามาจริง เจ้าไม่คงอยู่ที่นี่กระมังแม่นางอี้ชิว แต่เพราะข้ามีหัวใจ เจ้าจึงมิสมควรได้รับการอภัย ที่แตะต้องหัวใจของข้า” “ฮ่า ๆ มีตรงไหนที่ข้าพ่ายแก่นางมารน้อยจอมเจ้าเล่ห์กัน” อี้ชิวอยากจะกรีดร้องออกมาให้สุดเสียงเหลือเกิน ทว่านางกลับทำได้เพียงหัวเร
เพี๊ยะ ๆ เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้างามดังให้ได้ยินชัดเจน อี้ชิวรู้ตัวอีกทีใบหน้าของนางได้สะบัดไปมาหลายรอบ เลือดสีแดงไหลออกมาจากมุมปาก หญิงสาวกำหมัดแน่นด้วยความเคียดแค้น นางเป็นผู้ฝึกยุทธ์มีหรือจะไม่รู้ว่าแรงของฝ่ามือที่กระทบใบหน้าของตนเองนั้น แฝงไปด้วยพลังยุทธ์ “เจ้าท้าทายข้า เช่นนั้นวันนี้เป็นข้าที่จะลงมือสั่งสอนเจ้าสักหน่อย” เอ่ยจบร่างงามได้พุ่งเข้าหาคนที่ยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้า ปึก! เพียงฝ่ามือเดียวเพ่ยเพ่ยเซถอยไปไกล พรึ่บ! ก่อนที่ร่างของหญิงสาวจะล้มลงถึงพื้นดิน กลับมีท่อนแขนแกร่งเข้ามารับเอาไว้ทันเสียก่อน “ท่านพี่ อึก!” เพ่ยเพ่ยกระอึกเลือดสีแดงออกมาคำใหญ่ ทำให้แม่ทัพหนุ่มถึงกลับร้อนใจ เมื่อเห็นอาการของภรรยา ชายหนุ่มช้อนอุ้มร่างหญิงสาวขึ้นสู่อ้อมแขน ก่อนจะหันไปมองคนที่ลงมือต่อภรรยาของเขา “หากนางเป็นอันใดไป ชีวิตเจ้าจะไม่เหลือแม้แต่ชื่อให้ผู้คนได้กล่าวถึง” “แต่นางลงมือต่อข้าก่อนนะเจ้าคะท่านแม่ทัพ” “เพ่ยเพ่ย ไร้วรยุทธ์ไหนเลยจะลงมือต่อเจ้าได้รุนแรง เพียงฝ่ามือบาง ๆ ของนาง รึจะเจ็บปวดถึงชีวิตเช่นที่เจ้าทำต่อน
เส้นทางสู่วัดชิงอัน ฮี่ ๆ ม้าที่กำลังวิ่งมาเต็มกำลังจำต้องหยุดลง อาการแตกตื่นของม้ามิได้ทำให้ทุกคนตกใจ เท่ากับที่มีร่างของใครอีกคนนอนนิ่งอยู่กลางถนนขวางทางอยู่ แท่ทัพหนุ่มโน้มกายปลอบใจอาชาคู่ใจ เมื่อม้าทุกตัวสงบลง ทหารคนสนิทได้วิ่งลงไปยังร่างที่แน่นิ่งอยู่บนพื้น ก่อนจะวิ่งกลับมาหาผู้เป็นนาย “เรียนท่านแท่ทัพ นางยังมีลมหายใจอยู่ขอรับ” “พาไปยังอารมด้วยเลยก็แล้วกัน ที่นั่นมีไต้ซือถงอยู่คงพอจะรักษานางได้” “ขอรับท่านแม่ทัพ” ชายหนุ่มเร่งกลับไปยังร่างที่แน่นิ่งอยู่ ก่อนจะช้อนอุ้มร่างบางขึ้นสู่อ้อมแขน ในขณะที่ม้าของแม่ทัพหนุ่มก้าวผ่าน ชายหนุ่มมองเห็นใบหน้างามนั้นอย่างชัดเจน ก่อนจะกระตุ้นม้าให้วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่แม้แต่จะสนใจหญิงสาวในอ้อมแขนของคนสนิท ‘มองเมินข้าเกินไปแล้วนะ เจี้ยนถง’ หญิงสาวขบเคี้ยวเขี้ยวฟันอยู่ภายในใจ นางไม่คิดเลยว่าการกลับมาครั้งนี้ จะไม่อยู่ในสายตาของแม่ทัพหนุ่มเลย ‘เจ้านำพาหัวใจข้าไปเมื่อครั้งในอดีต เมื่อมันตายไปแล้วก็นับว่าผ่านพ้น เวลานี้ใจของข้าได้กำเนิดใหม่
“สมควรที่จะเป็นเช่นนี้ เจ้าเล่นเดินไปทั่วเมือง” ชายหนุ่มประคองภรรยาไปนั่ง ทุกการกระทำของสองสามีภรรยา ทำให้ร่างระหงที่เพิ่งก้าวพ้นประตูเข้ามาหยุดชะงักไปชั่วขณะ ต่างจากเพ่ยเพ่ยที่กำลังยิ้มกริ่มด้วยความพอใจ ‘ชั้นเชิงของเจ้าที่ใช้นับว่าชาญฉลาด แต่ยังอ่อนหัดหากเทียบกับโลกที่ข้าจากมาอี้ชิว’ เพ่ยเพ่ยยังคงแสร้งออเซาะสามี ด้วยนิสัยของความเป็นเด็กที่ทำให้แม่ทัพหนุ่มยากที่จะปฏิเสธได้ ชายหนุ่มย่อกายลงตรงหน้าของภรรยา ก่อนจะนวดที่น่องเรียวงาม เพ่ยเพ่ยยิ้มกว้างอย่างผู้ชนะ พร้อมชำเลืองมองไปยังหญิงสาวผู้มาใหม่ นางไม่ได้เรียกร้องสิ่งใดจากสามีเลยนับตั้งแต่แต่งงาน ทว่านางจงใจทำให้ทุกช่วงเวลาอันเอื่อยเฉื่อยระหว่างนางกับเขา ให้ทุกครรลองสายตาของเขามีเพียงนาง โดยที่เขาไม่รู้ตัว แล้วเช่นนี้จะมีสตรีใดเล่าจะมาช่วงชิงสายตาของเขาไปจากนางได้ ‘ชีวิตอีกโลกข้ามัวแต่เก็บงำความรู้สึก มาชีวิตนี้ข้าจะไม่ยินยอมเสียโอกาสอีกเป็นอันขาด’ “คราวหลังห้ามทำเช่นนี้อีกรู้หรือไม่” “เจ้าค่ะ ข้าจะมิดื้อรั้นกับท่านพี่” เพ่ยเพ่ยตอบรับคำของสาม
“วันนี้เจ้าสมควรถูกลงโทษ” “ข้ายินดีรับ” เอ่ยจบชายหนุ่มได้ประทับจูบอีกครั้ง มือหนาเคล้นคลึงก้นงอนงาม โดยที่ท่อนเอ็นของเขาในเวลานี้อยู่ในกำมือบอบบาง ที่ล้วงเข้าไปในกางเกงของเขา “อ่า อื้อ อี้ชิว อ่า” ชายหนุ่มถึงกับขาสั่นเทา เมื่อมือนุ่มขยับเคลื่อนรูดไปตามท่อนเอ็นที่กำลังแข็งชูชันด้วยความเสียวซ่านจากการถูกปลุกเร้า หลังจากถอนริมฝีปากออกได้เพียงครู่เดียว กางเกงของเขาได้หลุดร่วงลงไปกองอยู่แทบเท้า โดยที่ร่างระหงนั่งลงคุกเข่าอยู่ตรงหน้า ปลายลิ้นเล็กตวัดผ่านปลายท่อนเอ็น ที่กำลังบานออกจนเผยให้เห็นรูเล็ก ๆ ที่มีน้ำใส ๆ ไหลเยิ้มออกมา หญิงสาวระรัวปลายลิ้นยังรู สลับดูดส่วนปลายแรง ๆ เพียงครู่เดียวท่อนเอ็นกว่าครึ่งลำ ได้อยู่ในปากอุ่นร้อนของหญิงสาว มือบางรูดขึ้นลงพร้อมกับห่อปากดูดรั้งท่อนเอ็นเอาไว้แน่นชายหนุ่มใช้สองมือจับศีรษะงามเอาไว้แน่น พร้อมทั้งขยับสะโพกเด้งสวนรับแรงดูดกลืนนั้นด้วยความเสียวซ่าน เสียงลมหายใจเสมือนม้าศึกของชายหนุ่ม ทำให้หญิงสาวเพิ่มแรงดูดดึงท่อนเอ็นให้มากขึ้นชายหนุ่มไม่อาจทานทนต่อแรงกระตุ้นได้อีกต่อไป ชายหนุ่มถ
ทุกคนค้อมศีรษะให้แก่หญิงสาว ที่เวลานี้ยืนขึ้นค้อมหัวให้แก่ทุกคนอย่างนอบน้อม เพ่ยเพ่ยยังใจเย็นรั้งรอสามีอยู่เช่นเดิม ร่างสูงก้าวออกมายังหน้ากระโจมเป็นคนสุดท้าย คิ้วเข้มขมวดเป็นปม ซึ่งน้อยคนนักจะได้เห็นการแสดงสีหน้าเช่นนี้ของแม่ทัพหนุ่ม “ท่านพี่ เพ่ยเพ่ยขออภัยเจ้าค่ะ ที่ดื้อรั้นรั้งรอท่านพี่อยู่ตรงนี้” น้ำเสียงดูเหมือนกำลังสำนึกผิด ทว่ารอยยิ้มและแววตานั้นหาได้เป็นเช่นคำพูดไม่ “เจ้ามีสิ่งใดเร่งด่วนเช่นนั้นรึ จึงได้มาหาข้าถึงที่นี่” แม่ทัพหนุ่มแสร้งไม่เห็นแววตาไหวระริกของภรรยา ทว่าเขากลับเอ่ยถามนางด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หญิงสาวไม่ได้ตอบคำถามของสามี ทำเพียงมองไปยังตะกร้าที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะหันกลับไปส่งยิ้มละมุนให้แก่สามี แววตาที่เคยสดใส เวลานี้สลดลงเล็กน้อย ด้วยความกริ่งเกรงในสายตาของผู้เป็นสามี “เจ้าไม่เห็นต้องลำบากเช่นนี้เลย ไปเถอะที่นี่คงมิเหมาะให้กินอาหารสักเท่าใดนัก”ชายหนุ่มก้าวเข้ามาคว้าตะกร้าอาหาร ก่อนจะเดินนำไปยังทิศทางด้านหลังค่ายทหาร ร่างบางก้มหน้าน้อย ๆ เดินตามสามีไปเงียบ ๆ เพ่ยเพ่ยเบิกตากว้างเมื่อเห็นทิวท