เมื่อเขาบดจูบเธอแรงขึ้นเรื่อยๆ เธอก็หายใจไม่ออก รีบผละเขาออกและกอบโกยเอาอากาศเขาปอดทันที
แต่เขาก็ไม่ปล่อยเธอนาน เมื่อเธอหายใจอิ่มแล้ว เอาก็คว้าท้ายทอยเธอให้โน้มหน้าเข้าหาเขาทันที และเพิ่มแรงจูบที่มากขึ้นกว่าเดิม พร้อมกับดูดลิ้นเธออย่างโหยหา เธอก็ผละเขาออกอีก เขาก็จูบเธอกลับอีกแบบนั้น จนเธอตัดสินใจใช้แรงที่มีอยู่ทั้งหมด ผลักเขาออก และตบเข้าไปที่หน้าเขาไปแรงๆ 1 ที เพี๊ยะ!!! "คุณทำอะไรของคุณ" เธอพูดกับเขาเสียงดัง "ก็ทำให้เธอรู้ไง ว่าเธอเป็นของใคร ใครที่มีสิทธิ์ในตัวเธอ" เขาคนเดียวเขาเท่านั้น เธอจะไปเป็นของคนอื่นไม่ได้ "ฉันไม่ได้เป็นของใคร ฉันเป็นของตัวฉันเอง" "แต่ก็วิ่งแจ้นไปอ่อยไอ้นทีนี่นะ ชอบนักหรอผู้ชายคนอื่น" มีเขาอยู่แท้ๆ ไม่เคยคิดจะขอความช่วยเหลืออะไรเขาเลย มีเรื่องอะไรก็วิ่งหาแต่ไอ้นที ขนาดป่วยยังไม่คิดจะบอกอะไรเขาเลย แล้วต้องให้เขาคิดยังไงได้อีก "ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น" "หึ ไม่ใช่หรอ เธอมันก็แค่ผู้หญิงที่เอาตัวเข้าแลก ผู้หญิงอวดเก่งอย่างเธอ นอกจากตัวแล้วก็ไม่มีอะไรดีทั้งนั้น" "ค่ะ ฉันจำสิ่งที่คุณพูดและย้ำตลอดเวลา 1 ปีครึ่งได้ดี สิ่งที่คุณพูดมาถูกทั้งหมดเลย ฉันไม่มีอะไรดีทั้งนั้นแม้กระทั่งตัว อดทนนะคะเหลืออีก 6 เดือน ฉันจะไม่กลับมาให้คุณเห็นหน้าอีกเลยฉันสัญญา" เมื่อเธอพูดจบแววตาโกรธของเขาก็ฉายขึ้น เขาก็ดึงท้ายทอย เธอลงมาจูบอีกเช่นเดิมคราวนี้เธอไม่ขัดขืนอะไร ปล่อยให้เขาทำตามใจตัวเอง ผ่านไปเนิ่นนานหลายนาที น้ำตาที่กลั้นไม่อยู่ก็ไหลออกมาเอง "นิสา..." เขาผละเธอออกและจ้องตาเธอด้วยแววตาที่วูบไหว "ทำต่อสิคะ หยุดทำไม" ในเมื่อเขาคิดจะย่ำยีเธอแล้ว เธอก็จะปล่อยให้เขาทำไป จะทำแค่ไหนก็ทำไปเลย "ฉัน..." "ทำเลยค่ะ คุณอยากทำอะไรก็ทำเลย คุณมีสิทธิ์ในตัวฉันอยู่แล้ว" เธอพูดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นสาย เขาเห็นแบบนั้นเขาก็หันไปขับรถต่อ และพยายามจะไม่มองหน้าเธออีก เธอก็หันไปอีกทางเช่นเดิม บรรยากาศอันน่าอึดอัด ก็คละคลุ้งไปทั่วรถ เมื่อมาถึง เธอก็รีบลงจากรถไปทันที เพราะไม่อยากมองหน้าเขาอีกแล้ว วันๆ ไม่คิดจะทำอะไรเลย ตั้งใจแค่ว่าจะหาเรื่องเธออย่างเดียว ทั้งดูถูก เหยียดหยาม พูดจาว่าร้ายต่างๆ นาๆ การเอาตัวเข้าแลกของเธอ การดูถูก ทั้งพูดจาเหยียดหยามของเขา เพื่อแลกกับที่ของพ่อแม่เธอ เธอก็ยังยืนยันว่าคุ้ม ในใจเธอพูดคำว่าอดทนกับตัวเอง มาเป็นพันๆ หมื่นๆ ครั้งแล้ว ตั้งแต่มาอยู่กับเขา จนถึงทุกวันนี้เธอก็ยังคงต้องพูดต่อไป "อ้าวหนูนิสา มาได้ยังไง" เมื่อเธอเดินเข้าไป ลุงเจิมก็เอ่ยถามขึ้น "พอดีว่า ป้าจิมให้เอากับข้าวมาให้ค่ะ ไม่มีคนว่างนิสาเลยเอามาให้" "ไม่เห็นต้องลำบากเลยหนูนิสา ขอบคุณมาก" "ลุงอย่าพูดแบบนั้นสิคะ ไม่ลำบากอะไรเลย ลุงกินเลยไหมคะ คนงานไปไหนกันหมดแล้ว นี่อาหารค่ะ" "ได้ๆ เดี๋ยวลุงจะเรียกพวกมันมากินเลย จริงๆ ลุงเริ่มหิวแล้ว ฮ่าฮ่า" เพราะเวลาขณะนี้จะถึงบ่ายโมงแล้ว "งั้นลุงกินไปนะคะ เดี๋ยวนิสาขอเดินดูห้องพักหน่อย ว่าโอเคไหม" "ความจริงลุงก็ดูหมดแล้วนะ คนงานทางโน้นก็กำลังเช็ค ทุกอย่างเรียบร้อยดีกระท่อมก็ออกแบบได้สวยจริงๆ สมกับเป็นหนูนิสา" เพราะเธอเป็นคนคิดและออกแบบห้องพักสไตล์ธรรมชาตินี้ทั้งหมด "ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ เราทุกคนก็ช่วยกันทุกคน" "ลุงว่าไม่ต้องไปดูให้เหนื่อยหรอก กลับลงไปพักผ่อนเถอะ" "ไม่เป็นไรค่ะ ช่วยๆ กันค่ะ" "งั้นถ้าจะดูลุงว่าไปดูห้องแรกตรงโน้นดีกว่า ที่ว่าให้จัดของเอาไปถ่ายรูปโปรโมตอะไรนั่น เอามาหมดแล้วนะ เป็นห้องตัวอย่างพร้อมนอนพัก มีทั้งข้าวสารอาหารแห้ง ทั้งไข่ไก่ เตาหม้อฟืนถ่าน สำหรับพักแรมที่นี่แบบไม่ใช้ไฟฟ้าทุกอย่างครบ ห้องน้ำก็เสร็จเรียบร้อย" "ดีมากเลยค่ะลุง นิสารีบไปดูดีกว่า จะสวยขนาดไหน" เธอยิ้มออกมาอย่างดีใจ และรีบเดินไปตามที่ลุงเจิมบอกทันที ทุกอย่างอยู่ในสายตาของขุนเขาทั้งหมด อยู่กับคนอื่นนี่เธอพูดเก่งสดใสร่าเริง ดูมีความสุขดี พออยู่กับเขาเท่านั้นแหละ ทำหน้าเหมือนคนเบื่อโลกยังไงยังงั้น "อ้าวคุณขุนเขา มาได้ยังไงครับ" เพราะปกติเขาจะไม่สนใจอะไรยิบย่อยพวกนี้ "..." เขาไม่พูดอะไร แต่สายตาก็มองไปทางเธอ "พาหนูนิสาขึ้นมาหรอครับ" "ครับลุง" ตอบลุงเจิมแต่สายตาก็ยังมองตามเธอ "รบกวนคุณขุนเขาหรือเปล่าครับ พวกเราเกรงใจ" "ไม่เป็นไรครับ ผมอาสามาเอง" เมื่อกินข้าวได้สักพักลุงเจิมก็เก็บกล่องทุกอย่างเข้าถุง และหันมองสภาพอากาศอย่างคนวิตกกังวล "พวกเรากินข้าวกันเสร็จแล้ว รีบกลับกันเถอะครับ" "ทำไมรีบละครับลุง" "พายุจะเข้านะสิครับ ถ้าไม่รีบกลับน้ำป่ามา จะผ่านทางน้ำตกไม่ได้นะ" ลุงเจิมพูดขึ้น "ครับ งั้นลุงกับคนงานกลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวผมกับนิสาจะอยู่ดูห้องพักกันก่อน แล้วจะรีบตามไป" "แล้วถ้าฝนตก ติดฝน..." ลุงเจิมพูดยังไม่ทันจบประโยคเขาก็เอ่ยขึ้นก่อน "ไม่ต้องห่วงครับลุง ถ้าฝนตกจริงๆ ผมอยู่ที่นี่ได้" "แล้วหนูนิสา..." "นิสาก็อยู่กับผมครับ ลุงไม่มีอะไรต้องห่วง" เขาตอบเสียงแข็ง "คะ...ครับ งันลุงไปเก็บของกลับลงไปก่อนนะครับ" เมื่อพูดจบลุงเจิมก็รีบเก็บของทันที เพื่อจะได้รีบลงไปไร่ก่อนฝนจะตก ก็อย่างที่ว่าคนในไร่ ยังพากันสงสัยอยู่ชนิสามาอยู่ในฐานะอะไร จะแฟนก็ไม่ใช่พนักงานในไร่ก็ไม่เชิง แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดกล้าถามอะไร ทีแรกก็ไม่มีใครสนใจจะยุ่งด้วย แต่เอาไปเอามาก็แพ้ความดี เพราะชนิสาทำงานทุกอย่างในไร่ได้หมด หนักเอาเบาสู้ช่วยแบ่งเบางานคนอื่นได้เยอะ จนสุดท้ายชนิสากลายเป็นขวัญใจของคนทั้งไร่ เพราะปกติของคุณขุนเขาจะเป็นคนดุและจริงจังกับงานมาก ไม่ค่อยจะมาเสวนาอะไรกับใคร เมื่อมีปัญหาทุกคนก็จะบอกผ่านนที นทีก็จะเป็นคนไปบอกคุณขุนเขาให้ แต่ตั้งแต่มีชนิสาเวลามีปัญหาอะไร ทุกคนในไร่ก็บอกกับเธอ และปัญหานั้นก็จะถูกแก้ไปในทันที แถมชนิสายังเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ พาคิดพาพัฒนาจนไร่เจริญขึ้นมามากๆ ภายในระยะเวลา 1 ปีครึ่งที่เธอมาอยู่ เมื่อเธอเดินเข้ามาก็สำรวจทุกซอกทุกมุม ทั้งดูวิวที่สวยมากๆ ที่นอนที่จัดไว้น่านอนสุดๆ และจากตรงนี้เมื่อเดินลงไปก็จะถึงน้ำตกเลย มีระเบียงออกไปเอาขาจุ่มน้ำได้ แบบนี้ใครจะไม่ชอบ เธอรู้สึกรักที่นี่มากอยู่ไม่น้อย เพราะบรรยากาศทุกอย่างดี สภาพแวดล้อมก็อุดมสมบูรณ์ ตั้งแต่มาเห็นที่ตรงนี้ เธอก็คิดไว้เลยว่าควรมีบ้านพักแบบกระท่อมตรงนี้สัก 4-5 หลัง จนมาเห็นเป็นรูปเป็นร่างแบบนี้ภูมิใจมากครื้มมม ครึมมมมเมื่อเธอกำลังปูผ้าปูที่นอนให้เรียบร้อย จะได้มาถ่ายรูปเพื่อนำไปโปรโมท ก็มีเสียงฟ้าร้องดังขึ้น ทำให้เธอต้องเดินออกมาดู ก็เห็นว่าฝนกำลังจะตกจริงด้วยด้วยที่เธอก็ไม่ได้เอาอะไรติดตัวมา แม้กระทั่งโทรศัพท์ เวลาตอนนี้กี่โมงแล้วก็ไม่รู้ น่าจะบ่าย 4 โมงละมั๊ง แล้วเธอก็รีบเดินออกไปหาลุงเจิม จะได้ชวนกลับก่อนฝนจะตก เพราะคิดว่าคนที่เสียเวลาพาเธอมาที่นี่คงจะกลับไปแล้ว"ลุงเจิมคะ ลุงเจิมมม กลับกันเถอะค่ะฝนจะตกแล้ว"ไม่มีการตอบรับอะไร ไม่เห็นลุงเจิมอยู่แถวนั้นด้วย แล้วลุงเขาไปที่ไหน นี่ฝนก็จะตกแล้วด้วยสิเธอก็เดินหารอบๆ ไม่เจอ ว่าจะเดินไปที่รถก็คิดว่า ถ้าฝนตกลงมาจะอันตรายเกินไป จะหาที่หลบฝนยาก เธอเลยเดินกลับมากระท่อมหลังแรกตามเดิม เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็ตกใจอยู่ไม่น้อย"คุณ" เป็นขุนเขาที่นั่งพิงเตียงนอนอยู่"ทำไม" เขาถามอย่างไม่รู้ไม่ชี้อะไร"ฉันหาลุงเจิมไม่เจอค่ะ""กลับไปแล้ว" เขาตอบหน้าตาเฉย"ลุงเจิมกลับไปตอนไหน" เธอถามอย่างไม่เชื่อ"ตั้งแต่มาถึง" เพราะเขาเป็นคนบอกให้กลับไปเอง"คืออะไรคะ" เธอถามอย่างไม่เข้าใจ"ก็ฝนกำลังจะตก" เขาพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปเปิดโครมไฟไร้สายที่ผนังทันที จนสว่า
ด้วยอารมณ์ที่อยู่เหนือสิ่งใดทั้งปวง เวลาแห่งความสุขของคนทั้งสองก็ล่วงเลยมาจนถึงตี 2 เมื่อสิ้นสุดน้ำที่เท่าไหร่ไม่ได้นับ ขุนเขาถึงปล่อยให้ชนิสานอน และกอดเธอไว้แน่นจนแนบอกผ่านมาถึงเช้าของอีกวัน ฝนก็ยังคงตกๆ หยุดๆ พร้อมกับน้ำป่าไหลเชี่ยว อากาศตอนนี้หนาวมาก เพราะไม่มีกระทั่งแสงแดด เธอตื่นขึ้นมาก่อน ด้วยอาการที่เมื่อยขบ จึงพยายามแกะมือเขาออกและเดินไปเข้าห้องน้ำ คนที่นอนอยู่สักพักก็คว้านหาตัวเธอ เมื่อรู้สึกตัวว่าเธอไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว ก็รีบดีดตัวลุกขึ้นทันที แต่เมื่อได้ยินเสียงน้ำ เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา กลัวว่าเธอจะหายไปไหนแกร๊กเมื่อเปิดประตูห้องน้ำออกมา เธอก็เห็นเขานั่งพิงผนังอยู่ ท่าเดิมเหมือนเมื่อวานที่เข้ามา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรด้วย และกำลังจะเดินออกจากห้องไป"ไปไหน" เขาพูดเสียงเรียบ"ออกไปทำอะไรมาให้กินค่ะ คุณหิวหรือยัง""ไม่หิวข้าว" เขาพูดพร้อมส่งสายตาที่แพรวพราวมาหาเธอ"..." ไม่หิวข้าวแล้วจะหิวอะไรล่ะ ถ้าหมายถึงหิวแบบนั้น เธอไม่ไหวจริงๆ เมื่อคืนเขากระทำกับเธอไปตั้งหลายรอบ เธอลุกไปเข้าห้องน้ำได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว"หนาวขนาดนี้จะออกไปทำไม มานอนต่อเถอะ ที่นี่ไม่ใช่ที่บ้าน ไม่ต้องทำ""แต่
ณ ไร่สุขสมบูรณ์เมื่อรถจอดสนิท คนงานก็แห่กันเข้ามาถามไถ่ เนื่องจากเวลาผ่านไปนานกว่า 3 วันแล้ว ที่เขากับเธอขึ้นไปบนเขากัน จะไปตามก็ไปไม่ได้ เพราะถนนตรงนั้นไม่สามารถผ่านได้"คุณขุนเขาหนูนิสาเป็นยังไงบ้างครับ พวกเราเป็นห่วงกันแทบแย่ จะออกไปตามก็ออกไปตามไม่ได้""ไม่เป็นไรครับลุงเจิม จะไปตามก็ไปไม่ได้หรอก อย่าคิดมาก" ขุนเขาจับมือปลอบโยนลุงเจิมเบาๆ"พี่นิสาแตงกวาเป็นห่วงแทบแย่ ดีนะลุงเจิมบอกว่า กระท่อมเสร็จแล้ว ไม่งั้นคิดว่าคงจะได้อยู่ในรถแน่ๆ เลย" แตงกวาพูดด้วยท่าทีเป็นห่วง"ไม่เป็นไรจ้ะ ไม่ต้องห่วงพี่แล้วแตงกวา" เธอพูดพร้อมกับวาดวงแขนไปกอดน้องสาวคนสนิท"ก็แตงกวาเป็นห่วงพี่นิสาหนิ กลัวจะเป็นอันตราย""กลับมาแล้วนี่ไง" เธอพูดด้วยท่าทียิ้มๆ และลูบหัวแตงกว่าเบาๆ"นี่พี่นทีนทีเป็นห่วงพี่นิสาแทบแย่ จะออกไปตามทุกวันเลย แต่ฝนก็ตกหนัก""..." และในตอนนั้นเธอก็เหลือบไปมองหน้าขุนเขาทันที และเขาก็แสดงความไม่พอใจออกมาชัดเจน"ทุกคนมีงานอะไรทำ ก็ไปทำเถอะครับ ขอบคุณมากที่เป็นห่วงครับ" เขาพูดจบก็แสดงอาการ หัวฟัดหัวเหวี่ยงกับบ้านตัวเองไปทันทีเมื่อเห็นแบบนั้น เธอก็ถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย จะกลับมาเป็นเหม
เมื่อขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว เตรียมจะนอนแล้ว เธอหิวน้ำมากไม่มีน้ำให้กินเลย และชั่งใจอยู่นานว่าจะลงไปดีไหม จนสุดท้ายก็ลงไปอยู่ดี"ใคร" เสียงขุนพลเอ่ยถามขึ้น"คนใช้ที่บ้านกูนี่แหละ" เขาตอบแบบไม่รู้สึกอะไรแต่เธอกลับชงัก และรู้สึกชาไปอีกแล้ว เธอก็ไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไรเหมือนกัน เขาตอบไปแบบนั้นก็ควรจะถูกแล้ว คิดได้ดังนั้นก็รีบเดินเข้าห้องครัวไปเอาน้ำ จะได้รีบขึ้นไปนอนสักที"นิสา" เขาเรียกเธอเสียงดัง"คะ?" เธอก็เดินออกมาตามที่เขาเรียก"นี่พี่ชายฉันไอ้ขุนพล นี่น้องนุ๊กนิ๊กพี่สะใภ้ฉัน""สวัสดีค่ะ" เธอยกมือไหว้ทั้งสองคน และทั้งสองคนก็รับไหว้ตอบ"นี่นิสา เอิ่ม! ปะ... เป็นแม่งานให้ เธอสะดวกไหมนิสา""คะ?" เธอถามอย่างไม่เข้าใจ"สวัสดีค่ะ นิ๊กคงอายุน้อยกว่า" หญิงสาวพูดกับเธอด้วยท่าทางที่เป็นมิตร"ค่ะ คุณนุ๊กนิ๊ก" เธอก็ตอบไปด้วยรอยยิ้ม"เรียกนุ๊กนิ๊กเฉยๆ ก็ได้ค่ะ ไม่ต้องเรียกคุณหรอก นิ๊กขอเรียกพี่นิสานะคะ""ค่ะน้องนุ๊กนิ๊ก""มานั่งนี่สิ" และขุนเขาก็ขยับให้ชนิสามานั่งข้างๆ ตัวเอง แต่นิสากลับไปนั่งอีกที่ ใกล้กับนุ๊กนิ๊ก จนขุนเขาแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด"..." จนขุนพลและนุ๊กนิ๊กมองหน้ากันอย่างเลิ่
เช้าวันต่อมาชนิสาลืมตาตื่นขึ้นมา ด้วยอาการเมื่อยขบ ก็พบว่าคนข้างๆ ยังกอดเธอไว้แน่นอยู่ ทำให้เธอนิ่งอยู่ ไม่กล้าขยับตัวไปไหน เมื่อเขาพลิกตัว เธอก็หลับตาพริ้มแกล้งหลับต่อไป"อื้มมมมมม ยัยขี้เซา" เขาพูดพร้อมกับกระชับกอดเธอแน่นขึ้นอีกRrrrr Rrrrr Rrrrr"ครับแม่" เขารับสายด้วยน้ำเสียงงัวเงีย(บุษบา : เพิ่งตื่น?)"ค้าบบบบ เพิ่งตื่น"(บุษบา : กลางเดือนแม่จะเข้าไปที่ไร่นะ ไปอยู่สัก 2 อาทิตย์)"ในรอบ 2 ปีหรอครับแม่" แม่เขาแทบไม่มาที่นี่เลย เหตุเพราะไม่อยากเจอกับอดีตสามี นั่นก็คือพ่อของเขา(บุษบา : ก็แม่ไม่อยากไปเท่าไหร่)"ไม่นานมานี้ตาแก่นั่น มาร้องไห้ฟูมฟายคิดถึงแม่"(บุษบา : พอเลยนะ ไม่ต้องพูดถึงไอ้แก่นั่น) แม่เขาพูดเสียงแข็ง"วัวเคยค้าม้าเคยขี่"(บุษบา : ฉันวางสายละ)"ล้อเล่นค้าบบบ แม่มาก็ดีผมคิดถึง"(บุษบา : อ้อนแม่?)"แล้วจะให้อ้อนใคร"(บุษบา : อ้อนเมีย)เธอที่นอนฟังอยู่ก็คลี่ยิ้มบางๆ ออกมา เพราะไม่เคยเห็นเขามุมนี้ เขาพูดน้อยมาก หรือแทบไม่พูดกับใครถ้าไม่จำเป็น แต่นี่พูดหยอกล้อกับแม่ด้วย รู้มาว่าพ่อกับแม่เขาเลิกกัน และเธอก็ไม่เคยเห็นหน้าแม่เขาเลย"ไม่มีเมียให้อ้อน"(บุษบา : โอเค เดี๋ยวแม่พ
และชนิสาก็หอบเอาความเสียใจของตัวเอง กลับห้องไป ร้องไห้อยู่เพียงลำพังคนเดียว ความรู้สึกของเธอทั้งเสียใจและรู้สึกอาย ต่อหน้าหลายๆ คน เขาก็ยังจะพูดจาทำร้ายความรู้สึกเธอได้เขาพูดออกมาแบบนั้นก็ไม่ต้องแปลความหมายให้ยาก จริงอย่างที่เขาต่อว่าเธอ คนแบบเธอจะไปอยู่สังคมเทียบเท่ากับเขาได้อย่างไร"ฮึกๆๆ อดทนนะ นิสา อดทน ฮึก"เธอนั่งกอดเข่าตัวเองไว้แน่น และร้องไห้ออกมา จนตัวโยน เมื่อร้องไห้จนพอแล้ว เธอก็ต่อสายหาแม่เธอทันที(นิดา : ว่าไงลูก) และแม่เธอก็รับโทรศัพท์เสียงหวานแหวว"วันนี้พ่อเป็นยังไงบ้างจ้ะแม่" เธอกั้นเสียงสะอื้นไว้และถามอาการพ่อตัวเองแทน(นิดา : ก็ดีขึ้นบ้างแล้วลูก ไปหาหมอมาหมอก็แนะนำดี)"ค่ารักษาละจ้ะแม่ พอไหม"(นิดา : เอิ่ม...พอๆ ลูก)"นิสาโอนเพิ่มให้แล้วนะแม่ แม่ให้น้ามนไปกดดูให้นะ"(นิดา : ไม่เห็นต้องโอนมาเพิ่มเลยลูก)"ไม่เป็นไรจ้ะแม่ นิสาพอมี" เธอแทบจะไม่มีใช้แต่ก็ต้องโกหกคำโต เพราะไม่อยากให้ผู้เป็นแม่คิดมาก(นิดา : โถ่ลูก แล้วนิสาเป็นยังไงบ้างไม่เห็นโทรมาหาแม่หลายวัน)"เอิ่ม...งานยุ่งมากเลยจ้ะแม่ " เธอจะบอกแม่เธอยังไง หายไปกับขุนเขา 3 วัน กลับมาก็แทบไม่มีเวลาส่วนตัวเลย หลังจากเล
"ไม่รู้แหละยังไงแม่ก็จะนอนที่นี่" บุษบายืนกรานจะอยู่กับลูกชายให้ได้"แต่..." ถ้าแม่เขามานอนด้วยอย่างนี้ ชนิสาก็จะมาหาเขาไม่ได้ นี่ก็สามวันแล้วนะที่เขาไม่ได้ปลดปล่อยกับเธอ อึดอัดเป็นบ้า"ไปบอกแม่บ้านมาทำความสะอาด แม่จะได้นอนคืนนี้เลย" แม่เขาพูดเหมือนไม่สนใจอะไร"แล้วน้องแบมละครับแม่ ทำไมแม่ไม่ไปนอนบ้านใหญ่สะดวกกว่า สะดวกน้องแบมด้วย" และข้ออ้างข้อเดียวที่เขานึกถึงในตอนนี้ ก็คือหญิงสาวคนสวยตรงหน้า"เอิ่ม...แม่" บุษบาพูดพร้อมกับหรี่ตามอง หญิงสาวข้างๆ เธอคิดถึงลูกชาย อยากอยู่กับลูกนานๆ แต่ลืมนึกไปถึงคนที่มาด้วยกัน"ไม่เป็นไรค่ะคุณป้า แบมนอนที่ไหนก็ได้" แบมไพลิน พูดออกมามันด้วยหน้าตาที่สดใสยิ้มแย้ม"งั้นก็ดีจ้าหนูแบม ป้าว่าไปนอนที่รีสอร์ทก็สะดวกดีนะ มีพนักงานบริการตลอดด้วย""ค่ะคุณป้า" แบมไพลินตอบด้วยรอยยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นก็แฝงความไม่พอใจอยู่ข้างในแบมไพลินมาที่นี่อุตส่าห์หวังว่าจะได้อยู่ใกล้ชิดกับเจ้าของไร่ สุดหล่ออย่างขุนเขา เพื่อที่จะได้พัฒนาความสัมพันธ์กัน แต่ไหนแม่ของเขาไม่เปิดโอกาสให้เธอ ยังให้เธอไปนอนที่รีสอร์ทอีก"เดี๋ยวผมจะโทรบอก ให้คนเตรียมห้องให้นะครับ""อ้าว แล้วคนเมื่อกี้นี้ไปไ
เมื่อเห็นพนักงานหลายคน กำลังวิ่งวุ่นอยู่กับการจัดงาน แต่ไม่เห็นแม่งานว่าไปอยู่ตรงไหน เขาอุตส่าห์ให้เธอมาทำ แต่เธอไปอยู่ที่ไหน เขาเดินลงมาหลายรอบแล้วก็ยังไม่เห็นเธอ ความหงุดหงิดจึงก่อตัวขึ้น"นิสาไปไหน" เขาเอ่ยถามพนักงานที่อยู่ตรงนั้น"ไม่เห็นนะคะ" ไม่มีใครเห็นเธอเลยสักคน"แล้วแตงกวาไปไหน" เขาก็เอ่ยถามน้องคนสนิทของเธอแทน"แตงกวาอยู่นี่ค่ะ""ดูแลคุณแบม เรียบร้อยแล้วใช่ไหม""ค่ะ แตงกวาไปเปิดห้องให้แล้วค่ะ""ห้องเรียบร้อยดีไหม""ห้องสะอาดมากค่ะ เป็นห้องที่เตรียมไว้ให้คุณขุนพลกับคุณนุ๊กนิ๊ก แต่ไม่ได้เข้ามาพัก""ดี ดูแลคุณแบมให้ดีด้วยนะ""ได้ค่ะ" แตงกวาตอบรับคำ ก่อนจะเดินออกไปทำงานของตัวเองเขาพยายามมองไปรอบๆ เดินไปเรื่อยๆ ก็ยังไม่เห็นชนิสา แม้แต่เงา เธอหายไปไหนก็ไม่มีใครรู้ ตอนนี้ในอกเขาเหมือนโดนเธอสุมไฟเข้าเรื่อยๆ"คุณขุนเขาคะ ลูกค้ารัสเซีย โซน C เขาโวยวายอะไรก็ไม่รู้ พวกเราฟังกันไม่รู้เรื่องเลย รบกวนคุณขุนเขาไปดูด้วยค่ะ""แล้วนิสาไปไหน มีใครเห็นไหม"และพนักงานทุกคนที่อยู่ตรงนั้น ก็ส่ายหน้าโดยพร้อมเพียงกันอารมณ์หงุดหงิดของเขายังไม่ลง แต่เมื่อลูกค้ามีปัญหาเขาก็ต้องเป็นคนไปคุยเอง และภาษารั
ชนิสา Talkเมื่อนั่งทำงานที่ออฟฟิตได้สักพัก ก็มีคนเดินเข้ามาทักทาย ซึ่งเธอก็แปลกใจอยู่ไม่น้อย"สวัสดีครับนิสา" เป็นเสียงอันหล่อเหลาไม่แพ้หน้าตา"อ้าว คุณปริ้นสวัสดีค่ะ" ชนิสาก็ทักทายกลับไปทันที แต่ก็ยังคงแสดงสีหน้าสงสัย"อ่อ พอดีผมว่างๆ เลยแวะมาเที่ยวครับ นี่ครับของฝากจากกรุงเทพฯ" และปริ้นก็ยื่นกล่องบางอย่างให้เธอ"ขอบคุณมากนะคะ สวยมากเลย" เป็นโบว์สีขาว คล้ายๆ กับแบบที่เธอชอบใส่"พอดีไปเดินเล่น แล้วเห็นว่าเหมาะกับนิสาเลยซื้อมาฝากครับ เห็นว่านิสาทำผมทรงนั้นพร้อมกับใส่โบว์แล้วสวยดี" ปริ้นพูดพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ให้"ขอบคุณอีกครั้งนะคะ" ชนิสาพูดพร้อมกับก้มหน้าให้เล็กน้อย"ไม่เป็นไรเลยครับ เต็มใจมากๆ""เชิญนั่งก่อนค่ะ ตามสบายนะคะ" และหญิงสาวก็ลุกขึ้นไปเอาน้ำ มาให้ชายหนุ่มตรงหน้า เพราะเธอว่างจากงานบ้างแล้ว"ขอบคุณครับ งานยุ่งมากเลยหรอครับ" เมื่อเห็นว่าหญิงสาว ยังใจจดใจจ่อตั้งใจทำงานเขาเลยถามขึ้น"ตอนเช้าก็จะยุ่งแบบนี้ทุกวันค่ะ ต้นเดือนด้วย" เธอชงักไปกับคำว่าต้นเดือน เพราะสิ้นเดือนหน้าเธอก็หมดสัญญาแล้ว..."นิสานี่ตั้งใจทำงานจังเลยนะครับ""..." หญิงสาวยังคงคิดอะไรอยู่"ไอ้ขุนนี่โชคดีจริงๆ เล
เมื่อตื่นเช้าขึ้นมาชนิสาก็อาบน้ำแต่งตัว ไปทำงานปกติ แต่ก็เจอกับแบมไพลินที่ยืน คุยอยู่กับนทีแบบไม่สบอารมณ์ ทั้งนทีที่แสดงสีหน้าเบื่อหน่ายออกมาอย่างชัดเจน"มีอะไรกันหรือเปล่าคะคุณแบมพี่นที" ชนิสารีบเข้าไปถามทันที เมื่อรู้สึกว่าบรรยากาศเริ่มมาคุ"ฉันจะไปหาพี่ขุนเขา แต่นายนทีมาว่าฉัน""ผมไม่ได้ว่าครับ ผมแค่ให้คุณแบมเข้าไปดูงานในออฟฟิตก่อน มันเป็นงานที่ต้องทำก่อน ไม่ใช่ว่าไปหาคุณขุนเขาตอนนี้ มันไม่ใช่เรื่อง" นทีตอบกลับแบบไม่ค่อยพอใจ"นี่ไง! นายกำลังว่าฉัน""ผม!""คนงานอย่างนายมาเกี่ยวอะไรด้วย อนาคตฉันจะเป็นนายหญิงของที่นี่ ฉันจะทำอะไรก็ได้" แบมไพลินแพร่ดเสียงดัง"ผมเปล่าว่า ผม..." นทีกำลังอธิบาย"เอ่อ คืออย่างนี้ค่ะคุณแบม ตอนเช้ามาเราต้องเข้าออฟฟิตเข้าระบบทุกอย่างก่อน เพื่อดูพนักงานว่าคนไหนขาดลา มาสาย ต้องอยู่ตรงนั้นแตั้งแต่ 8 โมงถึง 9 โมงค่ะ มันเป็นสิ่งที่ต้องทำ" ชนิสาอธิบายอย่างใจเย็น"เธอก็ไปทำสิ ปกติก็หน้าที่ของเธอไม่ใช่หรือไง""ก็ใช่ค่ะ แต่คุณผู้หญิงบอกมาเองเลยว่าให้สอนงานคุณแบมเหมือนที่ฉันทำทุกอย่าง คุณแบมจะได้รู้ทุกหน้าที่""ฉันจะเป็นนายหญิงนะ ฉันจะทำหรือไม่ทำก็ได้ คนงานเยอะแยะ พนัก
เมื่อพ่นน้ำไปไม่รู้ตัว ขุนเขาก็รีบดึงทิชชู่มาเช็ดให้ในทันที"โทษๆ วะมึง""มึงเป็นเหี้ยไร ห่าโดนกูเลยเนี่ย" ปริ้นพูดพร้อมกับเช็ดไปด้วย"เอ้อๆ กูเช็ดให้นี่ไง""ไม่ต้องเลย กูเช็ดของกูเอง เสื้อแพงนะเว้ย" ปริ้นยังบ่นไม่หยุด"แล้วมึงบอกว่าอยู่หลายวันนี่ยังไง" ขุนเขาถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ"ก็กูเบื่อๆ อะ ไอ้ห่าพวกนั้นก็ไม่ว่างกัน ไอ้คชาก็ติดลูกติดเมีย กูเลยมาหามึง""แล้วมึงก็มาตั้งไกลเนี่ยนะ" ถามด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด"ไกลเหี้ยไร แค่นี้กูขับรถ 3 ชั่วโมงเองสบาย" ปริ้นพูดอย่างสบายใจ"ห่าไรละ แต่ก่อนกูให้มาหาบอกไกลบอกไม่สะดวกมา"เมื่อก่อนขนาดมีงานอะไรที่ไร่เขา ไอ้พวกนี้ยังปฎิเสธจ้าละหวั่นกัน ถ้าไม่ใช่งานแต่งหรืองานศพ ไอ้พวกห่านี่อย่าหวังว่าจะได้เห็นหน้าพวกมัน"ก็วันนี้ไม่เหมือนกัน กูมาเพราะมีเป้าหมาย""อะไรของมึง" ขุนเขาหรี่ตาถาม"กูมาจีบนิสา" ปริ้นพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง"..." ขุนเขาถึงกับพูดอะไรไม่ออก"กูบอกที่บ้านกูแล้ว ป๊าม้าโอเค อาม่ารอรับหลานสะใภ้ ทั้งเฮียและเจ่เจ้ถามใหญ่เลยว่าจะพาไปสวัสดีวันไหน" ปริ้นพูดพร้อมกับยิ้มออกมา"ที่บ้านมึงไม่ว่าหรอถ้าคนนั้นคือผู้หญิงธรรมดา" ก็ถามไปแบบนั้นแหละ
ภายในรถ"หื้มมมม คุณขุนเขาค่ะในที่สุด องุ่นที่ไร่ก็ได้โกอินเตอร์ ไปอีกประเทศแล้ว แบบนี้ก็ต้องทำงานให้หนักขึ้นนะสิ" เสียงแตงกวาพูดขึ้นด้วยความดีใจ"..." ชนิสาที่นั่งอยู่ข้างหลัง ยังคงนิ่งเงียบและไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจเธอก็ยิ้มออกมาเหมือนกัน ทุกความเหนื่อยของเธอ เริ่มเห็นผลขึ้นมาบ้างแล้ว"ผลผลิตดี อย่างอื่นก็จะดีไปด้วยนะแตงกวา" ขุนเขาพูดกับคนข้างๆ แต่สายตาก็เหลือบมองกระจกมองหลัง เกือบจะตลอดเวลา"เช่นโบนัส ใช่ไหมคะ""ก็ต้องถามนิสาแล้วละ" เพราะปีที่แล้ว ช่วงที่จะให้โบนัสพนักงาน ชนิสาจะเป็นคนคิดให้ทั้งหมด จะดูภาพรวมของทุกอย่างในไร่ และก็เสนออกมาเป็นโบนัส ให้พนักงานอย่างเหมาะสมที่สุด"พี่นิสาว่าไง โบนัสจะดีไหมปีนี้" แตงกวาหันมาถามอย่างตื่นเต้น"พี่ไม่รู้ อันนี้ต้องถามคุณแบมนะ" ชนิสาตอบพร้อมยิ้มบางๆ ให้แตงกวาเธอไม่รู้จริงๆ เพราะเธอคงอยู่ไม่ถึง อีกไม่เกิน 3 เดือน เธอก็ต้องออกไปจากที่ไร่แล้ว เธอคงไม่มีสิทธิ์จะไปรับรู้อะไร เรื่องของเขาปล่อยให้ว่าที่นายหญิงของไร่เป็นคนจัดการ"ใช่สิเนอะ แตงกวาลืมไปค่ะ"ทุกคำพูดของเธอ ทำให้คนที่ขับรถอยู่ ถึงกับหย่นคิ้วเข้าหากัน จนจะเป็นโบว์อยู่แล้ว"ถึงแล้วค่ะคุณข
"สวัสดีค่ะ ชื่อแบมนะคะ แบมจะมาทำงานที่นี่ ดูแลงานทุกอย่างของไร่ ช่วยพี่ขุนเขา แบมยังไม่เคยทำงานมาก่อนเลยค่ะ รบกวนขอฝากเนื้อฝากตัวกับทุกคนด้วยนะคะ" หญิงสาวพูดด้วยท่าทีที่เป็นกันเอง และน่ารักสดใส ทำให้คนงานหลายๆ คนชอบเธอขุนเขาที่นั่งฟังอยู่ ตาก็เหลือบไปมองชนิสา ตลอดเวลา ชนิสานิ่งมากเหมือนไม่รู้สึกอะไร กับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอไม่ทักท้วงอะไรสักอย่างเลย จนทำให้ขุนเขาเริ่มรู้สึกหงุดหงิดกับทุกสรรพสิ่ง"ค่ะคุณแบม พวกเรายินดีต้อนรับคุณแบมนะคะ" บัวและก็ทีมงานพูดขึ้นเมื่อทุกคนได้รับเงินเดือนหมดแล้ว ก็พากันกลับไปพักผ่อน แม้กระทั่งขุนเขาที่ยิ้มให้แบมไพลินและออกจากห้องไปทันที ไม่พูดอะไรกับเธอต่อแม้แต่คำเดียว"พี่ขุนเขาคือว่าแบม..."ปึง!! เสียงปิดประตูก็ดังขึ้น"อ๊ายยย นี่ไม่คิดจะสนใจกันเลยใช่ไหม" แบมกำมือทั้งห้านิ้วไว้แน่น เพื่อข่มอารมณ์โกรธเอาไว้เมื่อความหงุดหงิดบังเกิดขึ้น ก็เดินออกจากห้องไปทันที และก็พอดีเจอนทีกับแตงกวา กำลังยืนคุยกันอยู่"นี่นาย" เสียงเรียกแพร่ดออกมา ทำให้คนทั้งสองรีบหันไปมอง"ครับ คุณแบม" นทีตอบแบบไม่คิดอะไร"นายทำตำแหน่งอะไรที่นี่นะ ฉันจำไม่ได้" พูดพร้อมกับสายตาที่เหยียดเล็ก
เมื่อขุนเขาได้ยินแบบนั้นก็รีบหันหน้าไปมองชนิสา ที่ร้องไห้อยู่ตัวเขาเอง เป็นคนใจร้ายขนาดนี้ได้ยังไง"ไหนพ่อบอกว่านิสามาเสนอตัวให้พ่อเอง วันนั้นที่ผมไปหาพ่อ" ขุนเขาพูดเสียงดังขึ้น"พ่อไม่รู้จะว่ายังไง กลัวเอ็งจะหาว่าพ่อมักมากอีก พ่อเลยโกหกไปแบบนั้น" เสี่ยไพบูลย์พูดพร้อมกล้มหน้า ไม่กล้าสู้หน้าลูกชาย"พ่อ!!!" และความรู้สึกผิดของเขาก็ประเดประดังเข้ามาเต็มอก ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาทำร้ายจิตใจชนิสาสารพัด เพราะคิดว่าเธอคือผู้หญิงที่น่ารังเกียจ เอาตัวเข้าแลกกับที่ดินขี้ปะติ๋ว แต่เขาไม่รู้เลยว่ามันสำคัญกับครอบครัวของเธอขนาดนี้"เอ่อ ฉันขอโทษ ฉันผิดเอง เป็นความผิดของฉัน""..." บุษบายังมองหน้าสามีเก่าด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิด"หนูนิสา ฉันขอโทษหนูนะ ที่เป็นต้นเหตุทั้งหมด ฉันจะคืนที่ให้หนู" เสี่ยไพบูลย์พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง"..." ชนิสาเอาแต่ร้องไห้ ไม่ได้พูดอะไร"นิสา เธอไม่ต้องคิดอะไรมากแล้วนะ เอาโฉนดที่ดินเธอคืนไปเถอะ ส่วนสัญญาว่าจะทำงานที่นี่...""แม่ครับ ผมยังยืนยันให้นิสา อยู่จนครบสัญญา" ขุนเขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ"อยู่หรอ อยู่ให้แกทำร้ายซ้ำไปซ้ำมา อีกอย่างนั้นหรอ""ผมไม่ทำครับแม่" ข
เพราะเมื่อคืนเข้านอนเร็ว ไม่อยากคิดอะไรมาก เลยทำให้เธอตื่นเช้าได้อย่างสดชื่น รีบอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานอย่างปกติ เนื่องด้วยแขกกลับไปหมดแล้ว วันนี้เลยสงบกับวิ่งวุ่นเก็บของ"นิสา" บุษบาเรียกชนิสาด้วยน้ำเสียงที่สดใส"สวัสดีค่ะ คุณผู้หญิง" ชนิสาพูดพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม"เป็นยังไงบ้างหลับสบายไหม""ค่ะ เมื่อคืนนอนเร็ววันนี้เลยตื่นมาสดชื่น""แสดงว่า แต่ก่อนนอนดึกกับไม่สดชื่นหรอ" สายตาของบุษบา แสดงความห่วงใยออกมาอย่างชัดเจน"เอ่อคือ..." ก็แทบจะไม่ได้นอนทั้งคืน ถูกจับกินจนแทบจะเหลือแต่กระดูก"ช่างเถอะนะนิสา ถ้ามันไม่ดีก็ไม่ต้องไปคิดอะไรแล้ว ฉันบอกลูกชายฉันแล้ว ฉันจะจัดการเขาเอง เธอไม่ต้องห่วง""..." แล้วคุณบุษบาหมายถึงอะไร"ฉันจะกลับกรุงเทพฯ ตอนเย็นนะ อยากจะฝากให้เธอดูแลน้องแบมด้วย สักอาทิตย์หน้าจะมาลองทำงานที่นี่""อ่อค่ะ...ได้ค่ะ" ชนิสาตอบรับด้วยใบหน้าที่วูบไหว สุดท้ายแล้ว ว่าที่นายหญิงของที่นี่ก็มาแล้วสินะ"แล้ววันนี้ตอนบ่ายโมง เธอไปเจอฉันที่บ้านขุนเขานะ ฉันมีอะไรจะคุยกับเธอสองคน ต้องคุยพร้อมกัน""เอ่อคือ" ชนิสามีท่าทีที่ลังเล"ไปเถอะ ฉันอยู่เธอไม่ต้องกังวลอะไร""ค่ะ คุณผู้หญิง" แล
ตกเย็นมา ในกลุ่มของเขาก็นั่งล้อมวงปาร์ตี้กัน รวมถึงอ้ายและคชาและเพื่อนๆ คนอื่นๆ นอกเหนือจากกลุ่มของพวกเขา ที่กำลังจะเตรียมตัวกลับกรุงเทพฯ"ขอบใจพวกมึงมากนะที่มา โดยเฉพาะคุณหญิงอ้าย ที่อุตส่ามาได้ น้องคเชนครับน้านิ๊กขอบคุณมากนะครับ " นุ๊กนิ๊กกอดเพื่อนสนิทแน่น พร้อมกับจับเท้าลูกชายของเธอเบาๆ"ต้องมาอยู่แล้ว รอดูหลานอยู่นะคะ คเชนอยากมีน้องไหมลูก""ไม่แน่ ถ้าเป็นผู้หญิงให้หมั้นกันไว้ดีมะ" นุ๊กนิ๊กพูดในเชิงหยอกล้อ"ก็ดีนะ จะได้อยู่ในสายตา ไม่ออกนอกลู่นอกทาง""จำได้ไหมที่ฉันเคยบอกเรื่องเพื่อนที่ขุนพล"(ในเรื่อง *รักเกินห้ามใจนายแบดบอย)"จำได้สิ ก็นี่ไงหลักฐาน อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น" เธอพูดพร้อมกับเขย่าลูกน้อยที่อุ้มอยู่เบาๆ จนเกิดเสียงหัวเราะในกลุ่มเพื่อนขึ้น"รถพร้อมแล้วครับอ้าย กลับกันเถอะ""ค่ะ กลับก่อนนะคะทุกคน แล้วเจอกันใหม่ค่ะ" อ้ายโบกมือทักทายทุกคน พร้อมด้วยทุกคนที่กู่กันเข้ามา หยอกล้อหอมน้องคเชน หลานคนแรกของกลุ่ม"ไปก่อนนะพวกมึง แล้วเจอกัน แล้วนั่นไอ้ขุน มึงจะเหม่ออีกนานไหม" คชาพูดจาเย้าแหย่คนที่เอาแต่เหม่อ ไม่สนใจจะมาส่งแขก"อย่าไปยุ่งกะมันเลย เดี๋ยวพวกกูซักฟอกมันเอง มึงรอฟังข่าวเถอ
รถตู้หรูคันสีขาววาววับของบุษบา ก็ค่อยๆ เปิดออกมา พร้อมกับบุษบาและชนิสา ที่เดินลงมา ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้น พากันยิ้มออกมาอย่างดีใจ ต่างจากขุนเขาที่ตาแดง และพยายามจะเดินเข้าไปหานิสา"แกหยุดอยู่ตรงนั้น" บุษบาพูดขึ้นด้วยความรู้สึกที่ไม่ดีต่อลูกชาย"หนูนิสาของป้า เป็นยังไงบ้าง นี่ตามหาหนูกันทั้งคืนเลยลูก" ป้าแววพูดพร้อมกับสวมกอดเธออย่างอบอุ่น รวมถึงแตงกวา และพนักงานผู้หญิงอีกหลายๆ คนด้วย"นิสาไม่เป็นอะไรค่ะ..." เธอพูดพร้อมกับยิ้มทั้งน้ำตา ตาเธอบวมและแดงมากๆ"ทุกคนเป็นห่วงนิสามากนะ ออกตามหากันทั้งคืนเลย พี่ดีใจนะที่นิสาไม่เป็นอะไร""ขอบคุณทุกคนมากๆ เลยนะคะ" เธอยิ้มออกมาพร้อมน้ำตา อบอุ่นหัวใจมาก คนหลายสิบชีวิตเป็นห่วงเธอขนาดนี้"นิสาฉัน..." ขุนเขาพูดเสียงแผ่วเบาแต่ไม่มีใครสนใจ"ไปพักผ่อนนะนิสา ไม่ต้องคิดอะไรมากแล้ว ไปส่งนิสาด้วยนะพี่แวว""ค่ะคุณผู้หญิง" ป้าแววตอบรับพร้อมโอบกอดชนิสาไว้"ขอบคุณคุณผู้หญิงนะคะ""ไม่เป็นไรแล้ว" บุษบายิ้มบางๆ ให้"..." ชนิสาก้มหน้าและก็เดินไปทันทีเมื่อทุกอย่างจบลงแล้วพนักงานหลายคนก็พากันไปทำงานต่อ เพื่อนของขุนเขาก็มองเขาตาเขม่ง เพราะยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น